กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    ปรับพื้นฐาน.....

    เจ้ามีกรรม นายมีเวร กลายเป็น
    เจ้ากรรมนายเวร... ที่พูดทั่วไป

    เป็นเรื่องนามธรรม เริ่มต้นด้วย
    เจ้ากรรมนายเวร(ความเชื่อ) = วิบากกรรม(ความเชื่อ) = วิบาก(ความเชื่อ)
    = กระแสที่จรเข้ามา(ความเชื่อ และทางวิทย์) = สื่อนำแรง(ทางวิทย์)
    หรือ แรง(ทางวิทย์ที่ไม่
    อาศัยพื้นที่ ไม่มีพื้นที่ ก็ไม่มีระยะทาง ไม่มีระยะทาง
    ก็ไม่มีเรื่องเวลา เรียกว่า เหนือกาลเหนือเวลา)
    เอกลักษณ์อีกอย่างคือ ซ้อนทับกันได้ไม่จำกัด(ทางวิทย์) และ เอกลักษณ์อีกอย่างคือ สามารถเพิ่มแรงได้(ทางวิทย์ และความเชื่อ)


    คำว่า สามารถเพิ่มแรงได้(ทางวิทย์ และ ความเชื่อ) = ผลกรรมหรือผลของวิบากกรรม(ความเชื่อ) = ผลของสื่อนำแรงที่เพิ่มขึ้น(ทางวิทย์). ทั้งหมดทั้งมวล มีต้นกำเนิดแรง
    เหมือนกันก็คือ จิต(วิทย์เข้าไม่ถึง)

    ระดับเบสิค....
    ๑.ต้นกำเนิดแรง(จิต) มีนิสัยชอบส่งออกหรือท่องเที่ยว
    เป็นภาษาง่ายๆทราบกันทั่วไป ทางกิริยาคือส่ง
    ตัววิญญาน(แรงชนิดหนึ่งที่ออกจากจิต)
    ออกไปกระทบภายนอก แต่แค่กระทบ
    แต่ไม่รู้อะไร และก็ดึงเก็บเข้ามา(ดึงเข้ามากลาย
    เป็นแรงอีกชนิดหนึ่งเราเรียกสัญญา)เอาไว้ในตัวจิต.

    เก็บไปเก็บมา
    ๒.จิตก็เลยสร้างช่องทางให้ ตัววิญญานออกไปกระทบ
    กลายเป็น ตา หู จมูก ลิ้น จนรวมๆเป็นร่างกาย(รูปธรรม
    ซึ่งประกอบ ด้วยองค์ประกอบสะสาร 2 แบบ คือ 1. องค์ประกอบของสะสารที่แทนที่ไม่ และ 2.แรงที่เป็นสื่อนำแรง
    ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น นอกจาก อิเลคตรอนในเรื่องอะตอม ฯลฯ)
    บ้างเรียก กระบวณการ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ว่า อวิชชา(คือ กระบวนการ ๑ และ ๒)
    หรือความไม่รู้ .........
    โดยมี ๓. ตัวโทสะ โมหะ โลภะ (เป็นแรงอีกเช่นกัน
    ซึ่งมีอยู่แล้วปกติในตัวจิต เป็นองค์ประกอบ ในการ
    สร้าง ๒ ขึ้นมา) บุญ(แรง)ดีก็เกิดมาดี(ความเชื่อ)
    กรรม(แรง)มาก
    ก็เกิดมาไม่ดี(ความเชื่อ) ,..........


    ระดับเบสิคต่อมา.........

    เมื่อมีกาย(รวมทั้งบ้าน รถ วัตถุต่างๆ ดวงดาว ฯลฯ)ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคที่เป็น 1.องค์ประกอบสะสาร + 2.สื่อนำแรงแล้ว
    กลายเป็นตัวเราแล้ว

    เนื่องด้วย มี 1 . องค์ประกอบของสะสารเป็นส่วนประกอบอยู่
    ก็ย่อมมีการเสื่อมสลายของสะสารได้ เป็นเอกลักษณ์ปกติ
    การเสื่อมสลายต้องอาศัยระยะเวลา งงไหม....
    *** ย้อนเบสิค องค์ประกอบสะสาร เอกลักษณ์คือ
    แทนที่กันไม่ได้ เช่น เอากล่องมาต่อกัน ๑๐ กล่อง
    มันจะกลายเป็น กล่องที่เรียงกัน ยาว ๑๐ กล่อง
    เมื่อมันมีความยาว หมายถึงว่า มันมีระยะทาง
    ระหว่าง กล่องที่ ๑ ไปยังกล่องที่ ๑๐ เมื่อมีระยะทาง
    มันเลยมีเวลาที่มาเกี่ยวข้อง คือ เวลาที่ใช้ระหว่าง
    ระยะทางจากกล่องที่ ๑ ไปกล่องที่ ๑๐ ดังนั้น
    ในส่วนองค์ประกอบของสะสาร จึงเกี่ยวข้องกับเวลา
    ตามธรรมชาติ ตามเอกลักษณ์ของมันนั้นเอง***


    ดังนั้น เมื่อได้ มีการกำเนิดร่างกายขึ้นมาแล้ว
    คือ 1 + 2 จึงต้องมีเรื่องของเวลามาเกี่ยว
    ข้องเป็นปกติ......
    เอกลักษณ์ ของ 1. มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้
    ตามสภาพแวดล้อม เช่น เอากล่องวางตากแดดเป็นต้น
    และก็อาศัยระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลง....
    ดังนั้น ร่างกายก็เช่นกัน...พูดง่ายๆว่า
    วางไว้เฉยๆ อยู่เฉยๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้
    ถ้ามีเวลามาเกี่ยวข้องด้วย......

    วงจรมันคือ
    ระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง + กับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
    (แรง 1 และ 2). = การเปลี่ยนแปลงสมบูรณ์คงเหลือแต่
    แรง 2(บุญ กรรม หรือ แรงชนิดหนึ่ง) กับต้นกำเนิดของแรงคือ จิต บ้านเราเรียกง่ายๆ ว่า อายุไข นั่นเอง.....

