ติดตามสถานะการณ์

UPDATE: เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ออกหนังสือเวียนกำชับผู้พิพากษา กรณีให้ความเห็นสื่อออนไลน์ต้องปฏิบัติตามระเบียบเคร่งครัด
.
วันนี้ (29 มิถุนายน) จีระพัฒน์ พันธุ์ทวี เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ออกหนังสือเวียนถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม เรื่อง การใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตุลาการ ความว่า ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกหนังสือเวียนเกี่ยวกับเรื่องการให้ข่าว การเขียนบทความ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย
.
1. หนังสือที่ ศย 003/ว 493 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2548 เรื่องการให้ข่าวและการเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ของข้าราชการตุลาการ
.
2. หนังสือที่ ศย 003/ว 85(ป) ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 เรื่องซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ข่าวและการเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ของข้าราชการตุลาการ
.
3. หนังสือที่ ศย 003/ว 799 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 เรื่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตุลาการ
.
แจ้งให้ข้าราชการตุลาการทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้วนั้น
.
เนื่องจากในปัจจุบันยังปรากฏว่ามีข้าราชการตุลาการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นการให้ข่าว
.
ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารของศาลยุติธรรม พ.ศ. 2545 การแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้กระทบกระเทือนต่อเกียรติศักดิ์แห่งหน้าที่ราชการและภาพลักษณ์ของศาลยุติธรรม
.
จึงขอให้ข้าราชการตุลาการปฏิบัติตามหนังสือเวียนดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารของศาลยุติธรรม พ.ศ. 2545 โดยเคร่งครัดต่อไป
.
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติ และขอได้แจ้งให้ผู้พิพากษาในหน่วยงานนี้ทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป
.
#TheStandardNews

 

UPDATE: ผู้นำ G7 เตรียมก่อตั้งกลุ่ม Climate Club สู้ภาวะโลกรวน
.
ผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ประกาศเตรียมจัดตั้งกลุ่ม Climate Club ภายในสิ้นปีนี้ โดยมุ่งเน้นประสานความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกรวน
.
แถลงการณ์ของผู้นำ G7 ที่เผยแพร่วานนี้ (28 มิถุนายน) ระบุว่า Climate Club เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศตามเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งพยายามรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยจะเน้นไปที่การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก และบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
.
โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม G7 ในปีนี้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “เราวางรากฐานที่สำคัญไว้ที่นี่...เราต้องการความทะเยอทะยานมากกว่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ
.
“เป้าหมายของเราคือ นำแนวทางทางการเมืองต่างๆ มารวมกัน การปกป้องสภาพภูมิอากาศควรมีความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อจูงใจให้ประเทศต่างๆ อยากเข้าร่วมมากขึ้น” ชอลซ์กล่าว
.
ผู้นำเยอรมนีระบุว่า ประเทศต่างๆ มีแนวทางในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ ทุกชาติจึงควรสื่อสารกันเพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมายเดียวกันได้ เช่น สมาชิกในกลุ่มจะต้องตกลงกันเกี่ยวกับการกำหนดกลไกราคาคาร์บอนไดออกไซด์ หรือสร้างมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับไฮโดรเจนสีเขียว
.
อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ตั้งคำถามว่า ผู้นำกลุ่ม G7 จะสามารถทำตามที่กล่าวไว้ได้หรือไม่ อีกทั้งแถลงการณ์บางจุดยังมีข้อความที่กำกวม เช่น ไม่มีการให้คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดราคาคาร์บอนไดออกไซด์ขั้นต่ำ หรือการออกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อเป็นบทลงโทษแก่สมาชิกที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้ ทำให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกังวลว่า Climate Club จะเป็นอีกแพลตฟอร์มสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่ก่อตั้งขึ้นมาแต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้จริง ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นยังไม่มีแผนที่จะกำหนดราคาคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศอย่างจริงจัง
.
ชอลซ์มองว่า แม้แต่ละประเทศอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับภาษีคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังมีหนทางต่างๆ อีกมากมายที่จะพาให้ทุกฝ่ายบรรลุ ‘เป้าหมายเดียวกัน’ ได้ พร้อมกล่าวว่า Climate Club จะไม่ปิดกั้นอยู่เพียงแค่สมาชิกกลุ่ม G7 เท่านั้น แต่จะเปิดกว้างให้กับประเทศอื่นๆ ที่สนใจเข้าร่วมด้วย
.
#TheStandardNews

3081244332168438/?type=3&source

 

UPDATE: จีนลดเวลากักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 7 วัน ย้ำยังยึดแนวทาง Zero-COVID แค่ปรับนโยบายใหม่
.
วานนี้ (28 มิถุนายน) ทางการจีนประกาศลดระยะเวลากักตัวสำหรับนักเดินทางจากต่างประเทศลงเหลือ 7 วัน ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมโรคระบาดครั้งใหญ่ของจีน จากเดิมที่รัฐบาลยึดมั่นใช้นโยบายสกัดโควิดอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด
.
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า นักเดินทางจะต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลกลางจัดหาไว้ให้เป็นเวลา 7 วัน จากเดิมที่ 14 วัน และหลังจากนั้นจะต้องกักตัวเองต่อที่บ้านอีก 3 วัน เพื่อดูอาการ ก่อนที่จะสามารถเดินทางไปยังแหล่งชุมชนได้ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้เหตุผลว่า การที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีระยะเวลาฟักตัวสั้นกว่าสายพันธุ์อื่น จึงทำให้สามารถปรับลดระยะเวลากักตัวได้
.
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเป็นการปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้สอดคล้องกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของเชื้อโอมิครอนเท่านั้น ไม่ใช่การผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิด โดยจีนยังคงยึดมั่นในแนวทาง Zero-COVID ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่มุ่งกดยอดผู้ติดเชื้อให้เป็นศูนย์ สวนทางกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่หันมาปรับใช้นโยบายอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส เนื่องจากไม่ต้องการให้ภาคเศรษฐกิจได้รับผลกระทบหนักไปมากกว่านี้
.
นอกจากนี้ สำนักข่าว Reuters ยังรายงานด้วยว่า หน่วยงานกำกับดูแลภาคการบินของจีนได้ประสานงานกับประเทศอื่นๆ เพื่อปรับเพิ่มเที่ยวบินในต่างประเทศช่วงครึ่งปีหลังแล้ว หลังยอดเที่ยวบินต่างประเทศในปัจจุบันมีสัดส่วนแค่ 2% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
.
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในจีนลดลงจนแตะที่เลขหลักหน่วย ส่งผลให้นครเซี่ยงไฮ้เริ่มกลับมาอนุญาตให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ร้านได้อีกครั้ง ส่วนกรุงปักกิ่งก็ได้ทยอยเปิดสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งแล้ว รวมถึงสวนสนุกยอดนิยมอย่าง Universal Beijing Resort ขณะที่ Shanghai Disney Resort เตรียมเปิดให้บริการในวันพรุ่งนี้ (30 มิถุนายน) หลังจากที่ปิดมานานกว่า 3 เดือน
.
#TheStandardNews

3081238212169050/?type=3&source

 

Crimea: หัวหน้าคณะผู้บริหารสาธารณรัฐไครเมีย ออกมาระบุว่า พร้อมแล้วที่จะเปิดเส้นทางให้รถบัส และรถไฟ จากไครเมียมุ่งหน้าสู่ 2 แคว้นทางตอนใต้ของยูเครนในต้นเดือนหน้า

สำนักข่าว AFP รายงานว่า เซอร์เกย์ อัคซิโอนอฟ หัวหน้าผู้บริหารสาธารณรัฐไครเมีย ออกมาระบุในวันนี้ (29 มิถุนายน) ว่า ไครเมียเตรียมพร้อมที่จะเปิดเส้นทางจากไครเมียสู่แคว้นเคอร์ซอน และแคว้นซาโปริซห์เซีย ที่อยู่ทางตอนใต้ของยูเครนแล้ว โดยจะเริ่มให้บริการรถบัส และรถไฟ ที่มุ่งหน้าสู่ทั้ง 2 แคว้น ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

