ใช่การถอดจิต และการแฝงจิตอยู่กับคนอื่นมั้ยคะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Molzy, 9 พฤศจิกายน 2020.

  1. Molzy

    Molzy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    คือเรื่องมีอยู่ว่า(ยาวหน่อยนะคะเพราะเรื่องมันกินเวลาต่อเนื่องมาเป็นปีแต่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้) เหตุการณ์มันมีประมาณ 3 เรื่องที่ต่อเนื่องกันค่ะ
    1. คือมลทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จนมีวันนึงประสบปัญหาเกิดขึ้น จากการไม่เข้าใจกันในระหว่างเพื่อนร่วมงาน เคลียดบ้าง อยู่ๆก็ร้องไห้ในเวลาทำงานโดยจิตเราฟุ้งซ่านบ้างรู้สึกว่าเพื่อนในห้องแปลกไปจากเดิม ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โดยรับรู้และสัมผัสได้จากความรู้สึกส่วนตัวของตัวเอง แต่ไม่ใช่ในทิศทางที่เลวร้ายนะคะ (ออกจะห่วงใยเรามากเกินไป จนเรารู้สึกเหมือนเพื่อนคอยจับจ้องเรา คอยสอดส่องห่วงใยเราอ่ะค่ะ เหมือกลังเราจะทำร้ายตัวเองอะไรแบบนั้นอ่ะคะ) จนคล้ายจะมีภาวะเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก้อมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเราหลายๆเหตุการณ์ จนเรารู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่เจอจึงพูดออกไปกับเพื่อนๆ “ต่อให้เอานักจิตวิทยามาประเมินเรายังบอกได้เลยว่าเราไม่ได้เป็นไร” จากนั้นเราก็มีสติเลยค่ะ คิดย้อนถึงเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่าใช่อย่างที่คิดหรือป่าว (ซึ่งส่วนใหญ่คือได้ยินเพื่อนในห้องอ่านข้อความทางไลน์ซึ่งเป็นเรื่องของเรา) เช่น เรื่องที่เราระบายปรับทุกข์กับแฟนเกี่ยวกับปัญหาที่ทำงานทางไลน์ หรือคุยโทรศัพท์กับแฟนในรถ,
    เรื่องที่เราคุยกับน้อง 2 คนในรถตอนวันหยุด , หรือแม้กระทั่งบรรยายบักษระพฤติกรรมการนอนของเรา เป็นต้น มลเลยคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาและไม่น่าจะเป็นแค่เรื่องที่เกิดภายในที่ทำงานอย่างเดียวแล้ว เพราะน่าจะเป็นการถูกแฮ็กไลน์และถูกดักฟังทางโทรศัพท์รวมถึงถูกจ้องมองผ่านทางกระแสไฟฟ้า (ซึ่งท่ามานั่งวิเคราะห์แล้วคนธรรมดาไม่น่าจะทำได้ขนาดนี้ต้องเป็นพวกตำรวจแล้วล่ะถึงมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทำได้ขนาดนี้) เลยคิดว่าที่บริษัทเชิญจิตแพทย์ของทางตำรวจมาวิเคราะห์และประเมินสภาพจิตใจเราค่ะ จึงได้มีการเริ่มเปิดใจและเริ่มพูดกับจิตแพทย์ผ่านจอคอมบ้าง เครื่องปั่นเงินบ้าง
