เเจกความรู้เรื่องธาตุกายสิทธิเเละคาถาบูชา

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย ผีกองกอย, 18 กันยายน 2011.

  1. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอเชิญคุณท่านและลูกหลานนะครับมาตอบกระทู้ได้เลย เรียกว่าปรับเปลืยนแลกความรู้กันดังนั้น อนุญาติเลยครับ บางทีปู่เองก็ลืมตอบไป ท่านคนไนมีความรู้เรื่องสาตไสเวทมาตอบหรือบอกกันในกระทู้ของปู่ได้นะครับ อนุโมทนาด้วย เเจกกันปั้นเรื่องดีๆๆมาเล่ากันฟังนะครับ เเต่ตำราของปู่มันเป็นสมุดข่อยเเลัวตัวหนังสือขอมแท้ เเละคนโบราณเองท่านก็คงลงไว้เพือสืบทอดกันมานาน เล่นเเร่แปรธาตุ การเอาธาตุบริสุทธิ์ มาทำต้องใช้จิตตรวจดูว่าอันเหมาะ อันไนใช้รวมกันอย่างไรบ้าง หรือจำพวกว่านยานำมาเคียวรวมกัน เรียกสำเร็จธาตุด้วยตนเอง ธาตุบางอย่างก็มีมาก่อนในโลกเรียกว่าอยู่ก่อนศาสนาพระพุทธเจ้าจะบังเกิดก่อนเสียอีก หรือเรียกสมัยนั้นพระพุทธเจ้ายังไม่ลงจุติ มีเเต่จำพวกฤษีเท่านั้นละ แล้วเรียกว่าต่างคนก็บำเพ็นกัน เรียนรู้ทีจะได้มีอายุยืนนาน นั้นก็คือทีมาของเหล็กไหลไงละ ฤษีจำพวกนี้สำเร็จชานสูงๆๆเเล้วตรวจดูว่าตนเองจะทำอย่างไรให้อยู่นาน บ้างก็หุงธาตุบ้างก็เล่นว่านยา บ้างก็ถอดจิตวินยานสิงในธาตุกายสิทธิเลยทิ้งสังขารเดิมไว้จะเน่าจะหายไปชั่งมัน ฤษีจำพวกนี้เลยดำรงขันธ์ในธาตุทีตนถอดจิตเข้ามาอาศัยเเล้วก็ไปท่องเทียวทีต่างๆๆเป็นเวลายาวนานมาก เเละวิชาพวกนี้ในการเล่นเเร่แปรธาตุก้เลยสืบต่อกันมานะ อธิบายมันมากนะค่อยๆๆต่อไปนะหรือใครรู็ก็ต่อได้เลย ส่วนตำราปู่เองนั้นมันก็ขาดไปบ้างแบบเป็นรูปลวกมันกินงะ มีบอกวิธีหาวิธีทำวิธีหุง หรือหาธาตุในธรรมชาติ การเลื้ยง ข้อห้าม การหาในธรรมชาติ วิธีตัดหรือเรียกเอาเลย แต่ตอนนี้เอาพอเเค่นี้ก่อนนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2011
  2. Tong-Count-Down

    Tong-Count-Down Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    573
    ค่าพลัง:
    +35
    สาระล้วนๆครับ กระทู้นี้ ติดตามเสมอครับ :cool:cool::cool:
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    มีท่านผู้รู้มาเล่าให้ฟังแบบนี้สุดยอดเลยค่ะ
    ได้ความรู้ดีนักแล
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    สาธุๆๆ กราบอนุโมทนาในความเมตตาของท่านปู่ค่ะ
     
  5. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    มาต่อกันอีก ว่าด้วยฤษีนะครับ โยคีหรือฤษีนั้นสมัยก่อนอันยาวนาน ได้มีการเเสวงหาวิที ทีจะดำรงชีวิตไว้ให้ยาวนาน เรียกว่าจะทำตนให้เป็นอำมตะไงครับ จึงได้คิดค้นวิชาศาสตร์อันนำมาสู่ความเป็นอมตะครับ มีสายการทำพลังจิตหรือการเข้าฌานการเล่นโทรจิต
    มีสายการเล่นด้วย เครื่องลางของขลัง อิทธิต่างๆๆ อีกสายก็ท่องมนต์เชิญอำนาจพลังแห่งจักวาล ขับไล่สิ่งชั่วร้ายหรือเรียกว่าโองการฤษีไงครับ อันนี้ปู่มีเยอะงะโองการเรียนมาจากครูผู้เป็นฤษีศิทษ์พี่ มีอีกสายเเห่งการเล่นยันต์ฤษีชั้นนี้มักจะได้ฌานเเล้วขีดๆๆขวยเป็นณรูปวงกลมสี่เหลียม เรขาคณิบ้างเป็นเเหล่งเรียกพลังจักวาลมาช่วยรักษาปกป้องกัน มีอีกสายเเห่งการเล่นว่านยาโยคีหรือฤษีชั้นสูงสำเร็จฌานมักจะค้นพบมวลสารรู้ละเอียดของของความหยาบในพืนนั้นๆๆได้อย่างอัศจรรย์ ว่านยานำมาบดแล้วกินอยู่ยงคงกะพันหรือยาอายุวัฒนะนั้นเองไงครับ อีกสายนั้นคือทีมาเหล็กไหล เล่นเเร่เเปรธาตุสำเร็จธาตุเพื่อให้เกิด ปรอท อายุวัฒนะด้วย ปกป้องกันตัว หรือถอดกายทิพย์เข้าไปในธาตุบริสุทธิ์ไงครับ ให้อยู่ได้นานเลยละ และวิชาหรือสายทั้งหมดนั้น โยคีหรือฤษีท่านทีได้ฌานสูงๆๆแล้วก็ค้นพบแบบใหม โดยการถอดกายทิพย์ของตนเอาสู่ธาตุกายสิทธิ เรียกว่าคิดค้นความเป็นอมตะเเล้วปล่อยส้งขารเก่าเน่าเปี่อยผุพังไป ยึดเอาธาตุขันธ์บริสุทธิ์เป็นทีสถิตเเล้วเทียวบำเพ็ญตลอดกาลอันยาวนานเลย จึงมาเป็นธาตุกายสิทธิไง เดียวปู่มาต่อให้อีกเรื่องลำดับชั้นธาตุกายสิทธิมีหลายเผ่าพันธ์ เเร่ต่างๆๆมีกี่ชนิดกันเอาเท่าทีเรียนทีทำทีหามาเเล้วกันนะมีเยอะหลายเผ่าพันธ์เหมือนกัน ตั้งเเต่ชั้นน้ำเอก จนถึงขี้เเร่เลยละ คดด้วย
     
