อยากทราบว่าเล่นหุ้นบาปมั๊ยคะ??

อยากรู้ว่าเล่นหุ้นบาปมั๊ยคะ คือกำลังจะเล่นอ่าค่ะ แต่ลังเล ไม่ทราบว่าเป็นการพนันหรือเปล่า ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ

 

ไม่บาปหรอกครับ ถ้าเจตนาเราดี ไม่ไปทำร้ายใคร เวลาเล่นอาจจะมีโทษบ้าง คือ เรามีกิเลส ก็ต้องเจอความทุกข์บ้างสุขบ้าง เจอทุกข์เวลาหุ้นตก อิอิ เจอสุขเวลาได้กำไร อย่างนี้แล แต่ถ้าในแง่ดี เล่นหุ้นเพื่อช่วยชาติ คือ คิดว่า เอาเงินมาช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศดี ประมาณนี้ ทุกอย่างย่อมอยู่ที่ใจ

ปล. หุ้นทุกตัวมีความเสี่ยง ผู้ปฎิบัติธรรมควรพิจารณา อิอิ

 

ขอบพระคุณมากเลยค่ะ ที่ให้คำแนะนำดีๆ

 

ไม่น่าจะบาปนะคะ ถ้าไม่ได้เล่นเชิงการพนันน่ะ

 

บาปครับ บาปแน่นอน เพราะมันเป้นการพนัน ใจมันฟู มันแฟ้บนั่นแหละ คอยลุ้นว่าหุ้นขึ้นหรือลง

 

บุญหมายถึงความสุข
บาปหมายถึงความทุกข์

 

ไม่บาปหรอกครับ การซื้อหุ้นคือการซื้อความเป็นเจ้าของของบริษัทนั้นๆที่คุณได้ไปซื้อมันมา พูดง่ายๆก้อเหมือนกับการที่คุณลงขันกับคนอื่นเปิดร้าน แล้วแบ่งกำไรกันไปเป็นเปอเซ็นนั่นล่ะ

 

ส่วนตัวเรานะ การเล่นหุ้น ถือเป็นการ ลงทุน (การบริหารการเงินอย่างนึง)
เงินเก็บไว้เฉยๆ ก็ มีค่าลดลง ตามสภาวะเงินเฟ้อ ของแต่ละปี

เรียกว่า กระจายความเสี่ยง (คือคล้ายๆ กับการ เก็บเงินไว้ หลายๆ กระเป๋า)
หากเล่นหุ้นผิด การฝากเงินเข้าธนาคาร คงผิดด้วย เพราะ การฝากเงินก็เป็นการลงทุน

ไม่เหมือนการเล่นพนัน

 

เอาแล้ว -*- เริ่มไม่แน่ใจ - -

 

ถาม ข้อ ๑๒.

การเล่นหุ้นหรืออะไรที่เกี่ยวกับหุ้นจะถือเป็นการพนันหรือเปล่า ?
และถ้านำเงินนั้นมาทำบุญจะได้บุญเต็มที่ไหมครับ ?



ตอบ เป็นการพนันที่ถูกกฎหมาย ได้บุญไม่เต็มที่



พระอาจารย์ตอบปัญหา ครั้งที่ ๘

พระอาจารย์ตอบปัญหา ครั้งที่ ๘ - PaLungJit.com

.

 

บุญ บาป อยู่ที่ใจ ดังนั้นที่ทุกคนพูดมาจึงถูกหมด

เมื่อคุณเล่นหุ้น โดยคิดว่าคือการเสี่ยงดวง ถือว่าเป็นการเป็นพนัน การพนันคือการที่ตัดสินใจว่า ถูก หรือ ไม่ถูก โดยใจคาดหวังว่าจะถูก เมื่อถูกก้อดีใจ เมื่อไม่ถูก ก้อเสียใจ อย่างนี้เรียกว่าบาป

แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองความคิดว่า การเล่นหุ้น คือ การลงทุนที่มีความเสี่ยง แล้วรับยอมรับความเสียงตรงนั้น และคิดว่ามันเป็นการที่เราเลือกที่จะลงทุน ในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเราจะขาย มันก้อเหมือนการซื้อมา ขายไป อย่างนี้ไม่ปาป และ ไม่มีบุญ