ขณะเดียวกัน อัคซิโอนอฟ ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ทางกองกำลังรักษาดินแดนของรัสเซีย ก็ได้รับรองความปลอดภัยในการเดินทางผ่านเส้นทางนี้แล้วด้วย ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่จะกลับมาเปิดให้บริการขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อระหว่างไครเมีย กับแคว้นเคอร์ซอน และแคว้นซาโปริซห์เซีย ของยูเครน นับตั้งแต่ที่ไครเมีย ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครน ได้ผนวกเข้ากับรัสเซียเมื่อปี 2014

ด้านคิริล สเตรมูซอฟ รองผู้ว่าการแคว้นเคอร์ซอน ที่มีแนวคิดสนับสนุนรัสเซีย ก็ออกมาระบุว่า ขณะนี้ ทางคณะผู้บริหารอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมพร้อม ที่จะจัดการลงประชามติว่าด้วยสถานภาพของแคว้นเคอร์ซอน เพื่อสอบถามประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการที่จะผนวกเข้ากับรัสเซียหรือไม่ ตามรอยของไครเมีย เมื่อ 8 ปีก่อน
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #ไครเมีย #ยูเครน #รัสเซีย
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

Argentina: คนขับรถบรรทุกในอาร์เจนตินารวมตัวปิดถนนประท้วงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 หลังจากราคาน้ำมันพุ่ง ขณะที่ รัฐบาลอาร์เจนตินาใช้มาตรการห้ามส่งออกสินค้าเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ทำชาวอาร์เจนตินาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อเผชิญกับผลกระทบน้อยที่สุด

เมื่อวานนี้ (28 มิถุนายน) บรรดาคนขับรถบรรทุกนำรถออกมาปิดกั้นทางหลวงที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงบัวโนสไอเรส เพื่อแสดงความไม่พอใจหลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนและราคาน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ภาพถ่ายจากโดรนแสดงให้เห็นขบวนรถบรรทุกจอดเป็นแถวยาวปิดกั้นเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง การประท้วงทั่วประเทศเริ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยสหภาพคนขับรถบรรทุกบอกว่า จะประท้วงต่อไปโดยไม่มีกำหนด

ขณะที่ เลขาธิการสหภาพยานยนต์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้คนขับรถบรรทุกต้องเลือกระหว่างการลุกขึ้นสู้หรืออดทนต่อไปอย่างอดอยาก รวมทั้งอยากเรียกร้องให้ประธานาธิบดี อัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ผู้นำอาร์เจนตินา เร่งหาทางควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มตกงาน

เดือนนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินาได้เพิ่มอัตราส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล หวังจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำมันได้บ้าง สหภาพแรงงานขนส่ง ระบุว่า การขาดแคลนน้ำมันส่งผลกระทบกับ 21 จังหวัดของอาร์เจนตินา ขณะที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล กล่าวว่า การขาดแคลนน้ำมันเกิดจากความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในไตรมาสแรกความต้องการใช้น้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นถึง 14%

การประท้วงเรื่องราคาน้ำมันแพงในอาร์เจนตินา เกิดขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่ อาร์เจนตินาเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่สำคัญ และต้องการการขนส่งสำหรับผลผลิตทางการเกษตร แต่ปัจจุบัน อาร์เจนตินาต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศกว่า 60% ทำให้รัฐบาลต้องรับมือกับภาวะเงินเฟ้อด้วยการสั่งห้ามขึ้นราคาอาหาร และบังคับใช้มาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าไปยัง 19 ประเทศเป็นอย่างน้อย โดยให้เหตุผลว่า ต้องการสร้างเสถียรภาพให้กับการบริโภคภายในประเทศ โดยอาร์เจนตินาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในโลก ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่อันดับสองของโลก และส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก แต่ตอนนี้จำเป็นต้องระงับการส่งออกชั่วคราว เพื่อให้มีผลผลิตเพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศก่อน

แม้โดยรวมแล้ว อาร์เจนตินาจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตในยูเครนไม่มากนัก แต่ประชาชนในประเทศเลือกที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จนทำให้ราคาอาหารและสินค้าจำเป็นต่าง ๆ พุ่งขึ้น เช่น ราคาขนมปังที่กรุงบัวโนสไอเรสแพงขึ้น 69% เนื้อสัตว์แพงขึ้น 64% และผักราคาพุ่งขึ้น 66% บีบให้ผู้บริโภคต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยออกไปจับจ่ายสินค้าในตลาดที่ราคาถูกกว่าแม้จะต้องเดินทางไกลกว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยหางานที่สองทำเพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #สหรัฐฯ #นาโต #อัฟกานิสถาน
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

Afghanistan: นักวิเคราะห์การเมืองชาวอัฟกานิสถาน เผย นาโตนำความวุ่นวายมาสู่โลกมากขึ้น หลังขยายกองกำลังมากกว่า 300,000 นาย

ซาเอ็ด ฟาร์ฮัด ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองชาวอัฟกานิสถาน เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนว่า การขยายกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต จะนำความวุ่นวาย ความปั่นป่วนมาสู่โลกใบนี้มากขึ้น หลังเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวเมื่อวันจันทร์ (27 มิถุนายน) ว่า นาโตจะขยายกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว มากกว่า 300,000 นาย และก่อนประชุมสุดยอดผู้นำนาโตที่กรุงมาดริดของสเปน สโตลเทนเบิร์ก ยังหวังว่า ที่ประชุมจะอนุมัติการขยายกำลังพลเคลื่อนที่เร็วเป็นกว่า 300,000 นาย จากปัจจุบันมีแค่ 40,000 นาย

ฟาร์ฮัด กล่าวต่อไปว่า 20 ปีที่แล้วในอัฟกานิสถาน กองทัพสหรัฐฯ และนาโต เข้ามาประจำการ ไม่เห็นสันติภาพและการพัฒนา มีแต่การทำสงครามเท่านั้น ทำให้อัฟกานิสถานไม่ได้เป็นประเทศอิสระ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพราะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ และอัฟกานิสถานกลายเป็นดินแดนแห่งการนองเลือด กองทัพสหรัฐฯ และนาโตร่วมกันใช้โดรนโจมตี ทำให้พลเรือนชาวอัฟกันบาดเจ็บจำนวนมาก หากสหรัฐฯ และนาโตมีจิตสำนึกด้านสิทธิมนุษยชน พวกเขาจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้แก่ชาวอัฟกานิสถาน

ทั้งนี้ ปี 2017 กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ที่มีฉายาว่า “มารดาของระเบิดทั้งมวล” โจมตีทางอากาศในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน ขณะที่ นาโตใช้อัฟกานิสถาน เป็นพื้นที่ทดสอบอาวุธใหม่

ฟาร์ฮัด กล่าวว่า สหรัฐฯ และนาโตสนใจเฉพาะเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น ไม่สนโลกหรือประชาชน พวกเขาใช้ “มารดาของระเบิดทั้งมวล” และทดสอบอาวุธ กับเทคโนโลยีต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน สร้างความบอบช้ำอย่างหนักให้แก่ชาวอัฟกานิสถาน

ล่าสุด นาโตกำลังจะขยายกองกำลังเคลื่อนที่เร็วเป็นกว่า 300,000 นาย หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ฟาร์ฮัด บอกว่า นาโตฉวยโอกาสที่ประเทศต่าง ๆ กลัวสงคราม ขยายกำลังพลด้วยความชอบธรรม แต่ในที่สุดแล้ว กำลังพลกว่า 300,000 นายของนาโต จะทำให้โลกตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ
————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #สหรัฐฯ #นาโต #อัฟกานิสถาน
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

South Korea: ฝ่ายสอบสวนสหประชาชาติ ระบุ เกาหลีใต้ละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการเนรเทศชาวประมงเกาหลีเหนือ 2 คนโดยไม่มีกระบวนการทางกฏหมาย

