เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อตอนบ่ายกระผม/อาตมภาพมาดูห้องเรียนนักธรรมชั้นตรี ช่วยอธิบายเกี่ยวกับพระวินัยเพิ่มเติม แล้วก็มีพระที่ท่านถามถึงสิ่งที่ตัวเองทำไป เกี่ยวกับโยมผู้หญิงเก่าที่โทรศัพท์มา ว่าโดนอาบัติสังฆาทิเสสหรือเปล่า ?

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเตือนพระรุ่นเก่า ๆ ไปแล้วว่า โทรศัพท์สามารถเอาอาบัติหนักมาให้เราถึงในมุ้งได้ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็ต้องบอกว่า "ตัดใจไม่ได้" ถ้าหากว่าพวกท่านรู้ว่าโทรศัพท์กับ
    กระผม/อาตมภาพนี่ บางทีเดือนหนึ่งไม่ได้เจอกันเลย แล้วพวกท่านจะขาดใจตายไหม ?

    เมื่อวานนี้พระมหาวริทธิ์ธร วรเวที ผู้อำนวยการกองวางแผนและพัฒนาสถาบันวิปัสสนาธุระ โทรมาหา ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพไม่ได้เปิดเครื่อง ก็คือถ้าหากว่าไม่ได้ใช้งานในลักษณะบันทึกเสียงอย่างนี้ หกโมงเย็นกระผม/อาตมภาพจะปิดเครื่องทิ้งไปเลย แม้กระทั่งพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีโทรมา กำลังกระผม/อาตมภาพทำวัตรรอบแรกอยู่ กระผม/อาตมภาพก็เคยเปิดเสียงทำวัตรให้ท่านฟังสัก ๕- ๖ นาที จนกระทั่งท่านต้องวางสายไปเอง

    เรื่องของโทรศัพท์ ถ้าหมดความจำเป็น ให้รีบปิดทิ้งไปเลย เพราะว่าโทรศัพท์มีแต่ทำให้ร่างกายของเราแย่ลง เพราะว่าแผ่กระแสคลื่นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะรบกวนสมอง บางคนนอนทั้งคืนแล้วรู้สึกเพลียเหมือนอย่างกับไม่ได้นอนเลย ก็เพราะว่าคลื่นสมองโดนรบกวนอยู่ตลอดเวลา

    คราวนี้ย้อนกลับมาพูดถึงในเรื่องที่ว่าจะโดนอาบัติหนักหรือไม่ ? ก็คือศีลพระของเราข้อหนึ่งในสังฆาทิเสสุทเทส ภิกษุมีจิตกำหนัด พูดจาเกี้ยวหญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ข้อนี้พลาดได้ง่ายมาก

    มีอยู่ปีหนึ่งพระวัดท่าขนุนไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพุทธบริษัท กลับมาสอบถามว่า "หลวงพ่อครับ ผมจะโดนอาบัติสังฆาทิเสสไหม ?" ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า "แฟนเก่าโทรมา คุยกันไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะวางหู ผมก็บอกว่ารักนะ จุ๊บ..จุ๊บ..!"
    กระผม/อาตมภาพบอกไปว่าไม่ต้องคิดมาก ทางที่ดีก็ไปอยู่ปริวาสเสียให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นว่าในเรื่องของอาบัตินั้นโดนง่ายมาก แล้วปาราชิกกับสังฆาทิเสสเป็นอาบัติที่แก้ไขไม่ได้และแก้ไขได้ยาก เพราะว่าคำว่า สังฆาทิเสส แปลว่า ขึ้นต้นด้วยสงฆ์ ลงท้ายด้วยสงฆ์ ก็คืออาทิ แปลว่าเบื้องต้น กับเสสะ คือส่วนที่เหลือ หรือเบื้องท้าย

    สังฆะ+ อาทิ + เสสะ สนธิกันเข้าไปเหลือ สังฆาทิเสส อาบัติที่ขึ้นต้นด้วยสงฆ์ ลงท้ายด้วยสงฆ์ ก็คือต้องอาบัติแล้วไปสารภาพต่อคณะสงฆ์ แล้วก็ไปอยู่ปริวาส ถ้าหากว่าโดนแล้วสารภาพเลยก็อยู่ ๖ วัน ๖ คืน หลังจากเก็บมานัตต์แล้ว ก็มาให้คณะสงฆ์ ๒๑ รูปขึ้นไปสวดอัพภาณคืนความเป็นพระให้

    คราวนี้ยังมีอยู่อีกก็คือ ถ้าเราปิดบังไว้นานเท่าไร ก็ต้องอยู่ปริวาสเท่าจำนวนที่ปิดเอาไว้นั้น แล้วก็บวกไปอีก ๖ วัน ๖ คืน มีพระอยู่รูปหนึ่ง ท่านมาสารภาพว่าท่านโดนสังฆาทิเสสตั้งแต่อาทิตย์แรกที่บวช แล้วตอนนี้ท่านก็อยู่มา ๑๐ กว่าพรรษาแล้ว แล้วจะทำอย่างไร ?
    กระผม/อาตมภาพบอกไปว่า "ก็อยู่ปริวาสเท่าอายุคุณบวช แล้วก็บวกไปอีก ๖ วัน ๖ คืน" แบบนี้ยากแค่ไหน !?

