สมัครลั่น!! บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พร้อมทิ้งท้ายอย่างแสบๆคันๆ

ถึงผมไม่ชอบคุณเพราะปากของคุณสมัครไม่สร้างสรรค์ ผมขอกราบขอบคุณที่คุณทำเพื่อศาสนาพุทธของชาวไทย

 

อันนี้ผมว่าคุณคิดวิตกกันไปเองนะครับ อยู่ได้ซิครับทำไมจะอยู่ไม่ได้ ถึงแม้จะมีการบรรจุพุทธศานาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว เราก็ไม่ได้ไปห้ามไปกดขี่อะไรกับคนที่นับถือศาสนาอื่นนี่ครับ ก็ยังคงให้สิทธิเสรีภาพแก่คนทุกๆ ศาสนาในการที่จะนับถือเผยแพร่ศาสนาของตนได้ตามปกติเหมือนเดิม อันนี้ผมว่ามันเป็นลักษณะพิเศษของประเทศไทยภายใต้พระพุทธศานานะ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของไทยใต้ร่มเงาพุทธศาสนานั้นเห็นได้ชัดว่าเราไม่เคยไปกดขี่ห้ามหวงศรัทธาความเชื่อของใครอยู่แล้ว ตรงนี้ผมว่าสบายใจได้เลยครับ

ผิดกันเมื่อคุณลองมองหาดูซักประเทศหนึ่งในโลกนี้ ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นนับถือศาสนา... ลองหาดูซิว่ามีอยู่กี่ประเทศที่เขาให้สิทธิเสรีภาพแก่ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆ ในการที่จะนับถือเผยแพร่ศาสนาได้เท่าเทียมกันกับศาสนาของเขาหรือเหมือนอย่างกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยให้ความเท่าเทียมแก่คนทุกศาสนานั้นมีอยู่หรือไม่ ถ้ามีลองยกตัวอย่างมาซักประเทศได้หรือไม่ครับ แต่เท่าที่ผมรู้มาตามความรู้อันน้อยนิดนั้นมันไม่มีอยู่เลย ขนาดแม้แต่แสตมป์ที่มีรูปวัดพระแก้วอยู่บางประเทศถึงกับไม่ยอมให้นำเข้าประเทศเขาเลยนะครับ
สบายใจได้ครับประเทศไทยไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้แน่ๆ แม้จะมีการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็ตาม

 

คราวหน้า อย่าเอาการเมืองมายุ่งกับพุทธศาสนา
มันมีแต่แตกแยก

 

ถ้าทำเรื่องนี้ได้จริงก็คงจะดีนะครับ ขออนุโมทนาบุญด้วย ไม่ว่าใครจะได้เข้ามาบริหารประเทศก็ตาม ขอให้ทำความดีให้กับประชาชนและประเทศชาติ ก็ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้นครับ

 

(good)

 

.

 

ยอดเยี่ยมครับเห็นด้วยกะลุงหมักเท่านี้เราก้อจะได้ศสนาพุทธมาบรรจุใหม่เป็นศาสนาประจำชาติสักที ไม่เสียแรงแก่พระสงฆ์ที่ไปประท้วง คมช. คราวก่อน(ไม่สำเร็จเพราะบังไม่นับถือพุทธ)

 

ถ้าบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจทวีความรุนแรงขึ้น


แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก

 

ถ้าเปลี่ยนไปนับถืออิสลามให้หมดแล้วเหตุการณ์ใน3จังหวัดชายแดนจะสงบเอามั้ยละจ๊ะ

 

เห็นด้วยกับคุณอักขรสัญจรอย่างยิ่งครับ...และมีข้อสังเกตเพิ่มเติมคือ...
1.) ประชาชนชาวไทยพุทธที่ไม่เห็นด้วยกับการบรรจุ ได้แก่
- ประชาชนชาวไทยพุทธซึ่งไม่ทราบข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงของศาสนาพุทธ และการดำเนินยุทธวิธีต่างๆของศาสนาอื่น ที่มุ่งกระทำอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งเป้าไปสู่การกลืนกลายแบบล้อมกรอบ (..ขออภัยไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดข้อมูลเชิงลึกตรงนี้ได้ครับ..) เพื่อเป็นการนำเข้าสู่บทเรียน ขอท่านได้โปรดศึกษาประวัติศาสตร์ศาสนาของประเทศไต้หวันโดยละเอียดสักครั้ง (ทั้งอดีต และ ปัจจุบัน)
- ประชาชนชาวไทยพุทธซึ่งมีอายุและประสบการณ์น้อย + ได้รับทราบข้อมูลเพียงผิวเผินหรือเพียงบางส่วน..ไม่ทั้งหมด..ไม่ต่อเนื่อง...
2.) ประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่น.
3.) ชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาอื่น.

