พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั่วทิศแดนไทย = ไม่อยากเป็นทหารต้องมาวัดนี้ หลวงพ่อจันทรังษี วัดอาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย MonYP, 3 เมษายน 2024.

  1. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    "หลวงพ่อข้าวสุก วัดบางใบไม้" สุราษฎร์ธานี
    ขอบารมี หลวงพ่อข้าวสุก วัดบางใบไม้ ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ

    วัดบางใบไม้ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2325 ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนบางใบไม้ มีหลวงพ่อข้าวสุกเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างราวปี พ.ศ. 2433 – 2446 เมื่อวัดใกล้เสร็จสิ้นและอหิวาตกโรคผ่านพ้นไป แต่ผู้คนยังหวาดกลัวและไม่กล้ากลับมาอยู่ในบางอีก หลวงพ่อขำเจ้าอาวาสวัดบางใบไม้ในขณะนั้นจึงได้สร้างพระพุทธรูปปางสมาธิ มีส่วนประกอบเป็น 9 สิ่งมงคล รวมถึงข้าวสุกก้นบาตรด้วย ทำพิธีปลุกเสกในวัดบางใบไม้เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านไม่กลัวภูตผีและปิศาจที่ชาวบ้านสมัยนั้นเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้คนตายเป็นจำนวนมาก นับแต่นั้นมา หลวงพ่อข้าวสุขก็เป็นพระพุทธรูปที่มีผู้คนให้ความศรัทธาตลอดมา ปัจจุบัน มีการสร้างพระพุทธรูปสำริดครอบหลวงพ่อข้าวสุกองค์เดิมไว้ เนื่องจากก็ว่ามดและแมลงจะกัดแทะทำลาย
    ข้อมูลและรูปภาพ
    FB : ททท.สำนักงานสุราษฎร์ธานี : TAT SuratThani Office
    https://www.facebook.com/tatsurat
    ที่มาบทความ :
    rXRWpj0shSpq9ISTMFivzOnHmJsQj8XT2ixy5Go39HcZ&_nc_ohc=CyfxVYSo_qsAX8ixT9L&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  2. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    พระเหลาเทพนิมิต จังหวัดอำนาจเจริญ
    ขอบารมี พระเหลาเทพนิมิต ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    พระเหลาเทพนิมิต ประดิษฐานในอุโบสถวัดพระเหลาเทพนิมิต ตำบลพนา อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยในสกุลศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ หล่อปูนลงรักปิดทอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๒๓๖ กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งในภาคอีสาน ช่างที่สร้างเศียรพระคือ ซาพรหม ซึ่งเชื่อกันว่ามีเทวดาลงมาช่วยในการก่อสร้าง ทำให้องค์พระมีความงดงาม กลมกลึงประดุจการหล่อเหลาด้วยมือของเทวดา
    มีคำ เล่าลือกันว่าทุกคืนวันพระ จะปรากฏลำแสงลอยออกจากอุโบสถในเวลาเงียบสงัด และเชื่อกันว่าใครที่ได้มากราบไหว้พระเหลาเทพนิมิตจะพบแต่ความสุขสบาย เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้บังคับบัญชา มีวาสนาสูงส่ง เป็นที่รักและเคารพนับถือแก่คนทั่วไป
    ข้อมูลจาก http://amnatcharoenlocal.go.th
    1499315075_34488.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  3. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงพ่อเดิม ลอยน้ำ (วัดเอก) วัดเชิงแสเหนือ
    ขอบารมี หลวงพ่อเดิม ลอยน้ำ ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมา
    เป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    หลวงพ่อเดิม หรือ พระเดิม เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก สร้างด้วยหินปะการัง ขนาดหน้า ตักกว้าง 70 ซ.ม. สูง 120 ซ.ม. ต่อมาได้สร้างด้วยปูนปั้นหุ้มองค์เดิมให้ใหญ่ขึ้น ประดิษฐฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดเอก หมู่ที่ 3 ตำบลเชิงแส อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ในการที่หลวงพ่อเดิมได้มาประดิษบฐานที่วัดเอกนั้น มีการเล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อเดิมประดิษบฐานอยู่แพ พร้อมด้วยพระพุทธบาทลอยน้ำตามลำคลองจากเจดีย์งาม มาปรากฎที่บ้านเชิงแส ทางทิศตะวันออก (หน้าวัดเชิงแสกลาง) เส้นทางที่ชักลากหลวงพ่อเดิมยังปรากฎให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ชาวบ้านเรียกว่าคลองแพ หรือคลองพระ ประชาชนไปพบและจะนิมนต์ให้ไปอยู่วัดเชิงแสใต้ หรือวัดเชิงแสกลาง แม้จะใช้กำลังคน และกำลังคนมากเท่าไร ก็ไม่สามารถชักลากให้เคลื่อนไปได้ ต่อมาได้จุดธูปเทียนนิมนต์ให้ไปอยู่วัดเอกใช้เพียงเส้นด้าย เพียงสามเส้นก็สามารถเลื่อนไปได้ ปรากฎว่า ท่านยินดีจะไปอยู่วัดเอกจนปัจจุบัน
    ข้อมูลและรูปภาพจาก
    สำนักเงินเทศบาลตำบลเชิงแส
    http://www.cherngsae.go.th/travel/detail/1071
