หลวงพ่อปานวัดบางนมโค

พระหลวงพ่อปานด้านหลังมีลายนิ้วมือ
แต่ในอดีตพระที่กดด้านหลังบางคนก็มีบ้างที่มาช่วยหลวงพ่อเผลอใช้นิ้วกด
ก็อาจจะมี แต่ให้ดูที่เนื้อมีความเก่าแห้งหรือไม่ เช่นองค์ที่มีลายนิ้วมือ
แต่อยากให้พี่ออตโต้มาช่วยตอบว่าเก๊หรือแท้ แต่สำหรับผมถ้าเห็นคงวางไม่ลง



เป็นพิมพ์หนุมานแบกแท่นหลังมีลายนิ้วมือ พิมพ์ชัดเจนและผิวมีถูกจับบ้าง



พิมพ์หนุมานเหมือนกันแต่เป็นยันต์แถวเดียวแนวนอน

 

คุณphilpharm อย่าพึ่งน้อยใจครับ ผมเคารพความสามารถของคุณอยู่
เรามาศึกษาร่วมกันครับ ไม่มีใครรู้มากหรือรู้น้อยกว่ากัน
เดี๋ยวนี้ผมจะตอบก็แต่เคสยาก แต่ก็อย่างที่ออกตัวไม่รู้ว่างานนี้จะโดนหรือเปล่า
แต่ผมไม่อยากให้คุณphilpharm ตำหนิผม มันจะเป็นบาปต่อผมด้วย
ด้วยความจริงใจ ผมก็ไม่ได้รู้มากไปกว่าคุณphilpharm หรอกครับ

คำอาจารย์ผม.....อาจารย์เกรียงไกร บุญธกานนท์ บอกว่า
ผู้ใดตำหนิติเตียนเรา คืออาจารย์เรา
ผู้ใดให้กล่าวว่าร้ายเรา คือให้แสงสว่างเรา

ผมบอกตามตรงพิมพ์ไปใจเต้น ตุ่ม ๆ ต่ำ ๆ กลัวคุณphilpharm โกรธอยู่เหมือนกัน
แต่ก็มีคำว่า ทาน ผมจึงพิมพ์ต่อ....
1 ทาน คือการให้ ทานทั้งปวง
2 วิหารทาน แต่เหนื่อกว่าทานคือ วิหารทานคือทั้งให้และก็ช่วย
3 ธรรมทาน เหนือกว่าวิหารทาน คือการมีศีล พระบอกว่า ทานและวิหารทาน คือเสบียง แต่ ธรรมทานคือพาหนะ
4 อภัยทาน เหนือกว่าธรรมทาน เพราะการให้อภัยทาน ทำยากที่สุด ถ้าเรารู้จักให้อภัยเราจะได้และรู้สึกกับตัวเราเองทันที คือความสบายใจ

 

สององค์นี้พิมพ์หนุมานทรงเครื่องใหญ่ครับผมก็ชอบทั้งสององค์
แต่อีกภาพหนึ่งจะดูสีจืดกว่ากัน อันเนื่องมาจากการถ่ายภาพและให้แสง
จะสังเกตว่ามีลายนิ้วมือเช่นกัน แต่ไม่มากทั้งองค์อย่างไรก็มีลอยปาดให้เรียบเช่นกัน

 

และองค์นี้เป็นองค์สุดท้ายที่ด้านหลังมีลายนิ้วมือ
เป็นพิมพ์ขี่เม่น บัว 6 จุด แต่ต่อไป ถ้าหาภาพดี ๆ ในเครื่องได้ผมจะนำเสนอ
ในเรื่องกรวด แต่ต้องรื้อฟื้นความรู้สักหน่อยหรือขัดสนิมนั่นเอง แต่อย่างน้อย
ประสบการณ์นานปีของผมอาจช่วยได้บ้าง คุณ ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายช่วยภาวนาให้ผมด้วย

 

ตัวอย่างนี้เป็นการแสดงถึงเม็ดกรวดที่อยู่ในเนื้อพระครับ
พิมพ์นี้ด้านบนจะใหญ่กว่าด้านล่าง ถ้าคนที่ชำนาญพระหลวงพ่อปานก็จะรู้ว่าเป็นพิมพ์อะไร
และกรวดก็ดูร่อนไปหน่อย แต่ก็ไม่มีตัวอย่างองค์อื่นแล้ว ก็ขอใหพิจารณากรวดเม็ดที่เสมอกัน เพราะพระหลวงพ่อปานเมื่อสมัยก่อนใช้ตะแกรงร่อนดินจนได้กรวดที่เสมอกัน

