เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 มกราคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ความจริงกระผม/อาตมภาพน่าจะกลับมาได้เร็วกว่านี้ แต่ก็อย่างว่า รถเก่าแล้วก็มีปัญหา ต้องเข้าโรงซ่อม ยังดีที่รถเก่าอย่างเดียว เพราะเคยเห็นที่ท้ายรถสิบล้อเขาเขียนว่า "รถก็เก่า เมียก็แก่ แย่ไปหมด"...(หัวเราะ)...

    อันดับแรกเลย ขอขอบคุณเวรยามของวัดเราที่ทำหน้าที่ได้เข้มแข็ง โดยเฉพาะเวรรอบดึก เนื่องจากว่าวัดอื่น ๆ หลายวัดโดนงัดแงะ โดนขโมย ล่าสุดนี้พระนิสิตวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีที่ปฏิบัติธรรมอยู่ก็โดนงัดกุฏิ ต้องบอกว่าบรรดามิจฉาชีพเขาก็มีความฉลาดของเขา ก็คือรู้เวลาว่าพระทำกิจกรรมอะไร เมื่อไร

    ก่อนที่วัดท่าขนุนของเราจะจัดเวรยาม ส่วนใหญ่พวกนี้ก็จะมาตอนพระบิณฑบาต มาตอนพระสวดมนต์ทำวัตร เพราะรู้ว่าพระบิณฑบาตก็ออกจากวัดไปหมด เนื่องจากว่าวัดเรามีข้อกำหนดว่า ทุกรูปถ้าอยู่วัดต้องบิณฑบาต ยกเว้นว่าอายุเกิน ๖๐ ปีไปแล้ว จะงดบิณฑบาตก็ได้ ซึ่งความจริงกติกาข้อนี้ กระผม/อาตมภาพกำหนดไว้เผื่อตัวเอง เนื่องเพราะว่าสุขภาพชำรุดมาตั้งแต่อายุ ๒๐ กว่า โดนมาลาเรียกินมาตลอด เรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี เกรงว่าพออายุมากขึ้นแล้วจะบิณฑบาตไม่ไหว แต่ว่าตั้งแต่ออกกฎนี้มา ก็ยังพอไหวอยู่ จึงยังคงออกบิณฑบาตตามปกติ

    เมื่อพวกเราออกบิณฑบาตกันหมด บรรดามิจฉาชีพก็จะฉวยโอกาสตอนนั้นเข้ามา แล้วพวกนี้จะไม่เอาของใหญ่ ไม่เอาของแพง เอาแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ พอที่จะเอาไปขาย หรือว่าเงินสดสักเล็กน้อยเอาไปซื้อยาบ้า

    จะว่าไปแล้วก็ต้องบอกว่าเขามีปัญญา แบบเดียวกับสมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่เวรตอนกลางคืนที่วัดท่าซุง ก็ต้องลงไปทะเลาะเบาะแว้ง ตีด่าฆ่าฟันกับพวกหาปลาอยู่เป็นประจำ พวกนี้ก็ใช้วิธีเดียวกัน ก็คือถึงเวลาพระออกบิณฑบาตก็มาวางข่าย ถึงเวลาพระฉันเช้า ฉันเพล หรือว่าสวดมนต์ทำวัตร ก็มาวางข่าย ดักปลา แล้วอย่าคิดว่ามีระยะเวลาไม่นาน จะไม่ได้อะไร

    กระผม/อาตมภาพเคยไล่จับกัน โดยการที่ทำเป็นออกบิณฑบาต เดินจากหน้าวัดไปถึงคลองยาง ก็น่าจะประมาณไม่ถึง ๒๐๐ เมตร ทันทีที่ออกจากวัด เรือหาปลาก็เริ่มวางข่าย พอเดินถึงคลองยาง กระผม/อาตมภาพก็ส่งบาตรให้เพื่อนพระ ตัวเองไปลงเรือที่นัดเด็กวัดให้มารับ วิ่งออกไป เขายังโรยข่ายไม่เสร็จเลย ปรากฏว่าลากขึ้นมานี่ ติดปลาเป็นลำเรือ..! ต้องบอกว่าเป็นการใช้ปัญญาในทางที่ผิด
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    คราวนี้พระนิสิตที่เข้ากรรมฐาน ต้องบอกว่าโชคดี เพราะว่าของท่านประตูหน้าต่างมีเหล็กดัด มีกุญแจอีกชั้นหนึ่ง เขางัดเข้าไปได้แค่ประตูชั้นนอก ยังไม่ทันทำอะไรก็มีคนมาเห็นเสียก่อน เอะอะโวยวายขึ้นก็วิ่งหนีไป แต่ว่าก็ทำให้ตัวเองและเพื่อนฝูงต้องลาปฏิบัติธรรมไปซ่อมประตู..!

