การเตรียมการรับมือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ

ประโยชน์ที่เราทำเอง ขายเอง ก็จะเป็นการสั่งสมประสบการณ์ให้กับตัวเรา
และคนในครอบครัว เป็นการบ่มเพาะฝีมือให้เกิดความเชี่ยวชาญ จนเราสามารถ
พัฒนาและต่อยอดขึ้นไปได้ในอนาคต อาจจะไม่ใช่ตัวเราในวันนี้ แต่ก็อาจจะเป็น
ลูกหลานของเราในวันข้างหน้านั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการผลิต
ทำให้เราทำงานเก่ง และในเรื่องของการขาย ก็ทำให้เรารู้จักค้าขาย รู้จักการต่อรอง
รู้จักการเจรจา ยิ่งเราเรียนรู้ด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกดัวยตัวเอง ต่อให้เรา
เรียนจบปริญญามา กระดาษ 1 ใบ ไม่เท่ากับจบปริญญาชีวิตหรอกนะค่ะ
เพราะการเรียนจนได้ใบปริญญา คือการเริ่มต้นชีวิต แต่เรียนจบปริญญาชีวิต
คือผลตอบแทนที่เราได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตของเรา

 

ห่างหายกันไปนานนะค่ะ วันนี้เรามาดูโครงการเศรษฐกิจพอเพียง
"วัดนาเมืองเพชร" กันนะค่ะว่ามีการทำงานกันอย่างไรบ้าง

โครงการเศรษฐกิจพอเพียง “วัดนาเมืองเพชร” ตามแนวพระราชดำริของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยพระครูปัญญาวัชราภรณ์ เจ้าอาวาส
วัดนาเมืองเพชร ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง

จากกรณีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยวิกฤติ
ราคายางพาราตกต่ำ สภาวะทางการเกษตรรวมถึงภัยแล้งที่หลายจังหวัด
กำลังเผชิญ ล้วนเป็นปัญหารุมล้อมต่อสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงสิ่งแวดล้อม
ต่อผู้คน ทั้งคนในเมืองและคนในชนบท เรียกได้ว่าเกิดปัญหาความยากจน
ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค พระครูปัญญาวัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาเมืองเพชร
มีปณิธานอย่างแรงกล้าในการที่จะแก้ปัญหา โดยน้อมนำ
โครงการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ มาปรับใช้ให้กับเกษตรกรทั่วไป และ
ในการดังกล่าว ท่านพระครูได้จัดการเสวนาทางการเกษตร พร้อมสาธิตวิธีทางเกษตร
อินทรีย์ทุกวันพระ โดยเชิญวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถมาถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร

 

ปัจจุบันท่านพระครูปัญญาวัชราภรณ์ ซึ่งเป็นประธานอุปถัมภ์ของโครงการฯ นอกจาก
น้อมนำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริแล้ว ท่านยังตระหนักรู้ถึง
ความสำเร็จในอดีตที่คนไทยมีความเป็นอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันดังคำที่ว่า
“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ประเทศไทยเป็นดังเมืองทอง ท้องทุ่งเต็มไปด้วยรวงข้าวสีทอง
ในน้ำมีกุ้งหอยปูปลาชุกชุม คนไทยถ้วนหน้าอยู่เย็นเป็นสุข มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ ดังที่
ชาวต่างชาติกล่าวขานถึง “สยามเมืองยิ้ม” วันเวลาแห่งอดีตจะได้หวนคืนกลับอีกครั้ง
ด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน ท่านพระครูปัญญาวัชราภรณ์จึงได้นำบวร 3
คือวัด บ้าน โรงเรียน เป็นศูนย์กลางกิจกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจน

 

ขณะนี้ทางวัดนาเมืองเพชรจัดทำโครงการนำร่อง โดยปลูกมะนาวเพื่อผลผลิต
นอกฤดูกาลในท่อซีเมนต์ประมาณ 250 บ่อ โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง
นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ เป็นผู้ปลูกมะนาวต้นแรกของโครงการฯ
และโครงการขุดลอกคลองความยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ท่านมีความตั้งใจที่จะ
นำมะพร้าวน้ำหอมมาปลูกทั้งสองฝั่งคลอง และปลูกพืชระยะสั้น เช่น บัวบก
สาระแหน่ ตะไคร้ ขิง ข่า เป็นต้น ซึ่งเป็นการปลูกพืชผักโตเร็วแซมพืชประธาน ซึ่งโตช้า

