หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ติสาโร, 12 มิถุนายน 2018.

  1. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    #หลวงปู่บุญส่ง ทำวัตรคารวะ #หลวงปู่เอียน คราวเดินทางไปงานกิจนิมนต์เดียวกันที่งานแห่งหนึ่ง
    .
    .
    #หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย พระมหาเถระคณะสงฆ์ธรรมยุตจังหวัดสุรินทร์ ประธานสงฆ์วัดบ้านเฉนียง (วัดป่าโคกม่อน) ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ละสังขารสู่แดนธรรมอันเกษมอย่างสงบ ประมาณ 9.30 น. ของวันนี้ 28 สิงหาคม 2563
    .
    .
    น้อมพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ
    .
    .
    .....................
    .
    .
    #ประวัติหลวงปู่เอียน
    .
    .
    " หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย" วัดป่าโคกหม่อน จ.สุรินทร์
    ท่านเป็นพระมหาเถระผู้อาวุโสในเขตอีสานใต้ ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ,หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    .
    .
    #หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย ประธานสงฆ์วัดป่าโคกหม่อน บ้านเฉนียง ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นพระปฏิบัติธรรมสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    .
    เกิดเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2467 เลือดเนื้อเชื้อสายแขมร์
    สะเร็น เป็นลูกคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน ครอบครัวประกอบอาชีพปักดำทำนาไร่
    .
    หลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย
    .
    จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4
    โรงเรียนบ้านทมอ อ.ปราสาท จากนั้นช่วยงานครอบครัวทำมาหากินทำไร่ทำนา
    .
    ในปี พ.ศ.2498 อายุ 30 ปี
    ได้พบ หลวงปู่สาม อกิญจโน พร้อมชักชวนให้ลงภาคใต้ เพื่อเข้าบรรพชาที่วัดไม้ขาว ประกอบพิธีใน
    อุทกุกเขปสีมา (โบสถ์น้ำ) อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
    โดยมี พระครูนิโรธรังสี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์วัน อุตตโม เป็นพระคู่สวด
    .
    หลังบวชไปจำพรรษาที่วัดเจริญสมณกิจ (หลังศาล) อ.เมือง ภูเก็ต เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่เทสก์ 1 พรรษา
    .
    ต่อมาย้ายไปจำพรรษาที่วัดท่าฉัตรชัย จ.ภูเก็ต
    1 พรรษา จึงเข้าอำลาหลวงปู่เทสก์กลับมาตุภูมิ
    และได้พบหลวงปู่สาม อกิญจโน สร้างที่พักสงฆ์ในป่าละเมาะริมถนนสายสุรินทร์-ปราสาท ก.ม.12 บ้านตระงอน ต.นาบัว
    .
    ขณะนั้นยังไม่สร้างเป็นวัดป่าไตรวิเวก อยู่ จำพรรษากับหลวงปู่สาม 1 ปี แล้วย้ายไปจำพรรษาที่วัดป่าศรัทธารวม จ.นครราชสีมา 3 พรรษา แล้วลงภาคใต้อีกครั้งเพื่อนมัสการหลวงปู่เทสก์ ก่อนไปตระเวน จำพรรษาในเขตพื้นที่ จ.กระบี่ และจ.พังงา 4 พรรษา
    .
    ขึ้นภาคอีสานนมัสการหลวงพ่อโชติ คุณสัมปันโรน วัดวชิราลงกรณ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    หลังทราบว่าหลวงปู่สามแนะนำให้ไปบวชกับหลวงปู่เทสก์จึงรับไว้เป็นศิษย์ สอนวิปัสสนากรรมฐาน 6 พรรษา ย้ายไปจำพรรษาที่วัดบ้านตะเคียน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 1 พรรษา จึงย้อนกลับไปเยี่ยมบิดา-มารดา ญาติโยมต่างเห็นว่าหลวงปู่เอียนแสวงหาวิเวกปฏิบัติธรรมเนิ่นนาน อายุเริ่มชราจึงหาวัดใกล้บ้านเกิด
    .
    พ.ศ.2518 ชาวบ้านนิมนต์ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโคกหม่อน ทำให้เนื้อที่ 7 ไร่ มีต้นไม้ร่มรื่น
    .
    ต่อมามีลูกศิษย์ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนแวะเวียนมาทำบุญสม่ำเสมอ มีเงินจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมเป็น 17 ไร่ สร้างเมรุ และถาวรวัตถุอื่นๆ มีเนื้อที่ปลูกผักสวนครัว มะม่วง น้อยหน่า มะนาว และผลไม้หลากหลายชนิดแจกจ่ายให้ราษฎร และจัดเก็บปรุงอาหารเลี้ยงพระภิกษุ
    .
    พ.ศ.2530 ได้จัดตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา ให้เด็กนักเรียนยากจน ปัจจุบันมีเงินทุน 1 ล้านบาท โดยมอบเงินทุนให้ในวันวิสาขบูชาของทุกๆ ปี พร้อมนี้ยังได้จัดตั้งมูลนิธิวัดป่าโคกหม่อนขึ้นเพื่อปฏิสังขรณ์วัด และเป็นทุนการศึกษาให้พระภิกษุสามเณร เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2537 หลวงปู่เอียนได้ทำพินัยกรรม 1 ฉบับ เพื่ออุทิศร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่ 229/2537
    .
    ด้วยวัตรปฏิบัติดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาในหมู่ญาติโยมอย่างรวดเร็ว ได้รับการยกย่องทั้งจากพุทธศาสนิกชนและคณะสงฆ์ว่าเป็นพระกัมมัฏฐานรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    .
    ครั้งนี้ชื่อเสียงหลวงปู่ดังขจรขจายไปในหลายจังหวัดของภาคอีสาน
    .
    #คติธรรม
    "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทุกข์ เพราะความยึดถือ ของทุกอย่างต้องปล่อยให้ว่าง นี่คือเป้าหมายที่ตั้งไว้"
    .
    #เหตุที่อุปสมบท เนื่องจากสะดุดใจกับคำสอน
    ปุตโต คีเว แปลว่า บุตรผูกคอ
    ธนปาเท แปลว่า ทรัพย์ผูกเท้า
    ภริยา หัตเถ แปลว่า ภรรยาผูกมือ
    เมื่อมีคนตายทำไมถึงต้องมัดตราสัง
    เหตุที่มัดเพราะต้องการให้คนพิจารณาปริศนาธรรม
    .
    ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่เอียนจึงไปอุปสมบทใช้ชีวิตสมถะ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ มุ่งเน้นการเรียน ปฏิบัติธรรมเป็นหลัก
    .
    ที่ผ่านมา หลวงปู่เอียน มุ่งมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยความรู้ ความสามารถ และความเสียสละ บำเพ็ญคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมือง
    .
    หลวงท่านละสังขารสู่แดนธรรมอันเกษมในเช้าวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563 เวลา 9.30 น. โดยประมาณ
    .
    สิริอายุ 96 ปี 65 พรรษา
    .
    .
    "...ทางในวัฏสงสารมันไกลมากสำหรับผู้อ่อนแอ สำหรับผู้ที่เข้มแข็งเขามีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา สมบูรณ์ สมดุลแล้ว เขาก็เดินไปได้ไม่ไกล สำหรับคนที่ไม่มีพละกำลังไม่สม่ำเสมอ หนทางในวัฏฏะนั้นไกลมาก..." โอวาทธรรมคำสอนของหลวงปู่เอียน ฐิตวิริโย วัดป่าโคกหม่อน ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์
    .
    .
    น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ
    64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg
     
  2. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' สอน 'การเดินจงกรมและวิธีนั่งสมาธิ'

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระปรมาจารย์ใหญ่สายกรรมฐาน องค์ท่านเมตตาสอนว่า "การบำรุงรักษาสิ่งใด ๆ ในโลก การบำรุงรักษาตนคือใจเป็นเยี่ยม จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือใจ ควรบำรุงรักษาด้วยดี ได้ใจแล้วคือได้ธรรม เห็นใจตนแล้วคือ เห็นธรรม รู้ใจแล้วคือรู้ธรรมทั้งมวล ถึงใจตนแล้วคือถึงพระนิพพาน ใจนี่แลคือสมบัติอันล้นค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป คนพลาดใจ คือไม่สนใจปฏิบัติต่อใจดวงวิเศษในร่างนี้ แม้จะเกิดสักร้อยชาติ พันชาติก็คือผู้เกิดผิดพลาดนั่นเอง"

    การนั่งสมาธิภาวนา คือการทำจิตใจของตนให้ตั้งมั่น ชำระจิตใจของตนให้ผ่องใส ทำใจให้สงบสบาย หลวงปู่มั่น องค์ท่านกล่าวว่า "การภาวนา คือ การอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผล อรรถธรรม รู้จักวิธีปฏิบัติต่อตัวเองและสิ่งทั้งหลาย ไม่ให้จิตผาดโผนโลดเต้นแบบไม่มีฝั่งมีฝา ยึดการภาวนาเป็นรั้วกั้น ความคิดฟุ้งของใจให้อยู่ในเหตุผล อันจะเป็นทางแห่งความสงบสุขใจ ที่ยังมิได้รับการอบรมจากการภาวนา"

    ก่อนอื่นที่เราจะนั่งสมาธิภาวนา ให้หาสถานที่อันเป็นมุมสงบ นั่งเข้าที่เอาขาขวาทับขาซ้าย เอามือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรงดำรงสติให้มั่น ไม่เอียงซ้ายนัก ไม่เอียงขวานัก ไม่ก้มนัก ไม่เงยนัก ทำตัวให้สบาย ๆ ดูท่าการประทับนั่งของพระพุทธรูปเป็นแบบอย่าง (หากไม่สะดวกที่จะนั่งอยู่ขัดสมาธิอยู่กับพื้น ก็ให้นั่งบนเก้าอี้หรืออะไรก็ได้ตามแต่สะดวก) เราเริ่มฝึกหัดนั่งใหม่ ๆ อาจจะปวดแข้งเจ็บขาบ้างเป็นธรรมดา แต่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ให้พยายามอดทนต่อสู้กับเวทนาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น หากสู้ไม่ไหวจริง ๆ ให้สลับสับเปลี่ยนอิริยาบถ ออกไปเดินจงกรมเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด

    เมื่อนั่งเข้าที่เรียบร้อยแล้วให้กล่าวคำอธิษฐานภาวนา เพื่อเป็นการบูชาคุณพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ผู้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บูชาคุณพระธรรม บูชาคุณพระสงฆ์ กล่าวตามดังนี้

    "สาธุ ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิภาวนา บูชาคุณพระพุทธเจ้า บูชาคุณพระธรรม บูชาคุณพระสงฆ์ บูชาคุณบิดามารดา บูชาคุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอจงเป็นพลวปัจจัยแด่พระนิพพานของข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้ามีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถรู้แจ้งถึงพระนิพพาน เอาชนะกิเลสความไม่ดีทั้งหลายที่อยู่ภายในใจได้ตลอดกาลนานเทอญ"

    ภายหลังจากที่กล่าวคำอธิษฐานเสร็จให้กำหนดคำบริกรรมภาวนาพร้อมกับลมหายใจเข้าว่า "พุท" หายใจออก "โธ" หายใจเข้า "ธัม" หายใจออก "โม" หายใจเข้า "สัง" หายใจออก "โฆ" และให้ระลึกคำบริกรรมภาวนา "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" 3 หน แล้วให้ระลึกเอาคำบริกรรมภาวนาว่า "พุทโธ" แต่เพียงคำเดียว โดยตั้งสติไว้ที่ปลายจมูก ลมหายใจเข้า "พุท" ก็กำหนดรู้ ลมหายใจออก "โธ" ก็กำหนดรู้ สติกำหนดอยู่กับคำบริกรรมภาวนา หากจิตคิดแส่สายไปทางอื่น ก็ดึงจิตกลับมาให้อยู่กับคำบริกรรมภาวนานั้น หากยังไม่ได้ผล ให้เร่งคำบริกรรมภาวนาเร็ว ๆ "พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆ"

    ให้หมั่นกระทำบำเพ็ญอยู่เป็นประจำ การทำครั้งสองครั้งอยากจะให้จิตสงบก็เป็นไปได้ยาก

    ที่ครูบาอาจารย์พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านสอนให้ใช้คำบริกรรมภาวนาบทว่า "พุทโธ" นั้น เพื่อต้องการให้น้อมเอาคุณของพระพุทธเจ้ามาไว้ที่ใจ "ธัมโม" น้อมเอาคุณของพระธรรมเจ้ามาไว้ที่ใจ "สังโฆ" น้อมเอาคุณของพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาไว้ที่ใจ ท่านถึงว่า "พระอยู่ที่ใจ" คือมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในใจของเรานั่นเอง

    เมื่อจะเลิกจากการนั่งสมาธิภาวนา ให้ยกมือประนมขึ้นระหว่างคิ้วตรงศีรษะครั้งหนึ่ง พร้อมกับกล่าวคำว่า "สาธุ" ภายในใจ ต่อจากนั้นตั้งใจแผ่เมตตาให้กับตัวเอง ครั้นเมื่ออธิษฐานเสร็จ ก็ตั้งใจแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้กระทำบำเพ็ญในครั้งนี้ ไปให้กับผู้มีอุปการะคุณ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย กล่าวตามดังนี้

    "ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่เกิดจากการนั่งสมาธิภาวนา ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนบุญไปให้แก่บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย มิตรสหายทั้งหลาย เทวาอารักษ์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม ยม ยักษ์ ครุฑ คนธรรภ์ กุมภัณฑ์ นาคทั้งหลาย รุกขเทวดา อากาศเทวดา ภุมเทวดา เปรต ผี อสุรกายทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่มีชีวิตอยู่และหามีชีวิตไม่ ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ อย่าได้มีเวรมีภัย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงอยู่เป็นสุขเสมอเถิด ขอจงได้รับส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญในครั้งนี้ด้วยเทอญ"

    การเดินจงกรม คือการเดินภาวนา เพื่อเป็นอุบายให้สงบใจ เดินกลับไปกลับมาพร้อมกับกำหนดคำบริกรรมภาวนาเหมือนวิธีการนั่งสมาธิ คำอธิษฐานก็ใช้แบบเดียวกัน เปลี่ยนแต่ตรงคำว่า "นั่งสมาธิภาวนา" เป็น "เดินจงกรมภาวนา" เวลาจะเดินจงกรม ให้กำหนดทิศทางที่จะเดิน แล้วไปยืนตรงต้นทาง ยกมือประนมขึ้นระหว่างคิ้วกล่าวคำอธิษฐาน ครั้นจบแล้ววางมือลง เอามือขวาทับมือซ้ายวางทาบไว้ใต้สะดือ ทอดตาลงเบื้องต่ำไม่แลซ้ายแลขวา ทำท่าสำรวมกาย ก้าวเดินขาขวาบริกรรมคำภาวนาว่า "พุท" ก้าวเดินขาซ้ายบริกรรมคำภาวนาว่า "โธ" บริกรรมภาวนา "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" 3 หนแล้ว ให้กำหนดเอาคำบริกรรมภาวนาว่า "พุทโธ" แต่เพียงคำเดียว ครั้นพอถึงปลายทางที่เรากำหนดไว้แล้ว หมุนตัวกลับไปทางขวามือ เดินภาวนากลับไปกลับมา การกำหนดคำบริกรรมภาวนานั้น จะกำหนดอยู่ที่เท้าเวลาเดินก็ได้ หรือกำหนดไว้ในใจก็ได้ตามชอบ ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับแต่ประการใด

    ส่วนการกำหนดทิศทางเดินจงกรมนั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านกล่าวไว้ว่า ทางเดินจงกรมตามที่ท่านกำหนดรู้ไว้ และปฏิบัติตามเรื่อยมานั้นมีสามทิศด้วยกัน คือตรงไปตามแนวตะวันออก – ตะวันตกหนึ่ง ไปตามแนวทิศตะวันตกเฉียงใต้หนึ่ง และไปตามแนวตะวันออกเฉียงเหนือหนึ่ง การเดินจงกรมก็เดินไปตามแนวทั้งสามที่กำหนดไว้ในแนวใดแนวหนึ่ง

    ความสั้นยาวของทางจงกรมแต่ละสายนั้น ท่านว่า ตามแต่ควรสำหรับรายนั้นๆ ไม่ตายตัว กำหนดเอาเองได้ตามสมควร แต่อย่างสั้นท่านว่าไม่ควรให้สั้นกว่าสิบก้าว สำหรับเวลาอยู่ในที่จำเป็นหาทางเดินมิได้ "การเดินไม่พึงเดินไกวแขน ไม่พึงเดินเอามือขัดหลัง ไม่พึงเดินเอามือกอดอก ไม่พึงเดินมองโน้นมองนี้อันไม่เป็นท่าสำรวม"

    การนั่งสมาธิภาวนา หรือการเดินจงกรมนั้นเราจะทำที่ไหนก็ได้ ที่วัด ที่บ้าน ในที่ทำงาน ในร้านอาหาร ในช๊อปปิ้งมอลล์ ทำการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง ทำภาวนาได้ทั้งนั้น มีสติระลึกขึ้นมาได้ก็กำหนด "พุทโธ" ทันทีเลยไม่ต้องรอให้เสียเวล่ำเวลา ก้าวขาขวา "พุท" ก้าวขาซ้าย "โธ" เรียกว่าภาวนาได้ทุกเมื่อไม่มีกาลเวลา จึงสมดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "อกาลิโก" ไม่มีกาล ไม่มีเวลา ไม่มีฤดู ทำได้เสมอ
    64.jpg 65.jpg
     
  3. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    " อย่าทิ้งพุทโธ .. พุทโธนี่แหละเป็นที่พึ่งได้ "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    64.jpg
     
  4. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thanasak Thanaphatwongtakoon
    .
    ✨หลวงปู่บุญส่ง พ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเรา ท่านได้อนัตตาแล้วกาลเวลาไม่มีผลกับท่านใดๆ เป็นผู้ข้ามโลกแล้ว ครูบาอาจารย์ของฉันแต่ละรูปนับไม่ถ้วนเหลือคณานับที่พาลพบมา ไปก่อนเราเเทบจะทั้งหมด ถ้าจะเหลือก็เหลือแต่ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านที่ใช้เส้นทางเดินแบบเรา ยังอีกยาวนานนาวายนต์ลำใหญ่นี้ที่สร้างสมมา✨ ครูบากฤษดา สุเมโธ ท่านได้เคยกล่าวไว้กับศิษย์ถือย่ามของท่าน
    64.jpg 65.jpg
     
  5. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    "... เราศึกษาศาสนาพุทธไม่ใช่เขาบอกต่อๆกันมาแล้วกลายเป็นว่าเราเชื่อเลยหรอก เราศึกษามาหลายศาสตร์ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู เราก็เข้าไปศึกษา คัมภีร์ไบเบิ้ลก็อ่าน อิสลามอัลกุรอานก็พิจารณาดู (หลวงปู่เคยเรียนปอเนาะที่ภาคใต้ก่อนบวช)
    .
    ทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ส่วนพุทธสอนให้เรามีเหตุมีผล
    .
    ตอนแรกที่บวชก็บวชเพื่อแต่งงาน บวชก่อนเบียด ที่บ้านจะได้ไม่ต้องมาว่า เลยบอกแฟนให้รอก่อน บวชเสร็จจะออกมาแต่งงาน
    .
    ตอนนั้นพระก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ แถมยังมีอคติในใจเสียด้วยว่างานการไม่ทำ มัวแต่ขอชาวบ้าน เป็นอย่างนั้นเลยนะ เพราะเคยผิดหวังจากพระจากเหตุการณืบางอย่างตอนเด็กๆจนจำฝังใจ เลยไม่คิดแม้แต่จะไหว้
    .
    ทีนี้พอมาบวช ก็เลยลองตัดสินใจจับผิดพระพุทธเจ้า ดูข้อปฏิบัติ ดูหลักธรรมคำสอนต่างๆ
    .
    พรรษา1ก็แล้ว 2 3 4 แล้วก็ยาวเรื่อยมา หาจุดบกพร่องของท่านมาเรื่อยๆ
    .
    เราจับผิดพระพุทธเจ้ามานาน แต่ยิ่งจับผิดยิ่งถลำลึก ยาวจนมาถึงตอนนี้้ และสุดท้ายเราก็เข้าใจและหมดสงสัยในที่สุด... "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    .
    - หลวงปู่เล่าไว้ให้ฟังในคืนหนึ่ง
    66.jpg
     