    เรื่องพวกนี้จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่านอกจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้คนตกงานกันมากแล้ว รัฐบาลของเรายังบริหารงานไม่ถูกจุด ก็คือบริหารแบบไม่ได้บริหาร ซึ่งไม่ต้องอะไรมากมายหรอก หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเห็นอยู่ แม้กระทั่งเด็กอมมือก็รู้ว่าต้องแก้อย่างไร แต่รัฐบาลดัน "ไปไม่เป็น" เพราะว่าถ้าแก้ก็อาจจะกระทบกระเทือนฐานเสียงของตนเอง

    ของดี ๆ บางอย่างก็ไม่รู้จักใช้ ที่อาตมาเสียดายที่สุดก็คือน้องลิซ่า (นางสาวลลิษา มโนบาล) หรือ "ไอ้ต้าวลิซ" ของบรรดาแฟนเพลง โด่งดังระดับโลกเลย แค่คุณตั้งให้เป็นทูตวัฒนธรรมไปเผยแผ่วัฒนธรรมไทยเท่านั้นเอง ชื่อเสียงเกียรติคุณก็ไหลมาเทมาแล้ว แค่กระดาษแผ่นเดียวไม่รู้จักให้ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ก็เหนื่อยต่อไปเถอะ..!

    แต่ส่วนที่น่าสงสารก็คือญาติโยมของเรา ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ทุกอย่างฝืดเคืองไปหมด มิจฉาชีพก็จ้องที่จะฉกชิงวิ่งราว ภายในภายนอกประเทศก็ลำบาก โดยเฉพาะปีนี้แล้งเร็วและน้ำมาเร็ว ยังไม่ทันจะแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง ก็จะต้องมาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกัน ท่านใดที่บ้านอยู่ที่ลุ่มระมัดระวังไว้ด้วย เตรียมตัวป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ หาเรือหาแพติดบ้านไว้บ้าง

    เราจะสังเกตว่าคนโบราณนั้นสร้างบ้านใต้ถุนสูง ถึงเวลาหน้าร้อน ส่วนใหญ่ก็อยู่ใต้ถุนบ้าง นอกจากมีหลังคาแล้วก็ยังมีพื้นบ้านช่วยกันไว้สองชั้นสามชั้น ไปทำงานกันอยู่ตรงนั้น ใต้ถุนก็มีเรือคว่ำขึ้นคานอยู่ พอใกล้หน้าน้ำหลาก ก็ทำการตอกหมันยาเรือ พอน้ำมา ก็เอาเรือลงจากคาน ชั้นล่างอยากท่วมก็ท่วมไป ก็ขึ้นไปอยู่บ้านชั้นบน สัญจรกันด้วยเรือแพ แถมยังหาปลาได้อีกต่างหาก ฉะนั้น..คนรุ่นเก่าจะไม่กลัวน้ำท่วม

    สมัยอาตมาเด็ก ๆ ผู้ใหญ่รอน้ำมาแบบใจจดใจจ่อ ก็ด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการแรกก็คือ น้ำมาก็พาปุ๋ยมาด้วย ข้าวปลาผักหญ้างามดีมาก ๆ ประการที่สองก็คืออาหารหาง่าย ไม่ว่าจะผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักโสน หรือว่า กุ้ง หอย ปู ปลา มากับน้ำทั้งนั้น

