เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 มีนาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ท่านผู้ฟังอาจจะรู้สึกว่าวันนี้เสียงแปลก ๆ อยู่สักหน่อย เนื่องเพราะว่าบันทึกในห้องน้ำของร้านหมอ เพราะว่ามารอซ่อมสุขภาพอยู่ตามประสาคนแก่

    ตั้งแต่เช้ากระผม/อาตมภาพพร้อมด้วยพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ก็ได้วิ่งไปยังศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาจุฬาอาศรม หมู่ที่ ๗ ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเยี่ยมบรรดาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๐ ซึ่งเข้าอบรมอยู่ที่นั่น แล้วอีกสองวันก็จะต้องเดินทางไปปฏิบัติกรรมฐานที่ "แคมป์สน" เป็นเวลา ๑ เดือน ซึ่งช่วงนั้นเขาจะไม่ให้เข้าเยี่ยมเลย

    เหตุที่ต้องไปเพราะว่าพระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. เจ้าสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ท่านสมัคร
    ไปอบรมพระธรรมทูตรุ่นนี้ แล้วก็ยังมีพระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒) เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำโป่งช้าง ซึ่งเรียนประกาศนียบัตรพระธรรมทูตอยู่ และต้องไปเข้าปฏิบัติธรรมพร้อมกัน

    เมื่อไปถึง ปรากฏว่านอกจากพระวัดท่าขนุนทั้งสองรูป ซึ่งออกไปเป็นเจ้าสำนักสงฆ์แล้ว ยังมีบรรดาลูกศิษย์ต่าง ๆ มีหลายรูปที่มากราบกันเป็นแถว และโดยเฉพาะผู้ที่ดูแลควบคุมโครงการอบรมอยู่ คือพระมหาสุรศักดิ์ ปจฺจนฺตเสโน ป.ธ.๗ , ผศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยควบคุมดูแลเรื่องของพระธรรมทูตอยู่ แล้วก็มีท่านอาจารย์พระมหาประยูร โชติวโร, ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพระธรรมทูต ซึ่งท่านได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร น่าจะที่ "พระครูสุตรัตนบัณฑิต, ดร." ถ้าหากว่าจำผิดก็ต้องขออภัย

    กระผม/อาตมภาพได้รับปากท่านอาจารย์ ดร.พระครูประยูรเอาไว้นานแล้วว่า ถ้าทางวิทยาลัยพระธรรมทูตมีโครงการอบรมอะไรก็ตาม กระผม/อาตมภาพพร้อมที่จะมาสนับสนุน งานนี้จึงนำเอาปัจจัยมาสนับสนุนโครงการอบรมของท่าน แล้วก็ได้เยี่ยมบรรดานิสิตที่รู้จักมักคุ้นกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    หลังจากนั้น จึงได้เดินทางกลับมายังที่พัก เร่งในการทำโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ปี ๒๕๖๗ ซึ่งในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนนั้น ไม่ใช่ว่าท่านจะจัดบวชตามใจตนเอง หากแต่ว่าทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องการทราบว่า บรรดาผู้ที่เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณรภาคฤดูร้อนแต่ละปีนั้น มีมากน้อยเท่าไร จึงต้องเขียนโครงการให้ชัดเจน ว่าทำโครงการบรรพชานี้เพื่ออะไร ?

    ของทางวัดท่าขนุนทำโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวาระเจริญพระชนมายุ ๖๙ พรรษา ต้องบอกวัตถุประสงค์ ต้องบอกถึงงบประมาณ แล้วก็ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการในการรับผิดชอบ จะต้องทำหนังสือเชิญวิทยากรมาอบรมบรรดาสามเณรภาคฤดูร้อน

    มัวแต่เพลิดเพลินเจริญใจอยู่ รู้ตัวขึ้นมา ปรากฏว่าไอ้ตัวเล็กออกให้บูชาเหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวัน เนื้อทองแดง ซึ่งเป็นเนื้อสุดท้าย บอกมาว่าหมดตั้งแต่หน้าที่ ๒ แต่ตอนที่กระผม/อาตมภาพวางงานเพื่อที่จะเข้าไปดูนั้น ปรากฏว่าจองกันไป ๑๐ กว่าหน้าแล้ว..!

    เป็นอันว่างานนี้ เป็นงานที่กระผม/อาตมภาพ "ดวงแตก" เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเหรียญเสริมปัญญาก็ดี เหรียญนาคปรกเสาร์ ๕ ตรีวันก็ตาม จองไม่ทันแม้แต่เหรียญเดียว..! เป็นเรื่องที่ยุติธรรมสุด ๆ โดยเฉพาะทีมงานของเว็บไซต์วัดท่าขนุนก็ดี ทีมงานโมทนาบุญสัญจร ตลอดจนกระทั่งทีมงานช่างภาพ ทั้งถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ของวัดท่าขนุน ไม่มีใครจองทันเลยแม้แต่คนเดียว ปกติถ้ามีคนจองทัน ก็จะโดนขอแบ่งจนคนจองก็แทบไม่เหลืออะไร แต่งานนี้ไม่รู้จะไปขอแบ่งจากใคร เพราะว่าไม่ได้จองเลยสักคนเดียว..!