  6. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ผมถามพี่ JOMKAMUNG เค้าดูเองแหละครับ 555+
    ดูพี่เค้าจะพอรู้อะไรๆๆๆ

    เรามันก็อยากรู้อะไรไปเรื่อย ก็รู้ๆไว้ว่ามันมีอยู่ด้วยนะแบบนี้
    เป็นความสุขส่วนตัว ทั้งนี้คนอื่นจะคิดอะไรยังไงก็ขอให้ใช้วิจารณญานเอานะครับ
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ท่านปู่พระอาจารย์เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ เรื่องการมีชีวิตอยู่ของฤาษี
    บางท่านมีชีวิตยืนยาวมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่มักไม่ให้ใครพบ มักอยู่ตามป่าลึก
    ท่านปู่...
    หลานเคยเห็นฤาษีนะคะ ผมท่านยาวเลยเท้าค่ะยาวมากๆ ต้องม้วนๆไว้ มีไม้เท้าด้วย
    เหมือนในนิทานพระอภัยมณี หลานได้แต่แอบมองท่านค่ะ
    (ท่านปู่...พูดถึงไม้เท้า ไม้เท้าที่ทำจากไม้ชนิดใดจึงจะดีที่สุด เพราะอะไรคะ)
     
  8. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    มันเเล้วแต่ท่านจะชอบนะ

    ไม้มีหลายแบบเเล้วแต่จริตท่านจะชอบไม่เหมือนกัน คนเเก่ก็ต้องมีไม้เท้าเพราะอะไรคงรู้นะ
     
  9. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    วันนี้ปู่ก็จะพูดบอกเหล้กไหลหรือธาตุกายสิทธิในตระกูลของท่าน เอาแบบพอเข้าใจง่ายก็เเล้วกันนะ ชนิดเเรกนะ เอ้อ ถ้าใครเคยอ่านในหนังสือก็จะเหมือนกันนั้นละ มีของท่านหนึ่งทีลงเรื่องเกียวกับธาตุได้ละเอียดมากก็คงเป็นอาจารย์ บูรพา ผดุงไทย หรือไงเนี้ย เห็นพระท่านเอาหนังสือมาตอนมารับธาตุกับปู่เเล้วท่านบอกให่ฟังนะ ใครอยากรู้ก็ไปหามาอ่านหรือชื้อมาอ่านกันนะ จะละเอียดเหมือนกันนะ แต่ปู่จะบอกพอเข้าใจแล้วกันนะบ้างอย่างมันบอกได้ยากเหมือนกันอธิบายมันเยอะมาก
    ธาตุกายสิทธิน้ำเเรกหรือน้ำเอกได้เเก่จำพวกปีกแมลงทับ หรือเหล็กไหลโกฏิปี
    นับว่าเป็นเหล้กไหลทีหาได้ยากมากทีสุด มีน้อยทีสุด มีอิทธิ์มากทีสุด เช่นกินดินปืน น้ำผึ้งวางให้เเปบเดียวหมดเลย ธาตุชนิดนี้มักหลบตัวอยู่ในหินทีแข็งเเกร่งมาก จะยืดออกมาแบบสายใยบัวลงมากินน้ำผึ้งและทำอันตรายแก่คนทีไปบังคับเอามาไว้เป็นของตน ยกเว้น ว่าเคยเป็นครูบาอาจารยืกันมา เคยเป็นฤษีกันมามีกรรมต่อเนื่องกันมาเขาจะมาให้โดยไม่ต้องขอ หรือขอได้เมือท่านให้ เเต่ทีครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่าให้ตัดใจเสียเพราะเป็นของคู่แผ่นดิน หรือคู่บารมีคนนั้นๆๆยากทีจะเอามาครองเป็นของตนเอง ทีอยู่ของท่านนั้น
    ในทีลึกลับหรือเเดนแห่งเมืองลับแลหรือถ้ำทีคนธรรมดาเข้าไปไม่ถึง เเละมักจะเจอในดินแดนศาสนาพุทธเท่านั้นหรือดินเเดนทีบำเพ็ญฌานสมาธิกัน อิทธิของท่านนั้น เหมือนมีอภินญา๕ และทรงสมาบัติ๘เลยละ มันเลยยากมากทีจะมีกันง่ายๆๆๆเลยทุกวันนี้เลยทำของปลอมมาหลอกกันเยอะ ทำให้ท่านเสียชื่อเสียงในด้านลบมากมาย ความศักดิ์สิทธิของท่านไม่ต้องพูดถึงเลย รักษายากมากทำผิดนิดเดียวท่านจะหายไปต่อหน้าต่อตาเลยละ กลับเข้าถ้ำไปเลย อย่าพวกทีเห็นเเก่เงินมีท่านไว้แล้วอยากขายกิเลสเพิ่มพลู ท่านจะหนีหาไปเลย แต่มักจะอยู่กับคนทีมีบุญจริงๆๆๆหรือมีกรรมทีร่วมกันมา เท่านั้น เอาเเค่นี้ละวิธีหาวิธีเอาไม่ต้องไปสนใจมัน ทำไปถ้ามีบุญจริงเดียวก้ได้มาเอง แบบปู่เนี้ยละ ขนาดปู่เองก็นำท่านใสในองค์พระหมดเลยให้รักษาพระพุทธศาสนาต่อไป เรียกว่ามีเเล้วไม่โลภมาก ยิ่งให้ยิ่งมา เหมือนพระสารีริกธาตุนั้นละ สวัสดี เดียวมีชนิดต่อไป
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ติดตามอ่านค่ะท่านปู่....
     
