เรื่องเด่น เปิดความลับมหัศจรรย์ “เขาคิชฌกูฏ” หินก้อนยักษ์ตั้งอยู่ได้อย่างไร? ไม่ตกหล่น

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย montrik, 6 กุมภาพันธ์ 2020.

  1. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
    เปิดความลับมหัศจรรย์ “เขาคิชฌกูฏ” หินก้อนยักษ์ตั้งอยู่ได้อย่างไร? ไม่ตกหล่น

    วาไรตี้ท่องเที่ยว
    เผยแพร่: 5 ก.พ. 2563 17:02 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


    563000001213806.jpg

    หินลูกบาตร สัญลักษณ์โดดเด่นแห่งเขาคิชฌกูฏ

    ทุกๆ วันขึ้น 1 ค่ำเดือน 3 ถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี เป็นระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้นที่พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาจะสามารถขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ได้ โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม-24 มีนาคม 2563

    ตามคติความเชื่อของชาวพุทธ เชื่อกันว่าการได้กราบสักการะรอยพระพุทธบาทนั้นเปรียบได้กับการเข้าเฝ้าองค์พระพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ หลายคนจึงต้องการไปสักการะรอยพระพุทธบาทให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะ “รอยพระพุทธบาทพลวง” แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ถือเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในเมืองไทย และขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังเปิดให้นมัสการเพียงปีละครั้ง ในแต่ละปีจึงมีผู้ศรัทธาจำนวนมากเดินทางมายังเขาคิชฌกูฏเพื่อกราบไหว้ขอพรในสิ่งที่หวัง

    563000001213805.jpg
    ทุกคนมุ่งหน้าสู่รอยพระพุทธบาทและหินลูกบาตร

    พระพุทธบาทพลวงเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,050 เมตร ถูกค้นพบใน พ.ศ.2397 แต่การเดินทางขึ้นไปสักการะในขณะนั้นยังทำได้ยากลำบากเนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูงในป่าทึบ

    ต่อมาใน พ.ศ.2515 “หลวงพ่อเขียน” หรือพระครูธรรมสรคุณ เจ้าอาวาสวัดกระทิง เจ้าคณะอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏในขณะนั้น ได้เป็นผู้บุกเบิกทางขึ้นสู่รอยพระพุทธบาทพลวง จนสามารถนำรถยนต์ขึ้นเขาคิชฌกูฏได้เป็นครั้งแรก จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาเส้นทางขึ้นยอดเขาให้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น มาจนถึงปัจจุบัน

    หลวงพ่อเขียนเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านจิตตภาวนา ท่านสามารถเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้บุกเบิกตำนานการจัดงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนเขาคิชฌกูฏในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 3 ถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี จนกลายเป็นประเพณีสำคัญของจันทบุรีจวบจนวันนี้ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2555 สิริอายุ 82 ปี 62 พรรษา

    563000001213807.jpg

    รอยพระพุทธบาทพลวง

    นอกจากรอยพระพุทธบาทพลวงอันเป็นไฮไลท์ของเขาคิชฌกูฏแล้ว อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ตั้งโดดเด่นเคียงคู่กันก็คือ “หินลูกพระบาท” หรือ “หินลูกบาตร” ก้อนหินใหญ่รูปทรงคล้ายบาตรคว่ำ ตั้งตระหง่านอยู่ริมหน้าผา เป็นร่มเงาให้แก่รอยพระพุทธบาทเสมอมา

    หินลูกบาตรถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสรรค์สร้างอันน่าทึ่งแห่งยอดเขาคิชฌกูฏ ที่หินก้อนใหญ่ยักษ์เช่นนี้สามารถตั้งอยู่บนชะง่อนผาที่ลาดเอียงอย่างมั่นคง ดูโดดเด่นจนบางครั้งคล้ายกับลอยอยู่เหนือลานหิน จึงเป็นเรื่องเล่าขานกันว่าหินลูกบาตรนี้ลอยอยู่เหนือพื้นดิน โดยเล่าต่อกันมาว่าเคยมีคนทดลองเอาเส้นด้ายลอดผ่านก้อนหินนี้ได้

    563000001213808.jpg

    ผู้คนมากมายบริเวณลานพระพุทธบาท

    ดังนั้นผู้ที่ขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทพลวงแล้วก็มักจะมาปิดทองที่หินลูกบาตร มาสัมผัสก้อนหินเพื่อความเป็นสิริมงคล และเราอาจเห็นผู้คนไปก้มๆ เงยๆ ส่องอยู่ใต้ฐานก้อนหิน อาจจะเพื่อดูว่าหินก้อนนี้ลอยอยู่จริงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะส่องเพื่อหาเลขเด็ดกันเสียเป็นส่วนใหญ่

    ความเชื่อที่ว่าหินลอยได้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องอภินิหารที่แต่งเติมเสริมสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับหินลูกบาตร แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ต้องถือเป็นเรื่องน่าทึ่งมากทีเดียวที่ก้อนหินขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถทรงตัวอยู่บนชะง่อนผาได้โดยไม่ตกหล่น

