การรับขันธ์อันตรายถึงชีวิต

เห็นด้วยอย่างแรงอยากได้ขัน 5 ก้ไปซื้อ สิ ใบละ ไม่เท่าไรเอง อิอิ

 

จริงคับรับขัน ท่าทำไม่ถูกก็เป็นอันตรายถึงชีวิตจิงๆๆ

รับครั้งเดียวแต่อยู่กับคุณไปตลอดชีวิต

แล้วนักดนตรีที่สักพระภิกขเนตรอีกอย่าสักเล่นๆๆ ระวังชีวิตอับจนนะ

ตัวคุณบริสุทธิ ผลหรอ

 

พอดีช่วงก่อนญาติไม่สบายแล้วมีคนทักเราว่า มีองค์ รับขันธ์เทพแล้วจะดีขึ้นเราก็เป็นกังวล บวกกับมีคนเคย ทักหลายครั้งว่ามีองค์นะ เราก็เลยยิ่งเชื่อคนๆนั้นว่าเราต้องรับ เพื่อให้ญาติที่ไม่สบายดีขึ้น
แต่พอรับขันธ์มาแล้ว ก็ไม่ดีขึ้น ญาติที่ป่วยหนักก็ เสียชีวิตไป ตอนนี้ย่า และ พ่อ ก็ มาล้ม ป่วยเพิ่ม ขึ้นที่ละคน พอสังเกตตัวเองก็รู้สึกว่า ตัวเราเองก็ อารมณ์ ร้อน กลายเป็นคนโมโหง่าย เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน
สมาชิกคนไหนพอจะรู้วิธี แก้บ้างคะ ตอนนี้กังวลมากๆเลยไม่รู้จะทำยังไงให้ ดีขึ้น ขอความคิดเห็นจากสมาชิกด้วยนะคะ _/\_

 

ไปหาพระที่มีบุญบารมีมากๆ มีญาณ ครับ ถ้าเป็นพระอริยะ ยิ่งดีครับ เดี๋ยวผมลองถามหลวงพ่อที่ผมรู้จักดูให้ ได้ความยังไงแล้วจะ PM ไปครับ

 

ตอนนี้ไม่รู้จะทำไง อุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร และให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองเจ้าตัวด้วย

 

ถูกใจมากคับ อีกอย่างการรับขัน อาจจะได้ของแถมคือคุณไสยด้วยนะคับ พระอาจารย์ท่านบอกมา ชอบข้อสังเกตว่ามีเทพคุ้มครองมากเลยครับ จะตรงไปไหน อิอิ อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ ครับ

 

ตามอ่าน...ครับ.............

 

ดูที่จุดประสงค์มากกว่าครับ รับเพื่ออะไร รับทำไม อย่าไปงมงายครับ เท่าที่ผมเข้าใจมาจากครูบาอาจารย์ ท่านว่า ขันธ์ดอกไม้ธูปเทียนบุหรี่หมากพลู เป็นเครื่องบูชานอบน้อมเเด่ครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ ส่วน 5, 8,9 มันเเล้วเเต่จะรังสรรค์
สุดท้ายต้องดูตัวเราครับ ว่ารับทำไม เจตนายังไง หากไปเจอครูบาอาจารย์ดีก็โอเคคครับ ท่านจะบอกเเนวทาง เเละความหมาย ไม่ใช่ให้เรารับส่งเดช
เเต่ถ้าเเนวขันธ์ล้ม คนล้มเนี่ยค่อนข้างน่ากลัวนะครับ
ตามคามคิดผมๆคิดว่าเป็นเพียงเครื่องสักการะบูชา ยึดเหนี่ยวให้ใจยึดมั่นในครูบาอาจารย์ครับ จะเห็นทางภาพอีสานเวลาปลุกเสกพระจะจัดขัน5 ขัน 8
หรือทางเหนือจะมีพานดอกไม้สักการะครูบาอาจารยือะครับ
สิ่งที่ทำให้ภาพพจน์เสีย คือวัด หรือตำหนักทรงที่ขายขันธ์เป็นธุรกิจ
ไม่ออกมาอธิบาย เลยออกมาในเเนวงมงาย..............