โทมัส โอเจีย ควินตานา เจ้าหน้าที่พิเศษฝ่ายสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ หรือ UN เปิดเผย หลังอัยการเปิดการไต่สวนอีกครั้งว่า การตัดสินใจเนรเทศชาวประมงเกาหลีเหนือโดยไม่มีกระบวนการทางกฏหมายของเกาหลีใต้เมื่อปี 2019 เป็นการละเมิดหลักการด้านสิทธิมนุษยชน แม้ชาวประมงเกาหลีเหนือ 2 คน ถูกต้องสงสัยว่า ฆ่าลูกเรือด้วยกันก็ตาม

ควินตานา กล่าวต่อไปว่า ชะตากรรมของชาวประมงเกาหลีเหนือ 2 คน ยังไม่มีการยืนยัน แต่คาดว่า พวกเขาจะต้องถูกละเมิดสิทธิอย่างแน่นอน เมื่อถูกส่งตัวให้แก่ทางการเกาหลีเหนือ ดังนั้นเกาหลีใต้ควรดำเนินการภายใต้ระบบยุติธรรมของประเทศ มากกว่าการรีบตัดสินใจส่งตัวของพวกเขากลับออกไป

ทั้งนี้ อดีตรัฐบาลประธานาธิบดีมุน แจอิน เนรเทศชาวประมงเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า พวกเขาเป็นอาชญากรอันตราย หลังฆ่าเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน 16 คนบนเรือ ในระหว่างเดินทางข้ามพรมแดนทางทะเล และพวกเขาจะสร้างอันตราย หากปล่อยให้เข้าสู่สังคมเกาหลีใต้

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือเผชิญข้อกล่าวหาว่า มีการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม, การบังคับบุคคลให้สูญหาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “การอุ้มหาย”, การทรมาน, การจับกุมคุมขังโดยพลการ, การใช้ความรุนแรงทางเพศ และบังคับใช้แรงงาน แต่เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนก่อนหน้านี้ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ออกมาขอโทษที่มีการเข่นฆ่าเกิดขึ้น
————
ภาพ: Freepik

#TNNWorldNews #เกาหลีใต้ #เกาหลีเหนือ #สิทธิมนุษยชน
#เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline
————
อัพเดทข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok

 

สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ส่งสัญญาณว่า จะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่ปิดไปตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว และสึนามิใหญ่เมื่อ 11 ปีก่อนอีกครั้ง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั่วประเทศทำให้ประชาชน และภาคธุรกิจต้องใช้พลังงานอย่างจำกัด
.
นายกรัฐมนตรีคิชิดะ กล่าวระหว่างร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 ที่เยอรมนีเมื่อวานนี้ว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 4 เครื่องที่ได้รับอนุญาตให้เดินเครื่องอีกครั้งจะเดินเครื่องอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาวิกฤตพลังงาน พร้อมกับส่งสัญญาณเรื่องจะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์เพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่คาดว่า จะเพิ่มสูงขึ้นในฤดูร้อนนี้
.
ทั้งนี้ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้แก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ในจังหวัดฟุกุชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ญี่ปุ่นมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 54 เครื่อง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ร้อยละ 30 อุบัติเหตุนิวเคลียร์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลสั่งปิดโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ทุกแห่ง และต้องนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน มาผลิตไฟฟ้านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
.
สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นยืนยันว่า เดือนมิถุนายนปีนี้ กรุงโตเกียวมีอากาศร้อนที่สุดตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2418 อุณหภูมิในเมืองหลวงแห่งนี้สูงเกิน 35 องศาเซลเซียสมาตั้งแต่วันเสาร์ ส่วนเมืองอิเซซากิ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว อุณหภูมิสูงถึง 40.2 องศาเซลเซียสเมื่อวันเสาร์ ร้อนที่สุดในประเทศสำหรับอุณหภูมิของเดือนมิถุนายน หนังสือพิมพ์ยูมิอูริ รายงานว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าเมื่อวันจันทร์อยู่ที่ 52,700 เมกะวัตต์ ลบสถิติ 47,300 เมกะวัตต์ เมื่อฤดูร้อนปี 2561 และเทียบเท่ากับไฟฟ้าที่ผลิตจากเตาปฏิกรณ์ของญี่ปุ่น 5 เครื่อง
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.independent.co.uk/asia/japan/japan-heatwave-record-power-shortage-b2111902.html

https://tna.mcot.net/world-969559
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า พนักงานออฟฟิศชาวเกาหลีใต้หันมาพึ่งอาหารกลางวันจากร้านสะดวกซื้อมากขึ้น เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ
.
โดยพนักงานร้านสะดวกซื้อในกรุงโซลกำลังจัดวาง และเติมอาหารกล่องพร้อมทานในสต็อกให้เต็มชั้น ก่อนจะถึงเวลาอาหารเที่ยงของบรรดาพนักงานในออฟฟิศ เพื่อรอรับลูกค้าซึ่งเป็นพนักงานวัย 62 ปี ที่ไม่เคยซื้ออาหารเที่ยงจากร้านสะดวกซื้อมาก่อน
.
จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ ร้านอาหารที่เธอรับประทานเป็นประจำขึ้นราคาอาหารกว่า 10% หรือราว 9 พันวอน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อซึ่งสูงขึ้นในรอบ 14 ปี ทำให้เธอต้องหันมาพึ่งอาหารจากร้านสะดวกซื้อสัปดาห์ละ 2-3 มื้อแทน เธอบอกว่า ราคาอาหารสมเหตุสมผล และรสชาติก็ไม่เลว
.
ขณะที่บะหมี่สำเร็จรูป แซนด์วิช และอาหารกล่องที่ราคาคิดเป็นเงินไทยไม่เกิน 150 บาท ในร้านสะดวกซื้อก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากบรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต้องการลดค่าใช้จ่ายลง
.
นั่นทำให้ร้านอาหารขนาดเล็กที่จำหน่ายอาหารมื้อค่ำกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมาชาวเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวด
.
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติระบุว่า เดือนที่แล้วราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 23% สาเหตุหลักมาจากสงครามในยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกธัญพืชของทั้งสองประเทศ รวมทั้งส่งผลให้ราคาพลังงาน และปุ๋ยสูงขึ้น
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.reuters.com/world/asia-...nience-stores-lunch-flation-bites-2022-06-29/

https://tna.mcot.net/world-969442
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครนเรียกร้องให้ขับรัสเซียออกจากสหประชาชาติ หรือยูเอ็น UN และกล่าวหารัสเซียว่าเป็นรัฐก่อการร้าย
.
ประธานาธิบดีเซเลนสกี้ กล่าวสุนทรพจน์ทางออนไลน์ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) เมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้ขับรัสเซียออกจากยูเอ็น และกล่าวหารัสเซียว่าเป็นรัฐก่อการร้าย
.
เซเลนสกี้ระบุว่า ทั้งที่รัสเซียละเมิดหลักการพื้นฐานของยูเอ็น และระเบียบกฎหมายสากล แต่ก็ยังไม่ถูกลงโทษในระดับโลก เขาขอให้ยูเอ็นส่งคณะผู้แทนไปยังห้างสรรพสินค้าในเมืองเครเมนชุก ทางตอนกลางของยูเครนที่ถูกรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเมื่อวันจันทร์
.
รวมทั้งขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการสากลพิเศษขึ้นสอบสวนการกระทำของทหารรัสเซียในยูเครน ผู้นำยูเครนจบสุนทรพจน์ด้วยการขอให้ที่ประชุมยูเอ็นเอสซีสงบนิ่ง เพื่อรำลึกถึงชาวยูเครนทุกคนที่ถูกสังหารในสงครามนี้
.
โดยยูเอ็นเอสซีจัดการประชุมฉุกเฉินตามคำขอของยูเครน และเป็นวันที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเป็นวันที่ 125 แล้ว ผู้แทนถาวรประจำยูเอ็นของแอลเบเนีย ซึ่งเป็นประธานปัจจุบันของยูเอ็นเอสซีออกแถลงการณ์ร่วมในนามของแอลเบเนีย อังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหรัฐ และยูเครน
.
โดยเราขอประณามด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุดต่อการสังหารพลเรือนด้วยการยิงขีปนาวุธ โดยเฉพาะการยิงขีปนาวุธโจมตีห้างสรรพสินค้าในเมืองเครเมนชุกของยูเครน เป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนและประชาชนที่เป็นพลเรือนอย่างโจ่งแจ้ง

