เสียงธรรม เคล็ดวิธีต้านชราได้สไตล์อายุรวัฒน์

เครดิต :::
http://www.dhamaforlife.com

 

ผิวสวยเลือกได้ สไตล์อายุรวัฒน์/นพ.กฤษดา ศิรามพุช

-----------------------------------
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>11 มิถุนายน 2551 16:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เรื่องโดย...นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์อายุรวัฒน์
(American Board of Anti-aging medicine)
drkrisda@gmail.com





อันว่าเรื่องของผิวพรรณนี้ท่านว่าเป็นเรื่องนานาจิตตังดีนักแล บางประเทศก็ชื่นชมผิวขาวราวหยวกกล้วยว่าสวยดี หรือบางแห่งก็นิยมว่ายิ่งดำดีสีไม่ตก ดำตับเป็ดนี้ยิ่งดีหนักหนาชวนชมสมถวิลเป็นยิ่งนัก เช่นสมัยคุณดอกดินเล่นหนังเรื่อง “เห่าดง” เมื่อราวห้าสิบปีมาแล้วยังมีเพลงโฆษณาภาพยนตร์วรรคหนึ่งล้อว่า “…ดอกดินตัวดำๆ” คล้ายกับค่านิยมฟันดำฟันขาวแต่ก่อนที่คนไทยสมัยแม่พลอยเวลาอธิษฐานก็มักขอให้มีฟันดำเหมือนลูกหว้า มีปัญญาเหมือนพระมโหสถ เพราะผู้ใหญ่แต่ก่อนท่านว่าว่าฟันขาวนี้มีแต่หมาเท่านั้น แต่ถ้ามาเดี๋ยวนี้ขืนได้พรให้ฟันดำเหมือนลูกหว้าละก็คงไม่แคล้วถูกจับไปออกงานวัดหรือเลาะฟันออกไปใส่โหลดองไว้เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งปากหนึ่งบุคคลให้นิสิตแพทย์ดูเป็นแน่



แต่ทั้งนี้ก็หาใช่ว่าชาวเอเชียจะนิยมความขาวจั๊วได้ใจแต่เพียงกลุ่มเดียว แม้พวกฝรั่งเองก็ตามที่ที่เราชอบค่อนว่าว่ามีรสนิยมชอบผิวสีเข้มนั้น แต่ก่อนร่อนชะไรท่านก็ใฝ่ฝันในความขาวเหมือนกัน หากแต่เป็นขาวซีดชวนจิตตกนึกถึงแฟรงเกนสไตน์ ด้วยว่าแฟชั่นยุโรปในยุคร้อยปีก่อนนั้น ท่านถือว่าการมีผิวพรรณซีดขาวราวกระดาษสะอาดหมดเท่านั้นจึงจะดูมีชาติตระกูลมีอัตลักษณ์ราวกับมหาบุรุษสุดประเสริฐ ดูสมกับเป็นผู้ลากมากดี ด้วยว่าไม่คล้ำกรำแดดเหมือนชาวบ้านร้านตลาดผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย ร้อนถึงไฮโซ เจ็ทเซททั้งหลายที่มองไปมองมาแล้วผิวตัวยังไม่ขาวพอ เลยต้องไปต่อคิว “รีดเลือด” ออกจากกายให้ดูขาวซีดโพลนก่อนจะกรายไปงานราตรีสโมสรกัน เป็นอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดีแม้จะเสียเลือดไปเป็นกุรุสแต่ไฮโซก็ไม่ยั่น ไม่สูญพันธุ์ไปด้วย เหมือนดั่งคำอมตะวาจาที่ท่านนายพลแมคอาเธอร์ท่านเอื้อนเอ่ยไว้ว่าทหารแก่นั้นไม่มีวันตายหรอก เพียงแต่แค่ค่อยๆลับหายไปเท่านั้นเอง ไฮโซนั้นก็เหมือนกันครับ รีดเลือดอย่างไรก็ยังไม่ตาย แต่กลายเป็นผีดิบ เอ๊ย...กลายเป็นไฮซีดไปเท่านั้น แต่ต่อมาเทรนด์นี้ก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมาดามชาแนลเจ้าแม่แฟชั่นโอ๊ตกูตูร์ดูมีชาติตระกูลได้พาผิวสีแทนจากการไปผึ่งแดดชายทะเลเมืองกานส์มาให้ชาวปารีสชม ส่งผลให้ไฮโซปารีเซียงน้อยใหญ่พากันวิ่งโร่ไปตากแดดเพื่อหวังผิวแทนเซ็กซี่กันเต็มหาดเล็กเท่าแมวดิ้นตายของเมืองกานส์จนถึงปัจจุบัน ถ้าได้ผ่านไปก็จะเห็นว่ามีสภาพไม่ต่างกับปลาสลิดบางบ่อที่นอนยักแย่ยักยันกันแออัดในกระจาดที่แม่ค้ากระเดียดขาย

