เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 มกราคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ไม่ใช่วันหวยออก แต่ว่าเป็นวันครูแห่งชาติ ก็ต้องถือว่าทางรัฐบาลยังมีจิตสำนึกที่ดี เลื่อนวันหวยออกไปไม่ให้ตรงกับวันครู

    คำว่า ครู รากศัพท์มาจากคำว่า ครุ แปลว่า หนักมาก ก็คือภาระในการสั่งสอนอบรมศิษย์ ซึ่งถ้าหากว่าทำได้ดี ศิษย์ก็จะถอดแบบความรู้ความประพฤติของครูบาอาจารย์ไป ถึงได้มีการใช้คำว่า"แม่พิมพ์" โดยเฉพาะเปรียบว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ แล้วก็มีพวก "ปัญญานิ่ม" ไปใช้คำว่า "พ่อพิมพ์ของชาติ" สำหรับครูผู้ชาย ซึ่งคำนี้ไม่มีปรากฏในพจนานุกรม เนื่องจากว่าต้นแบบที่เอาไว้สำหรับผลิตสิ่งของต่าง ๆ เขาเรียกว่า "แม่พิมพ์" ทั้งสิ้น เป็นคำกลาง ไม่มีการแยกเพศ

    บางอย่างในเรื่องของการเข้าใจผิดทางภาษา ก็ทำให้เกิดศัพท์ประหลาด ๆ ขึ้นมา อย่างเช่น"อนุโมทนา" คำว่า อนุ เป็น อุปสรรค คือ คำนำหน้า แปลว่า น้อย แปลว่า ภายหลัง แปลว่า ตาม เป็นต้น อย่างเช่นว่า อนุภรรยา ก็คือ เมียน้อย, อนุชน = คนรุ่นหลัง, อนุจร = ผู้เดินตาม พอไปคำว่าอนุโมทนา โมทนา ก็คือ ยินดี ดังนั้น...อนุโมทนาคือ ยินดีตามไปด้วย แล้วก็ดันมีพวกประเภทที่คิดว่าตัวเองเก่ง เห็นว่าคำว่า อนุ แปลว่า น้อย ก็เลยใช้คำว่า "มหาโมทนา" ฟังแล้ว "น้ำตาจิไหล..!" ต้องบอกว่าแหกกฎทั้งบาลี ทั้งภาษาไทย

    คำว่าครูนั้น ต้องประกอบไปด้วยกัลยาณมิตรธรรม ๗ ประการ ก็คือ ๑. ปิโย ซึ่งถ้าแปลตรง ๆ ก็คือน่ารัก ก็แปลว่าครูนั้นต้องมีส่วนที่ชวนให้ศิษย์ชิดใกล้ อยากที่จะศึกษาวิชาการนั้น ๆ ด้วย

    ๒. ครุ ตรงตัวเลยคือหนัก ในที่นี้ก็คือความหนักแน่นทางอารมณ์ ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ประมาณว่า "ไบโพลาร์" เพราะถ้าหากว่าขาดความหนักแน่น ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของลูกศิษย์ได้ ใครอยากจะไปเรียนด้วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ๓. ภาวนีโย เป็นผู้แสวงหาความเจริญอยู่เสมอ ก็คือศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดชีวิต เพราะว่าความรู้นั้นมีเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลา ถ้าขาดการศึกษาเพิ่มเติมก็ตามโลกไม่ทัน ในเมื่อตามโลกไม่ทัน จะสอนลูกศิษย์ให้เท่าทันโลกก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    ๔. วัตตา ตามรากศัพท์เขาบอกว่ารู้จักพูด คำว่ารู้จักพูดก็คือ เป็นผู้ประกอบไปด้วยเหตุด้วยผล สามารถที่จะชี้แจงทุกอย่างอย่างถูกต้อง สมเหตุสมผลทุกประการ

    ๕. วจนักขโม แปลตรง ๆ ว่าอดทนต่อถ้อยคำได้ ก็คือใครจะด่า จะว่า จะตำหนิติเตียน จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ผู้เป็นครูต้องมั่นคงไม่หวั่นไหว เหมือนบาลีที่ว่า ศิลาที่เป็นแท่งทึบย่อมไม่หวั่นไหวเพราะแรงลมฉันใด ครูก็ต้องเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวฉันนั้น ถ้าหากว่าเป็นปุถุชนอยู่ ยังหวั่นไหว ก็ต้องเก็บอาการให้อยู่

    ๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา อธิบายเนื้อหา ข้อธรรมต่าง ๆ ได้ลึกซึ้งชนิดรู้แจ้งเห็นจริง ถ้าหากว่าเป็นวิชาการก็ต้องทำเองได้ แล้วถึงจะไปสอนคนอื่นต่อ จะได้บอกทางที่ถูกต้องและตรงของวิชาการนั้น ๆ

