อัศจรรย์! สรีระสังขาร “หลวงพ่อศรีทา” ไม่เน่าไม่เปื่อย ที่วัดสุทธิกาวาส จ.อำนาจเจริญ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 27 พฤษภาคม 2020.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    วันพุธ ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 14.07 น.


    วัดสุทธิกาวาส ตั้งอยู่บ้านวินัยดี ต.นาป่าแซง อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ออกจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ด้านทิศตะวันออกไปตามถนนอรุณประเสริฐ ประมาณ 27 กิโลเมตร ถึงบ้านสามแยกชมพู เลี้ยวขวา เข้าถนนสายรองอีก 6 กิโลเมตร ถึงบ้านวินัย ก็จะพบเห็นพระธาตุลักษณะคล้ายพระธาตุพนม สูงเด่นชัดเจน ความสูง 30 เมตร นามว่า พระธาตุนาป่าแซง ตั้งอยู่ภายในวัดสุทธิกาวาส บนเนื้อที่ 30 ไร่ มีพระสงฆ์ 5 รูป สามาเณร 1 รูป แม่ชีไม่มี มัคนายก 1 คน สังกัด มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่ มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปแล้วหลายรูป

    ทว่าที่โดดเด่นและน่าอัศจรรย์พุทธศาสนิกชนนับถือศรัทธามาก ก็คือ ภายในวิหารหลังใหม่ ด้านทิศใต้ของวัด จะพบเห็นโลงแก้วบรรจุสังขาร พระครูสุทธิ พัฒนาภรณ์ หรือ หลวงพ่อศรีทา ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดองค์ก่อน ซึ่งมรณภาพผ่านไปแล้ว 14 ปี อยู่ในสภาพห่มจีวร ไม่เน่า ไม่เปื่อย เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า ยังอยู่ครบ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ที่แปลกยิ่งนัก ซึ่งโลงแก้วหลวงพ่อศรีทา ยกสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร พร้อมรูปถ่ายอยู่ด้านหน้า มีกระถางธูปเทียน สำหรับพุทธศาสกนิชนไว้จุดกราบไหว้บูชา และตู้รับบริจาคตั้งอยู่ข้างๆ และหลวงพ่อศรีทานั่งสมาธิละสังขารขณะมีอายุ 70 ปี ส่วนวิหารหลังเก่า ซึ่งเคยเป็นที่เก็บสรีระหลวงพ่อศรีทา และห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นที่หลวงพ่อศรีทา จำพรรษา 3 เดือน ครั้งสุดท้ายก่อนจะละสังขารในห้องใต้ดิน ซึ่งทางวัดปิด ไม่ให้เข้าชม

    b8a3e0b8a2e0b98c-e0b8aae0b8a3e0b8b5e0b8a3e0b8b0e0b8aae0b8b1e0b887e0b882e0b8b2e0b8a3-e0b8abe0b8a5.jpg

    สำหรับ พระครูสุทธิ พัฒนาภรณ์ หรือ หลวงพ่อศรีทา เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เดินธุดงค์ไปทั่วภาคอีสาน และข้ามไปฝั่งประเทศลาว จำพรรษาที่ถ้ำแกลบอยู่ 10 ปี ต่อมา ชาวบ้านวินัยนิมนต์กลับวัดบ้านเกิดจนกระทั่งอายุ 70 ปี ท่านได้ละสังขาร เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2549 ขณะนั่งสมาธิที่ห้องใต้ดิน พุทธศาสนิกชน จึงอัญเชิญเก็บไว้ในโลงแก้ว รวมเวลา 14 ปี สภาพไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังแห้ง เส้นผม เล็บมือ เล็บเท้า ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบ จึงเดินทางเข้ามาดูให้เห็นกับตา พร้อมกราบไหว้ด้วยความศรัทธาทุกวัน ส่วนวิหารเก็บ สรีระสังขาร หลวงปู่ศรีทา ภายในทำเป็นห้องใต้ดิน สำหรับจำพรรษา 3 เดือน ทุกพรรษา และพรรษาสุดท้าย ละสังขาร ห้องใต้ดินที่นี่

    ส่วน พระธาตุนาป่าแซง เกิดจากแรงศรัทธาของประชาชนชาวอำนาจเจริญ ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นปีเดียวกับองค์พระธาตุพนม จ.นครพนมล่ม จึงได้นำเอาอิฐหินปูนจากพระธาตุพนมที่ล่ม มาผสมก่อสร้างเป็นพระธาตุนาป่าแซง ลักษณะรูปทรงจึงคล้ายกับพระธาตุพนมองค์จริง และได้มีการต่อเติมอยู่ตลอดเวลา จนเสร็จสมบูรณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาว จ.อำนาจเจริญและจังหวัดใกล้เคียง ที่สำคัญ ทุกวันพระพุทธศาสนิกชน จะมีการเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุนาป่าแซง อีกด้วย

    a3e0b8a2e0b98c-e0b8aae0b8a3e0b8b5e0b8a3e0b8b0e0b8aae0b8b1e0b887e0b882e0b8b2e0b8a3-e0b8abe0b8a5-1.jpg

