กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ขอบคุณ คุณณพ ...ที่ช่วยอธิบายให้เห็นภาพในการใช้วิชาพิเศษต่างๆ
    ไปต่อยอดในการปฏิบัติวิปัสสนา ..และก็เรียนรุู้ศาตร์ต่างๆ ไปด้วย
    ซึ่งมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ได้ทั้งสาระ และประสบการณ์ใน
    วิชาพิเศษต่างๆ

    :cool: :cool: :cool:
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอถามคุณนพเกี่ยวกับประเด็นอื่นที่นอกเรื่องบ้างนะคะ คือสงสัยงะค่ะ ว่ากรณีที่มีการถ่ายเทพลังงานออกจากตัวเพื่อปรับสมดุลย์ร่างกาย จริงๆแล้วสมุนไพรอย่างเช่น หลินจือนี่สามารถช่วยได้บ้างหรือไม่ค่ะ พอดีอ่านๆหนังสือมันมีบอกว่า หลินจือนี่ช่วยปรับธาตุในกายให้สมดุลย์ได้ด้วย คนจีนมีเขียนประมาณว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เซียนก็ยังต้องกิน (คือกินแล้วตัวเบา เดินเหินวิ่งได้มากกว่าคนปกติถึงเหนื่อย )จริงๆทางวิทย์ได้บอกว่า เพราะมันทำให้เม็ดเลือดแดงเก็บออกซิเจนได้มากขึ้นจึงทำให้ร่างกายแข็งแรงได้มากกว่าปกติ เลยเกิดความสงสัยว่า ถ้าทานหลินจือ ธาตุหรือพลังงานเกินนี่มันจะช่วยได้ปะคะ คือคิดว่ามันน่าสนใจดีค่ะ เลยเอามาถามดู
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    การถ่ายเทพลังงานส่วนเกินเป็นการใช้สมาธิ
    เพื่อเชื่อมกับธรรมชาติภายนอกในการช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย
    และการดึงพลังงานจากภายนอกไม่ว่าพลังงานร้อน
    หรือพลังงานเย็นตลอดจนสร้างพลังงานที่เกิดขึ้น
    จากจิตพวกกสิณกองต่างๆล้วนแล้วแต่ช่วยหนุน
    และส่งเสริม จากพลังงานภายนอกและภายใน
    เพื่อการช่วยปรับธาตุให้มีความสมดุลดียิ่งขึ้น
    และทั้งพลังงานที่สร้างจากภายในและที่มีอยู่ภายนอก
    ล้วนมีความเกี่ยวข้องกันธาตุต่างๆที่ประกอบเป็นร่างกายทั้งสิ้น...

    ส่วนการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็น
    การเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงพูดง่ายๆคือเป็นการทำให้ธาตุ
    ต่างๆมีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้นใน
    สภาวะสมดุลปกติของร่างกายที่มันเคยมีมานั่นเอง.....

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่เราหลีกเหลี่ยงไม่ได้..ก็คือเรื่องการเสื่อมสลาย
    หรือพร่องไปของธาตุตามสภาวะกลไกทางด้านเวลาของแต่ละธาตุ...

    พวกสารสกัดที่เราได้มาจากสมุนไพรต่างๆ ไม่ว่าจะจากพืชหรือจากสัตว์
    จะโดยตรงหรือหลายๆทางมารวมกันนั้น..เพื่อเป็นการไปหนุน ไปเสริม
    สร้างธาตุบางธาตุที่มันพร่องไปได้ ให้มันกลับมามีปริมาณที่เกือบเท่าเดิม
    ในสภาวะที่ควรเป็น..หรือเพิ่มธาตุบางธาตุได้แต่ไม่ทำให้สภาวะ
    โดยรวมของธาตุเกิดการเสียสมดุล..