    และมันก็จะย้อนไปที่. ระดับเบสิค อีกครั้งหนึ่ง
    ทางโลกอาจจะเรียก หล่อๆว่า ปฏิสมุฯ อะไรนี่หละก็ได้
    หรือ วงจรเวียนว่ายตายเกิดก็ได้ แต่หากสังเกตุดูวงจรนี้
    มันจะอยู่ภายใต้ 1 และ 2 นั่นเอง



    ดังนั้น เมื่อ เริ่มกระบวณการเกิดขึ้นมาแล้ว (ตั้งครรภ ท้อง)
    มันก็คือ การเริ่มต้นในวงจร ที่ได้เล่าใหฟังมาก่อนหน้านั้นทั้งหมด

    ดังนั้น เมื่อเกิดกระบวณการเบสิค + กระบวณการเบสิคต่อมา
    จะเห็นได้ว่า มันยังขาดกระบวณการ ในส่วนของ
    ระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง + การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
    จนกระทั่งถึง ขั้น ที่ = การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์(
    กระบวณการระหว่าง แรง 1 กับ 2)
    เพื่อที่จะ ครบรอบวงจรเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง...........


    ดังนั้น ถ้าเข้าใจในส่วนของแรง
    เราจะพบว่า ไม่ว่า วงจรเวียนว่าย
    ตายเกิดนั้น จะถูกตัด หรือ ไม่ครบวงจร
    แบบตั้งใจ(เจตนาทำแท้ง)
    หรือไม่ตั้งใจ(เช่น ปัญหาทางสุขภาพ ปัญหาอุบัตเหตุ
    ปัญหาความไม่สมประกอบ ถูกทำร้าย ถูกทำให้ได้รับ
    การกระทบกระเทือน ฯลฯ)
    มันก็ยังเหลือกระบวณการ ก่อนที่จะไปถึงการครบรอบ
    เวียนว่ายตายเกิด


    ที่นี้ เมื่อถูกตัดวงจร. พบว่า 1 หายไปคือส่วน
    ที่แทนที่ไม่ได้ แต่ 2 ยังคงอยู่ เพราะ ในระดับเบสิค
    1 กับ 2 มันอาศัยซึ่งกันและอยู่ มันมีตัวเชื่อม
    ในระหว่าง ตัว 1 และ 2 ให้มันรวมกัน
    ก็คือตัว วิญญาน(หรือแรงชนิดหนึ่ง)
    ดังนั้น มันก็จะเหลือแต่ในส่วน นามธรรมตรงนี้
    ที่ ตัววิญญาน มันยังยึด(เริ่มจากเบสิค)ใน ระยะเวลาของ
    วงจรเวียนว่ายตายเกิดอยู่(อายุไข เรียกง่ายๆ)

    เมื่อ แรง 2 มันกำเนิด อยู่ใน มารดา(คือ แรง 1 และ 2 อีกชุด ในส่วนของท้อง) มันก็เลย จะรวมอยู่ กับ แรง 1 และ 2 (ผู้กำเนิด
    หรือมารดา) เพราะ มารดานั้น มีต้นกำเนิดของแรง
    ที่ได้ไป สร้างรวมกำต้นกำเนิดของแรง 1 และ 2( บิดา)
    มันจึงสามารถ กำเนิดเป็น ต้นกำเนิดแรง 1 และ 2 เด็กขึ้นมาได้.....เราเรียกง่ายๆว่า สายเลือด.......

    เมื่อ มันกำเนินมาจากต้นกำเนิดใด. เด็กที่จะเหลือแต่แรง 2
    นั้น ก็สามารถไปเกาะกับ ต้นกำเนิดแรง(จิต) นั้นๆได้
    อาจจะเป็น ต้นกำเนิดจาก บิดา หรือ มารดา ได้ทั้งนั้น
    หรือ ถ้าไม่มี บิดา แต่มีแต่ มารดา ก็จะไปเกาะต้นกำเนิดแรง
    ของมารดาฝ่ายเดียวได้.......

    ปล. เนื่องจาก เอกลักษณ์ของต้นกำเนิดแรงจิต
    มีได้เพียงหนึ่งเดียว แต่แรงอื่นๆ
    ที่เข้ามารวมมีได้เป็นล้านๆ และสามารถเพิ่มแรงได้
    ด้วยเหตุตรงนี้ .....เราจึงรู้ในทางโลกว่า
    ด้วยคำว่า มีเด็กตาม มีผีตาม มีผีมาเกาะ อะไรนั่นหละครับ.....
    พอจะเกทไหม......(ที่เกาะ คือ เด็กหรือแรง 1 และ 2
    ที่ตอนนี้เหลือแต่ 2 จนกลายเป็น แรง 1 และ 2+ 2
    ให้มีต้นกำเนิดแรงคือ จิต = สอง มาจาก = ( 1+2) + (2)
    กลายเป็น สมการแรง สองจิต = 1 + (22)

    ส่วนกรณี ที่จะแก้กรรม ก็คือ การทำให้แรงที่มาเกาะหายไป
    หรือการทำให้เหลือ แต่ต้นกำเนิดแรง 1 และ 2 ปกติ

    แก้กรรม คือ แก้แรง
    คือการ ทำให้. สองจิต 1 + 22 = จิต 1 2 นั่นเอง....

    ก็แล้วแต่ว่า จะใช้วิธีการใดๆ...ตามเหตุและปัจจัยนั่นเอง....




    ปล.ของ เจน จำไว้ว่า สอบได้เรื่องตลก สอบตกเรื่องธรรมดา
    รู้ว่า สอบตกเพราะสติเราไม่พอ เมตตาเราไม่พอ
    ก็ดีแล้วและช่างมัน
    ก็หมั่นเจริญสติเพิ่มขึ้นซะ...เพื่มเมตตาด้วยการทำบุญอุทิศ
    ส่วนกุศลเพิ่มขึ้น
    เด่วอนาคตจะค่อยๆดีขึ้นเองนั่นหละ......

