เชิญมาดูครับ ผมจะพิมพ์ให้ดูว่าจิตมันคิดอะไรบ้าง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nooy09, 27 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3
    วันนี้นะครับ ผมรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ๆ อ่อนเพลีย และผมก็ดูมันอยู่

    จิตมันบอกว่า เบื่อมาก ๆ ทำมัยจะต้องไปสอดรู้ สอดเห็น ไปรับรู้สภาวะของคนอื่นมาด้วย เบื่อมาก ๆ (จิตหลัก)

    และที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นจิตหลัก ที่ผมเคยอ่านเจอ ไอ้จิตหลักเนี่ย มันไม่อยากรับรู้สภาวะอะไร ของใคร หรือทำมัย อะไร อย่างไรหรอก มันอยากจะอยู่เฉย ๆ


    ส่วนอีกจิต ไอ้จิตรองเนี่ย มันชอบไปสอดรู้สอดเห็น อยากรู้อยากเห็น ไปรู้สภาวะของคนอื่นมา แบบว่า อะไรมากระทบ มันจะสงสัยปั๊บ มันก็ไปหาคำตอบ และประมวลผล สุดท้ายนะ ผมเหนื่อยมาก ๆ ร่างกายผมมันรู้สึกล้าและเหนื่อย แต่ว่าสติผมมีอยู่ครบนะครับ แต่ผมแค่เหนื่อย มาก และรู้สึกเบื่อมาก ๆ

    คือถามว่า จะทำงัยดีครับ ผมก็สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น อยู่นะครับ ผมไปใกล้ใครไม่ได้เลย หรือผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เลย ไม่นาน มันจะกลับมาประมวลผล ไปรับสภาวะตรงนั้นมา ทำให้เกิดกับร่างกายผม บางทีก็หาว บางทีก็เหนื่อย บางทีก็รู้สึกโปร่งเบาสบาย บางทีก็โล่ง บางทีก็หนักตัว บางทีก็มึน ๆ เยอะแยะครับ

    ผมจะทำอย่างไรดีครับ ทั้งที่ผมไม่ได้ไปสงสัยหรืออยากรู้อะไรเลยนะ แต่ไอ้จิตรองเนี่ย มันทำงานเองโดยอัตโนมัติผมห้ามมันไม่ได้

    ผมรู้สึกว่า เวลามันจะสงสัยอะไรนะ มันจะรู้สึกแกว่งจากข้างใน ซักพักเริ่มมีอาการและ หรือเวลาโกรธก็จะรู้สึกเหวี่ยง ๆ หรือเวลาเดิน จิตมันลงไปที่ขา มันโยกแปลก ๆ บอกไม่ถูก เวลามันไปที่หู หูมันจะได้ยินเสียงฟี่ ๆ ตลอดเลย เวลามันไปที่จมูก จมูกมันจะรู้สึกโล่งขึ้นไปบนสมอง

    อ่ะแบบนี้ ทำงัยอ่ะ มันเป็นแบบนี้ใครจะอธิบายสิ่งที่ผมเป็นได้บ้างครับ ขอบคุณครับผม

    ;aa26
     
  2. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3
    ผมว่ามันเหนื่อย เพราะว่าไอ้จิตรองเนี่ยมันอยากไปรู้เรื่องนู้น เรื่องนี้ แต่ไอ้จิตหลักเนี่ย มันก็ไปร่วมด้วยนิดนึงอ่ะนะครับ เพราะเท่าที่เคยรู้มา ปกติแล้ว จิตหลัก จะแค่เป็นผู้ดูอย่างเดียว แต่ตอนนี้มันลงไปเล่นด้วยนิดส์นึงอ่ะนะครับ มันเลยเหนื่อย
    ทีนี้ผมถามว่า ผมควรจะหยุดการนั่งสมาธิมั้ย เพราะว่าการนั่งสมาธิ มันเป็นการพักผ่อนจิต ทีนี้ พอพักผ่อนเต็มที่ จิตมันมีกำลัง เวลาเราหลับน่ะ มันเลยทำให้มันไปไหนต่อไหนได้ไกลอย่างที่มันอยากจะไปน่ะครับ ถ้าฝึกสติ ให้รู้ทันว่ามันกำลังจะไป มันไปไหน มันทำอะไร ให้แค่สักแต่ว่ารู้เนี่ย ถามว่า ถ้าแค่รู้ เราบังคับมันไม่ได้ มันจะไปไหนก็เรื่องของมันเนี่ย แล้วมันจะเหนื่อยแบบนี้มั้ยครับ
     