    ท่านที่จองแล้วไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ เนื่องเพราะว่าทางเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้นยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ถ้าอยากได้วัตถุมงคลที่ตนเองสร้าง ก็จะต้องปฏิบัติตามกติกา คือเข้าไปจองให้ทัน โอนเงินตามวันเวลาที่ระบุเอาไว้ แล้วก็ต้องระบุวิธีการรับด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าทำผิดกติกา แม้แต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนก็โดนแขวน หรือว่าโดนจับแช่ห้องเย็นเหมือนกัน..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    หลังจากนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำโครงการจนเสร็จ พอดีกับพันตำรวจเอกมนตรี แตงโต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิโทรศัพท์เข้ามา บอกว่า "หลวงพ่อครับ ขอเสบียงกรังเพิ่มขึ้นอีก ที่รับไปวันก่อนหมดเกลี้ยงแล้วครับ เพราะว่าเมื่อคืนจับมาได้อีก ๒๐๐ กว่าคน โดยเฉพาะครั้งนี้ บรรดาผู้ที่รับอาสานำพาชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง มีการแหกด่าน ถึงขนาดต้องยิงปืนขู่กันด้วย..!"

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านถามว่าทำไมมีคนฝ่าฝืนกฎหมายแบบนี้ ? ก็เพราะว่าบรรดาผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น แต่ละคนจะต้องมอบค่าหัวให้กับผู้ขับรถไปส่งคนละ ๒๕,๐๐๐ บาท แล้วรถกระบะคันหนึ่งก็ยัดกันมา ๒๐ - ๓๐ คน จึงเป็นจำนวนตัวเลขมหาศาลที่น่าเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง..!

    เพียงแต่ว่าทางด้านกฎหมายก็หนักหนาสาหัสพอกัน ก็คือถ้าสมมติว่ามีต่างด้าวหลบเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของวัดท่าขนุน แล้วตำรวจตามเข้ามาจับได้ ถ้าเป็นบุคคลที่ไม่เห็นแก่หน้าค่าชื่อของเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาส ในข้อหา "ให้ที่พักพิงแก่ผู้หลบหนีเข้าเมือง" ได้เลย ดีแต่ว่าทุกคนรู้ดีว่า เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไม่เคยหากินทางนี้ จึงไม่ได้โดนข้อหาเหมือนกับที่อื่น ๆ เขา ทั้ง ๆ ที่ความซวยตกลงมาเองแท้ ๆ เพราะว่าผู้หลบหนีเข้าเมืองวิ่งเข้าไปในวัด ก็ทำให้เจ้าอาวาสวัดนั้น กลายเป็นผู้ให้ที่พักพิงแก่ผู้หลบหนีเข้าเมืองไปได้เช่นกัน..!

    เมื่อสั่งให้ทางวัดจัดเสบียงกรังเพิ่มเติม และท่านผู้กำกับมนตรีรับไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องออกมานั่งรอซ่อมสุขภาพ ถ้าหากว่าไม่ได้หมอช่วยดูแลอยู่ ชายชราอายุ ๖๕ ย่าง ๖๖ ปี อย่างกระผม/อาตมภาพก็คงไม่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างที่ตนเองต้องการ จึงต้องรบกวนบรรดาหมอ บรรดาพยาบาลต่าง ๆ ช่วยกันดูแล แล้วก็เป็น "คนไข้บรรดาศักดิ์" ก็คือส่วนหนึ่ง เมื่อหมอทำการรักษาแล้ว นอกจากไม่เก็บสตางค์ ยังถวายค่ารถให้เดินทางกลับอีกด้วย จะเกรงใจไม่รับ บรรดาหมอบรรดาพยาบาลก็มีศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่คิดว่าตนเองจะมีผู้สนใจทำบุญด้วยมากขนาดนี้ เพราะว่าบางทีไปเยี่ยมคนไข้ตามโรงพยาบาล ปรากฏว่าหมอและพยาบาล ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าท่านทำงานอยู่ที่นี่ นอกจากเคยเห็นหน้าตอนไปถวายสังฆทาน และไม่เคยถามด้วยว่าทำงานอะไร พอเห็นเข้าก็วิ่งกันมาขอทำบุญ แล้วก็มีบุคคลประเภท "บ้าจี้" ก็คือเห็นคนอื่นทำก็จะทำบ้าง แห่กันมาจนกระทั่งไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,360
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,526
    ค่าพลัง:
    +26,363
    แต่ว่านี่ก็ยังดี เพราะว่าส่วนหนึ่งนั้นไปเจอกันตอนที่กระผม/อาตมภาพแวะเข้าห้องน้ำตามสถานีบริการน้ำมัน ผู้ที่พบเห็นก็ดีอกดีใจ วิ่งมากราบ บ่นว่า "ไปวัด ๗ ครั้ง ๘ ครั้ง ก็ไม่ได้เจอท่านอาจารย์ มาเจอกันกลางทางนี่เอง ขอกราบให้ชื่นใจหน่อย" กระผม/อาตมภาพก็ต้องกัดฟันกลั้นเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ปัสสาวะจะราดอยู่แล้ว..! เจรจาพาทีพอเป็นกำลังใจแก่ท่านทั้งหลาย ก่อนที่จะรีบเดินเข้าห้องน้ำ ถ้าหากว่าปล่อยช้าอีกหน่อยหนึ่ง ก็อาจจะมีการ "ทำเปียก" ให้ขายหน้าชาวบ้านเขาเป็นแน่