...ประเทศไทยประกาศกับชาวโลกว่า "เป็นประเทศประชาธิปไตย" (..ของประชาชน..โดยประชาชน..เพื่อประชาชน..) ดังนั้นก็ควรปฏิบัติตามหลักการด้วย..."เคารพเสียงส่วนใหญ่"....

 

....." ความเชื่อของท่าน..ศรัทธาของท่าน...ก็เป็นของท่าน
...ความเชื่อของเรา...ศรัทธาของเรา...ก็เป็นของเรา "...

ไม่ต้องเป็นห่วงคนไทยหรอกครับ...เรามีวิจารณญาณมากพอ...ขอบใจ...ขอให้พระเจ้าจงคุ้มครอง....

 

สงบสุข สาธุ

ปลงแล้วนะ

แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก

 

ถูกต้องครับ ว่า ศาสนาพุทธ เสื่อมอยู่แล้วไม่มีใครเถียงหรอกครับ และเมื่อถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องล่มสลายไปตามกาลเวลา เป็นไปตามกฏพระไตรลักษณ์

...แต่ คุณจะปล่อยให้มันเสื่อมไปด้วยความรวดเร็วโดยไม่คิดแก้ไขอะไรหรือ ?......

สิ่งที่คุณบอกมาต่าง ๆ เนี่ย อย่าง
ปัญหาเด็กใจแตก , ท้องก่อนวัยอันสมควร, คนไทยขี้เมาติดอันดับ Top 5 ของโลก ฯลฯ
มันมาจากอะไรหละครับ ?

คนพุทธอ่อนแอในเรื่องความรู้ทางศาสนาพุทธใช่หรือไม่ ?

ถ้าใช่ แล้วมันมาจากเหตุปัจจัยอะไรหละ ?

เขาได้รับการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเด็กไหม ? ถ้าได้เรียน ได้เรียนถึงอายุเท่าไร ?

(กระทรวงศึกษาธิการ สมัย คริส บุญสม มาร์ติน ยกเลิกการเรียน วิชาพระพุทธศาสนา ไปสอนจริยธรรมแทน แล้วเป็นไง เขาเรียนกันมาได้เป็นสิบ ๆ ปี อยู่ ดี ๆ ไม่มีเหตุการณ์อะไร แ้ล้วมายกเลิกทำแมวอะไรมิทราบ ? )

เมื่อเขาไม่ได้รับความรู้ เขาก็ไม่คิดว่า จะต้องเรียนรู้ เพราะพระพุทธศาสนา ก็ไม่ได้บังคับว่า คุณต้องทำนะ คุณไม่ทำไม่ได้ จริงไหม ?

มันก็เหมือนกับ กรณี ลูกที่ไม่ได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดา ก็ส่งผลเสียต่อสังคม
แล้ว พุทธศาสนิกชน ที่ไม่มีความรู้ทางพระพุทธศาสนา มันก็เหมือนกันครับ

แล้วอย่างนี้ จะโทษใครดีเอ่ย ?

------------------------------------------------------

อย่างที่เคยบอกไป ผมว่าต้องออกกฏหมายใหม่เลยครับ จะได้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม

ห้ามบิดามารดา ยัดเยียดความเป็นพุทธศาสนิกชน ให้กับเด็กแรกเกิด ครับ

เพราะปัจจุบันนี้ บิดามารดา มักยัดเยียดความเป็นพุทธให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด เกิดมา ก็ไม่สอนหลักทางพระพุทธศาสนาเลยสักนิด

แล้วพอโตมา ก็เลย กลายเป็นคนที่ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง

พอมัวหมอง คนทั่ว ๆ ไป แทนที่จะต่อว่า คนที่ทำเลว กับ มาต่อว่า พระพุทธศาสนามั่ง มาต่อว่าพระมั่ง

แล้วมันจะถูกไหมครับ หน้าที่ของพระสมัยนี้ ไม่เหมือนพระสมัยก่อนแล้ว ก็เขาเอาบทบาทต่าง ๆ ไปจากพระหมดแล้ว พอเวลาผิดหวังอะไรทางสังคม ก็มาลงที่พระ แล้วมันจะถูกไหม ?


ยิ่งมาเจอ ตัวกระตุ้นเลว ๆ อย่าง

โฆษณาเหล้าเอย , ภาพหลุดดาราเอย ฯลฯ มันก็ยิ่งกระตุ้น กิเลส คนเข้าไปอีก

แล้ว คนพุทธที่ไม่มีความรู้ เขาจะเอาตัวรอดได้เหรอครับ ?

