เรื่องเด่น การเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆและสงครามนิวเคลียร์

เดินทางเพียงลำพังข้ามประเทศ ด้วยจักรยานเพียงคันเดียว

เผยแพร่เมื่อ 10 ม.ค. 2015​

 

การหนีภัยไปพร้อมๆกันบนถนน ทำให้รถติดตายไปไหนไม่ได้ !!

เผยแพร่เมื่อ 11 ต.ค. 2011​

 

Bike touring Thailand 2017​

เผยแพร่เมื่อ 30 พ.ค. 2017​

 

ภาพความร้ายแรงของระเบิดนิวเคลียร์ ​

เผยแพร่เมื่อ 28 ม.ค. 2015​

 

การหาที่หลบภัยที่ปลอดภัยจริงๆ ต้องต่างคนต่างเลือกนะครับ ว่าใครชอบที่ไหน?



หลังจากแผ่นดินไหว ๗.๑ ที่แม๊กซิโก แล้ว เกิดบ่อน้ำพุโคลนร้อนขึ้นในชุมชน อันแสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไหว ทำให้แผ่นดินแยก แล้วความร้อนใต้โลก หรือ แม๊กม่าดันผุดขึ้นมา

ผมไม่ค่อยสบายใจที่ยังไม่มีการสำรวจรอยแยกต่างๆอย่างจริงจังในประเทศเรา โดยเฉพาะการไหวแปลกๆ ถี่ ที่ลำพูน เชียงใหม่ แม่สรวย แม่ลาว เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำมันดิบ อ.ฝาง เลย

โอกาสเกิดแบบนี้ในประเทศเราก็มีนะครับ

การหาที่หลบภัย ที่ปลอดภัย จริงๆต้องต่างคนต่างเลือกนะครับ ว่าใครชอบที่ไหน เช่นผมกับท่านอาจารย์ ดร.สมิทธ เคยเสวนากันว่า กรุงเทพอย่างไรเสียก็ต้องล่มแบบแม๊กซิโกจากแผ่นดินไหว และน้ำท่วมจากเขื่อนเจ้าเณรแตกแน่นอน แล้วเราจะหลบภัยไปที่ไหนปลอดภัยดี ?

ผมบอกว่าผมจะไปเชียงใหม่ เชียงราย ไกลน้ำท่วมโลกเมื่อโลกสลับขั้วสนามแม่เหล็ก

ท่านอาจารย์สมิทธบอกว่า ท่านจะไปสกลนคร เพราะไม่มีรอยแยก ไม่มีแผ่นดินไหว เชียงใหม่ เชียงรายมีรอยแยกเพียบ คนก็หากันตึง

ผมก็เรียนท่านในงานเสวนาว่า แต่เชียงใหม่ เชียงรายแม้นมีรอยแยก เสมือนมีการปลอดปล่อย และผมอยู่บนเขา ไม่ใช่ที่ราบลุ่ม ทำให้เรียบว่ามั่นคงแข็งแรง ไม่สั่นสะเทือนเหมือนพื้นที่ราบที่นา

ท่านอาจารย์ก็ว่าตามใจผม แต่ท่านไม่ไป ฮา ฮากันตรึมครับ

เมื่อ ๓ วันที่ผ่านมา ก็มีท่านหนึ่งเขียนเชิงสบประมาทผม เรื่องไปอยู่ที่แม่จัน เชียงราย ทั้งๆที่มีรอยเลือ่นแม่จัน แท้ๆไปตายเปล่า

ผมเลยจะบอกว่า รอยเลื่อนแม่จัน ชื่อมันน่ากลัว ว่าแม่จัน แต่ตัวรอยเลื่อนที่นาวกว่า ๑๐๐ กิโลเมตร นั้น ที่มีปัญหาคือแนวช่วงเชียงแสน เชียงของ ที่โยนกนครล่มก็คือพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุด

จากบันทึกในประวัติศาสตร์เท่าที่ค้นคว้าได้ แผ่นดินไหวที่เชียงแสนเป็นหลักสำหรับรอยเลื่อนแม่จัน ที่ฝาง ที่ แม่อาย ที่แม่จันเอง กลับไม่มีแผ่นดินไหว แม้นในปัจจุบันแผ่นดินไหวเกิดถี่ที่เชียงใหม่ ลำพูน แม่สรวย แม่ลาว ก็ไม่ใช่ตัวแม่จันจริงๆ

รอยเลือนแม่จันเป็นรอยเลื่อนในช่องเขาลักษณะแบบระนาบเดียวกัน หากเกิดแผ่นดินไหว ก็จะมีลักษณะเป็นการเคลื่อนที่สวนทางกัน ไม่ใช่ด้านหนึ่งด้านใดเลื่อนขึ้นลง ยุบตัวแบบที่อื่นๆครับ

ที่สำคัญ บนเขาที่อยู่ระหว่างรอยเลื่อนที่พาดผ่านแม่จัน ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว และแม้นแผ่นดินไหวแรงๆในที่ต่างๆ เช่นที่แม่สวรยปี ๕๖ ที่ ๖.๓ ริคเตอร์ คนบนดอยแถบไม่รู้สึกอะไรเลย หลายพันคนไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวเสียด้วยซ้ำ เพราะมันรู้สึกตึ่งเบาๆที่เดียว และที่เกิดไหวรุนแรงที่พม่า ห่างไปร้อยกว่ากิโลเมตร ที่ไร่เกษตรภูแพรวาเราก็ตึงเบาๆ ในขนาดที่ลูกสาวบอกว่าหอพักสายเอเซียหน้า ม.แม่ฟ้าหลวงสะเทื่อนมาก ของหล่นตก ที่เชียงแสนก็มีรายงานสิ่งของตกหล่นมากมาย แต่ที่ไร่เกษตรภูแพรวาเรา แก้วไวน์ที่เรียงกัน ยังไม่กระทบกันซักกริ๊งเดียว

ดังนั้น ผมมั่นใจว่าที่ที่ผมเลือกอยู่นั้นปลอดภัยมากๆ แม้นจะไม่มีที่ใดบนโลกที่จะปลอดจากภัยพิบัติเลยก็ตาม แต่ที่ที่ผมเลือกซื้ออยู่ก็ปลิดภัยมากที่สุดสำหรับผม ครอบครัว และญาตพี่น้องที่จะมานะครับ

ผมย้ำเสมอว่า ที่ที่ปลอดภัยสูงสุดจากมหาพิบัติรวมๆทั้งหมดในประเทศเรา ก็ต้องห่างทะเลอ่าวไทย ๓๐๐-๕๐๐ กิโลเมตร และอยู่ที่ความสูงสบายใจ ๔๐๐-๖๐๐ เมตร ที่เป็นที่บนเขา เชิงเขา ที่ไม่ใช่ที่ราบลุ่ม เช่นที่นาในเชตชุมชนต่างๆ แม้นที่ราบลุ่มนั้นจะสูง ๔๐๐ เมตร แต่แผ่นดินไหวมา สะเทือนแรงไปหมด แต่หากอยู่บนเขา จะเฉยๆวะมากกว่า เพราะฐานชั้นดิน ชั้่นหินแข็งแรงมากๆ

การทดลองง่ายๆ ให้ท่านเอาแก้วน้ำ ใส่น้ำพอเต็มแก้ว ตั้งบนโต๊ะไม้ โต๊ะกินข้าวไม้ หรือ โต๊ะม้าหิน แล้วเอามือทุบโต๊ะนั้นให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้แล้วดูว่า น้ำในแก้งกระฉอกไหม? แก้วเขยื่อน แก้วล้มไหม ?

