การเตรียมการรับมือภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ

แต่ด้วยกำลังใจจากนางทองหล่อ เสนาะพิน ผู้เป็นแม่แม้จะป่วยก็ตาม
ด้วยความที่ครอบครัวโดยแม่ทองหล่อ ขายข้าวแกง ขายผัดไทยโบราณ
ที่ใช้สูตรจากการคิดค้นมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย ที่ยังคงใช้สูตรเครื่องเคียง
ที่มากและต้องผัดใหม่ใส่แต่ของดีมีประโยชน์ “ลุงเตี้ย” จึงได้นำสูตร
มาต่อยอดเพิ่มเครื่องเคียงลงไปอีกเป็น 22 ชนิด พร้อมเสริฟควบคู่ไปกับ
น้ำจิ้ม หรือ น้ำจาด คล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ทานแล้วเข้ารส ด้วยความอร่อย
หอมหวานของผัดไทยทานตัดกับน้ำจาดที่มีความหวานเปรี้ยว

 

“ลุงเตี้ย” เล่าต่อว่า เมื่อคิดค้นสูตรผัดไทยโบราณเปิดเดือนแรกๆ
ลูกค้ายังรู้จักน้อย และ เมื่อมีลูกค้าที่มาทานบอกกันปากต่อปาก
ด้วยความแปลกของรสผัดไทยควบคู่กับน้ำอาจาด

ที่มา ทึ่งคุณลุงสู้ชีวิต เมียตายลูกพิการ งัดสูตรผัดไทยโบราณผัดขาย ลูกค้าแน่นตลาดราชบุรี : ข่า�

 

จากบทความข้างบน นั่นคือการทำมาหากินโดยใช้ต้นทุนของเราเอง
คือใช้ภูมิปัญญาของครอบครัว เอามาทำมาหากิน โดยที่เราไม่ต้อง
ขวนขวาย หาเงินลงทุนมากมาย หรือไปซื้อแฟรนไชส์ให้เสียเงินเปล่า
ใช้สิ่งที่เรามี บรรพบุรุษเราให้ นั่นแหละ เอามาทำมาหากิน และ
ดัดแปลง พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ก็จะเป็นการดี มีเงินหลักร้อย หลักพัน
ก็สามารถทำมาหากินได้ เริ่มต้นจากเล็ก ๆ ไปก่อน จะได้ไม่ก่อหนี้สิน
ให้กับตัวเอง

 

การทำมาหากินบนหลักพื้นฐานของความพอเพียง
คือการทำมาหากินอะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องลงทุนมาก
ใช้เงินลงทุนเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับเกินคุ้ม
ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปปลูกพืช ทำนา ทำสวนอย่างเดียว
การค้าขาย ฯลฯ ก็ทำได้เช่นเดียวกัน แต่จะทำอย่างไร
ที่ลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด และลงทุนน้อยที่สุด
ก็ต้องคำนวณดูว่า ตัวเราเองมีต้นทุนอะไรบ้าง
ไม่ว่าจะมันสมอง ที่ดิน หรืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้
และภูมิปัญญาในครอบครัว สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนของเราทั้งนั้น

 

ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าสินค้าการเกษตรราคาน่าจะสูงขึ้น เพราะแล้งนาน ไม่ส่งผลดีต่อเกษตรกรแน่ เพราะไม่มีแหล่งน้ำสำรองเหมือนกลุ่มนายทุนเขา ลอยกระทงคงต้องเรียกใหม่ว่าหย่อนกระทงแทนเพราะน้ำไม่ปริ่มตลิ่ง ลอยขึ้นฟ้าก็ไปไหม้บ้านคนอื่นอีก น้ำยิ่งไม่มีจะดับไฟด้วย ขอพรเจ้าแม่คงคาก็คงต้องขอให้ฝนมาน้ำมาแทนการขอขมาเจ้าแม่คงคา ประเทศเราเขื่อนน้อยไม่พอใช้ ถึงกับมีการพูดกันว่าฝนตกหลังเขื่อนแต่ไม่ตกที่เขื่อน ป่าไม้ก็น้อยอีกทั้งตัดทั้งบุกรุกกันตามอัธยาศัยด้านได้อายอด ดูภาพถ่ายจากดาวเทียมแล้วสลด (มีบ่น)

