เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อคืนนี้การจำวัดที่บ้านชุติมันต์ ๒ สบายดีมากเป็นพิเศษ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนำเอามีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ สอดไว้ใต้หมอน นอนหนุนมีดหมอครูบาอาจารย์จึงหลับสบายดีมาก..!

มีดหมอและเบี้ยแก้เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่าจะเดินทางไกล ไม่ควรที่จะลืมอย่างเด็ดขาด อย่างน้อยต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งติดตัวเอาไว้ เพียงแต่ว่าเบี้ยแก้นั้นมีอานุภาพในการทำลายไสยศาสตร์หรือว่าบรรดาผีชั้นต่ำสักหน่อย ถ้าหากว่าเป็นพวกผีมีระดับ หรืออาจจะถึงขนาดเทวดาระดับล่าง ๆ ก็ต้องอาศัยมีดหมอครูบาอาจารย์ท่านช่วย

เนื่องเพราะว่ามีดหมอนั้น ถ้าหากว่าผ่านการเสกที่ถูกต้อง ก็จะมีการขอบารมีจากบรรดาพรหมเทวดาทั้งหลาย โดยเฉพาะเทพอาวุธ ๕ ประการ ได้แก่ วชิราวุธของพระอินทร์ ยมเนตรของพระยายมราช ผ้าพันคอของอาฬวกยักษ์ กระบองของท้าวเวสสุวรรณ และกงจักรของพระนารายณ์ ซึ่งบรรดาเทพอาวุธแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่มีพลานุภาพ ซึ่งในโลกทิพย์ต้องเกรงกลัวทั้งสิ้น ไม่ใช่เกรงกลัวเฉพาะพลานุภาพเท่านั้น หากแต่ว่าถ้าเราอ้างถึงท่านใดท่านหนึ่ง ก็ยังได้รับความเกรงใจเป็นพิเศษอีกด้วย

เพียงแต่ว่าการอาราธนานั้นต้องอยู่ในลักษณะการป้องกันตนเอง อย่าไปใช้ในการตั้งใจเบียดเบียนผู้อื่น ไม่เช่นนั้นถ้าเป็นบางที่ซึ่งมีอากาสเทวดาท่านเป็นเจ้าที่ดูแลอยู่ ถ้าท่านเกิดความไม่พอใจขึ้นมา เราอาจจะได้รับรางวัลหนัก ๆ ก็เป็นได้..!

หลังจากฉันเช้าและเก็บข้าวของขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพและคณะก็เดินทางไปยังสถานปฏิบัติธรรมพุทธพรหมปัญโญ หมู่ที่ ๕ ตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรมในสายหลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร)

เมื่อไปถึงปรากฏว่าตำรวจจราจรก็ไม่รู้ว่ารถพระควรที่จะจอดไว้ทางไหน !? ถามพระที่ท่านกวาดวัดอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะไปจอดไว้ทางไหน ? จึงต้องบุกเข้าไปเอง จนกระทั่งหาที่จอดได้แล้ว พระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) เจ้าอาวาสวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานได้ออกมาต้อนรับ

 

กระผม/อาตมภาพจึงได้รีบบอกกล่าวกับท่านว่า ให้หาคนรับผิดชอบงานมาแล้วชี้แจงให้ทราบโดยเร็วที่สุดว่า พระผู้ใหญ่ที่นิมนต์มามีท่านใดบ้าง แขกผู้ใหญ่ที่เชิญมาในฐานะประธาน รองประธาน มีท่านใดบ้าง ถ้ามีรายชื่อให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้จะยิ่งดี ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าการต้อนรับขาดตกบกพร่อง แม้แต่ที่จอดรถก็บอกไม่ถูกว่าให้ไปจอดทางไหน อาจจะเสียหายถึงครูบาอาจารย์คือหลวงตาม้าได้ ว่าลูกศิษย์ลูกหาทำงานกันไม่เป็น..!