 

คุณphilpharm น่าจะดีใจนะครับที่มีคนมาร่วมให้ความคิดเห็นโต้แย้ง
ถ้าเราตั้งกระทูขึ้นมาแล้วไม่มีคนมาติชม กระทู้นั้นก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอบคุณพี่สโตร์ครับ พี่สโตร์เข้ามาทีไรได้แง่คิดแล้วความรู้ทุกครั้งไป ^^

ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาดูพระเลยครับ งานเยอะ จะดูให้ก็เซฟเก็บ url ไว้ก่อนแล้วไล่ตอบทีหลัง - -'

วันนี้วันดีครับ ตั้งใจทำดี ช่วงนี้ผมตั้งใจว่า ทุกวันพระจะไม่กินเนื้อสัตว์ถวายในหลวง

ส่วนทุกวันเกิดผมเกิดวันพุธก็จะกินเจให้ตัวเอง ใครจะนำไปใช้ก็ไม่ว่ากันครับ ^^

เพราะถ้ากินทุกวันก็คงไม่เหมาะกับการใช้ชีวิต ณ ปัจจุบัน ปกติบริจาคเลือดด้วย ไม่งั้นคงได้เป็นลมล้มฟุบแน่ๆ

 

ผมขออนุโมทนาสาธุกับคุณ BigZys ด้วยครับ
ผมก็ไม่ค่อยตอบแล้วครับ แต่ถ้าเคสยาก ๆ และท้าทาย ถ้าผมคิดว่าความรู้พอก็จะตอบ.... เข้าพรรษานี้ผมก็ได้ปฏิญาณตนไปแล้ว
พร้อมกับท่านนายอำเภอ ต่อหน้าพระผู้ใหญ่ และมีพระมหาสมปอง ตาลปุตโต มาเทศก็ก่อนปฏิญาณ....

 

อนุโมทนาบุญด้วยครับ พี่สโตร์ ^^

 

มาศึกษาด้วยคนครับ พี่stoes การที่คุณนำพระมาเพื่อการลองภูมิคนอื่น อย่างที่ คุณ naichian ได้กระทำนั้น ไม่เหมาะสม เป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง ถามเพื่อให้ คำตอบว่าดีหรือไม่ ก็ย่อมได้คำตอบ ในทั้งสองแง่ แต่พอได้คำตอบที่ไม่ดี ก็บอกว่าแท้แน่นอน อย่างนั้นทำไมไม่บอกว่า โชว์ด้วยคนครับ มาถามทำไมว่าดีหรือไม่ดี ครับ การเล่นพระ ศึกษาทั้งชีวิตก็ไม่หมดครับ อีกอย่างพระของ คุณ naichian ก็ไม่ได้ถ่ายเคลีย + กับสภาพใช้สึกยากแก่การพิจารณามากครับ ยังไงฝากไปเป็นข้อคิด ครับ ด้วยความเคารพ

 

<TABLE id=post4880791 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> วันนี้, 02:47 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#29 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->stoes<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4880791", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Nov 2009
สถานที่: บางขุนเทียน
ข้อความ: 3,439
พลังการให้คะแนน: 585



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4880791 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->คุณphilpharm น่าจะดีใจนะครับที่มีคนมาร่วมให้ความคิดเห็นโต้แย้ง
ถ้าเราตั้งกระทูขึ้นมาแล้วไม่มีคนมาติชม กระทู้นั้นก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย<!-- google_ad_section_end -->

ก็ความเห็นเดิมแหละครับหากท่านคิดว่าความเห็นท่านถูกต้องแล้วผมก็ไม่มีคำโต้แย้งใดๆแล้ว