เหล่านี้ก็คือกรอบความคิดนานาจิตตังของมนุษย์ปุถุชนที่จะทำอย่างไรก็ไม่สู้ชอบใจนัก ต้องทำเองจึงจะโปรดปรานหรือถ้าพูดง่ายเข้าเอาจริงๆเลยก็คือ ไม่ว่าจะผิวอย่างไร ถ้าใส สะอาด ปราศจากมลทินเกาะกินที่ผิวจนดูน่ารำคาญตานั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และก็จะขอกล่าวถึงหลักการว่าถ้าจะมีผิวดีใสได้ใจเช่นนั้นก็จำต้องมีคุณสมบัติอยู่สองประการคือ

1) เป็นผู้มีศีล หรือมีศีลวัตรอันดี ด้วยว่าการจะมีผิวดีได้นั้นต้องออกมาจากภายในและปัจจัยภายในที่จะช่วยดันผิวให้เปล่งประกายได้ก็คือศีลครับ การครองศีลที่ดีจะช่วยได้ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใด ศีลก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เข้าวัดหาธรรมแต่ไม่ใช่เข้าไปช่วยจัดระเบียบให้วัดราษฏร์เปี่ยมศรัทธาให้กลายเป็นวัดราษฏร์สิ้นศรัทธาธรรมแทนด้วยพฤติกรรมที่ผิดศีลทั้งหลายเช่น ก่อกวนชวนหาเรื่อง หรือดื่มเหล้าเมายากัน น่าสุขสันต์แต่เห็นนรกอยู่รำไร ดังนี้ก็คงช่วยให้ผิวพรรณไม่มีโอกาสได้อยู่จนแก่แผ่ตีนกาโชว์ลูกหลาน ด้วยว่าจะพาลตายก่อนจากพฤติกรรมแหกศีลแย่งกันรับแต่อวิชชาเห็นว่าเป็นของดีราวกับกะโหลกเด็กหัวทุยในขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า

2) เป็นผู้มีสติ โดยเฉพาะที่สำคัญคือมีสติในการกินและการอยู่ ประการนี้เป็นสิ่งสำคัญพอกัน ด้วยว่าผิวเราจะดีหรือขี้เหร่นั้นอยู่ที่คุณมีความสำเร็จในการสะสมสนิมอนุมูลอิสระไว้ได้มากเพียงใด ถ้ามีความสามารถสูงก็อาจเก็บไว้ได้ถึงขั้นผิวแห้งเหี่ยวเก็บเกี่ยวอุดมไปด้วยตีนกาน้อยใหญ่ได้ เช่นเปิดผิวอ้าท้าแดดลมให้โลมเลียเสียจนร่ำๆจะเป็นมะเร็ง แถมยังนอนดึก คึกสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ และไม่รู้จักเติมสารต้านสนิมอนุมูลอิสระเข้าไปยิ่งชวนให้ผิวแก่กล้าล้ำหน้าอายุไวขึ้น ชวดโอกาสที่จะมีผิวดีชีชีแปะแป๊ะไปเสียสิ้น





