ไหว้พระ 9 วัดรับปีใหม่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตแห่งปี

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 มกราคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ไหว้พระ 9 วัดรับปีใหม่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยอดฮิตแห่งปี

    1/1/2550



    ไหว้พระ 9 วัด เป็นคำเรียกการตระเวนไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดและศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง 9 แห่งในกรุงเทพมหานคร ขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมเพราะเชื่อว่าจะเกิดสิริมงคลตามชื่อของสถานที่ ซึ่งปัจจุบันการไปไหว้พระขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน 9 วัดที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพมหานครกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง เพราะนอกจากความเชื่อที่ว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น และมีสิริมงคลตามชื่อของสถานที่แล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมกำลังใจที่ดีด้วย อย่างไรก็ตาม การที่คนเราจะประสบความสำเร็จ พบความก้าวหน้าในชีวิตได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราคาดหวังหรือปรารถนาด้วย

    ซึ่งตามคติความเชื่อของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งนั้น ได้กล่าวไว้ว่า
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ล่องแม่น้ำ ไหว้พระ 9 วัด เอาฤกษ์รับขวัญปีใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 มกราคม 2550 17:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระศรีรัตนเจดีย์ พระมณฑป และพระพุทธปรางค์ปราสาทในวัดพระแก้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เทศกาลปีใหม่ก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่กลิ่นอายแห่งความสุขก็ยังคงอบอวลอยู่ในหลายๆ ที่ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพฯ มาทำให้หลายๆ คนอกสั่นขวัญแขวนไปบ้างก็ตามที

    ไม่รู้ว่าปีใหม่นี้หลายๆ คนได้เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยกันบ้างหรือยัง หากใครยังไม่ได้เริ่ม จะลองไปไหว้พระ 9 วัด เป็นสิริมงคลแบบฉันก็ได้ แต่คราวนี้ไม่ใช่ 9 วัดธรรมดา แต่เป็นการไหว้พระ 9 วัดทางน้ำ ไปนั่งเรือรับลมในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองบางกอกน้อยให้จิตใจเย็นสบายและสงบกันดีกว่า

    เริ่มต้นการไหว้พระทางน้ำกันที่ วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยละโว้โน่น เดิมชื่อว่า "วัดสมอราย" ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดราชาธิวาสวิหาร" แปลว่า วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา อีกทั้งรัชกาลที่ 4 สมัยที่ยังเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎก็ได้ผนวชและจำพรรษา ณ วัดนี้ และได้ก่อตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายขึ้นที่นี่ด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระปรางค์วัดอรุณฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นก็คือพระอุโบสถซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้ "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" หรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบ โดยมีลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอม มีเสาพาไลรอบ แต่ก็ยังคงรักษาโครงสร้างของพระอุโบสถเดิมที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ไว้อย่างสวยงาม

    ลงเรือลอยลำลอดใต้สะพานพระรามแปดและสะพานปิ่นเกล้ามาที่ วัดอัมรินทรารามราชวรวิหาร หรือชื่อเดิมว่า "วัดบางหว้าน้อย" ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟบางกอกน้อย และการวางรางรถไฟในตอนนั้นก็ทำให้พระอุโบสถที่มีมาก่อนต้องถูกตัดไปหนึ่งห้องเพื่อทำทางรถไฟ เมื่อพระอุโบสถเล็กลงชาวบ้านก็เลยเรียกว่าโบสถ์น้อย และเรียกพระประธานว่าหลวงพ่อโบสถ์น้อยไปด้วย

    หากใครมาที่วัดนี้ก็ต้องมาไหว้พระพุทธฉายจำลอง และพระพุทธบาทจำลอง โดยมณฑปของพระพุทธบาทจำลองนี้จัดว่าเป็นมณฑปที่สวยงามแห่งหนึ่งในเมืองไทยเลยทีเดียวละ

    ไปวัดบางหว้าน้อยแล้ว ก็ต้องไปต่อวัดบางหว้าใหญ่ หรือ วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหารที่อยู่ไม่ไกลกัน ถ้ามาวัดนี้แล้วก็จะต้องไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นพระประธานที่รัชกาลที่ 5 เคยตรัสว่า "ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที..."