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ครับผมเข้าใจในจุดนี้....ผมก็ผ่านเรื่องพระหลวงพ่อปานมานานพอใช้
เลยมีเรื่องเล่าเมื่อสมัยก่อนเกือบประมาณ ยี่สิบปีก่อน มีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งแกมาเป็นลองสัสดีที่อำเภอที่ผมอยู่และก็เริ่มเล่นพระใหม่ ๆ
ตอนนั้นผมเล่นอยู่กับเซียนเดินสายแล้ว มีหลวงพ่อปานพอควร
ทุกองค์แท้หมด ไม่ได้คิดยากหรือดูยากเหมือนในสมัยนี้
และโดยที่ชอบเล่นพระด้วยกันจึงได้มีการแลกเปลี่ยน ผมให้หลวงพ่อปาน พิมพ์เม่นบัวโค้ง พี่รองสัสดี เดี๋ยวนี้เป็นสัสดีนานแล้ว
แกให้พระพิมพ์ปรกโพธิ์นาดู หักแต่ซ่อมแล้ว พอแกย้ายไปอยู่ที่ลาดบัวหลวงแกก็ไปเล่นกับเซียนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พระสมเด็จเกศไชโย
ที่ผมให้ไป แกก็ไปขายที่อยุธยา หลวงพ่อปานเม่นบัวโค้งโดนเซียน
อยุธยาสวดว่าสร้างทีหลังไม่ทันหลวงพ่อก็ขายเช่นกันหรือไม่ก็แลกเปลี่ยน ก็เลยมีประสบการณ์หลวงพ่อปานพอควร
ส่วนผมเป็นเขยอยุธยาคนเสนา แต่บอกตรง ๆ ไม่เคยได้หลวงพ่อปาน
เด็ด ๆ ที่นี่เลยมีแต่ของไม่เก่าพอสร้างใหม่กรวดใหญ่เล็กในเนื้อพระ
เนื้อพระแกร่งหยาบและดูสดใหม่ มีที่ได้แท้และดีก็ งบน้ำอ้อย หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด ซึ่งพี่บุพนิมิตเคยลงถาม และมีคนตอบว่าเก๊
เมื่อผมได้รู้จักเว็บนี้ ผมก็ไปค้นกระทู้เก่าจึงพบ และบอกตามตรงว่าแท้ ผมรู้จักดี ส่วนหลวงพ่อปานผมก็มีประสบการณ์ และรู้ว่าจะดูอย่างไร
เล่นอย่างไร ของที่เรามองว่าใหม่พอส่องดูดี ๆ เนื้อจืด แต่แท้ก็มี
ส่วนพระเก๊สมัยนี้มี จะสร้างสวยครบสูตร ซึ่งผมก็ดูออกและขัดตา
ถ้าพูดถึงพระองค์แรกในกระทู้นี้ ที่คุณphilpharm ลง และบอกว่าดี
คนอยุธยาเขาเล่นกันแบบนี้ แต่มันขัดกับที่ผมเล่นมาในวงที่ใหญ่กว่า
เช่นเม็ดกรวดใหญ่เวลาปาดก็เลยมีร่องเป็นทางยาว และพยายามสร้างดูให้เก่า
ซึ่งคุณnong เซียนหลวงพ่อปานคนหนึ่งก็บอกว่าเก๊ดูง่าย ขออภัยที่เอ่ยนาม

 

ตอนแรกดูว่าผิดพิมพ์ แต่ดูเนื้อแห้งพอได้ พอมาอ่านของพี่โตว์แล้ว เก๊ สนิทเลย ใช่ป่าวครับ

 

ครับองค์นี้พิมพ์ปลากัด ผิดพิมพ์ เนื้อไม่ได้มัดแล้วคลายตามกาลเวลา
แต่เป็นพระทำใหม่ด้านหลังปาดแล้วสะดุดกับเป็นหลุ่มแข็ง ๆ ส่วนมาก
ยังมือไม่ถึงในการทำปลอมครับ

 

ผมขออนุญาตนำเรื่องเก่าเกี่ยวกับหลวงพ่อปาน มาให้ชมเป็นเพียง text
ไม่มีภาพเพราะเนื่องจากพระองค์นี้มีเจ้าของนอกเว็บ อาจเกิดความเสียหายกับเขาได้
ของคุณ nong 2710 ให้ได้อ่านตัองขออนุญาติคุณ nong 2710 ด้วยครับ
เป็นข้อความเก่า...อุทธาหรณ์ สอนน้อง ๆ จาก nong 2710

----------------------

อุทธาหรณ์ สอนน้อง ๆ จาก nong 2710<O</O​

คงจำกันได้นะครับ ล่าสุดที่ผมลงลพ. ปาน ไก่ 5 เส้น สวยมาก ๆ จากเวปประมูล (ผมลบกระทู้เก่าไปแล้ว ตามมารยาท ว่าไม่ได้เอาพระเค้ามาประจาน)ซึ่งผมได้บทเรียนหลาย ๆ อย่าง ที่อยากจะถ่ายทอด ให้ พี่ ๆ น้อง ๆในนี้ได้ทราบครับ