หากผมพิมพ์อ่านไม่ดี ความรู้ผมน้อย ขอกราบขอขมาทุกท่านที่มาอ่านด้วยนะครับ อย่าด่าผมเลย ผมเพียงอยากเเชร์ความคิดในฐานะที่ผมเองก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่งที่มีเรื่องพวกนี้บ้างเลยไม่ปฏิเสธครับ เเต่ทุกอย่างจะดีได้ เพราะศีลครับ ทานศีลภาวนาครับ

 

เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ได้รับความรู้ดีมากเลยครับ ผมรู้จักการรับขันธ์มาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย จนตอนนี้อายุสามสิบกว่าปีแล้ว และได้รับขันธ์มาด้วย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรนะครับ ไม่รู้สึกอะไรกับการดำเนินชีวิต เพราะผมมีเรื่องคิดในการทำงานมากกว่าที่จะมานั่งคิดว่าสิ่งที่เรารับมานั้นดีหรือไม่ดี ไม่โทษสิ่งนั้นสิ่งนี้ ในช่วงว่างผมจะไหว้พระสวดมนต์ไปตามปกติ คือช่วงก่อนนอน และไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะต้องเวลานั้นเวลานี้ ชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติครับ

การรับขันธ์ในความเชื่อนั่นคือการรับครูมาบูชา หรือการไหว้ครูนั่นเอง ขันธ์คือตัวแทนของครูบาอาจารย์ที่สร้างขึ้นให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ได้เห็น เพื่อระลึกถึง ขันธ์จึงไม่สามารถมาทำร้ายหรือทำลายเราำได้หรอกครับ

ขันธ์ 5 ขันธ์ 9 หรือขันธ์ใดๆ ก็แล้วแต่ไม่สามารถมากำหนดชีวิตเราได้หรอกครับ เพราะเราต้องดำเนินไปตามกรรมของแต่ละคน ถ้าเรามองในมุมที่กลับกัน การรับขันธ์นั้นอาจจะลดทอนสิ่งไม่ดีที่อาจจะเกิดกับเรา อย่างเช่นที่บอกว่าวิญญาณนั้นมาสิงสู่มาทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าเรามองว่าวิญญาณนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรเราล่ะครับ แล้วเค้ามาเจอเราในคนละภพภูมิละครับ เค้าอาจจะมาเกาะติดกับชีวิตเรานะครับ

รวมถึงการที่โดนลมเพลมพัดไปรับเอาสิ่งไม่ดีใดๆ มาก่อนหน้าหรือหลังจากรับขันธ์แล้วมาลงที่ตัวแทนของสิ่งเราเรียกกันว่าขันธ์หรือเปล่า

ผมอาจจะเจอกับสิ่งดีๆ ในตำหนักทรงที่ดีๆ มาก็ได้ครับ ไม่ได้เป็นตำหนักทรงที่อุปโลกขึ้นเพื่อที่จะหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง ร่างทรงเป็นผู้หญิงรับประทานเจมามากกว่าสี่สิบปี และด้วยบารมีที่ร่างทรงท่านนี้สั่งสมมา วันนี้จากบ้านเล็กๆ กลับกลายมาเป็นศาลเจ้าขนาดกลาง และที่สำคัญร่างทรงท่านนี้เป็นร่างทรงที่จนที่สุดเท่าที่ผมเห็นมา เพราะแกไม่ค่อยได้ใช้จ่ายใดๆ บางวันไม่ได้ใช้เงินสักบาท กินอยู่ในโรงเจแห่งนี้

ในขณะที่ท่านลงทรง ถ้าผมว่างแวะไปโรงเจ ผมจะถือโอกาสเข้าไปคุยในช่วงท้ายๆ หลังจากที่ผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจะหมดอาจจะเหลือสักคนหรือสองคน แล้วผมจะไปแจ้งว่าจะเข้าไปคุยกับองค์ กับพี่ที่ดูแลจัดคิว ซึ่งแกสนิทกับผมดี ผมจะได้เข้าเป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง เพราะบ้านใกล้เดินก็ถึง ให้คนที่เค้ามาจากที่อื่นๆ ได้เข้าก่อน ผมเ้ข้าไปก็แปบๆ น่าจะเรียกว่าไปไหว้เฉยๆ มากกว่าจะถามโน่นนี่เยอะแยะ เมื่อเข้าไปสิ่งแรกที่องค์ที่ลงอยู่ท่านจะถามว่า