    จบ โม้ทางด้านแรง จะมองเป็นเหตุเป็นผลได้ชัดเจนกว่า
    การใช้คำว่า เชื่อ......เครเนาะ....
     
  2. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,773
    รับทราบคะอาจารย์
    จะพยายามจดจำ คำอุทิศบุญ ให้ขึ้นใจ
    เหมือนกับการ ท่องจำคาถา
    สอบตกคร่าวนี้ เป็นหงอยๆ สงสารเขาเลย
    ทั้งๆที่กลัวแทบบ้า หลอนสุดๆ
    แต่มานึกย้อนกลับ สงสารเขาเลย
    ต่อไปจะท่องจำคำอุทิศกุศล ให้ขึ้นใจคะอาจารย์นพ
    ขอบคุณค้าบบบ
    …… พรุ่งนี้ไปคำชะโนด~~~
     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    ข้อสอบนี้ยากมากๆ...แต่อ่านสนุก
    อ่านทบทวนหลายครั้ง
    ยังไม่มั่นใจว่าจะกา(ก), กา(ข), กา(ค)
    (เพราะผมเป็นคนฉลาดน้อย 555)

    ผมขอสรุปตามความเข้าใจของผมนะครับ
    **ถูกผิดเช่นใด อาจารย์ช่วยเข้ามาท้วงติงด้วยครับ**


    แรง 1 คือจิต+วิญญาณ
    แรง 2 คือร่างกาย หูตาจมูกลิ้น
    (ทั้งแรง1 แรง2 จะมีวิญญาณเป็นตัวเชื่อม)
    แรง 3 คือโทสะ โมหะ โลภะซึ่งอยู่ภายในจิต

    มนุษย์เรา(แรง 2)จะเกิดมาดีหรือไม่ดี
    จะขึ้นอยู่กับแรงบุญและแรงกรรมที่เคยสร้างไว้
    (และแรง 3 มีส่วนร่วมกำหนดด้วย)



    ดังนั่นเมื่อกำเนิดตัวตนมีร่างกายแล้ว
    จะมีจิต(แรง 1) และร่างกาย(แรง 2)
    ยังจะต้องมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    เพราะเป็นไปตามกฏธรรมชาติ เกิดแก่เจ็บตาย
    ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

    คงเหลือแต่บุญ กรรม ซึ่งเป็นแรงชนิดหนึ่ง



    สุดท้ายผมขอสรุปง่ายๆตามที่ผมเข้าใจคือ
    ไม่ว่าวงจรเวียนว่ายตายเกิดนั้น
    ...จะถูกตัด หรือ ไม่ครบวงจร
    แบบตั้งใจ(เจตนาทำแท้ง)
    หรือไม่ตั้งใจ(เช่น ปัญหาสุขภาพ/อุบัติเหตุ)
    โดยที่ร่างกายของทารก(แรง2)
    ถูกทำลายไป(ทำแท้ง)
    ...แต่ยังคงเหลือแต่วิญญาณซึ่งเป็นตัวเชื่อมกับร่างกาย
    ตัววิญญานคือแรงชนิดหนึ่ง
    แรงวิญญานยังยึดวงจรเวียนว่ายตายเกิดอยู่
    จึงยังคงร่องลอยไปทุกสถานที่
    ...เป็นเหตุให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง(มารดา)
    หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทางอ้อม
    ไดัรับผลเหตุแห่งกรรมที่ตนได้ทำไว้
     
  4. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    ".....ส่วนกรณี ที่จะแก้กรรม ก็คือ การทำให้แรงที่มาเกาะหายไป หรือการทำให้เหลือ แต่ต้นกำเนิดแรง 1 และ 2 ปกติ
    แก้กรรม คือ แก้แรง
    คือการ ทำให้. สองจิต 1 + 22 = จิต 1 2 นั่นเอง....."


    เรื่องแก้กรรมยังงงๆและสับสนครับท่าน
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    เรื่องแก้กรรม ยังไม่ได้เล่าครับ ควรจะงง เป็นเรื่องธรรมดา ๕๕๕
    คุณ ๙ ถามประมาณว่า ลบล้างเจ้ากรรมนายเวรด้วยพิธีกรรม
    ต่างๆ มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน? ตอบว่า ด้วยพิธีกรรม
    มีโอกาสครับ แต่มากน้อยแค่ไหนตอบไม่ได้......
    แม้ว่าจะเคยมีส่วนร่วมในพิธีกรรมนั้นๆมาก่อน


    ถ้าสมมุติว่า อ่านเหตุในการเกิดที่โม้ไปแล้วก่อนหน้า
    ข้างตนพอเข้าใจ ว่าทำไม ทารกน้อย ถึงได้กลาย
    มาเป็นเจ้ากรรมนายเวรได้ ตลอดจนบุคคล
    ที่มีเหตุสุดวิสัยนั้นได้บ้างแล้ว....

    ให้ลองถามมาว่า มีวิธีการใดบ้าง ที่จะพอแก้ได้
    วิธีการแก้นะครับ ไม่ใช่พิธีกรรมในการแก้
    เพราะส่วนตัวไม่มีความรู้ในเรื่อง พิธีกรรม
    จะพอเล่าให้ฟังได้ครับ.......

