★ พระเจ้าจักรพรรดิ โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย plaspirit, 17 กันยายน 2016.

  1. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    [​IMG]

    ★ พระเจ้าจักรพรรดิ

    ถอยไปสมัยไหนดีล่ะ..ถ้าถอยไปสมัย "พระพุทธเจ้ากัสสปทศพล" ท่านลงท้าย
    "ทศพล" มีกำลัง ๑๐ อย่าง ญาณ ๑๐ อย่างเป็นกำลังพระพุทธเจ้า เป็นกำลัง
    เฉพาะพระพุทธเจ้า พระสาวกไม่มีนะ เป็นญาณพิเศษเรียกว่า
    "ทะสะพะละญาณ" สมัย พระพุทธกัสสป ตอนต้น เราก็ครองเมืองๆ หนึ่ง
    ในเขตด้านเชียงใหม่ แล้วก็หางแถวคงจะถึงนี่บ้าง แต่ว่าตอนปลาย..หลัง
    เวลานั้นทรงมีพระชนเป็นหมื่นปี หลังที่ทรงปรินิพพานไปแล้ว แล้วก็ศาสนา
    กำลังห้อยท้าย อันนี้เราเป็นจักรพรรดิ เป็นจักรพรรดินี่ครองโลก

    ความจริงเขามีเมืองต่างๆอยู่ อยู่เขาขอขึ้นด้วย ตำแหน่งจักรพรรดินี่ โอ๊ะ
    ..ลำบากนะ ลำบากไหม ตำแหน่งจักรพรรดิน่ะ.. ใครว่าดี โถ.. เป็นนายกเอ๊ะ
    ..เป็นนายกดีแฮะ นี่เขาเป็น "รวย" ใช่ใหม นักการเมืองนั่งยองๆ กินข้าวต้ม
    อยู่ข้างถนน พอเข้าไปบริหารเรื่องการเมืองอยู่วันสองวัน ตึกเบ้อเร่อ..
    ราคาเป็นร้อยล้าน

    เอ้า..คุยอะไรบ้างล่ะ ใครมีอะไรถามบ้าง ถามเขาสิกินข้าวกับอะไร เออ..
    ความเป็นอยู่ของคนในสมัยนั้น เอ้า..ใครมานี่สักคนสิ ไอ้ต๋อมแต๋ม ใครมา..
    ข้างหน้านี่ ท่านย่า..เดี๋ยวให้ท่านย่าทำภาพที่ท่านเกิดในสมัยนั้นสิ ท่านย่า
    ทำภาพสมัยนั้น ห่มผ้าตะแบงมานถือขวาน..ตีเขา เออ.เห็นไหม..
    นั่นฉากหนึ่ง ก็แสดงว่าเราเกิดที่นี่เราต้องรบ อ๋อ..ท่านบอก ไม่ใช่สมัย
    พระพุทธกัสสป สมัยพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" ทรงอุบัติขึ้น
    เป็นองค์แรก แต่ก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" นี่
    พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระสมณโคดม" นี่เคยเป็นจักรพรรดิมาก่อน

    โดยมากพวกจักรพรรดินี่ จะมาปูพื้นฐานพระศาสนาก่อน
    คนที่จะเป็นจักรพรรดิได้นี่ต้องทรงคุณธรรมดีมาก
    แล้วก็ในเมื่อครองโลก จักรพรรดินี่ครองโลกโดยธรรม
    เป็นการปูพื้นฐานให้คนเข้าใจเรื่องศีล ทาน เรื่องเมตตานี่
    เป็นการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันใช่ไหม ปูพื้นฐานไว้
    ท่านบอกไกลนะ เกือบ
    สองหมื่นปีแหนะ ห่างกัน..พระพุทธเจ้าจึงอุบัติขึ้น

    นี่สมเด็จฯ ท่านบอกเลยนะ ว่าท่านเป็นจักรพรรดิตอนนั้นแล้วอยู่เกือบ
    ๒ หมื่นปี พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" จึงได้อุบัติขึ้น เมื่อสมัย
    พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" ทรงอุบัติขึ้น ท่านบอกว่าพวกเรานี่
    ยังไม่ลงมาในตอนต้น ท่านบอกว่าพวกเรานี่ลงมาตอนท้าย ที่ท่านใกล้จะ
    นิพพานแล้ว อายุของท่านเหลือเวลาประมาณ ๒๕๐๐ ปี ท่านจะนิพพาน
    เราจึงลงมา แหม..ใช้เวลานิดหน่อยเองนะ ลงมาปลายแถวเลยเรานี่..ฮึ

