การจองเวรระหว่างเรานั้นไม่มีอีกต่อไป แต่ผลของกรรมที่ทำไว้ย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 17 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    กรรมจากการตกปลา

    สมัยเด็กผมเองก็ตามพี่ชายและเพื่อนพี่ เข้าสวน ไปตกปลา มีเอ็น มีเบ็ด ไม้หาเอาในสวนมี ..ส่วนใหญ่พี่ชายผมและคณะฯจะตกปลาช่อน ปลาหมอ ปลาดุก กัน ส่วนผมนี่ตกได้แต่ปลาก้าง ตกมาแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร แกะจากปากได้บางทีก็ปล่อยทิ้งกลับลงไป พี่ชายผมบอกว่าปลามันจะเจ็บปาก กินอะไรไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็ตาย บางทีผมก็เอากลับไปเลี้ยงเล่นที่บ้าน แล้วก็ตาย..พี่ชายผมเอาไปให้เป็ดกิน บอกว่าเป็นอาหารบำรุงอย่างดี...วัยเด็ก เราไม่รู้หรอกว่าบาปกรรมเป็นยังไง..ผลกรรมมันไม่ลงทัณฑ์ผมหรอก จนกระทั่งผมเริ่มเข้าวัดปฏิบัติธรรมกันสองคนพี่น้อง..ครั้งแรกที่ผมนั่งสมาธิ เมื่อจิตรวมลงปั๊บ ปลาก้างหลายตัว มันลอยอยู่ตรงหน้าผม ห่างจากหน้าผมไม่ถึง 3 นิ้ว ทั้งที่ผมลืมไปนานแล้วว่าเราเคยทำอะไรไว้..ผมได้แต่อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา..พวกคุณทั้งหลายรู้ไหมว่า..บาปกรรมมันก็เหมือนกับไฟ ไม่ว่าคุณรู้หรือไม่รู้ กระทำในที่ลับหรือที่แจ้ง ไปทำในสถานที่ใดๆ โดยเจตนาหรือไม่เจตนา ไฟย่อมร้อนและลวกมือคุณเสมอ ไม่ยกเว้นว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ รวยหรือจน...นับแต่นั้นมาปากผมเริ่มเป็นแผลร้อนใน ทายาแล้ว ก็ยังหายยาก เวลากินอาหารเจ็บปวดมาก นี่อาศัยว่าทำลงไปไม่กี่ครั้ง และที่ไปตกปลานี่อาศัยตามๆเขาไป ไม่ได้เป็นหัวโจก แล้วหัวโจกเป็นอย่างไร..พี่ชายผมเป็นแผลที่ปากเหมือนกัน เป็นขนาดใหญ่ บางครั้งขนาดเท่าเหรียญสลึง ผมถามเขาว่าเจ็บขนาดไหน เขาว่ากินข้าวทีน้ำตาเล็ด ข้าวปลาอร่อยแค่ไหนก็กินไม่ลง ก็เลยแนะนำว่าเป็นแผลข้างซ้ายก็เคี้ยวข้างขวาสิ เพราะผมก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ผมบอกว่า ข้าฯเป็นทั้งซ้ายทั้งขวา และใต้ลิ้นอีก จะให้หลบไปทางไหน กินข้าวทีไรนึกถึงพวกปลาที่เคยไปตกไว้ทุกที ก็เลยถามว่าแล้วเวลาเคี้ยวข้าวทำไง แกว่า ก็โยนๆเข้าปากแล้วกลืนมันไปให้มันจบๆไป...พี่ชายข้าพเจ้าฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่ปี 2530 จวบจนบัดนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังมุ่งมั่นฝึกสมาธิแบบสุกขวิปัสโกต่อไป รักษาศีล5ตลอดชีวิต .. คุณเคยสังเกตไหมว่า ผลกรรมจะเข้าสนองทันทีที่คุณละชั่วแล้วเข้าหาพระธรรม..นี่ไม่ได้หมายความว่าให้คุณกลับไปทำชั่วต่อแล้วจะดีกว่า..เพียงผมเห็นว่านี่เป็นอุบายของพญามาร ที่มุ่งหวังให้สรรพสัตว์ทั้งหลายต้องหลงเวียนว่ายในวัฎฎะให้มาก เมื่อทำชั่วเขาก็สนับสนุน เมื่อทำดีมารก็เข้ามารุมล้อมจนยากที่จะทนได้ ให้ประสบความวิบัติฉิบหายนานา...หลายคนถอดใจจากการทำความเพียรในการเข้าถึงธรรม แล้วโทษพระโทษผี(แต่ไม่เคยโทษตัวเอง) ผมอยากจะบอกทุกคนว่าท่านหันหลังให้พญามารนั้นถูกต้องแล้ว กรรมใดที่ต้องรับเพราะเราไปทำเขาไว้จริง ก็ยืดอกรับอย่างลูกผู้ชาย และให้ผลของกรรมนั้นคอยเตือนสติเราเสมอๆว่าอย่าไปทำเช่นนั้นอีก และเราจะมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรเพื่อการพ้นทุกข์ ให้ถึงที่สุดให้จนได้. บอกตัวเราเองว่ากรรมทั้งหลายที่กระทำกับเรานี้จะให้กระทำกับเราได้ในชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย มันทำกับเราได้เพราะการมีขันธ์5เท่านั้น เราจะเพียรในการละสังโยชน์ทั้ง10ประการ เพื่อการดับไม่มีเชื้อ เป้าหมายสูงสุดของนักสู้อยู่ตรงนี้..
     