    ปล.บอกไว้ก่อน กรณีถ้าป่วย ร่างกาย ๑๐ / กรรม ๙๐ (ไม่หายหรือมีโอกาสน้อย ทำได้คือทุเราที่สุด). ร่างกาย ๕๐ / กรรม ๕๐ (มีโอกาสหายแต่ช้าหน่อย) และ ร่างกาย ๙๐ / กรรม ๑๐ (หายภายในไม่กี่นาที)

    บุคคลที่ มีวิบากหรือกระแส ไม่ว่า ชาย หรือ หญิง
    ในเรื่อง เกี่ยวกับการทำแท้งนี้ ทางด้านพลังงาน
    จะมีวิธีการดูเหมือน บุคคลที่เคย ฆ่าคนตายมาแล้ว
    คล้ายๆกัน....ส่วนนี้ เป็นทริค โม้ให้ฟังเล่นๆก่อน
    คุณ ๙ ถามต่อไป ^_^

    อย่างของ maxmi ให้ลองสังเกตุดูว่า
    ณ ปัจจุบันนี้ ยังพอมีอาการทางร่างกายอะไรที่เหตุเริ่ม
    มาจากที่ไหล่ข้างขวาบ้างไหม
    นี่คือ คำตอบว่า ไปเกิดหรือยัง .... ^_^ เครเนาะ
     
  6. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ไหล่ผมมันไม่เสมอกันอ่ะคับ แต่อาการอย่างอื่นผมว่าไม่มีนะ มีภูมิแพ้จมูก จมูกตันเป็นอุปสรรคต่อการฝึกสมาธิมากคับ อยากขอคำปรึกษาคุณนพเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน กับโรคผิว(ดีขึ้น)แต่ก็ยังไม่หาย ส่วนแม่เป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์แต่รักษาหายนานแล้วคับ แต่กล้ามเนื้อดึงรั้งบริเวณคอต่อกับไหล่ขวา ก็ยังมีอาการปวด เกร็ง ตึงต้องไปนวดออกบ่อยๆ หรือว่าเค้ายังอยู่คับ ทำยังไงดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2019
  7. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    ผมขอพูดเรื่องการแท้งลูกเล็กน้อย
    หญิงที่เป็นมารดาน่าจะมีร้อยละ 30 ที่ผ่านการแท้งลูก
    ทั้งตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจ
    หลายๆประเทศมีกฏหมายเสรีในการทำแท้งได้

    แต่ส่วนใหญ่จะแนบท้ายด้วยข้อจำกัดบางอย่าง
    เช่นเด็กในครรภ์พิการ, มารดาป่วยเป็นโรคร้ายแรง และอื่นๆ

    แต่ข้อจำกัดด้วยเหตุผลจำเป็นทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าว

    ไม่ทราบว่า...
    จะหนีพ้น
    กฏแห่งกรรมและแรงอาฆาตได้หรือไม่


    โอเคครับ...เดินหน้าเรื่องที่น่าสนใจ(ต่อ)
    "วิธีการ" กับ "พิธีกรรม"
    ท่านอจ.นพแยกแยะ 2 คำนี้ได้น่าทึ่งมาก

    ผมคงถามได้แค่
    วิธีการว่ามีอะไรบ้างครับ
    ส่วนพิธีกรรม คงต้องไปเสาะหาที่บางสำนักหรือบางวัด
    หรือท่านใดเคยมีประสบการณ์ก็แชร์ได้นะคับ

    ส่วนตัวผม...ภรรยาเคยแท้งลูกด้วยความไม่ตั้งใจ

    ...พอตั้งครรภ์ได้ 1-2 เดือน(ไม่แน่ใจ)
    จู่ๆเลือดเป็นก้อนเล็กๆไหลออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
    แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย..ไม่ได้ตั้งใจ
    ก็มี
    กังวลเรื่องกฏแห่งกรรมในเรื่องนี้เหมือนกัน
    ยิ่งระยะหลังๆบางครั้งเรื่องการแท้งลูก
    ถูกกระแสสังคมพูดถึงกันมาก

    *แต่ก็ไม่เคยไปเสาะหา
    พิธีกรรมในการแก้ไข*
    เพราะคิดและมั่นใจว่า"ไม่ได้ตั้งใจ"
    (แต่ก็ยอมรับว่ามีกังวลเล็กน้อยเหมือนกัน)

    (ต่อ)
    ส่วนปล.ที่อาจารย์นพบอกว่า...
    ".....กรณีถ้าป่วย ร่างกาย ๑๐ / กรรม ๙๐ (ไม่หายหรือมีโอกาสน้อย ทำได้คือทุเราที่สุด). ร่างกาย ๕๐ / กรรม ๕๐ (มีโอกาสหายแต่ช้าหน่อย) และ ร่างกาย ๙๐ / กรรม ๑๐ (หายภายในไม่กี่นาที)....."
    อ่านแล้วเข้าใจได้ว่าหมายถึง
    (1)คือร่างกายเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ
    (90)คือกรรมที่ทำไว้หนักและมาก
    ...น่าจะเข้าใจถูกต้องนะครับ

     
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719

    ผมคิดว่ามีหลายคนกำลังรอฟังอยู่
    ช่วยขยายความทริคนี่ด้วยครับ
    ขอบคุณครับ

     
  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    เช้านี้ผมจะนำข่าวเรื่องกฏหมายแท้งลูกมานำเสนอ
    แม้จะเป็นข่าวเก่า...แต่ก็น่าสนใจ
    เพื่อแสดงว่าหลายประเทศมีการใช้กฏหมายนี่นานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัดตามเหตุผลที่รับฟังได้บ้าง


    *************************************


    "ประเทศใดบ้างอนุญาตทำแท้งลูกถูกตามกฏหมาย ?"
    หลังจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถทำแท้งได้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทำได้เฉพาะในเงื่อนไขที่จำกัดมาก รายงานชิ้นนี้จะพาไปดูว่า ประเทศใดบ้างที่ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    หลังจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถทำแท้งได้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทำได้เฉพาะในเงื่อนไขที่จำกัดมาก รายงานชิ้นนี้จะพาไปดูว่า ประเทศใดบ้างที่ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย


    กฎหมายการทำแท้งฉบับใหม่ของไอร์แลนด์ ระบุว่า ผู้หญิงสามารถทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมายก็ต่อเมื่อแพทย์ 3 คนลงชื่อรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่าหากปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไป ผู้หญิงอาจมีอันตรายถึงชีวิต

    ในขณะที่ผู้ต่อต้านการทำแท้งในไอร์แลนด์ต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ ผู้สนับสนุนสิทธิการทำแท้งจำนวนมากก็โจมตีกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่ากฎหมายให้สิทธิผู้หญิงอย่างจำกัดมาก ภายใต้กฎหมายนี้ ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ทารกในครรภ์พิการ และผู้หญิงที่ครรภ์เป็นพิษจนมีอันตราย แต่ไม่ถึงชีวิต ก็ยังไม่มีสิทธิทำแท้ง

