เรื่องเด่น อานิสงส์ของการมีสัจจะ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 7 ตุลาคม 2010.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    061202-1.jpg

    มีสองตายายเขาพากันเดินจงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย
    ไอ้ขโมยมาลักควาย นี่เรื่องตก ๓๐ ปีแล้ว สองคนตายายเดินจงกรมที่นอกชานเดือนหงาย
    ถ้าไม่ได้ชั่วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั่วโมง ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ช้า ๆ
    ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกข้าก็ไม่รับปาก แหมเดินดี
    เดินจงกรมมีสัจจะว่า เดินหนึ่งชั่วโมง ควายอยู่ใต้ถุน ขโมยมา ๔ คนก็มาลักควาย
    คนหนึ่งก็เฝ้าเจ้าของไว้ คนหนึ่งก็ไปเฝ้าทางปากตรอกไว้
    คนหนึ่งตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีความ ๓ ตัว
    ควายอ้วน ๆ เอาควายไปแล้วเปิดเลย คนที่มันเฝ้าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไม่รู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไม่ทราบ หรือดาวหมามันขึ้นเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึ้นลักขโมยตอนนั้น
    ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึ้นหลับหมดเลย ลักของได้ตอนนั้นนะ


    อานิสงส์การเดินจงกรม ควายออกนอกบ้านไปแล้ว
    คนที่มันเฝ้าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่า เจ้าของจะตื่นหรือเปล่า
    เดือนมันหงายนี่มันก็อะไรไม่รู้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
    เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควายออกไปตั้งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว
    เอ อะไรกัน นี่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
    ขโมยที่เฝ้าคอกมันก็ถอยหลังเรื่อย มันอยากดู ถอยหลังมาเรื่อย ๆ
    ถอยหลังออกมาจากใต้ถุนเรื่อย ๆ ก็ดู อะไรกัน นึกว่าผีเรือนหรือยังไง เพราะไปลักควายมาหลายเจ้าไม่เคยมีผีอย่างนี้ ขโมยไม่ได้เรียนเดินจงกรม ถ้าขโมยมาเรียนซะแล้วก็ไม่เป็นอะไรนะ
    จะได้รู้ว่าเขาเดินจงกรม มันไม่รู้นี่ ถอย ๆ มาเหยียบเอาหมาเข้า หมาตื่นหมดบ้าน
    หมามีอยู่ ๑๐ ตัวเห่ากันใหญ่ เลยควายที่เอาไปแตกกันหมด
    ควายไม่หาย นี่อานิสงส์เดินจงกรมนะ
    มีข้าวของอะไรไม่ต้องไปจ้างใครเขาเฝ้า
    สองคนตายายก็เดินจงกรมไปซี
    ถ้าไม่เดินก็หลับเลย อันนี้เรื่องจริงที่ผ่านมา ๓๐ ปีแล้ว


    มีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องคล้ายกัน
    บ้านตาแป๊ะแก่คนหนึ่ง อยู่กันสองคนกับยายซิ้ม
    เขานัดหมายกันนั่งชั่วโมงหรือสองชั่วโมงจำไม่ได้
    เวลานั่งแล้ว ใครจะเรียกมาหาใครจะมาลักขโมยไม่สนใจไม่ต้องฟังเสียง
    ถ้านาฬิกาไม่กริ๊งไม่เลิก
    ตั้งสัจจะและพระที่คล้องคอก็ไม่มี เมียนั่งโน้นผัวนั่งนี่
    บ้านนั้นมีเครื่องลายครามเยอะแยะหมด
    แล้วก็มีลูกสาวคนหนึ่งผอม สะโพก ๒ ศอกได้มั้ง
    ขณะนี้ลูกสาวน่ะ สามีเป็นนายพันเอก อย่าไปออกชื่อเขาเลย
    เป็นลูกอาจารย์กองทัพอากาศ เดี๋ยวนี้ยังอยู่แต่ปลดเกษียณแล้ว