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไหว้พระประธาน 28 องค์ ที่วัดอัปสรสวรรค์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ที่พลาดไม่ได้ก็คือจะต้องมาที่กราบพระที่วิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี) ซึ่งเป็นพระสังฆราชองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และมาที่วิหารหลังตรงข้ามที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระราชาคณะของวัด นี้ไว้ 3 องค์ คือ ซึ่งก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์) และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร)

    แถมที่วัดนี้ยังมีหอพระไตรปิฎกที่เป็นตำหนักไม้แฝด 3 หลัง ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 เมื่อตอนที่ยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่ายขวา ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสิน แต่เมื่อต้องเสด็จไปตีเมืองโคราชจึงได้รื้อตำหนักนั้นมาถวายวัดระฆัง หรือวัดบางหว้าใหญ่ในขณะนั้น หอพระไตรปิฎกนี้ได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อคราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี และยังเคยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2530 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

    ข้ามมายังฝั่งตรงข้ามที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วกันบ้าง วัดนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมไทยที่สุดยอดหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ฯลฯ เมื่อมาที่วัดพระแก้วแล้วก็ต้องไปกราบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระคู่บ้านคู่เมืองอีกองค์หนึ่งของไทย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจดีย์สี่รัชกาลที่วัดโพธิ์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แล้วก็อย่าลืมเดินชมจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ที่พระระเบียงรอบพระอุโบสถ ซึ่งเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลก ก่อนจะไปไหว้พระศรีรัตนเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่รัชกาลที่ 4 ทรงได้มาจากลังกา และใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นพระมณฑป และพระพุทธปรางค์ปราสาทซึ่งมีการก่อสร้างแบบไทยงดงามยิ่งนัก

    วัดพระแก้วยังมีอะไรให้ชมอีกมากมาย แต่ตอนนี้ฉันต้องเดินทางต่อไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือวัดโพธิ์กันต่อ ที่วัดโพธิ์นี้ก็กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพระประธานในพระอุโบสถที่มีชื่อว่า พระพุทธเทวปฏิมากร ที่งดงามราวกับเทวดามาสร้างไว้ หรือพระพุทธไสยาสน์ ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ ก็เป็นพระนอนขนาดใหญ่ที่งดงาม ความยาวถึง 46 เมตร ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างเป็นลายประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ หาชมไม่ได้ง่ายๆ และนอกจากนั้นก็ยังมีพระพุทธรูปล้ำค่าอีกหลายองค์ภายในวัด

    อย่าลืมไปสักการะเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 และเจดีย์รายมากมายในบริเวณวัด ถ้ามีเวลาก็ลองเดินชมฤๅษีดัดตน รวมทั้งแผ่นศิลาที่จารึกตำรายาและโคลงกลอนต่างๆ พร้อมกับถ่ายรูปกับตุ๊กตาหินจีนขนาดเล็กขนาดใหญ่ที่มีอยู่มากมายภายในวัดโพธิ์

    ข้ามฝั่งกลับไปอีกหนึ่งรอบ เพื่อไปยัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อมาชมพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่มีความสูงเกือบ 70 เมตร และเข้าไปกราบ "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" พระประธานในพระอุโบสถที่รัชกาลที่ 2 เป็นผู้ปั้นพระพักตร์ของพระประธานด้วยพระองค์เอง

    มาถึงวัดแจ้งแล้วก็ต้องมาดูยักษ์วัดแจ้งสองตนที่ยืนเฝ้าซุ้มประตูพระอุโบสถอย่างแข็งขัน โดยยักษ์สองตนนั้นก็คือทศกัณฑ์ เป็นยักษ์กายสีเขียว ส่วนอีกตนหนึ่งชื่อว่าสหัสเดชะ เป็นยักษ์กายสีขาว นอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังมีตุ๊กตาหินแบบจีนอยู่มากมายเช่นเดียวกัน โดยมีอยู่ทั้งรอบๆ พระอุโบสถ ระหว่างใบเสมาทั้ง 8 ซุ้ม และอยู่ด้านหน้าพระระเบียงที่ล้อมรอบอุโบสถ แถมยังมีพระเจดีย์หินแบบจีน และมีผู้วิเศษจีนแปดคน หรือที่เรียกว่าโป๊ยเซียน ตั้งอยู่ในซุ้มของเจดีย์นั้นทั้ง 8 ทิศด้วยกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กราบพระศาสดาแล้ว อย่าลืมชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดสุวรรณาราม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มาต่อกันที่ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าวัดกัลยาฯ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศบ้านและซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มเติมสร้างเป็นวัดขึ้น แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายแด่รัชกาลที่ 3

    วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยพระประธานในพระวิหารหลวง คือหลวงพ่อโต หรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือเรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือซำปอกง เป็นที่เคารพสักการะทั้งชาวไทยและชาวจีน ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างให้เป็นพระพุทธรูปใหญ่อยู่ริมแม่น้ำแบบเดียวกันกับวัดพนัญเชิงที่กรุงเก่า ส่วนด้านหน้าพระวิหารก็มีซุ้มประตูแบบจีนงดงามมากอีกด้วย

    คราวนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศจากแม่น้ำเจ้าพระยามาเป็นล่องคลองบางกอกน้อยเพื่อไปไหว้พระอีกสองวัดกันบ้าง เริ่มจาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...