  6. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    " ... ให้นั่งสมาธิในลักษณะการฟังบนความสงบ เอาเสียงเหมือนสายฝน เอาสติเหมือนหลังคา เอาหูเหมือนหลั่งน้ำ เอาโอ่งนั่นก็คือจิต ... เมื่อน้ำไหลมา ในไม่ช้าก็จะเต็มโอ่งเอง "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    .
    ภาพ : พี่หมู Surapong Wongmainoy
    67.jpg
     
  7. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    " ...คนเราเกิดมา ... ถ้าไม่ทำความดีไว้
    ไม่ช้าก็ตาย พอตายไปก็เน่าเหม็น ...
    เวลามีชีวิตอยู่ให้ทำความดี
    ให้มากกว่าความเหม็น
    ตายไปก็ยังเหลือคุณธรรมและคุณงามความดี
    .
    ตายไปสังคมก็ไม่รังเกียจ
    แต่กลับจะหยิบยกความดีขึ้นมายกย่อง
    และยอมรับในคุณงามความดีนั้น
    .
    เกิดมาทั้งทีเอาดีให้ได้
    เกิดมาทั้งทีเอาดีฝากไว้
    อย่างที่หลวงปู่แหวนท่านว่านั่นล่ะ "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    68.jpg
     
  8. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...พัชรินทร์ จั่นทอง
    11 กรกฎาคม


    อริยประเพณีกราบขอขมาคารวะ

    ในวงศ์พระกรรมฐานโดยเฉพาะในสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่อถึงฤดูกาลเข้าพรรษา อริยประเพณีที่สงฆ์ทั้งหลายถือปฏิบัติและสืบทอดรักษามาจนจึงปัจจุบันกาล คือ ธรรมเนียมการกราบขอขมาคารวะ หรือบางครั้งเรียกว่า “ทำวัตร” การทำวัตรของพระป่ากรรมฐานนิยมกระทำกันในช่วงก่อนหรือระหว่างเข้าพรรษา และช่วงเวลาอื่น ๆ ตามโอกาสอันเหมาะสมด้วย ปกติก่อนจะถึงวันเข้าพรรษา คือ วันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘) พระภิกษุสามเณรจากหลายวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันมักจะมารวมตัวกันที่วัดใดวัดหนึ่งในเขตพื้นที่นั้น ซึ่งเป็นวัดที่มีพระเถระผู้มีอายุพรรษามากและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพเลื่อมใสในหมู่พระภิกษุสามเณร เพื่อกราบขอขมาคารวะและรับฟังโอวาทธรรม

    สำหรับธรรมเนียมการกราบขอขมาคารวะและรับฟังโอวาทธรรมนี้ ไม่เพียงแต่จะทำกันในช่วงก่อนเข้าพรรษาอย่างเดียว ในช่วงระหว่างเข้าพรรษา ๓ เดือน พระภิกษุสามเณรท่านก็นิยมที่จะเดินทางไปกราบขอขมาคารวะต่อพระมหาเถระ หรือพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพื้นที่อื่น ๆ ตามที่ตนเคารพนับถือ

    การกราบขอขมาคารวะ
    เมื่อพร้อมแล้ว พระสงฆ์ผู้เป็นผู้นำหมู่คณะจะถือพานดอกไม้ธูปเทียนนำขอขมาคารวะ โดยการกราบ ๓ ครั้ง และนำกล่าว “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” ๓ จบก่อน

    จากนั้นจะนำกล่าวคำขอขมาคารวะเป็นภาษาบาลีว่า

    “มหาเถเร ปะมาเทนะ, ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต” (กล่าว ๓ ครั้ง)

    แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอพระมหาเถระจงอดโทษซึ่งความผิดทั้งปวงที่พวกข้าพเจ้าได้กระทำล่วงเกินด้วยความประมาทในพระเถระ ด้วยไตรทวาร”

    เสร็จแล้วผู้ขอขมาทั้งหมดจะหมอบกราบลงกับพื้นโดยยังไม่เงยหน้าขึ้น พระมหาเถระผู้รับขมาจะกล่าวคำว่า

    “อะหัง ขะมามิ ตุมเหหิปิ ขะมิตัพพัง”

    แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ข้าพเจ้ายกโทษให้ และขอให้พวกท่านพึงยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย”

    ผู้ขอขมาทั้งหมดจะกล่าวรับว่า “ขะมามะ ภันเต”

    จากนั้นพระมหาเถระผู้รับขมาจะกล่าวให้พรเป็นภาษาบาลีว่า เอวัง โหตุ เอวัง โหตุ, โย จะ ปุพเพ ปะมัชชิตวา ปัจฉา โส นัปปะมุจจะติ, โสมัง โลกัง ปะภาเสติ อาภา มุตโต วะ จันทิมา, ยัสสะ ปาปัง กะตัง กัมมัง กุสะเลนะ ปะหิยยะติ, โสมัง โลกัง ปะภาเสติ อาภา มุตโต วะ จันทิมา, อะภิวาทะนะสีสิสสะนิจจัง วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ, อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง.
    แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า : “ก็ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลังผู้นั้นไม่ประมาท เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดังพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆฉะนั้น ผู้ใดทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ

    เมื่อจบแล้ว ผู้ขอขมาทั้งหมดจะกล่าวรับพรว่า “สาธุ ภันเต”
    แล้วจึงเงยหน้าขึ้นจากพื้น และกราบอีก ๓ ครั้ง ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธี จากนั้นก็อาจจะมีการแสดงพระธรรมเทศนาต่อไป

    ในการกล่าวคำขอขมาคารวะนั้น ถ้าผู้รับขมาเป็นพระมหาเถระผู้มีอาวุโสมาก ให้ใช้คำว่า “มหาเถเร” มีอาวุโสรองจากนั้นให้ใช้คำว่า “เถเร” แทน หรือถ้ามีอาวุโสรองลงมาอีกให้ใช้คำว่า “อาจริเย” แทน ซึ่งผู้ขอขมาควรจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบุคคลผู้รับขมา

    .........................

    ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๖๓
    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    เมตตาแสดงธรรมในงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายหลวงปู่สุวัฒน์ คฺมฺภีรปญฺโญ ณ ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

    #พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายหลวงปู่สุวัฒน์ คมฺภีรปญฺโญ ณ ศาลาทรงธรรม วัดอโศการาม จ. สมุทรปราการ

    #หลวงปู่สุวัฒน์ คมฺภีรปญฺโญ วัดถ้ำเขาปรางค์ จ.ลพบุรี มรณภาพ

    #พระครูคัมภีรปัญญาคุณหรือหลวงปู่สุวัฒน์ คมฺภีรปญฺโญ วัดถ้ำเขาปรางค์ จ.ลพบุรีท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๐๗ เวลา ๑๓.๓๔ น. ณ อุโบสถวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ โดยมีพระราชวรคุณ (พระสำรอง คุณวุฑฺโฒ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดสิงห์ สุขปุญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพ่อเฟื่อง โชติโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    #ได้มรณะภาพลงเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๔.๐๕ น. ด้วยโรคมะเร็งตับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริรวมอายุ ๗๗ ปี ๕๖ พรรษา

    #มติที่ประชุมสงฆ์

    ด้วย พระครูคัมภีรปัญญาคุณ (พระอาจารย์สุวัฒน์ คมฺภีรปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาปรางค์ จ.ลพบุรี ได้มรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563 และได้นำสรีระสังขารมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วัดอโศการาม ตามความประสงค์ขององค์ท่าน นั้น

    คณะสงฆ์วัดอโศการาม นำโดยพระมหาสามเรือน ปุญฺเญสโก เจ้าอาวาส ซึ่งได้รับมอบหมายจากพระครูคัมภีรปัญญาคุณ (พระอาจารย์สุวัฒน์ คมฺภีรปญฺโญ) ให้เป็นผู้จัดการสรีระสังขาร ได้ประชุมเมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2563 เวลา 17.30 น. ณ ห้องประชุม หอสมุดพระกรรมฐานวัดอโศการาม โดยประชุมร่วมกับคณะพระภิกษุ, คณะอุบาสก, คณะอุบาสิกาที่ได้เดินทางมาจากวัดถ้ำเขาปรางค์ จ.ลพบุรี ที่ประชุมเห็นพ้องร่วมกันว่าควรกำหนดวันพระราชทานเพลิงสรีระสังขารขององค์ท่านให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

    #โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 8 ส่วนกำหนดการต่างๆ นั้น จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

    จึงประกาศมาเพื่อทราบ

    พระมหาสามเรือน ปุญฺเญสโก
    เจ้าอาวาสวัดอโศการาม
    วันที่ 1 กรกฎาคม 2563
    64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 70.jpg 71.jpg 72.jpg 73.jpg 74.jpg 75.jpg
     