บุญ บาป อยู่ที่ใจ เมื่อไม่ยึด บุญ บาป ,ไม่ตัดสินใจว่า ดี ไม่ดี ,ใช่ หรือ ไม่ใช่ ทำทุกอย่างด้วยใจที่เป็นกลาง เมื่อนั้นจะเป็นการทำงานเพื่องาน เล่นหุ้นเพื้อหุ้น มิใช่ตัวเอง เงินทองก้อจะไหลมา เทมาครับ เพราะเราจะไม่ตัดสินใจจากกิเลสตัณหา ภายในตัวเอง

 

ถาม : การพนันท่านว่าเป็นอบายมุข ตกลงแล้วหวยรัฐบาลกับหวยใต้ดิน มีความแตกต่างกันหรือไม่ เพราะหวยรัฐบาลนั้นเงินทีเหลือจากรางวัลเขาเอาไปทำประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม แต่หวยใต้ดินเข้ากระเป๋าตัวเอง ?

ตอบ : ถ้าหากว่าหวยรัฐบาลจริง ๆ แล้วโทษมันน้อยกว่า เพราะว่ามันถูกต้องตามกฎหมายอย่างหนึ่ง แล้วขณะเดียวกันถึงเวลารับรางวัลมันก็ตรงไปตรงมาไม่มีการคดโกงกันอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าประเภทถูกหวยใต้ดินทีหนึ่งจ่าย ๓๐% แต่ถึงเวลาที่เราผิดต้องจ่าย ๑๐๐% เต็มมันก็แย่ แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอบายมุขปากทางแห่งความเสื่อม ถ้าหากว่าเล่นอย่างมีสติ เช่น ซื้อหวยรัฐบาลเดือนหนึ่งซักคู่หนึ่ง เรามีเงินให้เสียได้หาความมันให้กับชีวิตมันก็โอเค

แต่อย่าลืมว่าการที่เราฝืนคำพระพุทธเจ้ามันเหมือนกับเปิดช่องให้เขื่อนรั่ว ถึงแม้ว่ารูมันจะเล็กขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าแรงน้ำมันดันไปเรื่อย รูมันก็อาจจะกว้างขึ้น มันก็จะกลายเป็นไปหลงไปยึดไปคิดมัน งวดนี้ถูกเลขท้ายซักสองตัวดีอกดีใจ คราวหน้าหวังรางวัลใหญ่ก็ซื้อเพิ่มขึ้น ๆ เดี๋ยวตัวเองและคนรอบข้างมันจะเดือดร้อน ถ้าหากถามว่าอันไหนมีโทษหนักกว่ากัน หวยใต้ดินมีโทษหนักกว่า เจ๊งง่ายกว่า แต่ถามว่าอันไหนไม่มีโทษ ไม่มี มีโทษทั้งคู่ เล่นการพนัน มันเริ่มเดือดร้อนตั้งแต่จ่ายสตางค์ออกไปแล้ว ท่านบอกว่าการพนันผู้ชนะย่อมก่อเวร คนแพ้มันพยาบาท ผู้แพ้เสียดายทรัพย์ ย่อมทำให้ทรัพย์นั้นฉิบหาย เป็นผู้ที่ไม่มีใครเชื่อถือ ไม่มีใครอยากจะแต่งงานด้วย พระพุทธเจ้าบอกชัด

กระโถนข้างธรรมาสน์ฉบับที่ ๗๔


.