  11. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    อิอิ ตามที่พี่ติงๆว่าแหละครับ ฤาษี โยคี มียุคทุกสมัยแหละ บางองค์ อายุมากกว่าโลกก้อนนี้อีก
    แต่ท่านอยู่แค่จิตหรือ สถิตแร่บางพวกที่อยู่ได้นาน บางองก้ออยู่บนพรหมโลก
    เพราะท่านเหล่านั้นเป็นผู้สำเร็จฌาณ ระดับต่างๆเมื่อละจากร่างแล้วจิตจะไปพรหมชั้นต่างๆตามกำลังฌาณ ของตน
    ตั้งแต่ชั้นต้น คือ รูปพรหม 11 ชั้น ตั้งแต่ ปาริสัชชาพรหมขึ้นไป จนถึงชั้น 11 อสัญญสัตตาพรหม หรือ (พรหมลูกฟัก)
    ยกไว้ชั้น สุทธาวาสพรหม หกชั้นที่ฤาษีอยู่ไม่ได้ คือตั้งแต่ อวิหาสุทธาวาส , อตัปปาสุทธาวาส ,สุทัสสาสุทธาวาส, สุทัสสีสุทธาวาส ,อกนิฏฐาสุธาวาส หกชั้นนี้สำหรับ พรหมผู้ได้ อนาคามีแล้วเท่านั้น อ่อลืมไป ยังมี อรูปพรหมอีกสี่ชั้น ที่เหล่าฤาษีโยคี โยคาวจรเจ้าทั้งหลายกระทำจิตไปอยู่ได้ในชั้นนั้น
    พูดภาษาบ้านๆเข้าใจง่ายๆคือ ผู้ได้รูปฌาณสี่ และ อรูปสี่ หรือ สมาบัติแปด หรือ พระท่านเรียก จตุตฌาณ แล้ว
    ไปได้ทุกชั้นแต่จะจุติอยู่ชั้นสุงสุดหรือชั้นไดชั้นหนึ่งตามปราถนาคือ ตอนก่อนออกจากร่างท่านจะกระทำใจตามลำดับฌาณและลดกำลังฌาณลงมาระดับชั้นที่ ท่านต้องการอยู่ เพราะอายุไขยแต่ละชั้นจะต่างกันมาก ท่านผู้เลือกจุติได้ต้องฉลาดเลือกชั้นที่จะอยู่ ตามหน้าที่และวาระที่ต้องรับผิดชอบ
    โดยเฉพาะพรหมผู้เป็นพระโพธิสัตว์ ต้องรู้วาระว่าสมัยไดควรละจากพรหมลงมาจุติสร้างบารมีที่โลกมนุษย์ สมัยไดจะมีพระพุทธเจ้าท่านมาตรัสรู้
    กาลไดที่ไร้ศาสนาสัตว์โลกสิ้นศีลธรรม แต่จะมีกษัตย์ตราธิราชหรือ พระปัจเจกพุทธเจ้ามาตรัส หรือพระ มหาโพธิสัตว์ลงมาสร้างบารมี
    ต้องจุติลงมาช่วยเพื่อเร่งบารมีของตนตามกำลัง
    ยกไว้ สุธาวาสพรหมหกชั้น ต้องพระอานาคามีที่สำเร็จฌาณสี่เท่านั้น โสดา สักกะทาคาก้อไม่ได้เพราะกำลังจิตไม่ถึงต้อง
    ราคะขาดหรือ หมดราคะเป็นพระอนาคาแล้ว เหลือติดอยู่แค่ ใจตัวเองเท่านั้น คือยังติดในรูปฌานและอรูปฌาน
    หรือจิตยังวางตัวมันเองไม่ได้ หรือจะเว่าแบบลาวๆคือ " เอิ้น อะนาคามี ย้อนมันมีแนวคา มันเลยคาแนวมี คาใจเข้าของ เลยพ้นไปบ่อได้ "
    แต่ชั้นนี้จะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว เพราะฌาณท่านไม่มีวันเสื่อมแล้ว จะบำเพ็ญตนจนพ้นไปในที่สุด
    ซึ่งต่างกับ ฤาษีโยคี ถึงจะบำเพ็ญไปจนถึงที่สุด แต่นานๆไปก็เสื่อมได้ ถึงจะอายุยาวนานอย่าง อรูปพรหมชั้น เนวสัญญานาสัญญยตนะภูมิพรหม คือ 84000 มหากัปป์ก้อตามมันหมดกำลังฌาณมันก็เสื่อมลงมาเรื่อยๆจนที่สุด

    อธิบาย เรื่องอายุ 1 อสงไขยปี = เลข 1ตามด้วยเลข 0 อีก 140 ตัว
    และ หนึ่งรอบ อสงไขย เท่ากับ 1 อันตรกัปป์ ,และ 1 รอบอันตรกัปป์ = 1 มหากัปป์
    ( คืออายุ1รอบ 100 ปีลดลง 1 ปีๆ เรื่อยๆจนเหลือแค่ 10 ปี แล้วเพิ่มขึ้นอีกทีคือ 1รอบ ร้อยปี เพิ่มขึ้น1ปีๆเรื่อยๆจนถึง อสงไขยปีอีกรอบเรียก 1รอบอสงไขย )