    9148ceadebbf6c463135ba2dbdc3c87a.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  4. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์
    ขอบารมี หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมา
    เป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปเก่าองค์หนึ่ง ที่ขุดพบอย่างบังเอิญเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ขึ้น 12 ค่ำ ปีกุน เดือน 12 พ.ศ. 2502 องค์หลวงพ่อเป็นดิน
    ตั้งอยู่บนคันคลองระพีพัฒน์ฝั่งขวา หันหน้าลงน้ำ ทิศตะวันออก ในท้องที่ ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี
    ก่อนที่จะพบองค์ หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์
    บริเวณดังกล่าวเป็เนินดินที่มีระดับสูงกว่าองค์หลวงพ่อ
    มีเฉพาะทางคนเดินแคบๆๆ เท่านั่น
    ต่อมาได้มีคนงานชลประทานประตูน้ำพระเอกทศรถ มาขุดดินที่เป็นเนินนั้นไปถมริมตลิ่งที่น้ำเซาะพัง
    คนงานได้ขุดดิน มาหลายวันแล้ว จนไปถึงบริเวณที่องค์หลวงพ่อประดิษฐาน ซึ่งเป็นดินที่แข็งมาก ผิดไปจากบริเวณอื่น คนงานจึงขุดดินไม่เข้า แต่ได้ขุดรอบๆๆ ที่พอจะขุดได้ดินก็แตกเป็นพระโดยไม่มีใครคาดคิดว่า
    จะเป็นองค์หลวงพ่อ เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวเข้าก็มามุงดูกันจำนวนมาก บางคนก็พูดว่า
    พระพุทธรูปมาเกิด แต่บางคนคิดไปว่า คนงานชลประทานปั้นองค์พระขึ้นมากันเอง
    เรื่องราวอัศจรรย์ของหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ตอนเย็น นางฝอย ชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยอยู่หลังตลาดหนองตาโล่ ได้เดินผ่านมาทางองค์หลวง นางฝอยไม่ได้คิดว่าที่เห็นนั้นเป็นพระพุทธรูปนั้น และไม่คิดว่าจะเป็นองค์พระจริงๆๆ จึงเอาเปลือกอ้อยเป็นธูป และเอาใบมะขามเทศเป็นทองมาไหว้เป็นการล้อเล่นเลียน แล้วก็เดินทางกับบ้าน แต่ยังไม่ทันถึงบ้าน นางฝอยเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จึงนึกขึ้นได้ว่าไปไหว้ล้อเลียนองค์พระนั้นเข้า จึงจุดธูปกราบขอขมาอภัยหลวงพ่อ อาการปวดหัวหายทันที่
    และตอนเย็นวันเดียวกัน ยายเกลี้ยง บ้านอยู่ใกล้องค์หลวงพ่อ ก็กลายเป็นเทียมทรงขึ้น ทั้งๆๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน ชาวบ้านพากันมามุงดูกันอย่างเนืองแน่น มีผู้สอบถามหลวงพ่อว่า มาจากไหน หลวงพ่อบอกว่า มาคล้องช้างสามวันไม่ได้ช้าง นอนหลับที่แคร่บนต้นไม้พระเครื่องได้ตกลงมาแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ ต่อมาได้มีคนเอาดินมาถมบริเวณ (คลองระพีพัฒน์ใช้คนขุดเอาดินขึ้นมาถมเมื่อประมาณ 70 ปีก่อน)
    ยายหนูถามหลวงพ่อว่า ชื่ออะไรหลวงพ่อบอกว่า หากบอกชื่อให้แล้ว จะรับทำสัญญาได้ไหม ยายหนูบอกว่ารับทำให้ได้หลวงพ่อจึงบอกกว่าให้นิมนต์พระ 5 วัดมาสวด ให้ตั้งศาลเพียงตา ให้ทำขัน 5 ทุกๆๆวันและจัดงานกลางเดือน 12 ประจำทุกปี
    แล้วหลวงพ่อก็บอกว่า ท่านชื่อ**(สำเร็จศักดิ์สิทธิ์)**
    ใครมา
    กราบไหว้ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์และสำเร็จทุกอย่าง ตามที่คิดไว้ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านอีกจำนวนมาก ที่มามุงดูก็เอาขันน้ำมาให้ทำน้ำมนต์ แล้วเอากลับไปบ้าน พอเอาน้ำมนต์ใส่ลงในโอ่งน้ำ น้ำในโอ่งเกิดมีเสียงดังจิ๊ดๆๆๆ ทั้งๆๆๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และเป็นเช่นนี้ของทุกคนที่เอาน้ำมนต์ไป
    ต่อมา ยายเง็กกับชาวบ้านในตลาด ได้ว่าจ้างนายทวี ดารารัตน์ (ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้ว) มาโบกปูนซีเมนต์ที่องค์หลวงพ่อ แต่ชลประทานในสมัยนั้นไม่ยินยอมให้ทำ หาว่ากีดขวางทางคมนาคม โดยขอให้ชาวบ้านโยกย้ายองค์หลวงพ่อไปอยู่ที่อื่น แต่ไม่มีใครกล้าย้าย จึงได้โบกปูนซีเมนต์ที่องค์หลวงพ่อจนสำเร็จ ในปี พ.ศ. 2505 กรมชลประทานได้มีคำสั่งให้เอารถขุดปรับทาง ทำถนนบนคันคลอง จากท่าหลวง ถึง อ.หนองแค ระหว่างทางที่จะถึงองค์หลวงพ่อ รถได้ขุดไปรอบๆๆฐานเกือบจะถูกองค์หลวงพ่อ ก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นทันที ฟ้าได้ผ่าลงมากลางวันแสกๆๆ ทั้งๆๆที่ปราศจากเมฆฝน คนขับรีบหยุดรถ แล้วกระโดดลงมากราบขอขมาต่อองค์หลวงพ่อ โดยไม่กล้าขุดดินใกล้องค์หลวงพ่ออีกต่อไป ชาวบ้าจึงศรัทธาเลื่อมใส เชื่อกันว่าหลวงพ่อมีความศักดิ์สิทธิ์มาก โดยต่างก็เชื่อกันว่า สามารถปกป้องกันภัยได้ทุกอย่าง ใครมาบนบานขออะไร ก็จะได้รับแต่ความสุข ความสมหวัง และสมความปรารถนาทั่วทุกคน
    แหล่งที่มาข้อมูลและรูปภาพ
    FB หลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ สระบุรี
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100064852081800