  9. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
    .
    ธรรมลิขิต #หลวงปู่สุวัฒน์ และ #หลวงปู่บุญส่ง
    .
    งานมุฑิตา #หลวงปู่สุวัฒน์ ที่วัดถ้ำเขาปรางค์ จ.ลพบุรี ในปีหนึ่ง หลวงปู่สุวัฒน์ท่านได้นิมนต์ให้ #หลวงปู่บุญส่ง เดินทางไปร่วมงานด้วย หลวงปู่บุญส่งรับนิมนตํและท่านเดินทางไปร่วมงาน
    .
    หลวงปู่สุวัฒน์ท่านทราบว่าหลวงปู่บุญส่งเดินทางไปร่วมงาน ท่านเดินออกม่รับหลวงปู่บุญส่งด้วยความยินดี โดยที่องค์ท่ายไม่ได้ถือตัวถือตนอะไร แม้ท่านจะอาวุโสกว่ามีพรรษามากกว่าหลวงปู่บุญส่ง
    .
    ส่วนที่วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี มีงานอะไร หลวงปู่สุวัฒน์ท่านก็จะเมตตาเดินทางไปร่วมงานเสมอๆ บางครั้งก็เมตตาเป็นองค์แสดงธรรมโปรดศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย
    .
    ท่านเคยบอกไว้ว่า
    .
    "ให้ดูแลผู้เฒ่าให้ดีนะลูกนะ ผู้เฒ่าบารมีหลาย ท่านพาศิษย์สร้างบุญทำกุศล ช่วยท่านกันนะ อานิสงส์หลายนะลูกนะ บารมีของพระใหญ่ ที่เห็นท่านสร้างนั่นแค่บารมีเล็กน้อยของท่านที่เอ่อล้นออกมา ให้พากันทำพากันสร้าง ผู้เฒ่านำทางไว้ให้แล้ว "
    .
    .
    นี่คือคำปรารภของหลวงปู่สุวัฒน์ที่เคบปรารภไว้ให้ฟังส่วนตัว... ท่านจะเรียกหลวงปู่บุญส่งว่า " หลวงปู่บุญส่ง" บ้าง " ผู้เฒ่า" บ้าง " หลวงตาส่ง " บ้าง
    .
    ............
    .
    ระยะหลังหลวงปู่สุวัฒน์ท่านอาพาธ การรับงานกิจนิมนต์ลดน้อยลง โดยส่วนใหญ่จะเข้าพักรักษาธาตุขันต์ที่โรงพยาบาลเป็นหลัก....
    .
    ก่อนท่านละสังขารไม่กี่ชม. #หลวงปู่บุญส่ง เดินทางไปเยี่ยมสุวัฒน์ ที่โรงพยาบาล ปรารภกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลวงปู่สุวัฒน์บอก "ครั้งนี้เจ็บที่สุดในชีวิตที่เกิดมา เวทนามันหลาย"
    .
    หลวงปู่บุญส่งปรารภว่า " เอาเวลานี้แหละข่มเวทนา เอาสมาธิ เอาการภาวนาข่มเวทนาสู้ พุทโธๆ อย่าทิ้ง ภาวนาข่มเอาไว้ เดี๋ยวจะสบายเอง เดี๋ยวจะหายเอง..."
    .
    .
    ระหว่างสนทนา หลวงปู่สุวัฒน์จับมือหลวงปู่บุญส่ง ตลอดเวลา เสมือนเป็นการร่ำลาส่งท้าย
    .
    .
    ก่อนกลับหลวงปู่สุวัฒน์ท่านก็หันมาปรารภทิ้งท้ายด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบาว่า " ดูแลหลวงปู่ให้ดีๆนะลูกนะ"
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งกราบลา... ศิษย์ที่ดูแลหลวงปู่สุวัฒน์เล่าให้ฟังภายหลังหลังจากหลวงปู่บุญส่งกลับ
    .
    หลวงปุ่สุวัฒน์ ท่านนิ่งสงบ และภาวนาตามที่หลวงปู่บุญส่งปรารภไว้
    .
    ................
    .
    เวลาผ่านไปประมาณ 9 ชั่วโมงหลังจากนั้น..
    หลวงปู่สุวัฒน์ท่านละสังขารสู่แดนธรรมอันเกษมด้วยอาการสงบ กลางดึกคืนนั้นฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งทราบข่าว ท่านปรารภว่า
    "ไปเร็วๆจริงๆ ไปหาแปปเดียวก็ไปเลย แต่ท่านไปสบายของท่าน" โดยหลวงปู่บุญส่งถือเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์รูปสุดท้ายที่ได้ปรารภกับหลวงปู่สุวัฒน์ก่อนท่านละสังขารไม่กี่ชั่วโมง
    .
    .
    หลวงปู่บุญส่งและคณะศิษย์ฯรับเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมให้หลวงปู่สุวัฒน์ 1 คืน พร้อมทั้งแสดงธรรมในคืนนั้น ตลอดจนถวายปัจจัยสำหรับใช้จ่ายในงานของหลวงปู่สุวัฒน์อีกจำนวน 50,000 บาท
    .
    .
    วันพรุ่งนี้ อาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 จะมีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงปู่สุวัํฒน์ ณ เมรุชั่วคราว วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ หลวงปู่บุญส่ง ท่านจะเดินทางไปร่วมงานและน้อมส่งหลวงปู่สุวัฒน์เป็นครั้งสุดท้าย
    .
    .
    #น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ
    #ผู้มีแต่ความเมตตา
    #หลวงปู่สุวัฒน์_คัมภีรปัญโญ
    64.jpg 65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 70.jpg 71.jpg 72.jpg 73.jpg 74.jpg 75.jpg 76.jpg 77.jpg 78.jpg 79.jpg 80.jpg 81.jpg 82.jpg
     
  10. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    69.jpg
     
  11. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โอวาทธรรม...หลวงปู่บุญส่ง
    .
    #การทำสมาธิเบื้องต้น
    .
    "... ขัดสมาธิเอาเท้าขวามาทับเท้าซ้าย เอามือขาวมาทับมือซ้าย ตั้งกายตรง ๆ ดำรงสติไว้เฉพาะหน้าแล้วก็ภาวนาในใจว่านับแต่นี้ต่อไปในชั่วโมงนี้หรือครึ่งชั่วโมงนี้ตั้งสัจจะอธิษฐานลงไปว่าแม้จะมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้น เราก็จะไม่ลุกจากที่นั่งและเราจะไม่ขยับร่างกายคอยใช้สติควบคุมกายของเราโดยใช้ลมหายใจเข้า-ออก
    .
    เป็นการภาวนาเรียกว่า "อานาปานสติ" และก็ให้อยู่กับลมหายใจจริง ๆ เอาจิตมาตรวจกายว่าเรานั่งสบายดีไหม มีส่วนใดยังเกร็งอยู่ให้เฉลี่ยคลี่คลายน้ำหนักลงที่ก้นให้พอเหมาะ
    .
    แล้วตรวจไปทั่วร่างกายว่าเรานั่งสบายไหม ก้มไปมากหรือเปล่า หงายไปมากหรือเปล่า เอียงมากไหม เอียงซ้ายเอียงขวาไหม ตั้งกายให้ตรง
    .
    ถ้าหากมีอวัยวะที่พิการบ้างเล็กน้อยเราก็ใช้สติตั้งอยู่ตรงกลางอย่าให้เอียงมากนัก อย่าให้ก้มมากนักอย่าให้หงายมากนักเวลานั่งสมาธิจะทำให้ร่างกายของเราไม่มั่นคงสั่นไปตามอาการเหล่านั้น พอตรวจร่างกายดีแล้วเอาจิตมาตรวจลมหายใจหายใจเข้าอย่างไรสบายหายใจออกอย่างไรสบายหายใจเข้ายาวสบายหายใจออกยาวสบาย ถือว่าเอาลมหายใจที่เราทุกคนหายใจอยู่นี้หายใจอย่างไรทำอย่างนั้น
    .
    เมื่อตรวจลมหายใจดีแล้วให้เอา "สติ" มาจับที่"ลมหายใจ" เมื่อหายใจเข้าใช้คำภาวนาว่า "พุทธ" ก็ได้
    .
    สุดลมหายใจของเราแล้วก็นิ่งชั่วระยะแล้วหายใจออกภาวนา "โธ" สุดลมหายใจแล้วนิ่ง แล้วก็หายใจเข้าถ้าจิตอยู่กับ #พุทโธ จริง ๆ จิตจะนิ่งรวมเป็นหนึ่ง หน้าที่การงานคือ "พุทโธ" อยู่กับ "พุทโธ"
    .
    เอาสติตั้งไว้ตรงจมูกที่เราหายใจเข้าหายใจออกที่ลมผ่าน ผ่านเข้าก็รู้ ผ่านออกก็รู้ โดยไม่ต้องเอาสติตามเข้าไปข้างใน ไม่ต้องทำความฟุ้งซ่าน ส่ายแสว่าจะได้อะไรนี่คือการฝึกสติฝึกสติของเราให้มีความมั่นคง ทำอะไรจะได้ไม่ลืมไม่หลง
    .
    พยาพยามฝึกเมื่อมีเวลาและเมื่อสติตัวนี้เมื่อเรามีอายุมากขึ้นเท่าไรก็จะไม่ทำให้เราหลงลืมแม้เวลาผ่านมาระยะเวลานานแล้วก็ยังจำได้
    .
    ไม่ใช่จำแค่ชาตินี้ภพนี้ฝึกไปดี ๆ แน่นิ่งปล่อยกายได้ อดีตปัจจุบันเกิดขึ้นรู้แล้วก็ปล่อยวางไป อะไรจะเกิดขึ้นจากขณะที่เรานั่ง
    .
    " #นิวรณ์" คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันธรรมพอจะสั่งสงบก็จะขึ้นมาละ อย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น แล้วก็ปรุงแต่งไป
    .
    ถ้าเราไม่มีสติพอเราก็จะฟุ้งซ่านปรุงแต่งกับสิ่งที่ไร้สาระเหล่านั้น การปฏิบัติก็เพื่อให้สติทันกับปัจจุบันธรรม เดี๋ยวนี้ขณะนี้เรานั่งอยู่ตรงนี้ต้องให้กายอยู่ตรงนี้จิตอยู่ตรงนี้สติอยู่ตรงนี้ให้มีความรู้สึกตลอดเวลา
    .
    หายใจเข้า "พุท" แล้วก็นิ่งหายใจออก "โธ" ก็นิ่ง ถ้าทำได้จริง ๆ จิตจะปล่อยกาย กายก็จะเบาขึ้นไร้น้ำหนัก เวทนาทั้งหลายก็ไม่สามารถเข้ามาทำให้เราหวั่นไหวได้เพราะจิตอยู่กับสมาธิแล้วก็จะเริ่มมีปิติหล่อเลี้ยง... "
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    .
    ขอบคุณเจ้าของภาพ
    64.jpg
     