    และเป็นปีทิพยืไม่ใช่ปี มนุษย์ เอาง่ายๆแค่ สวรรค์ ชั้นต่ำสุดคือ
    สวรรค์ชั้นแรก ชั้นจาตุมจาตุมหาราชิกา 1วัน1คืน หรือ 1 วันของสวรรค์ชั้นนี้ เท่ากับ ห้าสิบปี มนุษย์
    และสวรรค์ชชั้นนี้ อายุเขา 500 ปีทิพย์ หนึ่งวันเขาเท่าห้าสิบปีเรา ถ้า 356 วัน หรือหนึ่งปีเขาก้อคงต้องคูณเอาเองแล้วครับ
    ชั้นสองชั้นสามขึ้นไปยิ่ง เพิ่มขึ้นหนึ่งพันปีทิพย์ สองพันปีทิพย์ ตามลำดับ
    ยิ่งสวรรคืชั้นสุดท้ายชั้นที่หก ปรนิมมิตวสวัตตีสวรรค์ 1600 ปีมนุษย์ และอายุเขา สองหมื่นปีทิพย์
    ซึ่งก้อยังห่างกันมากหากเทียยบกับอายุพรหม แค่พรหมชั้นแรก พรหม ปริสัชชาพรหม อายุ 21 อันตรกัปป์ ชั้นสอง ปุโรหิตาพรหมมา ก็อายุ 32 อันตรกัปแล้วบุพกรรมคือสำเร็จ ปฐมฌาณชั้นต้น และ อย่างกลางตามลำดับ (ลายละเอียดปลีกย่อย ไปดูในพระไตรปิฏกละกัน) นอกเรื่องไปมากแล้ว
    เอาเรื่องฤาษีตามเดิม เรื่อง มุณี มหามุณี ฤาฤี มหาฤาษี ที่สุดของจุดมุ่งหมายอยู่ที่ได บางองค์อยู่ที่พรหมโลกหรือเข้าใจว่า คววามเป็นอมตะนิรันกาลในองค์ฌาณ
    ไม่ต้องทุกกับร่างกายสังขารเมื่อท่านละจากร่างหรือหมดอายุไขยท่านก้อไปพรหมตามกำลังฌาณของท่านนชั้นไหนตามที่บำเพ็ญมา
    รูปพรหม16 ชั้น ฤาษีหรือผู้บำเพ็ญฌาณไปได้สุงสุดเลยมหาพรหมไปอีกคืออยู่ใน ชั้นที่ 11 สุภกิณหาพรหมภูมิ(หรือ พรหมลูกฟัก)
    ชั้นที่ 11 อสัญญาถูมิพรหม เป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหททั้งหลาย ผู้ไม่มีสัญญา อายุ 500 มหากัปป์ บุพกรรมคือ ต้องสำเร็จ จตุตฌาณอย่างประณีต
    และเป็นผู้มีสัญญาวิราคะภาวนาเท่านั้น
    ส่วนชั้น12-16 เป็นที่อยู่ของ พรหมพระอนาคามีอริยะบุคคล คือหมดราคะและฌาณไม่มีวันเสื่อมแล้ว
    คือได้จตุตฌาณและเจริญวิปัสสนาจนสำเร็จจนสำเร็จอานาคาโดยมี
    12 อวิหา จะสำเร็จอานาคาโดยมีศรัทธาแก่กล้าอายุ 1000 มหากัปป์
    13 อตัปปา จะสำเร็จอานาคาโดยมี วิริยะแก่กล้า อายุ 2000 มหากัปป์
    14 สุทัสสา สำเร็จอานาคาโดยมีมีสติแก่กล้า อายุ 4000 มหากัปป์
    15 สุทัสสี สำเร็จอานาคาโดยมีมีสมาธิแก่กล้า อายุ 8000 มหากัปป์
    16 อกนิฏฐา จะ สำเร็จอานาคาโดยมีมีปัญญาแก่กล้า อายุ 1600 มหากัปป์ป

    ส่วน 16 ชั้นพรหมมของ ฤาษีจะะนับเอาอรูปพรหมเข้าไปอีกสี่ รวมเป็น 15 และสุททธาวาสอีกหนึ่ง เป็น16
    คือรู้ว่ามีชั้นนี้แต่ไม่สามารถเข้าถึงเพราะระดับจิตต่างกันมากเลยนับสุทธาวาสเป็น 1 ที่จริงมี 5 แต่เข้าไม่ถึง
    แต่ตามหลักของพุทธศาสนาแล้ว มี 20 ชั้นพรหม คือ รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรหม 4 ชั้น รวมเป็น 20
    ส่วนอรูปสี่ทางพุทธศาสนาไม่ยกย่องเพราะ อายุยาวนานเกินไป ไม่เห็นทุกข์เลยดับทุกข์ไม่ได้เสียเวลาเปล่า
    ส่วนฤาษีโยคีผู้ยิ่งในฌาณเมื่อสำเร็จรูปฌาณสี่แล้วเท่านั้นสามารถเพ่ง อรูปสี่ได้คือ
    1 ชั้น 17 อากาสานัญจายตนภูมิ เกิดจากญาณที่อาศัยอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมย์ อายุ สองหมื่นมหากัปป์
    บุพกรรม โยคีฤาษี ผู้สำเร็จจตุตฌาณแล้วและสำเร็จอากาสานัญจายตนฌาณ
    2 ชั้น 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ เพ่งวิญญาณ(การรับรู้)ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมย์ อายุสี่หมื่อนมหากัปป์
    บุพกรรม ได้สำเร็จอากาสานัญจายตนฌาณและได้วิญญาณัญจายตนฌานแล้ว
    3 ชั้น 19 อากิญจัญญายตนภูมิ เกิดจากญาณที่อาศัย นัถถิภาวนาบัญญัต อันไดอันนึงเป็นอารมย์ อายุ หกหมื่อมหากัปป์
    บุพกรรม ได้วิญญาณัญจายตนฌานและได้และได้อากิญจัญญายตนฌาณ
    4 ชั้น 20 เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
    เกิดจากญาณที่อาศัยความระเอียดประณีตอย่างยิ่ง มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ อายุ 84000 มหากัปป์
    บุพกรรม ได้อากิญจัญญายตนฌาณและสำเร็จเนวสัญญานาสัญญายตนแล้ว

    พระพุทธเจ้าผู้ปัญญาธิกะสร้างบารมีแค่ สี่ อสงไขย และกำไรแสนกัปป์
    วิริยะธิกะสร้างบารมีแค่สิบหกอสงไขย กำไรแสนกัปป์
    เทียบอายุพรหมบางชั้นแล้ว พระพุทธเจ้าเวียนมาตรัสรู้แล้วไม่รู้กี่ล้านพระองค์พระพรหมชั้นนั้นนยังไม่ ทันได้ครึ่งของเสี้ยวอายุเขาเลยๆประมาทไม่
    เชื่อศาสนาเพราะคิดว่าตนเป็นอมตะหรือฌาณไม่มีวันเสื่อมหรือเสื่อมก้อตั้งใหม่ได้เพราะของเคยได้ฝึกได้มาแล้วเพ่งใหม่ระลึกเอาใหม่ได้
    และสุขในองค์ฌาณมันเป็นสุขอันยิ่งยากจะละหรือถอนได้ง่ายๆ