ที่นี้ลองเอาแก้วใส่น้ำแก้วเดียวกัน ว่าบนโซฟา วางบนเบาะ แล้วทุบด้วยแรงเท่ากันกับที่ท่านทุบโต๊ะ แล้วดูว่า น้ำในแก้วกระฉอกไหม? แก้วเขยื้อน แก้วล้มไหม ?

ลองดูนะครับ แล้วท่านจะรู้ว่า ทำไมผมเลือกที่อยู่บนเขาไกลๆจากน้ำทะเล แบบคนโบราณในอดีตกาล ที่แสวงที่หลบภัยจนสืบลูกหลานต่อมายังปัจจุบันได้

ไม่เถียงกัน ไม่สบประมาทกันดีกว่านะครับ

สรุปว่า ให้เลือกที่ชอบที่ชอบ
ที่ ที่ท่านชอบนะสบายใจที่สุดครับ

Piyacheep S.Vatcharobol
20 กันยายน เวลา 0:50 น.

ที่มา

 

อ่านทบทวนนะครับ พิจารณาว่าปัจจุบันอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้ว แล้วอนาคต น่าจะเกิดอะไรต่อไป ?



จากที่ถามกันมามากมายว่า ประชากรโลก ๒ ใน ๓ ส่วนจะหายไปนั้นสถานการณ์โลกจะเลวร้ายอย่างใด กับการสลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก และทำให้โลกทางกายภาพเคลื่อนที่ สารขัณฑ์ประเทศจะไปอยู่ที่ใด

ผมก็ขอคัดเอาส่วนหนึ่งของการบรรยายมาให้ดู ขอให้ดูที่ละภาพ อ่านที่ละภาพ แล้วท่านจะเห็นภาพรวมเองนะครับ ฝรั่งว่ากระบวนการสลับขั้วใช้เวลา ประมาณ ๕๒ วัน โลกทั้งสบัด ทั้งเหวี่ยง ทั้งแกว่ง ทั้งกลับหัวตีลังกา น้ำทะเล มหาสมุทรจะกระฉอกไปมา เมืองชายทะเลราบพนาสูญ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ขั้วโลกเหนือมืดไป ๓ วัน โลกจะหมุนช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ ๑๘ วัน แล้วจะหยุดมุน ๖ วัน โชคดีที่สารขัณฑ์ประเทศอยู่ในด้านมืด ๖ วัน ผจญความหนาว มากกว่ารังสีและความร้อนแล้ง จากนั้นโลกจะเคลื่อนตัวขยับครั้งสุดท้ายเพียง ๑ ชั่วโมง แผ่นดินไหว ๙ ริคเตอร์ เฮอริเคนสะพัดไปทั่วโลก ภูเขาไฟระเบิดพร้อมๆกันหมด ทั้งไฟไหม้ ฟ้าผ่า แลป ร้อง ระงมไปทั่ว

แต่ก็มีคนรอดนะครับ อย่าไปตกใจ เขาเขียนเป็นวิชาการดีมาก เขียนมานานแล้ว อัดคลิปก็นานแล้ว แต่ก่อนนาซ่าก็เถียงยิกๆๆๆๆๆ
ตอนนี้นาซ่าเองเอาข่าว ดาวคู่แฝด Binary Star มาเผยแพร่เองซะนิ

ลับ ลวง พลาง ศึกษาเป็นข้อมูลนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็แล้วแต่ หากมีสติ ก็จะมีทางออกทางรอดทางปลอดภัยได้นะครับ

ท้ายนี้ไม่ได้ทวงอะไร เพียงแต่อยากจะบอกว่า รูปประจำเครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภาคประชาชน ที่ผมเอารูปพายุหมุนมาขึ้นไม่ยอมเปลี่ยน ด้วยมั่นใจในข้อมูลว่าต้องเกิด เกิดมากขึ้น และแรงขึ้น

ท่านใดที่เคยปรมาสผมไว้ ผมก็ไม่ขออะไรมาก ขอให้ท่านจงเตรียมพร้อมเพื่อตัวท่านเองและครอบครัวให้ดีๆ และหากเป็นไปได้ ช่วยกระจายข่าวเตือนคนเรื่องอภิมหาพิบัติภัย ให้คนเตรียมตัว เตรียมใจต่อๆกันไปด้วยนะครับ

นำกฏไตรลักษณ์มาศึกษาให้ถ่องแท้ คุณความดีที่เกิดขึ้น ก็ต้องยกให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่สั่งสอน แนะนำ ชี้แนวทางกันมา ตั้งแต่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ดร.เทพนม เมืองแมน ดร.ระพี สาคริก พระอาจารย์รัตน์ หลวงพ่อร่มโพธิ์ศรีสุริยะ เป็นต้น

สิ่งที่ผิดพลาด หรือ ก่อให้เกิดทุกข์ กายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี กระผมขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว และโปรดจงอโหสิกรรมให้แก่กันและกันด้วยนะครับ อโหสิ อโหสิ อโหสิ นะครับ

Piyacheep S.Vatcharobol
20 กันยายน เวลา 13:58 น.

ที่มา https://th-th.facebook.com/Piyacheep/

 

ไปส่องกระเป๋าฉุกเฉินของคนญี่ปุ่นกัน เค้าเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติกันยังไง！


เฮลโลทุกคน วันนี้อีฮั้นงดช๊อปค้า หลายคนอาจจะถามว่า “ทำไม” ก็สัปดาห์ก่อนๆ เนี้ย เค้ามีแผ่นดินไหว และภูเขาไฟประทุกันมากมายและหลายๆ แถบเลย อีฮั้นเลยจะเพลิดเพลินกับการช๊อปปิ้งอย่างเดียวไม่ได้ค้า

เราจะต้องเตรียมพร้อมรับกับการเกิดของธรรมชาติได้ในทุกๆ เวลา ทีนี้วันนี้อาจจะมีหลายๆ คนถามว่าอีฮั้นจะบอกอะไร สิ่งที่ต้องการบอกก็คือ “การเตรียมให้ดีที่สุดในการรับภัยธรรมชาติ ตามสูตรของคนญี่ปุ่น”

เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเกาะ เค้าเลยถูกปลูกฝังให้เตรียมอพยพ เตรียมลี้ภัย เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจากธรรมชาติตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นแถบ 3 จังหวัดที่เป็นฐานของภูเขาไฟฟูจิ จะมีการซ้อมอพยพ และการหนีลาวา การซ้อมของนักเรียน พนักงานบริษัท เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือการเตรียมอพยพ กรณีเกิดสึนามิ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ในโรงเรียน

ส่วนอีฮั้นเพิ่งเข้าไปอยู่ที่ญี่ปุ่นได้ 4 ปี ก็ได้เรียนรู้มาไม่มาก ไม่น้อย วันนี้เลยจะมารื้อกระเป๋าฉุกเฉินของคนญี่ปุ่นกันนะคะ ว่าเค้าเตรียมตัวรับมืออะไรกันบ้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่เราต้องรอดค่ะ รอดแบบมีสติ！！！！

แท๊น แท้นนนน มาดูกันที่กระเป๋าของเพื่อนอีฮั้นเองฮ่ะ นางมีของตุงมากๆ นับได้แล้ว แบบทึ่งค่ะ ถามว่ากระเป๋านี้เปลี่ยนของข้างในบ้างมั๊ย นางบอกว่านางเช็คทุกสี่เดือน เอาหล่ะ เอาหล่ะ เอาหล่ะ ชักสนุกแล้วสิ ตามมาดูของข้างในกันนะ


1. อันดับแรกคือกระเป๋าค่ะ ส่วนกระเป๋านั้น ควรเป็นชนิดกันน้ำได้ ไม่ว่าจะเป้ หรือกระเป๋าก็ดีค่ะ คือตามจริงแล้วกระเป๋าอาจจะถูกทอด้วยผ้าที่ต่างๆ กันไปอ่ะนะคะ อันที่กันน้ำได้ 100％ คงหายากสักนิด แต่ว่าตัวพื้นที่ส่วนใหญ่ถ้ากันน้ำได้จะดี เพราะเผื่อสึนามิ เราต้องลงเรือ หรือมันวุ่นวาย อาจจะร่วง หรือเปียกน้ำ คราวนี้เสร็จค่ะ ของข้างในคงไม่เหลือให้ใช้กันพอดี

เอ้าแล้วที่ห้อยๆ นี่อะไรจ๊ะเธอ อุ้ย !!! นกหวีด (เห็นแล้วแอบนึกถึงแจ๊ค กับโรส) อิอิ ออกนอกเรื่องแพ๊พ!