  12. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
  13. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    "หลวงปู่บุญส่ง”เตือนไว้ การได้ดูแลปู่ย่าตายายจะก่อเกิดอานิสงส์รวดเร็วได้เห็นกันในชาตินี้ แม้จะไร้ลูกหลานก็ไม่ขาดคนดูแล #อานิสงส์บุญ
    .
    “แก่บุญ แก่กรรม”
    คนแก่นี่ มี2ประเภทนะ แก่บุญคือคนแก่ที่อยู่แล้วให้ลูกหลานได้บุญ คือคนแก่ที่มีสติ ถึงจะมีอายุยืนมากแต่มีสติพร้อมอย่างนี้แล้วจะไม่ค่อยเป็นภาระใคร ถึงยามเจ็บป่วยไข้ หากมีลูกหลานคอยดูแลเท่ากับเราอยู่ให้ลูกหลานได้สร้างบุญสร้างกุศล เค้าได้บุญนะ เพราะเค้ามาดูแลเราให้เค้าสร้างบุญใส่ตัวเค้าเอง ด้วยความกตัญญู ต่อปู่ย่าตายาย ให้เค้าปรนนิบัติดูแลแล้วมีความสบายใจ ไม่เรื่องมาก ไม่สร้างความยุ่งยากเพราะมีสติคุม แก่แบบนี้เรียกว่า "แก่บุญ"
    .
    .
    แก่บาป คือคนแก่ที่ขี้บ่นจู้จี้จุกจิกเอาแต่ใจ แก่แบบนี้ ไม่เคยฝึกสติมา มีแต่ความหลง ถึงมีอายุยืนนานก็สร้างกรรมให้ลูกหลาน เพราะลูกหลานจะเบื่อไม่อยากดูแลปรนนิบัติ บ่นมั่งด่ามั่ง ลูกหลานไม่ดีก็แช่งให้ตายไวๆเป็นบาปเป็นกรรมไปอีก แก่แบบนี้อยู่ให้ลูกหลานสร้างกรรม แบบนี้แก่ไปด้วยบาป
    .
    ฉะนั้นควรฝึกสติไว้ให้เตรียมพร้อม จะได้ไม่มีหลงลืมให้แก่ไปด้วยความดีมีสติพร้อม อยู่ให้ลูกต่อบุญสร้างบุญ แก่ไปด้วยบุญแบบนี้เค้าไม่เบื่อกันนะ อย่าแก่ไปด้วยความหลง แก่ไปด้วยบาป แก่แบบนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งสร้างกรรมให้ลูกหลาน แต่ถ้าลูกหลานเค้าเป็นคนดี มีอุเบก เขาทนได้ดูแลได้ก็เป็นบุญของเขาไป อานิสงส์ การดูแลปู่ย่าตายาย หรือพ่อแม่ จะส่งผล เมื่อถึงยามเราแก่ก็จะมีคนคอยดูแล ถึงไม่มีลูก ก็มีหลานมาคอยดูแล หรือไม่ก็คนอื่นๆจะมาช่วยดูแล จะไม่ถูกทอดทิ้งให้ต้องอนาถา สติสำคัญมากนะ ควรฝึกสติไว้แต่เนิ่นๆกันนะ เตรียมตัวแก่กันให้เป็น อย่าให้ความหลงมันครอบงำ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลานมาก คนอายุยืนใช่ว่าจะมีบุญไปซะทั้งหมด อายุยืนแต่มีกรรมมากก็เยอะ
    (หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร)
    ที่มา :FB :เพจพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
    64.jpg
     
  14. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...เอก พันท้ายนรสิงห์
    .
    หลวงปู่ ฯ ท่านเมตตาสอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา, ทำดีให้ดีต่อไปนะตาเอก แล้วอนาคตจะดี ..สั้นๆเข้าใจง่าย น้อมกราบหลวงปู่ท่านด้วยเศียรเกล้า สาธุครับ

    "หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร"
    วัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

    (โบสถ์หลังใหญ่ที่สุดในประเทศไทย)
    64.jpg
     
  15. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Thammawong Namthong
    .
    ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลา 19:00 น

    วันนี้ได้มีโอกาสรับใช้อุปัฏฐาก
    ตามวาระและโอกาส

    วันนี้ได้นวดถวายในช่วงบ่าย 16.00 น

    จนถึงเวลา 19:00 น
    โดยประมาณ

    วันนี้ได้มีโอกาส ฟังปกิณกะธรรม

    ขณะที่นวดท่านได้พูดเรืองอนาคตท่านให่ฟัง

    เรื่องอนาคตส่วนตัวของท่าน ท่านก็เล่าให้ฟัง แต่จะไม่นำมากล่าวไว้ในที่นี่
    จะเอาเฉพาะด้านเผยแผ่และการสร้างบารมีขององค์หลวงปู่

    คร่าวๆไว้ประมาณ ว่า

    นับจากนี้ไป อีก 3 ปีข้างหน้า
    พระอุโบสถก็จะเสร็จ
    เมือเสร็จแล้ว
    จะทำพิธีฉลองอยู่ 1 เดือนเต็มๆ
    ตลอด 1 เดือน จะมีพิธีบวชชีพราหมณ์
    และ บรรพชา อุปสมบท ให้ได้มากที่สุด

    เมื่อทำพิธีฉลองพระอุโบสถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    เราจะเริ่มสร้างทางขึ้นบนภูเขา
    และจะทำพระนอนองค์ใหญ่

    นอนอยู่บนภูเขา
    จะทำทางถนนรอบองค์พระใหญ่

    และจะไม่ทำให้นอนตากแดดตากลม
    เราทำเป็นพญานาคปรกคลุมทั้งองค์

    จะคล้ายๆกับวิหารพญานาค

    ที่ปกคลุมพระพุทธรูปใหญ่เท่าองค์

    เศียรพญานาคต้อง สง่างามวิจิตรพิสดาร

    ตลอดทางลำตัวต้องสวยงามดูแล้วอ่อนช้อยไปตามภูเขา

    ท่านเล่าต่อว่า ต้นไม้ จะพยายามไม่ให้ตัดเลยสักต้นนึง

    ใต้พระนอนองค์ใหญ่
    หรือตามซอกบริเวณมีช่องว่างระหว่างภูเขา

    จะทำเป็นลานนั่งสมาธิ
    หรือตามซอกหินจะทำเป็นกุฏิให้นักบุญทั้งหลายที่มาแสวงบุญมาปฏิบัติธรรมได้พักอาศัย

    ผมจึงได้กล่าวกับหลวงปู่ต่อไปว่า
    ต้องกราบอาราธนานิมนต์ ให้หลวงปู่อยู่โปรดลูกโปรดหลานไป ถึง 99 ปี

    องค์หลวงปู่ท่านยิ้มๆแล้วตอบว่า
    เราจะพยายาม
    ยังมีบทสนทนาที่เป็น Exclusive มากกว่านี้
    และก็ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้
    เดี๋ยวมันจะกลายเป็นประเด็น

    หลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านเห็น อาจจะไม่เป็น อย่างที่ท่านคิด

    #น้อมกราบบูชาพระเดชพระคุณองค์หลวงปู่ผู้มีบุญอันประเสริฐ
    64.jpg 65.jpg 66.jpg
     
  16. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    พุทโธ
    21 สิงหาคม ·


    พระไม่ได้มีหน้าที่ทำนายทายทักญาติโยม ตายปีเท่านั้น เดือนนั้น มานั่งดูหมอดูดวง พระไม่ใช่ ดูกิเลสในหัวใจของเจ้าของ ให้มันหมดไปวันหนึ่งๆก็พอแล้ว ถ้ากิเลสมันหมดเมื่อไหร่เราก็สามารถมองทะลุสิ่งบดบังได้เท่านั้นแหละ เมื่อมองทะลุแล้วเราก็ไม่ใช่โอ้อวดมดเท็จอะไร แสดงความยะโสโอหัง เป็นผู้รู้ผู้อะไรนี้ไม่ใช่พระ

    ยิ่งรู้เท่าไหร่ยิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่ ยิ่งต้องหุบปากมากเท่านั้น พูดอะไรออกไปแล้วมันจะทำให้คนอื่นวิตกทุกข์ร้อน พูดไปทำไม มีประโยชน์อะไร แต่เว้นไว้แต่เค้าให้มาดูเราก็เออดูๆไปยังงั้นเองแหละ ไม่ใช่ดูแบบชนิดว่าต้องไปบวกเลขผานาทีแบบคนนู้น ดูแบบหมอดูแบบนั้น เค้าเอาตำรามาดู

    แต่ไอเราดู ปี วัน เดือนนิดๆหน่อยๆ เราก็พอรู้แล้วว่าคนๆนี้มันอยู่ในภาวะการเช่นใด อยู่ในภาวะจะมีลาภมีโชคหรือว่าอยู่ในภาวะของการขับขัน ทั้งสีสันวรรณะตลอดจนกระทั่งกิริยาเคลื่อนไหวมันก็เป็นเครื่องบ่งบอกหมดนั้นแหละ คนเรา ตกปีที่มันทำให้วิตกทุกข์ร้อนหงุดหงิดหรือเงื่องหง่อยเราก็ต้องรู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร

    มันไม่ต้องไปดูหรอกคนเราน่ะ ดูใจของเจ้าของน่ะ ดูทุกวันทุกวันทุกวันเนี่ย ว่าวันนึงเนี่ยเราทำจิตใจเราสูงเท่าไหร่ ต่ำเท่าไหร่ เป็นมนุษย์เท่าไหร่ เป็นเทพเป็นพรหมเท่าไหร่ เป็นผีเป็นเปรตเท่าไหร่ เวลามันอยากนู่นอยากนี่โดยไม่มีเหตุผลเนีย ก็เป็นผีเป็นเปรตไป

    ยามใดนี่เรามีจิตใจเห็น ทำบุญทำกุศล มีจิตใจที่จะสร้างบุญสร้างกุศล จิตใจของเราดีขึ้น อันนั้นก็เป็นจิตเทพจิตเทวดา ดูซิเรามีศีลเพียงพอไหมต่อการที่เราดำรงความเป็นมนุษย์ของเรา อยู่ต่ำกว่าศีลห้าหรือเปล่า ถ้ามันต่ำกว่าศีลห้าให้รีบระวัง รีบเพิ่มเติมให้มันเต็มซะ เพราะมันเต็ม มันเติมได้ศีลห้านี่ พร่องไปก็เติมได้

    หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    64.jpg
     
  17. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
    .
    #เมตตาที่ไม่มีประมาณ
    .
    ญาติธรรมท่านหนึ่งได้ทักข้อความมาหาผม และได้เล่าเรื่องราวของหนูน้อยคนหนึ่งให้ฟัง สมมุติว่าชื่อ " น้องดี "
    .
    .
    "น้องดี" นั้นเป็นเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งอายุ 2 ขวบ ยังพูดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่ายังเด็กมากนัก
    .
    .
    สนทนาไป สอบถามเรื่องราวต่าว ๆ ไปญาติธรรมท่านนี้ก็ได้ส่งรูปของน้องดีมาให้ดู
    .
    .
    พอผมเห็นรูปน้องดี ความรู้สึกตอนนั้นก็บอกไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะเป็นภาพหนูน้อยแววตาไร้เดียงสา ที่รอบกายมีสายระโยงระยาง ทั้งเจาะทั้งพันมากมายไปหมด
    .
    .
    ทั้งหดหู่และสงสาร บอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะมันค่อนข้างจะสะเทือนใจ น้องยังเด็กและไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจกำสิ่งที่ตนเองกำลังเป็นอยู่
    .
    .
    ญาติธรรมท่านนี้ ได้เล่าให้ฟังว่า "น้องดี ตอนนี้มีอายุ 2 ขวบ โดยป่วยเป็นโรค โรคๆหนึ่งที่พบได้น้อยมาก ว่ากันว่าล้านคนจะพบได้ 1 คนเท่านั้น
    .
    .
    ซึ่งโรคนี้บอกตรง ๆ เลยว่าตั้งแต่เกิดมาผมเองยังไม่เคยรู้จักและไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไป ... เป็นโรค 1 ใน ล้านเสียด้วย นั่นคือเปอร์เซ็นน้อยมากที่จะเป็นโรคนี้ ... แต่โชคร้ายกลับมาอยู่ที่น้องดีคนนี้
    .
    .
    ญาติธรรมท่านนี้เล่าอาการคร่าว ๆ ของน้องดีให้ฟัง และได้กล่าวว่าอยากจะขอให้ผม นำเรียนเรื่องนี้ขอความเมตตา ขอบารมี จากพ่อแม่ครูอาจารย์ #องค์หลวงปู่บุญส่ง
    .
    .
    ได้โปรดแผ่เมตตาให้กับน้องดีด้วย เพื่อว่าจะได้ช่วยให้ความทรมานและความโชคร้ายที่น้องเป็นอยู่ได้ทุเลาลงไป
    .
    .
    ผมก็ตกลงทันที ด้วยว่าเมื่อเห็นแล้วก็สงสารจับใจ และเป็นใครก็คงจะปฏิเสธไม่ได้
    .
    .
    หลังจากคุยกับญาติธรรมท่านนี้เสร็จ และได้เจอกับหลวงปู่บุญส่ง ก็ได้ขอโอกาสกราบเรียนท่านถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆ ให้องค์หลวงปู่ท่านรับทราบ
    .
    .
    จากนั้นก็ได้ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปถ่ายและข้อมูลส่วนตัวของน้องดีให้กับหลวงปู่ท่านพิจารณา
    .
    .
    องค์ท่านรับโทรศัพท์ไป ก็พิจารณาอยู่ตามภาพนานพอสมควร จ้องไปที่ภาพด้วยสายตาที่อ่อนโยน และหลับตาลงอย่างช้า ๆ
    .
    .
    ระยะเวลาที่หลวงปู่ท่านหลับตานั้น ก็นานกว่าปกติทั่วไปเวลาที่มีคนมาขอความเมตตาท่าน ... ครั้งนี้ท่านหลับตาพิจารณาอยู่นานกว่าครั้งไหน
    .
    .
    เวลาผ่านไปชั่วระยะ องค์ท่านก็ได้ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะปรารภด้วยสำเนียงที่เปี่ยมด้วยความเมตตาว่า ...
    .
    .
    เป็นห่วงเด็กคนนี้ เพราะรู้สึกว่ายังเด็กมากนัก ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่องค์ท่านก็พยายามช่วยเต็มที่ เพราะรู้สึกสงสาร ด้วยว่ายังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่
    .
    .
    " จะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้ เป็นกรรมเก่าที่ใครก็เอาไปไม่ได้ แบ่งกันไม่ได้ แต่ก็พยายามช่วยให้ถึงที่สุด จะช่วยให้ดีที่สุด ช่วยให้ทรมานน้อยลง "
    .
    .
    ซึ่งผมเองก็คิดว่าท่านตั้งใจช่วยเต็มที่ เพราะครั้งนี้ท่านหลับตาพิจารณานานกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยเป็นมา
    .
    .
    หลวงปู่ท่านกล่าวจบลง พร้อมยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ บ่อยครั้งที่ผมมักเห็นความเมตตาไม่มีประมาณขององค์ท่านในลักษณะนี้
    .
    .
    วินาทีนั้นผมเองก็นึกย้อนกลับไปถึงคำปรารภที่องค์ท่านเคยกล่าวไว้ให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่า
    .
    .
    " ศิษย์เรานั้น ... จะยากจนหรือร่ำรวย
    เราก็เมตตาเสมอกันหมด ดูอย่างพระพุทธเจ้านั่นสิ มือซ้ายอุ้มพระราชา มือขวาอุ้มยาจก วณิพกเข็ญใจ
    เราจะเลือกศิษย์ไม่ได้ ทุกคนเท่าเทียมกัน... "
    .
    .
    " ... หัวใจของเราเนี่ยมันเข้ม ... อะไรเข้ามาในสายตา ที่ตกทุกข์ได้ยาก เราก็จะช่วยทันที ไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไปหรอก หนักก็ให้เป็นเบา ทุเลาก็ให้หาย แล้วกลายเป็นสิ่งดีมาทดเเทนให้เขา ... นี่คือหน้าที่ของเรา "
    .
    .
    .
    #หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
    วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี
    .
    .
    #น้อมกราบในความเมตตาของพ่อแม่ครูอาจารย์
    .
    #เป็นกำลังใจให้น้องดี
    #และขอให้น้องมีสุขภาพร่างกายและสุขภาพใจที่แข็งแรงในเร็ววัน
    80.jpg 81.jpg 82.jpg 83.jpg 84.jpg
     
  18. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...Piriya Jord Chukeawngam
    .
    เขียนไว้เมื่อ 26 มกราคม 2017 ·
    #บารมีหลวงปู่บุญส่ง
    .
    .
    ก่อนหน้าที่ผมได้โพสต์เรื่องราวของ #หลวงปู่บุญส่ง ลงไป คือช่วง 3-4 วันที่ผ่านมามีญาติธรรมท่านหนึ่งมีความประสงค์อยากที่จะร่วมบุญสร้างโบสถ์นี้กับหลวงปู่บุญส่ง หากแต่ว่าตัวเขาเองนั้นอยู่ต่างประเทศ คือที่ #ออสเตรเลีย
    .
    .
    ตัวเองผมก็ไม่มีปัญหาอะไรเตรียมพร้อมที่จะจัดส่งซองให้กับญาติธรรมท่านนี้ แพคของแพคซองอะไรเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว อย่างที่ได้โพสต์ให้ทุกท่านได้เห็น
    .
    .
    และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (26/1/60) ผมก็ได้ให้น้องชาย Panich Settapongpanich ไปที่ DHL สาขา สยามพารากอน เพื่อช่วยส่งพัสดุที่ว่านี้ไปยังปลายทางต่างประเทศที่ตกลงกันไว้ เพราะผมต้องทำงานและมีประชุมงาน
    .
    .
    โดยพัสดุที่ว่านี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ด้านในก็มีทั้งซองผ้าป่าพร้อม #พระที่เป็นเหรียญเม็ดแตง ผ้ายันต์ 3 สี และภาพถ่ายหลวงปู่ เรียกว่าค่อนข้างจัดเต็มเลยทีเดียว
    .
    .
    คำนวนราคาอะไรเรียบร้อยเสร็จสรรพ ประมาณการว่าค่าจัดส่งคงอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท เพราะน้ำหนักเกือบ 9 กิโล (ต่างประเทศจะคิดตามน้ำหนัก)และเป็นการส่งข้ามประเทศ ซึ่งส่วนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะผมก็ตั้งใจจะจัดการเรื่องค่าจัดส่งให้อยู่แล้ว
    .
    .
    แต่พอไปถึงที่นั่นเจ้าหน้าที่ก็สอบถามว่า ด้านในพัสดุนี้มีอะไรอยู่บ้าง ก็บอกไปว่ามีซองผ้าป่า และมี #พระ อยู่ด้านใน จะส่งไปออสเตรเลีย เขาบอกว่าส่งไม่ได้ ต้องทำเรื่องที่กรมศิลปากรก่อน
    .
    .
    และยืนกรานว่ายังไงก็ส่งไม่ได้ มันจะมีปัญหาที่ปลายทางแน่นอน หากส่งไปถ้าไม่ได้ทำเรื่องให้ถูกต้องตามขั้นตอน เพราะที่ออสเตรเลียนั้นมันมีกฎหมายที่เคร่งครัดเรื่องนี้อยู่ จะวุ่นวายมากหากส่งไปแล้วและไม่ได้ทำเรื่อง เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ายังไงก็ส่งไม่ได้
    .
    .
    เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางผมเองก็ได้แจ้งไปกับผู้มีจิตศรัทธาที่อยู่ที่นู้น ว่าเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ จะทำอย่างไรดี
    .
    .
    เขาก็เลยแจ้งกลับมาว่า ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร #ยกเลิกไปก่อนแล้วกัน ยกเลิกก่อนได้ เพราะมันค่อนข้างจะวุ่นวายเลยทีเดียว เรื่องการจัดส่งนั้นให้ยกเลิกไปก่อน (แต่ญาติธรรมท่านนี้จะขอร่วมบุญคนเดียว จากที่ตั้งใจจะนำซองไปบอกบุญที่นั่นในตอนแรก)
    .
    .
    ตอนนั้นผมคิดในใจของแพคเสร้จเรียบร้อยแล้ว และซองก็เอามาจากวัดแล้ว แบบนี้เราจะทำยังไงดี แจกใครดี ตั้ง 500 ซอง และมันไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว อีกทั้งเวลาที่มีเหลืออยู่ ก็กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ
    .
    .
    ยอมรับว่าค่อนข้างกังวลใจ ไม่รู้จะแจกใครแล้ว เพราะผมเองก็แจกไปมากแล้ว ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะไปแจกใครแล้วเหมือนกัน
    .
    .
    คิดหนักถึงขั้นทักหา Munin Kanrawi แอดมินคนสวยประจำวัดเลยทีเดียวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไรดี
    .
    .
    กลับจากที่ทำงานก็กังวลกับเรื่องนี้ เลยอาราธนากับหลวงปู่ในใจว่าให้ช่วยด้วย เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา และไม่รู้จะทำไงต่อ
    .
    .
    นี่คือสิ่งที่ทำได้ในช่วงหัวค่ำ อาราธนาตามที่หลวงปู่ท่านเมตตาสอน สำหรับการตั้งจิตอธิษฐานที่จะทำให้เกิดผล (อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
    .
    .
    จากนั้นด้วยความอ่อนเพลียจากงาน ผมก็อาบน้ำพักผ่อน แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี ตื่นมาประมาณตี 2 กว่า ๆ ส่วนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาเพราะยังกังวลเรื่องซองที่ว่านี้ ที่ไม่รู้จะทำยังไงดี
    .
    .
    เปิดเชคโทรศัพท์ดูเวลา และเห็นว่ามีการแจ้งเตือนทางไลน์ ก็เปิดเข้าไปดู
    .
    .
    ปรากฎว่าเมื่อเช็คไลน์ ได้เห็นข้อความก็ตาตั้งและรีบขยี้ตาในทันที เพราะข้อความที่เห็นคือ
    .
    .
    #ขอจองซองผ้าป่า500ซอง #ร่วมบุญกับหลวงปู่ (ตามภาพ)
    .
    .
    วินาทีนั้นผมขนลุกและตาสว่างทันที(ตอนที่พิมอยู่ตอนนี้ก็ยังขนลุก) แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นึกว่าตาลาย ต้องขยี้ตาซ้ำและเพ่งมองใหม่
    .
    .
    แต่ข้อความที่เห็นมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมตื่นทันที พราะมันอธิบายไม่ถูกเหมือนกันกับสิ่งที่เจอ
    .
    .
    จากที่ถูกยกเลิกการจัดส่งเมื่อช่วงเย็น และทำให้คิดหนักพอสมควร แต่หลังจากนนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นมาอีก เพราะมีคนมาขอร่วมบุญ 500 ซองแทนท่านที่ยกเลิกไป
    .
    .
    วินาทีนั้นผมนึกถึงพรที่หลวงปู่ได้มอบให้ในวันที่เข้ากราบว่า
    .
    .
    #จงสำเร็จ ... ยังไงก็สำเร็จ สำเร็จทุกอย่าง ขออนุโมทนากับทุกคนที่ได้ร่วมบุญให้ครั้งนี้ด้วย สำเร็จ ๆ "
    .
    .
    สิ่งนี้มันทำให้ผมตระหนักเลยว่า บารมีของหลวงปู่นั้นช่วยเราได้เสมอ หากคิดดีทำดีและตั้งใจจริง
    .
    .
    และสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนถูกกำหนดไว้ดีแล้วในทางที่ควรจะเป็น ... ผมเชื่อเช่นนั้น
    .
    .
    #ท้ายสุดนี้ก็ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในบุญใหญ่ครั้งนี้ทุกคนนะครับ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม
    .
    .
    #บุญไม่เคยทำให้ใครตกต่ำ
    #กุศลบุญจะหนุนนำและความดีจะรักษา
    #สาธุอนุโมทนา
    .
    .
    .
    น้อมกราบ #หลวงปู่บุญส่ง ที่ลูกเคารพยิ่งด้วยเศียรเกล้า
    65.jpg 66.jpg 67.jpg 68.jpg 70.jpg 71.jpg 72.jpg 73.jpg
     