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.euronews.com/2022/06/29...t-state-russias-expulsion-from-united-nations

https://tna.mcot.net/world-969329
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการ "หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP" กล่าวว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ ได้เตรียมจัดทำร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปี 2566-2570 เนื่องจากฉบับเดิมจะสิ้นสุดในปี 2565 นี้
.
ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้กำหนดร่างวิสัยทัศน์ กรอบแนวทาง ขั้นตอน และระยะเวลาในการจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าว เตรียมการประชุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมจัดทำแผนให้มีความสมบูรณ์
.
นายธีรภัทร กล่าวว่า สปน. ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการโอทอปที่เสนอมาหลายด้าน ทั้งการยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างตลาดออนไลน์ พัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุน ภาครัฐ
.
รวมทั้งช่วยส่งเสริม เรื่องราวของสินค้าแต่ละชนิดเพื่อเป็นแรงจูงใจในการ ในการใช้สินค้านั้น ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดย สปน. ย้ำกับผู้ประกอบการโอทอป ให้ปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ของโลก และสอบถามความต้องการของชุมชนที่อยากที่อยากให้รัฐเข้าไปสนับสนุน เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน
.
นายธีรภัทร กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยี การส่งเสริมช่องทางการตลาดออนไลน์ ของผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 5,932 รายหรือชุมชน มีผลิตภัณฑ์ OTOP อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 4,359 ผลิตภัณฑ์ และมีการส่งเสริมช่องทางการตลาด โดยนักการตลาดรุ่นใหม่ (OTOP) จำนวน 24,339 ครั้ง ตลาดนัดคนไทยยิ้มได้ จำนวน 16,712 ครั้ง การจัดงาน OTOP ภูมิภาค จำนวน 1 ครั้ง และการจัดงานโอทอปไทยสู้ภัยโควิด-19 จำนวน 1 ครั้ง
.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า มีรายได้ของชุมชนจากการจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นมูลค่า 130,855,591,154 บาท ซึ่งมีมูลค่าการจำหน่ายที่ลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำหรับการจัดงาน OTOP MIDYEAR 2022 ในช่วงที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้ชุมชนร่วม 570 ล้านบาท
.
นายธีรภัทร กล่าวว่า เมื่อ ศบค.ปรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศเป็นจำนวนมากขึ้น มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวฟื้นตัว จะส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนต่าง ๆ เพิ่มขึ้น สำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยเตรียมผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดีมีความหลากหลาย และมีอัตลักษณ์ตามนโยบายรัฐบาล และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเรื่องการพัฒนาโครงการ BCG ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดี และมีมูลค่าสูงขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจระดับประเทศ ซึ่งจะทำให้ทุกชุมชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
.
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.thaipost.net/economy-news/171149/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ฮือฮา! กูเกิลทดลอง “รถบรรทุกขับอัตโนมัติ” ส่งสินค้าร้านเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์เวย์แฟร์ชื่อดังให้ลูกค้าในสหรัฐฯเป็นครั้งแรก
.
.
.
.
เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – บริษัทเวย์โม(Waymo)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกูเกิลแถลงวันอังคาร(28 มิ.ย)ประกาศใช้รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติทดลองส่งสินค้าจากร้านเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์ชื่อดังเวย์แฟร์ให้กับลูกค้าในสหรัฐฯเป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้าปลายเดือนมีนาคมทดลองใช้รถไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้คนขับโดยสมบูรณ์ส่งพนักงานในเขตซานฟรานซิสโกมาแล้ว
.
เดอะเวิร์จ(The Verge)รายงานวันอังคาร(28 มิ.ย)ถือเป็นความก้าวหน้าไปอีกขั้นสำหรับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติของสหรัฐฯท่ามกลางการแข่งขันทางเศรษฐกิจ บริษัทเวย์โม(Waymo)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทอัลฟาเบธที่เป็นบริษัทแม่ของกูเกิลแถลงยืนยันวานนี้(28)ว่า ทางบริษัทจะเริ่มต้นใช้รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติของตัวเองซึ่งคนขับเพียงแค่นั่งประจำที่โดยที่ไม่ต้องแตะคันเร่งหรือหมุนพวงมาลัยแต่ให้ระบบอัตโนมัติเป็นผู้ขับให้เพื่อทำการส่งสินค้าให้กับบริษัทเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์ชื่อดัง เวย์แฟร์(Wayfair)ให้กับลูกค้าในรัฐเทกซัสของสหรัฐฯ
.
เดอะเวิร์จชี้ว่า การเริ่มต้นใช้เพื่อส่งสินค้านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องการทดสอบที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างเวย์โมและบริษัทขนส่ง เจบี ฮันต์ ทรานสปอร์ต เซอร์วิสเซส ( JB Hunt Transport Services) สำหรับบางเส้นทางภายในรัฐ ซึ่งหนึ่งในลูกค้าของเจบี ฮันต์คือร้านออนไลน์เวย์แฟร์
.
การทดสอบจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ระหว่างกรกฎาคมไปจนถึงสิงหาคม
.
ฝูงรถบรรทุกเวย์โมนี้ที่จะออกเริ่มส่งสินค้านี้เป็นรถบรรทุกอัตโนมัติ รุ่นคลาส 8 ที่จะขับส่งสินค้าไปตามเส้นทางถนนไฮเวย์ I-45 ระหว่างคลังสินค้าในเมืองฮูสตันและเมืองดัลลัสซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันที่ทั้งเวย์โมและเจบี ฮันต์ทำการทดสอบร่วมกันในโครงการนำร่องเฟสแรกปีที่ผ่านมา
.
เดอะเวิร์จรายงานว่า รถบรรทุกจะขับเคลื่อนอัตโนมัติแต่จะมีพนักงานเวย์โม 2 คนคอยควบคุมคือ คนขับที่มีใบอนุญาตขับรถบรรทุกสินค้าและวิศวกรซอฟท์แวร์ที่นั่งคู่กันด้านหน้ารถ
.
บริษัทเวย์โมที่พัฒนามาจากโปรเจกต์เทคโนโลยียานยนต์ขับอัตโนมัติของกูเกิลตั้งเป้าการตลาดไว้ 2 ตลาดคือรถแท็กซีอัตโนมัติสำหรับรับส่งผู้โดยสารและรถบรรทุกสินค้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ
.
ซึ่งในปัจจุบันสำหรับตลาดสหรัฐฯบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ตั้งเป้าพัฒนารถบรรทุกชั้นคลาส 8 แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติได้แก่ เวย์โม อูเบอร์ (Uber ) เทสลา เอ็มบาร์ก (Embark) และสตาร์สกี (Starsky) และถึงแม้ว่ารถขับเคลื่อนอัตโนมัติยังไม่ได้ออกมาวิ่งจริงตามท้องถนนทั่วไปแต่ทว่าสภาคองเกรสสหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายขับเคลื่อนอัตโนมัติ ( SELF DRIVE Act)
.
อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของชุดอนุกรรมาธิการสภาล่างสหรัฐฯที่ดูแลในเรื่องนี้ กล่าวถึงกฎหมายขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ได้รับการผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯไปนั้นจะเป็นการถางทางนำไปสู่การมีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติวิ่งอยู่บนถนนในอเมริกาต่อไปในอนาคตอันใกล้
.
สำหรับรถบรรทุกรุ่นคลาส 8 ของเวย์โมที่เตรียมส่งสินค้าจริงนั้นเป็นเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ "ไดรเวอร์รุ่นที่ 5" (Driver Gen 5th) ทางเวย์โมกำลังซุ่มพัฒนาอยู่ เทคโนโลยีไดรเวอร์เจน 5 นี้ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ ระบบเซนเซอร์ และระบบซอฟท์แวร์ AI และทางบริษัทยังจับมือร่วมกับบริษัทรถเยอรมันชื่อดัง เมอร์ซิเดส เบนซ์ในการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่เรียกว่า Level 4 สำหรับรถบรรทุก
.
เอพีรายงานก่อนหน้าเมื่อราวปลายเดือนมีนาคมว่า บริษัทเวย์โมเริ่มทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นจากัวร์ ไอ-เพซ (Jaguar i-PACE)ที่มีระบบขับอัตโนมัติติดตั้งได้ออกเริ่มขับคาร์พูลส่งพนักงานของบริษัทภายในเขตซานฟรานซิสโกโดยเป็นการขับส่งแบบที่ไม่มีคนขับนั่งอยู่หลังพวงมาลัยที่ไม่ต้องออกมากล่าวกับผู้โดยสารหลังถึงจุดหมายปลายทางว่าถึงที่หมายแล้ว