</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 1 แฟชั่นยุโรปเมื่อสองสามศตวรรษที่ผ่านมา ชื่นชมการมีผิวสีขาวซีดและเอวคอดกิ่ว(จากรัดคอร์เซ็ต)เป็นอย่างยิ่ง ด้วยว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบอบบางและละเอียดอ่อนแบบชนชั้นสูง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 2 กาเบรียล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อโคโค่ ชาแนล สาวมั่นนำแฟชั่นแห่งกรุงปารีส ผู้ปฏิวัติความนิยมผิวขาวแบบซีดไร้เลือดลมมาเป็นสีแทนสุดเซ็กซี่ที่เกิดจากการอาบแดด และก็เป็นแฟชั่นที่ยืนยงธำรงมาจนถึงทุกวันนี้(พร้อมกับมะเร็งผิวหนังที่เดินตามมาต้อยๆ)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สูตรผิวใสไร้เทียมทาน

ถ้าอยากผิวสวยใสให้เยี่ยมสุดในยุทธจักรคงไม่ต้องอบผิวหลีกริ้วละอองไอแดดอยู่แต่ในบ้านเพียงอย่างเดียว เพราะนี่คือผิวคนที่ไม่เกี่ยวกับไก่ขอทานที่จะต้องพอกเนื้อหนังมังสาด้วยดินเหนียวพร้อมห่อใบบัวทั่วพร้อมอีกชั้นหรือไม่ต้องอยากใสได้ใจถึงขนาดไปฉีดสารเรืองแสงให้ผิวสุกสกาวราวกับปลาพระร่วงสีสดสะกดใจเด็ก โชว์ก้างเป็นแผง ชวนให้เด็กล้วงกระเป๋าตังค์แม่มาซื้อหาอวดกัน ด้วยเห็นว่าเดี๋ยวนี้นิยมไปทำกันมากเหลือเกิน แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์เองก็ตาม มีบางท่านกรุณาพาผิวมาอวดให้ดูว่านี่ตอนนี้ผิวขาวราวกับสาวกจิ้งจกเกิดใหม่ คือเห็นไปจนถึงเส้นเลือดเส้นเอ็นทั้งหลายใต้หนังกำพร้า ดูไปดูมาก็ชวนให้ใช้เป็นตัวอย่างพิจารณาอสุภกรรมฐานแยกธาตุแยกสังขารเป็นอย่างยิ่ง




</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=293><TBODY><TR><TD vAlign=top width=293 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 3 การผัดหน้าให้ขาวโพลนแบบนางละครคาบูกิของญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยก่อนนั้น สีผิวก็ใช้เป็นตัวแบ่งสถานะทางสังคมได้ โดยสีผิวที่ขาวเผือดนั้นบ่งถึงสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 4 ริ้วรอยย่นหยาบและละเอียดที่ผิวนั้นจะเข้มข้นล้นออกมาทางใบหน้าอย่างไรนั้นเกิดจากการสร้างสมอย่างกลมกล่อมมาตลอดชีวิตโดยเครื่องปรุงผิวแก่ที่สำคัญคือโดยแสงแดด, อาหารการกิน, วิถีชีวิตและความเครียด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 5 โรคทางพันธุกรรมบางโรค (Ehlers-Danlos syndrome)ทำให้เกิดความผิดปกติที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดผิวไว้ให้เต่งตึง เมื่อเป็นขึ้นมาจึงทำให้ผิวยืดตึ๋งหนืดได้มากกว่าปกติราวกับมนุษย์ยาง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ซึ่งที่จริงแล้วมรรคาแห่งผิวที่ดีหาได้มีวัตถุประสงค์จะให้มีสภาพเหมือนอมนุษย์เช่นนั้นไม่ หากแต่ต้องการทำให้ผิวดีแบบดูมีชาติตระกูลเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าแห่งผิวใสคุณจึงจำเป็นต้องรู้จักสารต้านแก่ที่ผิวอย่างเป็นทางการ นั่นคือสารต้านสนิมอนุมูลอิสระนั่นเอง โดยสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มง่ายๆได้แก่