    ที่สุดของฤาษีโยคีมีเท่านี้แล้วเวียนว่ายตายเกิดหรือจุติใหม่เหมือนเดิม เมื่อสิ้นอายุหรือฌาณเสื่อมลงจะกี่มหากัปป์ก็แล้วแต่สุดท้ายก้อต้องจุติใหม่
    ยกไว้มุณีหรือฤาษีผู้เป็นพระโพธิสัตว์หรือผู้ปราถนาอักครสาวกรู้ชัดในเหตุ ต้องเวียนว่านตายเกิดจุติแล้วตายอีกเกิดอีกตายอีกสุขทุกซ้ำๆซากๆ
    ตกนรกบ้างสวรรค์บ้าง พรหมโลกบ้างหมุนเวียนอยู่อย่างงั้นตามหน้าที่และบุพกรรมจนกว่าจะหมดหน้าที่ ตนเองคือได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์นึงข้างหน้าหรืออักครสาวกแล้วหมดหน้าที่ก็ นิพพานไปในที่สุด
    วกกลับมาเรื่องเหล็กหรือแร่ไหม่อีกรอบ เหล็กบางชนิด มีจิตสถิตคือ เหล่าผู้มีฌาณละร่างของตนก่อนหมดอายุไข
    จะอาศัยก้อนเหล็กหรือแร่ที่ทรงอานุภาพแทนร่างราย จนกว่าจะหมดอายุไขถึงจะไปจุติบนพรหม คือ
    ขออธิบายใหม่ก่อนนะครับ
    คำว่า ฤาษีโยคีนั้นไม่ได้หมายความว่า คนที่บวชบำเพ็ญพรต บำเพ็ญฌาณอย่างเดียวนะครับ รวมไปถึงเทวดา มาร คนธรร กุมพัน ยักษ์ นาค หรือ อศูร
    ที่อยู่ต่ำกว่าจาตุมลงมาด้วย เขาเหล่านั้นผู้มีความเพียรบำเพ็ญสู่คุณงานความดีก้อมีอยู่เรียกรวมกันหมด ส่วนอายุก็ต่างกันไปตามภูมิ ของแต่ละภพ
    มนุษย์ คนธรร นาค ยักษ์ ต่างๆ ถ้าทำบุญกุศล ตายจากภพเดิมก้อไปสู่สวรรค์ ถ้าบำเพ็ญฌาณ ก็ไปพรหม ถ้าทำชั่ว ก็ลงข้างล่าง แต่ถ้าตายหรือร่างถูกทำลายก่อนหมดอายุไข อันนี้ต้องอยู่ในทางสามแพร่ง คือระหว่างกลางสามภพ คือ ยมโลก โลกมนุษย์ และเทวโลก(ไม่ใช้ทางสามแยก อย่างหลายคนเข้าใจกัน )ไม่สามารถไปจุติ หรือเกิดใหม่ในที่ไดๆอย่างถูกต้องตามผลกรรมได้เนื่องจากยังไม่หมดอายุไข ต้องวนเวียน ผู้บาปน้อยก้อจับยัดนรกไม่ได้มีบุญก้อจุติสวรรยังไม่ได้ทรงฌาณได้ก้อยังจุติ ในพรหมไม่ได้ ถึงไปได้แต่ไม่ได้จุติอยู่ที่นั้น มีสภาวะจิตเสมือนพรหมหากทรงฌานได้เลยอาศัยแร่หรือธาตุบางอย่างอยู่ หรือเสพธาตุ พักในที่ไดธาตุที่สถิตจะมีอานุภาพ
    บางครั้งดินธรรมดาาเมื่อจิตผู้ทรงฌาณสถิตจะกลายเป็นธาตุบริสุทธิ์ด้วยอำนาจ ฌานของผู้สถิตเมื่อพาก้อนธาตุนั้นไปทุกที่ด้วยอำนาจฌาณเพราะสภาวะจิตพระพรหม ครอบไปไกลหลายแสนโกฏจักวาลที่ไหนเหมาะจะบำเพ็ญไม่มีดวงจิตอื่นก่อกวนหรือถูก กับจริตท่านก็ไปไม่ได้หมายถึงก้อนโลกหรือกลุ่มฝุ่นเล็กๆที่เราเรียกกันว่า
    แกแล็กซี่ทางช้างเผือกอันนี้เพราะจักภพอันนี้มีหลายๆจักวาล ในแต่ละจักวาลมีหลายแสนโกฏกาแล็กซี่ ที่ๆมีจิตสถิตไม่ได้มีแค่กาแล็กซี่หรือกลุ่มฝุ่นเล็กๆชื่อทางช้างเผือกที่ มนุษย์สมมุติชื่อให้มนุษย์โลกอื่นดวงจิตในดาวดวงที่อยู่ในจักวาลเดียวกัน อื่นก้อบำเพ็ญเหมือนกันไปมาหาสู่กันเพื่อศึกษาเรียนรู้ ธาตุที่ไปมาหลายๆที่หลายๆจักวาลผ่านร้อนและเย็นมามากเพราะเคลื่อนที่ด้วย อำนาจจิตภายในชั่วคราวย่อมกลายเป็นธาตุพิเศษ บางครั้งเข้าฌาณอยู่ในองค์ฌาณไม่ได้ออกมารับรู้ภายนนอกแต่ธาตุนั้นได้รับการ คุ้มมครองจากอำนาจฌาณและเคลื่อนไปในที่ต่างๆตามธรรมชาติหลายๆมาหกัปกว่าจะ ออกจากฌาณเมื่อออกออกจากฌาณมาแล้วดวงจิตย่อมรักษาก้อนธาตุเหมือนเรารักษา ร่างกายไว้ใช้งานจนกว่ามันจะหมดอายุการใช้งานคือเรารักษาร่างโดยการหาอาหาร ให้มันกิน แต่บางคนเป็นทาสมันแทนที่จะเลี้ยงไว้ใช้แต่เป็นขี้ข้าบำรุงบำเบอมันซะเกิน งามทั้งๆที่มันมีแต่จะเสื่อมไปตามธรรมชาติแก่ชราคร่ำคร่าไปตามหน้าที่ของมัน และสลายไปในที่สุดเช่นสมัยนี้ร่างคนก้อใช้งานได้อย่างมากก้อเกินร้อยไม่กี่ ปีก็หมดอายุการใช้งานแล้ว
    แต่เหล็กไหลหรือแร่พิเศษดวงจิตที่มีอายุยาวนานย่อมรักษาก้อนธาตุไว้ใช้งาน โดยการให้เสพธาตุอื่น เช่น แสงอาทิตย์ แสงจัททร์ น้ำค้าง น้ำผึ้ง และพลังงานอื่นๆที่มองไม่เห็น ตามประเภทของธาตุแต่ละอย่าง จนกว่าจะหมดอายุของเขาหรือได้เวลาจุติที่ภพอื่น ก้อนธาตุนั้นก้อกลายเป็นแร่ที่พิเศษหรือมีอย่างอื่นมาสถิตแทน