เริ่มจาก ความหลง หลงในความสวย เลยขาดสติมองข้ามสิ่งผิดปรกติในตัวองค์พระไป เช่นรอยกาบหมากที่ขาดช่วง การลอยตัวของเม็ดกรวดและความสดในบางจุด ตรงด้านหลังขององค์พระครับ ซึ่งบ่งบอกว่า พระองค์นี้ เป็นพระซ่อมซ่อมมาเยอะมากด้วยครับ

วงการพระ มันแคบครับ พระสวยระดับนี้ตามประวัติไม่ยาก อย่างน้อยต้องผ่านตาเซียนใหญ่ ๆ มาแน่นอน และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพระองค์นี้เคยอยู่ในมือเซียนใหญ่มาหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือคุณหมูเพื่อนผม

ส่วนเรื่อง ใบประกาศรางวัลที่ 1 สองงาน คนขายบอกเจ้าของเก่าหาไม่เจอ ซึ่งก็แปลก ๆ (แต่ตอนนั้น ผมยังเกิดความหลงอยู่ เลยไม่สนใจ)ส่วนใบประกาศ ที่ได้ที่ 2 นี่ซิครับเป็นประเด็นที่ผมกำลังหาคำตอบอยู่ว่า

ใบประกาศแท้แต่กรรมการมองพระซ่อมไม่ออก หรือมองออก แต่เป็นพระของพวกเดียวกันหรือเป็นประกาศปลอมไปเลย

ครับยังโชคดี ที่ผมยังไม่ได้จ่ายเงินซื้อมาเพราะมีหลายท่านในนี้ เตือนสติก่อน ก็เลยมาถ่ายทอด ให้พวกเรา ในนี้ฟังว่าเล่นพระต้องมีสติ ไม่หลงในความสวย ไม่หลงในราคาที่ถูก ไม่หลงในใบประกาศไม่หลงในนิทานของคนขาย ฯลฯ สติเท่านั้นครับ ที่จะทำให้เรามองพระองค์นั้น ๆ ขาดและเรื่องนี้ ถ้าอ่านดีๆ เป็นการประจานตัวผมเองมากกว่าครับ เพราะรู้สึกอายเหมือนกันที่เล่นพระขาดสติไป<O</O
__________________
เล่นพระแค่ชอบไม่ขอเป็นเซียน

------------------------------------------------------------------------

**คุณน้ำดี 1 เข้ามาร่วมให้ความคิดเห็น และอีกหลายท่านร่วมอนุโมทนา**

ที่สำคัญสุดคือก่อนจะเช่าพระองค์ใดก็ตามโดยเฉพาะพระที่มีราคาแพง ต้องรอบคอบให้มาก ๆ ค่ะเพราะมิฉะนั้นอาจเสียเงินเกินความเป็นจริงหรือเสียค่าโง่ให้คนขายที่ปิดบังข้อมูลในเรื่องสำคัญไม่ให้เราทราบเพื่อจะได้ขายพระได้ราคาดี ๆ
---------------------------------------
**ผมมาตอบ .....**

นางฟ้า...ตัวจริงกลายเป็นไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
และแล้วคุณnong ก็ผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยปัญญาของคุณอย่างที่ผมคิด
เพราะพูดมากไปก็ไม่ดี เอาแต่พอดี ความสวยก็เช่นกันเพราะของบางอย่างไม่ใช่
ช้างเผือกอยู่ในป่าแต่เป็นช้างเผือกทำศัลยกรรมที่คนอีกชั้นหนึ่งรู้จักดีแล้วเราไปพบเข้า
ก็เลยนึกว่าช้างเผือกตัวนี้อยู่ในป่าจริง ๆนับเป็นความมีน้ำใจของคุณnong
ที่ออกมาเปิดเผยแต่อยากจะขออนุญาตคุณnongเปลี่ยนคำว่าซ่อม (การซ่อมจะทำเป็นจุดๆไป) เป็นคำว่าแต่งมา
เพราะในวงการมีการแต่งและซ่อมในพระเนื้อดินและเนื้อผงมานานเป็น 10 ๆปีแล้ว
จนช่างซ่อมหรือแต่งพระเกิดความชำนาญมาก...จนสายตาคนธรรมดาอย่างเรา ๆ
ไม่สามารถที่จะมองหรีอตัดสินใจได้ว่าเป็นอย่างไรครับ
----------------------------------
**คุณ blackeye เขามา comment**