    8OlSoLL69TASUBTzCqakaV7DNH7oBDExrSdmYgXC8rUw&_nc_ohc=dP4SMmAgVLoAb4sUS7H&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  5. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงปู่กู่แก้ว บ้านเพี้ย วัดกู่แก้ววิทยาราม อุดรธานี

    ขอบารมี หลวงปู่กู่แก้ว บ้านเพี้ย ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    มีพระธุดงค์รูปหนึ่ง มีชื่อว่า พระอาจารย์ อุ่ม ได้เดินธุดงค์มาจาก ภูรังกา จังหวัด นครพนม เมื่อก่อนนั้นบริเวณที่ตั้งวัดแห้งนี้ เป็นป่าดงดิบมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมาย ใครหลัดหลงเข้าไป ส่วนมากไม่ค่อยมีชีวิตรอดกลับมาได้ พระอาจารย์ อุ่ม เป็นผู้ค้นพบหลังฐานซากปรักหักพัง ของวัดร้างแห่งนี้ และ ได้ เกณฑ์ชาวบ้านใน ละแวกนั้น ช่วยกันบูรณะก่อตั้งเป็นวัดขึ้นมาใหม่ (คือวัดกู่แก้วในปัจจุบัน) ก่อนจะค้นพบในครั้งนั้น ประอาจารย์ อุ่ม ได้ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ ใต้ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ วันนั้นเป็นวันพระตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ฝนตกหนัก เกินฟ้าผ่านบริเวรใกล้เคียง หลายครั้ง พอฝนหยุดตกตะวันบ่าย คล้อยแสงพระอาทิตย์สาดส่องลอด ใต้กิ่งมะม่วงกระทบสิ่งแวววาว สะท้อนไปทั่วบริเวณ พระอาจารย์ อุ่ม รู้สึกประหลาดใจมองไปที่เนินดินซึ้งเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่ จึงได้พบว่าแสงแวววาว นั้น เกิด จากเศียรพระพุทธรูปซึ่งถูกห่อหุ้ม ด้วย ปลวกจมมิดองค์ เมื่อถูกฝนชะล้าง จึงปรากฏเป็นองค์พระ พระอาจารย์อุ่มดีใจมาก ก้มกราบพร้อมอธิษฐานว่า ขอเป็นผู้บูรณปฏิสังขรณ์สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ต่อมาได้ชักชวนชาวบ้านละแวกนั้น และ ชาวบ้านใกล้เคียง ช่วยกันทำความสะอาดองค์พระ และ อัญเชิญออกจากจอมปลวก ประดิษฐานไว้เป็นที่กราบไหว้บูชาในที่สมควร ซึ้งพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองทองสัมฤทธิ์ มีหน้าตักกว้าง 90 ซ.ม. สูง 150 ซ.ม. เกศเป็นแก้วแวววาว ซึ้งพระพุทธรูปองนี้ ก็คือ “หลวงปู่กู่แก้ว”
    เมื่อถึง วันวิสาขะบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ในทุกปีก็มักจะมี ชาวบ้านใกล้เคียง มากราบนมัสการขอพร สรงน้ำพระประธานและ พระพุทธรูป ขนาดต่างๆ ในวัดด้วย การปฏิบัติอย่างนี้ ได้ทำติดต่อกันมา เป็นระยะเวลา ที่ยาวนานมาก จนกลายเป็น ประเพณี ที่เรียกกันว่า “ บุญสรงกู่ ” และ ได้ยึดถือสืบต่อปฏิบัติกันมา จน ถึง ปัจจุบัน ประเพณี บุญส่งกู่จะจัดขึ้น ตรงกับ วันขึ้น 12 ค่ำ ถึงวัน ขึ้น15 เดือน 6 ของทุกปี
    ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
    ข้อมูล
    FB = วัดกู่แก้ววิทยาราม ต. ไชยวาน
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100071851958678
    รูปภาพ
    FB= https://www.facebook.com/groups/2318426728378146
    ArMod0cl8J23Doo5i_TxGs1Tx7r8h002nqibtx0bk_xY&_nc_ohc=hFHGDWQ0bcQAb5J6oKm&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  6. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    พระเจ้าใหญ่ วัดหงษ์ บุรีรัมย์
    ขอบารมี พระเจ้าใหญ่ วัดหงษ์ ส่งถึงทุกท่าน ให้โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    พระเจ้าใหญ่ วัดหงษ์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดหงษ์ หรือ วัดศีรษะแรด อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์
    เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งได้รับการค้นพบในราว พ.ศ. 1792 โดยท้าวศรีปาก (นา) และไพร่พลซึ่งตามแรดใหญ่มา จึงได้มีการตั้งรกรากในบริเวณนั้น แต่ก็ได้เสื่อมลงตามกาลเวลา ต่อมาในพ.ศ. 2200 พรานป่า 2 คนได้ตามหงส์เข้ามาในป่า ได้พบองค์พระเจ้าใหญ่ ซากเจดีย์ นอแรด และกระดูกแรด จึงชวนผู้คนมาตั้งรกราก ตั้งชื่อว่า บ้านศีรษะแรด และสร้างวัดชื่อ วัดหงษ์ และในปี พ.ศ. 2513 ได้มีการขุดค้นพบพระปรางค์สูง 70 เซนติเมตร ในบริเวณวิหารพระเจ้าใหญ่อีกด้วย เเละในช่วง วันขึ้น 14 ค่ำถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลปิดทองพระเจ้าใหญ่วัดหงษ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของบุรีรัมย์ มีการทำบุญไหว้พระและมีมหรสพต่าง ๆ มากมาย รวม 7 วัน 7 คืน
    ด้านความศักดิ์สิทธิ์
    1.สาบานต่อหน้าองค์ท่านแล้วผิดคำสาบานมักจะมีเหตุให้เป็นไปเสมอ
    2.สิ่งที่บนกันได้แค่ ขอให้เลิกจากยาเสพติด ขอให้เลิกจากการพนัน ขอให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
    แต่เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ปัจจุบันจึงมีแต่คนขอเลิกแค่สุราเท่านั้น

    ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
    ข้อมูลจาก
    wikipedia
    https://th.wikipedia.org/wiki/วัดหงส์_(จังหวัดบุรีรัมย์)
    รูปภาพจาก
    ไทยรัฐออนไลน์
    https://www.thairath.co.th/
    แหล่งที่มาของรูปภาพ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2024
  7. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์
    ขอบารมี หลวงพ่อในกุฏิ ส่งถึงทุกท่าน ให้สุขภาพแข็งแรง กิจการงานค้าขายให้สำเร็จ โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    หลวงพ่อในกุฏิ แห่งวัดกุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เดิมท่านเป็นพระภิกษุชื่อบุญมาก ท่านมีชีวิตในช่วงอยุธยาตอนปลายรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศ มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2412 หรือ 2413 ในต้นรัชกาลที่ 5
    ท่านมีพี่น้อง 4 คน คือ ท่านอินทร์ ท่านม่วง และท่านมาก น้องคนสุดท้องเป็นผู้หญิง ทั้งสี่คนเป็นคนปักษ์ใต้แถวจังหวัดชุมพร เมื่ออายุครบบวชท่านและพี่ชายได้ออกบวชและครองสมณเพศตลอดชีวิต
    ท่านทั้งสามองค์เชี่ยวชาญเรื่องเวชกรรม ไสยศาสตร์ และวิปัสนากรรมฐาน มักจะออกธุดงค์ด้วยกันเสมอ
    หลวงพ่ออินทร์ เลือกมาจำพรรษาที่เมืองกำเนิดนพคุณ หรือเมืองบางสะพาน ปัจจุบันมีรูปเหมือนของท่านประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาโบสถ์ อำเภอบางสะพาน หลวงพ่อม่วง น้องคนกลาง เลือกจำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งระหว่างบ้านกรูดและทับสะแก ถ้ำแห่งนั้น คือ ถ้ำคีรีวงศ์ และกลายเป็นวัดถ้ำคีรีวงศ์ ในปัจจุบัน ส่วนหลวงพ่อมาก หรือหลวงพ่อในกุฏิ เลือกจำพรรษาที่เมืองกุยบุรีที่วัดกุยบุรี
    หลวงพ่อมากท่านได้ปกครอง วัดกุยบุรี และได้เป็นที่พึ่งอาศัยแก่ปวงชนทั้งหลาย ได้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้ความอบอุ่นและอุปการะเผื่อแผ่ แก่ผู้ที่ได้รับความทุกข์ทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ ตลอดถึงได้สั่งสอนให้ประชาชนยึดมั่นอยู่ในคำสอนของพระศาสนา จนท่านได้เป็นที่เคารพสักการะของปวงชนทั้งหลาย
    หลวงพ่อเมื่อคราวท่านว่างจากภารกิจต่างๆ ของวัดแล้ว ท่านจะต้องบำเพ็ญภาวนาของท่านอยู่เป็นประจำ เล่ากันว่าบางครั้งท่านจะเข้าสมาธิเจริญวิปัสสนาอยู่แต่ในกุฏิของท่าน ตลอด 7 วันบ้าง 15วันบ้าง โดยท่านจะไม่ลุกและออกจากกุฏิของท่านไปไหนเลย ด้วยเหตุอันนี้เอง จึงได้มีคำเรียกท่านอีกคำหนึ่งว่า “หลวงพ่อในกุฏิ”
    หลวงพ่อท่านได้อยูสงเคราะห์ชาวบ้านจนอายุประมาณ 108 ปี จึงถึงการมรณภาพ เล่ากันว่าท่านได้มรณภาพแบบนั่งสมาธิ
    ด้วยบารมีของท่าน แม้ถึงท่านจะได้ล่วงลับดับจิตไปแล้ว ประชาชนทั้งหลายก็ยังมีจิตศรัทธาเลื่อม ใส และยึดมั่นอยู่ในท่านยังไม่จืดจาง กลับจะยิ่งแน่นแคว้นยิ่งขึ้น จึงได้พร้อมใจกัน ปั้นรูปเหมือนของท่านไว้สักการบูชา และได้บรรจุอัฐิของท่านไว้ภายใน ให้คล้ายกับว่าหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ครั้นอยู่มานานวันเข้า บารมีและอภินิหารต่างๆ ของท่านก็ยิ่งมากขึ้นๆ ตาม ลำดับจนปัจจุบันนี้
    ด้านความศักดิ์สิทธิ์ มักจะมีคนไปขอบารมีท่านในเรื่องกิจการงานทั้งหลาย ให้หายจากโรค ภัยไข้เจ็บ เพื่อสำเร็จตามความปราถนาแล้ว คนจะแก้บนด้วยภาพยนตร์ งิ้วแต้จิ๋วและงิ้วไหหลำ
    ขอบคุณข้อมูลและภาพ
    ข้อมูลจาก
    FB หลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี
    https://www.facebook.com/groups/Lpnaikuti/posts/2317327458500287/?locale=th_TH
    เว็บ MCOT
    https://www.mcot.net/view/kAtTxLbx
    รูปภาพจาก
    FB หลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรี
    0Xy4dFfYjjiEX5lQ7VCp_eGcj84X262ZOuGefE39ZmFR&_nc_ohc=xOH8aXgPhz8Ab4BrEcN&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
  8. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงพ่อผอมศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสายพายทอง อ่างทอง
    ขอบารมีหลวงพ่อผอมศักดิ์สิทธิ์แห่งบ้านสายพายทอง ช่วยอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและผู้มีปัญญาด้วยเทอญ
    หลวงพ่อผอม เป็นพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาริมคลองชลประทานหมู่ 8 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หล่อด้วยสัมฤทธิ์
    ประวัติหลวงพ่อผอมมีจารึกติดอยู่ในศาลาว่า เจ้าพนักงานตรวจโบราณคดีของรัฐบาลอินเดียส่งพระพุทธรูปปางบำเพ็ญเพียรหาโมขขธรรมกระทำทุกกรกิริยา หล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ปิดทองคำเปลวมาให้เป็นของที่ระลึกสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในรัชกาลที่5 (พระผอมองค์จริงเป็นศิลาประดิษฐานไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานที่เมืองละออ ช่างโยนกสร้างไว้เมื่อราว พ.ศ. 900) พระผอมจำลองประดิษฐานไว้ในพระราชวังรัชกาลที่5 ให้คนกราบไหว้บูชา 3 วัน ช่างคนไทยขออนุญาตหล่อจำลองพระผอมด้วยทองสัมริดหน้าตักกว้าง 1 ศอก 1 คืบ นำไปกราบไหว้บูชา กลุ่มบุคคลตำบลสายทองเดินทางไปอัญเชิญพระผอมจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาประดิษฐานไว้ที่ตำบลสายทอง จนถึงปัจจุบัน