  3. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3
    เมื่อวันก่อนที่ผมมาโพสต์อ่ะนะครับ เรื่องที่เห็นจิตมันคิด ตอนที่เข้าภวังค์จิต ผมก็เห็นมันทำหน้าที่ของมัน ก่อนหน้านี้นะครับ จิตรองมันพาเราไปอ่านเรื่องการถอดจิต ทีนี้ มันก็คงเหมือนกับว่า จิตรองมันป้อนข้อมูล ส่งผลให้จิตหลัก มันรับข้อมูลไปในจิตใต้สำนึกด้วย เวลาที่หลับ และเข้าภวังค์ คือร่างกาย มันพักผ่อนหลับไปแล้ว ธาตุ 4 น่ะ แต่ว่าจิตมันไม่หลับนี่ครับ มันมีกำลัง มันอยากจะถอดกายทิพย์ ป๊าด ดูมันทำ 55 ผมล่ะมึนกับมัน

    ทีนี้ ไอ้จิตหลัก (จิตใต้สำนึก) มันก็ร่วมไปทำนิดส์นึงอ่ะนะครับ แต่ว่า แต่ว่านะครับ สติมีครับ จึงได้เห็นว่าไอ้จิตรองมันทำอะไร มันคิดอะไรรู้หมดเลยครับผม แต่สติ อาจจะไม่แก่รอบ ที่จะรู้ว่า จิตรองมันกำลังหลอกอยู่นะว่าเนี่ยเป็นจิตเรา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เราบังคับมันไม่ได้ มันจะทำอะไรก็เรื่องของมัยงัยครับ ทีนี้มันหลอกผมอยู่ได้ช่วงหลับ แต่พอตื่น ผมก็เหนื่อยอยู่แป๊บเดียว ซักพัก มันก็หายเหนื่อย เพราะผมมีสติสัมปชัญญะกลับมาแล้ว แล้วมันก็เลยรู้ว่าอ้อ ไอ้ที่รู้ว่าจิตรองมันทำงานนั้น มีผู้ดู ไปรู้ว่ามันทำงานนี่เอง สติเลยกลับมาครับผม เพราะช่วงที่หลับ สติมันอ่อนกำลังแต่ก็เป็นผู้ดู ด้วย เล่นด้วยนิดส์นึงอ่ะนะครับ
     
  4. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3

    ครับเข้าใจครับ ผมไม่ใช่นักดูจิตนะครับ ผมก็อยากจะนอนหลับฝันดี เหมือนคนปกติ แต่มันตื่นมาเหนื่อยทุกที ช่วงหลังนี้นะครับ ก็ไม่รู้สึกว่ามันทุกข์อะไรหรอกครับ เพียงแต่ อยากจะอยู่เฉย ๆ แบบธรรมดาน่ะครับ แต่ดูมันทำสิ ผมเหนื่อยครับ

    ;aa10
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    นั่นแหละครับ เรียกว่า จิตเรายังไม่ตื่น เนื่องจากว่า เราไม่มีแรงกุศลที่เราจะสามารถดึงตัวเองออกจากการวิ่งไปของจิต ที่ออกไปร้อยแปดทิศ

    อย่าไปแยกจิตหลักจิตรอง อย่าไปหมายอะไร พยายามหาจุดพักจิตก่อน คือ

    อย่าไปแปลความหมายอะไรมากมาย ลองทำตามที่ผมบอกนะ

    ระลึกตอนที่หลับให้ได้ ว่าเราสบายอย่างไร ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเดี๋ยวมันก็หาย เดี๋ยวมันก็ดี

    เอาเท่านี้ก่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตอนกำลังอกุศลมันมากก็ไม่ต้องไปทำอะไร เพียงแต่คอยประคอง และอดทน เดี๋ยวพอลมพายุพัดไปแล้วค่อยว่ากัน
     
  6. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3
    ไม่เอาหรอกครับ ผมจะอยู่เฉย ๆ ถอดจง ถอดจิตอะไรนี่ ดูสิ เห็นมะ ว่าไอ้จิตรองที่มันทำงาน มันอยากจะไปถอดจิต ดูมันทำสิ เล่นเอาเราเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะไปทำทำมัยหล่ะครับว่าปะครับพี่ครับ

    จิตมันก็ทำงานของมันโดยที่เราบังคับมันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไอ้อีกจิตนึงเนี่ย มันพยายามจะไปบังคับมันงัยครับ มันเลยเหนื่อยมั้งครับ เหอ ๆ ;aa8
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    สรุปง่ายๆ คือ จิตขาดกำลังสมาธิ จิตมีนิวรณ์มากเกินไป