    หากไม่นับนครรัฐเล็กๆ อย่าง วาติกัน มอลตา และอันดอร์รา ไอร์แลนด์เป็นเพียงประเทศเดียวในยุโรปที่ยังจำกัดสิทธิผู้หญิงในการทำแท้งอย่างเคร่งครัด ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่อนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้เสรีในระยะตั้งครรภ์ไม่เกิน 3 เดือน หากเกิน 3 เดือน ผู้หญิงยังสามารถทำแท้งได้ ถ้าแพทย์เห็นว่าการตั้งครรภ์อาจกระทบต่อสุขภาพทางร่างกาย หรือจิตใจของหญิงเจ้าของครรภ์ รวมถึงเด็กในท้องเสี่ยงจะพิการ หรือผู้หญิงอายุต่ำกว่า 14 ปี

    สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ก็ให้สิทธิทำแท้งค่อนข้างเสรี แม้ว่าแต่ละมลรัฐของสหรัฐฯ จะมีข้อจำกัดต่างกันอยู่บ้างสำหรับกรณีท้องแก่

    ในทางตรงกันข้าม ประเทศในทวีปแอฟริกาเกือบทั้งหมดยังจำกัดสิทธิการทำแท้งอยู่มาก รายงานของสหประชาชาติเปิดเผยว่า ประเทศในทวีปแอฟริกา 54 ประเทศ มีเพียง 3 ประเทศเท่านั้นที่ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้เสรี ได้แก่ ตูนิเซีย แอฟริกาใต้ และเคปเวิร์ด

    ประเทศในอเมริกาใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ก็จำกัดสิทธิในการทำแท้ง ประเทศที่เป็นข้อยกเว้นคือ กายอานา ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมอังกฤษ และมีประชากรกว่าครึ่งนับถือคริสต์นิกายแองกลิกัน

    ประเทศในตะวันออกกลางส่วนใหญ่ก็ยังจำกัดสิทธิในการทำแท้งเช่นกัน // แม้แต่ในประเทศมุสลิมที่ร่ำรวยและเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ อย่างกาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้หญิงก็ยังมีสิทธิทำแท้งได้เพียงกรณีเดียว คือในกรณีที่การตั้งครรภ์อาจทำให้เสียชีวิตเท่านั้น

    อย่างไรก็ดี มีประเทศที่เป็นข้อยกเว้นอยู่บ้าง ตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่รัฐไม่ยอมให้หลักศาสนาเข้ามากำหนดกฎหมาย ให้สิทธิผู้หญิงในการทำแท้งเทียบเท่าประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป // นอกจากนี้ ตูนิเซียและบาห์เรนก็ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้ค่อนข้างเสรี

    ประเทศมุสลิมในเอเชียกลาง เช่น คาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน คีร์กีซสถาน และเติร์กเมนิสถาน ก็ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้อย่างเสรีเช่นกัน

    หากไม่นับตะวันออกกลาง ทวีปเอเชียนับว่าเป็นทวีปที่ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งค่อนข้างมาก มี 17 ประเทศที่ให้สิทธิผู้หญิงทำแท้งได้ค่อนข้างเสรี จีน อินเดีย เกาหลีใต้ มองโกเลีย กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศในเอเชียกลางเกือบทั้งหมดเปิดให้ทำแท้งได้อย่างถูกกฎหมาย

    ประเทศในเอเชียที่ยังจำกัดสิทธิทำแท้ง ส่วนใหญ่มักเป็นประเทศเคร่งศาสนา ไม่ว่าศาสนาอิสลาม เช่น บรูไน บังกลาเทศ และอินโดนีเซีย หรือศาสนาพุทธ เช่น ศรีลังกา ภูฏาน และเมียนมาร์ และศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก เช่น ฟิลิปปินส์

    ในประเทศไทย กฎหมายอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้ในกรณีที่การตั้งครรภ์ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้หญิง หรือในกรณีที่ผู้หญิงถูกทำให้ตั้งครรภ์โดยวิธีผิดกฎหมาย เช่น ถูกข่มขืน แต่กฎหมายไทยก็ยังไม่ยอมให้ผู้หญิงทำแท้งในกรณีที่ทารกในครรภ์พิการ หรือในกรณีที่ผู้หญิงไม่พร้อมด้วยวัยวุฒิ และทุนทรัพย์ที่จะมีลูก

    ตามข้อมูลของสหประชาชาติ ประเทศพัฒนาแล้วกว่าร้อยละ 82 อนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่อนุญาต


    ขอบคุณที่มา
    www.voicetv.co.th



     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    เยี่ยมครับ
    (ดูข้างล่าง)


    ".....ไหล่ผมมันไม่เสมอกันอ่ะคับ....."
     
  11. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    แต่คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวคับ เคยถามหมอดูว่าเราไม่ได้แท้งซะหน่อยทำไมเขามาทำผมหล่ะ หมอดูบอกว่าเคยได้ยินมั้ยว่า กรรมเป็นทายาท เป็นเผ่าพันธุ์ อะไรนี่หล่ะ ถ้าพ่อแม่ทำก็ส่งมาถึงลูกด้วย เหมือนเขาจะบอกให้สร้างพระ แล้วอะไรอีกผมจำไม่ได้นานแล้ว พรุ่งนี้ก็จะไปเชียงใหม่อีกห้าวัน เดี๋ยวถ่ายรูปวัดสวยๆมาลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2019
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,044
    เรื่องของอนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง...หรือที่เรียกว่าแรงนั้น
    เอกลักษณ์ ที่ควรจำคือ
    ๑.ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ ไม่มีระยะทาง
    เลยไม่มีเรื่องเวลา กลายเป็นเหนือกาลเหนือเวลา
    (มักเรียกว่า อดีต ถ้าผ่านมา ยังไม่มาไม่ถึงเรียกอนาคต ประมาณนี้)