  19. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...พายัพ วชิโร
    .
    เรื่องเล่าของคนสายบุญ
    ▫️
    หลายปีมานี้ที่อยู่ในวงการโหรฯ เห็นอะไรหลายอย่างมากมาย ผ่านนักพยากรณ์นักโหราศาสตร์หลายท่านหลายรุ่น บ้างเกิดใหม่บ้างดับไป เห็นจนชินตา บางท่านก็นิยมชมชอบในศาสตร์ บางท่านก็เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีวิต บางท่านก็อยากมีทักษะพิเศษเอาไว้คุยกับสังคม บางท่านอยากเป็นที่ยอมรับในสังคม หายไปก็มาก อยู่ก็ส่วนน้อย
    ▫️
    พักหลังผมเองแทบจะวางตัวลง จากสังคม เนื่องจากเห็นการวนเวียน ในวัฏฏะ อย่างนี้ ผ่านมาผ่านไป จนหันเหเข้ามาทางศาสนามากขึ้น
    ▫️
    ‍สำหรับวิชาโหราศาสตร์ และผมมาถึงจุดที่พอใจ และเพียงพอ หลายท่านมักกล่าวว่า โหราศาสตร์ไทยเรียนไม่จบ สำหรับผมผมถือว่าจบตามที่ผมพอใจ หลายท่าเอะใจว่า ทำไมผมถึงเข้าวัดเข้าวามากขึ้น คำตอบคือ....ผมว่าง..✨✨
    ▫️
    ✨✨สมองผมว่าง เพราะผมเองคิดอยู่กับโหราศาสตร์ไทยหลายปี คิดจนเข้าถึงจุดที่พอใจ แบบพอใจจริงๆ สำเร็จตามใจที่จะคิด เลยว่างในความคิด ผมจึงหาศึกษาแนวปัญญาที่สูงค่ากว่าโหราศาสตร์ไทย ซึ่งถ้าจะมองว่าคืออะไร คำตอบมีคำเดียว คือปัญญาแห่งศาสนาพุทธ
    ▫️
    ผมมาคิดต่อในแบบละเอียดขึ้น ซึ่งศาสนาพุทธอยู่กับชีวิตผมมานาน ก็ถึงเวลาที่ผมเสร็จกิจทางโหราศาสตร์ไทย มาเอาจริงเอาจังสักทีกับเรื่องศาสนา
    ▫️
    สิ่งที่ได้มาจริงๆ คือความสุข สุขในแบบที่หาไม่ได้ สุขแบบเย็นสงบ บริบูรณ์ สุขในศีล สุขในการทำบุญ
    ปัจจุบันผมมีภารกิจสำคัญอยู่ ในการศาสนา คือตั้งจิตแน่วแน่ ในการที่จะช่วย พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ทางสายธรรม และสะสมกุศลแห่งตน ซึ่งเจตนาอันเป็นกุศล ตั้งมั่นไว้ดั่งนี้
    ▫️
    1) ตั้งจิตอันเป็นกุศล จะสร้างพระ พุทธมงคลชัยยะมุณี หน้าตัก 9 เมตรให้ลุล่วง และช่วย พระครูโอภาสชัยมงคล พัฒนาวัดไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่ง พระครูโอภาสชัยมงคลนี้ ท่านเป็นพระที่ศึกษาสายว่านยาแดงพม่า เป็นครูบาอาจารย์ที่เมตตาธรรมสูง แนะนำและช่วยเหลือการดำเนินชีวิต ให้เข้าถึงการเข้าใจในการสั่งสมบุญ เกื้อกูลข้าพเจ้าเสมอมา เป็นครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวนับถือ
    ▫️
    2) ตั้งจิตอันเป็นกุศล จะช่วยเป็นแรงร่วมสร้าง มหาอุโบสถ 5 ไร่ที่ วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทรบุรี ให้ลุล่วงแล้วเสร็จ ถวายแด่ศาสนา โดยร่วมสร้างบุญกับหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดสันติวนาราม หลวงปู่ท่านมีบารมีธรรมสูง มีเมตตาธรรมสูง เป็นพระสุปฏิปันโน ทำให้เย็นและสุขในจิตข้าพเจ้าเสมอ รอยยิ้มและเมตตาขององค์ท่าน ทำให้ข้าพเจ้าและครอบครัวน้อมลงด้วยความศรัทรา
    ▫️
    ด้วยวาสนาแห่งธรรมนั้น ทำให้ผมผูกพันกับครูบาอาจารย์ทั้งสององค์ สิ่งที่ผมได้รับนั้นมากมาย
    สิ่งที่ได้รับมานั้นคือ ชีวิตที่ดี มีคุณภาพ ปราศจากความทุกข์ ลดความทะยานอยาก มีความบริบูรณ์ในเรื่องความเป็นอยู่
    ▫️
    จึงมักแนะนำลูกศิษย์ทั้งหลายให้วาง ความสับสนในจิตใจลง แนะทางสงบ ส่งเสริมความสุขในจิต และหลายครั้งได้นำปัญญาธรรมของพระพุทธองค์มาแนะนำลูกศิษย์ ให้พ้นจากทุกข์ในใจ หลายท่านที่ยังมีความจำเป็นในการแข่งขันเพื่อการดำรงชีพ ก็จะแนะนำให้รู้จักการใช้ชีวิตที่ดี
    ▫️
    อยากให้ทุกท่านมีความสุข อยากให้เพื่อนหมอดูในสังคมมีความสุข อยากให้ลูกศิษย์มีความสุข
    ▫️
    วันนี้ผมมาเปิดประเด็น ในเจตนา และกล่าวถึงจิตอันเป็นกุศล กล่าวถึงวัดสองสถานที่ กล่าวถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สององค์ ได้แก่
    ▫️
    หลวงปู่ บุญส่ง ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดสันติวนาราม ต.เขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ. จันทรบุรี
    ▫️
    และพระครูโอภาสชัยมงคล เจ้าอาวาสวัดไทรย้อย ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่
    ▫️
    ✨✨ซึ่งผมจะมีเรื่องราวของที่มาของการตั้งจิตในการ ทำบุญกับวัดสองวัดนี้ และบารมีธรรม ในองค์หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร และเมตตาธรรมของ พระครูโอภาสชัยมงคล มาเล่าในวันถัดไปครับ✨✨
    ▫️
    ขอกุศลจงเกิดแด่ท่านผู้อ่าน
    ✨พายัพ วชิโร✨
    72.jpg 73.jpg 74.jpg 75.jpg
     
  20. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เรื่องเล่าจากลูกศิษย์...พายัพ วชิโร
    .