    563000001213811.jpg

    ส่องดูใต้หินลูกบาตร

    แต่ความลับที่ว่าหินก้อนนี้ตั้งตระหง่านอยู่ได้อย่างไรนั้น มีคำอธิบายด้านธรณีวิทยาที่ทำให้เราไขกระจ่าง โดยข้อมูลจากกรมทรัพยากรธรณีกล่าวว่า “เขาคิชฌกูฏ” หรือเดิมเรียกว่าเขาพระบาทพลวง ตั้งอยู่ในเทือกเขาสอยดาว เป็นเทือกเขาหินแกรนิตมวลไพศาล (Granite batholith) เกิดขึ้นจากหินหนืด (Magma) ที่เหลวร้อนภายใต้โลกและมีปริมาณมหาศาล แทรกซอนดันตัวขึ้นมาใกล้ผิวโลก แล้วแข็งตัวเป็นหินแกรนิตครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 100 ตร.กม. แกรนิตมวลไพศาลนี้เกิดขึ้นในยุคจูแรสซิกหรือประมาณ 190 ล้านปีมาแล้ว

    ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอันเป็นสาเหตุของการเกิดของหินลูกบาตร หรือที่ทางธรณีวิทยาเรียกว่า “หินเทิน” (หินทรงตัว) โดยมีลักษณะเป็นหินก้อนกลมขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 เมตร วางตั้งอยู่บนพื้นหินแกรนิตซึ่งมีลักษณะนูนโค้ง สอดรับกับฐานของหินเทินซึ่งมีลักษณะแบนเว้า เอียงเทเข้าร่องกันอย่างพอเหมาะเหมือนมีใครจับเอาก้อนหินขึ้นมาวางไว้บนยอดเขา แต่ตั้งอยู่ในลักษณะที่ล่อแหลมเสมือนจะกลิ้งหลุดออกไปจากพื้นในวันใดวันหนึ่ง ลักษณะเช่นนี้ทางธรณีวิทยาเรียกว่า หินทรงตัว (Balancing Rock)

    563000001213810.jpg

    ป่าเขารอบข้างมองเห็นไปได้ไกล

    การเกิดของหินเทินนี้อธิบายต่อได้ว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเปลือกโลกที่ทำให้พื้นผิวโลกบริเวณแกรนิตมวลไพศาลยกตัวเป็นพื้นที่สูง แล้วพื้นที่สูงนี้ได้รับการเกลี่ยระดับให้ราบลงอันเป็นกระบวนธรรมชาติการที่ทำให้ผิวโลกราบเรียบ หินส่วนนอกสุดผุพังและผุกร่อนไป แกรนิตมวลไพศาลจึงโผล่พ้นจากการปกปิด และถูกทำลายจากตัวกลางต่างๆ เช่น อุณหภูมิซึ่งทำให้เนื้อหินแกรนิตแตกออกเป็นกาบ (Exfoliation) เหมือนกาบกะหล่ำปลี น้ำเป็นตัวกัดเซาะทำลายให้เนื้อหินส่วนที่มีรอยแตกหลุดออกจากกันง่ายยิ่งขึ้น

    ทิศทางของรอยแยก รอยแตก รอยเลื่อน อาจมีได้ตั้งแต่ตั้งฉาก เอียงเป็นมุมต่างๆ จนถึงแนวนอน ในกรณีที่มีรอยแยกในแนวนอนเกิดขึ้นร่วมด้วยนั้น การทำลายในแนวนอนจะเป็นไปได้ช้ากว่าแนวอื่นๆ เนื่องจากถูกปิดทับและน้ำหนักที่กดทับ ดังนั้นผิวส่วนที่สัมผัสกับบรรยากาศ จึงถูกทำลายให้มนกลมเปลี่ยนลักษณะไปในขณะที่ส่วนฐานยังไม่เปลี่ยนลักษณะ

    563000001213809.jpg

    ทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

    เมื่อก้อนหินส่วนที่อยู่รอบข้างถูกนำพาออกไปจากแหล่งกำเนิด หินส่วนที่เหลือบางก้อนจึงมีลักษณะเสมือนเป็นหินที่ได้รับการโยกย้ายมาจากที่อื่นมาวางไว้ แต่แท้ที่จริงแล้ว หินก้อนนี้ก็คือส่วนหนึ่งของพื้นหินนั่นเอง นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าหินลูกบาตรขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างมั่นคงผ่านกาลเวลามาได้อย่างไร

    ส่วนตรงพื้นหินใกล้ๆ กับบริเวณที่หินเทินตั้งอยู่นั้น มีรอยกะเทาะของเปลือกหินเป็นรูปร่างต่างๆ ร่องรอยรูปหนึ่งมีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ดูคล้ายรอยเท้าคน ได้รับการเรียกชื่อว่า “รอยพระพุทธบาท” นอกจากนั้นก็ยังมีก้อนหินรูปทรงต่างๆ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกโยงกับตำนานพระพุทธศาสนา อาทิ ศิลาเจดีย์ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินบาตรพระโมคคัลลานะ หินรูปคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ เหล่านี้ก็เป็นจุดน่าชมต่างๆ บนเขาคิชฌกูฏ



    ขอบคุณภาพ และข้อมูลจาก
    https://mgronline.com/travel/detail/9630000011830
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2020
  2. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
  3. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
     
  4. montrik

    montrik แดง แดนอุทัย สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    10,119
    กระทู้เรื่องเด่น:
    74
    ค่าพลัง:
    +12,075
     
  5. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa190.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...