เรื่องเด่น เหตุของการเกิดมาเป็นคู่กัน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 กุมภาพันธ์ 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    4EBCBCE8-738F-4834-8EB5-F68B287B3D43.jpeg


    สมัยอาตมายังเด็กอยู่ ก็น่าจะสัก ๕๐ ปีที่แล้ว มีความเชื่อกันว่า คนที่จะแต่งงานกันได้ ต้องเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันมา ถ้าไม่เคยทำอย่างนั้นจะไม่มีโอกาสเกิดมาเป็นคู่กัน

    ฉะนั้น...สมัยก่อนหรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ตาม ถ้ามีพิธีสงฆ์ก็จะตักบาตรพร้อมกัน แล้วก็จะมีรายการว่าใครจะจับทัพพีข้างบนใครจะจับข้างล่าง เขาถือว่าถ้าใครจับทัพพีด้านบน คนจับด้านล่างต้องเป็นผู้ตาม

    บางรายนี้ญาติพี่น้องแทบจะวางมวยกัน เพราะว่าเชียร์ให้ฝ่ายสามีหรือภรรยาจับด้านบน อีกครอบครัวหนึ่งก็จะไม่พอใจ เหมือนอย่างกับตั้งใจว่าจะข่มเหงรังแกลูกของเขา

    แม้แต่ปัจจุบันนี้ ที่ทองผาภูมิมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ใส่บาตรร่วมกันทุกวัน อาตมาบิณฑบาตที่ทองผาภูมิมายี่สิบกว่าปี สามีภรรยาคู่นี้ก็ใส่บาตรด้วยกันมาตลอด จนกระทั่งวัยเลยเกษียณมาหลายปีแล้ว ถึงเวลาก็จับขันข้าวพร้อมกัน จับทัพพีพร้อมกัน

    ในสมัยก่อนเขาว่าบุพเพสันนิวาส คือการอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อน จะเป็นสาเหตุให้เราเกิดมาคู่กันในชาตินี้ พอมาช่วงอาตมาเรียนหนังสือตอนประถมปลาย ชาย เมืองสิงห์ ก็ร้องเพลงที่ว่า “ชาติก่อนเราเพียง คู่เคียง เด็ดดอกไม้ร่วมต้น แต่ว่าเราสองคน ไม่สนใจ ใส่บาตรร่วมขัน ฯลฯ” เกิดมาชาตินี้ก็เลยผิดหวัง ได้เจอหน้ากันเฉย ๆ ไม่ได้แต่งงานกัน ก็เลยยิ่งตอกย้ำความเชื่อนี้เข้าไปใหญ่

    ความจริงการเกิดมาเป็นคู่กันนั้น ในบาลี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี ๒ ประเภท ประเภทที่ ๑ ท่านบอกว่า บุพเพสันนิวาส คือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติก่อน บาลีท่านว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ประเภทที่ ๒ ท่านว่าเกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้จนเห็นอกเห็นใจกัน บาลีว่า ปจฺจุปปนฺนหิเตน วา

    ดังนั้น...ที่ใครเกิดมาแล้วบอกว่าอาภัพคู่ ไม่มีเนื้อคู่ ไม่จริงหรอก คำว่าไม่มีเนื้อคู่ หมายความว่าไม่มีคนที่สร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมาแต่ชาติก่อน ๆ แต่ก็ยังมี ปจฺจุปนฺน หิเตน วา คือเกื้อกูลสร้างประโยชน์ให้แก่กันและกันในชาติปัจจุบันนี้

    ท่านบอกว่า เอวนฺตํ ชายเต เปมํ ถ้าหากว่าอย่างนี้แล้วความรักก็จะเกิดขึ้น อุปฺปลํว ยโถทเก เหมือนอย่างกับดอกบัวกับน้ำที่ขาดกันไม่ได้ อย่างในธรรมบทที่ลูกเศรษฐีหนีตามนายพรานกุกกุฏมิตรไป นายพรานเป็นพรานล่าเนื้อ ๒-๓ วัน ก็แบกเนื้อเข้าเมืองมาขายทีหนึ่ง บังเอิญวันนั้นลูกสาวเศรษฐีอยู่ที่ปราสาทชั้น ๗ มองทางหน้าต่างลงไปเห็นเข้า เกิดความรักขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะว่าเป็นบุพเพสันนิวาส คือเคยเป็นคู่กันมาแต่ปางก่อน จึงแอบหนีตามกันไปเลย

    แต่สมัยนี้ไม่มีโอกาสมองลงมาจากปราสาทชั้นที่ ๗ เห็นแค่ไลน์หากันก็หนีตามกันไปเยอะแล้ว...!
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กุมภาพันธ์ 2020
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...