    ๒.เพิ่มแรงได้ ไม่จำกัด เป็นล้านๆแรงมารวมกันก็ได้...
    (รวมธาตุต่างๆ รวมความร้อน ความเย็น ฯลฯ)

    ๓.มีการเปลี่ยนแปลงได้ จากแรงต่างๆที่จะเข้ามา
    เช่น แรงนี้มากขึ้น แรงนี้น้อยลง ถ้าแรงนั้นมาก
    อีกแรงที่เป็นในลักษณะเกี่ยวข้องกันที่น้อยก็ไม่ส่งผล
    (บุญเยอะมากกว่าบาป)
    หรือถ้านี้นี้น้อยแรงที่เกี่ยวข้องกันถ้ามากกว่าก็ส่งผล....
    (เรียกง่ายๆว่า วิบากกรรม)
    (มีแรงบุญ แรง บาป ร้อน เย็น ธาตุต่างๆ
    คลื่นต่างๆ แรงโน้มถ่วงเป็นต้น)
    หรือมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการ
    สร้างแรงใหม่จากต้นกำเนิดของแรง ก็คือ จิต....

    ๔.มีการหายไปได้(ประมาณ พวกๆอนุภาคอัพๆที่เปลี่ยน
    แปลงประจุ แล้ว อีกแรงหลุดจากนิวเคียสที่เป็นศูนย์กลางอะตอม
    เชื่อว่า ตรงนี้คือ สภาวะที่ไม่ได้กลับมาเกิดอีก) ข้อนี้
    สำหรับ ระดับโปรซีรีย์ทั้งหลาย.....
    ๕. หรือ ข้อสุดท้าย ข้อพิเศษ คือ เข้าสภาวะดับ
    เพื่อค่อยๆส่งให้แรงตัวนั้นๆลดน้อยลงไป
    จากต้นกำเนิดของแรง(จิต) ทำได้เป็นบางบุคคล...

    พวกปัญญา วิปัสสนา ก็เป็นอุบายในการเพิ่มแรง
    เข้าไปในจิต เพื่อให้แรงที่จะส่งผล มีกำลังน้อย
    ไม่มามีผลอะไรนั่นเอง.........

    ดังนั้น ตราบใด ที่ต้นกำเนิดของแรง(จิต)ที่อยู่ในร่างกายนั้น
    สื่อนำแรงต่างๆ ที่เคยเข้ามา ผ่านมา เก็บอยู่ใน ต้นกำเนิดแรง
    หรือจิต มันยังไม่ถึง กระบวณการในข้อ ที่ ๔

    ทุกๆร่างกาย ก็จะยังคงต้องวนเวียนกลับแรง
    หรืออนุภาคของแรงอยู่เสมอ.....เพราะเป็นเรื่องปกติ
    อาจจะเคยได้ยินเรื่องแต่งขึ้นมาว่า
    '' แม้แต่ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพยังไม่พ้น ''
    เรามักจะสื่อง่ายๆว่า เป็นกรรม แล้วก็ย้อนไป
    ว่า เคยไปทำอะไรมานั่นหละ เพื่อให้เป็นภาษา
    ที่เข้าใจได้ง่ายๆเป็นสากลนั้นเอง.....
    ลองย้อนอ่าน ข้อ ๓ อีกรอบ...


    กรณี ของ Maxmi ก็คือ ไม่ได้ส่งผลอะไร
    เหมือน เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นหนึ่ง เช่นเก้าอี้ อีกห้องหนึ่ง
    ที่ปกติวางเฉยๆอยู่ในบ้าน เรารู้ว่า มันมี แต่เราไม่ได้สนใจ
    จะสนใจก็ต่อเมื่อ เราไปมองเห็นแล้วจะใช้
    หรือเริ่มไปคิดถึง หรือ ไปยกมันมาใช้..
    แต่พอใช้แล้ว วางไว้ที่เดิมก็จบ......
    มันก็เป็นเก้าอี้ที่วางไว้เฉยๆอยู่อย่างนั้น....
    ทางโลก พอแรงไม่ส่งผลแล้ว
    ก็เลยเข้าใจว่า แก้กรรมได้....
    แต่ทางด้านพลังงาน คือ แรงนั้นน้อยกว่า
    แรงที่เกี่ยวข้องกัน จนไม่ส่งผลอะไร
    เปรียบเหมือนเก้าอี้นั่นหละ.....

    สังเกตุไหม ว่าผู้สอนมักจะบอกว่า กรรมมันแก้ไม่ได้
    นี่คือภาษาพูด ที่เค้าแก้กัน คือ แก้ในเรื่องของ
    แรงต่างๆเหล่านี้ ที่มาเกี่ยวข้อง...ไม่ให้มันส่งผล
    บางที ครูบาร์อาจารย์บางท่าน ก็พูดว่า
    ทำบุญมากๆเพื่อหนีบาป อะไรนั่นหละ...
    แต่มันมีอยู่ ไม่มีคือ ต้องข้อ ๔.....

    กรณีที่ แรงยังส่งผลต่อกายอยู่(วัตถุ ประกอบ
    ด้วยอนุภาคของที่เป็นองค์ประกอบสะสาร +
    สื่อนำแรง) มันก็ยังคงจะต้องส่งผลสืบๆต่อ
    กับร่างกายอยู่....และมันจะยังส่งผลเรื่อยๆ
    (คือไม่หายขาด) ตราบใดที่แรงนั้น ยังมีกำลัง
    เพียงพอ หรือมากพอ กับแรงที่เกี่ยวข้องกัน.....


    กรณีเคยมีเหตุเกี่ยวกับทำแท้ง...
    มักจะเป็นอะไรที่เหตุสืบหรือเริ่มจากไหล่ขวา
    ส่วนพวกที่เคยฆ่าคนตายมา
    ก็จะเป็นทางด้านไหล่ซ้าย แล้วก็สืบๆอวัยวะมา
    สืบคือ ไม่ว่าจะจากไหลขึ้นไปทางศรีษะ
    หรือจากไหล่ลงมาที่มือ......