1) สารต้านสนิมผิวชนิดน้ำย่อยที่คอยกัดกินทำลายอนุมูลอิสระ
2) สารต้านสนิมผิวชนิดที่เป็นวิตามินบำรุงผิวใสกระจ่างแบบแอ๊บแบ๊วได้(เดี๋ยวนี้เขาห้ามใช้คำว่าช่วยให้ผิวขาวนะครับ) ซึ่งวิตามินกลุ่มนี้มีหลักสำคัญคือต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม และ “ต้อง” เลือกจับคู่กันรับประทานให้ถูก

โดยค่าสารต้านสนิมผิวชนิดน้ำย่อยได้แก่ ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (SOD), กลูตาไทโอนรีดักเทส(GRx) และ กลูตาไทโอนเพอร์ออกซีเดส (GPx) ซึ่งค่าทั้งสามนี้จะทำงานในการขจัดสนิมอนุมูลอิสระที่มาจากโลกันตร์ทั้งหลาย ซึ่งสารต้านสนิมผิวเหล่านี้มีข่าวดีคือร่างกายสร้างได้เองทั้งนั้น แต่ทว่าเมื่อแก่ตัวลงศักยภาพเหล่านี้ก็ป้อแป้ ไม่มีแรงแข็งขันดันกันสร้างเช่นในวัยหนุ่มสาวจึงยิ่งทำให้พ่ายแพ้ต่อสนิมผิวแก่ง่ายขึ้น ส่วนประการที่สองนั้นคือสารต้านสนิมผิวชนิดที่เป็นวิตามินซึ่งที่จริงแล้วร่างกายสร้างได้บ้างไม่ได้บ้าง กะพร่องกะแพร่งอยู่พอดู แต่ดันต้องการเป็นทีมเสียด้วย เรียกว่ามีวิตามินตัวเดียวยืนโรงไม่ได้ต้องมีวิตามินตัวอื่นมาเป็นพระเอกเสริมกันด้วย โดยขอเน้นง่ายๆดังนี้คือวิตามินกลุ่ม “เอซ (A,C,E)” ได้แก่กลุ่มวิตามินเอพวกเบต้าแคโรทีน(และแคโรทีนอยด์อื่น), วิตามินซีแบบธรรมชาติและวิตามินอีธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุชื่อประหลาดว่าเซลีเนียม อันแปลว่าตรงตัวว่าดวงจันทร์นี้ที่ควรมีอยู่ในทีมสร้างผิวด้วย ครั้นบอกสูตรแบบเป็นทฤษฏีให้ท่านทั้งหลายแล้ว ก็ขอแนะแนววิธีปฏิบัติสำหรับหัดสวยด้วยตัวเองไว้ด้วยว่า