    จนมีเหตุการ์หนึ่งดันรุ้สึกได้ยินเสียงในหัวเหมือนว่าหมอจิตแพทย์คุยโต้ตอบกับเราเลย เพราะได้ยินเสียงหมอตอนเราแต่งตัวก่อนไปทำงาน แล้วก้อได้ยินเสียงเขาพุดถึงวิจารณ์เรื่องสิวเราตอนเราทำงานอยู่ เลยได้คุยโต้ตอบกันบ้าง (ซึ่งในที่นี้เข้าใจและคิดว่าเป็นหมอแอร์ หมอจิตแพทย์ของสำนักงานตำรวจค่ะ) และก้อได้ยินเสียงในหัวเป็นเสียงของประธานบริษัทพูดถึงเราเกี่ยวกับเรื่องที่เรารู้แค่ 2 คนกับน้อง ประมานนั้นค่ะ (มีหลายเหตุการณ์เลย) ซึ่งพอเบ็จเสร็จได้ยินหมอสรุปให้ประธานฟังว่าเรามีเซ้นต์รับรุ้ความรุ้สึก ซึ่งเปิดขึ้นเองแล้วเดี๋ยวมันก็ปิดเองประมานนั้น แล้วก็จบ (หมอกลับกรุงเทพไปค่ะ)
    2.เป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากเรื่องแรก
    พอหมอกลับไป เรายังคงได้ยินเสียงแว่วในหัวบ้าง และจับสังเกตได้จากไลน์กลุ่มเฉพาะ เหมือนหมอคุยว่ามีลูกน้องหรือลูกศิษย์ที่เป็นคนจังหวัดเดียวกับเรา เลยเปิดข้อมูลให้คนๆนั้นดู (เปิดเฟสบุก) ก่อนที่เซ้นเราจะปิดไป
    แล้วก็จุดใต้ต่อค่ะ เราดันเป็นเพื่อนกับคนนั้น เขาเลยให้เราทายว่าเพื่อนคนนนั้นไปใคร พอเราทายถูก เราได้ยินเสียงเพื่อนผู้ชายคนนั้นในหัวค่ะ ว่า “ยินดีด้วยคุณได้ไปต่อ” แล้วเรื่องราวที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นหลังจากนี้ค่ะ
    (จากความรู้สึกเรา ได้ยินเสียงในหัว แรกๆ เสียงในหัวมีการถกเถียงกันว่าต้องฝึก กับไม่ต้องฝึก) มันเหมือนมีกลุ่มคน กลุ่มนึงใช้จิตแฝงอยู่กับจิตเพื่อนๆ ที่ทำงานเรา บวกกับการที่ได้ยินเสียงพวกเขาในหัวบ้าง (เพราะว่าคำพูดเราในใจในจิต ดันตรงกับคำพูดของเพื่อนๆในห้องเลยคิดว่าเพื่อนๆโดนจิตแฝง) พวกเขาคอยมาฝึกมาสอนให้เราพูดโต้ตอบกับเสียงในหัว ผ่านเสียงในใจโดยไม่ต้องพูดออกมาข้างนอกให้คนทั่วไปคิดว่าเราบ้า และมาคอยวิเคราะห์และประเมินความคิดเรา ซึ่งเรามีแนวคิดไปทางจิตวิทยาอยู่แล้ว เลยหลงเข้าใจว่าเป็นการทดสอบและประเมินเพื่อคัดเลือกเข้าทำงานราชการหน่วยพิเศษ ซึ่งต้องใช้เซ้นและจิตพิเศษในการทำงาน เลยมาสอนให้เราฝึกจิต และถอดจิตได้ (ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกถึงจิตเราที่อยู่นอกตัวค่ะ เช่น เราฟังเพลงอยู่ เขาให้เราเต้นไปตามจังหวะเพลง แต่ให้ใช้จิตเราเต้นนะ เราก้อรู้สึกคล้ายแบบนั้นจริง หรือมีบางเรื่องบางเหตุการณ์ ทำให้เราคิดและรู้สึกว่าพวกเขาเห็นจิตเราเป็นลักษณะเห็นตับ ไต ไส้พุง ประมานนั้นอ่ะ หรือเรานึกคิดภาพพวกเขาเป็นการดูเราผ่านห้องโสตหรือห้องประชุมค่ะ)
    จนมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเรา (ซึ่งมลจำได้ไม่ครบ จำได้เป็นช้อตๆตอนๆ) จำได้ว่าเราสนุกและเพลินไปกับการฝึกของเขายันเช้า แล้วเสียงพี่ๆในหัวก็พูดทำให้เราคิดว่าเราเป็นพระนิพพานที่มาจุดติหรือป่าว จนทำให้เราตื่นตระหนกตกใจ กลัว จิตตะเหลิด จนหมอแอร์ในจิตใาคุยถามว่ารุ้สึกยังงัย กลัวอะรัย เราก้อบอกไปว่าเรากลัวนอนแล้วไม่ตื่น (เพราะหลับแล้วนิพพานไปเลย ซึ่งเรายังไม่พร้อมและไม่อยากตาย) แล้วจำได้ว่าเราตื่นตะหนกเรียกคนที่บ้านว่าจะไปหาหมอ เพราะรุ้สึกอึดอัดหายใจติดขัด (บอกผ่านจิตให้คนในจิตมาช่วยเรา มาหาเราที่บ้าน) ตัวเราหลุดคิดประมานเหมือนโลกในจิตเราจะสลายหายค่อยๆหายไปทีละส่วน คนในจิตเริ่มจำไม่ได้ เราเลยช่วยภายนอกกายโดยอ่านบทสวดมนต์ ขยับร่างกายเหมือนทำท่าขับรถ คอยบอกคนในจิตว่าเราเห็นอะไรบ้าง เพื่อนำพาคนในจิตมาหาเราที่บ้านจริงๆ แล้วอีกหลายๆอย่าง จนเราหลับไป พอตื่นก็ได้ยินเสียงในหัวบอกว่าลงมาได้แล้ว ฝึกเสร็จแล้ว (ซึ่งเราเข้าใจว่าเข้าจะมารับเราไปฝึกอย่างเต็มรูปแบบ) แต่ปรากฎว่าไม่มีค่ะ และในความเป็นจริงคือ พ่อแม่เราพาเราไปพบจิตแพทย์ค่ะ.(ซึ่งแพทย์ก็วินิฉัยตามอาการทั่วไปและบอกว่าเราเป็นอาการทางเคมีในสมองทำงานผิกปกติ) แต่ตัวเรารุ้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นซึ่งอธิบายทางวืทยาศาสตร์ไม่ได้ เพราะมันมีเหตุการ์หลายเหตุการณ์ ที่เราไม่สารมารถเอามาหักล้างได้เลยว่ามันเป็นเพียงแค่จิตเราเองที่คิดปรุงแต่งเรื่องราวทั้งหมดเอง
    3.เหตุการณ์เหล่านี้ก้อหายจากเราไปพักนึงค่ะ ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะว่าเราได้รับการทานยาจากจิตแพทย์ แต่เรายังคงคิดย้อนดูภาพในอดีตของเราเสมอว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับเราเป็นแบบนั้นได้ยังงัย แล้วเสียงในหัวก็กลับมาค่ะ มาในขณะที่เราทานยาค่ะ เราเลยลองหยุดยา และเรื่องราวก็เกิดขึ้นคล้ายๆ เดิม (คล้ายกับเหตุการณ์ที่2 ค่ะ) เพียงแต่ครั้งนี้เพิ่มเติมคือพวกเขามาในความฝันค่ะ และก็มีได้ยินเสียงในตอนกลางวันบ้างเป็นบางที ซึ่งเราไม่คิดแล้วว่าเขามาฝึกเพื่อรับเราเข้าทำงานราชการ แต่ไม่รุ้ที่มาที่ไปของพวกเขาว่ามาฝึกทำไม เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงเขาไม่บอกอะไรเราเลย หมอแอร์ก้อปฏิเสธ ส่วนเพื่อนคนนั้นก็บล็อกเราทุกทางเลยไม่ว่าจะเป็นเฟส โทร ไลน์ เราเลยลองพิสูจน์อีกครั้งนึง โดยบอกว่าเราจะไปหาหมอจิตแพทย์นะ เพราะมันน่าจะเป็นอาการหูแว่ว (มั้ง 555) แต่ที่น่าแปลกคือ พอเราหาหมอปุ๊ป ยังไม่ทันจะทานยาเลยค่ะ เสียงเหล่านั้นหายไปเลย แต่เรายังคงฝันอยู่นะ