    ก็จะเห็นว่า กำลังสติ ไม่พอ ต้องมีกำลังสมาธิ เพราะในกรณีนี้ จะทำอะไรไม่ได้เลย เปรียบเหมือน คน อยู่ท่ามกลางพายุ ก็หาหลักหาอะไรยึดไว้พอ เช่น ทำใจให้สบายๆ

    แล้ว พอดีแล้วเมื่อไร ก็ให้ฝึกสมาธิ ให้มากเอาเป็นกำลังกุศลเอาไว้ต้านทาน
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อ๋อ แจ่มนะนี่

    มาดูกัน

    แต่....ขอปรับการใช้คำว่า จิตหลัก กับ จิตรองนิดหน่อยนะ คุณต้องอ่านดีๆ อย่า
    ให้จิตรองมันอ่านแล้วตีความแบบที่คุณคุ้นเคยอยู่

    ถ้าเป็นผม ผมจะยกจิตหลัก ให้กับอาการเห็นไหวๆ โปร่งๆ โล่งๆ มึนๆ เหวี่ยงๆ โยกๆ
    เสียงฟี้ก็ได้ จมูกโล่งๆ (กลิ่นไม่มี หรือ ไม่สงสัยในกลิ่นที่มี ) เหล่านี้ ให้ยกขึ้นเป็น
    นิยามใหม่ว่า จิตหลัก

    ทำไมถึงควรยกตรงนี้ จะเห็นว่า มันมีหน้าที่รู้ มันยังไม่เติมความหมายอะไรมากไป
    กว่า ไหวๆ เหวี่ยงๆ โล่งๆ เบาๆ ฯ

    ส่วนอะไรก็ตาม ที่เอาอาการจิตหลักไปแปลความ ไปเติมความรู้ เช่น เบื่อๆ เหนื่อยๆ
    อยากอยู่เฉยๆ หรือ แม้กระทั่งเติมคำศัพท์นิยามนามเฉพาะ เหล่านี้คือ จิตรอง เกิด
    จากการเอาจิตหลักไปเข้าคู่กับความยินดี ยินร้าย อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้เกิด
    อารมณ์เบื่อ เหนื่อย อยากเฉยๆ ฯลฯ ขึ้น

    ทีนี้ ถ้าหากจะภาวนากันให้ถึงจิตถึงใจ ก็ต้องหยุดที่การรับรู้ ที่จิตหลักพอ คือ เห็น
    มันเหวี่ยงๆ ไหวๆ โยกๆ ก็รับรู้แค่นั้นพอ ไม่ต้องเติมรู้ต่อ อย่าให้ตกมาที่จิตรอง

    หากดูไม่ได้ ไม่ทัน มันตกมาจิตรอง มันเบื่อๆ อยากๆ เฉยๆ ไปแล้ว ก็ต้องลองระลึก
    สภาวะที่เรียกว่า ยินดี ยินร้าย มันจะมีอาการเข้าฉวย หรือ ผลักออก อย่างใดอย่าง
    หนึ่งแล้วแต่ว่า ยินดี หรือ ยินร้าย หากดูตัวนี้ทัน การดูจิตก็จะไปหยุดที่จิตรอง

    แล้วไม่ต้องไปประคองการรู้ มันไหวเมื่อไหร่ก็รู้ ไม่ต้องไปทำให้มันไหวอยู่ตลอด

    รู้เท่าที่รู้ รู้แบบไม่เติมรู้ หยุดที่ รู้สึก รู้สึก ไว้เนืองๆ แล้วจิตจะตั้งมั่นขึ้น

    ดูอย่างไรว่าตั้งมั่น ถ้าจิตตั้งมั่นรู้อยู่ที่จิตหลัก มันจะเงียบๆ ว่างๆ และจะไม่ควาน
    หาสภาวะเพื่อรู้ แต่สภาวะเกิดเมื่อไหร่จึงเข้าไปรู้ แบบนี้เรียกว่า รู้ตัวทั่วพร้อม


    ลองเอาแบบนี้ไปปฏิบัติดูก่อน แล้วสังเกตจิตที่หลุดออก โปร่งสบายมากขึ้น มีไหม

    ถ้าไม่มี ก็ลองมาถามใหม่ ถ้าจิตไม่โล่งนี่ ส่วนใหญ่จะติดอะไรสักอย่าง มหากุศลจิต
    เจตสิกที่ให้คุณโล่ง โปร่ง ควรแก่การงานจึงไม่เกิด