    แม้กระทั่งกรุงเทพฯ ที่บรรพบุรุษของเราหาที่ตั้งเมืองหลวง ก็เพื่อให้อยู่ในที่อุดมสมบูรณ์ สามารถปลูกข้าวได้ทั้งปี แต่ปัจจุบันไปปลูกตึก แล้วฝนฟ้าก็ยังอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ก็ท่วมทุกปี แต่เดี๋ยวนี้เขาแก้ปัญหาตกแล้ว กรุงเทพฯ ไม่มีน้ำท่วม มีแต่น้ำรอระบาย..! วิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลเราเด็ดขาดมาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    คราวนี้นอกจากปัญหาในเรื่องของการทำมาหากินฝืดเคือง ก็เป็นปัญหาคนรวย ขอเตือนท่านทั้งหลายว่า อย่าเล่นหุ้น โอกาส "ติดดอย" มีสูงมาก อย่าเล่นเหรียญในโลกเสมือนพวกคริปโตเคอร์เรนซี โอกาสตายมีสูงมาก คำว่าตายในที่นี้ ก็คือติดดอยจนอดตายไปเอง..! โดยเฉพาะถ้าหากว่าใครตุนเงินดอลล่าร์ไว้ กระผม/อาตมภาพขายทิ้งหมดเกลี้ยงตั้งแต่ปีที่แล้ว ใครอยากจะเก็บเศษกระดาษเอาไว้ก็เชิญ เพราะว่าสงครามทางการค้าเกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว

    คราวนี้สงครามด้านอาวุธ ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีการแบ่งฝ่ายกัน ก็คือทางฝ่ายรัสเซียกับจีนจับมือกัน ส่วนฝ่ายสหรัฐกับอียู และนาโต้จับมือกัน แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันนี้ ทุกคนรู้เช่นเห็นชาติหมดแล้วว่า สหรัฐนั้นเล่นแต่เกมการเมืองระดับโลก ปั่นหัวให้คนทะเลาะเบาะแว้งกัน เพื่อที่ตนเองจะได้ขายอาวุธให้

    ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่ารบกัน สหรัฐดีตรงที่มีอาวุธมากกว่าเท่านั้น แต่ระบบการใช้งานทั้งหมดสู้จีนไม่ได้เลย ดังนั้น...ถ้าหากว่าจะให้ไปรบกันตรง ๆ สหรัฐก็ไม่เอา ก็ได้แต่ยุลูกน้องให้ไปรบแทน ปั่นหัวคนอื่นให้รบกับจีนบ้าง รบกับรัสเซียบ้าง

    ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าเรายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ อย่างเช่นว่าทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือว่าทำโครงการพระราชดำริโคกหนองนาของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เราสามารถที่จะอยู่ได้

    อย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ตรัสเอาไว้ว่า คำว่าพอเพียงไม่ได้แปลว่าจน คือพอเหมาะ พอสมตามฐานะ โดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหาร ถ้ามีไร่นาเรือกสวน มีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ทั้งข้าว ทั้งผัก ทั้งหญ้า ทั้งหมู ทั้งไก่ ตลอดจนกระทั่งปลาด้วย อยู่ในไร่ในสวนของเราเอง เราก็ไม่เดือดร้อนกับใคร

    ตัวอย่างชัด ๆ ก็คนอำเภอทองผาภูมิ ช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดหนัก ๆ คนทองผาภูมิมีผลกระทบน้อยมาก เพราะว่าเกือบทุกคนมีเรือกสวนไร่นาของตนเอง แม้ว่าจะเปิดร้านอยู่ในตลาด ถึงเวลาต้องปิดร้านเพราะเชื้อไวรัสระบาดหนัก ก็เข้าไปอยู่ในสวน ยังมีผลผลิตของตนเองจำหน่ายได้ ขายได้ แต่ที่อื่นจะเดือดร้อน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วทิ้งอาชีพการเกษตร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของปู่ย่าตาทวดของเรา ไปเข้าโรงงานบ้าง ไปเข้าสู่ระบบการผลิตเพื่อการพาณิชย์บ้าง ซึ่งของพวกนั้นตลาดขึ้นลงเร็ว พลาดขึ้นมาก็ติดหนี้หัวโต..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    โดยเฉพาะระบบเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่เขาแนะนำให้เป็นหนี้ ก็คือต้องไปกู้เงินมาลงทุน แต่ปู่ย่าตาทวดของเราตั้งแต่โบราณมา ใช้คำว่า "สู้แค่หน้าตัก" ก็คือมีเงินเท่าไร ลงทุนแค่นั้น จะไม่ลงทุนเกินนั้นจนเป็นหนี้เป็นสิน เพราะฉะนั้น...ต่อให้กิจการล้มละลายก็แค่หมดเงิน ไม่ได้เป็นหนี้ แต่สมัยนี้ถ้าหากว่าบริหารผิดพลาด กิจการไปไม่รอด มักจะมีหนี้กองโตรออยู่ข้างหน้า..!