    ๗. โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ข้อสุดท้ายนี้สำคัญที่สุด คือ ไม่ชักนำศิษย์ไปในทางเสียหาย ไม่ใช่ชักนำให้ประท้วง ชักนำไม่ให้รับปริญญาบัตร ชักนำไม่ให้ถวายการต้อนรับผู้เป็นประธานในการพระราชทานปริญญาบัตร เป็นต้น ถ้าลักษณะอย่างนี้ แปลว่าขาดคุณสมบัติความเป็นครูอย่างแรง เพราะว่าศิษย์ย่อมเป็นไปตามที่ครูสอน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    โดยเฉพาะในความเป็นครูนั้น ได้รับการยกย่องเป็นทุลลภบุคคล บุคคลที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ๒ ประเภท ประเภทแรกคือบุรพการี แปลว่าผู้ทำคุณให้ก่อน ประเภทที่สองคือกตัญญูกตเวที เป็นผู้ที่รู้คุณท่านแล้วทำการตอบแทน

    บุรพการีประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ? พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระมหากษัตริย์ พระพุทธเจ้า

    พ่อแม่เลี้ยงลูก ต้องบอกว่าเป็นความรักโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ได้หวังผลตอบแทนใด ๆ จากลูก ใครจะบอกว่าเลี้ยงดูเพราะหวังผลตอบแทน อยากให้ดูแลตอนแก่อะไรก็ตาม ถ้าหากว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากพรหมวิหารอย่างแท้จริง โกรธขึ้นมาแล้วเอาขี้เถ้ายัดปากเสีย เอ็งก็ไม่มีโอกาสโตขึ้นมาตำหนิพ่อแม่แล้ว..!

    ครูบาอาจารย์สั่งสอนให้ความรู้ หลายท่านก็ดูแลลูกศิษย์อย่างกับพ่อแม่เลย เพียงแต่ว่าในปัจจุบันนี้ จริยธรรมความเป็นครูลดน้อยถอยลงไปตามระบบการศึกษาในบ้านเรา

    ระบบการศึกษาในบ้านเราปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าเป็นระบบเศรษฐกิจเต็มตัว ก็คือเปิดการเรียนการสอนขึ้นมาก็มีการเก็บเงิน มีการแข่งขัน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อชัยชนะ หรือว่าเพื่อความสำเร็จของสถาบันนั้น ๆ ไม่ใช่เพื่อความสำเร็จของลูกศิษย์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จิตวิญญาณความเป็นครูบาอาจารย์จึงลดน้อยถอยลง การที่จะทุ่มเทสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยความหวังดีปรารถนาดีไม่มี ความคิดที่จะตอบแทนก็เลยน้อยลงไปด้วย ทำให้เด็กรุ่นหลัง ๆ ตำหนิติเตียนเอาได้

    แต่ว่าครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูก็ยังมีอยู่มาก หลายท่านเรียนจบแล้วก็เข้าป่าขึ้นเขา ไปสอนสั่งเด็ก ๆ ตามป่าตามเขา โดยไม่ได้คิดที่จะสอบบรรจุเป็นครู แต่ว่าไปในลักษณะของครูอาสา สอนเป็นธรรมทานไปเลย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    พระมหากษัตริย์ ต้องบอกว่าปกป้อง ปกปักรักษา โดยเฉพาะรักษาแผ่นดินมา จนบรรพบุรุษและตัวเราได้มีที่อยู่ ที่อาศัย ที่ทำกิน อย่างชนิดที่ไม่ต้องลำบากเดือดร้อน ทุ่มเทเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อแลกไว้ซึ่งแผ่นดินนี้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    พวกเรามีแผ่นดินให้อยู่ในทุกวันนี้ (แม้ว่าจะมีรัฐบาลที่ไม่ได้อย่างใจ) ก็เกิดจากบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต สละเลือดเนื้อและชีวิตปกปักรักษามา พวกเราถึงได้พูดด้วยความภูมิใจว่า เป็นประเทศเดียวที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ต่อให้เคยถูกพม่ายึดไป ๒ ครั้ง ก็สามารถที่จะกู้เอกราชคืนมาได้ นั่นคือการเสียสละของสถาบันพระมหากษัตริย์ การเสียสละของบรรพบุรุษไทยเรา ที่ทุ่มเทเอาเลือดเนื้อและชีวิตแลกมาซึ่งแผ่นดินที่เราอาศัยเป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ แล้วเราก็ไปประท้วงว่าไม่ควรที่จะมีสถาบันกษัตริย์ ไปประท้วงว่าพระองค์ท่านไม่ควรที่จะมีสิ่งที่มาปกป้อง ก็คือมาตรา ๑๑๒ ในรัฐธรรมนูญ