    จากเรื่องทั้งหมดที่เล่าไป เราเลยอยากรุ้ว่ามันพอจะเป็นเรื่องของการถอดจิตมั้ย แล้วใช่มั้ยที่จิตเราจะแฝงควบคุมคนอื่นได้
     
  2. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +163
    ตอนนี้มีชนบางกลุ่ม ที่ใช้ความสามารถดังกล่าวไปใช้ในทางที่มิจฉาทิกฐิ ลองค้นๆดูในกลุ่ม
    STOP MIND CONTROL VICTIMS IN THAILAND ใน Facebook ดูครับ
    กำลังเป็นปัญหาอยู่ในสังคม ผมเองก็ได้เข้าไปในกลุ่ม เพื่อไปให้คำแนะนำช่วยหาทางออกได้ ก็ดันปฏิเสธและไม่เชื่อกลับมา (เค้าหาว่าที่ผมบอกอธิบาย มันเป็นไสยศาสตร์ และเค้าไม่เชื่ออย่างแรง) คงเป็นกรรมของพวกเค้ากระมัง -_-"


    # รูปแบบสังคมที่ต่างกัน พวกหนึ่งใช้ธรรมชาติ (ดูในกระทู้เก่าๆของผมได้ครับ)
    https://palungjit.org/threads/อธิบายการเกิด-โทรจิต.737159/
    ซึ่งรูปแบบธรรมชาติดังกล่าว มีติดตัวอยู่แล้วทุกคน เพียงแต่ไม่มีใครเป็นมาแต่เกิด ต้องรับการฝึกการอบรม จากกระทู้ "เพราะตอนนี้ข้าพเจ้ากับคนรัก " โดยปกติ คนที่จะลิ้งค์ถึงได้ ก็ขึ้นกับความสัมพัธ์นี่แหละ โดยเฉพาะความผูกพันธ์มากๆ ที่เค้ามักกล่าวว่า "แค่มองตา ก็รู้ใจ"
    ขณะที่ในทางกลับกัน ผู้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ซึ่งไม่ฝักใฝ่เรื่องดังกล่าว ยากบ้าง ไม่เชื่อบ้าง ไม่ให้ความสนใจ,ใส่ใจบ้าง ก็มักจะหันไปในทาง "เทคโนโลยี" ครานี้มันเกิดปัญหากันขึ้นมา เพราะถ้าวิธีทางธรรมชาตินั้น จิตใจและสมาธิจะต้องอยู่ในเกณฑ์ แต่ เทคโนโลยี เพียงขอแค่มีเครื่องมืออุปกรณ์ ก็สามารถทำได้แล้ว และปัญหาที่เกิด นั่นก็เพราะ กลุ่ม เทคโนโลยี ขาดคุณธรรม เอาไปใช้ในการเบียดเบียนผู้อื่น แต่ถึงกระนั้นก็คงจะยากหน่อย หากนำไปใช้กับผู้ที่ฝึกวิธีทางธรรมชาติ เพราะเพียงแค่ตั้งสมาธิ ก็สามารถปรับเปลี่ยนคลื่นแทรกได้แล้ว และผู้ที่ฝึกจนคุ้นชิน สามารถตอบโต้เชิงโจมตีผู้ก่อเหตุ(ที่จิตใจชั่วร้าย) กลับคืนได้อย่างง่ายดาย


    "หิริ โอตัปปะ" เป็นสิ่งสำคัญ

    "กฏสรรพสิ่ง"

    "ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ หนึ่งเดียวกัน"


    ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
    https://pantip.com/topic/39612065 "เรากำลังอยู่ในวงล้อมของ "นรก" ตลอดเวลา"
    https://pantip.com/topic/39920300 the Death / Afterlife "ตายแล้วไปไหน"
    https://pantip.com/topic/40002400 Verse / Multiverse "ความเป็นไป ของ อนันตภพ"
    https://pantip.com/topic/40109204 นิพพาน / อาบาดัน "เส้นทางสู่ความเป็นอมตะ"

    {สรุปจาก "ปัจจัตตัง" ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ได้พยายามเรียบเรียงให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว}
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2020
  3. naiman3000

    naiman3000 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +106
    ในความเป็นจริง คือเป็นสารเคมีในสมองทำงานผิดปรกติ ในความพิเศษคือ กระกวนการของจิตที่ตื่นรู้ได้เกิดขึ้น เพราะ ขาดคนชี้นำ ในสภาวะนั้น ทำให้ไม่เข้าใจ ถ้าเข้าใจหลักธรรมในพระไตรปิฏก จะช่วยเป็นแนวทาง
    เพราะร่างกายที่ไม่ขัดเกลา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
    จิตที่ตื่นขึ้นก็จะถูก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ของเดิม ทำให้สับสน ตัวอย่าง เสียงในหัว น่าเป็นจิตตื่นขึ้นน่าจะมีความนิ่งสงบ ทำให้สามารถรับรู้กระบวนการทำงานของสมอง ได้ละเอียด เพราะ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นเหมือน สายน้ำที่ ไหลตลอด
    จิตที่จมอยู่ในน้ำ จะมองไม่เห็นฝั่ง เช่นเดียวกัน จิตที่เหนือขึ้นไปก็จะเห็นทุกอย่าง
     
  4. Molzy

    Molzy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0

    1 ที่ว่า “ในความเป็นจริง คือเป็นสารเคมีในสมองทำงานผิดปรกติ” ตังเองก็เคยคิดแบบนั้น เพราะก็เข้ารับการทางรักษาจากจิตตแพทย์ แต่ทั้งในขณะที่ทานยาอยู่เราก็ยังได้รับรู้ถึงสัมผัสเสียงทางจิตอยู่ และครั้งสุดท้ายคือยังไม่ทันจะทานยาเสียงนั้นก็หายไป จากทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าจะทานยาหรือไม่ทานยาเพื่อประบให้เคมีในสมองกลับมาทำงานปกติก็ไม่เกี่ยวกับการรับรู้เรื่องนี้ จึงได้ตัดการรักษาทางวิทยาศาสตร์ไปค่ะ


    2ส่วนที่ว่า “ในความพิเศษคือ กระกวนการของจิตที่ตื่นรู้ได้เกิดขึ้น เพราะ ขาดคนชี้นำ ในสภาวะนั้น ทำให้ไม่เข้าใจ ถ้าเข้าใจหลักธรรมในพระไตรปิฏก จะช่วยเป็นแนวทาง “ น่าจะเป็นกรณีนี้มากกว่าค่ะ เพราะถ้าเอาที่เข้าใจง่ายๆ คือตัวเองมีจิตเปิด แต่ยังใช้ไม่เป็น จึงถูกคนที่รู้มาช่วยชี้แนวทางอยู่ แต่ด้วยลักษณะการสอนของเขายังทำให้เรายังไม่เข้าใจค่ะ

    หากคุณเข้าใจพอจะมีวิธีช่วยชี้แนะมั้ยคะเผื่อจะเข้าใจได้มากกว่านี้
     
  5. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    เมื่อสื่อสารกันทางจิตเข้าใจรู้กันแล้ว ถ้ามันเป็นจริงทำไมถึงไม่มีการพูดคุยกันแบบปรกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างเลย
     
  6. Molzy

    Molzy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    อันร้ก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเข้าใจกัน ไปในทิศทางเดียวกันหรือยัง. เพราะยังไม่มีการคุยกันแบบปกติ เหมือนคนธรรมดาทั่วๆไปเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...