ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รับเป็นแนวทางปฎิบัติค่ะ เมื่อมีกำหนดการชัดเจนแล้วจะเรียนท่านพลตรีพิจิตร และท่านหลักแก้วทราบทันทีค่ะพี่
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เชิญชวนไปสักการะรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธบาท 4 รอย จ. เชียงใหม่

    <TABLE id=post3040147 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 06-03-2010, 05:28 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ฤาษีท้ายเรือ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3040147", true); </SCRIPT>
    สมาชิก PREMIUM

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2007
    สถานที่: 29/9 ซ.เอกมัย10 ถ.สุขุมวิท63 แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กทม 10110
    ข้อความ: 176
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 219
    ได้รับอนุโมทนา 1,814 ครั้ง ใน 158 โพส
    พลังการให้คะแนน: 125 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3040147 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->พระพุทธบาท 4 รอย ดินแดนแห่งพุทธะ<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]

    เหตุที่ควรไปสักการะพระพุทธบาท 4 รอย มีหลายประการมากมาย แต่ปีนี้ มันอาจเป็นปีของการเริ่มต้น ของการสิ้นสุดหลายๆอย่าง โดยเฉพาะคนไม่มีศีลธรรม ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า เช็คบิล อย่านึกว่าทำบุญเยอะแล้วจะรอด เคยสังเกตไหม ทำไมคนทำบุญแล้วยังโดนวิบากกรรมเล่นซะอ่วมเลย เพราะเรายังไม่รู้ว่าในชาตินี้ ชาติก่อนๆ เราทำบาปอะไรไว้บ้าง ดังนั้น การไปขอขมาและปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าที่พระพุทธบาท 4 รอย จะเป็นการลดทอนกรรมได้ดีที่สุด และ มีผลทำให้การปฎิบัติธรรมก้าวหน้าอย่างเร็วโดยที่เรานึกไม่ถึงเลย อันนี้เรื่องจริงแต้ๆเลย
    ขนาดหลวงปู่สิม หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเปลี่ยน หลวงตาม้า ท่านยังให้ความสำคัญกับพระพุทธ 4 รอยเป็นอันมากครับ สำหรับพระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้นับเป็นมหาปูชนียสถานพิเศษที่ทรงไว้ซึ่งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งยวดด้วยเป็นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้เสด็จอุบัติขึ้นมาแล้วถึง 4 พระองค์คือ

    [​IMG]
    <O:p</O:p

    1. พระกกุสันธพุทธเจ้า
    2. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
    3. พระกัสสปพุทธเจ้า
    4. พระโคตมพุทธเจ้า(พระองค์ปัจจุบัน)
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หรือแม้แต่ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมพระอริยเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างยวดยิ่งแห่งวัดป่าอรัญญวิเวก จ.นครพนมเมื่อครั้งยังเที่ยวธุดงค์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยเช่นกันว่าพระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัป ที่มีความสำคัญที่สุดในจักรวาล...
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระผู้ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานแห่งยุคก็ยังได้เคยพยากรณ์ไว้เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมยังเป็นสามเณรอยู่ว่า เณรสิมนี้ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อได้ จะหอมกว่าหมู่เมื่อได้เล็งญาณพิจารณาการทั้งสิ้นแล้วจึงได้กล่าวสรุปปิดท้ายไว้ก่อนละสังขารไม่นานว่า
    พระบาทสี่รอยนี้เป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเหยียบรอยพระบาทไว้เองจริงๆ....
    รอยพระบาทที่จังหวัดสระบุรีเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคดมเพียงพระองค์เดียว แต่ที่พระบาทสี่รอยนั้นเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ ไหว้พระบาทสี่รอยครั้งหนึ่งก็เท่ากับได้ไหว้พระพุทธเจ้ารวดเดียวถึง 4 พระองค์นั่นแหละ....
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การที่ได้ไปกราบไปไหว้ไปทำบุญ นั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนาที่พระบาทสี่รอยนี้จะทำให้ได้บุญเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่าเลยทีเดียวนะ..!!!!!