  2. CherryBlossom

    CherryBlossom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +1,064
    พอเจ้าหนี้รู้ว่าเราจะชักดาบ หนีหนี้เค้าได้ (ไปนิพพาน) เค้าก็ต้องรีบมาทวงเป็นธรรมดาค่ะ

    ทุกคนที่อยากจะพ้นทุกข์ต้องอดทนให้ผ่านตรงนี้ไปให้ได้

    เป็นกำลังใจให้ผู้ร่วมเดินทางกลับบ้านทุกท่านค่ะ ^_^
     
  3. sherfah

    sherfah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +193
    หลวงตา(พระที่ดิฉันเคยไปฟังธรรม) ท่านเทศน์ประมาณว่า

    มีคนไปขออโหสิกรรมต่อท่าน ท่านก็อโหสิกรรมให้และท่านก็เทศน์สอนประมาณว่า
    เวรระงับด้วยการไม่จองเวรได้ แต่กรรมนี่สิไม่เหมือนกัน กรรมจะสนองผู้กระทำกรรมเสมอ
     
  4. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297


    ### สาธุ ด้วยนะคะ ... ดังที่คุณพูดมามันมีเหตุปัจจัยอันสมควรคะ เพราะดิฉันก็คิดเช่นนี้คะ .. ส่วนตัวก็เคยไปเข้าคริสมาแล้วเหมือนกันคะ .. แต่มันไม่ใช่แบบที่เหมาะกับเราคะ เลยมาเป็นพุทธเหมือนเดิมดีกว่า .. ดิฉันเป็นคนดื้อคะ เหตุผลไม่เพียงพอไม่กระจ่างก็ยากคะที่จะยอมรับ .. พุทธองค์ท่านตรัสไว้ดีแล้วคะ สาธุ ๆ ๆ
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มีหลายเรื่องราวที่ได้รู้ได้เห็นในระหว่างการฝึกกรรมฐาน หลายๆเรื่องก็ไม่อาจเล่าให้ฟังได้ หลายเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาจากที่ใดมาก่อน ประสบเข้าเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เมื่อไปพบครูบาอาจารย์เข้า ท่านก็บอกว่าเล่าให้ฟังไม่ได้ จนเมื่อเรารู้แล้วเล่าให้ท่านฟังท่านก็ยืนยันทันทีว่าใช่ ที่ไปเห็นคือป่าหิมพานต์บ้าง บ้างเป็นโลกมืดที่เป็นอันตรายต่อผู้ฝึกกรรมฐานบ้างแต่พูดไปไม่ได้ จะด้วยไม่มีในตำรา หรือว่า คนฟังแล้วด่า ปรามาสเข้าจะเป็นบาปแก่คนนั้น และเราเองผู้เล่าคือต้นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจากบาปกรรมที่ได้ปรามาสลงไป ด้วยเมตตาธรรมแล้วจึงเลือกที่จะไม่เล่า เรื่องผลของกรรมฐานนี้เป็นของแปลกนะวันที่ไม่รู้ไม่เห็นก็เซ้าซี้ให้หลวงพ่อเล่าให้ฟัง วันที่รู้เห็นแล้วก็ได้แต่เงียบหุบปากไว้ ..เมื่อเราเลือกเอาหนทางพ้นทุกข์แล้ว เรื่องการรู้การเห็นสิ่งต่างๆภายนอกนั้นก็อย่าไปสนใจเสียเลยดีกว่า..เอาไว้ผู้ที่มุ่งปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็ผ่านเข้ามาเอง คนโดยมากอาจติดหลงสนุกสนาน แต่สักพักหนึ่งก็เบื่อหน่ายแล้วจะมุ่งสู่หนทางพ้นทุกข์กันได้ทุกคนนั่นเอง
     