    คนสมัยนั้นมีอายุ ๒ หมื่นปี พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้าประกาศพระศาสนา
    ที่ท่านบอกเวลานี่น่ะอยู่ ๒ หมื่นปี ฉะนั้นเราลงมาได้เท่าไหร่ล่ะ ๑ ใน ๘ มั๊ง
    ทันท่านนะ นี่ท่านทรงตรัสว่าไงก็ว่าตามนั้นนะ ทรงตรัสว่าที่ต้องลงมาทัน
    ก็เพราะว่าปรารถนาพุทธภูมิ เพราะพวกพุทธภูมินี่ ต้องลงมาให้ทันเพื่อ
    รับคำพยากรณ์ คนที่ปรารถนาพุทธภูมิ ถ้ายังไม่ได้รับคำพยากรณ์ ยังไม่ถือ
    ว่าเข้าเขตพุทธภูมิจริง
    แล้วท่านก็ชี้ให้ดู

    ที่มา: หนังสืออนุสรณ์ครบรอบ ๑๐๐ ปีเกิด หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    หน้า ๔๒-๔๓

    ปล.ใครปรารถนาพุทธภูมิให้อธิษฐานตามพระศรีอาริย์ มารับคำพยากรณ์นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2016
  2. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    ★ ธรรมสโมธาน 8 ประการ (เพื่อรับคำพยากรณ์ เป็นนิยตโพธิสัตว์)

    [​IMG]

    ★ ธรรมสโมธาน 8 ประการ

    สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่เป็น อนิยตโพธิสัตว์แต่สร้างบารมี 30 ทัศ และมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์แล้ว ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกเฉพาะพระพักตร์พุทธเจ้า โดยจะได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น และก็จะกลายเป็น นิยตโพธิสัตว์ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ

    ๑. มนุสสัตตัง ได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะพระพุทธเจ้าจักทรงพยากรณ์แต่เฉพาะมนุษย์เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่แค่ไหนก็ตามพระพุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์อย่างเด็ดขาด

    ๒.สิงคสัมปัตติ เกิดเป็นเพศชาย เพราะไม่เป็นเพศวิบัติ เป็นบุรุษเพศ แต่ถ้าเป็น เพศหญิง หรือเป็นบัณเฑาะว์ หรือเป็นกะเทย หรือเป็นบุคคลมี ๒ เพศ (อุภโตพยัญชนก) พุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์อย่างเด็ดขาด

    ๓. เหตุ มีอุปนิสัยแห่งพระอรหัต ในขันธสันดานอย่างแรงกล้า เพราะหากว่าเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุ คือความเป็นพระอรหัตยังไม่เกิดขึ้น ไม่มีความแก่กล้าในขันธสันดาน พระพุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์อย่างเด็ดขาด

    ๔. สัตถารทัสสนะ ได้พบพระพุทธเจ้า และได้บำเพ็ญกุศลใหญ่แล้วได้ตั้งความปรารถนาเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์ เพราะว่า การได้รับพยากรณ์จักเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยพุทธฎีกา อันหลั่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

    ๕. ปัพพัชชา เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา หรือนอกพระพุทธศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะเป็นผู้ที่มีความเชื่อว่าบุญบาปมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และมีความมั่นคงในเพศบรรพชิต

    ๖. คุณสัมปัตติ มีคุณวิเศษ คือทรงอภิญญา สมาบัติอันเชี่ยวชาญ เพราะเป็นคุณสมบัติพิเศษเกินคนธรรมดาสามัญจักมีได้

    ๗. อธิกาโร ได้เคยบำเพ็ญมหาทานบารมี โดยการสละชีวิตเพื่อแลกกับพระโพธิญาณมาก่อน เพราะเป็นปรมัตถมหาทานบารมี ที่ได้กระทำอย่างยิ่ง โดยเอาชีวิตเลือดเนื้อเข้าแลก

    ๘. ฉันทตา มีความรัก พอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง ไม่ได้ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพราะต้องมีฉันทะปรารถนาพระโพธิญาณเกินคนธรรมดา แม้จะให้ทนอยู่ในนรกอย่างทุกข์ทรมาน ตลอด ๔ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป เพื่อแลกกับพระสัมมาสัมโพธิญาณก็ยอม


    ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2016
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040

    ชาตินี้ หรือ ช่วงเวลาที่พระศาสนาแห่งสมเด็จพระสมณโคดมยังรุ่งเรืองอยุ่นี้ ยังมีครูบาอาจารย์ที่สืบทอดพระศาสนา พระธรรมวินัย และการปฏิบัติอันดี อันตรง และมรรคปฏิปทาสู่การสร้างบารมีฯอยุ่นี้...

    ...จึงเห็นหลายชีวิต เร่งทุ่มเทสร้างบารมีทั้งสิบประการ และฝึกฝนตนให้พร้อมและเที่ยงที่จะไปเกิดในยุคสมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ท่านได้ทำนายว่า เที่ยงแท้ต่อการสั่งสมบารมีเป็นอะไร ต่อจุดมุ่งหมายที่อธิษฐานไว้ของแต่ละท่าน และ ได้ทันสร้างบารมีใหญ่ในยุคพระศรีฯเพื่อเป็นฐานอันมั่นคงต่อไป

     

แชร์หน้านี้

Loading...