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ใหม่ๆฮะ เยี่ยมคับ ผมได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก
ของสวยนี้น่ากลัวจริงๆ ยิ่งพระหลักๆยิ่งต้องดูทุกรูขุมจริงๆคับ
--------------
**น้อง marmja ก็มาร่วมแจม**
ขอบคุณครับพี่ nong เป็นกำลังใจให้ครับ ไว้ผมดูเป็นจะได้ ช่วยวิจารณ์บ้างครับไม่รู้ตาฝาดเปล่าเห็นหน้าท่านยิ้มด้วย ...
-------------------
**คุณ nong 2710 ก็มาแสดงความคิดเห็นปิดท้าย**
จริง ๆผมไม่อยากให้เอาพระเค้ามาลงนะครับ เพราะพระเค้าแท้ดูง่ายครับเดี๋ยวจะเสียหน้าพระเค้าหมด และตัวเจ้าของพระ ก็เล่นพระใช้ได้ครับเค้าคงไม่ได้ตั้งใจ
เรื่องซ่อม หรือแต่งผิว (build) พระองค์นี้ดูยากมากครับ เพราะดูคนที่เข้ามาประมูล ล้วนสายตรง ลพ ปานทั้งนั้นเลยครับ แสดงว่าเค้าก็ดูไม่ออกเหมือนกัน ต้องมือชั้นเซียนจริง ๆหรือดูพระขั้นเทพ (Advance) อย่างคุณ stoes หรืออาจารย์ของคุณทอดาว หรือตัวคุณหมูที่เคยเป็นเจ้าของพระองค์นี้ ด้านหลังค่อนข้างเห็นชัดครับ (เพราะอุดซ่อมมาก่อนทั้งแถบ แล้วจึงมาไล้ผิว เกรี่ยทองเอา) ลองสังเกตุกาบหมากและความสดของผิวบางจุดดูนะครับ และที่ตัวไก่ก็มีแต่งผิวมา และที่สำคัญผงก็อุดใหม่ด้วยครับ

ซึ่งรายละเอียด การดูพระที่แต่งผิวมา อย่างองค์นี้ผมอยากให้ อาจารย์ stoes หรือท่านอื่น ๆ ที่ชำนาญได้มาช่วยอธิบายดีกว่าครับจะได้เป็นความรู้ไปพร้อม ๆ กันครับ

-------------------------

ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับใคร เพียงแต่แนวคิดของผมเวลาเล่นพระ
ต้องเปิดตา เปิดใจ แต่พยายามปิดหู เพราะถ้าใช้หูเราจะพาดมากกว่าถูก
ฟังได้แต่ต้องเอามากรองด้วย และผมคิดว่าเราเป็นผู้เรียนรู้ เราจะมีแต่ได้กับได้
ถ้าเราเป็นอาจารย์ส่วนมากจะตัน เพราะอาจารย์ยิ่งอายุมาก ทุกอย่างก็ถอย
ฉะนั้นคนหนุ่มสาวทั้งหลาย ที่ยังไม่แก่ อย่าทำตัวแก่ครับ
ถ้าคนรุ่นหลัง พัฒนาตัวเองได้ดี คนรุ่นก่อนย่อมดีใจ แต่ถ้ารู้ว่าคนรุ่นก่อนไม่ดีก็อย่าไปนับถือ คนที่พัฒนาตัวได้ดีที่อยู่ในเว็บนี้ ที่ผมคุ้นมี น้องnarmja
คุณ nong 2710 , น้อง blackeye , คุณ Bigzys ,คุณphilpharm ก็ไม่ธรรมดา, และอีกหลายคน ฯลฯ
ส่วนผมคือผู้เรียนรู้ตลอดกาล ไม่ได้เป็นอาจารย์ใคร ^-^
<O</O




<HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>


<O</O

 

ความเชื่อทำให้เกิดการเปลี่ยน...ทำให้เกิดอะไรได้อีกหลายอย่าง ?