  6. น้องนดล

    น้องนดล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +583
    เป็นไปเช่นนี้เอง..
    ขออนุโมทนา..สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    คิดว่ากระทู้นี้น่าจะตกไปนานแล้ว จึงไปเขียนถึงกรณีที่เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมอโหสิกรรมให้ เขียนไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย...ในยามที่ผมต้องประสบพบเข้ากับกฎของกรรมที่มาสนองนั้น ผมมักจะนึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อครั้งที่ต้องดื่มน้ำจากลำธารที่โคย่ำผ่าน เพียงเพราะสมัยนึงที่พระองค์ยังบำเพ็ญบารมีอยู่นั้นได้ชักโคที่กำลังหิวกระหายจะดื่มน้ำที่ขุ่นให้ไปดื่มน้ำต้นลำธารที่ใสสะอาดกว่า เจตนาก็เป็นเจตนาที่ดี เพียงแต่ว่าทำให้โคลำบากต้องได้ดื่มน้ำช้าไปเพียงเท่านี้ เมื่อกฎของกรรมเข้าสนอง ทั้งๆที่พระองค์คือสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นเลิศในสามโลกแล้ว ก็ยังไม่ได้ปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงต่อกฎของกรรมที่เข้ามาสนอง แล้วกรรมที่เราทำนี่มากกว่านั้น อีกทั้งเราเองยังไม่ได้สำเร็จมรรคผลใดๆ การที่จะต้องได้รับผลของกรรมบ้างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าจะน้อยอกน้อยใจหรือท้อแท้ทอดถอนใจแต่อย่างใด ควรจะมีสติให้มั่น ทำความสงบระงับ ค่อยพิจารณาหาช่องทางแก้ไขไปตามลำดับ ผมจำไม่ได้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ตอนไหนว่า สวดมนต์บทใดแล้วเคราะห์กรรมจะหาย หรือทำบุญถวายสิ่งใดแล้วลบล้างกรรมได้ หรือว่ามีพิธีกรรมใดๆที่จะทำให้ไม่ต้องรับกรรม ผมก็ไม่เคยได้ยิน ผมเคยได้ยินบ้างก็ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม ตนจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ดังนั้นแล้ว ผมจึงไม่นิยมทำในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้ทรงตรัสสอนไว้ และเพียรพยายามในการเจริญพระกรรมฐานเพื่อลด ละ เบื่อหน่าย คลายกำหนัด และออกจากกาม ผมคิดของผมเองว่าน่าจะดีกว่าจะไปเที่ยวกราบกรานอ้อนวอนขอเพื่อให้กรรมนั้นลดลงหรือหายจากไป ซึ่งไม่น่าจะมี หากจะมีตัวอย่างบ้างก็คือ ท่านเหลียวฝาน ที่ทำความดีมากๆ และไม่กระทำความชั่ว ซึ่งก็เปรียบเสมือนการทำบุญหนีกรรม คือกรรมชั่วใหม่ไม่ก่อ ก่อแต่กรรมดี เพื่อให้กรรมเก่าที่ไม่ดี ตามไม่ทัน หรืออย่างหลวงตาม้าท่านก็ดี ท่านให้สวดบทจักรพรรดิ์เพื่อให้จิตใจอยู่กับพลังงานที่ดี พอใจดีซะแล้ว วาจาก็จะดี การกระทำก็จะดี สิ่งดีๆก็จะเข้ามาในชีวิต ก็เป็นกุศโลบายที่ดีสำหรับพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย...
     