    แต่ส่วนมากธาตุหรือแร่พิเศษในโลกเรา จะเป็นที่เกิดเอง มาจากที่อื่น หรืออยู่มาก่อนแล้วตรงโลกนี้เกิดแล้วเกิดก้อนโลกนี้ขั้นจากกลุ่มฝุ่นอวกาศ ผ่านความชื้นความร้อนรวมตัวเป็นก้อนเกิดแรงดึงดูดเศษอุกกาบาตเศษอวกาศมารวม เป็นดาวฤกษ์ ไฟดับไปกลายเป็นดาวเคราะห์ เกิดออกซิดายระหว่างธาตุจนเปลี่ยนแปลงสภาวะสามารถมีสัตว์สี่ขันธ์เกิดขึ้น สถิตได้ เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ( ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งอสงไขยกัปป์ในการเกิดก้อนโลก )จนมีน้ำและอากาศ ทำให้สัตว์ ห้าขันเกิดได้พัฒนามาเรื่อยๆ เรียกเป็นยุคสูญกัปป์ หรือกัปที่ไม่มีศาสนา จนกว่าสัตว์โลกนั้นมันพัฒนาจนมีความฉลาดพอจะเรียนรู้ พวกถูมิชั้นสุงถึงลงมาจุติสัตว์ที่ฉลาดวิวัฒนาการเร็วทุกยุคทุกสมัยจะเรียก ชื่อว่ามนุษย์
    และวิวัฒนาการมาเรื่อยจนเป็นยุคไม่มีศาสนา แต่เหล่าพรหมหรือดวงจิตที่มีอายุยืนยาวยังมีอยูธาตุที่จิตสถิตยังอยู่ในก้อน โลกที่รวมตัวกันขึ้นจนเป็นโลก
    เมื่อออกจากณาณแล้วจะแทรกออกมาอยู่ในที่ๆเหมาะสมหรือไปอยู่ที่อื่นภพอื่นหากไม่ชอบบรรยากาศดาวเกิดใหม่ดวงนั้น
    ตามตำรากล่าวว่า ก้อนโลกก้อนได มีพระพุทธเจ้าเกิดถึงห้าพระองค์ หรือเรียกว่า ภัทรกัปป์ เป็นโลกที่ศิวิไลย์สุดๆ คือมีพระพุทธเจ้าถึงห้าพระองค์ ซึ่ง บางกัปป์ มีแค่ สี่ สอง หรือ หนึ่งองค์ ก้อนโลกบางก้อนไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดเลย คือศูนกัปป์ คือเกิดเปล่า มีสัตว์โลกเกิดแต่ไม่มีศาสนา คือไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ อาจมี พระปัจเจก
    หรือกษัตย์ตราธิราช คือมีผู้เรืองอำนาจ และมีฤาษี และผู้บำเพ็ญเพียร
    วัฒจักโลกมันเกิดๆดับๆอยู่อย่างงี้ใครอย่างอยู่นานๆสร้างเหตุที่ให้อยู่ยาว นานได้ หากใครขี้เกียจอยู่นานหาทางหลุดทางพ้นเอา ท่านว่า ...

    ฤาษีหรือผู้บำเพ็ญมีมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งสมัยสูญกัปป์ หรือสมัยมีพระพุทธเจ้า หากบารมีเต็มที่แล้วก็จะได้พบพระพุทธเจ้าหรือพระสาวก
    และหลุดพ้นไปในที่สุด หากสร้างอยู่ก้อจะบำเพ็ญเรื่อยไป อายุไขตามภพภูมิของตน ถ้าเป้นคนก้อตามอายุคนสมัยนั้น ถ้าเป็นภูมิอื่นก้อตามอายุภพภูมินั้นๆ

    ถือซะว่าเป็นนิทานนะครับ .....แซวๆๆๆๆๆ


    ลืมไปเลย เข้ามาตั้งใจจะตอบเรื่องไม่เท้าครับคุณครู ฝอยซะยาว

    ไม่เท้าที่ดีคือ ชนิดที่ถูกใจ ใช้ได้สะดวกสุด คือ พอดีกับใจเลย ไม่สั้นไม่ยาว เห้นแล้วชอบ รู้สึกพอดี
    ส่วนไม้ เป็นไม้ที่ได้มาอย่างถูกต้องและคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้

    อย่างท่านว่าแหละครับ ของดี หาไม่ค่อยได้ง่ายๆหรอก
    ไม่เท้าก็เหมือนกัน อยู่ที่คนจะใช้
    ถ้าเป็นครูยา ไม้นั้นต้องพิเศษทางด้านรักษาหรือช่่วยเหลือผู้คนและสัตว์อื่น ของประดับหรือเหล็กประกบต้องหุงขึ้นสำหรับดับพิษไฟ พิษไข้ และกันได้สารพัด สลายพิษได้หลายประเภท เวลาเอาเหล็กสำเร็จหัวไม้เท้าจุ่มลงน้ำที่ได้ ต้องเป็นประโยชน์หลายทาง