    แล้วก็มีไอ้ทิดที่บวชที่วัดท่าขนุนอยู่อีกรายหนึ่ง สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพมักจะส่งไปเข้าปริวาสที่วัดชากสมอ จังหวัดชลบุรี เพราะว่าทางด้านโน้นเขาเข้มงวดมาก ท่านโดนอาบัติสังฆาทิเสสแล้วปิดบังไว้ ๓ พรรษาค่อยมาสารภาพ ปรากฏว่าส่งไปอยู่ปริวาสได้อาทิตย์หนึ่ง ท่านโทรมาบอกว่า "ผมขอกลับวัดครับ ผมสบายใจแล้วครับ" คุณคิดว่ากลับได้ไหม ? ก็เลยบอกว่า "ถ้าศาลตัดสินว่ามึงต้องโดนจำคุก ๓ ปี มึงติดคุกไป ๗ วัน แล้วบอกว่า ผมสบายใจแล้วครับ ให้ศาลช่วยปล่อยที คงจะมีคนปล่อยมึงหรอกนะ..!"

    ดังนั้น...เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่พระภิกษุของเราต้องระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะส่วนหนึ่งที่น่าจะโดนกันไปมากเป็นพิเศษเลย ก็คือพวกหมอดู เพราะว่าอาบัติข้อต่อไปก็คือ ภิกษุชักสื่อชายหญิงเป็นผัวเมียกัน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ถามว่าหมอดูชักสื่ออย่างไร ?
    ก็โดยการดูดวงแล้วบอกว่า "คู่นี้ดวงสมพงษ์กัน แต่งงานกันได้"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเตือนผมไว้หนักหนาว่า "ถ้าเขาไปแต่งงานกันตามที่เอ็งบอก เอ็งโดนสังฆาทิเสสเลย เพราะถือว่าชักสื่อฯ ถ้าเอ็งไม่บอก เขาอาจจะตัดสินใจไม่แต่งงานกัน"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพศึกษาวิชาหมอดูอยู่ โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "ให้ไปลองศึกษาเอาไว้หน่อย ของเขาจริงนะ" ได้กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "ควรจะศึกษาจากที่ไหนดีครับ ?" ท่านบอกว่า "พรหมชาติฉบับราษฎร์ก็ได้ จะดูเลข ๗ ตัว หรือมหาทักษาก็ไปลองดูเอาเอง"

    กระผม/อาตมภาพจึงลองไปศึกษาดู แรก ๆ ก็ขอวันเดือนปีเกิดคนที่รู้จักมักคุ้น ไปลองถอดตัวเลขดู เพราะว่ารู้จักกันดี เพราะฉะนั้น..เขาทำอะไร ? ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ? ตอนนี้เป็นอย่างไร
    ? ก็พอที่จะรู้ ปรากฏว่าตำราเขาใช้ได้จริง พอดูไปดูมาคนเริ่มมาหา ด้วยความเมตตากลัวว่ากระผม/อาตมภาพจะพลาด หลวงพ่อท่านก็เลยเตือนให้ว่า ระวังจะโดนอาบัติหนักข้อนี้

    เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่ามีคนถามเรื่องพวกนี้ คุณบอกเขาไปเลยว่า เข้าไปในเว็บไซต์มหาหมอดู แล้วก็ไปถามเอาได้เลย ไม่ต้องเสียเวลามาถามพระ ให้พระมาเดือดร้อนทีหลัง อย่างน้อย ๆ หลักการเขาก็ตอบได้อยู่แล้ว

    เพียงแต่ว่าในเรื่องของหมอดูนั้นจะได้ประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ก็คือ ใน ๑๐๐ สามารถบอกได้ประมาณ ๖๐ แล้วยังมีจรรยามารยาทอะไรต่าง ๆ อีกมากที่จะต้องยึดถือ อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าเด็กอายุยังไม่ถึง ๗ ขวบ ไม่ควรที่จะดูหมอให้ ที่ครูบาอาจารย์สั่งเอาไว้แบบนี้ เพราะว่าเด็กบางคนนั้น ดวงไม่สมพงษ์กับพ่อแม่ตัวเอง ถ้าถึงเวลาบอกว่าไม่ดี พ่อแม่ที่สิ้นสติก็จะทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ดูแลลูกตัวเอง

    ดังนั้น...เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง แล้วบอกได้แค่ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากว่าใช้ทิพจักขุญาณ โอกาสรู้ได้แม่นยำถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ กระผม/อาตมภาพถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า "ทำไมได้แค่นั้นละครับ ?" ท่านบอกว่า "อีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นพวกนอกเหตุเหนือผล เหมือนอย่างแกนี่แหละ..!"