  8. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขอขอบคุณท่าน raming 2555 มาก ที่ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาหรือคนที่ยังไม่ค่อยรู้จักหลวงปู่ หลวงตา และบทจักรพรรดิ์ ได้มีกำลังใจในการปฏิบัติและสนใจวิธีการปฏิบัติแนวหลวงตามากขึ้น ..
    ก่อนอื่น ขอบอกตรงๆว่า ดิฉันไม่กล้าแม้จะไปเสนอหน้าในกระทู้ที่ได้รับความสนใจของท่านเลย ขอยอมรับว่าแรงจริงๆ ดิฉันต้องตั้งจิตใหม่ให้ดีทุกครั้งที่ได้แอบอ่าน หวังว่าท่านคงเข้าใจ ดิฉันนั้นยังเล็กกว่าเม็ดทราย(ถ้าจะเปรียบ) ขนาดตัวเองนั้นยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย นี่ถ้าไม่ได้หลวงปู่ และหลวงตาท่านเมตตาช่วยไว้ล่ะก็ ป่านนี้ดิฉันก็ยังไม่รู้จะเป็นไง ... จึงไม่อาจกล้าก้าวก่ายของใคร ..
    ส่วนในกระทู้นี้นี่ ขอขอบคุณค่ะ อย่างน้อยในใจดิฉันมันก็เริ่มเพิ่มกำลังขึ้นบ้าง
    ...ข้อความทั้งหลายที่เขียนมาก็ตั้งจิตกับหลวงปู่แล้ว ...
     
  9. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    เข้าใจถูกต้องหรือไม่คะ คำว่า "เจ้ากรรมนายเวร" หมายถึงผู้เคยมีกรรมมีเวรแก่กัน ได้แก่มนุษย์และอมนุษย์ คำว่า "มาร" หมายถึงสิ่งที่คอยกำจัด หรือขัดขวางบุคคลไม่ให้บรรลุความดี

    ดังนั้น อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการปฎิบัติธรรม จึงมีเหตุมาจากถูกเจ้ากรรมนายเวรปองร้าย หรือมีเหตุมาจากมารเข้ามาขัดขวาง วิธีบรรเทาหรือแก้ปัญหาในเรื่องนี้ สามารถทำได้ ๔ แนวทาง