 

การพนันเป็นอบายมุข สังเกตุว่าถ้ามีคำว่าเล่น จะทำให้มีการติด
เช่น
เล่นไพ่
เล่นละคร
เล่นหุ้น
เล่นหวย

เพราะทำให้จิตติดในสิ่งนั้น
--------------------------------------------------
ถ้าเปลี่ยนเป็นการ จะไม่ผิด เพราะใจไม่ติด
เช่น
การเล่นหุ้น , การเล่นหวย , การเล่นไพ่
--------------------------------------------------
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หรือ เจตนา หรือ อยู่ที่ความคิด

ทุกอย่างย่อมมีมุมมองหลายด้าน ต้องมองให้ออก แล้วจะฉลาดในการกระทำ

 

คำตอบมันอยู่ที่นี่แล้วนิครับ ไม่บาป เพียงแค่ได้บุญไม่เต็มที่

มันทำให้ตัวธรรมของเราหมองลงน่ะครับ เพราะว่าเราไปยึดในตัว "อยาก"
เป็นมโนกรรมน่ะครับ ซึ่งจะส่งผลให้เราปฏิบัติธรรมได้ยากขึ้น เพราะว่าใจมันไปเกาะอยู่อยากซะส่วนหนึ่ง

แล้วก้อที่คุณ เฮียปอ บอกว่าเป็นปากทางไปอบายภูมิก้อถูกต้องนะครับ อย่าเพิ่งใช้ทิฐิปฏิเสธมันไป เพราะถ้าความอยากของเรามากขึ้นไปเรื่อยๆแล้วล่ะก็ อบายภูมิแน่นอน แต่ถ้าหากเราให้ทานบ่อยๆ ยึดมั่นในพรหมวิหาร4ตลอด คิดเสียว่าเราลงทุนไปก้อเพื่อจะให้ความเป็นอยู่ของเราและครอบครัวอยู่สบายขึ้นเท่านั้น ถ้ามันมากเกินความจำเป็นก้อจะทำบุญซะให้หมดก็คงจะพอจะขัดกันได้บ้าง

การเล่นหุ้นมันก้อคือการเปิดร้านลงทุนเปิดร้านละครับ ต้องใช้เงินลงทุนแล้วได้เงินมา ซึ่งผมว่าเจ้าของกระทู้คงกะที่จะลงทุนระยะยาวใช่มั้ยครับ เพราะถ้าลงทุนแบบวันต่อวันนี่ก้อไม่ต่างอะไรกับการซื้อหวยหรือการพนัน ถ้าอย่างนี้ต้องระวังว่าตัวอยากมันจะสร้างตัวอยากได้แรงมาก


ทางออก

****อันนี้ต้องทางสายกลางนะครับ เอาให้มันพอดีๆ ถ้าทางสายกลางแบบนี้ไม่บาปหรอกครับ ยิ่งถ้าทำบุญ ยึดมั่นในพรหมวิหาร4 อย่างที่ผมบอกด้านบน ลงไปอบายภูมิไม่มีแน่นอน จะมีก้อแต่ขึ้นข้างบนเท่านั้นล่ะ

 

การเล่นหุ้นก็ต้องแยกด้วยครับ
1. เล่นแบบนักลงทุน ไม่น่าจะบาป
2. เล่นแบบนักเกร็งกำไร ใกล้เคียงกับพนันนิดนึง แต่ก็ไม่น่าจะบาป
3. เล่นฟิวเจอร์ การพนันเห็นๆ บาปหรือเปล่าไม่รู้...รู้แต่เจ๊งแล้ววว
4. อื่นๆ (ไม่เคยเล่น ก็เลยไม่รู้)

 

การเล่นหุ้น หากเปลี่ยน จากคำ ว่าเล่นเป็น
การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงชนิดนึง (จะไม่มีคำว่า"เล่น"เลย ) แต่ออกไม่นิยมเรียกกัน เนื่องจาก การลงทุนมีหลายประเภท อัตราความเสี่ยงต่างกันไป

หากผู้เล่น เล่นอย่างมีสติ ไม่โลภ( คิดแต่จะได้ฝ่่ายเดียว หรือเอาเงินคนอื่นมาเล่น ฯลฯ) ไม่น่าจะผิดเลย
การบริหารการเงิน ต้องเป็นไปอยู่แล้วในโลกของมนุษย์