    การเจริญสติ ทาน ศีล สมาธิ และวิปัสสนา..เป็นฐานที่ทำให้จิตยอม
    รับตามความเป็นจริง.โดยไม่ย้อนกล่าวถึงอดีตที่ผ่านมาด้วยความอาลัย
    และไม่กล่าวถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เป็นเหตุให้จิตรู้ละ รู้วาง
    รู้ว่าง อยู่กับปัจจุบัน ส่งผลให้จิตได้รู้และได้เข้าใจตรงนี้
    และเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาสภาพของจิตใจ
    ในปัจจุบันให้มีความผ่องใสได้

    เมื่อจิตมีความผ่องใส อยู่กับปัจจุบันก็จะเป็นตัวสนับสนุนทั้งเรื่องการถ่ายเทพลังงาน
    เรื่องการออกกำลังกาย เรื่องการใช้ยาสมุนไพร ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น.และเรื่องอื่นๆฯลฯ

    ทั้งนี้ทั้งนั้นจากเหตุและผลที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด.
    ก็ยังจะส่งผลให้เข้าสู่วิธีการและการดำเนินชีวิตประจำวัน
    ไปตามเหตุและปัจจัยของตนเองจนกว่าจะถึงปลายทางได้
    ตามขั้นตอนของมันเอง..มันก็มีความเกี่ยวพันธ์กันอยู่
    อย่างหยาบๆแบบที่เล่าๆให้ฟังข้างต้น....

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้านึกอะไรไม่ออกจริงๆ ให้จำไว้ว่า..
    จะทำอะไรก็ตาม ขอเพียงแต่อย่าลืมลมหายใจ
    และที่สำคัญก็คือรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของตนเอง..

    ปล.ประมาณนี้.คงจะพอมองเห็นภาพรวมๆได้นะครับ.
    .
     
  4. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    เพิ่งคิดได้เช่นกันค่ะ เห็นพูดกันถึงเรื่องธาตุ แล้วธาตุทองนี้เป็นยังไงคะ คือธาตุอะไร มีอยู่แถวไหน ควรรับมาหรือไม่


    คุณนพคะลองเล่าเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมให้ฟังหน่อย. ส่วนตัวคุณนพเคยเจอไหมคะ แต่เท่าที่ได้อ่านมา ท่านลาพุทธภูมิแล้วนี่คะ เอาเท่าที่คุณนพพอจะเล่าได้นะคะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  5. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ขอโทษนะครับ ที่ผใช้ชื่อกลายแก้ว เข้ามา โพศ ซึ่งไม่มีอะไร
    วงกลมจุดก็ สมมุติของผม แค่อยากเล่า ให้ฟังครับ

    เจ้าแม่กวนอิมตอนนี้ ช่วยงานส่งจิตวิญญาณ ภายในดอกบัวครับ

    ท่านใดที่ มีจิตทิพย์ เชิญเข้าไปถามไปแลกเปลี่ยนธรรมะ กับเจ้าแม่ในดอกบัวได่้นะครับ
     
  6. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ขอนอกเรื่องนิด

    เหตุที่ "วงกลมจุด"ใช้ล็อคอินของ"กลายแก้ว"

    นั่นเพราะต้องการจะพิสูจน์ ให้กลายแก้ว(ตัวจริง) ได้เห็นอะไรบางอย่าง

    รู้มาตั้งแต่กระทู้ของ "ดอกไม้น้ำแข็ง" นั่นแล้ว

    ลงทุนมากเลย ใช้ได้นี่ เป็นไปตามคาดเป๊ะๆ..!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2014
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040