 

ผมไม่เห็นด้วยว่าปีนี้น้ำจะแห้ง เพราะปีนี้เป็นปีมะเส็ง ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะกลายเป็นทะเลครับ ควรจะต้องหาทางอพยพมากกว่าครับ

 

ชาวนาอ่างทองครวญปลูกบวบราคาตก

ชาวนาอ่างทองจำนวนหนึ่ง ได้หันไปปลูกพืชผักใช้น้ำน้อย
แทนการทำนา หลังประสบปัญหาภัยแล้งน้ำต้นทุนในเขื่อน
เหลือน้อย ใช้เพียงอุปโภคบริโภคชลประทานจ้างงาน
เกษตรกรชาวนาทำงานในช่วงหยุดทำนา และมีชาวนา
บางส่วนที่ต้องสู้ดิ้นรนปลูกพืชใช้น้ำน้อยสู้ภัยแล้ง
สร้างรายได้จุนเจือเลี้ยงครอบครัว แต่ต้องประสบ
ปัญหาราคาพืชผักส่วนใหญ่ราคาตกต่ำ เนื่องจาก
มีเกษตรกรชาวหันไปปลูกกันจำนวนมาก
เมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน ราคาจึงลดลง
เป็นเรื่องของกลไกทางตลาด แต่ก็หวั่นกลัวขาดทุน
ขายไม่ออกหากผลผลิตล้นตลาด

 

ด้านนายประสิทธิ์ วงษ์สนอง อายุ 51 ปี ชาวนาอำเภอโพธิ์ทอง
จังหวัดอ่างทอง กล่าวว่าตนเองทำนาเช่า จำนวน 20 ไร่ เมื่อทราบว่า
เกิดภัยแล้ง จึงหยุดทำนาหันไปปลูกบวบเหลี่ยม พืชใช้น้ำน้อย
จำนวน 4 ไร่ สร้างรายได้ทดแทนการทำนาโดยลงทุนเมล็ดพันธุ์
การปรับพื้นดิน รวมทั้งการขุดบ่อบาดาลเตรียมสู้ภัยแล้ง
ในการปลูกผักครั้งนี้ เงินลงทุนไปร่วม 20,000 บาท หลังจาก
ลงมือเก็บเกี่ยว ผลผลิตสู่ตลาดราคาเริ่มตกต่ำลง โดยบวบเหลี่ยม
ขายส่งตลาดหน้าสวนราคาอยู่ที่กิโลกรัม 4 บาท เนื่องจากมีชาวนา
หันมาปลูกกันจำนวนมาก จึงทำให้ผลผลิตมีราคาเริ่มตกต่ำลง
ซึ่งตนเองก็ต้องสู้ทำ เนื่องจากไม่มีรายได้อะไรในช่วงหน้าแล้ง
หลังจากหยุดทำนา

ที่มา ชาวนาอ่างทองครวญปลูกบวบราคาตก : INN News

 

บอกแล้วว่าทำอะไร อย่าแห่กันทำตามเขา มันก็ล้นตลาด
แบบนี้แหละ เขียนหนัก เขียนหนา บอกแล้ว บอกอีก ว่าทำอะไรต้อง

1. สำรวจทุนตัวเอง จะได้ไม่ต้องลงทุนมากมาย คือการใช้
ศักยภาพของเรา ที่เรามีอยู่นั่นแหละมาทำงาน
2. สำรวจตลาด ควรหามองหาตลาดไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะลงมือทำอะไร
3. สำรวจเงินทุน พยายามลงทุนให้น้อยที่สุด แต่ได้ประโยชน์
กับเรามากที่สุด จะได้ไม่เจ็บหนัก เวลาทำแล้วไม่ได้ผลลัพท์
ตามเป้าหมาย

 