    ก็ได้ความว่า ลูกสาวมาเยี่ยมเตี่ยกับแม่ แล้ว
    ทีนี้เตี่ยกับแม่ก็นั่งบริกรรมพองหนอยุบหนอ
    ถ้าไม่ได้กำหนดไม่ออก ถือสัจจะ
    พอดีรถปิคอัพเข้ามา ขโมยปล้นมีเอ็ม ๑๖ มาก็ยิง ยิงเลย ยิงไม่ออก ยิงโด่งออก แล้วโจรก็มาคลำดูที่คอ สองคนก็ภาวนาพองหนอยุบหนอตลอด
    ลูกสาวกำลังรับประทานอาหารอยู่ กำลังจิ้มไก่ย่างใส่ปาก เคี้ยวไปยังไม่ทันกลืนนะ พอเสียงปืนโป้งปั้งทำไง ก็รีบเข้าไปใต้เตียง ไม่ชิงชันสูงคืบเดียวนะ เข้าไปได้สะโพกเบ้อเร่อเข้าได้สบายมาก แล้วก็ไก่ย่างยังอยู่ในปาก


    มันเป็นเรื่องอัศจรรย์อันหนึ่ง ยิงก็ไม่ออก มันจะมาฆ่าตาแป๊ะคนนี้
    มีเครื่องลายครามขนใส่รถหมด ข้าวของเงินทองขนใส่รถ
    ยายซิ้มพองหนอยุบหนอ คิดหนอ ๆ ก็พองหนอยุบหนอต่อไป แหมเขาแน่จริง ๆ ขโมยก็ขึ้นรถไปออกไปถึงตรอกนั้น ร้อนถึง จักรินเทวราช สั่งมาตุลีเทพบุตรบอกให้สารวัตรใหญ่เข้าไปในตรอกนี้ให้ได้ เกิดสังหรณ์ในใจ ตำรวจสารวัตรใหญ่เป็นพันตำรวจโทก็สั่งลูกน้องเข้าในตรอกนี้ซิ มันสงสัย ก็สวนกันรถขโมยพอดีเลย พอสวนรถขโมย มันเปิดไฟเห็นตำรวจมันก็โดด
    ตำรวจโดดตาม พอตำรวจโดดตามจับได้หมด


    เลยผลสุดท้ายก็ถามว่า เอามาจากบ้านใคร
    โจรก็บอกกับตำรวจว่าเอามาจากบ้านตาแป๊ะนี่ เลยถอยหลังกลับไป
    พอรถขโมยไปจอดรถ รถสารวัตรใหญ่ไปจอด สองคนนั่งพองหนอยุบหนอ ยังไม่ออกจากกรรมฐานเลย เลยตำรวจก็ปลุกตาแป๊ะ ไม่ลุก
    สักประเดี๋ยวนาฬิกากริ่ง ตาแป๊ะก็ออกพอดี
    เจอตำรวจบอกว่า เอ...ไอ้ผู้ร้ายบอกว่าเอาปืนยิงไม่ออก เลยคลำที่คอบอกว่าไม่มีพระ ไม่มีพระเครื่องรางของขลังแต่ยิงไม่ออก บอกนี่โดนปล้นรู้ไหม ตาแป๊ะบอกรู้ แต่กำหนดได้ว่าอย่างนี้นะ รู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เข้าพลสมาบัติ
    รู้เลยอย่าได้เอาไป รู้หนอ ๆ พองหนอ ยุบหนอต่อไป
    อยากได้เอาไป ๆ ถ้าเป็นของลื้อ ๆ เอาไป
    ถ้าเป็นของอั๊วอยู่ พองหนอ ยุบหนอ ๆ อยากได้เอาไป ๆ