1) ขอให้เลี่ยงแดดที่แผดเผาโดยเฉพาะช่วงสายไปจนถึงบ่ายกว่าทิวาวาร ด้วยว่าแสงสุริยานี้ทำให้อณูของผิวพลันแตกหักเป็นเสี่ยง มีสิทธิ์เดี้ยงจากมะเร็งได้สบาย จึงอยากขอให้รอพระอาทิตย์ท่านทรงรถผ่านไปไกลๆ เสียก่อนจึงค่อยออกจากบ้าน
2) เข้านอนสี่ทุ่มตื่นหกโมงเช้าให้ได้ทุกวัน อยากให้ทุกท่านได้ลองทำดูสักอาทิตย์หนึ่งแล้วจะเห็นผลเองว่าผิวจะกระจ่างใสและโรคภัยยังไม่ถามหาด้วย นอกจากนั้นอย่าลืมสูตรสำคัญของอายุรวัฒน์คือให้ “มีสติอยู่กับปัจจุบัน” เสมอไม่ว่าจะทำการสิ่งใด
3) งดสูบบุหรี่ และยาสูบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมอระกู่, ยาเส้น, ยานัตถุ์, หรือการดอมดมควันบุหรี่มือสองจากเพื่อนพ้องรอบกาย ด้วยเป็นเหตุให้เกิดสนิมผิวพลันแก่เร็วได้ทั้งสิ้น
4) ลดการดื่มกาแฟหรือเลี่ยงได้เลยยิ่งดี ด้วยว่ากาแฟนี้มีธาตุคาเฟอีนที่ทำให้แก่เร็วได้โดยกลไกง่ายๆคือช่วยขับน้ำออกจากกาย ทำให้ผิวแห้งลายไปด้วยตีนกา และบรรดาฝ่าเท้าลูกกาขนาดเท่าฝาหอยตามร่องแก้มและหางตาก็จะกลายเป็นเห็นเด่นชัดขึ้นแทบจะเท่าฝ่าเท้าเราเอง
5) รับประทานมะเขือเทศ (วิตามินเอ) วันละ 5-10 ผล หรือจะกินจากน้ำมะเขือเทศ, ซอสมะเขือเทศ, พิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศ, น้ำเงี้ยวหรือน้ำพริกอ่องอันอุดมไปด้วยมะเขือเทศก็วิเศษเช่นเดียวกันครับ
6) รับประทานฝรั่งหรือวิตามินซีธรรมชาติ เพราะ “ซี” นี้เองที่ไปช่วยเสริมใยเหล็กเส้นคอลลาเจนชั้นดีให้กับผิวแถมป้องกันสิวได้ด้วยครับ
7) รับประทานขนุนหรือมะขามเทศ (วิตามินอี) แต่ถ้ารู้สึกว่าหายากลำบากลำบนก็รับประทานวิตามินอีสังเคราะห์ได้ แต่อย่าให้มากเกินกว่าวันละ 400 IU ครับ เพราะควรได้จากอาหารธรรมชาติร่วมด้วย
8) ดื่มน้ำให้ได้ตามน้ำหนักตัว โดยคิดตามสูตรง่ายๆว่า 30 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมครับ ถ้าท่านหนักสักหกสิบกิโลกรัมก็จะต้องกินน้ำเท่ากับ 1,800 ซีซี หรือวันละราวสองลิตรเท่านั้น
9) อย่าแกล้งผิวด้วยกระบวนการสรรสร้างผิวขาวต่างๆนานา ด้วยว่าคนเอเชียนั้นยิ่งผิวขาวยิ่งมีโอกาสรับมะเร็งให้เซ็งจิตได้มากขึ้น ดังนั้นมาช่วยกันเปลี่ยนกรอบความคิดให้เป็น “ยิ่งขาว ยิ่งต้องระวัง(โรค)ให้ดี” กันดีกว่าครับ แหม...ขนาดคุณโอบามายังประสบความสำเร็จไปถึงไหนๆขนาดไม่ได้ใช้ครีมหน้าขาวสักตลับเลยเห็นไหมครับ
10) ออกกำลังกายแบบสลับช่วง (Interval training) ซึ่งข้อนี้ผมได้เคยเขียนไว้ในหนังสือต้านความชราของผมทุกเล่มแล้ว มันจะเหมือนจับหัวใจกับปอดมาออกกำลังและช่วยสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ให้กับผิวหนังด้วยครับ





</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=281><TBODY><TR><TD vAlign=top width=281 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 6 แสงแดดและบุหรี่คือธาตุที่ช่วยระบายความแก่ให้แก่ผิวคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพอันดับต้นๆ นอกจากนั้นก็ยังมีพฤติกรรมนำอวิชชามาสู่ผิวอีกหลายประการเช่น การนอนดึกและการดื่มกาแฟจัดเป็นต้น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>






</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 7 ผิวจะแก่และเป็นมะเร็งได้อย่างรวดเร็วทันใจถ้าหมั่นสูบบุหรี่และไม่หนีแดดจ้าท้าลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวขาวมากเป็นพิเศษ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 8 มะเร็งผิวหนังจะมีลักษณะพิเศษคือ เป็นไฝที่ดูขี้เหร่ไม่เก๋สวยเหมือนมาริลีน มอนโร แต่จะดูขรุขระ ขอบไม่เรียบและโตเร็วผิดปกติ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=317><TBODY><TR><TD vAlign=top width=317 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รูปที่ 9 การทำสมาธิหรือการ “มีสติอยู่กับปัจจุบัน” เป็นเคล็ดสำคัญที่ทำให้ผิวดีตั้งแต่ในระดับอณูเซลล์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ผิวสวยไม่สวยอยู่ที่ใคร?