    ✴️เรื่องเล่าของคนสายบุญ 4 ✴️
    ▫️
    ▫️
    การฝึกจาคะ
    ▫️
    ▫️
    ✴️▫️มหาเถระ มหาอุโบสถ แห่งถ้ำเขาน้ำตกจันทร์บุรี
    ▫️
    ▫️
    “เปลี่ยนแปลงโลกิยะทรัพย์ให้เป็นอริยะทรัพย์ หากเราสำเร็จมรรคผลในชาตินี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดี แม้นเราไม่สำเร็จมรรคผลในชาตินี้ หากเราได้เกิดเป็นมนุษย์อีก อริยะทรัพย์เหล่านี้ก็จะเป็นทุนรอนให้เราไม่ลำบากในภพชาติต่อไป ”
    ▫️
    ▫️ย้อนหลังไปประมาณ 3 ปี หลังจากที่ อ.ประทีป อัครา ทิศาปาโมกข์แห่งคลองประปา จากไป ผมเอง เสมือนกับว่าเสาหลักที่ยึดเหนี่ยว ในชีวิตได้หายไป เนื่องจากสมัยที่ท่านอาจารย์ประทีป ยังอยู่นั้น เวลาผมมีทุกข์มีปัญหา ก็ได้ไปปรึกษาปรับทุกข์กับท่านบ่อยๆ ได้ทั้งแนวคิดได้ทั้ง ทางออกทางแก้ไขของชีวิตโดยตลอด พอสิ้นท่านไป ในใจเสมือนขาดผู้ชี้ทางผู้นำทาง
    ▫️
    ▫️มาวันหนึ่งผมได้เห็น น้องคนหนึ่ง คือคุณจ๊อด พิริยะ ชูแก้วงาม ได้ลงรูปหลวงปู่ท่านหนึ่ง ในทามไลน์ของเฟสบุ๊ค ก็นั่งพิจารณาอยู่นาน รู้สึกเกิดปีติขึ้นมา ซึ่งปรกติแล้ว เวลาเข้ากราบพระเถระหรือแม้แต่พระสุปฏิปันโน ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ ความรู้คือปีติ สุข เย็น สงบ จึงตามข้อมูลอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงตัดสินใจโทรหา คุณ จ๊อด พิริยะ ทันที
    ▫️
    ▫️จากการที่ไม่เคยคุยกันเลยแม้แต่ในข้อความต่างๆ จึงได้ถามไถ่ จึงได้ความ ว่าท่านหลวงปู่ ชื่อ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดสันติวนาราม จันทร์บุรี และองค์ท่านจะมาร่วมทอดผ้าป่าที่ บริษัท เวลทรอน ในซอยลาดพร้าว จึงไปร่วมงานทอดผ้าป่าที่บริษัทเวลทรอน

    ▫️ในงานพบ คุณจ๊อด พิริยะ คุยกันสักครู่หนึ่ง คุณจ๊อดจึงพาเข้ากราบหลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร เมื่อแรกพบหลวงปู่ มีความรู้สึกอบอุ่น ศรัทรา ในความรู้สึกอบอุ่นนี้ คล้ายกับความรู้สึก ในตอนที่ได้ใกล้ชิด อ.ประทีป อัครา จิตใจ จึงรู้ว่าเราได้เจอแล้วครูอีกท่านของเรา
    ▫️
    ▫️ความรู้สึกปีติและอบอุ่นนี้ ทำให้จิตใจน้อมนำศรัทรา ได้ทราบว่าหลวงปู่ท่านกำลังสร้างโบสถ์หลังใหญ่ 5 ไร่ เฉพาะเนื้อที่โบสถ์ จึงแปลกใจเพราะว่าหลังใหญ่มาก จึงตั้งใจร่วมทำบุญ ร่วมสร้างมหาอุโบสถ์หลังนี้
    ▫️
    ✴️▫️ในการร่วมทำบุญ โบสถ์หลังนี้ ผมเองได้เรียนรู้จิตใจตนเองมากขึ้น คำว่าเรียนรู้นี้คือเรียนรู้ ขอบเขตข้อจำกัดของความหวง ในทรัพย์สินแห่งตน
    ▫️
    ✴️เมื่อแรกร่วมบุญนั้นโดยทั่วไปผมเองก็จะมีขอบเขตของความหวงแหนแห่งตนอยู่ ขอบเขตอันนี้คือมิติของความรู้สึก เช่นเราตั้งใจทำบุญในจิตตั้งต้น 500 บาท พอเราจะไปทำจริงๆ ตอนที่จะนำเงินจากกระเป๋า ในระยะแรกจิตจะคิด ว่าเอ...เราทำแค่ 200 ดีไหมนะ 500 มากไปหรือเปล่า
    ▫️
    ✴️▫️จิตอันนี้ ผมรู้สึกเอ..มันหนักอึ้งในใจ ทำไมรู้สึกขัดแย้ง จิตแรก เราอยากทำ แต่พอจะสละทรัพย์ทำไมจึงมีอีกจิตหนึ่งมาหวงไว้ ทำให้รู้สึกอึดอัด อึดอัดในใจแห่งตนแต่ในจิตเดิมนั้น มีความชัดเจนกว่า เตือนสติว่า เอ...เราเองนี่แย่นะ ทำไมตอนไปทานอาหารนั้น เป็นเพียงรสชาติและค่านิยมเราสามารถจ่ายแพงได้ แต่นี่เรากำลังสร้างกุศล ทำไมจิตเราจึงรู้หวงแหนเช่นนี้ เมื่อตั้งใจแล้วความทำตามความตั้งใจ
    ▫️
    ✴️▫️จึงน้อมใจสละทรัพย์ออกไป และหลังจากได้ทำไปแล้ว มีความรู้สบายใจ เสมือนหนึ่งได้ชนะใจตน ชนะความตระหนี่ของตนเอง ได้ในขั้นต้น และต่อมาได้ชนะความตระหนี่ในทรัพย์ ในใจตนได้อย่างหมดจด
    ▫️
    ▫️ในอดีตนั้นผมเอง ติดตระหนี่ ในการร่วมบุญทุกครั้งรู้สึกว่าหวงแหน และทุกครั้งที่หวงแหน มีความรู้สึก อึดอัดในใจลึกๆอยู่เสมอ เหมือนมีความไม่สบายใจซ่อนอยู่
    ▫️
    ▫️จิตเรามักจะหาสาเหตุของความหวงแหนในทรัพย์สินของตน ยกขึ้นมา เพื่อไม่ให้เราต้องจ่ายทรัพย์สินนั้นออกไปในทางที่เรารู้สึกเหมือนไม่ได้ประโยชน์ในสิ่งที่จับต้องได้ต่อหน้า จนในบางครั้งก็กลับกลายเป็นเหตุของความทุกข์▫️

    ▫️เมื่อเราสะสมมากขึ้น ความตระหนี่ก็จะยึดครองจิตของเราอย่างแยกไม่ได้ จนเกิดเหตุขัดแย้งขึ้นในสังคมต่างๆนาๆ เช่นการขัดแย้งเรื่องมรดก การขัดแย้งด้านหนี้สิน และผมก็คิดกลับว่า หากเราค้าขาย คู่ค้าคิดเช่นนี้กับเรา เราจะได้เงินและทรัพย์เหล่านั้น มาอย่างง่าย หรือยากลำบากเล่า▫️
    ▫️
    ✴️▫️แต่ที่แปลกคือว่า หลังจากการเอาชนะ ความตระหนี่ในจิตได้นั้น รายได้กลับมากขึ้น ทั้งๆที่ความหวงแหนนั้นน้อยลง ซึ่งผมลงมติได้สองส่วนคือ

    ▫️1. กุศลที่ได้สละทรัพย์ เพื่อทะนุบำรุงศาสนา เพื่อบำรุงให้ศาสนานั้นดำรงอยู่ เพื่อยังประโยชน์ให้คนพ้นจากทุกข์
    ▫️
    ▫️2. จิตที่ได้เปิดกว้างขึ้น การยึดติดในทรัพย์นั้นน้อยลง
    ▫️
    ▫️ทั้งยังเกิดประโยชน์ต่างๆ ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ มากขึ้น เพราะเมื่อเราไม่ได้ตระหนี่ การแย่งชิงโอกาสต่างๆในสังคมน้อยลง ทุกข์ก็น้อยลง เมื่อไม่แย่งชิง ไปที่ใดก็ล้วนมีมิตรมากขึ้น ชีวิตก็มีความสุข สุขโดยไม่ตระหนี่ สุขโดยไม่แย่งชิง ลดสาเหตุของการขัดแย้งในมิติต่างๆได้เยอะ
    ▫️
    ▫️หลายท่านอาจจะมองว่าผมคิดแปลก แต่ผมเองกลับมองว่า การที่เรามุ่งเป้าหมายไปที่การสร้างเงินเพียงอย่างเดียวนั้นเพื่อว่าการมีเงินนั้น เงินจะนำพามาซึ่งความสุข แต่เราเคยคิดหรือไม่ว่า เราเคยได้ความสุขนั้นจริงๆหรือไม่ เราต้องบริหารอย่างไร เราถึงมีความสุขได้
    ▫️
    ▫️วันนี้กล่าวถึงองค์หลวงปู่ บุญส่ง ฐิตสาโร เพียงเล็กน้อย เน้นกล่าวถึงความรู้สึกในจิตใจ ครับเดี๋ยวจะมาเล่าต่อ ในวันจันทร์ ที่ 7 กันยายน มีทั้งเคล็คการทำบุญ ที่จะส่งผลให้ชีวิตดีขึ้น และทำให้การเงินไม่ขาดมือ ซึ่งไม่ได้เน้นให้ทุกท่านโลภนะครับ เพียงแต่ว่า ให้มีเพียงดำรงชีพอย่างไม่ขัดสนครับ▫️
    ▫️
    ขอให้ท่านผู้อ่านมีความสุขครับ
    ✴️▫️พายัพ วชิโร▫️✴️
    72.jpg 73.jpg 74.jpg 75.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...