จึงกล่าวได้ว่าพระครูปัญญาวัชราภรณ์ ซึ่งเป็นประธานอุปถัมภ์โครงการ เป็นทั้ง
พระที่เน้นในทางทำ (กิจกรรม) และรสธรรม (ธรรมะ) ให้กับสังคม ท่านเป็น
พระนักพัฒนา โดยส่งเสริม สนับสนุน และเป็นหลักให้กับชาวบ้านและชุมชน
ทั้งใกล้และไกล ได้นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อความสุขในวิถีชาวพุทธ
และสัมมาอาชีพต่อหน้าที่ ต่อสังคมและส่วนรวม

รูปที่ 1 วันที่ 24 ม.ค. 2558 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มากราบมนัสการท่านพระครูปัญญาวัชราภรณ์

รูปที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ปลูกมะนาวต้นแรกให้กับโครงการฯ

รูปที่ 3 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวชมเชยนักเรียนที่ได้นำผลงานคัดลายมือ
เต็มบรรทัดเว้นบรรทัด ศีล 5 ค่านิยม 12 ประการ
ค่านิยม 12 ประการ

รูปที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้ลงนามในสมุดเยี่ยมชมของวัดนาเมืองเพชร

 

โครงการเศรษฐกิจพอเพียง “วัดนาเมืองเพชร” ตามแนวพระราชดำริฯ
กลุ่ม “สวนมะนาวมั่งมีศรีสุข”

ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ - ผู้สนับสนุน
1. พระครูปัญญาวัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาเมืองเพชร - ประธานอุปถัมภ์
2. คุณสุทิน คุณพ่อล้อม อาจารย์น้อย ช่วยธานี - รองประธานอุปถัมภ์

คณะผู้มีจิตศรัทธาร่วมก่อตั้ง “สวนมะนาว มั่ง มี ศรี สุข”
1. นายพนม ทองย้อย
2. นายยงศักดิ์ แต่นสุ่ย
3. นายหมั่น แต่นสุ่ย
4. นางศิริโฉม ยงประเดิม
5. นายวิม ยงประเดิม
6. นางกัลยา ยงประเดิม
7. นายปรีชา เดชเหมือน
8.นางชโลม สินชัย
9.นายนพชัย ธีระกิจไพศาล
10.นางอำภา มุกดา
11.นางอัญชลี จริงจิตร
12.นางอนงค์ แนบเนียน
13.นางกัลยา ล้วนเส็ง

 

กลุ่มสวนมะนาวมั่ง มี ศรี สุข เป็นคณะผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงิน ทรัพย์ สิ่งของ
โดยทำการปลูกมะนาวเพื่อผลผลิตนอกฤดูกาลในท่อซีเมนต์ เป็นโครงการนำร่อง
ให้กับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง "วัดนาเมืองเพชร" เพื่อขยายผลในการปลูกพันธ์
ไม้ผล พืชผักสวนครัว และการอาชีพให้กับชาวบ้านในโอกาสต่อไป
ปัจจุบันมะนาวให้ผลผลิตออกเป็นช่อแล้ว เมื่ออายุได้ 8 เดือน ก็จะนำพันธ์มะนาว
ให้ชาวบ้านได้นำไปปลูก ได้กิน ได้ใช้ เหลือขายเป็นทุนเลี้ยงชีพ
ซึ่งทางโครงการฯ ก็ได้จัดหาตลาดรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

โครงการเศรษฐกิจพอเพียง "วัดนาเมืองเพชร" และกลุ่ม "สวนมะนาวมั่ง มี ศรี สุข"
ถ้าไม่มีบุคคลผู้นี้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ทุ่มเทการทำงานไม่ว่าจะเป็นทุนทรัพย์ และ
องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ เป็นกำลังสำคัญให้กับกลุ่ม "สวนมะนาวมั่ง มี ศรี สุข"
ได้จัดตั้งขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ คือ คุณสุทิน ช่วยธานี เจ้าของสวนมะนาว 400 ไร่
ที่จังหวัดขอนแก่นและเจ้าของร้านกุ้งเผาเต้ ใน สปป. ลาว รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาสภาธุรกิจลาวอีกด้วย


ประวัติคุณสุทิน ช่วยธานี
��Ԫ������ : ˹ѧ��;������йԵ�������������Ԫ�

 

หลวงพ่อเล่าประวัติของคุณสุทินให้ฟังว่า คุณสุทินเปิดร้าน ส กุ้งเผาที่กรุงเทพฯ
ประสบความสำเร็จ แต่มาภายหลังเกิดวิกฤต ทำให้คุณสุทินกลับมากราบหลวงพ่อ
ที่วัดนาเมืองเพชร โดยมีแค่กระเป๋าเจมส์บอนด์ใบเดียว หลวงพ่อก็บอกว่า
ให้ไปขับรถเที่ยวเล่นให้สบายใจแล้วค่อยกลับมาหาหลวงพ่อ หลังจากนั้นคุณสุทิน
ก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ โดยทำสวนมะนาว และเปิดร้านกุ้งเผาเต้ที่ประเทศลาว
จนประสบความสำเร็จ เป็นนักธุรกิจชั้นนำที่ทางการลาว ได้ให้เกียรติเป็นถึง
ที่ปรึกษาสภาธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่เคยลืมพระคุณของหลวงพ่อ
ในวันที่คุณสุทินไม่เหลือใคร ยังมีหลวงพ่อค้ำจุนจิตใจมาตลอด มาวันนี้เพื่อ
ตอบแทนพระคุณหลวงพ่อ พระคุณของแผ่นดิน คุณสุทิน จึงได้ใช้ความรู้
ความสามารถ รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่ม "สวนมะนาวมั่ง มี ศรี สุข" เพื่อนำพันธ์มะนาว
ได้ให้ชาวบ้านไปปลูกไปกิน ไปใช้ เหลือขาย ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมทั้งยังเป็นวิทยากร เผยแพร่ความรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ
โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้กับชาวบ้าน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลองผิด ลองถูกอีกต่อไป

 

โครงการเศรษฐกิจพอเพียง "วัดนาเมืองเพชร" ตามแนวพระราชดำริ
โดยพระครูปัญญาวัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาเมืองเพชร
เปิดรับลงทะเบียนจองพันธ์ไม้ พืชผักสวนครัว ฯลฯ
โดยนำสำเนาบัตรประชาชน 1 ใบต่อ 1 พันธ์
มาลงทะเบียนภายในวันที่ 31 พ.ค. ศกนี้

 

วันนี้ผู้เขียนจะพาผู้อ่านมาชม Unseen Thailand
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของโลกในประเทศไทย กำแพงวัดกินได้
กำแพงหรือรั้วของวัดจะกินได้หรือไม่ มาชมได้ที่
วัดนาเมืองเพชร ต. นาโต๊ะหมิง อ. เมืองตรัง จ. ตรัง
อยู่ติดถนนหลวงสายตรัง-สิเกา-กระบี่
สามารถมาทำบุญหรือเที่ยวชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียง
"วัดนาเมืองเพชร" ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุดนะค่ะ

 

พระครูปัญญาวัชราภรณ์ ท่านเล็งเห็นว่าพื้นที่บริเวณวัดมีที่ว่างมากมาย
สามารถนำมาทำประโยชน์อะไรได้อีกเยอะ โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจ
ตกต่ำ ราคายาง ราคาปาล์มขายไปก็ได้เงินน้อย ข้าวของก็แพงขึ้นทุกวัน
ท่านจึงได้เริ่มต้นโครงการเศรษฐกิจพอเพียง "วัดนาเมืองเพชร" โดยขอ
ให้ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเม็ดมะขาม เพื่อนำมาเพาะพันธ์แจกจ่ายให้กับ
ชาวบ้านทั่วไป โดยเริ่มต้นที่ปลูกมะขามเป็นแนวกำแพงรอบวัด ตามหลัก
โบราณที่ว่า"ผักสวนครัวรั้วกินได้" แต่ที่วัดนาเมืองเพชร "ผักสวนครัวรั้ววัดกินได้"

 