ความเชื่อ....ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและมีอิทธิพลมาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล
เช่น นิกายมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้าองค์เดิมยังกลับมาใหม่ได้ เป็นอัตตา
แต่เราประเทศไทยได้รับอิทธิพลดั่งเดิม คือนิกาย เถรวาท เป็น อนัตตา

เถรวาท และ มหายาน 2 นิกายใหญ่ของพระพุทธศาสนา คือ "นิกายเถรวาท" เถรวาท-มหายาน


(หรือหีนยาน) กับ "นิกายมหายาน" มูลเหตุแห่งการแยกนิกาย ย้อนไปครั้ง
หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 3 เดือน พระสาวกผู้ได้เคย
สดับ สั่งสอนของพระองค์จำนวน 500 รูป ประ ชุมทำสังคายนาครั้งแรก

ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา แคว้นมคธ ใช้เวลาสอบทานอยู่ 7 เดือน จึงประมวลคำสอนได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เรียกว่า ปฐมสังคายนา เป็นบ่อเกิดของพระไตรปิฎก คำสอนที่ลงมติกันไว้ในครั้งนั้นและนับถือกันสืบมา เรียกว่า เถร วาท แปลว่าคำสอนที่วางไว้เป็นหลักการโดยพระเถระ ซึ่งหมายถึงพระเถระผู้ประชุมทำสังคายนา และพระพุทธศาสนาซึ่งถือตามหลักดังกล่าว เรียกว่า นิกายเถรวาท หมายถึงคณะสงฆ์กลุ่มที่ยึดคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งถ้อยคำและเนื้อความที่สังคายนาไว้โดยเคร่งครัด แม้แต่ตัวภาษาดั้งเดิมคือภาษาบาลี

ในกาลต่อมาเมื่อมีปัญหาขัดแย้ง พระเถระผู้ใหญ่ก็ประชุมขจัดข้อขัดแย้งกัน เกิดการสังคายนาต่อมาอีกหลายครั้ง จนได้พระไตรปิฎกของฝ่ายเถรวาทดังที่รู้จักกันทุกวันนี้ ซึ่งถือกันทั่วไปว่าเป็นคำสอนโดยตรงของพระพุทธเจ้าที่นับว่าใกล้เคียงที่สุด

อย่างไรก็ตาม การสังคายนาแต่ละครั้งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางความคิดในหมู่สงฆ์ จนก่อให้เกิดการแยกฝ่ายที่มีความคิดเห็นไม่ลงรอยกันในส่วนหลักธรรมและข้อวัตรปฏิบัติ กล่าวกันว่า จากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า "ดูกรอานนท์ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา ถ้าสงฆ์ต้องการก็จงถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างก็ได้" พุทธดำรัสดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาในการตีความว่า สิกขาบทไหนเรียกว่าเล็กน้อย เป็นเหตุให้พระภิกษุบางรูปไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับสังคายนามาตั้งแต่ครั้งแรก และเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับการสังคายนาครั้งหลังอีกหลายครั้ง เป็นเหตุให้มีกลุ่มที่แยกตัวทำสังคายนาต่างหาก เป็นการแตกแยกทางลัทธิและนิกาย แต่ก็มิได้ถือว่าเป็นการแบ่งแยกศาสนาแต่ประการใด

การสังคายนาครั้งที่ 2 เกิดขึ้นหลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพานได้ 100 ปี (หรือพ.ศ.100) ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี สืบเนื่องจาก พระยสะ กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น ควรเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารยามวิกาลได้ ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น จึงชวนพระเถระผู้ใหญ่เข้าร่วมทำสังคายนาวินิจฉัยแก้ความถือผิด ได้แก่ พระสัพพกามี พระสาฬหะ พระอุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (4 รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ พระสัมภูตะ สาณวาสี พระยสะ กากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (4 รูปนี้เป็นชาวปาฐา) การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์ประชุมร่วมกัน 700 รูป ดำเนินการ 8 เดือน จึงเสร็จสิ้น ผลที่ตามมาคือการแบ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ 18 นิกาย เนื่องจากมีทรรศนะ อุดมคติ การตีความหลักธรรม และวัตรปฏิบัติที่แตกต่างกัน