"เป็นไง มีอะไร วันนี้มาทำไร" ผมจะบอกว่ามาเที่ยว วันนี้ว่าง

"อืมๆ ดีๆ แล้วนี่ไหว้พระสวดมนต์บ่ิอยๆ นะ หลังๆ ไม่ค่อยได้สวดนี่นา ทำงานข้างนอกเยอะ อยู่ที่ไหนก็สวดได้ ไม่ต้องสวดที่บ้านหรอก " แหม รู้อีกว่าไม่ค่อยอยู่บ้าน

"สวดมนต์ นั่งสมาธิ แค่นั้นพอ เราก็ไม่ลำบากแล้ว" นี่คือสิ่งที่องค์ที่ลงมายังร่างทรงนั้นกล่าวกับผมตลอดมาไม่ต้องไปทำบุญทำอะไรที่ไหน แก้กรรมแก้โน่นนี่ที่ไหน ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

กินเจทุกปีผมจะมีหน้าที่เข้าไปนอนที่โรงเจไม่ว่าจะทำงานที่ไหน แต่เมื่อเข้าเทศกาลกินเจ ผมจะหยุดภาระต่างๆ ไว้ก่อนไม่ว่าทำงานต่างจังหวัดใกล้ไกลแค่ไหน ช่วงเทศกาลนี้ผมจะหยุดการเดินทาง เพื่อเข้าไปทำหน้าที่อย่างที่เคยทำมาตลอดน่าจะสักสิบห้าปีได้นะครับ

อาจจะเป็นโชคดีของผมก็ได้นะครับที่ได้พบกับร่างทรงและการเข้าทรงที่ดีไม่ได้หลอกหลวงและไม่ได้เรียกเงินเรียกทองเพื่อเข้ากระเป๋าตัวเอง และที่สำคัญคือผมไม่เคยไปตำหนักทรงที่ไหน ไม่แม้แต่คิดว่าไปร่วมไหว้ครูที่อื่น ในเมื่อครูเรานั้นจะอยู่กับเรา เราไหว้ที่บ้าน สวดมนต์ไหว้พระและระลึกถึงบุญคุณครูบาอาจารย์ นั่นคือการไหว้ครูในความคิดของผม

ไว้จะมาเขียนเรื่องสนุกๆ ในเทศกาลกินเจให้ฟังนะครับ เพราะผมสนุกมากตลอดการเข้าไปกินนอนในโรงเจแห่งนี้ช่วงเทศกาล มีทั้งตื่นเต้น เร้าใจ ไว้จะมาเล่าให้ฟังนะครับ

ถ้าขอเขียนของผมไปขัดแย้งกับความรู้สึกของใครผมขอโทษด้วยนะครับ เป็นมุมมองอีกมุมหนึ่งที่เกิดกับตัวของผมเองครับ เราอย่าไปโทษสิ่งที่ไม่เห็นครับ เราต้องโทษที่ตัวของเรา เพราะการกระทำของเรานั้นเป็นสิ่งที่เราเป็นผู้กำหนดเองครับ

 

แล้ววิธิแก้ ทำอย่างไรหรอครับ คือ เมื่อก่อนป้าผมมีเงินเป็น10 ล้าน พอรับขันธ์มา ทุกอย่างเปลี่ยนไป มีคดีความ จน หมดเงินค่าทนายความไปหลายล้าน จนทุกวันนี้ ป้าผมตกอับ ทรัพย์สมบัติที่มี ก้ขายไปจนหมด เหลือเพียงบ้าน และรถ พร้อมกับหนี้สินอีกเป็นแสนๆ ทุกวันนี้ป้าผมป่วยบ่อยมาก เดี๋ยวปวดท้อง ปวดหัว เป็นลม แต่ป้าผมก้ยังยึดถือ เชื่อมั่นมาก เพราะทุกครั้งที่นั่งทรง จะดูดวงแม่น ทายเหตุการณ์นอนาคตได้ถูก ผมสงสารเลยแนะนำให้ทำบุญใส่บาตร ทุกวันนี้ ป้าผมก้ยังใส่บาตรกรวดน้ำทำบุญไม่เว้น ผมสงสารป้าอ่าครับใคร มีวิธีก้แนะนำมานะครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้พ้นทุกข์โดยไวน่ะครับ