 

สิ้นเสรีภาพสื่อ! “ดูเตอร์เต” ใช้อำนาจปธน.วันสุดท้ายสั่งปิด Rappler เว็บไซต์นักข่าวปินส์คู่ปรับจอมแฉชนะโนเบลสันติภาพ
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – นักข่าวเว็บไซต์ข่าวฟิลิปปินส์ชื่อดัง Rappler ชื่อดังที่ออกมาชนกับอดีตผู้นำฟิลิปปินส์เรื่องสิทธิมนุษยชนและฆ่าตัดตอนสงครามยาเสพติดจนชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2021 ถูกอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์ ใช้อำนาจประธานาธิบดีในวันท้ายๆของตำแหน่งสั่งปิด
.
อัลญาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานวันนี้(29 มิ.ย)ว่า มาเรีย เรสซา( Maria Ressa) นักข่าวสื่อสารมวลชนฟิลิปปินส์ชื่อดังซึ่งคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2021 ร่วมกับนักข่าวรัสเซีย ดมิตรี มูราตอฟ ( Dmitry Muratov )ออกมาเปิดเผยในรายงาน CNN ว่า เธอจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อคำสั่งปิดเว็บไซต์ข่าว Rappler ของเธอที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุด
.
ทั้งนี้เรสซาถือเป็นหัวหอกในการวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต และรายงานขุดคุ้ยโครงการทำสงครามกับยาเสพติดฆ่าตัดตอนที่เริ่มมาตั้งแต่อดีตผู้นำมะนิลารับตำแหน่งเมื่อปี 2016
.
คำสั่งฟ้าผ่าออกมาในวันพุธ(29)เมื่อคณะกรรมกาตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ SEC ออกแถลงการณ์ยืนยันเพิกถอนใบอนุญาตก่อตั้งบริษัท Rappler เนื่องมาจากละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญฟิลิปปิน์และข้อจำกัดของการอนุญาตต่างชาติถือครองความเป็นเจ้าของในธุรกิจสื่อสารมวลชนฟิลิปปินส์
.
CNN รายงานว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฟิลิปปินส์ไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นเป็นเจ้าของบริษัทสื่อสารมวลชน
.
เป็นการสั่งปิดเว็บไซต์ข่าวชื่อดัง Rappler ไปโดยปริยาย อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า Rappler ถูกสั่งปิด 1 วันก่อนที่ดูเตอร์เตจะออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โดยผู้นำคนใหม่ฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ มีกำหนดจะเข้าทำเนียบมาลากันยังในวันพรุ่งนี้(30 มิ.ย)
.
กลุ่มสื่อมวลชนฟิลลิปปินส์ออกมาเรียกร้องให้มาร์กอส จูเนียร์หรือบองบอง ออกมาปกป้องเสรีภาพสื่อแต่ทว่ามีนักสังเกตการณ์บางส่วนแสดงความวิตกต่อความสัมพันธ์ของเขาและสื่อฟิลิปปินส์
.
CNN รายงานว่า การมีผู้ถือหุ้นต่างชาติของบริษัท Rappler ที่นำมาสู่คำสั่งปิดนั้นเกิดมาจากการลงทุนของ โอมิดยาร์ เน็ตเวิร์ก (Omidyar Network) องค์กรการลงทุนที่ไม่หวังผลกำไรของผู้ก่อตั้งอีเบย์ ปิแอร์ โอมิดยาร์ (Pierre Omidyar) อ้างอิงจากการแถลงของ Rappler ในเวลานั้น
.
SEC ฟิลิปปินส์แถลงว่า บริษัท Rappler ได้ให้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของแก่ โอมิดยาร์ เน็ตเวิร์ก ผ่านการออกตราสารแสดงสิทธิในการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศฟิลิปปินส์ (Philippine Depositary Receipt)ให้กับองค์กรการกุศลสหรัฐฯแห่งนี้
.
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ในการตั้งโต๊ะแถลงข่าวของเรสซาวันพุธ(29)เธอยืนยันว่าตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทถูกคุกคามมาโดยตลอด
.
“นี่เป็นการคุกคามสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นแทคติกทางการเมือง ทางเราจะไม่ยอมสยบยอมต่อพวกมัน” และเสริมต่อว่า “พวกเราจะไม่สมัครใจยินยอมสละสิทธิของพวกเรา และพวกเราไม่สมควรทำเช่นนั้น ดิฉันจะยังคงยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อสิ่งนี้เป็นเพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณยอมสละสิทธิของตัวเอง คุณจะไม่มีทางได้มันกลับมา”
.
ในการแถลงข่าวเธอยังยืนยันว่าสำนักข่าวเว็บไซต์ Rappler จะยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปตามปกติและชี้ว่าได้แต่ตั้งความหวังในสมัยของมาร์กอส จูเนียร์เท่านั้น
.
อัลญะซีเราะฮ์ชี้ว่า Rappler ถือเป็นสำนักข่าวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับดูเตอร์เตไม่ต่างจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์มี CNN เป็นคู่ปรับและทั้งดูเตอร์เตและทรัมป์ต่างเรียกสำนักข่าวที่เป็นคู่อรินี้ว่า “สำนักข่าวเฟคนิวส์”

 

นอนหลับฝันดีครับ

ผ่านฉลุย! "สัณหพจน์" ปลื้ม สภาฯ ดัน ร่างพ.ร.บ.พืชกระท่อม ขายผ่านออนไลน์ได้

วันนี้ 29 มิ.ย. 65 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. ... พิจารณาแล้วเสร็จ ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามร่าง พ.ร.บ.ที่คณะกมธ. มีการแก้ไขเพิ่มเติม

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.จ.นครศรีธรรมราช เขต 2 (อ.ปากพนัง หัวไทร เชียรใหญ่) พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ เลขานุการคณะกมธ. เปิดเผยว่า ตนมีความยินดีที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ ร่าง.พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คณะกมธ.ได้มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม โดยมีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การอนุญาตให้มีการขายพืชกระท่อมผ่านทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้เกษตรกร ชาวบ้าน คนรากหญ้า ได้มีสิทธิ์ขายต้นพันธุ์กระท่อม ใบกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกระท่อม ได้โดยตรงสู่ผู้บริโภค โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง หรือนายทุน

แต่มีข้อยกเว้นคือการห้ามจำหน่ายใบกระท่อม และอาหารที่มีใบกระท่อมเป็นวัตถดิบให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร และบุคคลที่รมว.ยุติธรรม และรมว.สาธารณสุขร่วมกันกำหนด ห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ปรุงหรือผสมยาเสพติด ยาและวัตถุอันตราย ที่กฎหมายกำหนด

การห้ามจำหน่ายให้สถานที่ต่างๆ ได้แก่ สถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก ขายโดยใช้เครื่องขาย และห้ามขายในสถานที่ที่รมว.ยุติธรรม และรมว.สาธารณสุข กำหนด นอกจากนี้ผู้ขาย จะต้องปิดประกาศหรือแจ้ง ณ สถานที่ขาย รวมถึงการขายทางออนไลน์ ให้ทราบถึงข้อห้ามการจำหน่าย

ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังได้กำหนดให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนในกาเพาะปลูก หรือแปรรูปพืกระท่อมเพื่อให้ตามวิถีชุมชนในท้องถิ่น รวมทั้งการศึกษาวิจัย สร้างองค์ความรู้ผ่านการใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูก แปรรูปผลิตภัณฑ์ พัฒนาสายพันธุ์ การผลิต การบริหารจัดการ และการตลาด เพื่อพัฒนาให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าให้กับพี่น้องประชาชน