    ลองดูนะครับ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ไอ้บ้า พายุทะเลทราย เมิงเอาตัวเมิงให้รอดก่อนเถอะ

    รำคาญจริง คนเขามีทุกข์มา แนะนำห่าอะไร

    หยาบกระด้างจริงๆ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    เกิดมา ไม่เคยได้ยิน ครูบาอาจารย์สอน ไม่เคยได้ยินพระพุทธเจ้าสอน จิตหลักจิตรอง

    เอกคตาจิต นั่น เอาให้ได้พอ

    นับวันยิ่งประสาทไปทุกที ไอ้วิชาดูจิตนี่
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    จิตเขาทำงานเองบ้าง จิตไม่ใช่เราบ้าง

    มันไปถึงไหนนั่น มันขยะทางความคิดทั้งนั้น เพราะมันคือสมมติ

    กิเลสมี ก็ทำให้มันเบาสิ มันได้ไม่เดือดร้อน

    ไม่มีสมาธิก็ทำให้จิตมีสมาธิสิ เรื่องมันเท่านั้น

    นิสัยไม่ดีก็ขัดเกลาสิ เรื่องมันเท่านั้น

    นี่วกไปนั่น วนมานี่ โน่น จิตเขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ จิตหลักจิตรองทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ เราเป็นผู้ดู มีผู้รู้ ผู้ดู ผู้ทำ

    เออ พอดีบ้าก่อน
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    บางที่เราก็ดูจิต บางทีเราก็ดูกาย

    ตอนไหนเราเบื่อ ไม่อยากเห็นอารมณ์ปรุงแต่ง จิตที่รักการภาวนามันจะ
    มาดูกายแทนทันที จะมาดูความล้า ความไม่เที่ยง ของสังขาร บางที่ก็
    เหมือนมองไปเห็นกระดูก หรือ เห็นว่ากายเราเป็นท่อนอะไรแข็งๆ

    ตอนที่เรามาดูกายเห็นเป็นก้อนแข็งๆ หรือ เห็นเป็นอสุภะ ของเน่าเปื่อย
    ของที่เสื่อม มีเหนื่อยล้า จิตจะกลับมามีกำลัง เพราะการดูกายจะเป็นการ
    ทำสมถะชนิดหนึ่ง หากกำลังพอ ลองสังเกต หากจิตมันย้อนไปดูอารมณ์
    หรือดูจิต เราจะรู้สึกว่า ตัวเรากลวงๆ เป็นอู่ เป็นถ้ำ ที่จิตมาอาศัย และ
    หากกำลังสมถะตอนที่ดูกายมีมากพอ จะทำให้เห็นจิตเอง ก็ถูกเห็นเป็นอะไร
    ที่ไม่มีอยู่ไปด้วย ตอนนี้ก็จะเหมือมันกว้างไปหมด หาที่ตั้งของตัวตนไม่เจอ
    หาที่ตั้งของอัตตาไม่เจอ

    แบบนี้เคยเห็น หรือ รู้สึกถึง ไหม
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    บอกตามตรง ระยะหลังมานี่ ที่ต้องพูด เพราะมันออกทะเลไปเรื่อยๆ ทุกวัน
    และก็ดูเหมือนว่า จะต้องทะเลาะกันทุกวัน เพราะมันคนละความเห็น มันทำให้คลุมเครือ

    แล้วก็ ไม่มีมาตรฐานเลย ไม่ใช่อะไรหรอก ผมสงสารคนที่เขามาอ่าน
    จริง ๆแล้ว แนวทางไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

    แต่ มันต้องเอาธรรมพระพุทธองค์เป็นหลักสิ นี่มีจิตรอง จิตหลัก

    ถ้าไปดูใน สุตตันตปิฎก พระพุทธองค์ จะไม่กล่าวในเรื่องของ จิตหลัก จิตรองอะไร

    แม้ในอภิธรรมก็ไม่มี จะมีก็เจตสิก หรือ จิต ก็ไม่ใช่ ชั่วโมงนี้ที่จะมาทำความเข้าใจเรื่อง การแตกไปของจิตว่า มันคืออะไร

    แต่ต้องหาหลักใจ คือ ยุติ มีหลักให้ยึด ให้อำนาจแห่งอกุศล เบาบางลงไป ด้วยการมีหลักยึด เช่น อาจจะไปทำบุญ อาจจะไป หาสถานที่สัปปายะ หากัลยณมิตรคุยกันเบาๆ ปรึกษาหารือกัน ให้ใจได้พักตัวลง ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะไปร้อยแปดทิศ
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ขอสรุปอีกนิด