2. นกหวีด เอาไว้ทำไมเหรอ ก็เอาไว้เป๋าเวลาเราติดตามซอกตึก หรือถ้าน้ำท่วมงี้ เราก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ง่ายๆ เลยด้วยการเป่า มีแรงก็เป่าไป ฮึ้บ!!


3. ถ่านไฟฉาย เอามาทำอะไรคะ ไม่เห็นจะได้ใช้เลย เค้าตอบว่า เอาไว้เผื่อๆ ห้าาาาาา


4. ตัวต่ออเด็ปเตอร์ในไซส์ต่างๆ ไม่มีอะไรที่ต้องใช้หรอก แต่เผื่อไว้เฉยๆ


5. มีดสวิส เอาไว้ยามจำเป็น ก็จริงนะ เผื่อว่าต้องตัดเชือกตัดอะไร แต่เชือกนี่ไม่เห็นมีในกระเป๋า แต่เอาเหอะเผื่อกรรไกรไว้ตัดผ้าก๊อต


6. สารกันแมลงเข้ากระเป๋า (ไม่ให้มากินของข้างในหมด) แต่เอิ่มท่าจะเก็บไว้นานแล้ว ฝุ่นเกาะเชียว


7. โน๊ต หนังสือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำยามเกิดแผ่นดินไหว อันนี้สำคัญค่ะ มีวิธีบอกเล่าในการปฏิบัติตัว ทำให้เราตั้งสติไม่แพนิก


8. วิทยุ และถ่านไฟฉายปั่นไฟด้วยมือ ไว้รับข่าวสาร และครั้งที่แล้วที่เกิดสึนามิ ทำให้ถ่านไฟฉายขาดตลาด เลยมีแบบปั่นมือดีกว่า ไม่ต้องพึ่งพาถ่าน

เค้าได้เขียนไว้ตั้งแต่ในยามที่พื้นที่แถบคันไซเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่โกเบ ว่าในยามนั้น ใช้ทีวีก็ไม่ได้ วิทยุในรถก็ใช้ไม่ได้ วิทยุปั่นไฟจากมือจึงเป็นสิ่งที่ดีสุดในการรับข่าวสาร เราจะเห็นว่าในหนังซอมบี้หลายๆ เรื่องได้มีการเปิดวิทยุเพื่อรับข่าวในการนัดพบสำหรับคนที่เป็นมนุษย์อยู่ เพราะฉะนั้น ถึงแม้โลกจะเปลี่ยนไปขนาดไหน คิดว่าการใช้ความถี่ของคลื่นวิทยุน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในยามฉุกเฉิน


9. แคลลอรี่แมท อาหารที่มีแคลลอรี่ปกติไม่ได้เหรอ ถามเค้าไปงั้น เค้าบอกว่าอาหารปกติก็แคลลอรี่น้อย เราต้องการพลังงานเพื่อมีแรง ไม่ต้องกินเยอะ แต่มีแคลลอรี่เค้าว่างั้น


10. ขนมปังชนิดแข็ง เค้าบอกมันเหมือนขนมปังเนี่ยแหล่ะ แต่เป็นแบบกรอบแข็ง อิ่มดี


11. ถุงพลาสติก หรือถุงก๊อบแก๊บนั่งเอง อันนี้ไม่ชัวร์ว่ามีประโยชน์มากน้อยหรือเปล่า แต่ว่าควรมีติดไว้ นางบอก


12. น้ำดื่ม 2 ลิตร นางบอกอยากเตรียมมากกว่านี้ แต่หนัก กลัวเอาขึ้นเรือที่เค้ามารับไม่ไหว ห้าาาาา


13. อุปกรณ์ปฐมพยาบาล พวกผ้าก๊อตพันแผล ทิชชู่แห้ง ทิชชู่เปียก ทรายทำความอุ่น มาร์กปิดปาก
มาร์ก นอกจากจะช่วยปิดปากแล้วยังป้องกันการรับเชื้อจากผู้อื่น รับการสำลักควันต่างๆ ซื้อไว้สำหรับ 7 วันเท่านั้น นางบอกว่าถ้าเกินกว่านี้ นางคงเหงาแล้วคิดว่าไม่ต้องรอดก็ได้ ห้าาาาาา


14. หมวก ใช้เผื่ออากาศหนาวๆ เอามาปิดหูจะได้อุ่นๆ จุดนี้พวกที่ปิดหูจะเกะกะมาก


15. ผ้าขนหนูแบบผืนยาว เผื่อพันคอได้ เกิดบดแผลใหญ่ใช้ห้ามเลือดได้ แล้วก็เช็ดหน้าได้ 3 in 1 มากพี่น้องครับ 555


16. ร่ม อย่าพยายามซื้อร่มร้อยเยน ร่มที่มีโครงสร้างบางๆ ถึงมันจะเบา แต่พังง่าย มันก็ไม่มีค่าอะไรเลยถ้าเก็บไว้ขนาดนี้


17. เสื่อทำความอุ่น จริงๆ แล้วถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้หนาว เสื่อนี้จะแค่เหมือนสื่อที่เราเอาไว้ปูชมซากุระ แต่ถ้าอากาศหนาว สีทองที่เราเห็นนั่นคือตัวให้ความอบอุ่นกับเรา


18. ชุดกันฝน กันน้ำ ชุดนี้อาจจะใช้หรือไม่ใช้ หรือไม่มีโอกาสใช้ไม่รู้ แต่คิดว่าก็ดีกว่าฝนตกแล้วหนาวตาย


19. ถุงเก็บสิ่งปฏิกูล ไม่ว่าจะปัสสาวะ อุจจาระ ก็สามารถทำให้เกิดโรคระบาดได้ทั้งนั้น ที่ญี่ปุ่นเค้าเห็นถึงความสำคัญของเรื่องพวกนี้มาก จะเห็นได้ว่าตอนน้ำท่วมที่ไทย เราก็ปล่อยออกแม่น้ำบ้าง แต่ก็จะให้พูดยังไงได้ ถุงนี้ทางอำเภอเค้าแจกนะคะ แต่ไม่รู้จะเหมือนกันทุกเขตหรือเปล่า มีวิธีการใช้เรียบร้อย ถ้าเก็บดี รับรองไม่มีเล็ดรอดออกไปส่งกลิ่นแน่นอน

และขอเสริม!!!!

ในกรณีที่เกิดภูเขาไฟปะทุเค้าว่ากันว่าการเตรียมแค่มาร์กปิดปาก เหมือนอีฮั้นเตรียมมันไม่พอค้าาาาาา มันต้องนี่เลย!!!