    ด้านความศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานรักษาโรกภัยไข้เจ็บ เรื่องสอบบรรจุ โชคลาภ เมื่อสมปราถนาแล้ว ต้องแก้บนด้วยกลองยาว ละครชาตรี หัวหมู ไข่ต้ม พวงมาลัย
    ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
    ข้อมูล
    เว็บไซต์อองค์การบริหารส่วนตำบลสายทอง
    https://www.saithong.go.th/default.asp
    รูปภาพ
    FB หลวงพ่อพุทธศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อผอม บ้านสายพายทอง
    UZqXV8vdV5ZTMQ1dH50lpDAqnvAyvZ7wOm3jKFOLFotv&_nc_ohc=HY8elO_xfScAb6Sm_b6&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
  9. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หลวงพ่อพระใส
    ขอบารมี หลวงพ่อพระใส ส่งถึงทุกท่าน ให้สุขภาพแข็งแรง กิจการงานค้าขายให้สำเร็จ โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    พระใส หรือ หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย ศิลปะล้านช้าง หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณ์งดงามมาก ขนาดหน้าตัก กว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระสงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว ของชางไม้ ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่ง โดยจะมีการอัญเชิญลงมาให้พุทธศาสนิกชนร่วมสรงน้ำ ในเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี
    ตามประวัติกล่าวไว้ว่า พระธิดาสามพี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง (บางท่านเชื่อว่า เป็นธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช) ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปประจำพระองค์ขึ้น 3 องค์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา แล้วขนานนามพระพุทธรูปตามพระนามว่า พระสุก พระเสริม และพระใส มีขนาดลดกันตามลำดับ พระสุกนั้นเป็นพระประจำพี่ผู้ใหญ่ พระเสริมประจำคนกลาง ส่วนพระใสประจำคนสุดท้อง
    ตามประวัติการสร้างเล่าว่า มีพิธีการทางบ้านและทางวัดช่วยกันใหญ่โต มีคนสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นำเป็นเวลา 7 วันแล้วทองก็ยังไม่ละลาย ถึงวันที่ 8 เวลาเพล เหลือหลวงตากับสามเณรน้อยรูปหนึ่งสูบเตาอยู่ได้ปรากฏชีปะขาว ตนหนึ่งมาขอช่วยทำ หลวงตากับเณรน้อยจึงไปฉันเพล ญาติโยมที่มาส่งเพลจะลงไปช่วยแต่มองไปเห็นชีปะขาวจำนวนมากช่วยกันสูบเตาอยู่ แต่เมื่อถามพระ พระมองลงไปก็เห็นเป็นชีปะขาวตนเดียว พอฉันเพลเสร็จคนทั้งหมดจึงลงมาดู ก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง เหตุเพราะได้เห็นทองทั้งหมดถูกเทลงในเบ้าทั้ง 3 เบ้า แล้ว และไม่เห็นชีปะขาวแล้ว
    หลังสร้างเสร็จพระสุก พระเสริม และพระใส ได้ประดิษฐานไว้ ณ เมืองหลวงอาณาจักรล้านช้าง มาช้านาน คราใดที่เกิดสงครามบ้านเมืองไม่สงบสุข ชาวเมืองก็จะนำพระพุทธรูปทั้งสามไปซ่อนไว้ที่ภูเขาควาย หากเหตุการสงบแล้วจึงนำกลับมาไว้ดังเดิม ส่วนหลักฐานที่ว่าประดิษฐานอยู่ ณ เมืองเวียงจันทน์ตั้งแต่เมื่อใดนั้นยังไม่มีปรากฏแน่ชัด ทราบเพียงว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ขึ้นที่เมืองเวียงจันทน์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ทำลายเมืองเวียงจันทน์เสียสิ้น จึงให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ได้เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ เมื่อเมืองเวียงจันทน์สงบแล้ว จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใสมาที่จังหวัดหนองคาย
    มีคำบอกเล่าว่า คราที่อัญเชิญมานั้น ไม่ได้อัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทน์โดยตรงแต่อัญเชิญมาจากภูเขาควาย ซึ่งชาวเมืองนำไปซ่อนไว้ การอัญเชิญนั้นได้ประดิษฐานหลวงพ่อทั้งสามไว้บนแพไม้ไผ่ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงเวินแท่นได้เกิดอัศจรรย์ คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุแรงจัดพัดแพจนเอียงชะเนาะที่ขันพระแท่นติดกับแพไม่สามารถที่จะทนน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ บริเวณนั้นจึงชื่อว่า “เวินแท่น“ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    ครั้นล่องแพต่อมาจนถึงแม่น้ำโขง ตรงปากงึม เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ได้บังเกิดฝนฟ้าคะนอง พระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ ท้องฟ้าที่วิปริตต่างๆ จึงหายไป บริเวณนั้นจึงได้ชื่อ “เวินสุก” ตั้งแต่นั้นมา ด้วยเหตุข้างต้น การอัญเชิญครั้งนี้จึงเหลือแต่พระเสริม และพระใสมาถึงหนองคาย สำหรับพระเสริมนั้นได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้ อัญเชิญไปไว้ยังวัดหอก่อง หรือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ และพระสุก ได้สร้างองค์จำลองไว้ที่วัดศรีคุณเมือง ณ ปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริมจากวัดโพธิ์ชัยลงไปยังกรุงเทพฯ ขุนวรธานีจะอัญเชิญพระใสไปพร้อมกับพระเสริมด้วย แต่เกิดปาฏิหาริย์ โดยพราหมณ์ผู้อัญเชิญนั้นไม่สามารถขับเกวียนนำพระใสไปได้ แม้จะใช้กำลังคนหรืออ้อนวอนอย่างไรก็ตาม จนในที่สุดเกวียนได้หักลง เมื่อหาเกวียนใหม่มาแทนก็ไม่สามารถเคลื่อนไปได้อีก จึงปรึกษาตกลงกันว่าให้อัญเชิญพระใสมาไว้ที่วัดโพธิ์ชัยแทนพระเสริม ซึ่งอัญเชิญไปกรุงเทพฯ เมื่ออธิษฐานดังกล่าวพอเข้าหามเพียงไม่กี่คนก็อัญเชิญพระใสมาได้

    สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงลงความเห็นเกี่ยวกับพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ว่า เป็นพระพุทธรูปล้านช้างที่งดงามยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ และทรงสันนิษฐานเรื่องการสร้างเป็น 2 ประการ คือ อาจจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากเมืองหนึ่งเมืองใดทางตะวันออกของอาณาจักรล้านช้าง และต่อมาตกอยู่ในเขตล้านช้าง หรืออาจสร้างขึ้นในเขตล้านช้างโดยฝีมือช่างลาวพุงขาว
    ขอบคุณข้อมูลจาก
    wikipedia
    ภาพหลวงพ่อพระใส: เพจวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง จังหวัดหนองคาย
    Co5rLB8Z-I5D2sHIq4zLhLBUtQ57qmzZ6Vco3soZNNl-&_nc_ohc=lk2HXESa3O4Ab4504PE&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
  10. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    น้ำมนต์พิชิตโรค หลวงพ่อพระกาฬ วัดกลางบางซื่อ
    ขอบารมี หลวงพ่อพระกาฬ ส่งถึงทุกท่าน ให้สุขภาพแข็งแรง กิจการงานค้าขายให้สำเร็จ โชคลาภเงินทองหลั่งไหลมาเป็นอัศจรรย์ด้วยเทอญ
    หลวงพ่อพระกาฬ วัดกลางบางซื่อ จ.นนทบุรี เป็นพระพุทธรูปที่คนเมืองนนท์นับถือมาก เพราะมีอภินิหารบนบานสำเร็จทุกประการ
    หลวงพ่อพระกาฬ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติสูง 2.70 เมตร ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถ วัดกลางบางซื่อ
    หลวงพ่อพระกาฬ เป็นพระศิลาแลงลอยน้ำมาติดอยู่หน้าวัดตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านถือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มากโดยเฉพาะเรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ จะนำน้ำมนต์ที่หน้าหลวงพ่อดื่มเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ
    ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
    FBรูปถ่ายพระเกจิเก่า
    https://shorturl.asia/amn5u
    v-ZgvyTGL9cW_lurK3A7JyBDjjwqAKQu3mA5YPbrHTrz&_nc_ohc=JXih_I8RcFcAb4iLupf&_nc_ht=scontent.fphs4-1.jpg
     