ส่วนโกลฟิวเจอร์ ก็ไม่ผิด ไม่ใช่การพนันเลย เพราะหากเล่นแบบ นักลงทุน มีการวิเคราะห์ เรียนรู้ มองดัชนี การลงทุนอื่น ควบคู่ไปด้วย
หากผิด การซื้อทองคำแท่งมาเก็บ เพื่อเก็งกำไร คงผิดไปด้วยเหมือนกัน และก็คงเหมือน การฝากเงินเข้าธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย ก็คงผิด
ที่กล่าวมานั้น เรียกว่า การลงทุนทั้งสิ้น แต่ได้มากน้อย แตกต่างกันไป จะว่าตามดวงก็คงไม่ใช่อีก อยู่ที่สติ+ความรอบคอบ ฯลฯ มากกว่า
ทั้งนี้ ทั้งนั้น เราเอง ไม่ได้เล่น อะไรซักอย่าง เพราะรับความเสี่ยงตรงนั้นไม่ได้ จึงไม่เลือกที่จะลงทุน ทางด้านนี้

 

ผมเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด คอยส่งคำสั่งซื้อขายและให้คำแนะนำ มีคนมีกำไรและมีคนขาดทุน มีคนดีใจและมีคนเสียใจ เคยมีคนขาดทุนและตำหนิผมว่าทำไมไม่แนะนำอย่างนั้นไม่แนะนำอย่างนี้บางคนเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ขอถามครับ

1. อาชีพนี้มีส่วนทำให้มีบาปไหม ถ้าเป็นบาปและต้องทำงานนี้ต่อไปจะพอมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

2. การที่ขาดทุนแล้วตำหนิเรา เราบาปไหมทั้งที่เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับลูกค้า ผมดูแลลูกค้ารายย่อยของบริษัทประมาณ 450 บัญชีรับเงินเดือนประจำไม่รับคอมมิชชั่น

3. การที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายเองทางอินเตอร์เน็ต (มีทุกอย่างทั้งหุ้นพื้นฐาน เก็งกำไร ปั่น ฟิวเจอร์ DW ลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่จะเลือกเองและส่งคำสั่งเอง ) และถ้าการเล่นหุ้นเป็นบาปผมมีส่วนในบาปนั้นไหมครับ บัญชีซื้อขายนั้นมีชื่อผมเป็นผู้ดูแลอยู่

4. ลูกค้าที่ผมส่งคำสั่งให้ถ้ามีกำไรผมดีใจด้วย แต่พอขาดทุนผมก็ไม่สบายใจด้วย อย่างนี้ถือว่ามีส่วนในผลที่เกิดขึ้นแล้วไช่ไหมครับ

5. มีลูกค้าคนนึงชอบทำบุญมากโดยนำกำไรจากการซื้อขายหุ้นทำบุญตลอด เช่นไถ่ชีวิตโคกระบือปีนี้หลายตัวแล้ว และบริจาคเงินช่วยสภากาชาติซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ลูกค้าบอกให้ผมมีส่วนในสิ่งที่ทำด้วย เป็นบุญไหม( เงินกำไรจากหุ้น )และถ้าเป็นบุญ ผมมีส่วนในบุญนั้นๆไหม ผมดีใจมากที่ลูกค้ามีกำไรและดีใจมากที่รู้ว่าลูกค้านำเงินกำไรไปทำบุญ

เป็นคำถามที่คาใจมานานวันนี้ขออนุญาตถาม รบกวนเพื่อนสมาชิกช่วยตอบให้ด้วยครับ
set : 1030.05 -5.42 -0.52% 20,705.65M 12:43:16

 

ไม่ต้องเขวนะครับ

เอาอย่างนี้ตั้งหลักก่อนว่า การเล่นหุ้นนั้นมี 2 กรณี
คือ
กรณีที่ 1 เล่นแบบนักลงทุนระยะยาว ภาษาฝรั่งเรียกว่า investor เจตนาของคุณคืออะไร คือการฝากทรัพย์ ถูกไหม คุณไม่ได้ฝากทรัพย์ไว้กับธนาคาร แต่เป็นการฝากทรัพย์ไว้กับตลาดหุ้น และเป็นการฝากทรัพย์ระยะยาว

ดอกผลที่คุณได้รับคืออะไร ก็คือ
1 ส่วนล้ำมูลค่าหุ้น
2 เงินปันผล

เพราะฉะนั้น กรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นการพนันขันต่อ เพราะเจตนาของคุณไม่ได้หวังร่ำหวังรวยจากการลุ้นอนาคตแบบชนิดไม่กระพริบตา....