    หากเป็นครูเวทย์ ไม้ที่ทำต้องเป็นไม้อาถรรธ์ ที่มาต้องดีมีฤทธิ์ในตััว
    ส่วนมากจะเป็นต้นไม่ที่ ท่าน เวทสุวรรณ และ ท่าน วิรุณหก อนุญาตุแล้วตามตำรา
    คือเหล่ายักา์ และ กุมพันธ์ บริวารท่านสองใน สี่มหาราชแห่งจาตุม ยำเกรงหรือเป็นของต้องห้ามสำหรับเขา
    เมื่อได้มาเรียกว่าไม้ดี ( แต่วัตถุหรือสิ่งที่ สี่มหาราชแห่งจาตุมอนุญาติตรงกันนั้นไม่่เคยได้ยิน อาจจะมีแต่ไม่เคยเห้นในตำราหรือคำสอนของท่านไดมาก่อน นอกจากผลบุญและคุณความดีี อิอิ )
    คือแต่ละองค์้ อนุญาติไว้ต่างกัน มีแต่เหล็กบางอย่างที่ท่าน เวสสุวรรณและท่าน วิรุนหก อนุญาติตรงกัน
    หากจะเอาสี่อย่างมาประกบกันคงยาก เพราะธาตุมันตรงข้ามกัน
    ถ้าใครสำเร็จได้หรือทำได้คงดีพิลึก คงสั่งการ หรือขอความช่วยเหลือจาก บริวารท่านทั้งสี่ได้สบายแหละ

    (ตามประวัติมีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ อฐิานประสานบาต ที่ท่านทั้งสี่ ถวายให้เป็นองค์ละไบ อันเดียวกันได้)
    ถึงเป็นบาตทองเหมือนกันแต่ท่านทั้งสี่อธิฐานขึ้นจากธาตุที่ต่างกัน


    อันเรื่องไม้เท้านี้คิดเอาเองครับไม่เกี่ยวข้องหรืออ้างอิงสิ่งอื่น นาๆจิตตัง เนาะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ตุลาคม 2011
  12. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    ดีครับดีๆๆๆๆ แบ่งปั้นกัน แต่ถ้าฤษีบางท่านฉลาดท่านก็จะไม่ไปชั้นพรหมเลยละ ถามว่าทำไม
    เพราะการไปชั้นพรหมโลกเเล้วมันนานมาก กว่าจะได้ลงมา เกิดหรือเข้านิพานกัน บางท่านไม่ไปเลยด้วยซ้ำอยู่รอพระพุทเจ้าจุติเลยก็มี ถ้าเข้าชั้นพรหมเเล้วอดละ กว่าจะได้ลงมาเเล้วมาบวชหรือฟังธรรมเพือเข้านิพพาน นานเสียจน กัปไม่รู้อีกกี่กัปกัน พระพุทเจ้าจุติเเล้วจุติอีกไปเป็นสิบๆๆพระองค์เเล้ว บางท่านก็ยังไม่ได้ลงมาด้วยซ้ำนั้นละ ดีไมละ พระพุทธเจ้าท่านยังว่าเลยต่อให้ไปพรหมเเล้วก็ยังต้องลงมาเกิดอยู่ดี แต่นานหน่อยเเค่นั้นละ ไม่หน่อยดิ นานยาวนานลืมไปเลยว่ามีท่านอยู่เชียวละ เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ท่านจึงถอดดวงจิตของท่านเข้าไปอยู่ในธาตุกายสิทธิไงละ ดังนั้นธาตุกายสิทธิชั้นสูงๆๆจึงมีเเต่จำพวกพรหมผู้ทรงฌานระดับเเจ่มขึ้นไป๑ถึง๙นั้นละ เเต่คนทีจะได้ท่านมารักตัว เรียกมีบุญยาทิการร่วมกรรมมีบุพกรรมทำกันมาเเต่เก่าก่อนเก่าแก่ จนนานเเสนนาน ท่านจะรอจนกว่ายุคทีมีพระพุทธเจ้าจุติเเล้ว ถ้าเป็นนยุคพระศรีอริยะเมตไตร เหล็กไหลไม่ต้องหาออกมาหาเองเลย รอท่านเลยพุดขึ้นมาเลย อย่าไปพูดถึงกัปนั้นเอากัปนี้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2011
  13. kungzaza88

    kungzaza88 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +536
    ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบคุณค่ะน้องJOMKAMUNG พี่ติงเลยได้ความรู้เพียบ ^^
    ที่ถามก็อยากทราบว่า ไม้ขนุน กับไม้พยุง อันไหนดีกว่ากัน
    เพราะพี่จะซื้อถวายพระค่ะ
    หรือจะเป็นแบบยืดหดได้...


    ท่านปู่...
    พระอาจารย์ของหลาน ท่านเคยเล่าว่า ท่านได้ไปโปรดลูกศิษย์คนหนึ่ง ในวาระสุดท้ายของชีวิต
    แต่เป็นที่น่าเสียดาย
    เมื่อดับขันธ์แล้ว ศิษย์ท่านนั้นไปอยู่ชั้นพรหม
    ท่านบอกว่าเสียดาย เพราะชั้นพรหมนั้นมีอายุนานมาก
    แล้วคำพูดของพระอาจารย์ กับท่านปู่เหมือนกันเลยค่ะ

    (เพราะการไปชั้นพรหมโลกเเล้วมันนานมาก กว่าจะได้ลงมา เกิดหรือเข้านิพพานกัน บางท่านไม่ไปเลยด้วยซ้ำอยู่รอพระพุทธเจ้าจุติเลยก็มี ถ้าเข้าชั้นพรหมเเล้วอดละ กว่าจะได้ลงมาเเล้วมาบวชหรือฟังธรรมเพื่อเข้านิพพาน นานเสียจน กัปไม่รู้อีกกี่กัปกัน พระพุทเจ้าจุติเเล้วจุติอีกไปเป็นสิบๆๆพระองค์เเล้ว บางท่านก็ยังไม่ได้ลงมาด้วยซ้ำนั้นละ ดีไหมล่ะ พระพุทธเจ้าท่านยังว่าเลยต่อให้ไปพรหมเเล้วก็ยังต้องลงมาเกิดอยู่ดี แต่นานหน่อยเเค่นั้นละ ไม่หน่อยดิ นานยาวนานลืมไปเลยว่ามีท่านอยู่เชียวละ เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)