การที่ที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบตามที่คณะกมธ.พิจารณาแก้ไขในมาตราต่างๆดังกล่าว ชี้ให้เห็น ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กระท่อมฉบับนี้ ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่เอื้อต่อผลประโยชน์ให้กับประชาชน เกษตรกร และคนฐานราก สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จากพืชเศรษฐกิจใหม่

#พืชกระท่อม #พรบพืชกระท่อม #ข่าวโมโน29 #Mono29News #Mono29

 

BREAKING !!
ยุคดอกเบี้ยต่ำและเงินเงินเฟ้อปานกลางสิ้นสุดลงแล้ว ! ประธาน FED, ECB และ BOE กล่าว (รายละเอียดในคอมเมนต์)
#WorldMaker

⚠️ล่าสุดส่งสัญญาณกร้าวกันเต็มที่ !!! ธนาคารกลางชั้นนำของโลก 3 แห่งถึงกับออกโรงเตือนเองว่ายุคอัตราดอกเบี้ยต่ำและอัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลางได้สิ้นสุดลงแล้ว ! พร้อมกับความ 'ตื่นตระหนก' ทางการเมืองครั้งใหญ่ ! โดยเฉพาะประเด็นสงครามยูเครนและความตึงเครียดในไต้หวัน
.
โดยล่าสุดนี้ Jerome Powell, Christine Lagarde และ Andrew Bailey 3 ผู้ว่าการธนาคารกลางระดับ TOP ของโลก ล้วนเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า "จะต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ"
.
มีการยืนยันไว้ชัดเจนว่าหากธนาคารกลางล้มเหลวจากการไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วพอ นั่นอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อฝังตัวในระยะยาว และท้ายที่สุดก็จะต้องขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงอยู่ดี แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจสูงกว่าการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
.
Powell ยอมรับว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะสร้างความเจ็บปวดให้เศรษฐกิจบางส่วน แต่เขาย้ำว่าความเจ็บปวดที่เลวร้ายที่สุดคือ 'ความล้มเหลวในการจัดการเงินเ้ฟ้อ'
.
นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป้าหมายอันดับ 1 ของธนาคารกลางคือการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ไม่ใช่การอุ้มตลาดหุ้นหรือตลาดการเงิน ดังนั้นเตรียมรับมือแรงกระแทกให้ดี !
.
⚠️ทางฝั่ง Lagarde เองก็ยอมรับว่าเธอ "ไม่คิดว่าโลกจะกลับไปสู่สภาพแวดล้อมแบบดอกเบี้ยและเงินเฟ้อต่ำไปอีกสักระยะหนึ่ง" และย้ำว่าความวุ่นวายทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ในปัจจุบันไปอีกมาก
.
ส่วนทาง Andrew Bailey ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ล่าสุดก็ให้ความเห็นไปในแง่เดียวกับ Powell และ Lagarde โดยกล่าวว่าตอนนี้ 'คลื่นลมในทะเลกำลังเปลี่ยนทิศ' (หมายถึงการทำงานของเศรษฐกิจโลก)
.
มีการขยายมุมมองเพิ่มอีกว่าสงครามในยูเครนจะกระทบยุโรปมากกว่าชาติอื่นใด (กระทบมากกว่าสหรัฐฯ และรัสเซียด้วยซ้ำ แต่ที่หนักสุดคือยูเครนเอง) พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินไปในสมรภูมิสงครามนี้ จะถือเป็น 1 ในตัวชี้วัดเงินเฟ้อโลกที่สำคัญ
.
โดยสรุปแล้ว ธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งเน้นย้ำว่าจะพยายามป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแบบไม่มีหยุด ! และจะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลก ต้องได้รับความเสียหายหนัก แต่ยังยืนยันจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอย่างรวดเร็วในปีนี้
.
ตอนนี้ทั้ง 3 ธนาคารกลางกำลังอยู่ในโหมดยุติ QE และเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ! มารอดูกันว่า Movement ของธนาคารกลางโลกครั้งนี้จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้จริงหรือไม่ ?
.
⚠️แต่ที่สำคัญมาก ๆ อย่างหนึ่งคือ ประธานของ ECB ลั่นว่าตอนนี้ธนาคารกลางและรัฐบาลไม่ได้ทำงานแบบ 'จับมือกัน' อีกต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะกำหนดนโยบายเพื่อเป้าหมาย(ของตัวเองในอนาคต)และเพื่อให้มีความยั่งยืนมากขึ้น หรืออาจกล่าวง่าย ๆ ว่าทุกคนเปลี่ยนจากจับมือร่วมนโยบายเดียวกัน เป็นการดำเนินนโยบายที่แตกต่างกันบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเองก่อน
.
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าธนาคารกลางจะพูดผิดไปอย่างมากเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ย คงต้องมาดูกันว่าเมื่อพวกเขายอมรับเช่นนี้แล้ว ในอนาคตจะสามารถยกระดับนโยบายมาควบคุมได้จริงหรือไม่ ? เพราะตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาดการเงินเริ่มไม่ค่อยเชื่อคำพูดของธนาคารกลางเท่าไหร่นัก !
.
ดังนั้นจึงชัดเจนอย่างมากว่างานสำคัญอีกอย่างก็คงเกี่ยวข้องกับการดึงความเชื่อมั่นในตลาดกลับมา !
.
(ที่มารูป : Financial Times)

References :
1.https://www.ft.com/content/0c686df6-823b-49c2-bf0e-80e119d9e80a
2.https://www.bloomberg.com/news/arti...onomy-in-strong-shape-fed-can-avert-recession

แบ่งปันจาก World Maker

https://www.facebook.com/1095821106...HLifegbpkuDWdbznpWHgUD57CAHuzgebTBWsLb3V9epl/

 

BREAKING !!
หุ้นก๊าซรัสเซีย-เยอรมนีร่วง -20% หลังประกาศงดจ่ายปันผล-ลดคาดการณ์ผลกำไร (รายละเอียดในคอมเมนต์)
#WorldMaker

⚠️ล่าสุดหุ้น Gazprom ของรัสเซียและ Uniper ของเยอรมนีร่วงลง -25% และ -18% ตามลำดับ หลังจาก Gazprom ประกาศงดจ่ายปันผลสำหรับปีงบประมาณนี้ ! โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่โหวตลงคะแนนเสียงงดจ่ายปันผล !
.
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Gazprom ไม่ใช่ใครอื่น แต่ก็คือรัฐบาลรัสเซียซึ่งถือหุ้นโดยตรง 38% และ 12% ถูกถือครองโดยบริษัทของรัฐอีก 2 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นของนักลงทุนต่างชาติที่ถือผ่าน ADR และนักลงทุนที่ลงทะเบียนกับรัสเซีย
.
ขณะเดียวกัน ทางหุ้นของ Uniper บริษัทผู้ซื้อก๊าซรัสเซียรายใหญ่ก็ร่วงลงมากกว่า -18% หลังจากที่บริษัทต้องเผชิญปัญหาทางด้าน Supply เพราะโดนรัสเซียตัดก๊าซ โดยได้รับก๊าซจากรัสเซียน้อยลงถึง -60%
.
ทาง Uniper ยืนยันว่ามีการเจรจากับรัฐบาลเยอรมนีเกี่ยวกับ "มาตรการรักษาเสถียรภาพ" ในขณะที่ตอนนี้เยอรมนียกระดับภาวะฉุกเฉินก๊าซเป็นระดับ 2 แล้วจากทั้งหมด 3 ระดับ !
.
⚠️สงครามก๊าซครั้งนี้ยังคงเข้มข้นดุเดือดเหลือเกิน ! มารอดูกันว่าใครจะร่วงก่อน ! หนาวนี้ได้หนาวแน่...ถ้าทุกอย่างยังไม่มีอะไรดีขึ้น !