    พอพูดกันสักพัก ก็มีเสียงเรียกให้ช่วย
    ตำรวจก็มองหา เอ...อยู่ที่ไหนแปลก อยู่ใต้เตียงเวลาเข้าได้ออกไม่ได้ สะโพกตั้งศอก เลยเข้าไปยกเตียงไม่ชิงชันออกมา ไก่ยังอยู่ในปาก จะกลืนก็ไม่กลืน
    ไม่มีพองหนอ ยุบหนอ เตี่ยกับแม่ทำ ลูกสาวไม่ได้ทำ ในที่สุดก็ได้ของคืนหมด แต่เตี่ยกับแม่ในที่สุดก็บอกตำรวจว่าไม่เอาเรื่องเอาความ ไม่ติดตามฝากหลวงไป แล้วแต่เถอะว่าเสียสละแล้ว บอกว่า จะติดคุกติดตะราง อโหสิกรรม แล้วพวกขโมยก็มากราบตาแป๊ะกราบยายซิ้ม
    แล้วตำรวจก็ถามว่า เป็นยังไงถึงยิงไม่ออก มีพระอะไร
    ตาแป๊ะบอกมีพระพองหนอยุบหนอ ลื้อเอาไปใช้เถอะยิงไม่ออกแน่
    พระพองหนอ พระยุบหนอ


    ในที่สุด ตำรวจมาที่วัดนี่ เดี๋ยวนี้เป็นนายพันเอก เป็นนายพลตรีไปแล้ว ตำรวจบอกเอาพระตาแป๊ะพองหนอยุบหนอขลังจริง ๆ ปืนยังยิงไม่ออก เพราะว่าคุณนายชื่อว่าสะโพกศอกกว่า ๆ นี้นะเข้าไปได
    ้บอกว่าคุณนายเข้าไปได้ยังไง บอกว่าฉันก็ไม่รู้
    ตกอกตกใจพรวดเข้าไปใต้เตียง เตียงไม้ชิงชัน เวลาออกออกไม่ได้ สะโพกติดก็ต้องไปช่วยกันยกเตียงไม้ชิงชันออกมาเห็นไหม มันก็เป็นได้อย่างนี้


    ปืนยิงไม่ออกก็คือสัจจะ ความจริง
    และก็ว่าคล้องพระไปเป็นกิโลนะ โป้งตายไปหลายราย
    เพราะไม่นึกถึงคุณพระอยู่ในใจเลย ไม่มีสัจจะ เสียสัจจะ
    เอาพระไปคล้องเสียเวลาเปล่า ๆ
    พระพุทธเจ้าไม่ช่วยแน่ อาตมาขอยืนยัน


    อาตมาไปชายแดน ถามหัวหน้าหน่วยเป็นพันตรี
    บอกมีไหมปืนยิงไม่ออกยิงไม่เข้า มีคนเดียว นอกนั้นตายเรียบ
    โดนปืนตายทั้งนั้น แต่คนนี้ไม่ตาย
    โดนเอ็ม ๑๖ หล่นจากเข้าค้อเป็นเวลานานแล้ว
    ตอนนั้นเป็นสิบโท เดี๋ยวนี้เป็นร้อยเอกแล้ว
    อาตมาบอกขอมาสัมภาษณ์ซิ แต่นายพันตรีก็ไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ด้วยอะไร


    อาตมาก็มากล่าวอีกถึงอิสลาม เป็นชาวอิสลาม พ่อเขาเป็นแขกแม่เป็นชาวพุทธ ก็เอาตะกรุดมาให้อาจารย์ดู ถักเสียสวยเลยคล้องคอไว้
    นายพันตรีก็ไม่รู้ว่ามีอะไรดีเป็นอิสลาม ทำไมมันเหนียว
    ทำไมทหารไทยตายซะเรียบ ในเขาค้อนี่เองเลยเพชรบูรณ์ไปนี่
    ติดต่อกับพิษณุโลก อาตมาไปมา ที่ไปนี่ก็เอาของไปแจกไม่ใช่เอาเหรียญไปแจกนะ เอาขนมเอากระยาสารท ขนมเปี๊ยะ
    เอาพวกน้ำปลาไปแจกทหารชายแดน ๒๔ ลังเรียบไม่พอแจก
    ทหารชอบไม่ใช่ไล่แจก อาตมาถามบอกขอดูซิ
    อิสลามบอกหลวงพ่ออย่าจับ เอาไม่จับได้ไง
    คนละศาสนาถือหรือ ไม่ใช่หรอกครับ เดี๋ยวผมจะเล่าถวาย


