เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล ที่วัดโพธิ์ผักไห่ หมู่ที่ ๔ ตำบลผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    การเดินทางมีปัญหา เนื่องจากว่าเส้นทางปกติที่เคยไปนั้น โดนน้ำท่วมจนรถเล็กไม่สามารถที่จะผ่านได้แล้ว จึงต้องอ้อมไปเข้าทางด้านจังหวัดสุพรรณบุรีแทน เมื่อเดินทางไปถึงวัดแล้วก็เห็นว่า ทางวัดยังสามารถที่จะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าวัดได้ แต่ดูจากระดับน้ำนอกทำนบที่กั้นเอาไว้ ถ้าหากปล่อยให้เข้ามาในวัด ก็น่าจะสูงประมาณหัวเข่า..!

    ในเรื่องของน้ำท่วมนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่นั้น ผู้ใหญ่จะรอให้ถึงหน้าน้ำ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็มีสาเหตุที่ชัดเจนอยู่ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ ถ้าน้ำหลากมา บรรดาอาหารก็มากับน้ำด้วย โดยเฉพาะปลา

    ประการที่สองก็คือ เมื่อน้ำหลากเข้ามาท่วมไร่นา ครั้นถึงเวลาน้ำลดแล้ว บรรดาปุ๋ยที่มากับน้ำก็จะตกค้างอยู่ในไร่นา ทำให้การเพาะปลูกได้ผลดีมาก เพียงแต่ว่าในสมัยนี้ พื้นที่การทำไร่ทำนาของเราน้อยลง เพราะว่าประชากรมีมากขึ้น อาชีพมีหลากหลายขึ้น จึงทำให้คนเดือดร้อนกับการที่น้ำท่วมมากกว่าที่จะได้รับประโยชน์

    โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครนั้น ในสมัยก่อนที่จะตั้งเมืองหลวง ต้องมีการเสาะหาพื้นที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ที่สุด ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลตลอดทั้งปี เมื่อตั้งเมืองหลวงแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำนา เพื่อสะสมเสบียงเอาไว้ใช้ในยามศึกยามสงคราม พวกเราจะเห็นได้ว่าด้านข้างพระบรมมหาราชวัง คือสนามหลวงนั้น ความจริงแล้วก็เป็นนาของพระเจ้าแผ่นดินนั่นเอง

    แต่ว่าในปัจจุบันนี้ กรุงเทพมหานครของเรา กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งธุรกิจ แต่ว่าไปใช้สถานที่ปลูกข้าวมาปลูกตึก ฝนฟ้าก็ยังคงตกต้องตามฤดูกาล เมื่อสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ไปขวางทางน้ำเข้า ต่อให้ไม่ใช่ฝนพันปีก็ต้องมีการท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ของกรุงเทพมหานครนั้น ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ดังนั้น..ต่อให้ไม่ใช่หน้าฝน ถ้าไม่ป้องกันให้ดี โอกาสที่น้ำจะท่วมก็มีสูงมาก

    ยังโชคดีที่ว่าสมัยสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ท่านได้ทำโครงการขุดคลองลัดโพธิ์ ทำให้น้ำสามารถวิ่งตรงลงทะเลไปเลย ไม่ต้องไปอ้อมโค้งลัดโพธิ์นั้นอีก ซึ่งน้ำที่ไหลออกได้เร็วขึ้น ตรงขึ้น ใช้ระยะเวลาที่สั้นขึ้น ทำให้การระบายน้ำนั้นเป็นไปด้วยดี บริเวณใกล้เคียงนั้นทั้งหมดจึงได้รับอานิสงส์จากการที่น้ำท่วมน้อยลง จนกระทั่งไม่ท่วมอีกเลย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ส่วนของวัดโพธิ์ผักไห่นั้นได้ประกอบพิธีในการฉลองพระพิชัยสงคราม ซึ่งได้สร้างขึ้นมาจากไม้โพธิ์นิพพาน คือต้นโพธิ์ที่หักลงมาเองก็ดี หรือว่ายืนต้นตายพรายก็ดี เมื่อนำมาแกะเป็นพระพุทธรูปแล้ว ได้บรรจุดวงของบุคคลที่เป็นเจ้าของ อยู่ในลักษณะของการเสริมดวงด้วยพุทธานุภาพ