    กระผม/อาตมภาพก็สงสัยเหมือนกันว่า ครูบาอาจารย์ของพวกคุณคือใคร ? ทำไมถึงได้ตื้นเขินมองแค่ปัจจุบัน ? ไม่ได้มองยาวไปถึงในอดีตว่า การที่ตัวของคุณที่เป็นครูบาอาจารย์ ตลอดจนโคตรเหง้าศักราชทั้งหมด มีแผ่นดินอาศัยจนทุกวันนี้ ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงพิทักษ์รักษาเอาไว้

    และท้ายที่สุดของบุรพการีคือพระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนหลักธรรมที่ใช้ความยากลำบากมานับชาติไม่ถ้วนกว่าที่จะตรัสรู้ ชี้ทางพ้นทุกข์ซึ่งบุคคลทั่วไปเห็นได้ยากที่สุดให้แก่บรรดาสาวกสาวิกา ให้แก่บรรดาพุทธบริษัท พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่า ต้องเคารพบูชาพระองค์ท่าน แม้กระทั่งก่อนจะปรินิพพาน ก็ทรงแสดงว่า ให้พระธรรมวินัยนี้เป็นศาสดาต่อจากพระองค์ท่าน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,529
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ดังนั้น...ท่านทั้งหลายที่เป็นบุรพการี ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ก็ดี ครูบาอาจารย์ก็ดี พระมหากษัตริย์ก็ดี ตลอดจนกระทั่งพระพุทธเจ้าก็ตาม ที่ได้ชื่อว่าบุรพการี คือผู้ทำคุณก่อนโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทน ตัวเราจะเป็นบุคคลที่หาได้ยากหรือไม่ก็อยู่ที่ความประพฤติปฏิบัติของเราเอง ว่าเราจะรู้คุณท่านและตอบแทนหรือไม่ ?

    พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาด้วยความเหนื่อยยาก เรามีความคิดที่จะเลี้ยงดูท่านเป็นการตอบแทนให้มีความสุขในบั้นปลายชีวิตหรือไม่ ?

    ครูบาอาจารย์ให้ความรู้ ให้วิชาการที่เราเอาไปทำมาหากิน เลี้ยงตนเอง เลี้ยงครอบครัวได้จนทุกวันนี้ เราเคยคิดที่จะตอบแทนอะไรท่านบ้างหรือไม่ ?

    พระมหากษัตริย์ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต ปกป้องแผ่นดินไทยนี้เอาไว้ให้พวกเราอยู่มาจนชั่วลูกชั่วหลาน เราคิดที่จะปกปักรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคง อยู่คู่ประเทศไทยของเรา หรือว่าเราจะประท้วงทุกวิถีทาง เพื่อที่จะไม่ให้มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ? ตรงจุดนี้จะแยกแยะอย่างชัดเจนว่าท่านเป็นกตัญญูบุคคลหรืออกตัญญูบุคคล..!

    พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนหลักธรรมที่จริงแท้ ป้องกันบุคคลไม่ให้ตกไปในทางที่ชั่ว คือ อบายภูมิ ๔ ให้บุคคลไปสู่สุคติ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม หรือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน เราเห็นคุณของพระองค์ท่านแล้วตอบแทนหรือไม่ ?

    การตอบแทนที่ดีที่สุดของอุบาสกอุบาสิกาก็คือ การปฏิบัติธรรมให้เห็นผล เมื่อถึงเวลาจะได้เป็นผู้ยืนยัน ผู้แก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนา จะได้พูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พระพุทธศาสนาเป็นของจริง เป็นของแท้ ท้าพิสูจน์ได้


    วันนี้เป็นวันครูแห่งชาติ อย่าให้ปีหนึ่งเราระลึกถึงครูแค่วันเดียว คนจีนมีภาษิตว่า "เป็นครูวันเดียวเท่ากับเป็นบิดามารดาตลอดชีวิต" เพราะว่าชั่วชีวิตที่เหลืออยู่ของเรานั้น ก็คือการที่สามารถอยู่รอดได้ด้วยความรู้ที่ครูบาอาจารย์ถ่ายทอดให้ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เป็นบุรพการี คือทำคุณแก่เราแล้ว เราทั้งหลายก็เลือกเอาเองว่าเราจะกตัญญูรู้คุณแล้วตอบแทน หรือว่าจะอกตัญญูแล้วก็ทำลาย ?

    สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำ ไม่ว่าดีหรือชั่ว อันดับแรก...สังคมจะเป็นผู้ชี้ขาด อันดับที่สอง...กฎของกรรมจะเป็นผู้ชี้ขาด


    วันนี้ก็ขอฝากไว้สำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายไว้แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...