    พอผมจะมาสนามรบนี้ผมก็ไปลาลุง ๆผมเป็นทายกพระ
    แต่ทีนี้แม่ผมได้กับป๋าที่มาจากเมืองนอก ก็ต้องตามป๋าไปอิสลาม
    แล้วก็บอกมาขอของดีลุงจะให้อะไร
    ลุงบอกเอาผ้านุ่งแม่เจ้ามา แล้วลุงจะทำให้
    เอาผ้านุ่งมาตัด ๆ เข้าแล้วก็เอาเชือกถักเสียสวยเลย แล้วก็ให้คล้องคอ แล้วบอกให้หลานตั้งนะโมเอาแบบพุทธ
    ท่อง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ๓ หน แล้วนึกถึงพระเจ้าของเจ้าก็ตามใจ บิดามารดาปกปักรักษา คุณครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลายแค่นี้แหละแล้ว เจ้าอิสลาม
    ๑. เหล้าหยดเดียวไม่กิน ๒. การพนันไม่เล่น ๓. ผู้หญิงไม่เที่ยว สามอย่างเท่านั้น หล่นจากภูเขาก็ไม่เป็นไร เขาเลิกเสื้อให้ดู บอกบอบช้ำไปเลย แต่ทีนี้เพื่อนทหารของผมก็กินเหล้าเข้าไปในหมู่บ้าน
    กลับไปก็ไปเหยียบกับระเบิดตาย


    นี่แค่ผ้านุ่งแม่ ปืนยังยิงไม่เข้า เขาไปทำเป็นตะกรุดคล้องคอ อาตมาจับเขาถึงไม่ให้จับ บอกว่านี่เป็นผ้านุ่งแม่ผม เลยให้นายพันตรี
    บอกอยู่ด้วยกันมานาน ไม่รู้ไม่เห็นเล่าให้ฟัง
    กลัวทหารจะล้อว่าเอาผ้านุ่งมาคล้องคอ ว่าอย่างนี้
    เดี๋ยวทหารบางคนก็ว่าไม่ใช่ผ้านุ่งแม่ เอาผ้านุ่งเมียมาคล้องคอ
    นี่บางทีแม่มาหาก็หาว่าเมียมาหา ทหารที่นั่นเป็นอย่างนี้เขาเล่าให้อาตมาฟัง นี่ก็เรื่องจากชีวิตปฏิบัติธรรม ถึงจะเป็นอิสลามหรือไม่ก็ตามเขามีสัจจะของเขา เหล้าไม่กันเลยแม้แต่หยดเดียว พระเจ้าก็ช่วยได้
    นี่ผ้านุ่งแม่ก็ช่วยได้ เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว
    ผ้านุ่งแม่ก็ซักให้ไม่ได้ ทีผ้านุ่งเมียซักได้นะ
    เห็นบางคนเขาพูดกัน ข้อเท็จจริงอย่างไรไม่รู้ เห็นบางคนเขาพูดกัน บางคนถูกผ้าผู้หญิงไม่ได้เพราะกลัวเสื่อม
    อาตมาว่าไม่จริง อยู่ที่ใจ เสื่อมไม่เลื่อมอยู่ที่ใจ ไม่อยู่ที่ผ้านุ่งผู้หญิงหรอก


    คัดลอกจาก...หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 3
    http://www.jarun.org

    ที่มา::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2018
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,274
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    SadhuBlueHand.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...