หลวงพ่อท่านปลูกมะขามไว้เปฺ็นรั้ววัด และเมตตาให้ชาวบ้านเก็บยอดมะขาม
นำไปทำแกงกินกันได้ แต่ไม่ให้นำไปซื้อ-ขายกันนะจ๊ะ ตอนนี้เริ่มเข้าหน้าฝน
ยอดมะขามอ่อน ๆ นำไปแกงส้มก็ได้ ทำกับข้าวได้หลายอย่าง แรก ๆ ชาวบ้าน
ไม่กล้าไปเก็บ เพราะเห็นว่าเป็นของวัด เดี๋ยวไปเก็บเข้า มันจะบาป แต่หลวงพ่อ
ท่านบอกว่าปลูกไว้ให้ชาวบ้านได้เก็บไปกิน มะขามหลวงพ่อมีพุทธคุณน่ะ
ใครเอาไปทำกิน จะได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่ปวดเมื่อยเนื้อตัว ก็จะได้บรรเทา
ผ่อนคลายไป พอหลวงพ่อพูดเท่านั้น ชาวบ้านพากันมาทอนคนละกำสองกำ
ปรากฏว่าเกลี้ยงถาดเลย ตอนนี้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เห็นว่ายอดมะขามอ่อน
ที่วัดมีเยอะ เข้ามาติดต่อก็มี หลวงพ่อท่านไม่ขายนะค่ะ แล้วแต่จะมาทอนกันไป
ไม่ว่ากัน

 

สุดยอดปราชญ์ชาวบ้าน ปลูกมะนาวออกผลได้ 3,000ลูกต่อต้น

สุดยอดปราชญ์ ชาวบ้าน ปลูกมะนาวออกผลได้ 3,000ลูกต่อต้น | BangkokToday.Net

 

การพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือ
ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นอันพอควรและปฏิบัติได้แล้ว
จึงค่อยสร้าง ค่อยเสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำดับต่อไป
หากมุ่งแต่จะทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขึ้นให้รวดเร็วแต่ประการเดียว
โดยไม่ให้แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศและของประชาชน
โดยสอดคล้องด้วย ก็จะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็น
ความยุ่งยากล้มเหลวได้ในที่สุด...

— พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517

ที่มา : https://www.facebook.com/nit.thaimail?fref=photo

 

เทคนิควิธีการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ ลดปัญหาและให้ได้ผลดีนอกฤดู

เทคนิควิธีการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ ลดปัญหาและให้ได้ผลดีนอกฤดู | BangkokToday.Net

 

สวนมะนาวมั่งมีศรีสุข ได้จัดตั้งกลุ่มเพื่อทำการขยายพันธ์กิ่งมะนาวให้กับชาวบ้าน
และสำหรับผู้ที่เข้าโครงการ ปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ ทางหน่วยงานราชการ
จะออกงบค่าท่อให้กับชาวบ้าน 50% ส่วนที่เหลือชาวบ้านออกเอง 50%
สำหรับกิ่งพันธ์มะนาว มาลงทะเบียนรับได้ที่วัดนาเมืองเพชร
ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2558

การปลูกมะนาวในท่อซีเมนต์ เมื่อต้นมะนาวโตพอสมควร ก็ต้องทำนั่งร้าน
เพื่อค้ำยันกิ่งมะนาวไม่ให้หัก และสามารถตัดแต่งกิ่งและเก็บผลมะนาวได้ง่าย

 

เมล็ดมะขาม เสริมภูมิต้านทาน ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

ผลวิจัยชี้เมล็ดมะขามมีประโยชน์มาก ช่วยเสริมภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อไวรัส และ
ยังยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ด้วย ยืนยัน ไม่มีพิษต่อร่างกาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 “การนวดไทย มรดกไทย
สู่มรดกโลก” ที่อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 6 กันยายน รศ.พร้อมจิต ศรลัมภ์
อาจารย์ประจำสำนักงานข้อมูลสุมนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิล
ด้แถลงข่าว “รวมพลคนต้านมะเร็งจากสหวิชาชีพ” เกี่ยวกับผลวิจัยเรื่องเมล็ดมะขาม
ที่พบว่า มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังสามารถยับยั้งการเกิดเซลล์เนื้องอกมะเร็งได้