    ก่อนหน้านั้นที่กระผม/อาตมภาพรู้จักดีที่สุดก็คือ พระพุทธรูปไม้โพธิ์นิพพาน ของ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เพียงแต่ว่าพระพุทธรูปไม้โพธิ์นิพพานฝีมือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วนั้นหายากมาก ๆ ส่วนใหญ่เจ้าของเก็บเอาไว้เป็นพระประจำตระกูล ก็ได้แต่ใช้องค์เล็ก ๆ ที่ทำเป็นพระพุทธรูปบ้าง พระปิดตาบ้าง แทนที่จะใช้องค์ใหญ่ซึ่งสร้างได้ยาก เพราะว่าต้องกระทำครบถ้วนตามตำรา

    คราวนี้ทางด้านหลวงพ่อพระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านมีจิตศรัทธาที่จะศึกษาวิชาการทั้งหลายเหล่านี้ โดยเฉพาะตำราเก่า ๆ ท่านมีสะสมไว้เป็นคันรถ สิ่งหนึ่งประการใดที่สามารถช่วยให้ญาติโยมมีความเป็นอยู่ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น ไม่เกินวิสัย ท่านก็ทำออกมาให้

    เมื่อรู้จักคบหาสมาคมกันไป ท้ายสุดท่านก็ยึดกระผม/อาตมภาพเป็นหลัก ก็คือไม่ว่าจะสร้างได้ดีแล้ว ตามฤกษ์ ตามยาม ตามตำรา ตามวัสดุอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ต้องให้กระผม/อาตมภาพไปอธิษฐานจิตปลุกเสกให้ เรียกว่าเชื่อใจกันอย่างสุด ๆ

    ในพิธีครั้งนี้ก็มีวัตถุมงคลหลายอย่างด้วยกัน แต่ว่าในส่วนที่กระผม/อาตมภาพติดใจก็คือ รูปหล่อหนุมานชาญสมร ซึ่งในเรื่องของหนุมานนั้น โบราณสร้างขึ้นมาจากเคล็ดหลายอย่างด้วยกัน ก็คือหนุมานนั้นเป็นผู้ที่ไม่มีวันตาย ต่อให้เสียชีวิตลงไป ถ้าลมพัดมาก็จะฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ เนื่องจากว่าหนุมานคือวายุบุตร เป็นลูกของวายุเทพบุตร ก็คือเทพเจ้าแห่งสายลม

    ประการต่อไปก็คือ หนุมานรับอาสาทำงานให้กับพระราม ไม่มีงานไหนที่ทำได้ไม่สำเร็จ มีแต่สำเร็จลงอย่างงดงามและรวดเร็วทั้งสิ้น
    อีกประการหนึ่งก็คือ หนุมานไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มีเมียสวย ๆ ที่นั่น จึงทำให้คนทั้งหลายเหล่านี้ เห็นว่าหนุมานมีความสามารถมากมาย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จึงได้คิดค้นเป็นตำราในการสร้างรูปลิงขึ้นมา เป็นเครื่องรางติดตัว เพื่อช่วยในการเสริมดวงบ้าง ช่วยในการที่เราจะรับราชการ ทำการทำงานอาสาเจ้านายบ้าง หรือว่าช่วยในเรื่องของเมตตามหานิยมบ้าง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    สำนักที่สร้างหนุมานแล้วปรากฏว่าโด่งดังมากที่สุด ก็คือหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จังหวัดนนทบุรี หนุมานของท่าน ถ้าเป็นของแท้ โดยเฉพาะที่แกะจากรากพุดซ้อนนั้น ราคาตัวหนึ่งเป็นแสน ๆ แม้กระทั่งที่แกะจากงาช้าง ซึ่งหลวงพ่อท่านจ้างเจ๊กที่เป็นช่างแกะสลักให้ ก็ราคานับแสนเช่นกัน อีกวัดหนึ่งก็คือหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ซึ่งหลายท่านบอกว่าเป็นลิง ความจริงแล้วก็คือหนุมานนั่นเอง