    ตอบ ธาตุทอง บ้างก็เรียกว่าทองคำทิพย์ เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ที่สามารถ
    แปลสภาพมวลสารที่ทำจากทองคำแท้แล้วบรรจุเข้าตัวมักเรียกว่า
    การบรรจุทองต้องใช้กำลังสมาธิระดับค่อนข้างดีพอตัว..
    หรือ การเรียกทองคำจากอากาศแล้วบรรจุเข้าตัว ถ้าคนตาดีหน่อย
    จะมองเห็นได้ครับ..และเราจะเรียกว่าทองคำทิพย์..
    คุณสมบัติทั่วไปก็คือ สามารถส่งเสริมให้เป็นไปตาม
    แต่จิตที่ผู้ได้รับการบรรจุจะอฐิษฐานจิต เช่นเรื่อง ทรัพย์ เรื่องสมาธิ
    เรื่องส่งเสริมการปฏิบัติต่างๆ.ตลอดจนเรื่องหน้าที่การงาน..
    .แต่คุณสมบัติปกติของธาตุทองไม่ว่าทองบรรจุหรือทองคำทิพย์คือ
    สามารถที่จะปรับธาตุในร่างกายของผู้บรรจุได้เองอัตโนมัติ
    คือ ธาตุทองจะเคลื่อนที่ไปเองตามจุดต่างๆของร่างกายที่บกพร่อง
    แล้วจะทำการรักษา เราจะรู้สึกแบบแป๊บๆๆๆ และจะไม่เคลื่อน
    ผ่านจุดนั้นๆจนกว่าจะปรับสมดุลบริเวณนั้นแล้วเสร็จ และคุณสมบัติอีกอย่าง
    ก็คือ มีความสามารถในการป้องกันกระแสพลังงานไม่ดีต่างๆได้.พูดง่ายๆ
    ก็คือ กันพวกภูต พวกอสูรกาย หรือ ผีทั่วๆไปที่มีเจตนาอกุศได้นั่นเอง..
    และทองคำทิพย์ยังใช้ประโยชน์ได้หลายๆอย่างเช่น เพิ่มกำลังในวัตถุ
    ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อพลังงานในวัตถุให้ไปถึงแหล่งกำเนิดพลังงาน
    ได้โดยตรง และ ฯลฯ

    ปล. พวกที่จักระด้านหลังตรงท้องหมุนได้พร้อมกับจักระที่ระหว่างคิ้ว
    บุคคลพวกนี้จะมีความสามารถเรียกธาตุทองได้เกือบทุกๆคน..แต่ว่า
    เค้ามีวิชาทองเฉพาะ เป็นวิชาเฉพาะต้องมีการยกพานครูเช่นกันครับ.
    ก็มีหลายๆท่านที่เป็นต้นตำรับ คือ ฤาษีชื่อย่อ ก.ก.
    หลวงปู่ท่านหนึ่ง ชื่อย่อ ย . วัดพระพุทธฯอะไรซักอย่าง
    ที่อยู่บนเข้า จ.เลยครับ..ใน กทม.จะมีลูกศิษย์ท่าน
    อยู่แถวๆ ถนน แจ้งวัฒนะครับที่ท่านเปิดสอนอยู่..
    ประมาณนี้ครับ..



    ตอบ ส่วนหนึ่งที่ท่านทำ จะเหมือนกับที่คุณ วงกลมจุดเล่าใน #Rep 237
    พวกที่เค้าถนัดเรื่องเส้นสายพลังงาน เวลาช่วยปลดปล่อยพลังงาน
    ส่วนเกินใครมักจะใช้วิธีดูดแล้วก็ยกให้เป็นหน้าที่ท่านในการเคลีย
    แต่ก็มีอีกหลายๆท่านเช่นกันครับแล้วแต่กรณีๆไป..
    ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องทำนองนี้เท่าไรครับ.
    คือไม่ใช่แนวของตัวเองเท่าไรครับ...เอาว่าตอนเด็กๆ
    สมัยกระโดดโลดเต้น วิ่งซนๆเหมือนเด็กทั่วๆไป
    พวกภูมิเทวดาเจ้าที่ หรือเทวดาประจำตัวท่านมา
    ปรากฏให้เห็นได้เหมือนๆมองคนทั่วๆไปนี่หละครับ
    พอดีตอนนั้นคิดว่าคนอื่นๆก็เห็นเลยไม่ค่อยได้สนใจ
    แต่ถ้ารู้ว่าเป็นผีตอนนั้น มีหวังวิ่งป่าราบ ๕๕๕๕๕
    เพราะฉนั้นก็คาดเดาเอาเองแล้วกันครับ
    ว่าจะเคยพบท่านแบบไหนบ้างที่ผ่านมา..
    สุดแล้วแต่จะคิดไม่มีผิดไม่มีถูกครับ.
    เอาเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติดีกว่าครับ
    ถ้าว่างและถ้าเคยผ่านมาแล้ว
    จะพอเล่าให้ฟังได้อยู่ครับ....
     