    (๑) ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดหนี้
    (๒) อุทิศบุญแลกกับหนี้เวรกรรม
    (๓) พัฒนาจิตจนพ้นไปจากวัฏฏสงสาร แล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือจะเป็นอโหสิกรรม
    (๔) ใช้ปัญญาเห็นถูกตามธรรมแก้ปัญหาเรื่องมารด้วยการดับต้นเหตุที่แท้จริง
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    คุณศีลสิกขา ท่าทางจะคล่องในพระไตรปิฎกมิใช่น้อย ผมเองตั้งกะสิบกว่าขวบ หลวงพ่อก็ให้เลิกอ่าน เพราะกลัวผมจะไปติดยึดเข้า แต่หลายๆท่านศึกษาแล้วก็ไม่ติดยึดนะ แต่ผมอาจจะไปติดยึดเข้าท่านก็เลยให้อ่านเอาจากในกายกับในจิต ดังนั้นหากจะตอบแล้วไม่เข้าใจหรือไม่ตรงประเด็นก็ต้องขออภัยไว้ก่อน เพราะตอบตามประสาคนที่ศึกษามาไม่เพียงพอ...เรื่องเจ้ากรรมนายเวรนั้นเป็นผู้ที่เราไปทำกรรมไว้กับเขาแล้วเขาจองเวรนั้นมีทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์คือไม่ใช่มนุษย์อยู่ด้วยอันนี้ผมก็เห็นด้วยเช่นกันครับ...เรื่องมารนั้น มาระ ท่านแปลว่า ผู้ฆ่า คือฆ่าให้ตายจากการทำความดี เท่าที่เห็นมานั้นมีตั้งแต่มารที่เข้าก่อกวนเจ้าชายสิทธัตถะเพื่อไม่ให้บรรลุธรรม ตนเดียวกันกับที่โดนหมาเน่าผูกคอจากพระอุปคุต ตอนนี้ท่านเลิกกวนแล้วนะ คราวก่อนไปเจอเห็นอยู่เฉยๆแต่ยังไม่ยอมมาเกิด ท่านนี้เป็นพระโพธิสัตว์ ที่มากวนเพียงเพราะกลัวว่าพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดแล้วคนและสัตว์จะไปนิพพานกันหมด ถึงเวลาที่ท่านจะมาเป็นพระพุทธเจ้าบ้างจะไม่มีสัตว์อยู่ให้โปรด...มารที่ผมเจออีกตัวนึงคือ ขันธมาร เพราะเวลานั่งสมาธิใหม่ๆ จะปวดเมื่อยทรมานมาก ถ้าทนไม่ได้ก็เลิกกันไป หรือการเดินจงกรมก็ดีจะเจ็บปวดมาก บางครั้งทำให้มีอาการเหมือนจะขาดใจตาย นี้ก็ขัดขวางการปฏิบัติธรรมบ้าง มารอีกส่วนหนึ่งที่ผมเห็นคือเมื่อผู้ปฏิบัติดำเนินทางจิตไปได้ดีแล้ว ก็จะทำให้ผู้ปฏิบัติสำคัญตัวว่าสำเร็จแล้วบ้าง ทำให้ไปยึดติดในธรรมที่ตนบรรลุแล้วบ้าง สร้างสภาวะธรรมขึ้นมาแบบหลอกๆบ้าง อันนี้ก็มี อีกส่วนหนึ่งที่เห็นว่าแปลกไปหน่อยคือ ท่านผู้นี้มีตัวมีตนแต่อยู่ในโลกมืดเป็นใหญ่ในหมู่ผู้ฝึกวิชาไสยดำ ปกครองอยู่ที่ภพภูมิอันอยู่ใต้จากนรกลงไป มีบริวารที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้าจำนวนมาก อายุขัยยาวนานเหมือนพรหมโลก อันนี้ก็เคยเจออยู่...
    (๑) ยอมชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดหนี้
    อันนี้ทำได้ก็ดีนะ เป็นนิสสัยของคนดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะใช้หมด คงผ่านไปหลายพันอสงขัย เพราะเกิดมาแต่ละครั้งก็สร้างกรรมชั่วทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวไว้โดยมาก แล้วผมเห็นเหมือนว่าการทำความดีจำนวนมากมายนั้นเมื่อทำความชั่วไปเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ความดีที่เพียรทำมามากนั้นเสียหายไปหมดได้ อุปมาเหมือนเราสะสมน้ำทีละหยดจนได้มาขันหนึ่ง แล้วต่อมาเมื่อเอาน้ำหมึกหยดเข้าไปหยดหนึ่ง ก็ทำให้น้ำทั้งขันนั้นเสียหาย ใช้การไม่ได้ไปเสียทั้งขัน หรือจะเปรียบว่าคุณเองทำความดีมากทำมาเรื่อยๆ แล้วขับรถไปชนหมาในเวลากลางคืนเข้าอย่างจัง เสียงร้องอย่างเจ็บปวด มันยังติดใจคุณมาจนทุกวันนี้แล้วกลบลบคุณงามความดีที่คุณทำอยู่เรื่อยๆเสมอมา แม้ทำบุญอุทิศไปให้เพียงใดใจคุณเมื่อประหวัดคิดถึงก็ยังรู้สึกแน่นๆวูบๆขึ้นมาเสมอ แม้ขณะอุทิศส่วนกุศลก็ยังมีอกุศลคือความไม่สบายใจเกิดขึ้นมาด้วยความสงสารและรู้สึกผิดที่ได้บังเอิญกระทำลงไป ดังนั้นหากว่าจะชดใช้ให้หมดผมจึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่แทบเป็นไปไม่ได้