    อีกตำราหนึ่งก็จะเป็นของทางด้าน หลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ แต่นั่นท่านสร้างเป็นรูปองคต ซึ่งองคตนั้นเมื่อต้องไปเป็นทูตสื่อสาร ก็ถือว่าตนเองเป็นตัวแทนพระราม จึงไม่ยอมนั่งต่ำกว่าทศกัณฐ์ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมจัดที่นั่งให้สมเกียรติ องคตก็ขดหางตนเองเป็นบัลลังก์จนนั่งเสมอกับทศกัณฐ์ได้ ถือว่าเป็นการเสริมดวง เสริมฐานะ แก่ผู้ใช้องคตนั้น

    บรรดาวัดวาอารามที่สร้างวัตถุมงคลเป็นรูปลิงแล้วมีชื่อเสียงโด่งดังยังมีอีกหลายแห่ง อย่างเช่นว่าหนุมานอาสา หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ลิงหินสบู่ หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ เป็นต้น

    ส่วนที่ถือว่าเป็นของใหม่ แต่ว่าทำได้เข้มขลังและปัจจุบันนี้ราคาแพงมาก ๆ ก็คือ หนุมานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งในสมัยก่อนพี่สุรกานต์ (นายสรุกานต์ เพชรชื่นสกุล) ซึ่งเป็นพี่ชายของกระผม/อาตมภาพก็ดี หรือว่าพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล พระน้องชายก็ตาม ในสมัยนั้นพวกเราไปบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม ราคาถ้าเป็นเหรียญก็เหรียญละ ๒๐ บาทบ้าง ๓๐ บาทบ้าง ถ้าหากว่าเป็นหนุมานก็ตัวละ ๑๐๐ บาท ในช่วงที่แพง ๆ ก็ ๕๐๐ บาท มาสมัยหลังนี้หนุมานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถ้าหากว่าอย่างสวย ๆ มีสู้กันราคาเป็นแสนก็มี..!

    ดังนั้น..ในส่วนนี้ เมื่อหลวงพ่อพิจารย์ท่านดัดแปลงตำรา มาทำเป็นหนุมานของวัดโพธิ์ผักไห่ ท่านก็สร้างด้วยโลหะพิเศษ ก็คือเหล็กไหลสุริยันราชา เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการอุดปรอทให้อีกด้วย เมื่อมีการเรียกธาตุ มีการลงอาการ ๓๒ แล้ว ก็ต้องบอกว่า ถ้าไม่ถือว่าของเก่านั้นเป็นของครูบาอาจารย์แล้วไซร้ ท่านทั้งหลายสามารถใช้ของใหม่นี้ในการทดแทนของครูบาอาจารย์ ที่นอกจากจะหาได้ยากแล้ว ยังราคาแพงมากอีกต่างหาก

    โดยเฉพาะโลหะพิเศษอย่างนี้ บางอย่างก็มีคุณภาพในการเสริมดวงบ้าง เสริมสุขภาพบ้าง ช่วยให้ผู้ที่พกติดตัวนั้น ต้องบอกว่ามีความแข็งแรงของร่างกายก็ดี มีหน้าที่การงานที่เจริญก้าวหน้าขึ้นก็ตาม ซึ่งนั่นถือว่าเป็นของแถมจากวัตถุมงคล

    ในส่วนที่ท่านทั้งหลายควรที่จะระลึกถึงก็คือ ครูบาอาจารย์ผู้สร้างพระหรือว่าวัตถุมงคล เพราะว่าถ้าหากว่าเราไปนึกถึงรูปหนุมาน โดยที่กำลังใจไม่ได้เกาะครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ ก็รู้สึกว่าสภาพจิตของเราอาจจะเกาะผิดจุด ดังนั้น...ในการอาราธนา จึงขอให้นึกถึงครูบาอาจารย์ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน แล้วค่อยอาราธนาติดตัว จะใช้ว่า หะนุมานะ นะมะพะทะ ก็ได้ หรือบางท่านจะเสริมด้วยหัวใจธาตุลม วายุละภะ ได้ก็ยิ่งดี

    เมื่อสามารถที่จะพกติดตัวไปแล้ว ก็ลองพินิจพิจารณาดูว่ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่ดีขึ้นในชีวิตบ้างหรือไม่ ? รู้แต่ว่ากระผม/อาตมภาพก็แอบติดไว้ในรถ ๑ ตัว เพื่อช่วยในการเดินทางให้มีความสะดวกปลอดภัยเช่นกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...