  11. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    หนี้หาย ขายดี หลวงพ่อธรรมจักรขจัดภัย วัดอินทาราม
    คุณป้าคนหนึ่งโดนยืมเงินไป 2 ล้าน แล้วไม่ได้คืน ไม่ทันไรได้เงินคืนสมใจ
    ขายที่ไม่ได้มาเป็นสิบปี ไม่กี่เดือนขายได้กว่า 300 ล้าน
    หลวงพ่อธรรมจักร วัดอินทาราม ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
    เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวพ่อธรรมจักรขจัดภัย"
    ชาวบ้านทั่วไปศรัทธามาก จะใช้ศรีษะไปชิดติดกับพระหัตถ์ขวาแล้วอธิษฐานขอพร
    เชื่อว่าที่พระหัตถ์ขวามีรูปจักรประดับพลอยนพเก้าสามารถขจัดสิ่งอัปมงคลออกไปได้
    กำจัดเคราะห์ภัย กันคุณไสยไล่สิ่งอัปมงคล ส่งเสริมการงาน ขายที่ดิน และหนี้สิน
    สุดท้ายขออำนาจบารมี หลวงพ่อธรรมจักรขจัดภัย ช่วยให้ท่านทั้งหลาย ใครยืมเงินก็ขอให้คืน มีหนี้ก็ขอให้หาย ขายที่ดินได้รวย ๆ เฮง ๆ สมความปรารถนาทุกประการเทอญ สาธุ
    ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ
    FB:โหนกระแส
    FB:วัดอินทาราม
    https://mgronline.com/
    https://www.watintaram.org/
    RkaOFMo85byiI3htwIXr.jpg
     