    (๒) อุทิศบุญแลกกับหนี้เวรกรรม
    บุญนั้นอุทิศให้ด้วยความรู้สึกสำนึกผิดและเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ในขณะจิตต่อมาคืออาการที่เราอโหสิกรรมให้กับตัวเราเองอันเนื่องจากการได้รับการอโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรนั้น ทำให้จิตเราปลดภาระลง แต่ผลของกรรมเรายังคงต้องรับซึ่งแม้ว่าผลของกรรมจะเข้ามากระทบในขันธ์5ให้รับรู้ทุกขเวทนาได้ถึงจิต แต่เมื่อเข้าถึงสภาวะธรรมและวางลงในไตรลักษณ์ได้เสียแล้วย่อมเห็นลักษณาการของใจว่าไม่ข้องแวะด้วยผลกรรมทั้งปวงอีก คงเพียงแต่เป็นกริยาของจิตที่รับรู้เวทนานั้นแล้วสักแต่ว่ารู้ /สำหรับบุญย่อมเป็นส่วนบุญ บาปย่อมเป็นส่วนบาป แลกกันไม่ได้ แต่ท่านเหลียวฝานท่านเห็นว่าหากน้ำหมึกหนึ่งหยดท่านจะต้องทำความดีเท่าน้ำหนึ่งแท็งค์แม้น้ำหมึกไม่หายไปแต่ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำในแท็งค์ ท่านจึงริเริ่มทำบัญชีความดีความชั่วขึ้นมา ผมเข้าใจท่านว่าท่านคิดเห็นอย่างนี้นะ
    (๓) พัฒนาจิตจนพ้นไปจากวัฏฏสงสาร แล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือจะเป็นอโหสิกรรม
    อันนี้ผมก็เห็นด้วยนะ แล้วถึงไม่มีเจ้ากรรมนายเวรก็ควรทำให้พ้นวัฏฏสงสารอยู่แล้ว ส่วนหนี้เวรกรรมนั้นผมไม่เห็นเป็นการอโหสิกรรม แต่เป็นเหมือนโมฆะไป แต่โมฆะนี่ก็โมฆะเฉพาะแต่กับผู้ที่พ้นจากโลกไปแล้วเท่านั้น การจองเวรที่เกิดจากท่านผู้นั้นก็ยังคงเป็นสภาวะไว้อยู่คู่โลกต่อไป ไม่ได้สูญสลายไปไหน นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมคนเดียวนะ
    (๔) ใช้ปัญญาเห็นถูกตามธรรมแก้ปัญหาเรื่องมารด้วยการดับต้นเหตุที่แท้จริง
    การดับที่ต้นเหตุนี้ผมก็เห็นด้วย ต้นเหตุที่ผมเห็นคือ อวิชชา ซึ่งผมรู้สึกว่าไม่ใช่ของง่าย เพราะอวิชชานั้นไม่น่าแปลว่าโง่ น่าจะแปลว่าความรู้ไม่ตรงหรือรู้ไม่แจ้งจริง เพราะบ่อยๆครั้งที่ผมเห็นว่าอวิชชานั้นฉลาดมาก สามารถหาข้ออ้างต่างๆให้เราละเว้นการทำความดีและไปทำเรื่องชั่วได้โดยไม่รู้สึกละอายใจ..การจะกำจัดอวิชชานั้น ผมเห็นว่าทำที่ตัวสักกายะฑิฐิตัวเดียวก็เพียงพอ ทำตัวนี้ขาดถึงที่สุด3รอบแล้วก็เป็นอันจบกัน ส่วนตัวผมเห็นว่าการกำจัดอวิชชามีหลายทาง ยากง่ายต่างกัน ผมเลือกเอาตามที่หลวงพ่อฤษี แนะนำในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่าน ผมว่าท่านฉลาดรอบคอบใคร่ครวญมาดีแล้ว ผมเองก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกอยู่ซึ่งไม่รู้จะต้องผิดๆถูกๆไปอีกนานเพียงไหนแล้วส่วนใหญ่ก็ผิดเสียด้วยสิ ไม่ค่อยจะถูก ก็เลยถือเอาคำแนะนำในการตัดกิเลสของหลวงพ่อฤษีเป็นแนวทางและถือเอาสังโยชน์10ประการเป็นเครื่องวัดน่ะครับ...
    ขออภัยที่ตอบยาวไป...อ่านมากไปจะเฝือกันหรือเปล่านะครับ...ความเห็นโดยส่วนตัวนี้ของผมจะถูกจะผิดอย่างไรขอท่านทั้งหลายอย่าพึ่งเชื่อถือ ขอให้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณาด้วยตัวท่านเองจะชอบยิ่งแล้ว...
     