----------------------------------------------------------------

 

คุณ สมัคร คุณเป็นนักการเมืองมา 4ปี่ แล้วและวันนี้คุณพูดว่าจะบรรจุพุทธศาสนาลงในรธณ.ว่าเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะฉะนั้นอย่ากลืนหรือถ่มน้ำลายตัวเองทิ้งนะครับ ผมคนหนื่งล่ะที่จะคอยติดตามผลงานชิ้นน้ี้ของคุณ อย่าให้ถึงกับว่าพระเณรและชาวพุทธต้องจัดขบวนกันไปทวงถามถึหน้าทำเนียบนะครับ

 

1.. ในสมัยราชาธิปไตย ยุคพระนเรศวร ถ้า พระเจ้าแผ่นดินต้องการอย่างไร ใครจะกล้าขัดคำสั่งครับ ?

ถ้าขัดขืนโทษเป็นอย่างไร น่าจะรู้กันดี ยิ่ง พระทัยพระองค์ดำ ร้อนและเร็ว (จนพวกมลายูเรียกพระองค์ว่า ราชาแห่งไฟ หรือ รายาอปี )

ดูตัวอย่าง ข้าราชบริพาร ที่ ย่อหย่อนในการพระราชสงครามนั่น มีหลายกรณี

อย่าง พระยากำแพงเพชร นั่นก็ทีนึง เสียค่ายทุ่งลมพลี ทำให้ ข้าวกล้าที่จะใช้เป็นเสบียงเพื่อรักษาพระนครเสียหาย หลัง จากพระองค์ดำ และ พระอนุชา ไปกู้ค่ายคืนมาได้

พระยากำแพงเพชร โดนรับสั่งให้ประหารชีวิต ร้อนถึง พระราชบิดา คือ พระมหาธรรมราชา ต้องทรงขอชีวิตไว้

หรือแม้แต่ ข้าราชการ ที่ตามเสด็จไม่ทัน คราวศึกยุทธหัตถี นั่นก็โดนผลกรรมคือ ต้องประหารชีวิตทุกคน

นั่นคือ ผลของการปกครองแบบราชาธิปไตย ครับ

จะบอกว่าไม่เกี่ยวกันไม่ถูกแน่นอน เพราะ ยังมีกรณี คนไทยขายชาติอีกเยอะ และไม่ได้สามัคคีกันอย่างที่คุณเข้าใจ ในสมัยพระนเรศวร เช่น กรณี พระยาสวรรคโลก ที่ตั้งแข็งเมือง และเอาใจไปเข้ากับพม่า

ถ้าพระนเรศวร ไม่ทรงไปปราบ พระยาสวรรคโลกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นครับ ?

แต่ในระบอบการปกครอง ประชาํํธิืปไตย ก็จะเป็นอย่างที่เห็นกันอยู่ เพราะทุกคนถือสิทธิของตัวเองเป็นหลัก ครับ

อย่างที่ผมบอกไป มันไม่เหมือนกันครับ ลองทำความเข้าใจดี ๆ

------------------------------------------------------------

2.. แล้ว อินเดีย ปกป้องพระพุทธศาสนาแค่ไหนหละครับ ?

เมืองนาลันทาโดนเผาโดยทัพอิสลามเติร์ก มี เจ้าเมืองพุทธคนไหนไปช่วยบ้างไหมหละครับ ?

------------------------------------------------------

3.. คำพูดของนักการเมือง จะเป็น นายของตัวเขาเองครับ เมื่อพูดออกไป ก็รอดูผลแล้วกัน
ถ้าทำไม่ได้ เราก็ไปเรียกร้องสิครับ จะยากอะไร อยู่ในระบอบประชาธิปไตยมิใช่หรือ ?

-----------------------------------------------------------------

4.. ปล่อยทุกเรื่องไม่ได้หรอกครับ ถ้าปล่อยทุกเรื่อง ก็คงเหมือน นาลันทา ที่อินเดีย
คุณคู่แท้ จะปล่อยให้บ้านเราเหมือน นาลันทา ใช่ไหมครับ ?

แค่นี้ พระพุทธศาสนายังมัวหมอง ไม่พออีกใช่ไหม ยังทรุดโทรมไม่พอหรือ ?

