เรื่องเด่น สนทนาที่สายลม ช้างปาลิไลยกะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 กรกฎาคม 2018.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    88_n.jpg




    สนทนาที่สายลม ช้างปาลิไลยกะ


    ตอนสายเขาถวายสังฆทาน "เข้าสมาบัติ" ไปหน่อยหนึ่ง ก็มานึกถึงพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า "อโนมทัสสี" ท่านก็บอกว่า "ช้างปาลิไลยกะ" นี่ท่านเป็นองค์ทรมานเป็นองค์แรก ตอนนั้นช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ชื่อนี้นะ เป็นนายฝูงดุร้ายมาก กำลังตกมัน ลูกน้องทำผิดระเบียบ แทงเขาบ้าง ตีเขาบ้างถึงกับบอบช้ำ ท่านคิดว่าสัตว์ตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องไปทรมาน

    ทีนี้ลีลาการทรมานของท่าน ท่านบอกว่า ตามปกติท่านต้องใช้สมาบัติเป็นพื้นฐาน เพื่อเป็นการเร่งรัด ก่อนจะรับทานเข้าสมาบัติก่อน เรื่องนี้ขอยืนยันว่า ไม่มีทั้งในตำนานและพระสูตร เพราะพบเมื่อกี้นี้เองนะ เป็นอันว่าท่านบอกว่าช้างปาลิไลยกะดุร้ายมาก คือว่าช้างตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระโพธิสัตว์ คือตั้งใจไปทรมาน ท่านก็ไปกับสาวกจำนวนมาก ก่อนจะเข้าไปถึงเข้าสมาบัติก่อน เป็นลีลาของท่าน เข้าไปถึงก็ไปแนะนำว่า

    "พระยาช้างสารทำไมดุร้ายแบบนี้ ในเมื่อเราเป็นนายฝูง ควรจะมีทั้ง ๒ อย่าง คือ ๑. ขนม ๒. ไม้เรียว คือมีทั้งอำนาจและเมตตา ไม่ใช่ใช้ไม้เรียวอย่างเดียว"
    ช้างกำลังตกมันก็ยืนหูผึ่ง ทำท่านึกใครหว่า ท่านก็เลยบอกว่า "ตถาคต ชื่ออโนมทัสสี คือพระพุทธเจ้า ก็มีสาวก มีลูกศิษย์อย่างเธอเหมือนกัน ตถาคตเองก็ลงโทษลูกศิษย์เหมือนกัน ถ้าทำความผิด แต่ไม่ลงโทษขนาดนี้ นี่แทงช้างล้มไป ๒ ตัว ลงโทษเพียงให้รู้ว่า ทำอย่างนี้เป็นความผิด"
    ช้างปาลิไลยกะก็ถามว่า "จะลงโทษอย่างไร?"
    "ถ้าตัวไหนผิดระเบียบก็ให้กักบริเวณกินหญ้าเฉพาะเขตหนึ่งพออิ่มแต่เลือกไม่ได้" ในที่สุดท่านก็บอกว่า "ต่อไปเธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้า มีนามว่า "ปาลิไลยกะ"

    ช้างก็ลดพยศ หูผึ่งหายไป หูตก ก็เดินตามพระพุทธเจ้าไป พระพุทธเจ้าทรงสอน แนะนำทุกอย่าง ท่านก็เลยบอกว่า "กลับไปเดินดูช้าง ๒ ตัวที่นอน ไปลูบไล้เสีย ให้เธอมีกำลังใจ ดูตถาคตมีสาวกมากกว่าเธอยังไม่ลงโทษเท่าเธอ เพราะเธอดุร้ายมากเกินไป ไม่ควรที่จะเป็นพระโพธิสัตว์" แต่นี่จะเป็นอยู่แล้ว
    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ช้างปาลิไลยกะก็เลยเลิกพยศ ช้างตัวนี้ตายเมื่อวานซืนนี้ไม่ก้อยเหมือนกันดูภาพ คือตอนเข้าสมาบัติขึ้นไปที่นิพพาน ไปถึงก็นึกถึง "พระอโนมทัสสี" พอนึกถึงท่านก็บอก ฉันนั่งอยู่นี่แล้วฉันรู้ว่าเธอจะมา ท่านก็เลยนั่งข้างสมเด็จองค์ปฐมนะ ท่านก็เลยเล่าประวัติให้ฟัง

    ท่านบอก "เธอก็เหมือนกัน สมัยนั้นฉันก็ทรมาน"
    ถาม "ผมเป็นอะไรครับ?"
    "เป็นพรหม เป็นพรหม ไม่ได้ปรามาส แค่สงสัยว่าองค์นี้จะเป็นพระพุทธเจ้าจริงหรือเปล่า" เคยโดนแล้ว ขึ้นไปเลย ท่านถามว่า
    "สัมพเกษี เธอสงสัยหรือ"
    บอกท่านว่า "สงสัยพระพุทธเจ้าข้า"
    ท่านถามว่า "พระพุทธเจ้าลักษณะเป็นอย่างไร เธอทราบไหม?"
    บอก "ไม่ทราบ"
    "เอายังงี้ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าไม่ใช่มีสีเดียว เอาสักกี่สีล่ะ เธอเป็นพรหมมีกี่สี?"
    บอก "มีสีเดียว แสงสว่างใช่ไหม"
    ท่านบอก "ของฉันมี ๖ สีนะ ออกทีละสีก็ได้ ออกทั้งหมด ๖ สีก็ได้" แล้วท่านก็ทำให้ดู

    ช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ก้อยนะ โอ้โฮ ตัวสำคัญเลย มองดูภาพ ผึ่งผายดุร้ายมาก คือมีระเบียบ ใครไม่ปฏิบัติตามระเบียบก็เอาจริงเอาจัง
    พระพุทธเจ้าตั้งหลายแสนองค์ ชื่อต้องซ้ำกัน แต่มีเรื่องแปลกอยู่ว่า เมื่อเข้าเขตนิพพาน เราจะไม่รู้องค์ไหนเป็นองค์ไหน ต้องเข้าไปถาม เหมือนกันหมด ทีนี้เวลาที่เป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน ท่านสวยเหมือนกันหมด พระอโนมทัสสีนี่ท่านทีหลังพระพุทธทีปังกรนะ ท่านบอกก็เป็นพ่อองค์หนึ่งเหมือนกัน เคยเกิดเป็นลูกท่าน ยังนึกถึงช้างปาลิไลยกะ เขาปรารถนาทีหลัง แต่ไปก่อนเรา ของเราอีกเยอะถ้าจะไปตามนั้นบ้างนะ ต่อจากพระศรีอาริย์ไป ๒๒ องค์ เราขยันเกินไป จะเอาให้ดี

    อย่างพระศรีอาริย์ก็เหมือนกัน ตั้ง ๘ อสงไขย ก็เอาให้ดีที่สุด ในเมื่อเป็นสมัยของเราแล้วคนจนต้องไม่มี นี่เห็นไหม คนไม่สวยต้องไม่มี ก็ต้องโกนนานแบบนี้

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี
    จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ฉบับที่ ๑๓๓ เดือนมีนาคม ๒๕๓๕ (สนทนาที่สายลม เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๕) หน้าที่ ๑๑ ถึง ๑๒
    คัดลอกโดย Thamma Sukkho


    ***************************************************


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...