ใช้ความป่วย พิจารณาเพือพระนิพพาน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 กรกฎาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +26,376
    77B23115-8D8E-4E62-B84D-6F9F65E28849.jpeg

    ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าเรารู้จักพิจารณา จะได้อะไรดี ๆ เยอะมากเลย เพราะจะเห็นความไม่ดีของร่างกายนี้จริง ๆ ถ้าใครที่เจ็บป่วย ขอให้รู้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐอย่างยิ่งแล้ว โอกาสแบบนี้หาซื้อไม่ได้ จ่ายแพงเท่าไรเขาก็ไม่ขายให้

    เราลองนึกดูว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระองค์ กว่าจะตรัสรู้ เอาแค่ระดับที่เรียนเก่งที่สุด จบสั้นที่สุด ก็คือพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ บาลีท่านบอกว่า จิตติตัง สัตตะสังเขยยัง แต่คิดในใจใช้เวลา ๗ อสงไขย นวสังเขยยะ วาจะกัง พูดว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขย ไป ๑๖ อสงไขยแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นการปฏิบัติเพื่อให้เป็นพระพุทธเจ้าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป ระยะเวลาเนิ่นนานขนาดนั้น คิดเป็นทรัพยากรที่ใช้สิ้นเปลืองไปแต่ละชาติเท่าไร ประมาณเป็นตัวเลขได้ไหม ? จะเป็นตัวเลขมหึมาชนิดที่สามารถซื้อจักรวาลได้เลย

    ท่านใช้ทรัพยากรไปสิ้นเปลืองขนาดนั้นเพื่อศึกษาให้เห็นทุกข์ แล้วตอนนี้ถ้าเราเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ ความทุกข์มาอยู่ตรงหน้า เปรียบราคาขนาดนั้นแล้ว ทุกข์จึงมีคุณค่ามหาศาล ถึงได้บอกว่า ต้องใช้ทรัพยากรขนาดไหนก็ซื้อทุกข์แบบนั้นให้เราเห็นชัด ๆ ไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องซื้อ มาอยู่ตรงหน้าของเราเลย

    ถ้าใครสามารถใช้ประโยชน์จากการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ อันดับแรกจะเห็นต้นทุนของตัวเองว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ของเรามีเท่าไร ถ้าศีล สมาธิ ปัญญาของเราไม่พอ ก็จะไปโอดโอยอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ “เจ็บแท้หนอ ปวดแท้หนอ” แต่ถ้าพอเมื่อไรจะพิจารณาว่า “เออ..สภาพร่างกายของเรา ที่มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติธรรมดาเช่นนี้ เราไม่ต้องการอีกแล้วอย่างแน่นอนที่สุด ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียว”

    ลองไปนึกถึงพระนางสุปปวาสาโกลิยวงศ์ธิดา เป็นแม่ของพระสีวลี นางสุปปวาสาตั้งครรภ์ ๗ ปี แล้วปวดท้องอีก ๗ วัน ไม่มี ๗ เดือนนะ ถามพระมหาเบิร์ธได้ แปลธรรมบทมา ตั้งครรภ์ ๗ ปีแล้วปวดท้องจะคลอดลูกอีก ๗ วัน ปวดแทบขาดใจ แต่ไม่ได้ดิ้นรน ไม่ได้ร้อง พิจารณาธรรมอย่างเดียวว่า “โอหนอ..องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด สอนให้เราเห็นความทุกข์ปานฉะนี้หนอ โอหนอ..ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติเพื่อให้ล่วงความทุกข์เห็นปานฉะนี้หนอ โอหนอ..พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ชี้ทางให้เราล่วงพ้นจากความทุกข์เห็นปานฉะนี้หนอ”

    ใจเกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แทน ปวดท้องแทบขาดใจอยู่ ๗ วัน ไม่ได้ดิ้นรน ไม่ได้ร้องคร่ำครวญ คนเห็นว่าปวดแต่ทำไมไม่ร้อง เพราะว่าใจท่านเกาะพระรัตนตรัยแทน ถ้าเราสามารถภาวนาให้กำลังทรงตัวได้ ไม่ต้องมาก เอาแค่ปฐมฌานเท่านั้น อาการป่วยก็แทบจะไม่รับรู้แล้ว เพราะจิตกับประสาทเริ่มแยกจากกัน

    ดังนั้น..ใครกลัวเจ็บ กลัวป่วย ต้องเร่งการภาวนาให้มากไว้ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวเมื่อไร การเจ็บปวดนี่ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเป็นเลย อาตมาเองโดนหมอจัดการจนเดี้ยง โยมเขาต่อว่าว่าทำไมรุนแรงขนาดนั้น เขาบอกว่า “ก็หลวงพ่อไม่ร้อง..!” เข้าท่านะ..ไม่ร้องหมอเลยใส่ไม่ยั้ง..!

    อาตมาเคยผ่าตัดฝีก้อนเท่ากำปั้นที่ก้น ตอนนั้นไปตกเขามา ก้นกระแทกหินแล้วช้ำก็เลยขึ้นเป็นฝี หมอฉีดยาชาแล้วก็ผ่า พอหมอผ่าอาตมาก็บอกว่า “เอ..หมอ ปกติยาชาต้องไม่เจ็บไม่ใช่หรือ ?” หมอบอกว่าไม่เจ็บหรอกครับ เลยบอกว่า “แล้วทำไมอาตมาเจ็บฉิบหายเลย ?” หมอเขาก็ตกใจ “ขอโทษครับ คาดว่าผมฉีดแล้วยาชาเข้าไปอยู่ในหัวฝีหมด ไม่ได้อยู่ที่ผิวหนังเลย” แล้วก็กุลีกุจอฉีดให้ใหม่อีกรอบหนึ่ง ยังมีหน้ามาบ่นอีกว่า ไม่เคยเจอใครแบบพระอาจารย์เลย โดนแบบนี้แล้วยังชวนหมอคุยหน้าตาเฉย เป็นความผิดของอาตมาอีก..!

    ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ยืนยันได้ว่า ถ้ากำลังใจเราทรงตัว อาการเจ็บป่วยแทบจะไม่มี เพราะจิตกับประสาทแยกเป็นคนละส่วนกัน สภาพใจของเราจะเกาะมั่นอยู่กับสิ่งที่เรายึดถือ หรือว่าอารมณ์ปฏิบัติของเรา สภาพร่างกายภายนอกเป็นอย่างไรก็ช่างมัน เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วค่อยมาร้องโอ๊ยกันทีหลัง..!
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...