1. หน้ากากนิรภัย เหมือนตามโรงงานใส่กัน ป้องกันได้ทั้งเขม่า สารต่างๆ ที่ออกมาจากปล่อง ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรอันตรายบ้างเนอะ ถ้าภูเขาไฟฟูจิเกิดประทุขึ้นมาเนี่ย ทางโตเกียวอาจจะไม่ได้โดนลาวาหรอกค่ะ แต่แค่ขี้เถ้าลาวาก็ทำให้เราหายใจไม่ออกได้นะคะ เพราะฉะนั้น ถ้ามีอันนี้หายห่วงค่ะ

2. แว่นตานิรภัย 555 นี่มันของที่ใช้กันในโรงงานชัดๆ ปกติแล้วอีฮั้นไม่เคยคิดเรื่องการป้องกันอะไรแบบนี้เลย แต่มีน้องคนนึงพูดให้คิด เพราะฉะนั้น ตอนนี้คนญี่ปุ่นเริ่มหันมาสนใจพวกนี้มากขึ้นแล้วนะก๊ะ แต่ว่าพวกอุปกรณ์นี้ อีฮั้นเคยเห็นว่าเป็นของ 3 เอ็ม แล้วจริงๆ มันหาซื้อได้ที่ไหนเหรอ 555 แอบอยากรู้ว่าตามท้องตลาดทั่วไปมีมั๊ยน้อ

3. ยาสำหรับโรคประจำตัว ใครมีอาการที่เป็นโรคประจำตัวก็ควรจะต้องพวกไว้นะ อย่าให้มันขาดเชียว บางคนอาจจะไม่ได้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติ และเกิดหัวใจวาย ช๊อก แล้วเสียชีวิตไปก็มี

สำหรับวันนี้ เรายังไม่ได้เจาะนะคะ ว่าจะปฏิบัติตัวยังไง เอาแค่มีอะไรในกระเป๋า ก็เก๋ไก๊แล้ว ซึ่งการรับมือ อาจจะแตกต่างไปจากที่นี่ เราก็ลองดูเอาแล้วกันนะคะ ว่าสำหรับภูมิประเทศอย่างบ้านเราเนี่ย ควรต้องพกพาอะไร

รีวิวในครั้งนี้ไม่ได้จะบอกอะไรเป็นนัยๆ นะคะ แค่มาบอกว่าคนญี่ปุ่นเค้าพร้อมรับเสมอกับภัยธรรมชาติ เนี่องจากภูมิประเทศเค้าคือเกาะ ส่วนนักท่องเที่ยวบางคนอาจจะบอกว่าเห็นแบบนี้แล้วจะมาญี่ปุ่นดีเหรอ บอกได้เลยค่ะ เราในการเป็นนักท่องเที่ยว ก็ต้องเตรียมพร้อมได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเบอร์ฉุกเฉิน และที่สำคัญสุด คือเบอร์สถานทูตไทยในภูมิภาคต่างๆ ที่เราไปค่ะ เชื่อเถอะค่อ ไม่ว่าจะหิมะถล่ม หรือพายุ แผ่นดินไหว สึนามิ คนไทยไม่ทิ้งกันหรอกค่ะ

เรื่องโดย : Nat Nana www.marumura.com

ที่มา http://www.marumura.com/japan-emergency-bag/

 

หน้ากากกันฝุ่นสำหรับรุ่นที่เปลี่ยนได้
ถ้าฝุนเยอะ4ชั่วโมงก็ต้องเปลี่ยนไส้กรองแล้วครับ
ถ้ารุ่นที่เปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องทิ้งเลย

 

คำทำนายของ‘นอสตราดามุส’ โดย วีรพงษ์ รามางกูร


เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่คาบสมุทรเกาหลี เมื่ออเมริกาเคลื่อนกองทัพเรือจำนวนมหาศาลเข้าไปในน่านน้ำเกาหลี พร้อมกับติดตั้งขีปนาวุธเพื่อสามารถยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

แสนยานุภาพทางทะเลและทางอากาศของสหรัฐนั้น ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบได้ กองทัพเรือที่ 7 เรือดำน้ำ เรือบรรทุกเครื่องบิน ขีปนาวุธที่สหรัฐนำเข้าไปติดตั้งในเกาหลีใต้ รวมทั้งกำลังพลที่ยกเข้าไปไว้ในเกาหลีใต้นั้น มากมายกว่าการเคลื่อนแสนยานุภาพของสหรัฐอเมริกาไปทำสงครามอื่นที่ผ่านมาหลายเท่านัก เหมือนกับจะยึดเกาหลีเหนือเสียเลยทีเดียว เหมือนกับเมื่อคราวสหรัฐอเมริกาสร้างกระแสข่าวเท็จว่า ซัดดัม ฮุสเซน มีอาวุธทำลายล้างร้ายแรงหรือ “massive destruction weapons” สามารถทำลายล้างประเทศต่างๆ ในภูมิภาคได้ ซึ่งขัดกับมติของคณะมนตรีความมั่นคง สหรัฐและพันธมิตรจึงมีความชอบธรรมที่จะโจมตีอีรัก และจับตัวประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน มาขึ้นศาลตัดสินประหารชีวิตโดยการแขวนคอได้ แต่เมื่อกองทัพสหรัฐและอังกฤษเข้าไปยึดอิรัก ก็ไม่พบอาวุธทำลายล้างร้ายแรงแต่อย่างใด แต่อเมริกาก็ยึดบ่อน้ำมัน โรงกลั่นและอื่นๆ ไว้เป็นประกันในการชำระหนี้ค่าใช้จ่ายของสหรัฐในการปลดปล่อยอิรัก

คราวนี้ก็เหมือนกัน ถ้าสหรัฐอเมริกาจะทำกับเกาหลีเหนือเช่นเดียวกับคราวกระทำกับอิรัก เกาหลีใต้ก็คงจะถูกสหรัฐอเมริกาใช้เป็นฐานในการโจมตีเกาหลีเหนือ ทำนองเดียวกันกับการใช้คูเวตเป็นฐานทางทหารในการโจมตีอิรัก ประเทศพันธมิตรของสหรัฐที่จะต้องสนับสนุนสหรัฐในสงครามครั้งนี้ก็คงจะเป็นเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น ส่วนประเทศต่างๆ ในอาเซียนที่อยู่ตรงกลางระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน น่าจะอยู่ในฐานะที่ดีกว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในความขัดแย้งครั้งนี้ ในขณะที่หลายฝ่ายอ่านเกมของสหรัฐอเมริกาที่ลงทุนอย่างมหาศาลในการเคลื่อนแสนยานุภาพ ข้ามมหาสมุทรแฟซิฟิกเข้าไปในคาบสมุทรเกาหลี ทางจีนและรัสเซียก็เคลื่อนกองทัพทางบกเข้าประชิดชายแดนเกาหลีเหนือ โดยทั้ง 2 ประเทศเคลื่อนกำลังของแต่ละประเทศกว่า 150,000 คน เข้าประชิดชายแดนทางด้านเหนือและทางด้านตะวันออก ที่ทั้ง 2 ประเทศต่างก็มีพรมแดนติดต่อกับเกาหลีเหนือ แสดงความพร้อมที่จะตอบโต้หากสหรัฐอเมริกาโจมตีหรือบุกเข้ายึดเกาหลีเหนือ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทั่วโลกหวั่นวิตกว่า สถานการณ์จะนำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ ตามคำทำนายของ นอสตรา ดามุส โหราจารย์ในยุคโบราณกว่า 500 ปีมาแล้ว

คําทำนายของ นอสตรา ดามุส ซึ่งในสมัยนั้นต้องเสี่ยงเขียนเป็นบทร้อยกรอง หรือเป็นโคลงกลอนให้ต้องตีความ มีคนตีความมาเป็นระยะๆ เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เพราะคำทำนายหลายอย่างเป็นจริง โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาและเมืองนิวยอร์ก ซึ่งในสมัยที่ นอสตรา ดามุส มีชีวิตอยู่ สหรัฐอเมริกายังไม่เกิด เพราะชาวยุโรปยังไม่ได้ค้นพบทวีปอเมริกา ไม่ว่าอเมริกาเหนือหรืออเมริกาใต้