  8. tutong

    tutong เมสัมมุขขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขขา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +236
    ผมว่าถ้าจะฝึกกสิณแรกเอาตามหลวงฤๅษีฯท่านสอนไว้แบบนี้ดีกว่าคือเพ่งพระพุทธรูปหรือภาพของพระพุทธรูป ถ้าพระพุทธรูปทองคำก็ภาวนาปีตะกะสิณัง(กสิณสีเหลือง) เป็นการฝึกกรรมฐานแบบควบพุทธานุสสติ+ปีตกสิณ+อานาปานสติ
    ถ้าพระพุทธรูปสีขาวก็ภาวนาว่า โอทาตะกะสิณัง(กสิณสีขาว)
    ถ้าพระพุทธรูปสีนิลหรือเขียวมรกตก็ภาวนา นีละกะสิณัง(กสิณสีเขียว/ดำ)
    ถ้าพระพุทธรูปแก้วใสก็ภาวนา อากาสะกะสิณัง (กสิณอากาศมีความว่างเป็นพื้นฐาน)
    ไม่ว่ากรรมฐานกองใดในกรรมฐาน40หลวงพ่อท่านสอนไว้ว่าทิ้งการกำหนดรู้ลมหายใจไม่ได้การจะฝึกเอาอภิญญาให้มีอิทธิวิธีต้องกำหนดลมสามฐานฤิทธิ์จึงจะเกิด
    และการกำหนดรู้ลมทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าคืออานาปานสติกรรมฐานกองแรกที่เป็นบันไดขั้นแรกสู่สมาธิทุกระดับ
    และต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์+กรรมบถ10+ระงับนิวรณ์5ให้ได้ก่อนนะไม่งั้นคุรไม่มีทางได้สมาธิระดับฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2014
  9. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..มีใครลงมือทำกันมั่งหรือยัง..?
     
  10. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอถามค่ะ ดิฉันฝึกเพ่งพระ (บวกทำสมาธิ) ซึ่งจากการอ่านข้อความต่างๆน่าจะตีความได้ว่าเป็นนิลกสิณ(กสิณเขียว)รูปแบบนิมิตรที่เกิดขึ้นขณะเพ่งก็เหมือนท่านอื่นๆคือ เป็นรูปทรงองค์พระสีเขียว แต่ไม่เห็นลวดลายต่างๆ (กรณีหลับตานะคะ) ตรงนี้คือให้เราฝึกการคงอยู่คงภาพใช่ไหมคะ ? ตรงจุดที่สงสัยคือ การพัฒนาของภาพจะเป็นเช่นไรบ้างคะ ตามลำดับ เพราะเท่าที่เคยอ่านสำหรับกสิณบางกอง รูปแบบของนิมิตรมันมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ยังไม่แน่ใจว่า กสิณเขียวนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไหม กลัวจะหลงไปนิมิตรอื่นค่ะ (แต่ถ้านิมิตรกสิณเขียวไม่มีการพัฒนา เพียงแต่ให้คงภาพเวลาหลับตาให้ได้ จะได้ทราบค่ะ )

    ขอบคุณค่ะ
    ปล.ขออนุญาตถามนะคะ พอดีพึ่งหัดฝึกค่ะ อ่านดูแต่ละท่านเก่งๆทั้งนั้น 555 ^_^" (เหงื่อตกเลยค่ะ)
     
  11. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..การทำกสินฝึกเพ่งรูปต่างๆ เราก้อต้องมีที่พัก รูปต่างๆ ภายนอกมักเปลี่ยนแปลงมีลักษณะแตกต่างกันบางทีจิตใจเราสับสนได้ ทำให้ฟุ้งซ่านไม่สงบไล่จับภาพนิมิตไปเรื่อย ควรที่จะมี"อานาปานสติ"เป็นพื้นฐานรองรับ วันไหนวันหนึ่งเกิดฟุ้งซ่านสับสน ก้อให้ละเสีย มาพักที่ลมหายใจเข้าออก ตั้งหลักได้ดี ก้อฝึกเพ่งกันใหม่ จิตมีความชำนาญดีแล้ว ก้อค่อยแคบคายเอา ได้ทั้งอนุสติ ได้ทั้งกสิน..