 

อีกอย่าง

แม้แต่ พระอรหันต์ อย่าง พระมหากัสสป ท่านยังไม่นิ่งดูดายเลยครับ
ดูอย่างกรณี สังคยานาพระไตรปิฏกครั้งที่ 1 เป็นไร

เหตุเพราะ มีวุฒิบรรพชิต คือภิกษุบวชต่อแก่รูปหนึ่ง ชื่อสุภัททะกล่าวห้ามภิกษุทั้งหลายว่า อย่าเศร้าโศกร้องไห้เลย พระศาสดาปรินิพพานเสียได้เป็นดี พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ย่อมรับสั่งห้ามไม่ให้ทำการบางอย่าง และให้ทำการบางอย่าง ที่ไม่พอใจเรา ตั้งแต่นี้ต่อไป เราพ้นแล้วจากผู้บังคับ ปรารถนาจะทำการใด ก็ทำได้ ไม่ปรารถนาจะทำการใด ไม่ทำก็ได้


พระมหากัสสปะรำพึงว่า เพียงพระศาสดาปรินิพพานแล้วได้เจ็ดวันเท่านั้น ยังมีภิกษุผู้ไม่หนักในพระสัทธรรม กล้ากล่าวจ้วงจาบได้ถึงเพียงนี้ กาลนานล่วงไปไกล จักมีสักเพียงไร ท่านใส่ใจคำของสุภัททวุฒบรรพชิตไว้แล้ว

ให้โอวาทแก่ภิกษุสงฆ์สมควรแก่เรื่องแล้ว พาบริวารเดินต่อมา ถึงกุสินารานครตอนบ่ายวันถวายพระเพลิง ท่านได้ถวายบังคมพระพุทธสรีระ
พระมหากัสสปะ เป็นพระสังฆเถระอยู่ในเวลานั้น พอถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วได้เจ็ดวัน ท่านประชุมสงฆ์เล่าถึงการที่ท่านเดินทางมาจากปาวานครเพื่อจะเฝ้าพระศาสดา ได้ทราบข่าวปรินิพพานในกลางทาง มีภิกษุบางพวกร้องไห้อาลัยถึง สุภัททวุฒบรรพชิตกล่าวห้ามด้วยคำอย่างไร

และท่านรำพึงเห็นอย่างไร ยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นเหตุ ชักชวนภิกษุสงฆ์เพื่อทำสังคายนา รวบรวมพระธรรมวินัย ตั้งไว้เป็นแบบฉบับ

เพราะทำคราวแรก เรียกว่า ประถมสังคีติ
การที่พระมหากัสสปะ ชักชวนพระสงฆ์ทำสังคายนาครั้งแรกนี้ เป็นประโยชน์อย่างใหญ่แก่พระพุทธศาสนา เป็นการฉลองพระคุณพระศาสดาอย่างดี ข้อนี้พระสารีบุตรได้ปรารภไว้เมื่อนิครนถนาฏบุตรทำกาลกิริยา สาวกแตกกระจัดกระจายกันด้วยอำนาจลัทธิ จึงแสดงสังคีติสูตรจัดระเบียบธรรมไว้เป็นหมวด ๆ และได้รับพระพุทธานุมัติของพระศาสดา พระสารีบุตรนิพพานเสียก่อน พระมหากัสสปะมาทำขึ้นในครั้งนี้
เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปเถระ ได้อุตสาหะกระทำการสังคายนาร้อยกรองพระไตรปิฎก แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์

-----------------------------------------------


ลองคิดดูครับ ขนาดพระอรหันต์อย่าง พระมหากัสสป ท่านยังไม่นิ่งดูดายเลย แล้วเราท่านพุทธบริษัท ที่ยังไม่ได้ทรงความดีเท่านิ้วก้อยของท่านพระมหากัสสป ท่านเนี่ย ยังไงดีครับ ?

คิดดูอีก ก็จะเห็นอีก ถ้าพระมหากัสสปท่านนิ่งดูดาย ปล่อยเฉย ๆ ไว้ ก็น่าจะได้ เพราะสมัยนั้น พระอรหันต์ มีเป็นแสน ๆ รูป มากกว่าสมัยนี้ ไม่รู้ต่อกี่เท่า

แต่ ท่านก็ไม่นิ่งเฉยเลยสักนิด แล้วเราท่าน ที่ได้ชื่อว่า เป็น พุทธศาสนิกชนหละครับ ?

คิดเอาเองเด้อ

 

พระพุทธองค์ท่ายตรัสไว้ว่า พุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้ด้วยพุทธบริษัท4

 

ก็ลองดูดิคุญจมูกหมู แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

อ่านนี่หน่อยสิครับ

 

มาผิดสมรภูมิแล้วครับท่านหัวหน้าเผ่า.. อิ ๆ ๆ สมรภูมิท่านอยู่ที่ เยรูซาเล็ม ครับ..อิ ๆ ๆ

------------------------------------------------------------

อ่านนี่หน่อยอีกเหมือนกันครับ

http://palungjit.org/showthread.php?t=105937

พับร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์ศาสนา รอครม.ใหม่

ผอ.พศ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ. อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ทั้งของ พศ.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติไม่รับร่างดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เห็นว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลา แต่รัฐบาลนี้มีเวลาจำกัดจึงควรรอให้รัฐบาลหน้าเข้ามาพิจารณาจะเหมาะสมกว่า