     
  15. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    กราบเรียนคุณปู่ครับ


    กราบเรียนคุณปู่ครับ
    พอดีดูๆแล้วผมพออ่านตำราเล่มนี้ได้ครับและสนใจจะศึกษาครับ
    ไม่ทราบว่าท่านปู่จะให้หลานๆถ่ายภาพแล้วส่งเมลล์ได้ไหมครับ
    หรือถ้าไม่สะดวกหรือมีข้อห้ามตามเจ้าของเก่าท่านตั้งไว้ ก้อแล้วไปครับ หากไม่เป็นการรบกวนเกินงาม ก้ออยากได้มาศึกษาบ้างครับ
    เพราะตำรับตำราเก่าๆหาดูยากและไม่ค่อยมีผู้สนใจ
    ส่วนที่ผมมีเป็นอักกขระธรรมลาวน้อยโบราน ซึ่งผมอ่านและแปลไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาแกะอักษรนานครับ
    แต่ตัวขอมพอไปได้ครับ

    อย่างที่คุณปู่ถ่ายภาพมาภาพแรกเท่าที่อ่านดูตามนี้ครับ
    อย่างบันทัดแรก
    นะมุนิทะสะยา นะพุทโธ ปัพชาโต นะโมพุทธายะ พระคาถาปราบผีเมื่อเล่น
    บันทัดสอง
    มะอักขะราสิรังพุทธา วิชายะเต ลงศรีษะ ; ระอัตตังพุทธา วิชายะเต ลงอัง ; บาทะพุทธาวิชายะ
    เต ลงบาท * ปะถะมัง อามันตานัง จะตุโกญา มหายันตัง ชักเส้นนอก ; ปะถะมัง อามะนานัง
    พรหมภะคะมะเหสิรัง กระหมวดยันต์; ยันตังสันตัง อุปัฬ ฒ อัมชิยันตังวิกรึงคะเร ชักกะดูกยันและยัน
    กลมยันรีได้เหมือนกัน *ยันตังสันตังอักขะรันวะยันตังวิกรึงคะเร ลงอักษร ;ยันตังสันตัง เลกขะยันตังวิกรึงคะ
    เร ลงเลข * ยันตังสันตังปะทังวิกรึงคะเร ชักยันกรึงยัน กรึงสมุด กรึงคาถา;

    รายมือปู่อ่านง่ายดีครับ ชัดเจนไม่เล่นหาง
    ไม่เหมือนบางท่านจารใบลานแล้วชอบเขียนตัวอักขระเล่นหาง คือเขียนเล่นหางตวัดไปมา ดูสวยดีแต่อ่านยากกว่าครับ
     
  16. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    ได้ส่งซองแนบเงินมาด้วยจะถ่ายให้หมดเลย

    วันนี้พึ่งถ่ายไปให้พระะคุณเจ้าท่านไป๒๓๔แผ่นนะถ่ายจากตำราข่อยเลยปู่ได้มาจากหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ตราดครับ เเละอีกหลายทีแบบทีก้ในถ้ำครูบาอาจารที่ตายไปเเล้วเอามาวางไว้ให้ปู่เลยเก็บรักษาไว้ของโบราณ แต่ไม่เคยอ่านดูมากสักเท่าไร จะเอาจัดไปครับ ส่งมาเลยจะถ่ายเอกสารให้ไปนั่งอ่านที บ้านเลย มีโองกานฤษีถอนของด้วยเยอะมาก ฤษีท่านพี่ให้ไว้ปู่ไม่เอาเลยเก็บไว้เฉยๆๆจะถ่ายไปให้ด้วยรับลองชอบเเน่ๆๆๆๆๆๆๆ ปู่ไม่ชอบเรียนศึกษากะมันเท่าไร ส่วนมากจะหายาจากตำราสมุดข่อยสะมากกว่ามีเป็นกระสอบเลย เอาเขาพิธิทะพันก็เยอะเเล้ว
     
  17. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    ปู่มาสายปฏิบัติสมาธิ วิปัสนาญานเเล้วด้วย ยิ่งไปกันใหญ่เลย ทีเก็บไว้ก็เเค่รักษาไว้ให้เป็นของโบราณเท่านั้น ใครขอก็จะถ่ายเอกสารไปให้ครับ ส่วนต้นฉบับพระหลานท่านขอหมดเเล้ว เเต่ขอถ่ายเอกสารได้ครับ ถ้าชอบศึกษาเรียนรู้ก็มาเอาไปได้โลด
     
  18. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    มนต์ถอนของคุณไสย
    ให้ไว้ไว้เป็นทานเเต่จิตต้องสูงมากในการทำ เสกน้ำมนต์กินเองก็ได้
    พุทธังถอดถอน ธัมมังถอดถอน สังฆังถอดถอน ถอนด้วยนะโมพุทธายะ นะสะมุหะเนยยะ นะสะมุหะเนยยัง นะสะมุหะคะโต เอวังเอหิ นะเคลื่อน โมถอน โมอ่อน พุทถอย ธาอ่อน พุทเลื่อย ธาเคลื่อน ยะเลือยเคลื่อนหลุดลุ้ย เคลื่อนด้วยนะโมพุทธายะยะธาพุทโมนะ
    ตะมะถังปะกาโสนโตสัตถาหาอะ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    เรียนท่านปู่ หลานอยากจะขอตำรานี้มาศึกษาด้วยค่ะ
    หลานชอบอะไรที่เป็นของเก่าของโบราณ เพราะเห็นในคุณค่า
    จะได้นำไปถวายไว้ในห้องสมุดวัดด้วยค่ะ
    เป็นการอนุรักษ์ความรู้อันทรงคุณค่าและหาได้ยากไว้ค่ะท่านปู่
    หากไม่รบกวนท่านปู่มากเกินไป หลานจะส่งซองและปัจจัยไปให้ท่านปู่นะคะ
     
  20. ครึ่งชีวิต

    ครึ่งชีวิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,178
    ค่าพลัง:
    +15,103
    กราบเรียนปู่ครับ ผมมีความสนใจในตำราของปู่เพื่อนำมาศึกษาเมื่อมีความจำเป็นจะได้นำมาสงเคระห์คนที่เดือดร้อน ถ้าปู่อนุญาติผมจะส่งซองและปัจจัยไปให้ครับ ถ้าต้องคายครูรบกวนปู่บอกวิธีมาด้วยครับ รายละเอียดผม pm ไปให้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...