    ลองพิจารณากันดู
     
  12. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..ใครๆ ชอบศรัทธาครูบาอาจารย์ท่านใด จะนึกน้อมท่านเอามาเพ่งทำนิมิตก้อได้ บางองค์บางท่านไปตรงกับจริตท่านใด นึกถึงท่านทีไรจิตใจมีความสุขปิติ ก้อจะทำให้เราง่ายต่อการทำความสงบใจ "กระแสธรรมเมตตาจากท่านช่างเย็นแปลกๆ พิลึกต้องใจเราแท้" แต่ถึงอย่างไรก้อต้องให้ควบคู่กับลมหายใจเข้าออก แล้วแต่ท่านใดจะเอาไปพิจารณาแยบคาบให้เหมาะกับตน..


    อานาปานสติเป็นพื้นหลัก
     
  13. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..พยายามทำกัน มากน้อยก้อทำไป จะสะสมสั่งสมอยู่ในจิตเรา..

    กสินฝอยๆ น้ำลายแตกฟองนี้ทำง่ายที่สุด

    ..เพ่งรูปธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม รูปนั้นไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นรูปดั่งเดิม แต่ถ้าเป็นพระปฎิมาหรือรูปบุคคลครูบาอาจารย์อันนี้มักมีรูปลักษณะให้เปรียบเทียบอยู่เสมอทำให้สับสนได้.. ควรที่จะมีพักอันมั่นคงเป็นหลักยามสับสนฟุ้งซ่านคือ "ลมหายใจเข้าออก" นั้นเอง
     
  14. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ขอบคุณค่ะ ^_^ ...
     
  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอบคุณในน้ำใจไมตรีจิต วิทยาทานครับ

    ผมมันชอบหากินกับฝัน สนใจเรื่องนอกโลก นอกจักรวาลมันเพลินดี

    แต่บางทีมันก็ได้ปัญญาอีกรูปแบบหนึ่ง..ของมัน

    เรื่องแบบนี้พูดไปมาก..บ้างก็อาจจะเจอย้อนถามโชว์เหนือ..

    มัวเสียเวลาทำไม..ไม่ย้อนดูจิต ดูร่างกายตัวเองให้ดีซะก่อน!!!จะได้เกิดปัญญาธรรม

    ก็ขอตอบว่า..ก็ไม่รู้ซินะ!!

    ก็ตอนนี้..ข้าเพลินเจริญใจของข้าอย่างนี้หว่า..มีอะไรป่าวว

    =====
    ปัญหามีอยู่หน่อยอีกตรง จินตนาการนานไปหน่อยมักกลับมาหาร่างตัวเองไม่ค่อยเจอ

    ต้องค่อยๆคลายกำลังแล้วเจริญสติ ค้นหาตัวตน อวัยวะทั้งหลายคืน
    ลับมาครบให้ดีซะก่อน..ไม่งั้นน่า..จะอาการเอ๋อเหรอทั้งวัน

    ===

    ครั้งเก่าก่อน..
    จะเดินกำลังจิต บริกรรม นะ-มะ-พะ-พะ ไปเรื่อยๆปั่นจนเหมือนตัวหมุนติ้วๆ จนหาร่างกายไม่พบเจอแต่ยังมีสติอยู่...พออกจากสมาธิ อาการป่วยโดยเฉพาะอาการปวดหลัง เหมือนที่ใครเรียกกันว่า" อาการตกหมอน." ชนิดที่เรียกว่า ขยับตัวหมุนศีรษะ แทบไม่ได้จะหายไปโดยปลิดทิ้ง หรือ อาการปวดท้องอย่างหนักเพราะอาหารเป็นพิษ ก็ได้ผลดีเหมือนกัน

    (อาการปวดหลังที่หมอๆ..นิยมเรียกันว่า..กระดูกไขสันหลังทับเส้นประสาท
    แท้จริงแล้วมีสาเหตุจากหลายประการ
    และมีอีกหลายประการที่หลายคนไม่เข้าใจ

    ว่าสาเหตุนั่น..ก็อาจเกิดจากปราฏการณ์อยู่เหนือธรรมชาติ บางอย่าง
    ที่หมอแผนปัจจุบันไม่เคยรับรู้มาก่อน ...หมอก็จ้องจะผ่าตัดลูกเดียว)