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบุคคลประเภทนี้กำลังใจล้นเกิน ต่อให้บอกว่าไม่ดี ก็มุมานะเอาจนดีได้ ท่านบอกว่าส่วนใหญ่พวกนี้จะมาจากสายพระโพธิสัตว์ ในเมื่อกำลังใจของเขาล้นเกิน ก็เลยทำให้การดูหมอผิดพลาดได้ แบบเดียวกับที่หลวงพ่อพระปลัดวิรัช โอภาโส ดู
    กระผม/อาตมภาพไป ว่าต้องสึก แล้วกระผม/อาตมภาพก็รั้นอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ท่านกำหนดไว้ชัดเจนเลยว่า วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น ต้องสึกแน่นอน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,920
    ก็แปลว่าในเรื่องของหมอดูนั้น นอกจากมีหลักการอะไรมากมายแล้ว ต่อให้เรื่องไม่ดี ก็ยังต้องพยายามพูดให้กำลังใจ เพราะว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของคนก็คือกำลังใจ ถ้ากำลังใจบอกว่าดี ก็จะกลายเป็น มโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ

    อย่าลืมบาลีที่ว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา ธรรมทั้งหลายย่อมมีใจเป็นหัวหน้า มโนเสฏฺฐา สูงสุดก็ที่ใจ มโนมยา สำเร็จก็ที่ใจ

    ดังนั้น...ถ้าหากว่าเราไปหาหมอดู แล้วหมอดูบอกว่าไม่ดี ความจริงเรื่องที่ไม่ดีอาจจะแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แต่กลับมาซ้ำหนักถึง ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ หรือ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ที่ตัวเราเอง เพราะว่าตัวเราจะไปคิดตอกย้ำกับตัวเองว่า "ไม่ดี..ไม่ดี..ไม่ดี" อยู่ตลอด กลายเป็นเราแช่งตัวเราเอง แล้วกลายก็เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ เราทำตัวเราเอง..!

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกับพวกเราว่า อะไรเกิดขึ้นกับ
    กระผม/อาตมภาพ อย่างเขม่นตาซ้าย โบราณเขาว่า "เขม่นตาซ้าย ร้ายจะมา" ของกระผม/อาตมภาพนะหรือ ? "เขม่นตาซ้าย ลาภใหญ่จะมา ถ้าเขม่นตาขวา ลาภใหญ่ยิ่งกว่านั้นจะมา" แล้วไอ้คนกำลังใจแบบนี้ ดวงจะไปทำอะไรได้ ก็แปลว่าในเรื่องของหมอดูนั้น สำคัญที่สุดอยู่ที่กำลังใจของเราเอง โดยเฉพาะถ้าเขาบอกว่าไม่ดี แล้ววิธีแก้ไขก็มักจะราคาแพง

    กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ ให้ตั้งใจสมาทานศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ได้ศีล ๘ ยิ่งดี จากนั้นตั้งหน้าตั้งตาภาวนาสักเช้าชั่วโมงหนึ่ง เย็นชั่วโมงหนึ่ง ติดต่อกันไปสัก ๗ วัน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไป ไอ้ที่บอกไม่ดีแค่ไหนก็รอดได้ เพราะว่าเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา สามารถที่จะผ่อนหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย เคราะห์กรรมต่าง ๆ ตามได้ยาก

    แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนเราไม่ชอบอะไรที่ลำบาก ให้ทำเองก็บอกว่าไม่ไหว มักง่าย หมอดูเขาแนะนำอะไรก็ไปทำแทน อย่างระยะนี้อะไรนะ ? "ยิ่งเมามากเท่าไรก็ยิ่งได้ลาภมากเท่านั้น" ใช่ไหม ? ลองไปเชื่อดูสิ อันดับแรก...ก่อนที่มึงจะเมา เงินก็หายจากกระเป๋าไปแล้ว เพราะว่าต้องไปซื้อเหล้าซื้อเบียร์

    อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยใช้คำพูดแรง ๆ ว่า "ใช้หัวแม่ตีนตรองดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่" แต่คนเราที่สร้างเวรสร้างกรรมมา กลับกลายเป็นว่ามีความเห็นเป็นมิจฉาทิฎฐิ แล้วก็ไปเชื่อ ไปคล้อยตามเขา

    ดังนั้น...บางเรื่องต้องบอกว่าเป็นเรื่องของเวรของกรรม บุคคลที่สร้างบุญเอาไว้ดี ถึงจะได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี หรือว่าพบแต่เรื่องดี ๆ ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่เวรแต่กรรม
    ไปจัดการกันเองก็แล้วกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...