เมื่อเข้าไปยังที่พัก เพิ่งจะนั่งลงก็ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณชายแดน (พระวิสุทธิวชิรวิมล) เจ้าคณะจังหวัดลำปาง-แพร่ (ธรรมยุต) ท่านเข้ามาถึงพอดี ตอนแรกกระผม/อาตมภาพจะกราบท่าน เพราะดูแล้วว่าอาวุโสมาก ปรากฏว่าท่านทักท้วงเอาไว้ โดยที่บอกว่าท่านบวชเมื่อแก่แล้ว เพิ่งจะได้แค่ ๓๔ พรรษา จึงกลายเป็นเรื่องที่หัวเราะกัน เพราะว่าแทนที่จะกราบท่าน ก็กลายเป็นว่าท่านเจ้าคุณต้องเป็นฝ่ายกราบเสียเอง..!

หลังจากที่พูดคุยกันได้พักหนึ่ง บรรดาพระเถรานุเถระก็ทยอยกันเข้ามา เริ่มจากท่านหลวงตาม้า ซึ่งกระผม/อาตมภาพนำทองคำจำนวนบาทกว่า ซึ่งเป็นชนวนที่เหลือจากการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรทองคำของวัดท่าขนุน มาร่วมหล่อพระศรีอาริยเมตไตรยทองคำกับท่านในวันนี้ด้วย ตามมาด้วยตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หลวงพ่อหนุน (พระครูวิชัยสารคุณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร

แล้วที่ตามมาติด ๆ เป็นคู่แฝดกันก็คือท่านเจ้าคุณอริยชาติ (พระภาวนารัตนญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และเจ้าคุณสุริยันต์ (พระวชิรญาณวิศิษฏ์ วิ.) เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น ซึ่งทั้งสองท่านล้วนแล้วแต่อาวุโสน้อยกว่า เพียงแต่บารมีท่านสูงมาก สมณศักดิ์จึงขึ้นไปเป็นเจ้าคุณกันแล้ว

แต่ด้วยความที่พระเราเคารพกันที่พรรษา ท่านจึงมากราบไหว้ถามไถ่ทุกข์สุขกันตามปกติ จนกระทั่งท่านอาจารย์วิชัย วฑฺฒโน วัดแม่สะลาบ เข้ามาถึง บรรดาที่นั่งก็สับสนวุ่นวายกันไปหมด เพราะว่าท่านที่พรรษาน้อยก็ลุกไปกราบท่านที่พรรษามาก ท่านที่มาทีหลังเห็นที่นั่งว่างก็นั่งลงไปเสียก่อน จึงต้องสับเปลี่ยนที่นั่งกันเป็นเก้าอี้ดนตรี..!

รอจนได้เวลาประธานของงานก็คือพลอากาศเอก วิศรุต สุวรรณเนตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วยคณะก็เดินทางมาถึง เมื่อบอกกับท่านว่าสมัยก่อนที่อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น ลูกศิษย์ท่านซึ่งมีท่านพลเอกทวนทอง สุวรรณทัต ตลอดจนกระทั่งพลอากาศโทหม่อมราชวงศ์เสริม ศุขสวัสดิ์ พลอากาศโทอาทร โรจนวิภาต ตลอดจนกระทั่งพลอากาศตรีมนูญ ชมภูทีป ซึ่งเป็นทหารอากาศทั้งสิ้น เล่นเอาผู้ช่วย ผบ.ทอ. ถึงกับตะลึง เพราะไม่คิดว่ากระผม/อาตมภาพจะคุ้นเคยกับผู้ใหญ่ในรุ่นครูบาอาจารย์ รุ่นพ่อของท่านมามากขนาดนี้..!

 

อีกสักครู่หนึ่งแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือที่เรารู้จักก็คือคุณหมอสืบจากศพ อดีตวุฒิสมาชิกหลายสมัย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาม้าก็มากราบด้วย ยังเรียนกับคุณหมอว่าพบกันครั้งสุดท้ายที่หาดใหญ่ ท่านก็ยังจำได้ บอกว่ากำลังจะเขียนหนังสือใหม่ เนื่องเพราะว่าอาตมภาพเป็น FC หนังสือของคุณหมออยู่ ท่านบอกว่าคราวนี้คงไม่ได้เขียนประเภทสืบจากศพแล้ว แต่จะเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแทน ถึงเวลาต้องรบกวนให้กระผม/อาตมภาพช่วยดูข้อมูลให้ด้วย