    ====

    นี่คือหนึ่งในวิธีการเพื่อสลายอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ที่เคยลองทำดูแล้วได้ผล
    ที่มันเกิดจากการเรียนรู้ทดลองด้วยตัวเอง
    ....จนมีการโน้มนำเอาภาพ..พลังงานหลุมดำมาใช้ ซึ่งได้ผลน่าพอใจอีกแบบ
    ====

    อีกหนึ่งวิธีการ คือระเบิดร่างกายทิ้ง...ภาพใคร สัญญาใดๆปรากฏขึ้นมา
    ข้าระเบิดทิ้งเรียบวุด..ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพพระพุทธเจ้าที่ปรากฏขึ้นมา..

    จนมีแต่จิตรู้เบา กำลังอ่อนๆมากอยู่ในอวกาศ เขว้งขว้างไม่มีที่สิ้นสุด...

    แต่ยังมีเหลืออยู่อย่างที่ระเบิดทิ้งไม่ได้..ที่ครั้งแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะรไกันแน่
    มารู้ภายหลังนั่นคือ...ตัวสติ นี่เอง

    ===

    เล่าเรื่องนี้ให้พระอาจารย์ฟัง ท่านก็ตำหนิเอาว่า..โง่จริงนะเอ็ง

    ใช้กำลังจิตไม่เข้าท่า..เมื่อพบพระใหญ่แล้วให้โน้มไป

    แล้วไตร่ถามเส้นทางธรรม จึงจะสมควรที่สุด

    +++++

    "อ้าว...ก็ตอนแรกท่านบอกผมว่าให้ฝึกใช้จิตทำลายร่างกายนี้ทิ้งนี่นา"
    "เราก็เลย ต่อยอดซะ...ใครผุดเข้าระเบิดทิ้งเรียบวุด ปัญหาอย่างหนึ่งนี้คือกว่า ย้อนคืนมามีสติ รับรู้สภาพร่างกายตัวเองได้นี่นานมาก...เพราะมัวแต่เคว้งในอวกาศที่ไหนไม่รู้

    ====
    คนโง่อย่างเรา..นี้มันโง่ไม่เลิกจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2014
  16. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    อิจิโกะ เริ่มต้น ด้วยกสินไฟ คะ
     
  17. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    คุณ raming2555 ไม่ทราบว่าพอจะบังคับการหมุนได้หรือยัง ประเภทที่ว่าจะให้หมุนช้า หมุนเร็ว หมุนทวนเข็มนาฬิกา หมุนตามเข็มนาฬิกา หมุนเป็นกังหัน หมุนเป็นตาพายุ อะไรแบบนี้ (การหมุนแต่ละแบบ จะมีการใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่ต่างกัน จึงต้องรู้จักควบคุมการหมุนในหลายๆรูปแบบเอาไว้) หากบังคับได้ น่าจะหาทางบรรเทาอาการจุกได้บ้าง

    อีกอย่าง คุณได้นิมิตของลมแล้วนี่ครับ ลองใช้กำลังธาตุลมได้หรือยัง? หากพอทำได้ ลองเอากำลังของธาตุลม ไหลตามควบไปกับการโคจรปราณ อาจจะหาทางบรรเทาอาการจุกได้เหมือนกัน

    นอกเหนือจากนี้ ลองฟังความเห็นของคุณ nopphakan ดูครับ
     
  18. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    งั้นผมขอฝากคำแนะนำ เอาไว้ก็แล้วกันนะครับ ท่านจะทำตามหรือไม่ ก็ตามแต่ท่านจะชอบหรือไม่ชอบ

    อันว่าเรื่อง จักระนั้น ตรงหน้าผาก ไม่ไช่จักระ จักระที่เจ็ดอยู่กลางกระหม่อมครับ และการเรียงตัวของจักระ ก็เรียงเป็นเส้นตรงตามกระดูกสันหลัง เริ่มจากก้นกบ ขึ้นมาที่เหนือสะดือ จนไปทะลุกลางกระหม่อมครับ