โดย รศ.พร้อมจิต กล่าวว่า ในงานวิจัยของต่างประเทศหลายชิ้นที่ได้วิจัยเกี่ยวกับ
เมล็ดมะขาม พบว่า ในเนื้อเมล็ดมะขามมีไขมันและโพลีแซคคาไลด์ ซึ่งโพลีแซคคาไลด์นี้
มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยมันจะไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงขึ้น เพื่อ
ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ สารโพลีแซคคาไลด์ ยังเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ไม่ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน
เหมือนน้ำตาลโมเลกุลคู่อย่างกลูโคส โดยจากการทดลองพบว่า เมล็ดมะขามสามารถ
รักษาภาวะเบาหวานของหนูทดลองได้ ส่วนเปลือกเมล็ดมะขามที่มีสีน้ำตาล มีสารแทนนิน
ที่ไม่ละลายน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 35 สามารถนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคได้
ส่วนเรื่องความเป็นพิษต่อร่างกายนั้น รศ.พร้อมจิต เปิดเผยว่า ในงานวิจัยของต่างประเทศ
เคยทดสอบ เพื่อหาว่าเมล็ดมะขามมีพิษต่อร่างกายหรือไม่ ซึ่งได้ทดสอบทั้งพิษ
แบบเฉียบพลัน และพิษระยะยาว 3-4 เดือน แต่ก็ไม่พบว่าเมล็ดมะขามทำให้เกิดพิษ
นร่างกาย ดังนั้น จึงสามารถทานเมล็ดมะขามได้เหมือนอาหารอย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม อาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล ยังย้ำว่า ควรทานอาหารอย่างอื่นที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกายด้วย ไม่ใช่ทานเมล็ดมะขามเพื่อป้องกันมะเร็งเพียงอย่างเดียว

อ้างอิง : ชี้ 'เมล็ดมะขาม' ยับยั้งเซลล์มะเร็ง กินเป็นอาหารได้ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เมล็ดมะขามที่คั่วหรือต้มแล้วใช้บริโภคได้ ในแถบอ่าวแบงกอลใช้รักษาโรคบิด
น้ำต้มเมล็ดรักษาฝี เมล็ดมะขามคั่วแล้วและกะเทาะเอาเปลือกออกใช้รับประทาน
แก้โรคท้องร่วง โรคบิด อาเจียน และเป็นยาถ่ายพยาธิ เนื้อในเมล็ดมะขามนี้
เป็นแหล่งที่ให้แป้งที่มีคุณภาพดีอีกด้วยในประเทศอินเดีย นำเนื้อนี้มาบดให้
ละเอียดใช้สำหรับทำกาวซึ่งมีคุณภาพสูงแทนการใช้แป้งข้าวเจ้า ทำให้
สามารถลดปริมาณการใช้แป้งข้าวเจ้าและแป้งจากสาคูที่ใช้ในโรงงาน
อุตสาหกรรมกระดาษ เครื่องทอและทำกระสอบป่านลงได้ ทำให้อินเดีย
สงวนข้าวไว้สำหรับการบริโภคได้ถึงปีละ 40 ล้านบาท นอกจากนี้
แป้งดังกล่าวยังนำมาใช้ทำอาหารชั้นดี และทำโรตี เนื่องจากแป้งใน
เมล็ดมะขามมีคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่า เจลโลส (Jellose) ซึ่งมีคุณสมบัติ
เช่นเดียวกับวุ้น ฉะนั้นเมื่อผสมเข้ากับสารละลายบอแรกซ์ และจะใช้ทำเป็น
แป้งกาวได้อย่างดีเลิศ เพราะมีความเหนียวดีมาก แป้งชนิดนี้ยังใช้ในโรงงาน
อุตสาหกรรมทำผ้าดอก เพื่อใช้พิมพ์ลวดลายลงบนแผ่นยางอีกด้วย นอกจากนี้
น้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดยังนำมาใช้ประกอบอาหารใช้เป็นน้ำมันขัดเงา หรือ
ผสมสีทาบ้าน ใช้เป็นน้ำมันตะเกียง ในประเทศอินโดนีเซียใช้เป็นยารักษา
เส้นผม เปลือกเมล็ด เปลือกสีน้ำตาลที่หุ้มเมล็ดนั้นเมื่อกะเทาะเอาเนื้อสีขาว
ข้างในออกไปแล้ว อาจนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือนำมาผสมกับสารส้ม
และยางสนเพื่อใช้ทำสีย้อมผ้าและขนแกะก็ได้