  11. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    อนุโมทนา..สาธุ สาธุ สาธุ จ้าวค่ะ... ท่าน จขกท.

    ดิฉันชอบอ่านเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน เรียกว่ากำลังศึกษาดีกว่าค่ะ กฎแห่งกรรม และการรักษาศีล หลากหลายความคิดค่ะ ที่จะตีความตามพระไตรปิฎก อ่านแล้วเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็ต้องมาถามกันแหละค่ะ มีความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องกฎแห่งกรรม หรือแม้กระทั่งการรักษาศีล บางท่านตีความเข้าข้างตัวเอง เห็นผิดเป็นชอบ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทางที่ดีคือ ไม่ก้าวล่วงกันดีกว่าค่ะ ดิฉันเองไม่สนใจว่าใครจะว่าดิฉันโง่หรือเพี้ยน กะเพียงแต่ว่า ไม่รู้ หรือรู้มาผิด ๆ ก็เท่านั้นค่ะ การเข้ามาในบอร์ด ในกระทู้เพื่อแชร์ความรู้ดิฉันเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ทำให้เราพิจารณาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการสร้างกรรม..โดยเราไม่รู้ตัว รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอให้ท่านเจริญยิ่งแล้วในทางธรรม ที่เสียสละเวลาให้คำตอบ เพื่อให้ดิฉัน ได้รู้แจ้งมากขึ้น แม้ว่าในบางเรื่อง จะมีความคิดที่แตกต่าง อันนี้ก็คงสุดแท้แต่บุพกรรมบุญ หรือทรัพย์สินทางปัญญาของเราที่มีมา.. สาธุธรรมค่ะ ^^
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...

    โมทนากับการศึกษาธรรมด้วยครับ...

    สำหรับผู้ที่ศึกษาพระธรรมนั้น จะเป็นคนไม่ดีไม่ได้ เพราะนิสัยของผู้จ้องประพฤติผิด ย่อมเร่าร้อนในเวลาศึกษาธรรม เวลารักษาศีลก็เหมือนกับนักโทษโดนขังคุกแล้วถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน...

    ผู้ศึกษาธรรมก็จะมีภาษาอย่างนึง ซึ่งหากไม่ได้ศึกษามาก็จะไม่สามารถแกล้งทำเป็นรู้ เพราะผู้รู้ย่อมรู้กันอยู่ได้เอง เสมือนผีเห็นผี กับผู้ปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เมื่อแสดงภูมิธรรมออกมาย่อมรู้อยู่ว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะมีผู้ไม่ปฏิบัติธรรมแล้วเที่ยวจำคำผู้อื่นมาพูดก็ไม่ย่อมไม่เหมือนกัน กับผู้ปฏิบัติธรรมแล้วย่อมดูออกเช่นกัน สมัยผมอยู่กับหลวงพ่อฤษี ท่านพูดถึงคนที่ยอมรับตัวเองว่าโง่ ท่านว่าคนพวกนี้มักจะไม่โง่ เป็นผู้มีปัญญา...

    วันนี้คนมีปัญญาทางโลกกันมา ก็เอาศีลธรรมมาบิดเบือนเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง...ธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะเหมือนดั่งกลองของพระเจ้าลิจฉวีไป..