(ที่มารูป : Financial Times)

References :
1.https://www.ft.com/content/073b0bd3-b93f-4546-8ab3-c46d1428e919
2.https://www.ft.com/content/073b0bd3...919#post-047399f7-f823-42ea-8e4d-4afbe3e0eb1f

แบ่งปันจาก World Maker

https://www.facebook.com/1095821106...99e5FmqHTZaZUeqyp6DcafNTfovDH9XtR1DS56tT4sCl/

 

BREAKING !!: ตลาดหุ้นโดนเทขายอีก !!! ล่าสุดสถานการณ์ยังอยู่ในโซนสีแดง ! ตลาดหุ้นโลกโดนเทขายจากความกังวลที่รายล้อมอยู่ หลังธนาคารกลางตะวันตกชั้นนำ 3 แห่งส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยจริงจังเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นต่ำสุดในรอบ 2 ปี ! แต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าสนใจเพราะ...
.
⚠️สถานการณ์ในตลาดยังต้องจับตามองกันทุกวี่ทุกวันเลยทีเดียว ! ซึ่งล่าสุดนี้หุ้นทั่วโลกยังคงอยู่ในโซนสีแดง ดัชนี Futures สหรัฐฯ และยุโรปติดลบเกือบหมด มีเพียงดัชนีหุ้นจีนและอินเดียบางตัวอย่างเช่น CSI300, A50 และ SENSEX เท่านั้นที่เป็นบวกอยู่ตอนนี้
.
การเทขายสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาอย่างชัดเจนหลังจากธนาคารกลางชั้นของตะวันตก 3 แห่งคือ FED, ECB และ BOE ประกาศว่าจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และยอมรับว่าเศรษฐกิจมีแรงกดดันอีกมากมาย !
.
อย่างไรก็ตาม ยังมีแง่ดีอยู่บ้างในเรื่องความกังวลต่อเงินเฟ้อและภาวะถดถอย โดยล่าสุดนี้ราคาโลหะมีค่าในตลาด LME โลกร่วงลงมาแล้วราว ๆ -23% โดยเฉพาะดีบุกที่ลดลงถึง -38% ในขณะที่อะลูมิเนียมก็ร่วงลงประมาณ 33% และทองแดงร่วงลงราว -20%
.
สาเหตุหลักเป็นเพราะหลายคนคาดการณ์ว่าภาวะ Recession จะทำให้ Demand สินค้าและบริการลดลง ในขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยของ FED และธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ ก็จะถือเป็นการควบคุมภาค Demand ในระบบโดยตรง
.
⚠️ไม่มีใครปฏิเสธว่า 'มีความเสี่ยงมากขึ้น' ที่เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ Recession แต่ถึงกระนั้นจะต้องบอกว่าโอกาสหลีกเลี่ยงได้ยังมี แม้จะน้อย โดยเงื่อนไขสำคัญคือจะต้องไม่มีสงครามใหญ่ที่ทำลายล้างภาคการผลิตหรือลดจำนวนประชากรโลกลง เพราะภาค Demand นั้นมีอยู่ตลอดอย่างแน่นอน แม้ว่าธนาคารกลางจะพยายามควบคุม แต่ก็จะลดได้ใน Demand ส่วนเกินเท่านั้น แต่ในภาคเศรษฐกิจจริง ๆ มนุษย์ยังต้องอยู่ ต้องกิน และต้องใช้
.
ทางฝั่งราคาน้ำมันดิบ ตอนนี้ WTI และ BRENT เทรดกันอยู่ราว 110 และ 112 ดอลลาร์/บาร์เรลตามลำดับ ซึ่งลดลงมาจาก 120 ดอลลาร์ในก่อนหน้านี้ แต่ระดับที่สูงกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรลนั้น ยังคงกดดันเศรษฐกิจโลกและส่งผลต่อต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจะต้องติดตามราคากันต่อไปควบู่กับปัจจัยอื่น
.
ทางฝั่ง Bitcoin ล่าสุดราคาร่วงลงมาอีกราว -4% เฉียดหลุด 19,000 ดอลลาร์ ส่วนทองคำซื้อขายอยู่ราว 1815 $/Oz
.
ในขณะเดียวกันนี้ ล่าสุดมีรายงานออกมาว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นลดลงมากที่สุดในรอบ 2 ปี โดยสาเหตุหลักนั้นได้รับผลกระทบมาจากการ Lockdown ของจีนและปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นที่พึ่งพาจีนเป็น Supplier หยุดชะงักลงไปด้วย
.
ตัวเลขเปิดเผยออกมาว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นร่วงลง -7.2% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่กระทรวงงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ได้ปรับลดระดับการประเมิน Productivity เป็น "อ่อนตัว"
.
⚠️อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ภาคการผลิตของจีนเริ่มฟื้นตัวและกลับมาเปิดใหม่แล้ว ดังนั้นจึงต้องมารอลุ้นกันว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นหรือไม่ ?
.
ปัจจัยกดดันหลักตอนนี้คือความตึงเครียดในระดับมหภาค โดยเฉพาะรัสเซีย-ยูเครน-ตะวันตก และจีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ซึ่งเป็น 2 มวยคู่เอกที่เราต้องไม่พลาดสายตาไปเลยทีเดียว !
.
ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและการเงินโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------
#WorldMaker X #Liberator
.
สนใจข่าวหุ้น/การเงิน/เศรษฐกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ทั้งแบบรายตัวและภาพรวม ??? วันนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ไปพร้อม ๆ กับเพจ World Maker และเพจหลักทรัพย์ Liberator Securities ได้แล้ว !
.
⚠️โดยทาง Liberator จะมีการอัปเดตข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจโลกให้ในทุก ๆ วันด้วย และมีแบบเจาะลึกกันรายตัว-รายวันเลยทีเดียว ! ใครสนใจรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมก็ติดตาม Liberator ไว้ได้เลยที่ : https://bit.ly/3kEtXW7
--------------------------------------------------------------
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ เพราะบางที Facebook อาจไม่แสดงโพสต์ของเราในหน้าฟีดซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้ครับ
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#เศรษฐกิจ #การเงิน #ลงทุน #หุ้น #เศรษฐกิจโลก #ข่าวหุ้น #ลงทุน #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวรอบโลก #จีน #รัสเซีย #สหรัฐ #เงินเฟ้อ #FED #ดอกเบี้ย

 

BREAKING !!
Bitcoin ร่วงเกือบหลุด 19,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ! หลังตลาดตึงเครียด ธนาคารกลางส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยจริงจัง
#WorldMaker

ล่าสุดราคา Bitcoin ร่วงเกือบหลุด 19,000 ดอลลาร์อีกครั้งแล้ว ! ปัจจัยกดดันหลัก ๆ ยังคงรายล้อมอยู่ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT ของ FED

https://www.facebook.com/1095821106...52aAcJV3AGY4F7KL2jKrKHvKVaF4e5M9MyzNfBLQULEl/

 

BREAKING !!
ยับ ! สหรัฐฯ ล้มเหลวในการทดสอบ Hypersonic อีกครั้งหลังโปรแกรมทำงานขัดข้อง จีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือแซงหน้า !
#WorldMaker