นอสตรา ดามุส ทำนายว่าจะมีสงครามโลกทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งก็เกิดมาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดสงครามในตะวันออกกลางโดยสหรัฐเป็นผู้ก่อขึ้น แต่สงครามจะยุติลงโดยรัสเซียและอังกฤษเป็นผู้ที่ทำให้สงครามยุติ ซึ่งบัดนี้ก็เกิดขึ้นแล้วที่ซีเรีย โดยกองทัพ ISIS หรือกองทัพของรัฐอิสลามหลายๆ รัฐ

จากนั้นกองทัพมุสลิมอาหรับจากตะวันออกกลางจำนวนมหาศาล ก็จะยกทัพข้ามแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีสเข้าไปในยุโรป บัดนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว แต่แทนที่จะเป็นกองทัพกลับเป็นผู้อพยพมุสลิมจำนวนมหาศาลหลายล้านคน จากประเทศในคาบสมุทรอาหรับ ได้อพยพเข้าไปในประเทศต่างๆ ในยุโรป ในหมู่ผู้อพยพมุสลิมเหล่านี้ย่อมจะมีผู้อาสาสมัครเป็นทหารของ “รัฐอิสลาม” หรือ ISIS ปะปนไปด้วย

สงครามเริ่มต้นขึ้นในเอเชียตะวันออก ระหว่างสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรกับประเทศมหาอำนาจในเอเชียที่ไม่นับถือ “พระเจ้า” ซึ่งน่าจะคือประเทศจีน เพราะเป็นคอมมิวนิสต์ แต่แทนที่จีนจะเป็นจุดเริ่มต้นกลับเป็นเกาหลีเหนือ ซึ่งยังยึดถือลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเหนียวแน่น

สงครามโลกครั้งที่ 3 นี้ จะเป็นสงครามระหว่างสหรัฐอเมริการ่วมกับพันธมิตรในยุโรป ซึ่งน่าจะเป็นอังกฤษฝ่ายหนึ่งกับประเทศจีน ซึ่งไม่นับถือ “พระเจ้า” กับรัสเซียซึ่งอยู่ที่ขั้วโลกเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง และจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ ซึ่งน่าจะหมายถึงอาวุธนิวเคลียร์ ล้างโลกจนหมดสิ้น ไม่มีผู้ใดชนะ อารยธรรมของโลกที่มนุษย์สะสมมาเป็นเวลาหลายพันปีก็จะถูกทำลายล้างไปสิ้น

หลังจากไฟบรรลัยกัลป์ได้ล้างผลาญโลกมนุษย์ไปหมดแล้ว ก็จะเกิดอารยธรรมใหม่ มนุษย์จะอยู่ในโลกที่สันติสุขตลอดไป


คําทำนายของ นอสตรา ดามุส มีหลายคนเชื่อและติดตาม เพราะเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นจริงตามการตีความคำทำนายของ นอสตรา ดามุส เช่นการเกิดสงครามในยุโรป การลอบสังหารประธานาธิบดีและวุฒิสมาชิกตระกูลเคเนดี กรณีผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนตึกแฝดเวิลด์เทรด ที่มหานครนิวยอร์ก การเกิดจอมเผด็จการ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 การมีกรณี ซัดดัม ฮุสเซน เกิดขึ้น เป็นต้น เรื่องเหล่านี้เคยมีการพิมพ์เนื้อหาการตีความคำทำนายของนอสตรา ดามุส ไว้แล้วทั้งสิ้น เพียงแต่วันเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างเท่านั้น

นอสตรา ดามุส บรรยายไว้ในบทกวีของความโหดร้ายของระเบิดนิวเคลียร์ที่ ฮิโรชิมาและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่จะเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เหมือนกับไฟบรรลัยกัลป์ที่จะสร้างความเสียหายให้กับทุกฝ่าย

เหตุการณ์ในขณะนี้จึงคล้ายกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามการทำนายสงครามโลกครั้งที่ 3 เพียงแต่จะเริ่มต้นจากจีนเพราะเขาทำนายว่าเกิดขึ้นจากประเทศที่ไม่เชื่อใน “พระเจ้า” หรือ atheist ในสมัยสงครามเย็น พวกที่ติดตามคำทำนายของ นอสตรา ดามุส ก็คิดว่าคงจะเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่บัดนี้คนจีนสามารถหันมานับถือและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้แล้ว ประเทศคิวบาซึ่งยังปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ ประชาชนก็มีเสรีภาพในการนับถือและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้แล้ว ก็คงจะเหลือแต่เกาหลีเหนือเท่านั้นที่ประชาชนไม่ได้รับอนุญาตให้นับถือและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เท่ากับเหลืออยู่ประเทศเดียวที่ยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเชื่อใน “พระเจ้า” ได้

เหตุการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ ไม่มีใครทราบอย่างแน่ชัดว่าทั้ง 2 ฝ่ายดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เพราะข่าวและภาพที่ชาวโลกได้รับ เป็นข่าวที่ฝ่ายอเมริกันกลั่นกรองแล้วทั้งนั้น เพราะเครื่องมือสื่อสาร ทั้งบนพื้นดิน อากาศและอวกาศ ย่อมจะอยู่ในการควบคุมของทางการอเมริกันทั้งสิ้น

ถ้าจะให้ทำนาย เหตุการณ์คงจะไม่บานปลาย จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างที่นอสตรา ดามุส ทำนาย เพราะทุกฝ่ายทราบดีว่าถ้าหากตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดแล้วถ้าหากเกาหลีเหนือจนตรอก ทุกฝ่ายจะได้รับความเสียหายและประสบกับการสูญเสียอย่างมหาศาล

ทุกฝ่ายน่าจะลองกลับไปอ่านคำทำนายของนอสตรา ดามุส แล้วแก้ไขอย่าให้เกิดในสิ่งที่กำลังจะเกิด เพราะสงครามนั้นมีแต่ผู้แพ้ มีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครชนะ ไม่มีใครได้
ขณะนี้ทางฝ่ายสหรัฐอเมริกาต้องการความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในอาเซียน ทั้งที่เป็นกลุ่มประเทศเช่นอาเซียน และประเทศอื่นๆ ดังที่มีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์มาหาผู้นำประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ ถ้าจริงก็ไม่ทราบว่าพูดอะไรกันบ้าง แต่ประเทศไทยเราไม่ควรเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่ากับฝ่ายใดเพราะข้างหน้าไม่รู้ว่าจีนกับรัสเซียจะว่าอย่างไร

ยิ่งถ้าเชื่อคำทำนายของนอสตรา ดามุส ก็ยิ่งควรจะอยู่ห่างๆ จากความขัดแย้งครั้งนี้ บางทีเมื่อทุกฝ่ายเชื่อว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ยิ่งทำให้เกิดขึ้น โดยการชิงความได้เปรียบจากการเป็นผู้ลงมือกระทำก่อน เรื่องที่ไม่ควรจะเกิดก็เลยเกิดขึ้นจริงๆ สมคำทำนายอย่างที่ฝรั่งเรียกว่า self prophecy ก็ได้ น่ากลัวจริงๆ

วีรพงษ์ รามางกูร

มติชนรายวัน วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 - 14:00 น.