ถ้าถือว่าเล่นหุ้นแบบนักลงทุนเป็นการพนันทุกกรณี อย่างนี้ฝากเงินไว้กับธนาคารก็บาปด้วย เพราะอะไร เพราะการฝากเงินกับธนาคาร เราก็อยากได้ดอกผล ถูกไหม..... แต่ดอกผลที่ได้จากการฝากเงินกับธนาคาร มนุษย์เรียกว่า ดอกเบี้ย.... ส่วนดอกผลที่ได้จากการฝากทรัพย์ไว้กับตลาดหุ้น ก็อย่างที่ผมบอกไปก็คือ ส่วนล้ำฯ และเงินปันผล


กรณีที่ 2 เล่นแบบเก็งกำไร อย่างนี้ ชัด.... ถ้ากรณีนี้ เจตนาของคุณก็คือ การพนัน
เอ้อ แล้วการพนันคืออะไรละ การพนันก็คือ การเสี่ยงดวง การวัดดวง โดยจ้องหาประโยชน์เป็นอามิสสินจ้างนั้น และหวังจะเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ....ชัดมะ

เพราะฉะนั้น การพนันไม่จำเป็นต้องเล่นน้ำเต้าปูปลา เห็นอะไร ก็เอามาเสี่ยง เอามาทาย หวังเอาชนะกัน หวังจะเอาเปรียบกัน

มาถึงตอนนี้ คุณก็น่าจะวิเคราะห์ได้แล้วว่า ถ้าคุณจะเล่นหุ้น คุณจะอยู่ประเภทไหนกันแน่.....

 

ขอตอบคุณ preuk
บาป คืออะไร บาป คือการกระทำด้วยจิตที่มี โลภะ โทสะ โมหะ

1. ต้องดูว่าอาชีพที่คุณทำเป็นสัมมาอาชีวะหรือมิจฉาอาชีวะ
เอ๊ะแล้วมันดูยากตรงไหน คุณเชื่อไหมต่อให้เป็น หมอก็เป็นมิจฉาอาชีวะได้

ตรงนี้ขอยกพุทธพจน์ เพราะ มีสัมมาทิฐิ(เห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะจึงพอเหมาะได้(ดำริชอบ) เพราะดำริชอบ สัมมาวาจาจึงพอเหมาะได้ เพราะวาจาชอบ สัมมากัมมันตะจึงพอเหมาะได้(กระทำชอบ) เพราะกระทำชอบ สัมมาอาชีวะจึงพอเหมาะได้...

จากตรงนี้ต่อให้เป็นหมอแต่มองคนไข้เหมือนเหยื่อ(มีมิจฉาทิฐิ) ทำนม ตัดไข่ ให้คนไข้... ก็เป็นมิจฉาอาชีวะนำไปสู่นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัยได้
คราวนี้ลองถามตัวคุณ ว่าคุณจริงใจต่อลูกค้าแค่ไหน ถ้าคุณแนะนำข้อมูลให้ลูกค้าตรงไปตรงมา ผมมั่นใจว่าคุณไม่มีบาปแน่นอน

2.คุณทำหน้าที่ของคุณ เขาเข้ามาเล่นก็ต้องยอมรับความเสี่ยงบ้าง แต่อย่างว่าใครจะโทษตัวเอง เขาก็พาลมาหาคุณเท่านั้นเอง คุณรักษาใจไว้ไม่ไปโกรธเขา ก็ไม่เป็นบาปแน่นอน

3. บาปเป็นเรื่องเฉพาะตน คุณไม่ได้ไปลากเขามาเขาสมัครใจเข้ามาเอง แถมคุณยังให้คำแนะนำเขาอีก ถ้าคุณจริงใจน่าจะได้บุญด้วยซ้ำ