    ส่วนการหมุนเวียนปราณในร่างกายนั้น การพนมมือคือการทำให้ปราณหมุนวนได้อีกแบบหนึ่ง

    และในการหมุนนิมิตรนั้น ท่านควรเริ่มตั้งแต่จักระที่หนึ่งคือ จากก้นกบขึ้นมาไล่มาตามจุดครับ จนผ่านหน้าอก ขึ้นมาลำคอ ไปกลางกระหม่อม ขึ้นสู่ความว่างเปล่า เบื้องบนศรีษะ

    ลองทำดูนะครับ หรือไม่ลองก็ได้ครับ แค่เล่าให้ฟัง
     
  19. วงกลมจุด

    วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ดีครับ ที่ท่านกลับมาได้ แต่ก่อนผมก็หลงอยู่นอกโลกเหมือนกันครับ
    ดีที่มีอาจารย์พระพุทธเจ้ามาช่วย ไม่งั้นคงกลับโลกกลับเข้าร่างไม่เป็นเหมือนกันครับ
     
  20. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154

    มาต่อจากตอนที่แล้วนะครับ จากความเดิมที่ท่านสมาชิกเล่าอาการจุก เมื่อมีการตั้งนิมิตนั้น ในทางการปฏิบัติจะพบว่าอาการดังกล่าว เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดต่อไป ถึงจะสรุปได้ว่า อาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากสิ่งใด

    สำหรับประเด็นที่ผมได้ยกมาให้ท่านสมาชิกดังกล่าวพิจารณา ในเบื้องต้น จำนวน 2 สาเหตุ นั้น ในทางการพิจารณาถึงสมมุติฐาน มีเหตุและผล ดังนี้

    1.วิธีการปั่นนิมิต ที่ได้ตั้งไว้ ณ ที่ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งของร่างกายนั้น อธิบายได้ว่า ในการฝึกทางอิทธิวิธี นั้น ผู้ฝึกจะต้องสามารถทำการควบคุมการปั่นของนิมิต ให้หมุน (และควบคุมการหมุนของจักระ) ได้ในหลายๆรูปแบบ ตามความประสงค์ของผู้ฝึก โดยอาจจะมีทั้งการหมุนช้า การหมุนเร็ว การหมุนตามเข็มนาฬิกา การหมุนทวนเข็มนาฬิกา การหมุนแบบกังหัน การหมุนแบบตาพายุ และอื่นๆ ซึ่งได้กล่าวแล้วว่า การหมุนในรูปแบบต่างๆ ก็เพื่อตอบสนองการใช้ประโยชน์ในเรื่องของพลังงานในรูปแบบที่ต่างๆกัน นั่นเอง

    ในทางปฏิบัตินั้น เมื่อผู้ฝึก ทำการฝึกการปั่นของนิมิต ให้หมุน (และควบคุมการหมุนของจักระ)ในหลายๆแบบแล้ว มักพบว่า ผู้ฝึกแต่ละคน จะมีความชำนาญในรูปแบบการหมุนที่ไม่เหมือนกัน บางคนจะชอบและรู้สึกสบายกับการหมุนในแบบหนึ่ง ส่วนในขณะที่ อีกคนหนึ่ง ก็จะชอบและรู้สึกสบายกับการหมุนในอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคนไป

    ซึ่งหากรู้สึกว่า การปั่นของนิมิต ให้หมุน (และควบคุมการหมุนของจักระ) ในแบบใด ที่ผู้ฝึกรู้สึกว่าชอบและมีความสบาย ในรูปแบบนั้น การหมุนในแบบดังกล่าว ก็จะถูกจัดให้เป็นการหมุน ในแบบหลัก ประจำตัวของผู้ฝึกคนนั้น

    ส่วนการหมุนในรูปแบบอื่นๆ ที่ผู้ฝึกสามารถปฏิบัติได้ แต่ไม่รู้สึกสบายนัก เมื่อทำการปฏิบัติ มักจะจัดไว้เป็นรูปแบบการหมุน ในแบบรอง ซึ่ง จะมีการใช้งานไม่มาก เท่าการหมุนในแบบหลัก แต่เมื่อจำเป็นก็สามารถนำมาใช้ได้ โดยอาจจะต้องทนกับอาการไม่สบายกายบ้าง แต่ก็ถือว่าใช้เป็นแค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว จึงไม่ค่อยจะมีผลกระทบอะไร