ที่มา https://www.matichon.co.th/news/547769

 

อพยพชาวบาหลีเกือบหมื่น หนีการปะทุของภูเขาไฟ "อากุง"
NationTV22
เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2017
อินโดนีเซียประกาศเตือนภัยในระดับสูงสุด ในพื้นที่บริเวณรอบภูเขาไฟอากุง บนเกาะบาหลี จนต้องอพยพประชาชนเกือบหมื่น ออกจากที่พักอาศัย

ความคิดเห็นส่วนตัว ผมนึกถึงคำทำนายนึงแต่จำไม่ได้แล้วว่าได้เห็นจากที่ไหน หรือผมคิดไปเองไม่แน่ใจ แต่จำได้ประมาณว่า จะเริ่มจากภูเขาไฟระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินไหวจนเกิดสึนามิใหญ่
ผมคงคิดไปเองครับไม่มีเจตนาให้แตกตื่น

 

คำทำนายของ อ.คนเมืองบัว



ภัยที่น่าสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่

๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีกเป็นล้านคน

๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้ว ขอบเขตเท่านั้น คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง ที่เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ

ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรืองถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้น ได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการต่อการตัดสินใจเฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ท่านเหล่านั้น ปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง

จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37

http://www.konmeungbua.com/webboard/...n.asp?GID=4540

 

ถ้าเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3 เราจะรับมือยังไง ?!



ลองคิดกันเล่นๆ กับกระแสพูดคุยตามสื่อโซเชี่ยลต่างๆ ที่กำลังพูดถึงเรื่อง สงครามโลกครั้งที่ 3 ที่สืบเนื่องมาจาก จีน และ รัสเซีย รวมถึง เกาหลีเหนือ ที่ประกาศในตอนที่มีการประชุมที่ UN ว่าจะให้การช่วยเหลือ ประเทศซีเรียต่อต้านกลุ่ม กบฏไอซิส ซึ่งมีข่าวลือว่าเบื้องหลังกลุ่มกบฏไอซิส นั้นคือสหรัฐอเมริกา และ กลุ่มอียู ซึ่งไม่ใช่แค่สงครามที่มีการรบ แต่ หมายถึงสงครามทางเศรษฐกิจด้วย ที่ตอนนี้เห็นกันอยู่ว่า หลายๆประเทศยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นกันหลายประเทศ รวมทั้งประเทศเราเองด้วย

จึงอยากให้ลองคิดดูว่า หากเกิดสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 3 ทั้งด้านการรบ และ สงครามเศรษฐกิจ เราต้องทำอย่างไร และ ควรเตรียมตัวอย่างไร เราลองมามโนกันเล่นๆ เพราะมันมีแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นจริง อย่างแรกที่เราต้องเตรียมแม้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดสงครามคือ

เงินสดๆ

เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญเพราะไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะไหนเงินสด คือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด และแน่นอนว่าการเก็บเงินไว้กับตัวหรือในบ้านก็ไม่ปล่อยภัย ดังนั้นการเก็บเงินออมสำหรับกรณีฉุกเฉิน โดยแยกเป็นบัญชีที่ฝากถอนได้สะดวก เช่น มีบัตรเอทีเอ็ม หรือ เป็นบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา ก็เป็นทางออกที่ดีเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินเราสามารถถอนออกได้ทันที หรือ อาจจะเก็บเงินสดไว้ที่บ้านสักส่วนหนึ่งเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้มีเงินสำรองทันท่วงที

ข้าวสารอาหารแห้ง

แน่นอนว่าในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เริ่มมีราคาสูงขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว ราคาขยับขึ้นบ่อยๆโดยที่เราไม่รู้สึกมาหลายครั้งแล้ว แม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์อะไรก็ตาม ดังนั้นหากมีภาวะสงครามข้าวยากหมากแพงเหมือนสมัยก่อน เงินที่มีอาจจะหาซื้อข้าวและอาหารแห้งไม่ได้เพราะมันไม่มีขาย ดังนั้นภายในบ้านการมีข้าวสารอาหารแห้งนั้นเป็นเรื่องปรกติซึ่งหลายๆบ้านมักซื้อตุนๆไว้อย่างน้อยๆวันไหนขี้เกียจไปหาซื้อของสดมาทำทานก็ยังมีของแห้งเหล่านี้มาดัดแปลงทำอาหารได้ แต่หากใครไม่ตุนไว้ก็ควรซื้อๆติดไว้บ้าง ไม่ต้องขนซื้อมากมายแค่มีไว้บ้างหรือซื้อให้มากกว่าเดิมเล็กน้อยหากเจอข้าวสารอาหารแห้งลดราคา เพราะของพวกนี้เก็บไว้ได้นาน เช่นข้าวสาร อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอื่นๆ ที่สามารถใช้ทำอาหารทานได้

น้ำดื่มและยารักษาโรค

น้ำสะอาดและยารักษาโรค เป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะสภาวะไหน แม้ยามปรกติทั้งสองอย่างก็เป็นของที่ต้องมีติดบ้าน การเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งก็มีความจำเป็นแม้ว่าบางคนจะอยู่ในเมืองหลวงก็ตาม เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าเมื่อฤดูแล้ง น้ำเริ่มมีน้อยลงในบางแห่งน้ำไม่พอใช้ซึ่งบางแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเลย ดังนั้นภายในบ้านควรมีการเก็บน้ำไว้ใช้บ้าง แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง แต่ฤดูแล้งบ้านเรานั้นเริ่มแล้งมากขึ้นไม่แน่อาจจะมีสักครั้งที่กรุงเทพไม่มีน้ำให้พอใช้ ต้องแบ่งโซนเหมือนตามต่างจังหวัด ส่วนยารักษาโรคนั้นเป็นอะไรที่ต้องมีติดบ้านกันอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องมียาแก้ปวด ยาทาแผล หรือ ยาประจำตัวของคนในบ้าน ซึ่งบางบ้านจะมีการเตรียมเรื่องนี้ไว้เสมอ โดยการมีตู้ยาประจำบ้าน และ หมั่นตรวจสอบยาบ่อยๆว่าหมดอายุไหม หรือ ยาตัวไหนที่ไม่มีก็จัดเตรียมไว้ให้พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ

ที่กล่าวมาเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเตรียมพร้อมไม่ว่าจะโลกจะอยู่ในสภาวะไหน และ แม้ว่าจะเป็นการลองคิดลองจินตนาการว่าหากเกิดขึ้นเราจะอยู่อย่างไร ประเทศของเราจะก้าวไปแบบไหน และ เราจะต้องเจอกับอะไร

แม้ว่าหลายคนจะคิดว่านี่เป็นการมโน แต่สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ จากทั่วโลกที่ผ่านมาในระยะ 5-10 ปี ที่ผ่านมาคงพอบอกได้ว่า อย่างน้อยตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับสงครามจากธรรมชาติหลายๆแห่งเกิดภัยพิบัติ ทั้งๆที่มันไม่เคยเกิดขึ้น หรือ เกิดขึ้นมานับร้อยปีธรรมชาติเริ่มประกาศสงครามกับมนุษย์ และ มนุษย์ก็ประกาศสงครามกันเอง ทั้งการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ สร้างสงครามศาสนา และ นำมาสู่สงครามแห่งความโลภ นั่นคือ สงครามทางเศรษฐกิจ

ที่มีวิธีที่หลากหลายเพื่อทำลายเศรษฐกิจของประเทศคู่แข่ง และ การแย่งชิงจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลกเช่น บ่อน้ำมัน ทางออกทะเล หรือ อื่นๆโดยใช้วิธีทางการเมือง เศรษฐกิจ บีบบังคับทางการทูต ซึ่งหากติดตามข่าวสารต่างๆคงจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง

ทั้งหมดนี้เราไม่ได้บอกให้คุณกลัว แต่แค่อยากให้คุณมีความพร้อมกับการรับมือหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าคนยุคนี้ไม่รู้หรอกว่าความน่ากลัว ความลำบาก ความยากแค้น ของการอยู่ในภาวะสงครามเป็นอย่างไร ไว้ผู้เขียนจะนำประสบการณ์ของคนที่เคยอยู่ในยุคสงครามมาเล่าให้ฟัง รับรองว่าคุณจะไม่อยากเจอแน่ๆ

Money Hub 12th October 2015

ที่มา https://moneyhub.in.th/article/world-war-lll/

 

อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของคนในยามสงคราม



กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เงินทองคือมายา-ข้าวปลาคือของจริง ยังคงเป็นวาทะที่ยังใช้ได้ดีเสมอทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามที่มักเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ข้าวยากหมากแพง บางครั้งมีเงินแต่ไม่สามารถหาอาหารมาประทังชีวิต ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงภัยธรรมชาติที่มักถาโถมมาพร้อม ๆ กับสงคราม วิกฤติและการต่อสู้ดิ้นรนของผู้คนจึงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

สำหรับประเทศไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่สองน่าจะเป็นช่วงเวลาเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะนอกจากภัยสงครามแล้ว ผู้คนในที่ต่างๆ ยังประสบกับภัยน้ำท่วม นาล่ม อาหารไม่พอกิน และภาวะอดอยากหิวโหย อีกด้วย นายชีวสิทธิ์ บุญยเกียรติ์ นักวิชาการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เล่าว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้จัดนิทรรศการ “ย้อนยุค ข้าวยากหมากแพง” โดยนิทรรศการดังกล่าวได้เล่าถึงสาเหตุความอดอยากของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการช่วยเหลือจากทางการและการปรับตัวของผู้คนให้มีชีวิตรอดอย่างมีความหวัง

ยามสงครามชาวบ้านต้องประทังชีวิตด้วยการขุดเผือก มัน หน่อไม้ ขุยไผ่ มากินแทนข้าว หรือหุงกับรวมกับข้าว นอกจากนี้ความขาดแคลนทำให้ต้องประดิษฐ์และค้นหาสิ่งใหม่ทดแทน เช่น การใช้ใยสำปะรดแทนด้าย ใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันก๊าด หรือในยามน้ำท่วมซึ่งทำให้การประกอบอาหารเป็นไปได้อย่างลำบากจึงได้คิดค้นวิธีปรุงอาหารง่าย ๆ เช่น แกงจืดนอกหม้อที่ปรุงได้ในชาม หรือทำอาหารที่เก็บไว้กินได้นาน เช่น ปลาทูต้มเค็ม เป็นต้น

แนวคิดการจัดนิทรรศการในข้างต้นจะถูกนำมาเสนอใหม่อีกครั้งในรูปแบบของเสวนาโต๊ะกลมภายใต้ชื่อ “อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของผู้คนในยามสงคราม” ซึ่งได้รับเกียรติร่วมสนทนาจากคุณ Wong Hong Suen ผู้เขียนหนังสือ wartime kitchen ที่อธิบายถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารในระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่สองในสิงคโปร์ และผศ.ดร.มณธิรา ราโท ซึ่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสงครามและความหิวในสังคมเวียดนาม ผ่านงานวรรณกรรมของ “นามกาว” ซึ่งระบุว่าสิ่งที่เคียงคู่ไปกับภาวะสงครามก็คือ ภาพของความอดอยาก แร้นแค้น และหิวโหยของผู้คน

ในประเทศเวียดนาม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามมหาเอเชียบูรพาได้ส่งผลให้ประชากรต้องเสียชีวิตจากความอดอยากหิวโหยประมาณสองล้านคน ชาวบ้านที่นั่นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด กินทุกอย่างที่ไม่เคยกิน ไม่ว่าจะเป็นรากไม้ เปลือกไม้ หญ้า วัชพืช ดิน หรือแม้แต่กินเนื้อมนุษย์ ขณะที่ความหิวโหยได้เข้ามาสั่นคลอนความคิดเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมของผู้คน ทำให้เกิดปัญหาลักขโมย บางคนต้องขายลูกหรือทิ้งลูกตามเมืองใหญ่ ตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่น ฮานอย ไฮฟอง ปรากฏพบโครงกระดูกหรือภาพของผู้คนที่มีร่างกายซูบผอมยืนเปลือยกายตามกำแพงเพื่อรอความตาย ซึ่งในแต่ละวันจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บซากศพตามถนนไปทิ้งย่านชานเมือง

อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้านหนึ่ง การเผชิญกับภัยสงครามไม่ว่าจะในประเทศไทย เวียดนาม หรือสิงคโปร์ เรายังคงพบว่าท่ามกลางการดิ้นรนเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณของมนุษย์ ยังคงมีการรวมพลังต่อสู้ ฝ่าฝันกับวิกฤติที่นับเป็น “ชะตากรรมร่วม” ปรากฏอยู่

ในกรณีประเทศเวียดนาม ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่ชัยชนะของขบวนการคอมมิวนิสต์นั้น เป็นเพราะพรรคคอมมิวนิสต์เป็นกลุ่มการเมืองเดียวในขณะนั้นที่ตอบสนองต่อปัญหาความอดอยากของประชาชน เช่น การนำกองกำลังเวียดมินห์เข้าบุกยึดโกดังเก็บข้าวของญี่ปุ่น มีกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับความหิวโหย อาทิ การแบ่งปันข้าวและเสื้อผ้า การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนอดข้าวบางมื้อเพื่อนำข้าวที่ได้ไปช่วยเหลือคนยากจน พร้อมกับปลุกใจให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้กับความอดอยากหิวโหย ดังที่โฮจิมินห์เคยกล่าวไว้ว่า “ความอดอยากไม่ได้อันตรายน้อยกว่าสงคราม... ...การต่อสู้กับความอดอยากก็เหมือนกับการต่อสู้กับศัตรูต่างชาติที่เราจะชนะได้อย่างแน่นอน...”

แน่นอน สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในปัจจุบันเรายังต้องผจญกับสงครามการค้าและการเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง การเกิดขึ้นของวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์ และการผันผวนของราคาน้ำมัน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เราเข้าสู่สภาวะข้าวยากหมากแพง “ล่องหน” ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงและบีบคั้นมากขึ้นทุกขณะ การเรียนรู้และทำความเข้าใจในวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างหนทางรับมือและแก้ไขวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน

อย่างน้อย เราคงได้เรียนรู้ว่า แม้ในยามที่เลวร้ายที่สุด มนุษย์มิเคยสิ้นหวัง...