    ตรงคำว่า ดูจิต หาก จขกท ฟังแล้วไม่คุ้นเคย ไม่ชอบ แต่ผมก็เห็นว่าคุณนั้น
    กำลังทำสิ่งที่เรียกว่า ดูจิต ซึ่งจะมีทั้งเรื่อง ดูจิต และ ดูกาย มีทั้งเรื่อง วิปัสสนา
    และ สมถะกรรมฐาน อยู่ในตัว

    ถ้าจะพูดให้ถูกตามปริยัติ ก็เอาคำว่า ดูจิต ซึ่งเป็นคำแสลง คำที่นิยม ติดปากคน
    สมัยยนี้ออกไป ก็จะได้คำว่า สติปัฏฐาน4

    พูดง่ายๆ คือ คุณกำลังทำ สติปัฏฐาน4 อยู่
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    คุณ TVJ ไอ้ที่ ควรต้อง ดูจิตดูใจ คือ กิเลส

    เลือก ที่จะจัดการให้ถูก ทางหน่อย

    แต่ ถ้าอดทนไม่ได้ ที่เห็นธรรม ผิดๆ มันก็คือธรรม

    ไม่เช่นนั้น พระพุทธเจ้าท่านจะ เดินไปสอนคนหรือ

    ท่านจะไปเถียงกับพวก นิครนธ์ หรือ

    โง่แล้วอย่าอวดฉลาด รำคาญ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เรื่องจิตหลัก จิตรอง คุณ จขกท ก็อย่าไปตกอกตกใจ จิตคุณชอบคำนี้
    ก็ลองใช้ไปก่อน แต่พอปฏิบัติได้สักพัก หากอยากไปสอนใคร ก็ค่อย
    ปรับให้ตรงปริยัติ แต่ถ้ายังเป็นขั้นฝึก อันนี้จะเป็นหน้าที่ของผู้สอนได้
    ที่จะอนุโลมลงมาใช้คำของคุณ

    เพราะคนที่จะมาสอน ก็ต้องน้อมเอาจากสิ่งที่คุณมี ดีอยู่แล้ว เอามาต่อ
    ยอดให้เข้าทาง

    พอเข้าทาง ก็จะเข้าใจ

    พอเข้าใจก็ค่อย ปรับการใช้คำศัพท์

    แต่ถ้าไม่คิดจะไปสอนใคร ก็ไม่จำเป็นต้องปรับคำศัพท์ เราเอาตัวเราหลุด
    พ้นไปก็พอ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ถ้าห้ามได้จริง ป่านนี้มันก็ไม่มีคนปัญญาอ่อนอย่างไอ้จร แล้ว บ้าทั้งวัน ไม่เคยเห็นมันพักนี่
     
  18. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    จิตกับความคิดคนละตัวกันนะครับ ความคิดมันจะวิ่งรอบจิตอยู่ แยกให้ออกอันไหนจิตอันไหนความคิด คนไปเข้าใจว่าจิตก็การคิด
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    เออ นั่นแหละ มันคือการสร้างกระบวนทัศน์ขึ้นมา สองกระบวนทัศน์ คือ แยกใจเป็นสองสิ่ง

    ก็ธรรมดาเขาให้ มีเอกคตาจิต แต่พอแยกใจออกเป็นสอง แุถมเอาสมมติเป็นบัญญัติ อีกว่า จิตหลัก จิตรอง

    นี่ธรรมของพวก มีวิจิกิจฉามากโดยแท้

    แต่เอาเถอะ เีดี๋ยวก็รู้เอง
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    พวกนี้ สร้างบาปกรรมจริงๆ นี่แหละ เขาเรียกว่า ตัวเองยังทำดีไม่พอ
    ริไปสอนคนอื่น

    นิวรณ์ ยังมีหลายมาตรฐาน สับปลับ เฉไฉ ตัวเองยังเอาดีข้อนี้ไม่ได้ ไปสอนคนอื่นได้อย่างไร
    ขจร ยังพูดจาเรื่อยเปื่อย ด่าคนนั้นด่าคนนี้ จะไปสอนเขาได้อย่างไร

    ทีนี้ ถ้าสอนตามหลักธรรมทั่วๆไป ซึ่งตนเองแก้ไข ได้ผลปรากฎกับตนแล้วก็ว่าไปอย่าง

    นี่ เอาจิตนั้นจิตนี่ มาเพิ่มสมมติให้หนักไปอีก สอนให้พิจารณาตอนคนกำลังฟุ้ง

    โชคดี ผมคงขี้เกียจจะอธิบายมาก หลายครั้งเกินไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...