    มีบ้าง บางคน ที่รู้สึกสบายและชอบกับการหมุนในทุกรูปแบบ โดยไม่มีอาการไม่สบายทางกาย อย่างนี้จัดว่าเป็นบุคคลพิเศษ ที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดี ในการฝึก

    ดังนั้น ที่ผมถาม ท่านสมาชิกดังกล่าว ว่าท่านทำฝึกการปั่นของนิมิต ให้หมุน (และควบคุมการหมุนของจักระ) ได้ตามความประสงค์แล้วหรือยัง? ก็เพื่อวัตถุประสงค์ ที่จะให้ท่าน พยายามหารูปแบบการหมุน ที่เฉพาะเจาะจงกับตัวท่านให้ได้ เนื่องจากบางครั้ง บางที หากลักษณะเฉพาะของเรา ไม่รองรับกับการหมุนแบบนี้ ก็จะมีความเป็นไปได้ที่ จะมีอาการทางร่างกายปรากฏขึ้น ซึ่งบางครั้ง อาจรบกวนการฝึกในขั้นต่อๆ ไป แต่หากได้ค้นพบวิธีการหมุน ในแบบที่ทำให้รู้สึกสบายขึ้น และยึดรูปแบบการหมุนนั้นไว้เป็นรูปแบบหลัก ก็จะทำให้การฝึกมีความสบายมากขึ้น ไม่ต้องทนกับอาการไม่สบายทางกายมากนัก

    เว้นไว้แต่จะสามารถทนอาการไม่สบายทางกายได้ และไม่มีอุปสรรคต่อการฝึก ก็ไม่จำเป็นต้องไปค้นหารูปแบบการหมุนเฉพาะตัว แต่อย่างใด ให้ใช้รูปแบบการหมุนที่ฝึกมาแต่เดิมในตอนแรก ทำการฝึกในขั้นต่อไปได้เลย

    2.เรื่องของการใช้กำลังของวาโยธาตุ ให้ไหลตามไปกับกระแสปราณ ในความเห็นของผม คาดคะเนว่า บางครั้ง อาการจุก ก็เกิดจากการขวางกั้นของบางสิ่ง ต่อกระแสปราณ ซึ่งตามลักษณะของวาโยธาตุ จะมีความเบาบางและโปร่ง สามารถแทรกซึมไปในแต่ละที่ได้อย่างสะดวก จึงยึดเอากำลังของวาโยธาตุ เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ของกระแสปราณ ซึ่งน่าจะทำให้อาการจุกบรรเทาได้ เพราะได้กำลังของวาโยธาตุ เข้าไปช่วยในการทะลวงสิ่งที่ขัดขวางต่อกระแสปราณ ดังกล่าว นั่นเอง

    แต่สมมุติฐานข้อนี้ อาจจะยังไม่ใช่ เนื่องจาก สมาชิกท่านนี้ ได้เล่าว่า เมื่อทดลองโคจรปราณย้อนกลับ ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ แสดงว่ากระแสปราณยังเคลื่อนไปตามตำแหน่งต่างๆ ได้คล่องดี ตามปกติวิสัย ดังนั้น อาการจุก อาจจะไม่ใช่จากสาเหตุนี้

    แต่แม้ว่าจะไม่ใช่สาเหตุที่มาจากเรื่องปราณ ก็ตาม แต่ก็ขอยกมาไว้ เพื่อเป็นการเทียบเคียง ในเบื้องต้น ต่อไป

    สำหรับทั้งหมดนี้ เป็นการอธิบายถึงสาเหตุและที่ไป ที่มา ของการเสนอแนะ วิธีการแก้ไขต่อท่านสมาชิกที่มีอาการจุก ในเบื้องต้น

    แต่จากที่กล่าวไว้แล้วว่า อาการไม่สบายกาย เนื่องจากการฝึกปั่นของนิมิต ให้หมุน (และควบคุมการหมุนของจักระ) นั้น มีสาเหตุจากร้อยแปด พันเก้าประการ ซึ่งผู้ฝึก ก็ต้องพยายามสังเกตอาการ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอาการดังกล่าว และทำการแก้ไขปัญหาให้ได้ในที่สุดต่อไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...