ที่มา : เรื่องของเมล็ดมะขาม ที่หลายคนยังไม่ทราบ | มะขาม.com

 

ผู้เขียนได้นำเรื่องราวของพืชผลแต่ละประเภทมีคุณสมบัติทำอะไรได้บ้าง
เพื่อขยายความของโจทย์ในเรื่องการทำมาหากิน ว่าทำไมทำแค่อย่างเดียวพอ
ปลูกอย่างเดียวพอ ก็สามารถทำรายได้ให้กับเราได้มากมายมหาศาล ถ้าเรา
รู้จักคิด รู้จักทำ เก็บเกี่ยวพืชผลให้เป็นประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน

ยกตัวอย่าง การปลูกมะนาว เรามีเนื้อที่พอก็ปลูกมะนาวไปที่เดียว แต่เนื้อที่ว่างเรา
ก็ปลูกพืชผักสวนครัวแซมไปด้วย เช่น พริก กระเพราะ โหระพา ฯลฯ แซมลงไป
เพื่อเอาไว้กินไว้ใช้เหลือขาย สำหรับมะนาว เมื่อมะนาวโต เราก็สามารถตอนกิ่ง
ขยายพันธ์ต่อไปได้ หรือขายได้ เมื่อมะนาวออกลูกก็สามารถขายได้ ถ้าเข้า
โครงการเศรษฐกิจพอเพียง "วัดนาเมืองเพชร" ปลูกแล้วก็มีตลาดรองรับ
ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะขายไม่ได้

ในเรื่องการลงทุน เราก็ลงทุนอย่างเดียว เครื่องมือเครื่องใช้ประเภทถาวร
ก็ซื้อครั้งเดียวหรือจนกว่าจะพังกันไป และเราสามารถควบคุมกลไกตลาดได้
คิดดูซิค่ะว่า ถ้าทุกคนปลูกมะนาวกันหมดทุกบ้าน จะเกิดภาวะล้นตลาด ทำให้
ขายไม่ได้ราคา ชนิดแถมแล้วแถมอีก ยังไม่มีคนซื้อ แต่ถ้าบ้านนี้ปลูกมะนาว
บ้านนั้นปลูกมะขาม บ้านโน้นปลูกมะม่วง ภายในหมู่บ้านนั้น ตำบลนั้น
ก็มีพืชผักหมุนเวียนกันแบบไม่ขาดแคลน ซื้อบ้าง ทำกับข้าวแจกกันบ้าง
ดีออก บ้านนี้ทำแกงส้มมะขาม บ้านโน้นตำน้ำพริกมะม่วง แลกเปลี่ยนกัน
เพิ่มสัมพันธ์กันดีเหมือนเช่นสมัยก่อน ข้าวหม้อ แกงหม้อ กินกันทั้งหมู่บ้าน
ของก็ไม่ต้องซื้อต้องหา ใช้ของในสวน ในบ้านเรานั้นเอง

 

เหมือนดังที่วัดนาเมืองเพชร ท่านพระครูปัญญาวัชราภรณ์ ท่านเล็งเห็นความเดือดร้อน
ของชาวบ้าน ที่ราคายางพาราตกต่ำ ขายไม่ได้ราคา ท่านจึงน้อมนำโครงการเศรษฐกิจ
พอเพียง จัดตั้งกลุ่มสวนมะนาวมั่ง มี ศรี สุข, ปลูกมะขามทำเป็นผักสวนครัวรั้วกินได้
และเพาะพันธ์ต้นกล้าพืชพันธ์ไม้ต่าง ๆ ให้กับชาวบ้าน โดยนำปัจจัยจากการบวช
บรรพชา สวดบังสุกุลบ้าง หรือบางทีชาวบ้านไม่มีปัจจัยทำบุญ ก็ได้มาเป็น
ปุ๋ยขี้วัว ขี้ไก่ ซึ่งแล้วแต่ชาวบ้านมีจิตศรัทธา นำมาเข้าโครงการเศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อทำให้กับชาวบ้านอีกต่อไปเช่นกัน