⚠️ยับแบบไม่ต้องเย็บ !!! ล่าสุดสหรัฐฯ ล้มเหลวในการทดสอบอาวุธ Hypersonic Missile อีกครั้ง ! หลังโปรแกรมทำงานขัดข้องหลังการจุดระเบิด !!! งานนี้ท่านเสือไบอาจต้องกุมขมับ ในขณะที่ทางพี่สี เฮียปู และพี่คิมอาจยิ้มมุมปาก ??
.
กระทรวงกลาโหมเปิดเผยออกมาแค่นั้นนะจ๊ะ ! ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความล้มเหลวล่าสุด โดยสาระสำคัญที่สุดก็คือ "ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากการจุดระเบิด ส่งผลให้โปรแกรมขัดข้อง"
.
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ท่านเสือไบ กลาโหมสหรัฐฯ ลั่นไว้ชัดเจน ! "เรายังคงมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาและติดตามความสามารถทางด้าน Hypersonic ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ปี 2020"
.
ตอนนี้เจ้าหน้าที่โครงการกำลังทบทวนเพื่อหาสาเหตุของปัญหา และกำลังแก้ไขเพื่อเตรียมทดสอบต่อในอนาคต โดยกล่าวว่าตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้น และครั้งนี้จะถือเป็น Insight (ข้อมูลเชิงลึก) ที่สำคัญในการพัฒนาระบบต่อไป !
.
⚠️งานนี้หนักใจกันไม่น้อย ! มารอดูกันว่าทางพี่เสือไบจะเดินหมากอย่างไร ?? ในขณะที่ตอนนี้จีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือ นั้นมีระบบ Hypersonic ใช้แล้วเป็นที่เรียบร้อย ! และตอนนี้ก้าวหน้าไปถึงการพัฒนา 'ระบบป้องกันอาวุธ Hypersonic' แทนแล้ว ! เพราะแม้ว่าจีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือจะมี Hypersonic ใช้แล้ว แต่เรื่องระบบป้องกันการโจมตีระดับ Hypersonic นั้นถือเป็นเรื่องที่ล้ำ ยาก และขั้นสูงยิ่งกว่า !!!
.
ทางจีนมีการลงทุนอย่างมหาศาลในระบบ Hypersonic ซึ่งมีการนำระบบอาวุธหนึ่งเข้าสู่กองทัพเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว โดยระบบนี้เดินทางได้ไกลถึง 40,000 กิโลเมตรภายในเวลาทดสอบยิงมากกว่า 100 นาที !!! ซึ่งถือว่าเร็วมาก
.
และในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงล้มเหลวในการพัฒนาระบบ Hypersonic นี้ ทางรัสเซียกลับเริ่มใช้อาวุธดังกล่าวในสงครามยูเครนแล้ว ซึ่งทำให้ความล้มเหลวล่าสุดที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้หมากการเมืองโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ได้แน่ชัด แต่จะต้องมาจับตามองกันอย่างใกล้ชิด !

(ที่มารูป : Bloomberg)

References :
1.https://www.bloomberg.com/news/arti...le-fails-in-test-in-fresh-setback-for-program
2.https://www.bloomberg.com/news/arti...le-failures-imperil-u-s-chase-of-china-russia

แบ่งปันจาก World Maker

https://www.facebook.com/1095821106...RN6DuBHiGnrK9HJAvnphDmzNybnPrRAeRmmuw6F6UBkl/

 

BREAKING !!: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ?? ล่าสุด Jerome Powell ยืนยันสหรัฐฯ ยังอยู่ใน 'สถานะที่แข็งแกร่ง' และกล่าวว่า FED สามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้แม้ว่างานเริ่มยากขึ้น แต่ดูเหมือนตลาดหุ้นไม่เชื่อ ! ติดลบต่ออีกคืนนี้ ! มารอดูกันว่าจะมีรีบาวน์สวนท้าย Week หรือไม่ ??
.
⚠️ไม่รู้ว่าจะเรียกความเชื่อมั่นของตลาดกลับมาได้หรือไม่ ?? ล่าสุด Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศยืนยัน ! เศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในสถานะที่ 'แข็งแกร่ง' นะจ๊ะ ! พร้อมทั้งยังลั่นไว้อีกว่า FED สามารถหลีกเลี่ยง Recession ได้...
.
ลุงเจอโรมกล่าวต่ออีกว่า FED จะสามารถลดเงินเฟ้อลงเหลือ 2% ในขณะที่ยังคงรักษาตลาดแรงงานให้มั่นคง แม้ว่าภารกิจนี้จะมีความท้าทายมากขึ้น ! โดยหวังว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ 'จะยังคงเป็นไปในเชิงบวก'
.
เขายอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจ "แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง" เมื่อเทียบกับก่อนการระบาดของ COVID ในขณะที่กลยุทธ์ของ FED จนถึงตอนนี้ก็ทำได้เพียงการควบคุมปัจจัยทางภาค Demand แต่ยังไม่สามารถควบคุมปัจจัยเงินเฟ้อที่เกิดจากภาค Supply ได้ จึงต้องอาศัยอำนาจของรัฐบาลเข้าช่วยอีกทาง
.
มีการย้ำอีกว่าเป้าหมายของ FED คือการ 'ขึ้นดอกเบี้ย' โดยไม่ทำให้เกิด 'ภาวะเศรษฐกิจถดถอย' ดังนั้นจึงอาจมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย +0.75% อีกครั้งก็ได้ในการประชุมเดือน ก.ค. นี้ ขณะที่ปัจจุบันการขึ้นดอกเบี้ย +0.5% ได้กลายมาเป็นระดับพื้นฐานไปแล้ว ตอนนี้ลุ้นกันอย่างเดียวว่าจะขึ้น +0.75% ต่อหรือไม่ ?
.
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทางตลาดจะไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อแถลงการณ์ของ Powell ในคืนนี้ และมีการเทขายเกิดขึ้นจนเทรดอยู่ในโซนสีแดงอีกครั้ง โดยที่เด่น ๆ ก็คือหุ้น Tesla ซึ่งร่วงลงอีก -4% มาอยู่ที่ 670 ดอลลาร์
.
⚠️น้ำมันดิบโลกตอนนี้ยังอยู่ที่ราว ๆ 111 และ 118 ดอลลาร์/บาร์เรลสำหรับ WTI และ BRENT ตามลำดับ ขณะที่ทองคำเทรดใกล้ 1820 $/Oz สวน Bitcoin ก็ยังคงวัดใจกันอยู่ใกล้ระดับ 20,000 ดอลลาร์ !
.
ภาวะเงินเฟ้อและการเทขายในตลาดการเงินตอนนี้ยังถือว่าเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทาง Christine Lagarde ประธานของ ECB ยอมรับว่าเธอไม่คิดว่าเงินเฟ้อโลกจะกลับไปอยู่ในระดับต่ำอีกเป็นเวลาหลายปี
.
ดังนั้นจะต้องมาติดตามความเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับนักการเงินและนักลงทุนที่กำลังหาโอกาสท่ามกลางภาวะตลาดหมีนี้ เพราะท่ามกลางข่าวร้ายที่ปกคลุมตลาดอยู่ บางทีก็มีข่าวดีหรือโอกาสเปล่งแสงออกมาให้เห็นเช่นกัน
.
ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ในตลาดการเงินและเศรษบกิจโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker ก็จะคอยเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และจะนำข้อมูลมาอัปเดตให้ท่านทราบกันแบบ Real Time อย่างแน่นอน ! ใครไม่อยากพลาดข่าวสารสำคัญแบบนี้ก็ติดตามเพจเราไว้ได้เลยครับ !
--------------------------------------------------------------
#WorldMaker X #Liberator
.
สนใจข่าวหุ้น/การเงิน/เศรษฐกิจ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ทั้งแบบรายตัวและภาพรวม ??? วันนี้ท่านสามารถติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน ทั้งหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ไปพร้อม ๆ กับเพจ World Maker และเพจหลักทรัพย์ Liberator Securities ได้แล้ว !
.
⚠️โดยทาง Liberator จะมีการอัปเดตข้อมูล-ข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจโลกให้ในทุก ๆ วันด้วย และมีแบบเจาะลึกกันรายตัว-รายวันเลยทีเดียว ! ใครสนใจรับข่าวสารดี ๆ เพิ่มเติมก็ติดตาม Liberator ไว้ได้เลยที่ : https://bit.ly/3kEtXW7
--------------------------------------------------------------
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสาร อย่างแท้จริงไปกับ #WorldMaker
.
แนะนำให้ทุกท่าน #เปิดกระดิ่ง ตั้งค่า #รายการโปรด หรือ #Favourite ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่โดนการปิดกั้นการมองเห็นจากทาง Facebook ซึ่งอาจทำให้พลาดข่าวสารที่สำคัญจากทาง World Maker ได้
.
ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
--------------------------------------------------------------
#เศรษฐกิจ #เศรษฐกิจโลก #ข่าวหุ้น #หุ้น #ลงทุน #การเงิน #ข่าวรอบโลก #ข่าวต่างประเทศ #ข่าวเศรษฐกิจ #เงินเฟ้อ #FED #ดอลลาร์ #น้ำมัน #ทองคำ #คริปโต #bitcoin #btc