เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 ตุลาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ พรุ่งนี้เช้ากระผม/อาตมภาพต้องไปเข้ากรรมฐานตั้งแต่ตอนเช้ามืดเป็นต้นไป งานหลัก ๆ เลยระหว่างเข้ากรรมฐานก็คือ รักษากำลังใจตามที่พระหรือครูบาอาจารย์ท่านกำหนดให้

    ประการต่อไปก็คือ ปลุกเสกวัตถุมงคลที่เข้าพิธีอยู่ ซึ่งวัตถุมงคลหลักก็คือเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัทย์ทุกเนื้อ แม้กระทั่งเหรียญตัวอย่าง เหรียญลองพิมพ์ แล้วก็พระหลวงพ่อโตย้อนยุค เลียนแบบหลวงพ่อโตกรุวัดชีปะขาวหาย กับพระขุนแผนย้อนยุค เลียนแบบผงเคลือบวัดใหญ่ชัยมงคลที่พี่ณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) ทำเอาไว้ ซึ่งความจริงพระที่พี่ณพเอาไว้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเสก แต่ต้องบอกว่าทุกคนตั้งความหวังไว้ว่า "น่าจะได้อะไรเพิ่มสักนิดหนึ่ง" ก็เลยต้องเอาไปเข้าพิธีตอนกรรมฐาน ๓ วันด้วย

    โดยเฉพาะขุนแผนเคลือบที่เลียนแบบพระกรุวัดใหญ่ชัยมงคล พี่ณพระบุไว้ชัดว่าเป็นสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งตรงจุดนี้เท่ากับเป็นการบังคับไปในตัว เพราะว่าถ้าหากว่าเป็นรูปของสมเด็จองค์ปฐม จะไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นประธานในพิธีเสก จึงต้องเป็นพระองค์ท่านเท่านั้น

    ซึ่งเรื่องแบบนี้ ผมเตือนนักเตือนหนาไปหลายทีแล้วว่า การที่จะสร้างรูปพระ โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม ให้ทำพิธีกรรมให้ถูกต้อง ก็คือต้องมีการบวงสรวงบอกกล่าวขออนุญาตก่อน จนกระทั่งท้ายสุดก็คือบวงสรวงขออนุญาตในการพุทธาภิเษก
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ตัวกระผม/อาตมภาพเองได้เปรียบตรงที่ว่าทำบวงสรวงบ่อย ในระหว่างนั้นถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่จำเป็นก็มักจะขอไปเลยทีเดียว ตรงจุดนี้ก็เลยทำให้หลายท่านไปเข้าใจผิด ว่าไม่เห็นกระผม/อาตมภาพทำพิธีอะไร ความเข้าใจผิดทั่ว ๆ ไปก็ไม่เป็นไร แต่ความเข้าใจผิดเรื่องของพระ เรื่องของครูบาอาจารย์ จะพาความซวยมาถึงตัวได้ง่าย ๆ..!

    จะเห็นว่าวัตถุมงคลอย่างเดียวกัน ต่อให้ทำให้วัดอื่น แต่ถ้าหากว่าจำหน่ายในนามวัดท่าขนุนจะจำหน่ายได้ดีกว่า และมักจะจำหน่ายได้หมด ของวัดอื่นก็รุ่นเดียวกัน เนื้อเดียวกัน เสกพิธีเดียวกัน แต่มักจะจำหน่ายไม่หมด

    ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เคยย้ำบอกกับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะกับพระเณรของเราว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนเล่น ที่เราอยากจะทำรูปของท่านก็ทำ แล้ว
    กระผม/อาตมภาพจะทำก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งเท่านั้น ล่าสุดนี้ก็พระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) วัดสี่แยกเจริญพร ก็จะทำสมเด็จองค์ปฐมอีกรุ่นหนึ่ง โดยขอให้กระผม/อาตมภาพช่วย ก็คือมีการขอชนวนมวลสารอะไรมา กระผม/อาตมภาพบอกว่า "งานนี้ผมไม่ช่วย เพราะว่าผมไม่ได้รับคำสั่งให้ทำ"

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างวัตถุมงคลไปโดยหวังเงินประการเดียว ขอบอกว่าแค่เริ่มต้นก็คิดผิดแล้ว..!

    การสร้างวัตถุมงคลนั้น หลัก ๆ เลยก็คือเป็นอนุสติ ให้คนระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยได้ รองลงไปก็คือ ผลพิเศษที่วัตถุมงคลแต่ละอย่าง แต่ละประเภท จะมีขึ้น เกิดขึ้น แก่ญาติโยมที่นำไปบูชา

    เรื่องของการจำหน่ายแล้วมีรายได้เข้าวัดนั้น ไม่ต้องไปคิดเลย ดูอย่างที่พี่ณพทำก็เช่นกัน ท่านทำขึ้นมาก็ไม่ได้คิดที่จะจำหน่าย แต่ทำเพื่อ "ฝากผลงานไว้ในแผ่นดิน" ว่าวัตถุมงคลที่ประกอบไปด้วยชนวนมวลสารที่หายากขนาดนี้ ท่านสามารถทำได้ เป็นลักษณะของการทำเพื่อเอาชื่อเสียง