ในที่ประชุมสังคายนามีมติให้กำจัดข้อบัญญัติ 10 ประการเหล่านั้นออกไป ด้วยเห็นว่าข้อวัตรของภิกษุฝ่ายตะวันออกไม่ถูกต้องตามพระวินัย ไม่ลงรอยกับพระปาฏิโมกข์ บ่อนทำลายความมั่นคงของพระพุทธศาสนา แต่พระวัชชีบุตร ภิกษุชาวเมืองเวสาลี ไม่เห็นชอบด้วย จึงได้จัดทำสังคายนาขึ้นเองต่างหาก เรียกว่า มหาสังคีติ และพระภิกษุฝ่ายนี้ เรียกว่า มหาสังฆิกะ ส่วนภิกษุฝ่ายตะวันตกได้นามว่า เถรวาทิน กระทั่งราวพุทธศตวรรษที่ 5 จึงได้เกิดกลุ่มคณะสงฆ์และคฤหัสถ์ที่เรียกตนเองว่า มหายาน ขึ้น แม้จะมีที่มาไม่แน่ชัด แต่สันนิษฐานได้ว่าพัฒนาจากนิกายมหาสังฆิกะ ผสมผสานกับปรัชญาของนิกายพุทธศาสนาอื่นทั้ง 18 นิกาย รวมทั้งนิกายเถรวาทด้วย ก่อกำเนิดเป็นลัทธิมหายาน
-------------------------------
ขอบคุณเว็บ จริยธรรมดอทคอม

 

ที่ยกตัวอย่างเรื่องความเชื่อมาให้ฟัง ความเชื่อที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
ความเชื่อทำให้เกิดลัทธิใหม่ นิกายใหม่ ยังมีมาตั้งแต่เมื่อ 2000 ปีก่อน
จนเดี๊ยวนี้ก็ยังมีอยู่ จนความเชื่อบางอย่างสามารถฆ่าคนได้ เช่น
ข่าวเมื่อไม่นานนี้ มีเด็กหนุ่มต้องหนีภัยจากบ้านในสามจังหวัดชายแดน
เพราะพวก RKK บอกว่าฆ่าคนไม่บาป มีแต่ได้บุญ จนเขาเกือบจะฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าของเขาเอง
-----------------------
ในเรื่องของหลวงพ่อปานนั้น ในช่วงเวลาที่สร้างยังสร้างมาเรื่อย ๆ ใช้เวลาในการสร้างติดต่อกันเป็นระยะเวลา 10 ปี
จึงมีความแตกต่างกันทั้งสภาพพิมพ์และเนื้อหา แต่ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงบัดนี้กี่ปึแล้วหละครับ 2470 โดยประมาณถึง ณ. ปัจจุบันก็ 84 ปีแล้ว
ถือว่าเป็นชุดแรก... ถ้าสร้างแรก ๆ เป็นยุคต้น ถ้าสร้างหลัง ๆ ก็เป็นยุคปลาย

ภายหลังก็ยังมีการสร้างอีกเพราะความศรัทธาในองค์หลวงพ่อ ซึ่งพิมพ์
และเนื้อใกล้เคียงในชุดแรก แต่มีความแตกต่างกันคงเป็นเพราะระยะเวลา
ก็ห่างกันเป็น 10 ๆปี ผมคาดคะเนเอา ชุดต่อจากยุคแรกนี้เท่าที่สังเกตในพื้นที่
เนื้อจะเป็นลักษณะของสีอิฐมอญมีส่วนผสมของกรวดเม็ดใหญ่กรวดไม่เสมอ
ดินเผาใหม่กว่าคนเล่นพระในยุคแรกตีพระนี้เป็นพระปลอมผมตีเป็นพระสร้างย้อนยุค
พูดถึงพิมพ์เส้นสายชัดเจน ส่วนของตำหนิดูทู่ ๆ ไม่ค่อยมีรอยแกะพลาด

เมื่อความนิยมเริ่มขึ้น พวกหัวใสก็เริ่มผลิตออกมาเช่นกัน ทุกพิมพ์
ลายเส้นชัดเจนและทู่ ๆ เช่นกันทั้งที่ในอยุธยา และอำเภอเสนา
ผมเจอเมื่อยี่สิบปีก่อน และยังมีสีและพิมพ์แปลกออกเป็นสีแดงแจ๊ดก็มี
ตกองค์ละ 2- 4 พันในพิมพ์ไก่ เนื้อละเอียดมาก ผมก็ไม่ทราบนึกว่าแท้
แต่ก็มีให้เห็นไม่มาก ปัจจุบันไม่ได้เก็บไว้ให้ดู มีแต่พิมพ์ขึ่ไก่หางพวงองค์หนึ่ง
เนื้อพระก็อย่างที่บอกข้างบน ที่ผมเล่ามา ก็เป็นเรื่องเล่าทุก ๆ ท่านพิสูจน์
ไม่ได้เพราะผมไม่มีตัวอย่างคือไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู เว้นเสียแต่ว่าทุกท่านไปเจอ
อย่างที่ผมได้สาธยายไว้ แล้วเอาไปปะติดปะต่อกันก็จะได้ใจความเอง
เหมือนกับเรื่องหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน คนใต้เล่นแบบหนึ่ง คนกรุงเล่นอีกแบบหนึ่ง
แต่ที่รู้ ๆ ของแท้หายาก ผมยังมีองค์ปลอมมาจากทางใต้เพราะพี่ชายผมอยู่ใต้
พร้อมตลับทองถ้าอยากชมก็คงถ่ายรูปแบบง่าย ๆ ให้ดูได้อยู่ ถ้าถ่ายแบบ
Advance คงต้องใช้เวลา