    สำหรับบริเวณป่าด้านทิศตะวันออกของวัด กันพื้นที่ไว้ 1 ไร่ ทำเป็นสวน 12 นักษัตร ภายในมีรูปปั้นสัตว์ 12 ราศี ได้แก่ ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน เป็นต้น ซึ่งช่วงหลังปีใหม่จะมีการจัดงานเข้าปริวาสกรรมเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ ผู้ที่มาร่วมงานจะเข้าไปในราศีเกิดของแต่ละคน แล้วปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิตามกำหนด เชื่อว่า จะได้กุศลแรง ภายในสัตว์ราศีเกิดจะมีห้องปฏิบัติธรรม และห้องน้ำพร้อมสรรพ ที่ผ่านมา มีผู้สนใจเข้ามาร่วมงานปฏิบัติธรรมตามราศีเกิดเป็นจำนวนมาก สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ จนได้รับใบประกาศเกียรติคุณ วัดพัฒนาตัวอย่างปี 38 และเป็นอุทยานการศึกษาในวัด เมื่อปี 2541

    ทั้งนี้ วัดสุทธิกาวาส ที่ผ่านมาได้ฝึกพุทธศาสนิกชนนั่งสมาธิกรรมฐาน โดย ยึดหลักตามคำสอนของพุทธศาสนาและ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเผยทางสว่างไว้ว่า ให้ควบคุมจิตให้มั่นคงอยู่ในฌาน(ฌานคืออารมณ์ชิน) ให้ได้ทุกขณะ วิธีฝึกปฏิบัติคือ ต้องระลึกไว้เสมอว่า เราจะเจริญภาวนาด้วย พุทโธ เริ่มที่ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดก็ได้ที่เราศรัทธา แล้วสมาธิภาวนาทุกวันจนเคยชิน จะเกิดฌานขึ้น ควรทำวันละ ประมาณ 10 -20 นาที ถ้าทำได้สม่ำเสมอ ถึงแม้จะเคยมีกรรมไม่ดีติดตัวมาบ้างก็จะพ้นนรก ใครที่ฝึกฌานมาโดยตลอดนั้น สามารถใช้ฌานเข้ามากั้นไม่ให้นึกถึงบาปได้ ก่อนตายแทนที่จะระลึกนึกถึงแต่เรื่องบาป จะมีแต่ภาพแห่งบุญเข้ามาแทน ทำให้อารมณ์มีแต่ความสุขความปิติ

    a3e0b8a2e0b98c-e0b8aae0b8a3e0b8b5e0b8a3e0b8b0e0b8aae0b8b1e0b887e0b882e0b8b2e0b8a3-e0b8abe0b8a5-2.jpg

    การฝึกเจริญกรรมฐาน โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้าให้รู้ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกให้รู้ว่าหายใจออก ควรฝึกภาวนาไม่ได้จำกัดว่า ใครจะภาวนาว่าอย่างไร ตามแต่ถนัด แต่ก่อนภาวนาให้นึกถึงพระพุทธองค์ ถือเป็นพุทธานุสสติ เวลาภาวนาจะใช้เวลาไหนก็ได้ตามสมควร ถ้าเวลาอื่นไม่ว่าง ก่อนหัวถึงหมอนให้ภาวนาพุทโธทันที นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบคิดว่าองค์นี้คือพระพุทธเจ้า แล้วก็ภาวนา อาจจะภาวนา พุทโธ หายใจเข้านึกว่า พุท หายในออกนึกว่า โธ สัก 2 -3 ครั้งก็ได้ มากก็ได้ น้อยก็ได้ แล้วหลับไป พอตื่นขึ้นมาใหม่ๆ ก็นึกถึงพระพุทธองค์ แล้วก็ภาวนาว่า พุทโธ ช้ำอีก ทำอย่างนี้ทุกวัน จนวันไหน ถ้าไม่ได้ทำ วันนั้นจะรู้สึกว่าขาดอะไรไปในชีวิต ทำเป็นประจำจนเคยชินอย่างนั้นเรียกว่า ทรงฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน แม้ศีลมันจะขาด มันจะบกพร่องไปบ้าง ถึงยังไงก็ตาม ตายแล้วได้ไปสวรรค์แน่นอน…


    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.banmuang.co.th/news/region/193851
     

แชร์หน้านี้

Loading...