และที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว
จะแก้ปัญหาอย่างไร

คำตอบ คือพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และต้องทำทันที
นั่นคือเราต้องคิดหาวิธี คิดหาหนทางแก้ไขให้ได้
ยกตัวอย่างเช่น

1. ในเมื่อปลูกบวบแล้วล้นตลาด กิโลละ 4 บาท
ก็ตั้งแผงขายริมถนนหรือหน้าบ้านตนเองนั่นแหละ
ขายส่ง-ขายปลีกกันตรงนั้นเลย ดีเสียอีกจะได้
ไม่ออกไปเร่ขายตรงไหน มีคนมาซื่้อหน้าบ้าน
หน้าร้านเราเลย

 

2. ทำกับข้าวขาย ยามนี้เศรษฐกิจบ้านเมืองเราย่ำแย่
ข้าวของมีราคาแพงแต่พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ
เราปลูกบวบใช่มั้ย ในเมื่อขายได้กิโลละ4 บาท
เราก็ต้องหาวิธีเพิ่มมูลค่าของบวบ โดยนำบวบ
ที่เหลือจากการขาย มาทำกับข้าวขายเสียเลย
ขายไปเลยถุงละ 10 บาท ขายราคานี้ทำไมจะขายไม่ได้
ถ้าเรารู้จักคิดหาวิธีการทำอาหารที่ใช้บวบและทำได้
ในราคาถูก เช่น

ก) บวบผัดไข่ ซื้อไข่ยกแผงกันมาเลย
ข) ผัดผักบวบ
ค) แกงเลียง
ง) แกงจืด
ฉ) น้ำพริก+บวบลวกและผักอื่น ๆ
และถ้าใส่หมู เป็ด ไก่ ฯลฯ ก็เพิ่มราคาขายตามต้นทุนไป
ขายถุงละ 15-20 ก็ยังมีคนซื้อ

 

3. คิดค้นหาวิธีแปรรูป
การแปรรูปอาหาร โดยทำบวบชุบแป้งทอด ทำไมจะทำไม่ได้
ขนาดหอมหัวใหญ่ ร้านดัง ๆ เอามาชุบแป้งทอดขาย
จานหนึ่งตั้งหลายตังค์ เราเอาของที่เราปลูก เหลือขาย
เอามาแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้กับตนเองและครอบครัว
ทำรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง
รายละเอียดการทำ https://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20100622000600AAl2QTO

 

4. ถนอมอาหาร สามารถเก็บไว้ได้นาน
โดยการทำวิธีหมักดอง นำบวบมาดองเพื่อเก็บไว้ได้นาน ๆ
นำมากิน นำมาขาย เป็นรายได้เพิ่มขึ้นมาอีก

วิธีการทำบวบดอง
บวบดองได้อย่างรวดเร็ว - คอลเลกชันขนาดใหญ่ของสูตรอาหารแสนอร่อยรายละเอียดคำอธิบายที่มีร�

 

5. ทำเป็นยารักษาโรคจากสมุนไพร
บวบสามารถนำมาทำเป็นยารักษาโรคได้

สรรพคุณของบวบ บวบเหลี่ยม สรรพคุณและประโยชน์ของบวบเหลี่ยม 48 ข้อ !

 

6. นำมาทำเป็นธุรกิจ หรือต่อยอดเป็น SME
ขอยกตัวอย่างที่หลายท่าน นำมาคิด พัฒนาและต่อยอด
จากบวบ พืชผักเพียงชนิดเดียว สามารถนำมาประกอบ
ธุรกิจการค้า สร้างผลิตภัณฑ์ และมี Brand เป็นของตนเอง
พัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อประกอบกิจการให้มีความเจริญก้าวหน้า
ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างแยบคาย

ผลิตภัณฑ์จากใยบวบ http://e-journal.dip.go.th/LinkClick.aspx?fileticket=QzIue8aom5A=&tabid=100
เป็นการเพิ่มศักยภาพ

 