สิทธิการิยะว่า ถ้าท่านทั้งหลายได้ใฝ่ใจสะกดสังขารให้ทำตามบัญญัติทั้งสิบประการนี้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แม้ข้าวจะเลิกมีธงฟ้าหรือใครจะหย่ากับใคร ดาราท่านไหนเตียงหัก ก็ไม่ต้องไปสนใจครับ ด้วยว่าท่านจะมีสุขภาพผิวที่ดียิ่งกว่าดาราค้างฟ้าท่านใดที่แม่อาจไม่ปลื้มและดีตั้งแต่ในระดับอณูเซลล์ของผิวทีเดียว โดยไม่ต้องเที่ยวไปขวนขวายหายาหน้าขาวทาให้ขาววอกราวนางเอกคาบูกิหลงโรงหรือตัวโกงผีญี่ปุ่นที่แค่หันมาตอนโพล้เพล้ก็หลอกสามีได้ดั่งในเรื่องจูออนหรือหากมีผู้ใดใฝ่ใจปองร้ายจะทำให้ท่านหมดกำลังใจในการต้านผิวแก่ด้วยวิธีธรรมชาติด้วยการกล่าวอกุศลวาจาให้ท่านไขว้เขวว่าต้องใช้เครื่องกรอเกลาเหลาหน้าจึงจะงามงดหรือจำต้องใช้คลื่นแสงเฮ้ากวงอะไรต่ออะไรยิงใส่ใบหน้าอันงามสง่าของคุณเพื่อให้มีราศีขึ้น ก็ขอให้แก้โดยสงบใจแผ่เมตตาไปให้ชาติหน้าเขาได้เกิดมามีสัมมาทิฐิดีขึ้นหรือถ้าร้ายนักก็ส่งพลังจิตสาปไว้ให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นนอมินีของใครต่อใครบ้างก็พอจะเป็นการแก้เผ็ดที่สมน้ำสมเนื้อได้บ้าง

ด้วยว่าแท้จริงแล้วนั้นการที่บุคคลจะมีผิวดีมีสง่าได้ย่อมต้องคู่ไปกับความเป็นผู้มีศีลด้วย เพราะ “ผิวพรรณ” คือ “วรรณะ” และวรรณะจะดีได้ก็ด้วยศีลนี้เอง ไม่ว่าชาติใด ศาสนาใดก็ได้ครับ ขอให้ครองศีลอันดีงามของท่านไว้ให้ดีที่สุดแล้วที่เหลือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนท่านจะช่วยเหลือเองครับ ลองดูเถิดครับถ้าท่านเป็นคนมีน้ำใจงาม คิด “ออกนอกตัว” ไม่กลัวที่จะทำดีเพื่อเพื่อนมนุษย์นั้น ท่านก็จะเป็นคนสวยสะน่ารักเป็นหนักหนาในสายตาของผู้อื่นเองครับ เพราะที่สุดแล้วก็ไม่แคล้วอย่างฝรั่งเขาว่า “Beauty is in the eye of the beholder” คือความสวยรวยเสน่ห์ที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับลูกตา (กับสมอง)ของผู้ชมนั่นแหละครับ และถ้าผู้ชมเขานิยมรักท่าน ท่านก็คือผู้ที่สวยและหล่อที่สุดนั่นเองครับหาใช่ดาราหน้ามนหรือคนหน้าแป้นอื่นใดเลย



</TD></TR></TBODY></TABLE>
-------------------------
Quality of Life - Manager Online<!-- google_ad_section_end -->