เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ แต่เช้ามืดมาก็มีข่าวที่น่าเสียใจ คือ หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ (พระครูอดุลพิริยานุวัตร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค ได้มรณภาพลงด้วยอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๔ หลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะนั้น ท่านเป็นพระเกจิเถราจารย์ที่อาวุโสมากในจังหวัดกาญจนบุรีและในประเทศไทย มีชื่อเสียงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือกันทั่วไป

    กระผม/อาตมภาพได้มีบุญร่วมพุทธาภิเษกกับท่านหลายต่อหลายงาน แล้วก็เก็บเกี่ยวเอาสิ่งต่าง ๆ จากท่านมามากต่อมากด้วยกัน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาที่พุทธาภิเษกด้วยกัน เมื่อหลวงปู่ชุบท่านสาธยายพระคาถาต่าง ๆ ท่านจะถนัดในการออกเสียง ไม่ได้ภาวนาในใจเหมือนท่านอื่นเขา หรือว่าท่านจะตั้งใจถ่ายทอดต่อให้กระผม/อาตมาภาพที่เห็นเป็นลูกหลาน ได้เก็บเอาไว้ศึกษาก็ไม่รู้ ? เพราะว่าท่านออกเสียงให้ได้ยินอย่างชัดเจนว่า แต่ละครั้งใช้พระคาถาบทไหนบ้างในการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลนั้น ๆ

    แล้วกระผม/อาตมภาพก็ค่อนข้างที่จะมีความจำดี ใครบอกอะไรให้ได้ยินแม้แต่ครั้งเดียว ก็จำได้เกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อมีโอกาสได้ร่วมงานพุทธาภิเษกกับท่านหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน จึงเก็บเกี่ยวเอาสิ่งต่าง ๆ มาได้มาก

    ความจริงหลวงปู่ชุบท่านมรณภาพลงเมื่อคืนนี้ ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดกาญจนบุรี ตอน ๒ ทุ่ม ๔๐ นาที แต่ว่ากระผม/อาตมภาพหมดสภาพ จำวัดไปเรียบร้อยแล้ว ตื่นขึ้นมาช่วงประมาณตี ๒ ก็ได้ข่าวร้ายนี้ทันที ได้แต่น้อมจิตส่งหลวงปู่ไปสู่สุคติภูมิตามที่ท่านปรารถนาด้วยเถิด

    วันนี้กิจการงานที่รับเอาไว้ก็คือ ไปบวงสรวงพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์ที่วัดเจ็ดริ้ว ซึ่งอยู่ที่ตำบลเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ตอนแรกที่ไปก็เพราะว่า ถ้าเป็นในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ คือ จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาครแล้วไซร้

    ส่วนใหญ่แล้วบรรดาเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ ถ้าหากว่าไม่ใช่พรรคพวกเพื่อนฝูงกัน ก็จะเป็นลูกศิษย์ซึ่งเรียนอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐมบ้าง เรียนอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรีบ้าง หรือว่าเรียนอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรีบ้าง

    ในเมื่อเป็นลูกศิษย์นิมนต์ ถึงจะอยู่ใกล้ไกลขนาดไหน ถ้าหากว่ามีเวลาว่าง กระผม/อาตมภาพก็ยินดีที่จะไปสงเคราะห์เสมอ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ตอนแรกที่ท่านแจ้งมาก็คือ ให้กระผม/อาตมภาพกำหนดเวลาเองเลย ว่าสะดวกในวันเวลาไหน ซึ่งก็ได้กำหนดไปเวลา ๙ โมงเช้าของวันนี้ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงในงานแล้ว เจอหลวงปู่เจ้าคุณลำพวน (พระสุเมธมุนี) เจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และเจอหลวงพ่อจำนงค์ (พระครูสิริสาครธรรม) เจ้าอาวาสวัดท่ากระบือ จังหวัดสมุทรสาคร หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า วัดหลวงปู่รุ่ง

    เมื่อเห็นดังนั้น ในฐานะที่หลวงพ่อทั้ง ๒ รูปอยู่ในระดับครูบาอาจารย์ทั้งสิ้น กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ ว่าเอาความสะดวกของตน โดยไม่ได้ดูว่าครูบาอาจารย์ท่านจะสะดวกด้วยหรือไม่ ?

