หลักธรรมที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตได้วางเอาไว้ ๑๑ ประการ : โดยหลวงปู่กงมา จิรปุญโญ

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 25 พฤษภาคม 2016.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    [​IMG]



    หลักธรรมที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตได้วางเอาไว้ ซึ่งหลวงปู่กงมาก็จดจำได้
    อย่างขึ้นใจ คือธรรม ๑๑ ประการ อันได้แก่..




    ๑.การปฏิบัติทางใจ ต้องถือการถ่ายถอนอุปาทานเป็นหลัก


    ๒.การถ่ายถอนนั้น ไม่ใช่การถ่ายถอนโดยไม่มีเหตุ ไม่ใช่ทำเฉย ๆ ให้มันถ่าย
    ถอนเอง


    ๓. เหตุแห่งการถ่ายถอนนั้น ต้องสมเหตุสมผล เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ
    เหตํ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ธรรมทั้งหลายเกิด
    จากเหตุ ธรรมทั้งหลายดับไปเพราะเหตุ พระมหาสมณะมีปกติตรัสอย่างนี้


    ๔. เพื่อให้เข้าใจว่า การถ่ายถอนอุปาทานนั้น มิใช่มีเหตุและไม่สมควรแก่
    เหตุ ต้องสมเหตุสมผล


    ๕.เหตุ ได้แก่ สมมติบัญญัติขึ้น แล้วหลงตามอาการนั้น เริ่มต้นด้วยการสมมติ
    ตัวของตนก่อน พอหลงตัวของเราแล้ว ก็ไปหลงคนอื่น หลงว่าเราสวยแล้ว
    จึงไปหลงผู้อื่นว่าสวย เมื่อหลงตัวของตัวและผู้อื่นแล้ว ก็หลงวัตถุข้าง
    นอกจากตัว กลับกลายเป็นราคะ โทสะ โมหะ


    ๖.แก้ เหตุ ต้องพิจารณากรรมฐาน ๕ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ด้วย
    สามารถแห่งกำลังของสมาธิ เมื่อสมาธิชั้นต่ำ การพิจารณาก็เป็นญาณชั้นต่ำ
    เมื่อเป็นสมาธิชั้นสูง การพิจารณาก็เป็นญาณชั้นสูง แต่อยู่ในกรรมฐาน ๕


    ๗.การ สมเหตุสมผล คือคันที่ไหนก็ต้องเกาที่นั่นจึงจะหายคัน คนติด
    กรรมฐาน ๕ หมายถึงหลงหนังเป็นที่สุด เรียกว่าหลงกันตรงนี้ ถ้าไม่มีหนัง
    คงจะวิ่งกันแทบตาย เมื่อหลงกันที่นี่ ก็ต้องแก้กันที่นี่ คือเมื่อกำลังสมาธิ
    พอแล้ว พิจารณาก็เห็นความจริง เกิดความเบื่อหน่าย เป็นวิปัสสนาญาณ


    ๘. เป็นการเดินตามอริยสัจ เพราะเป็นการพิจารณาตัวทุกข์ ดังที่พระพุทธ
    องค์ตรัสว่า ชาติปิทุกข์ ชราปิทุกข์ พยาธิปิทุกข์ มรณัมปิทุกข์ ใครเกิด ใคร
    แก่ ใครเจ็บ ใครตาย กรรมฐาน ๕ เป็นต้น ปฏิสนธิเกิดมาแล้ว แก่แล้วตาย
    แล้วจึงได้ชื่อว่า พิจารณากรรมฐาน ๕ อันเป็นทางพ้นทุกข์ เพราะพิจารณาตัว
    ทุกข์จริง ๆ


    ๙. ทุกขสมุทัย เหตุเกิดทุกข์ เพราะมาหลงกรรมฐาน ๕ ยึดมั่นจึงเป็นทุกข์
    เมื่อพิจารณาละได้ เพราะเห็นตามความเป็นจริง สมคำว่า รูปสฺสมึปิ นิพฺพินฺท
    ติ เวทนายปิ นิพฺพินฺทติ สญฺญายปิ นิพฺพินฺทติ สงฺขาเรปิ นิพฺพินฺทติ วิญฺญาณ
    สฺสมึปิ นิพฺพินฺทติ เมื่อเบื่อหน่ายในรูป (กรรมฐาน ๕) เป็นต้น แล้วก็คลาย
    ความกำหนัด เมื่อเราพ้น เราก็ต้องมีญาณทราบชัด ว่าเราพ้น


    ๑๐. ทุกขนิโรธ ดับทุกข์ เมื่อเห็นกรรมฐาน ๕ เบื่อหน่ายได้จริง ชื่อว่า ดับ
    อุปาทานความยึดมั่นถือมั่น เช่นเดียวกับ ท่านสามเณรสุมนะ ศิษย์ของท่าน
    อนุราช พอปลงผมหมดศีรษะ ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์


    ๑๑.ทุกข คามินีปฏิปทา ทางไปสู่ที่ดับ คือการเป็นปัญญาสัมมาทิฐิ ปัญญา
    เห็นชอบ เห็นอะไร เห็นอริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค การเห็น
    จริง แจ้ง ประจักษ์ ด้วยสามารถแห่งสัมมาทิฐิ ไม่หลงคติสุข มีสมาธิเป็น
    กำลัง พิจารณากรรมฐาน ๕ ก็เป็นองค์มรรค


    หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    สาธุๆน้อมใส่เกล้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...