    ใครนำวัตถุมงคลไปใช้มีประสบการณ์ กล่าวขวัญถึงเมื่อไร ก็ไม่ใช่วัตถุมงคลวัดท่าขนุน แต่ว่าเป็นวัตถุมงคลที่พี่ณพทำแล้วมอบให้กับวัดท่าขนุน เพราะท่านเห็นว่าผมทำงานใหญ่หลายงานพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะงานสงเคราะห์ที่เป็นสาธารณะ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    อีกประการหนึ่งก็คือ ในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคลนั้น พิธีกรรมต่าง ๆ บางอย่างก็มีเคล็ดลับอยู่ ซึ่งถ้าหากว่าไม่ได้รับการบอกกล่าวจากครูบาอาจารย์ ทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน เราทำไปก็ไม่ได้ผลเช่นเดียวกับคนที่ท่านรู้เคล็ดลับแล้วทำ

    ทุกวันนี้ในช่วงบวงสรวง ผมขอยืนยันว่า ต่อให้เปิดเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงบวงสรวงก็ตาม ถ้าไม่รู้เคล็ดลับ ก็ไม่ได้ผลเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ บอกใบ้ให้ก็ได้ว่า ตอนช่วงท้ายของการบวงสรวงก็คือ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา บอกชัด ๆ ว่า "นี่เป็นเวลาแห่งการฟังธรรม" แล้วเกี่ยวอะไรกับการบวงสรวง ? ปล่อยให้ไปคิด ปล่อยให้ไปเดาเอาเอง เพราะว่าครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้บอก แต่
    กระผม/อาตมภาพมาบอกต่อให้ไปเดากันเล่น

    เคล็ดลับบางอย่างที่พระ หรือพรหม หรือเทวดาท่านให้เป็นการเฉพาะตัวก็ยังมีอีก ดังนั้น..พิธีกรรมพิธีการเดียวกัน ทำไมแต่ละคนทำแล้วผลไม่เหมือนกัน ? ตรงจุดนี้พวกเราต้องระมัดระวังกันให้มาก

    หลายท่านทำเหมือนอย่างกับว่า เรียกพระเรียกเทวดามาใช้งาน โปรดระวังไว้ด้วยนะ สมัยอยู่วัดท่าซุง หลวงตาผ่องต้องบอกว่าเป็นพระที่ "เก๋า" ที่สุดในวัดท่าซุง หล่นจาก "ตึกทหารอากาศสงเคราะห์" ชั้นบนลงมาข้างล่าง..! พอถึงเวลาก็ว่าคาถาบวงสรวง แล้วก็ทำไม่ถูกหลัก ไม่ถูกพิธี เทวดาท่านก็เลยเมตตายันให้เบา ๆ..! ปลิวจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง เทวดาท่านสอนให้รู้ว่าต่อไปอย่าทะลึ่งทำแบบนี้อีก..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพเอง ก็ไม่สามารถที่จะบอกเคล็ดลับอะไรให้กับพวกท่านได้ อย่างแรกก็คือไม่ได้รับอนุญาต อันดับที่สองก็คือถ้าไปถึงรุ่นของท่านแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนเปลี่ยนอีกหรือเปล่า ?

    คำว่า "ไม่รู้ว่าจะโดนเปลี่ยนหรือเปล่า ?" ก็คือ อย่างสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง พระท่านบอกไว้อย่างหนึ่ง แต่พอมาถึงยุคผม พระท่านก็บอกไว้อีกอย่างหนึ่ง แบบเดียวกับคาถาเงินล้านที่พี่ณพใช้อยู่ก็ไม่เหมือนกับของที่พวกเราใช้ แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกเหมือนกันว่า "พระบอกให้อย่างนี้" เพราะว่าของบางอย่างเหมาะสำหรับคนบางคน


    แบบเดียวกับฤกษ์พรหมสิทธิ์ สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเอาไว้ มีบางคนได้ไปเป็นฤกษ์สมตน ก็คือเสมอตัว ผมสงสัยจึงกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "ทำไมไม่เป็นสิทธิโชค มหาสิทธิโชค หรืออมฤตโชคครับ ?" ท่านบอกว่า "บุญเขามีแค่นั้น"


    เหมือนกับว่าเราส่งข้าวสารไปให้หนึ่งลิตร หรือว่าถุงละ ๕ กิโลกรัมถุงหนึ่ง บุคคลนั้นก็รับได้ แต่ถ้าหากว่าเราโยนไปละกระสอบ ๑๐๐ กิโลกรัม เขาอาจจะโดนทับตาย เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เราต้องเป็นคนขยันในการศึกษาค้นคว้าและเพียรปฏิบัติให้เกิดผล ไม่ใช่แค่อยากรู้อยากเห็นเฉย ๆ