    สำหรับเรื่องศีลนั้น ผมเห็นชอบด้วยกับที่หลวงปู่มั่นกล่าวไว้ว่า รักษาที่ใจตัวเดียว เพียงแต่ว่าผมยังทำไม่ได้เพียงนั้น ก็พิจารณาแล้วว่า รักษา หิริ-โอตัปปะ ไว้แล้ว ก็จะครอบคลุมศีล 5 ได้อยู่ เมื่อประกอบเข้ากับ สัมมาฑิฐิและสัมมาสติ เข้าด้วยแล้ว ศีลนั้นก็จะเป็นปกติ เปลี่ยนจากผู้มีศีล เป็นผู้ทรงศีล และ คือผู้เป็นศีลในที่สุด คือเมื่อกายกับจิตเป็นศีลไปด้วยกัน เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาศีลอีกต่อไป จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ละแล้วซึ่งศีลภตปรามาส...

    สิบกว่าปีก่อน ผมให้หนังสือ ทิพย์อำนาจ กับพี่สาวท่านนึงไป ภายหลังท่านนี้ได้ให้ความสนใจและศึกษาเพิ่มเติม จนพบว่าตนเองชอบเรื่องเหตุปัจจโย ศึกษาจนบัดนี้ก้าวหน้ากว่ากระผมไปมากแล้ว ก็ยังได้ให้ ซีดีคำแนะนำสั่งสอน มาให้ผมเปิดฟังอยู่ จริยาพี่สาวท่านนั้นคล้ายคลึงกับคุณศีลสิกขา ซึ่งเป็นจริยาของผู้ใฝ่ทางธรรม ย่อมมีแต่ความเจริญ ไม่เสื่อม...

    ผมเองก็เล่าเอาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการปฏิบัติธรรม จะถูกผิดอย่างไรก็ขอท่านผู้อ่านทั้งหลายอย่าพึ่งเชื่อ พึงพิจารณาด้วยสติปัญญาอันชอบของท่านเอง ย่อมประเสริฐกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2013
  13. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    เห็นด้วยค่ะกับทุกสิ่งที่คุณ raming2555 ได้กล่าวมาทั้งหมด โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันเห็นว่า ยังมีอยู่อีกมากค่ะ ที่คิดและปฎิบัติผิดหลักธรรมคำสอน หลายหัวข้อนะคะที่ดิฉันเองก็เข้าใจผิดและสับสน ตอนนี้ดิฉันก็ได้รับการไขข้อข้องใจเหล่านั้นแล้วในบอร์ดแห่งนี้ด้วยความเมตตาจากท่านผู้มีปัญญา ดิฉันโชคดีที่ได้รู้จักและได้เสวนาธรรมกับกัลยาณมิตรที่มีความรู้ภูมิธรรมสูงส่งหลายท่านที่นี่ ทำให้ดิฉันอยากจะศึกษาเพิ่มเติม เพื่อรักษาพระศาสนาและได้มีโอกาสสาธยายข้อธรรมที่ได้เรียนมาในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน เฉกเช่นเดียวกับท่าน จขกท. และเพื่อน้อมข้อธรรมมาปฎิบัติ ที่จักทำให้บรรลุถึงความพ้นทุกข์ได้... ขอโมทนา กับข้อคิดทางธรรมของบัณฑิต จขกท.ค่ะ

    น้อมบูชาท่านด้วยเศียรเกล้า จากคำกล่าวของหลวงปู่มั่น รักษาใจแค่ข้อเดียว แต่พระผู้ที่ปฎิบัติตามคำสอนของท่านนั้น สามารถรักษาศีลขั้นพื้นฐานได้มากกว่า 227 ข้ออีกตะหากค่ะ โดยไม่ต้องพูดถึงฆราวาส หรืออุบาสก อุบาสิกาเช่นเรา ๆ

    สันติสุข จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยทุกคนมีหลักธรรมไว้ภายในใจ สงบ สะอาด สว่าง เป็นส่วนตัวแล้ว จึงร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกัน เผยแผ่ออกไปสู่คนรอบข้าง ชุมชน สังคม ขยายกว้างออกไปเพื่อความสุขและความเจริญอย่างยั่งยืน..สาธุธรรมค่ะ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...