  12. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +699
    ไม่อยากเป็นทหารต้องมาวัดนี้ หลวงพ่อจันทรังษี วัดอาน

    รถยนต์ในสุพรรณเกินร้อยต้องมีวัตถุมงคลท่านติดรถ
    บ้านทุกหลังในสุพรรณต้องมีรูปท่านติดบ้าน
    รถออกใหม่ต้องมาเอาน้ำมนต์ท่านพรมเสมอ
    ศิลปินดาราลิเกนักร้องชาวสุพรรณต้องมาขอพรท่านก่อนดัง
    สำคัญสุด ไม่อยากเป็นทหารต้องมาวัดนี้


    นี่คือ หลวงพ่อจันทรังษี วัดอาน (หลวงพ่อวัดอาน)
    หลวงพ่อจันทรังษี หรือ หลวงพ่อวัดอาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ขนาดหน้าตัก 47 นิ้ว สูง 57 นิ้ว คาดว่าสร้างสมัยอู่ทองถึงอยุธยาตอนต้น อายุประมาณ 400 ปี ประดิษฐานอยู่ภายในวัดอานที่เป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ที่ ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ที่ชื่อว่าวัดอานเพราะในสมัยนั้นพม่ากำลังทำศึกกับกรุงศรีอยุธยา พม่าได้ยกทัพผ่านมาที่บริเวณนี้ และได้พักกองทัพช้าง กองทัพม้าที่นี่ ทหารพม่าได้ทิ้งอานช้างอานม้าที่ชำรุดใช้ไม่ได้แล้ว ทิ้งไว้เป็นอันมาก

    ถึงแม้ว่าวัดอานจะเป็นวัดที่ไม่มีพระจำพรรษาอยู่เลย แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นผู้ใจบุญมารับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ คอยดูแลวัดและคอยบริการสิ่งต่างๆให้กับผู้ที่มาวัดนี้

    หลวงพ่อจันทรังษีมีความศักดิ์สิทธิ์มากเล่าปากต่อปากจากอดีตถึงปัจจุบันว่า
    1.ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ เพราะคำว่า "อาน" ชาวบ้านเชื่อว่าจะช่วยให้ขับขี่ปลอดภัย
    2.ขอให้สำเร็จในหน้าที่การงาน
    3.ให้รอดพ้นจากทหารเกณฑ์

    เมื่อประสบผลสำเร็จแล้วให้มาแก้บน ด้วย"ขนมจีนและไข่ต้ม" ตามแต่โอกาส

    สุดท้ายนี้ ขอบารมีหลวงพ่อจันทรังษี ช่วยอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและผู้มีปัญญาด้วยเทอญ สาธุ

    เครดิตข้อมูลและรูปภาพ
    ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔
    ประวัติวัดอาน
    https://www.sangha14.org/index.php?url=temple&id=1704
    FB:ชมรมคนรักษ์สุพรรณ ที่มาข้อมูล

    รูปภาพ
    ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค ๑๔
    ที่มารูปภาพ
    https://www.sangha14.org/files/news/npic1_file_422cfa650e88b8f694338673155f031d.jpg

    npic1_file_422cfa650e88b8f694338673155f031d.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2024 at 18:56

แชร์หน้านี้

Loading...