7. จัดตั้งสหกรณ์ เพื่อรวบรวมผลิตภัณฑ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ
ในแต่ละท้องถิ่น ให้เข้าในรูปแบบสากล เช่น
ก) เมื่อส่งเสริมการปลูกผัก ลำพังชาวบ้านธรรมดาปลูกก็ขายกัน
ตามมีตามเกิด ได้ราคาบ้าง ไม่ได้ราคาบ้าง อีกทั้งขาดมาตรฐาน
ความปลอดภัย แต่ถ้าเราจัดตั้งสหกรณ์ คอยควบคุมดูแลให้เข้า
มาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยในการบริโภค เราก็สามารถ
นำไปวางขายในระดับห้างสรรพสินค้าและส่งออกไปยังต่างประเทศได้

 

การจัดตั้งสหกรณ์ หรือรวมกลุ่มกันทำเป็นกลุ่มใหญ่ ทำให้
การลงทุนต่าง ๆ ง่ายขึ้น แทนที่แต่ละคน แต่ละครอบครัว
ต้องมาลงทุนซื่้อเครื่องมือเครื่องไม้ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์
ต่าง ๆ ที่มีราคาแพงเกินกำลังของตนเอง เราก็ใช้สหกรณ์
เป็นผู้ซื้อ ผู้จัดหามา อย่างเช่น เครื่องสีข้าว ที่ต้องลงทุน
เป็นแสนเป็นล้าน ถ้าทุกคนปลูกข้าวและอยากขายเอง
ก็ต้องหาเงินมาลงเอง หรือไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน ทำให้
ตนเองกลายเป็นหนี้ ถ้าขายดี ก็ดีไป แต่ถ้าเกิดขาดทุน
ตนเองก็กลายเป็นหนี้ก้อนโต

 

การปลูกผัก ถ้าจะทำให้เป็นมาตรฐานสากล ก็ต้องมีโรงเรือน
มีมาตรฐานในการล้างผัก ทำความสะอาด ให้ปลอดจากสารพิษ
และยาฆ่าแมลง ดังนั้น การทำโรงเรือนและวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
ต้องลงทุนกันไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าลำพังชาวบ้านเพียงคนเดียว
ต้องมาลงทุนขนาดนี้ กว่าจะคืนทุน ก็ทำได้ลำบาก แต่ถ้า
ในหมู่บ้านหรือชุมชน จัดตั้งสหกรณ์หมู่บ้าน....หรือสหกรณ์ชุมชน...
โดยคนในหมุ่บ้านหรือชุมชนนั้น ๆ มาเป็นสมาชิกร่วมลงทุน
ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าทำกันเองเพียงลำพัง อีกทั้งยังสามารถ
ของบประมาณจากภาครัฐมาช่วยสนับสนุนได้

 

ข่าวดีสำหรับผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ โครงการ "รวยน้ำใจ"
เปิดอบรมวิชาชีพให้ฟรี-ที่พักฟรี-อาหารฟรี
ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ของทุก ๆ เดือน เริ่มต้นตั้งแต่
วันที่ 9 มกราคม 2559 เป็นต้นไป

อาชีพที่เปิดสอน
1. นวดหน้าเด้ง นมเด้ง
2. นวดฝ่าเท้าด้วยศาสตร์จีน
3. นวดบำบัดโรคด้วยกัวซา
4. วารีบำบัดด้วยสมุนไพรธรรมชาติ
5. สอนทำลูกประคบ อบสมุนไพร คอร์สคุณแม่หลังคลอด

 

เอกสารที่ใช้ในการสมัคร
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. บัตรผู้พิการ /ใบรับรองสภานภาพจากผู้นำชุมชนหรือหมู่บ้าน

สอบถามรายละเอียดและใบสมัครได้ที่
1. บ้านโพธิ์ทอง เลขที่ 95 หมู่ 4 ต. บ้านโพธิ์ อ. เมือง จ. ตรัง
โทร. 089-8820342
2. อีเมล์ : thaimoneynetwork@hotmail.com

สำหรับผู้ที่ประสงค์ต้องการที่พัก กรุณาจองล่วงหน้าค่ะ
เพราะที่พักมีจำนวนจำกัด