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงเสวนาโต๊ะกลมเรื่องอาหารยามสงครามฯ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลากหลายของการประชุมประจำปีทางมานุษยวิทยา ซึ่งจัดโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sac.or.th หรือ ติดต่อคุณ ศิวัช นนทะวงษ์ 0-28809429 ต่อ 3811

ที่มา http://www.food4change.in.th/ariticle/news-launcher/good-news/254-2010-02-25-02-38-47.html

 

ต้นแบบคนใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง โจน จันได​

เผยแพร่เมื่อ 24 ก.ย. 2014​

 

---ข้อความแจ้งเตือนสุดท้าย---



>_<.ST.>_< สมาชิก

---ข้อความแจ้งเตือนสุดท้าย---(อ่านให้จบเพราะจะไม่โฟสอีก)

นี้คือข้อมูลที่อยากบอกให้เตรียมกายเตรียมใจไว้ จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้คำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจในยามฉุกเฉิน จะได้มีสติ และรู้ว่าจะทำอะไรอย่างไร ในสถานการณ์คับขัน และอย่ากลัว เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียว

และอยากให้พวกเราเหลือรอดไปเห็นโลกใหม่ และร่วมกันสร้างสรรค์โลกใหม่ด้วยกัน แม้บางคนอาจปลง อาจปล่อยวาง ก็แค่ตาย แล้วเกิดใหม่หรือเกิดไม่เกิดไม่รู้

แต่เคยถามตัวเองไหม? คุณอยากเกิดใหม่ในโลก(แบบเดิม)ที่มีแต่ความทุกข์ หรือโลก(แบบใหม่)ที่มีแต่ความสงบสุข หรือคุณอาจไม่สนใจ แล้วลูกหลานคุณล่ะจะใช้ชีวิตอยู่แบบไหน นี้คือเหตุผลที่เราต้องการสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า

หากพวกคุณอาจรอให้เกิดปาฏิหาริย์ รอให้พระเจ้ามาช่วย หรือรอให้คนอื่นมาช่วย พวกคุณรู้ไหม ว่าไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวของคุณ

พวกคุณคือพระเจ้า คุณคือบุตรของพระเจ้า เราคือพี่น้องที่เท่าเทียมกัน ซึ่งพระเจ้าผู้สร้างมีหน้าที่นำทางและไม่อาจแทรกแซงชีวิตของมนุษย์ได้ ที่เหลือก็อยู่ที่พวกคุณจะดำเนินการอย่างไรบนทางเดินของตน และจะร่วมสร้างโลกให้เกิดสันติสุขได้ยังไง หากไม่ก็จะเกิดการ reset ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะสามารถทำได้ เหมือนอณาจักรที่ล้มสลายในอดีต

จงเงียบและฟังตัวเอง เชื่อมต่อกับตนเองแล้วคุณจะได้คำตอบ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว

เพราะบนทางเดินสุดท้ายนี้ มีเทวดานางฟ้าและจิตวิญญาณสูงส่งมากมายที่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อชี้นำและช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ช่วยทุกคนให้พ้นจากความทุกข์ชั่วนิรันดิ์กาล รวมถึงเพื่อนต่างดาวที่พร้อมที่จะลงมาช่วย

พวกเขากำลังรอจังหวะ รอจังหวะที่ปลอดภัยและเหมาะสม รอวันที่พวกคุณพร้อม รอวันที่ต้องการพวกเขาจริงๆ แล้วพวกเขาจะปรากฏตัว

(เพราะถ้าหากพวกเขาปรากฏตัวตอนนี้ก็จะถูกต่อต้าน ถูกใส่ร้ายและเป็นอันตราย พวกเขาจึงรอวันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้)

จึงอยากให้ทุกคนเตรียมกายเตรียมใจเอาไว้ เพราะจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ที่จะเขย่าทั้งโลกให้ตื่น ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หรือ THE BIG ONE วงแหวนแห่งไฟ

ซึ่งอาจจะมีการประชุมใหญ่คาดว่าน่าจะ10/10/10 หรือวันอื่น อาจเกิดหรือไม่เกิด แต่ไม่เกิน1หรือ2ปี ต่อแต่นี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของมนุษย์ และปัจจัยอื่นๆ

และจะเหลือประชากร 70-80%โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ติดกับวงแหวนแห่งไฟ พื้นที่ใกล้น้ำจะจม และรับผลกระทบอื่นๆ จึงอยากเตือนให้หนีขึ้นทางเหนือ เพราะเหนือขึ้นไปยาวไปหาจีนเป็นแผ่นดินใหญ่ ระแหวกนั้นหรือเอเชียจะเหลือประชากร 50% โซนที่เหลือเอมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ที่กระจัดกระจายจะเหลือประชากร 10%+10%+10% (จำนวนประชากรที่เหลือรอดอาจคลาดเคลื่อนขึ้นอยู่กับความพร้อมของมนุษย์ และปัจจัยอื่นๆ)

ขอให้มีสติ เตรียมน้ำกับอาหารแห้ง(มาม่า)ยา,ไฟ สำรองไว้ (พอประมาณ) และอยู่ให้ห่างจากแม่น้ำ เขื่อน ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน รอยเลื่อน และกลับบ้าน หรือกลับไปหาคนที่คุณคิดว่าจะให้คำแนะนำ,ปกป้อง,ช่วยคุณได้ หรือคนที่คุณอยากอยู่ด้วยในเวลานั้น

นี้คือสิ่งที่พอทำได้ ขอให้คำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่คอยเตือนใจในยามฉุกเฉินนะค่ะ

ถึงอย่างไรก็อยากให้เราทุกคนมาช่วยกันสร้างโลกใหม่ เพราะโลกนี้คือโลกของทุกคน ไม่ใช่ของใครเพียงคนเดียว เราคือครอบครัวเดียวกัน มาช่วยกันรักษาโลกแล้วโลกจะรักษาเรา

งดตอบคำถามค่ะ เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณจะเลือกเองและตัดสินใจเอง ขอให้โชคดีค่ะ

ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความแจ้งเตือนสุดท้าย.622435/

 

เจาะลึกภูเขาไฟ-กรากะตัว​

เผยแพร่เมื่อ 16 พ.ค. 2017​

 

พื้นที่วงแหวนแห่งไฟ Ring of Fire จุดแผ่นดินไหวใหญ่​

เผยแพร่เมื่อ 18 เม.ย. 2016​

 

คำทำนายสงครามโลก ครั้งที่ 3​

เผยแพร่เมื่อ 21 เม.ย. 2017​

 

ร่วมภาพแผ่นดินไหวที่แม็กซิโก Earthquake Mexico 7.1
Lux 666
เผยแพร่เมื่อ 20 ก.ย. 2017

 

นี่! เป็นการเตือนจากอเมริกา ให้ระวังซอมบี้ (มาแล้ว)


เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ “CDC” ได้มีประกาศออกมาเตือนชาวอเมริกันให้เตรียมตัวรับมือภัยคุกคามจาก "ซอมบี้" หรือที่เข้าใจกันง่าย ๆ ก็พวกซากศพเดินได้ เรื่องนี้ถูกรับการยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องตลก...

CDC ได้สร้างกระแสฮือฮาครั้งใหญ่ หลังจากมีการออกคู่มือฉบับที่ 101 เพื่อเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจากซอมบี้ โดย อา ลี ข่าน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของ CDC ได้ยืนยันออกมาว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องตลกแต่อย่างใด เพียงแต่ทางเราได้จัดทำคู่มือฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำต่าง ๆ ที่ล้วนแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

ข่าวได้ระบุออกมาว่า คำแนะนำต่าง ๆ ถูกจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้ประชาชนนำไปใช้ในการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์คับขัน จนกว่าแต่ละครอบครัวจะสามารถอพยพออกมายังที่ปลอดภัยได้ โดยทางด้านเดฟ เดเกิล โฆษกของ CDC ได้ระบุว่า คู่มือดังกล่าวที่มีการนำไปโพสต์ไว้ในบล็อกของ CDC ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก และชื่อว่าการออกคู่มือเกี่ยวกับการเตรียมตัวรับมือซอมบี้ สามารถเรียกความสนใจจากประชาชนได้มากกว่าการออกคำแนะนำธรรมดา ๆ กรณีเกิดภัยพิบัติ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว คำแนะนำต่าง ๆ ในคู่มือฉบับนี้ก็มิได้แตกต่างจากคำแนะนำในการรับมือภัยธรรมชาติทั่วไปเลย

Credit : Dek-d.com / ไทยรัฐ
By Admin Park

ที่มา http://www.tartoh.com/topic/8485/นี่-เป็นการเตือนจากอเมริกา-ให้ระวังซอมบี้-มาแล้ว