 

สวัสดีครับพี่ เป็นพระองค์หนึ่งที่ผมอยากมีไว้บูชาแต่ ตาไม่ถึงกระเป๋าไม่ถึง

 

ผมขออนุญาตคุณphilpharm ในกระทู้นี้ด้วยครับ
หลวงพ่อปาน ที่ผมว่าไม่ดีและเก๊ ความคิดส่วนตัวนะครับ
เพราะอนาคต หลวงพ่อปานก็อาจจะเหมือนสมเด็จวัดระฆัง มีคนนิยมมาก ตอนนี้ก็ใช่
แต่ของแท้ยังมีให้เห็นเยอะ แต่ของปลอมเยอะกว่า


ของเก๊ขออนุญาตคุณbikarn เลยด้านหลังองคนี้ จะเห็นกวดใหญ่ซึ่งไม่มีในพระแท้หลวงพ่อปานสมัยก่อน ย้ำว่าสมัยก่อนเนื้อสดไป


รอยอุดผมนูนมาก ๆ ก็ถือว่าถ้าไม่ใช่ก็เป็นสร้างทีหลัง
และปูนที่ใช้ก็เป็นปูนที่ยังไม่เก่า จึงไม่เห็นการคลายตัวของปูนตามอายุแห่งกาลเวลา



ตัวอย่างต่อไปแสดงเต็มองค์ไม่ได้ของเขา ที่ขายอยู่
ไม่ทราบว่าเผ่าอย่างไรหรืออบก็ไม่ทราบ แต่เห็นจุดขาวเยอะ ๆ ไม่ดีแน่ มีเนื้อ
รอยสีดำที่เรียกว่า รอยเนื้อผ่านที่เกิดจากการเผ่าไหม้มากกว่าในส่วนอื่นนั้น
ถือว่าไม่เป็นธรรมชาติเลยในองค์นี้ รอยผ่านไม่จริงก็ต้องพิจารณาด้วย



ถ้าเห็นเนื้อนี้ ซุย ๆ และสด ผมว่าองค์นี้ไม่ได้เผ่าแต่ใช้วิธีผสมปูนขาวใส่สี และอบหรือตากแดด
รอยหลุดร่อนของเม็กกรวด ก็ฟ้องแล้วว่าดินใหม่เม็ดกรวดไม่แน่นพอเท่ากันเผ่า
ของแท้เม็ดกรวดต้องปริ่ม ๆ ในเนื้อกรวดไม่คมเพราะเวลาครับ
ถ้าเป็นสมเด็จบางขุนพรหม 2509 มีเนื้อเก่าปะยุบลงไปบนผิวเนื้อก็ ไม่ต้องมองเลย เก๊อย่างเดียว
แต่ถ้าผุดออกมาจากข้างใน ก็ค่อยพิจารณาจุดต่อไป



เนื้ออย่างนี้ก็ใหม่... เพราะทรายเยอะและดูผิวหยุ๋มหยิม ที่เป็นเช่นนี้
หนึ่งทรายเยอะ เวลาแห้งจึงเป็นอย่างนี้
สองส่วนผสมของน้ำมากเกิน..เวลาผสมสัดส่วนไม่ดี เวลาแห้งจีงเป็นเช่นนี้ เก๊อย่างเดียวไม่มีอย่างอื่น

 

ต้องขอบคุณ คุณphilpharm ถ้าไม่มีกระทู้นี้ ผมก็คงไม่มีแรงบันดาลใจ
มานั่งเขียน... จะผิดหรือถูก็ขอให้คิดว่าเป็นแง่มุมนึง ของคน ๆ นึง
แล้วก็ปล่อยให้มันว่างเปล่าไป ถ้าไม่.......

แต่ถ้ามีประโยชน์กับใครบ้างก็เอาสวิ่งมาคอยดักเอานะครับ