    โดยเฉพาะหลวงปู่ลำพวน ท่านเป็นพระเถระเชื้อสายมอญ ซึ่งมีผู้คนเคารพนับถือทั่วประเทศ เนื่องเพราะว่าบรรดาชาวมอญทั้งหลายนั้น มีความกลมเกลียวเหนียวแน่นในเชื้อสายของตนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่ามีงานของชาวมอญที่วัดไหน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ไกลขนาดไหน ทุกคนก็จะสละเวลาไปร่วมงานกัน ตรงจุดนี้ทำให้คนอื่นเห็นความยิ่งใหญ่ในงานของชนชาติมอญอยู่เสมอ

    กระผม/อาตมภาพมาวิเคราะห์ดูแล้วว่า ชาวกะเหรี่ยงก็รักพวกรักพ้อง แต่ว่าเวลามีงาน ไม่ได้มีความกลมเกลียวเหนียวแน่นเท่ากับชาวพม่าหรือว่าพี่น้องชาวมอญ เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วก็มาเข้าใจว่า บรรดาพี่น้องชาวกะเหรี่ยงนั้น นอกจากภาษาพูดและวัฒนธรรมประเพณีแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นกะเหรี่ยง มักจะคิดว่าตนเองเป็นคนไทยอยู่เสมอ เหตุเพราะว่ามีประวัติศาสตร์อยู่ในประเทศไทยมาเกิน ๒๐๐ ปีแล้ว ส่วนใหญ่ก็ได้รับบัตรประชาชนชาวไทย

    ชาวกะเหรี่ยงบางท่าน อย่างเช่นพระยาศรีสุวรรณคีรี (ภูวะโพ่) ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองหน้าด่าน ๑ ใน ๗ หัวเมืองของจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยรัชกาลที่ ๓ สืบเนื่องมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ ก็ยังมีลูกหลานเป็นพระศรีสุวรรณคีรี (ทะเจียงโปย) ต้องบอกว่าเป็นยศศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว

    เมื่อกะเหรี่ยงทั้งหลายคิดว่าตนเองเป็นคนไทย ก็เลยขาดความกลมเกลียวเหนียวแน่น ขนาดหรือว่าระดับเดียวกับพี่น้องชาวมอญ แต่ว่าพี่น้องชาวมอญนั้น ด้วยความที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยุคเก่าที่อพยพตามพระยาเกียรติ พระยาราม และพระมหาเถรคันฉ่องเข้ามาพึ่งบารมี พึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ดี หรือว่าในยุคใหม่ ๆ ที่เพิ่งจะอพยพเข้ามาภายหลัง เนื่องจากหนีศึกหนีสงครามจากประเทศพม่าก็ตาม

    บรรดาคนมอญทั้งหลายเหล่านี้ มีความรู้สึกว่าตนเองพลัดบ้านพลัดเมืองมา ถ้าหากว่าไม่กลมเกลียวเหนียวแน่น ไม่รักใคร่สามัคคีกัน เมื่อเวลามีคนมารังแก ก็จะไม่สามารถสู้ใครได้ จะโดนคนอื่นข่มเหงรังแก จนตนเองและพรรคพวกพี่น้องหรือครอบครัวต้องเดือดร้อน เมื่อรู้สึกเช่นนั้น คนมอญทั้งหลายจึงแสดงออกซึ่งความสามัคคีกลมเกลียวเหนียวแน่น ต่างจากชนชาติอื่น ๆ ที่มาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงทำให้งานการต่าง ๆ ของวัดวาอารามซึ่งมีเชื้อสายมอญ โดยเฉพาะถ้าหากว่าเจ้าอาวาสยังพูดภาษามอญได้ ยังสามารถทำพิธีทางศาสนา สวดมนต์แบบมอญได้ ก็จะยิ่งมีชาวมอญขึ้นกับวัดนั้น ๆ อย่างมากมายมหาศาลจนคิดไม่ถึง

    หลวงปู่เจ้าคุณลำพวนนั้น ท่านเป็นพระเถระชาวมอญที่มีอาวุโสสูงมาก เพราะว่าอายุกาลพรรษาก็ ๘๐ ปีเศษแล้ว จึงอยู่ในระดับครูบาอาจารย์ของบรรดาพระเถระชาวมอญที่เป็น "หัววัด" เป็นเจ้าอาวาสในที่ต่าง ๆ ดังนั้น เมื่อมีงานวัด เขาก็จะนิมนต์หลวงปู่ท่านไปร่วมงานเป็นประจำ ซึ่งท่านเองก็ไปอนุเคราะห์สงเคราะห์ เพื่อรักษาความกลมเกลียวเหนียวแน่นในชาติพันธุ์ของตน ต้องเรียกว่านอกจากไปในฐานะพระเกจิอาจารย์ ผู้มีความรู้ความสามารถ ผู้ทรงคุณทรงวิทยาคมแล้ว ยังไปในฐานะคนเชื้อชาติมอญด้วยกันอีกด้วย

    ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ร่วมกันปลุกเสกวันนี้ ก็คือหลวงพ่อจำนงค์ คุณงฺโค หรือในสมณศักดิ์ของท่านคือพระครูสิริสาครธรรม เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ต้องบอกว่าไม่ว่าจะเป็นสมณศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นอายุกาลพรรษา หลวงพ่อจำนงค์เหนือกว่ากระผม/อาตมภาพในทุกด้าน เพราะแม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะเป็นพระครูสัญญาบัตรฝ่ายวิปัสสนาธุระ แต่ว่าก็เทียบเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอกเท่านั้น ดังนั้น...ถ้าหากว่ามีงานหลวงร่วมกัน ก็ต้องนั่งต่อท้ายหลวงพ่อท่านอยู่ดี