ครั้นได้เวลา บรรดาเจ้าหน้าที่ก็นิมนต์พวกเราเข้าประจำที่ แล้วมีการทำบวงสรวง เพื่อที่จะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งหลวงพ่อหนุน (พระครูวิชัยสารคุณ) ท่านเป็นผู้ทำการบวงสรวงแล้ว ก็ยังมีฝ่ายหญิงมาทำการบวงสรวง ประมาณว่าเรียกมาหมดทั้งสามโลก จนกระทั่งบางท่านก็ยังบ่นว่า "ดูมัน เรียกแล้วเรียกอีก"

กระผม/อาตมภาพก็ขำอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามีการอัญเชิญพระศิวะพร้อมกับท่านแม่พระอุมา แล้วก็มาเชิญเง็กเซียนฮ่องเต้ ยังอุตส่าห์ไปเชิญพระอินทร์อีกต่างหาก กระผม/อาตมภาพยังขำ ๆ ว่านี่ถ้าหากว่าอัญเชิญไปถึงเทพซูส ท่านปู่พระอินทร์ก็คงต้องรับภาระอีกตามเคย..!

เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์เหมือนกัน ว่าบรรดาผู้ที่มีทิพจักขุญาณ ทำไมถึงได้รู้เห็นเหมือน ๆ กันหมด อย่างเช่นว่าเทพซูสของทางด้านกรีกนั้น อยู่บนยอดเขาโอลิมปัส ใช้สายฟ้าเป็นอาวุธ แล้วทำไมพระอินทร์ซึ่งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุก็ใช้วชิราวุธ คือสายฟ้าเหมือนกัน ?

ของประเทศจีนก็มีอวี้หวงต้าตี้ หรือที่ภาษาแต้จิ๋วเรียกว่าเง็กเซียนฮ่องเต้ แล้วทำไมถึงต้องเป็นจักรพรรดิหยกที่มีร่างกายสีเขียว ? ทั้ง ๆ ที่คนจีนกับคนไทยก็ไม่ได้สื่อถึงกันว่าพระอินทร์นั้นมีร่างกายสีเขียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นเรื่องของผู้ที่มีสัมผัสที่ ๖ ซึ่งสามารถรู้เห็นเรื่องเหล่านี้ได้ แล้วก็บอกกล่าวสืบ ๆ กันมา จนกลายเป็นเรื่องที่แต่ละชาติแต่ละภาษามีตำนานของตนเอง แต่กลับมีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้

 

เมื่อเสร็จพิธีการบวงสรวงแล้ว ก็เริ่มเป็นการหลอมทองคำ ตลอดจนกระทั่งเป็นการหลอมทองเหลือง เพื่อที่จะทำการหล่อองค์พระศรีอาริยเมตไตรย และรูปหล่อหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด ตลอดจนกระทั่งหลวงตาม้า แต่ด้วยความที่ทางเจ้าหน้าที่โรงหล่อเพิ่งจะมาหลอมโลหะกันเอาตอนนั้น จึงทำให้งานยืดเยื้อยาวนานเป็นพิเศษ..!

เริ่มจาก ๙ โมงเช้าไปจนเพลกว่าถึงจะเรียบร้อย และเป็นการเรียบร้อยชนิดที่กระผม/อาตมภาพนั้น "หลงสำรวจ" เพราะว่าเขาไม่ได้ประกาศชื่อให้เจ้าภาพมาถวายไทยธรรม จนกระทั่งน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ต้องเชิญแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ มาประเคนไทยธรรมแทน แถมมีการบ่นด้วยว่า "วันนี้ถึงขนาดบังอาจใช้คุณหญิงเลย..!" แล้วก็มานั่งหัวเราะกัน

เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพต้องรีบเดินทางกลับ เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้ยังต้องเป็นประธานในการประชุมองค์กรพระอุปัชฌาย์ ซึ่งตนเองทำหน้าที่ประธานองค์กรอยู่ และประชุมที่วัดป่าประดู่ จังหวัดระยอง ซึ่งต้องเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปอีกหลายชั่วโมง จึงขออนุญาตเดินทางกลับก่อนโดยออกมาฉันเพลกลางทาง

คาดว่าคืนนี้กว่าจะถึงที่พักวัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ก็คงไม่หนีสามทุ่ม จึงต้องมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)