    กรณีคุณแม่ Maxmi. ก็แก้ด้วยการเพิ่มแรง
    ที่เกี่ยวข้องกันเข้าไปซะ....ฟังแล้วงง..๕๕๕๕
    พูดง่ายๆ ทำบุญนั่นหละ อุปโลกน์ชื่อให้ ซะ
    แล้วก็ ถวายพระพุทธรูปทองเหลืองย้ำว่าทองเหลือง
    อย่างน้อย หน้าตัก ๕ นิ้วนะ..ท่านเกิดวันไหน
    ก็ถวายปางนั้นหละ สมมุติจันทร์ก็ปางวันจันทร์
    อังคารก็ปางอังคาร ถ้ากำกึ่งก็ ถวายสององค์สองปรางไปเลย...
    เพราะเป็นตัวกลางในการนำแรงที่ดี...ระบุชื่อลงไป
    (ที่ร้านเค้าจะแกะให้ปกติ) แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้เค้าไป
    ร่วมกับการกรวดน้ำ เพื่อเพิ่มความสะดวกหรือช่วย
    ในการนำแรง.....และเวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลอื่นๆ
    ก็อย่าลืมอุทิศ ชื่อ ที่อุปโลกน์ให้นี้

    ส่วนกรณีที่เป็นภูมิแพ้ ทั่วไปถ้าทำบุญ
    หรืออุทิศส่วนกุศล ให้กำหนดจุดส่งบุญ
    เหมือนเรากำหนดจิต ไว้ที่ หน้าฝาก ที่มือ อะไรประมาณนี้
    หลักการเดียวกัน...
    จากใต้แกนโพรงจมูกด้านซ้ายบ่อยๆ
    และก็อุทิศไปเรื่อยๆ ฝึกดันให้มันขยากออกเป็นวง
    กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้.....
    (ตรงสันดังจมูกที่เป็นกระดูก แล้วลึกลงไปอีกมาทางด้านซ้าย)
    ร่วมกับการออกกำลังกายบ้าง เหยียบดินหญ้าด้วย
    เท้าเปล่าร่วมด้วย
    ในอนางอ ก็ไปจัดกระดูกด้วยร่วมด้วย(ถ้าทำได้จะมาก)
    หรือใช้ท่า บริการกระดูก พระมหาไพลวัลย์ก็ได้..
    ตรงนี้ก็จะช่วยส่งผลให้ภายในลำคอ
    พวกสลงเสล็ดที่มันส่งผลให้เคืองๆคอยด้านซ้าย
    มันลดลงไปด้วยนั่นหละ......

    เครเนาะ ทั่วไปไม่มีอะไรหรอก พอขำๆ....

    ปล วิบาก = กะแสที่จรเข้ามา
    จรคือ แวะมา(แล้วแต่จะอยู่นานเท่าไหน) แล้วก็ออกไป(ไปที่อื่นต่อ)
    เพราะถ้าไม่ออกไป มันจะเป็น
    ค้างคืน เห้ย! ถาวร

    ส่วนกะแสคืออนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง
    มันเหนือกาลเหนือเวลา
    จะหายเลยคือ ข้อ ๔


    ต้องไม่มีเชื้อให้มันเกิดได้อีก
    คือไม่รวมกับมันอีก แม้ว่าเรามี
    ถึงจะพ้นเรื่องนั้นๆได้

    ประมานนี้ ทั่วๆไป. จบ
    เรื่องของแรง แค่คิด หรืออยู่ในเหตุการณ์ ก็มีส่วนร่วมแล้ว
    จะมากน้อยก็สุดแล้ว แต่การตัดแรงหรือปล่อยวาง...
     
  13. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ขอบคุณคับ ผมลองกำหนดจุดดูแล้วดีขึ้นจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2019
  14. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,773
    มาแล้วจ้ะ~~~
    วันนี้ไปคำชะโนดมาจ้า
    อยากบอกว่า คนเยอะ มากกกกกกกกกกกกก
    และ แทบทุกคน ไปขอโชค (อันนี้แน่นวล)
    มีมุมที่ ประทับใจ และ ไม่ประทับใจ
    เพราะความวังเวง แบบสมัยก่อน ได้หายไปแทบจะสิ้น
    ที่ประทับใจคือ ได้พาพ่อมาตามความตั้งใจ แล้ว
    เจนชอบ ความเงียบสงบ แบบสมัยก่อน เมื่อตอนเจน 18-19
    แต่ไปทีไร ก็เป็นความรู้สึกดีดี
    วันนี้ไปถึง ก็เกิดอาการ เหงื่อออกที่มือจนมือเย็น
    เวียนหัว เป็นหวึ่งๆ จะเป็นลมแหล่
    (สงสัยเพราะหิวหรือเปล่า ก็ไม่น่าจะใช่คะ กินในรถเยอะมาก)
    ไปถึงด้านใน โอ้โห่ แม่เจ้า คนเยอะสุดๆ แทบจะเบียดกัน
    แต่ดีใจ ได้ไปสะที ขอเจ้าปู่เจ้าย่าไปแล้วค่ะว่า
    ให้สมดั่งที่ตั้งใจ ที่อยากไป ชัยภูมิ
    สาธุๆๆๆๆๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ได้เลขรัย?
     