    วันนี้ที่มาบอกกล่าวในเรื่องพวกนี้ก็เพราะว่าสถานการณ์โลกค่อนข้างตึงเครียด แล้วภัยธรรมชาติก็มีแต่กระหน่ำซ้ำเติม อย่างที่ท่านทั้งหลายเห็นอยู่แล้วว่า ฤดูหนาวแท้ ๆ ดันมีฝนตกหนัก ซ้ำบ้านเราก็ยังมีพายุลูกเห็บด้วย ต่างประเทศก็เกิดภูเขาไฟระเบิด ตองกาเกือบจะหายไปทั้งประเทศ ถ้าหากว่าใครไม่รู้ตองกา ขอบอกว่าสินค้าส่งออกของตองกาที่สร้างมูลค่าให้มากที่สุดคือกล้วยหอม

    อาตมารู้จักประเทศนี้มาตั้งแต่ก่อนบวช เพราะว่าเป็นประเทศที่ออกแสตมป์เป็นรูปกล้วยหอม ใช้ยากเป็นบ้า..! พวกเราลองนึกดูว่า แสตมป์วงกลม แสตมป์สี่เหลี่ยม ว่าใช้ยากแล้ว ตองกาออกแสตมป์เป็นรูปกล้วยหอม กว่าจะฉีกรอยปรุได้แต่ละที บางทีก็ขาดครึ่งไปเลย..!

    แล้วเรื่องพวกนี้ยังจะมีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่ารอบบ้านของเรานั้นอยู่ในแนววงแหวนไฟแปซิฟิค คำว่าวงแหวนไฟก็คืออยู่ในแนวของภูเขาไฟ ซึ่งครุกรุ่นพร้อมที่จะระเบิด แล้วยังมีการระเบิดหนัก ๆ เป็นระยะ ๆ

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเกิดขึ้นก็จะกระทบถึงบ้านเรา อย่างเมื่อปี ๒๕๔๗ ภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิดแผ่นดินไหว แล้วสึนามิก็ถล่มบ้านเรา ช่วงนั้นรวม ๆ ทุกประเทศที่ได้รับผลกระทบ คนก็ตายไปสองสามแสนคน เรื่องพวกนี้ถ้าถึงเวลาเกิดขึ้น ผลกระทบก็ไปทั่วโลก จะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปอีก

    ดังนั้น...ญาติโยมทั้งหลายซึ่งจำเป็นต้องทำมาหากิน ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง อย่าลงทุนอะไรมาก เอาแค่ประคับประคองตัวเราให้รอดระยะนี้ไปได้ก่อน แล้วขณะเดียวกันก็อย่าลืมในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งจะช่วยรักษากำลังใจของเราให้เข้มแข็ง มั่นคง สามารถที่จะอยู่สู้กับสถานการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ได้


    โดยเฉพาะใครมีวัตถุมงคลอะไรที่ตนเองมั่นใจ ก็งัดออกมาใช้งานได้เลย หรือถ้าหากว่าต้องการความคล่องตัว จะภาวนาพระคาถาเงินล้านเป็นปกติ ก็จงทำให้สม่ำเสมอ ถึงเวลาคนอื่นจะเดือดร้อนขนาดไหน เราก็จะไปได้ แต่ผู้ที่ไม่มีการช่วยเหลือจากผลของพระคาถาตรงนี้ เดือดร้อนขึ้นมาแล้วก็มักจะหาทางออกไม่เจอ

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...