4.คุณเป็นคนมีจิตใจดีมีความรับผิดชอบ คุณเลยเดือดร้อนไปกับทุกข์ของคนอื่น การที่คุณเดือดร้อนไปกับเขาก็ถือว่าคุณเข้าไปมีส่วนในเรื่องที่คุณไม่ควรเกี่ยว เพราะกำไร เขาก็ไม่มาแบ่งคุณ ขาดทุน คุณก็ไม่ได้รับผิดชอบ คุณควรมองเป็นกลางๆ เอาใจออกห่างหน่อยเพราะต่อให้คนที่มีข้อมูลดีที่สุดก็อาจขาดทุนได้

5.เป็นบุญครับ ถ้าคุณมีจิตยินดีในบุญนั้นนั้นก็เป็นบุญของคุณครับ

 

ผมเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด คอยส่งคำสั่งซื้อขายและให้คำแนะนำ มีคนมีกำไรและมีคนขาดทุน มีคนดีใจและมีคนเสียใจ เคยมีคนขาดทุนและตำหนิผมว่าทำไมไม่แนะนำอย่างนั้นไม่แนะนำอย่างนี้บางคนเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ขอถามครับ

1. อาชีพนี้มีส่วนทำให้มีบาปไหม ถ้าเป็นบาปและต้องทำงานนี้ต่อไปจะพอมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

อ่านคำถามข้อนี้แล้วหนักใจว่าจะตอบอย่างไรดี ในส่วนแรกตอบไม่ยาก แต่ในส่วนที่สองนี่ซิ จะตอบอย่างไร ผมเลยต้องไปทำธุระอย่างอื่นก่อนสักพัก ตอนนี้พอนึกคำตอบได้แล้ว ลองฟังดูแล้วกันนะครับ

ถ้าถือว่า ลูกค้าของคุณเป็นประเภทนักเก็งกำไร ซึ่งผมเข้าใจว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คุณก็เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุน เป็นกองเชียร์ ก็ถือว่ามีส่วนในการทำบาป

ถ้าเป็นบาปแล้วต้องทำงานต่อไป จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ถ้าเอาแบบยาแรงเลย ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ แต่ผมไม่ขอแนะนำอย่างนี้ เพราะงานไม่ใช่หาง่ายๆ หากคุณตัดสินใจออกจากงานเลย เพราะเห็นว่าที่คุณทำอยู่นี่บาป ก็แล้วการที่คุณไม่มีงานทำ ทำให้ครอบครัว ทำให้คนที่คุณรับผิดชอบอดไปกับคุณด้วย นั่นแหละคุณไปสร้างกรรมขึ้นอีกทางหนึ่ง

เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ทำใจให้เป็นกลางๆ คือ ไม่ยินดีหรือไม่เสียใจกับลูกค้า เราถือเพียงว่านี่เป็นการทำหน้าที่ เราไม่ได้ยินดีให้ใครเสี่ยงโชค และเราไม่ได้ยินดีให้ใครเสียทรัพย์ ทำใจให้เป็นกลางๆนะ

2. การที่ขาดทุนแล้วตำหนิเรา เราบาปไหมทั้งที่เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับลูกค้า ผมดูแลลูกค้ารายย่อยของบริษัทประมาณ 450 บัญชีรับเงินเดือนประจำไม่รับคอมมิชชั่น

ก็แล้วคุณไปแนะนำเค้าหรือเปล่าละ ถ้าคุณไม่ได้ไปแนะนำ แต่เค้าเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเอง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ
แต่ถ้าคุณไปแนะนำเค้านี่ซิ ไม่ว่าเค้าจะได้กำไรหรือขาดทุน ถือว่าคุณมีส่วนในการทำให้ลูกค้าคุณหลงในการพนันนั้นด้วย

3. การที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายเองทางอินเตอร์เน็ต (มีทุกอย่างทั้งหุ้นพื้นฐาน เก็งกำไร ปั่น ฟิวเจอร์ DW ลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่จะเลือกเองและส่งคำสั่งเอง ) และถ้าการเล่นหุ้นเป็นบาปผมมีส่วนในบาปนั้นไหมครับ บัญชีซื้อขายนั้นมีชื่อผมเป็นผู้ดูแลอยู่