  16. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,773
    B3350B8B-D335-49C7-83AF-0C83E360B594.jpeg
    ไม่ได้เลขอะไรเลยพี่แม็ค
    นั่งไหว้ แป๊บ เขาก็เหมือนไล่ให้ลุก คนอื่นจะได้เข้ามาไหว้ต่อ
    คนเยอะมาก เจนเอาลูกไปด้วย เลยอยู่แป๊บเดียว
    จะไปขอเลข คนก็จองรอบๆต้นมะเดื่อหมด
    ไปที่บ่อน้ำ ได้ภาพถ่ายมา แต่ไม่รู้ดูเลขยังไง
    ไปคราวนี้ คนยิ่งกว่ามดพี่
    บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีอีกแล้ววววว
     
  17. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    555 ไปทั้งที...ไม่มีเลขเด็ดกลับมาเลย
    *Max* ครับ...ลองไปที่นี่ดู


    **************************************


    ถ้ำลอดมหาจักรพรรดิ์ "วัดหลวงพี่แซม" เนรมิตถ้ำศักดิ์สิทธิ์จากฝีมือมนุษย์


    Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL3RyLzAvdWQvMjgyLzE0MTA3OTMvMzQ2MDMzNTdfMTU2ODg2MTk3NjU3Mjc3NV8zMTVfMS5qcGc=.jpg
    ถ้ำที่ทุกคนจะได้เห็นต่อไปนี้ หลายๆ คนคงจะเห็นได้ถึงความอลังการ และยิ่งใหญ่ภายในตัวถ้ำ ซึ่งเราเองก็ตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็นเหมือนกัน

    ซึ่งจริงๆ แล้วถ้ำแห่งนี้มีชื่อว่า ถ้ำลอดมหาจักรพรรดิ์ วัดหลวงพี่แซม เป็นถ้ำที่สร้างขึ้นมาจากฝีมือมนุษย์ ตรงกลางห้องโถงของถ้ำมีพญานาค 7 เศียร (อนันตนาคราช) เล่นน้ำอยู่

    34598772_1568861763239463_173.jpg
    34603357_1568861976572775_315.jpg
    34688206_1568861809906125_387.jpg

    กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมรวมจิตใจของชาวบ้านในละแวกนั้น นอกจากองค์พญานาคแล้วภายในถ้ำยังบรรจุวัตถุมงคลไว้อีกมากมาย ในยามที่ในถ้ำเปิดไฟขึ้นมา จะมีแสงสีสาดส่องอย่างสวยงาม ปัจจุบันถ้ำลอดแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนต่างเดินทางมาไหว้พระขอพรกันเป็นจำนวนมาก

    และยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาด้วย ใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนในวันเสาร์อาทิตย์ขับรถไปเที่ยวกันชิลๆ ใกล้กรุงเทพที่ถ้ำลอดมหาจักรพรรดิ์กันได้ครับอยู่ใกล้ๆ แค่ชลบุรีแค่นี้เอง

    34791771_1568862083239431_703.jpg
    34817696_1568861873239452_232.jpg

    ที่ตั้งถ้ำลอดมหาจักพรรดิ์ : วัดหลวงพี่แซม ต.หนองปรือ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี (อยู่ติดกับถนนเส้น 331)

    ขอขอบคุณ
    ภาพ :เที่ยวไปตามใจเรา By Weerayuth

    ที่มา...sanook.com
     
  18. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,884
    ค่าพลัง:
    +4,719
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 78 ลำดับที่ #1543(1)

    (เจ๊แอมผิดหวัง เศร้าใจเพราะนายจ้างในที่ทำงาน
    ไม่ยอมจ่ายเงินเดือนทั้งๆที่ในสัญญาจ้างก็ระบุตัวเลขเงินเดือนชัดเจน เเต่เค้ากลับเล่นเเง่)


    [QUOTE="nopphakan, post:

    การไม่ให้เงินเดือนฟ้องได้นะ
    ร้องเรียนที่สวัสดิการ
    และคุ้มครองแรงงานในเขตนั้น
    แต่ว่าการลาออกของเราต้องเป็นไปตามเงื่อนไขนะ

    ไม่มีค่าธรรมเนียม ค่านำหมาย และค่าทนาย
    ปกตินายจ้างมักจะขู่กลับ อ้างไปเรื่อย

    แต่ไม่ต้องกลัว เพราะมันไม่คุ้มกับนายจ้าง
    โดยมากจะจบที่การไกล่เกลี่ย
    เพราะไม่งั้น นายจ้างจะต้องจ่าย
    ตังค์เพิ่มขึ้น ๑๕ % ต่อสัปดาห์
    นับจนถึงเวลาที่จ่ายตังค์

    จริงๆส่วนตัวเกลี๊ยดๆ พวกนายจ้าง
    นิสัยแบบนี้ ยิ่งพวกชอบวางท่า กับลูกน้อง
    ตัวเองเป็นเจ้าของร้าน
    ขายของมีตังค์หน่อย
    ชอบวางฟอร์ม
    ป่านว่า ตัวเองเป็นเทพลงมา
    จุติ ยิ่งเกลียด

    การแก้ปัญหาทั่วไปทางโลกมี ๔ วิธี
    ๑ ประนีประนอม(ใช้ได้กับคนมีเหตุผล)
    ๒ การใช้กฎหมาย(เหมาะกับคนขี้โกง)
    ๓ การถอยออกมา(เหมาะกับคนไร้ตรรกะ
    เอาตัวเองเป็นใหญ่ ดูถูกคน)
    ๔ การใช้กำลังหรืออำนาจ
    (ใช้กับพวกที่พูดดีแล้วชอบยกตนข่มท่าน
    ไม่เคยโทษตัวเอง)


    เมตตานะควรมี แต่อย่าไปหวังว่า
    เสือทุกตัวทั่วไปในป่า รวมเสือดำ ๕๕
    มันจะมองเราแบบมีเมตตา
    แบบที่เราถูกสอนมาให้เมตตา
    เพราะในสายตามันเราเป็นแค่เหยื่อ

    เรื่องภาพ ๑๒ ราศรีนักษัตรนั้น
    นัยยะแฝงจากโบรานคือ
    คือการปฎิบัติจากความเป็นสัตว์ให้กลายเป็นมนุษย์

    ปฎิบัติจากมนุษย์ให้เป็นโพธิสัตว์
    ยกตัวอย่างเช่น สมเด็จโต เป็นต้น

    เห็นกุศโลบาย คนสมัยก่อนที่ทิ้งไว้
    หรือยังว่าแยบยลแค่ไหน
    ส่วนนี้ ไม่ได้รู้เองอ่านมาเหมือนกันเด้อ
     
  19. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ผมมาอบรมด้วยคงแวะรายทางเหมือนเดิม
     
  20. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    92 จัดไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...