    บางทีเข้าร้านอาหารไป ยังไม่ทันจะสั่งเลย เจ้าของร้านถาม "ใช่หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนหรือเปล่าครับ ?" จะลุกหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว ถามว่าจะฉันอะไรแล้วก็จัดมาถวาย นอกจากไม่คิดค่าข้าวปลาอาหารแล้ว ยังพาเอาบรรดาพ่อแม่มาถวายปัจจัยทำบุญอีกต่างหาก..!

    จึงกลายเป็นเรื่องที่ หลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล ป.ธ.๕) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้นท่านยังเป็นเจ้าคุณชั้นราช และชั้นเทพ อยู่วัดป่าดาราภิรมย์ ได้บอกกล่าวกับกระผม/อาตมภาพว่า "คนเราถ้าดัง ก็อย่าหวังความสงบ" ตอนนี้จึงได้เห็นจริง ๆ แล้วว่า สิ่งที่หลวงปู่ท่านได้เตือนเอาไว้นั้นเป็นอย่างไร เพราะว่าเมื่อมีคนรู้จักมาก ๆ ความเป็นส่วนตัวก็หมดไป

    โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่เดินทางไปถึงวัดท่าขนุนแล้วไม่ได้เจอตัว เพราะว่ากระผม/อาตมภาพมีตำแหน่งต่าง ๆ ถึง ๓๗ ตำแหน่งเข้าไปแล้ว ต้องวิ่งงานไปเหนือ ไปใต้ ไปตะวันออก ไปตะวันตก แม้กระทั่งไปต่างประเทศ แทบจะไม่มีเวลาอยู่วัด ท่านที่ไปถึงวัดแล้วไม่เจอ เมื่อมาเจอตามงานกลางทางก็ดีอกดีใจ ส่วนกระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ขนาดใส่หน้ากากอนามัยอยู่ เขาก็ยังจำได้ว่านี่คือหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

    สมัยก่อนยังพอที่จะบุ้ยใบ้ ชี้ไปที่คนโน้นคนนี้ว่า "หลวงพ่อเล็กเป็นท่านนั้น..ท่านนี้" แต่สมัยนี้ไม่ได้เสียแล้ว เนื่องเพราะว่าลูกศิษย์ไปเปิดทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งอินสตาแกรม ตลอดจนกระทั่งกลุ่มไลน์ต่าง ๆ แม้กระทั่ง TikTok ในปัจจุบันนี้ก็มี แล้วก็ช่วยกันนำเอาหลักธรรมบ้าง สิ่งที่กระผม/อาตมภาพบ่นญาติโยม ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรบ้าง ไปลงกันเป็นที่ครึกครื้น จนคนจำเสียงจำหน้าได้หมดแล้ว

    แม้แต่เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนที่ท่านทั้งหลายฟังอยู่นี้ ก็เกิดจากการที่กระผม/อาตมภาพอบรม หรือบ่นว่าบรรดาพระภิกษุสามเณรในวัด แล้วก็มีญาติโยมผู้หวังดีว่า "อยากให้คนอื่นได้ฟังบ้าง" แล้วนำไปลงยูทูบ จนกระทั่งกลายเป็นภาระที่กระผม/อาตมภาพต้องมาบันทึกอยู่ทุกวัน อย่างที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังอยู่นี้

    สำหรับวันนี้ถ้าหากว่าเสียงประหลาดอยู่สักหน่อย ก็ขอให้ท่านทราบว่า "บันทึกในห้องน้ำของร้านหมอ ระหว่างที่รอเวลารักษาอยู่" จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...