    คาถาทุกบทที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้กระผม/อาตมภาพตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น กระผม/อาตมภาพต้องทำให้ได้ผลก่อน ท่านถึงจะให้บทต่อไป ในยุคนั้นบางท่านก็สงสัยว่ากระผม/อาตมภาพเป็น "เด็กเส้น" ทำอะไรไม่เคยผิด...ไม่ใช่ครับ ผมก็ทำผิดได้ แต่ผมเป็นคนทำจริง ทำได้แล้วไปรายงานผล หลวงพ่อท่านก็ให้คาถาบทต่อไปมา แบบเดียวกับหลวงพ่อสำราญ (พระมงคลไชยสิทธิ์) วัดปากคลองมะขามเฒ่า กระผม/อาตมภาพไปทีไรก็ได้คาถามาทุกครั้ง

    ประการสำคัญที่สุดก็คือ คาถาจะยาวจะสั้นแค่ไหน กระผม/อาตมภาพสามารถจำได้หมด แล้วท่านบอกแค่ครั้งเดียว "บอกให้จำ ไม่ได้บอกให้จด" สมัยก่อนใครจดคาถาไว้ เมื่อจำขึ้นใจ มั่นใจว่าไม่ลืมแล้ว โบราณท่านให้เคี้ยวกลืนไปเลย ไม่อย่างนั้นแล้วกระดาษที่จดคาถาอาจจะไปตก ไปหล่น ให้คนเหยียบ ให้คนข้าม กลายเป็นการปรามาสคุณพระรัตนตรัยไป

     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เห็นหรือยังครับ ? ว่าความเคารพในพระรัตนตรัยของพวกเรากับคนรุ่นเก่า ๆ ต่างกันแค่ไหน ? ทำไมท่านทำแล้วเกิดผล ทำแล้วพระ หรือพรหม หรือเทวดาท่านสงเคราะห์เต็มที่ แล้วทำไมเราทำแล้วไม่เกิดผล ? ทั้ง ๆ ที่ก็ใช้วิธีเดียวกัน ก็เพราะว่าศรัทธา ความเชื่อ และความเคารพไม่เท่ากัน ก็แปลว่าใครทำอะไรก็ได้เท่านั้น

    แม้กระทั่งเรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ตัว
    กระผม/อาตมภาพเองทุ่มเททำชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เห็นแก่กินแก่นอน ท่านที่อยู่รุ่นเก่า ๆ อย่างปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) จะเห็นว่าสมัยที่กระผม/อาตมภาพมาวัดท่าขนุนใหม่ ๆ ผอมกะหร่องเลย ก็คือหนังหุ้มกระดูก เพราะว่าวันหนึ่ง ๆ เอาแต่ปฏิบัติธรรม ส่วนใหญ่ก็นอนแค่ชั่วโมง สองชั่วโมง พวกท่านทั้งหลายทำแบบนี้ได้ไหมครับ ?

    กระผม/อาตมภาพเห็นเวรยามของเรา อาสาอยู่เวรอยู่ยามกัน เป็นความดีเฉพาะตัว แต่ถ้าท่านอยู่แค่เพื่อรักษาของสงฆ์ ถือว่าขาดทุน แต่ถ้ารักษาของสงฆ์แล้วภาวนาไปด้วย รักษาอารมณ์ใจในการปฏิบัติไปด้วย นั่นถึงจะคุ้มค่าในการอยู่เวร
    ตรงจุดนี้ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดในการประพฤติปฏิบัติของท่านทั้งหลาย ส่วน
    กระผม/อาตมภาพเองก็เข้ากรรมฐาน ๓ วัน ไปออกวันตักบาตรเทโวฯ ตอนเช้า งานส่วนที่เหลือในระยะนี้ก็ต้องฝากทุกท่านไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการบอกกล่าวให้ญาติโยมที่มาวัดให้เข้าใจว่า ถ้าจะเข้ามาพัก อย่างน้อยต้องฉีดวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มาเข็มหนึ่ง มีหลักฐานมายื่น ถ้าหากว่าจะเข้าร่วมงานกับทางวัด ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะ ทำตามวิธีการที่ ศบค. เขาแนะนำ ถ้าไม่ทำก็คือ "เชิญกลับบ้าน" ต้องบอกญาติโยมให้ชัดเจน

    ตอนท้ายนี้ก็ขออนุโมทนาแก่ญาติโยมทั้งหลาย ที่เป็นเจ้าภาพผ้าไตรกฐินผ่านเฟซบุ๊ก ที่ "ไอ้ตัวเล็ก" เปิดแค่สักพักเดียวแล้วก็ปิด ได้เจ้าภาพผ้าไตรกฐิน ๒๒๒ ไตร ขออนุโมทนากับกำลังใจของทุกท่านที่ตั้งใจถวายกฐิน แม้ว่าไม่ได้มาร่วมกันที่วัด ขอให้มีความสุขเจริญ มีความปรารถนาสมหวังโดยถ้วนหน้ากันทุกคน..ขอเจริญพร

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...