บัญชีไหนหรือ account ไหนที่มีชื่อคุณเป็นผู้ดูแลนั้น ต้องดูว่ากิจกรรมของคุณที่มีต่อลูกค้ารายนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเค้าเล่นโดยวิเคราะห์จากข้อมูลของเค้าเอง ก็ไม่เกี่ยวกับคุณอีกนั่นแหละ คำตอบเหมือนๆข้อ 2

4. ลูกค้าที่ผมส่งคำสั่งให้ถ้ามีกำไรผมดีใจด้วย แต่พอขาดทุนผมก็ไม่สบายใจด้วย อย่างนี้ถือว่ามีส่วนในผลที่เกิดขึ้นแล้วไช่ไหมครับ

กรณีนี้ ถ้าเค้าขาดทุน แล้วคุณก็ไม่สบายใจด้วย ผลที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็คือ คุณไปสร้างความทุกข์ให้กับตัวคุณเอง ถ้าเค้าได้กำไร คุณดีใจด้วย อย่างนี้ก็ถือว่าคุณก็มีส่วนสนับสนุน

นั่นแหละ ถึงบอกว่า พยายามทำใจให้เป็นกลางๆ ไม่ยินดียินร้าย กรรมบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องร่วมกระทำ ถ้าเอาใจไปร่วมด้วย ก็มีส่วนรับผลด้วย แต่จะรับผลมากหรือน้อยนั้น ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

5. มีลูกค้าคนนึงชอบทำบุญมากโดยนำกำไรจากการซื้อขายหุ้นทำบุญตลอด เช่นไถ่ชีวิตโคกระบือปีนี้หลายตัวแล้ว และบริจาคเงินช่วยสภากาชาติซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ลูกค้าบอกให้ผมมีส่วนในสิ่งที่ทำด้วย เป็นบุญไหม( เงินกำไรจากหุ้น )และถ้าเป็นบุญ ผมมีส่วนในบุญนั้นๆไหม ผมดีใจมากที่ลูกค้ามีกำไรและดีใจมากที่รู้ว่าลูกค้านำเงินกำไรไปทำบุญ

อยากจะเรียนว่า การกระทำบางอย่างมันมีทั้งบาปและบุญผสมกัน และการที่เราจะวิเคราะห์การกระทำของคนบางคน แม้ในบางเรื่อง เราต้องดูจากต้นสายยันปลายสายเลยแล้วจึงจะมีข้อสรุปได้ว่าเป็นเช่นไรกันแน่

กรณีนี้ก็เช่นกัน มีทั้งส่วนของบาปและบุญผสมกัน ส่วนของบาปก็คือ ถ้าเค้าเล่นแบบเก็งกำไร ส่วนนี้ก็เป็นบาป เป็นอกุศลกรรมจิตที่เกิดขึ้นในใจเค้าเอง เหมือนเป็นการสั่งสมนิสัยที่ไม่ดี

ส่วนกรณีที่เค้านำเงินไปทำบุญ ถ้ามองว่าเงินส่วนนี้มันไม่บริสุทธิ์ ก็มองได้นะ ก็อาจทำให้บุญนั้นลดน้อยถอยลง เพราะฉะนั้น ถึงมีครูบาอาจารย์ของบางท่านพร่ำเตือนลูกศิษย์และลูกหลานว่า เอ็งอย่าไปหวังรวยทางลัดนะ ให้ได้ทรัพย์นั้นมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเอง เพราะอะไร ก็เพราะให้ทรัพย์ทีได้มาในการทำบุญนั้น เป็นทรัพย์ที่บริสุทธิ์นั่นเอง

และการที่คุณมีจิตใจยินดีเมื่อรู้ว่าเค้าไปทำบุญ อย่างนี้คุณได้บุญแน่ๆ เป็นการได้บุญแบบที่คุณไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำไป ได้บุญเพราะ "ใจ" เป็นใจทีชื่นชมยินดีกับความดีของผู้อื่น ในทางศาสนาพุทธเรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยความยินดีในการที่ผู้อื่นทำความดีนั้น

พรุ่งนี้ ผมก็คงเดินทางไปกราบครูบาอาจารย์บางรูปบางองค์ ก็ขอให้คุณอนุโมทนากับผมด้วยแล้วกัน