    หลวงพ่อจำนงค์ท่านเป็นพระเถระที่มีอัธยาศัยนอบน้อมนุ่มนวล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ประกอบไปด้วยเมตตาที่ล้นออกจากหัวจิตหัวใจ ถึงขนาดมีผู้คนไปฟ้องร้องท่านว่า "หลวงพ่อ..มีเด็กรุ่นหลังแอบขโมยชื่อหลวงปู่รุ่งเอาไปหากิน" หลวงพ่อจำนงค์ท่านตอบ กระผม/อาตมภาพได้ยินกับหูว่า "ไม่เป็นไรหรอก เขาก็ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงปู่เหมือนกัน" ถ้าหากว่าเรามาพิจารณาดูแค่คำตอบนี้ ก็จะเห็นถึงกำลังใจของหลวงพ่อจำนงค์ว่า ท่านเองนั้นเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาขนาดไหน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,538
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +26,373
    โดยเฉพาะในงานต่าง ๆ ถ้าหากว่าต้องขึ้นเจริญพระพุทธมนต์ หลายครั้งที่ท่านอายุกาลพรรษามากที่สุดในที่นั้น แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้นนั่งหัวแถว จะไล่ให้กระผม/อาตมภาพหรือคนอื่นขึ้นนั่งหัวแถวเสมอ จนพวกกระผม/อาตมภาพต้องทักท้วงว่า "ถ้าหลวงพ่อไม่ยอมนั่งหัว พวกผมก็ไม่กล้าขึ้นอาสนะหรอกครับ" ท่านถึงได้ยอมขึ้นอาสนะในฐานะของประธานสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

    ตรงจุดนี้เป็นสิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า นอกจากความเมตตากรุณาที่มีเต็มหัวจิตหัวใจแล้ว หลวงพ่อจำนงค์ท่านยังไม่ได้มีความถือเนื้อถือตัว ไม่ได้ถือว่าตนเองมีอาวุโสมาก อายุมาก พรรษามากเลยแม้แต่น้อย ท่านคิดอยู่เสมอว่าท่านเป็นผู้น้อย ถ้าไม่ใช่บุคคลซึ่งละสักกายทิฎฐิ หรือตัวกูของกูได้แล้ว ตรงจุดนี้จะไม่สามารถทำได้อย่างแท้จริง

    ฉายาของหลวงพ่อจำนงค์คือ คุณงฺโค องค์แห่งคุณความดี ดังนั้น...ถ้าหากว่าคนที่ไม่เคยชินกับภาษาบาลี ก็จะสงสัยว่ามีการเขียนผิดแน่แล้ว แบบเดียวกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน ก็คือพระครูคชเขตบุรารักษ์ (คมสัน) รองเจ้าคณะอำเภอด่านช้าง ฉายาของท่านคือ คุเณสโน แปลว่า ผู้แสวงหาคุณ ถ้าหากว่าตรงจุดนี้ คนเราที่ไม่ใช่ "เซียน" บาลีจริง ๆ ก็มักจะคิดว่าเขียนผิดอีกแล้วเหมือนกัน

    ฉายาของพระที่เป็นภาษาบาลีนั้น เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า ถ้าไม่ใช่เชี่ยวชาญชำนาญบาลีจริง ๆ ก็จะงมหาคำที่ถูกต้องไม่เจอเหมือนกับกระผม/อาตมภาพนี่เอง ถ้าหากว่างมเจอก็สามารถที่จะแปลได้ และรู้ด้วยว่าผู้ที่ท่านตั้งฉายาให้นั้นเป็น "เซียน" บาลีขนาดไหน

    หลวงพ่อจำนงค์ท่านจึงเป็นพระเถระที่ประกอบไปด้วยคุณงามความดี ทั้งภายนอกและภายใน สมควรแก่การเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ตรงจุดนี้ต้องแสดงความยินดีกับบรรดาท่านทั้งหลายที่อยู่อาศัยภายในบริเวณใกล้เคียงนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านเจ็ดริ้ว ชาวบ้านท่าไม้ ชาวบ้านท่ากระบือ ชาวบ้านหนองนกไข่ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีพระเถระที่ประกอบไปด้วยสีลาจารวัตรอันงดงามเป็นอย่างยิ่ง สามารถที่จะไปทำบุญได้โดยสะดวก

    เมื่อถึงเวลา ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าว่างเว้นจากภารกิจต่าง ๆ ก็ดี หรือว่าต้องการที่จะแสวงหาบุญกุศลใส่ตัวก็ตาม สามารถที่จะเดินทางไปกราบหลวงพ่อจำนงค์ (พระครูสิริสาครธรรม) ได้ที่วัดท่ากระบือ จังหวัดสมุทรสาคร ท่านเป็นพระเถระที่กระผม/อาตมภาพยินดีแนะนำ และยินดีรับรองว่าท่านเป็น "พระสุปฏิปันโน" ซึ่งควรที่จะเป็นบุญเขตแก่ท่านทั้งหลายอย่างแท้จริง

    วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...