    เดินทางสักการะพระพุทธบาท 4 รอย

    ร่วมทำบุญพระอริยสงฆ์เจ้า เข้าดินแดนพุทธภูมิ<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เป็๋นความบังเอิญโดยแท้ที่จะกดปุ่มเสียงธรรมเพื่อไปฟังเพลงธรรมะ แล้วกลายเป็นกระทู้นี้ปรากฏขึ้นมา ทางสายธาตุถือเป็นสิ่งมงคลและต้องเชิญชวนชาวพุทธไปนมัสการพระพุทธบาท 4 รอยให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ

    http://palungjit.org/threads/พระพุทธบาท-4-รอย-ดินแดนแห่งพุทธะ.229849/
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    โมทนา สาธุ กับคุณทางสายธาตุ ครับ

    ได้ขึ้นไปกราบนมัสการ 3 ครั้งแล้ว ครั้งแรกสมัยที่ทางยังไม่ได้เทคอนกรีต

    การเดินทางใช้เวลานานหน่อย ครั้งที่สองเมื่อประมาณสองปีมาแล้วขึ้นไป

    ถวายพระธาตุกับกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ และครั้งที่สามก็ทริปงานถวายพระ

    แสงของ้าวจำลองนี่แหละครับ ได้ลองจับเวลาทั้งขาขึ้นและขาลง ณ จุดแยก

    ถนนสายเชียงใหม่- แม่ริม ใช้เวลาเที่ยวละประมาณ 1 ชั่วโมง

    ปล.ท่านใดศรัทธาและเลื่อมใสในการปิดทองลูกนิมิตละก็ เป็นจังหวะและ

    โอกาสอันดีจะได้ร่วมปิดทองลูกนิมิตที่วัดนี้อีกด้วย
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #cccccc 1px solid; BORDER-TOP: #cccccc 1px solid; BORDER-LEFT: #cccccc 1px solid; BORDER-BOTTOM: #cccccc 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 20px" background=../images/bgMenu.jpg colSpan=2 height=30>
    ข้อคิดมุมมอง..เพื่อปัญญา​
    </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" colSpan=2><TABLE class=content cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #e2e2e2 1px solid">
    [​IMG]ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งทุกข์ที่มีกามตัณหาเป็นมูล 9 อย่าง
    เมื่อเกิด ตัณหา จึงเกิดการ แสวงหา
    เมื่อเกิด การแสวงหา จึงเกิด การได้
    เมื่อเกิด การได้ จึงเกิด ความปลงใจรัก
    เมื่อเกิด ความปลงใจรัก จึงเกิด ความกำหนัดด้วยความพอใจ
    เมื่อเกิด ความกำหนัดด้วยความพอใจ จึงเกิด การสยบมัวเมา
    เมื่อเกิด ความสยบมัวเมา จึงเกิด ความจับอกจับใจ
    เมื่อเกิด ความจับอกจับใจ จึงเกิด ความตระหนี่
    เมื่อเกิด ความตระหนี่ จึงเกิด การหวงกั้น
    เมื่อ การหวงกั้น จึงเกิด การมีเรื่องราวจากการหวงกั้น(ทะเลาะเบาะแว้ง)
    อริยสัจจากพระโอษฐ์ หน้า366 เรื่อง ปกิณกะทุกข์

    เมื่อมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น การจะดับอะไรต้องไปดับที่เหตุ ในกรณีนี้เหตุที่ต้องดับคืออะไร คือตัณหา ดับตัณหาทำอย่างไร ดับความยินดีพอใจ(เวทนา) จะดับเวทนาก็ต้องดับผัสสะ ทางตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ มีสติไว้ ให้บ่อยให้ถี่ จนพบสมดุลย์ของน้ำหนักแล้วจะสบายไม่เป็นภาระ


    แหล่งที่มา
     
  5. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    ถามคุณทางสายธาตุ

    มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการพระราชทานสมญานามให้ทหารคนสนิทของสมเด็จพรนเรศวรมหาราช ทหารคนที่พระองค์ทรงเรียกใช้บ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะมียศมีตำแหน่ง ชื่อยาวๆกันทั้งนั้น ที่นี้พระองค์จะเรียกใช้เพื่อที่พระองค์เองจะได้ง่ายในการออกพระโอษฐ์ ทรงพระราชทานสมญานามให้ รู้มา ๓สมญานาม แอบฟังเขามาเล่าแต่ไม่รู้จะเล่าดีหรือเปล่าค่ะ เพราะเป็นความรู้จากผู้อื่นแอบจำเขามาเล่า อยากรู้ไหมคะว่ามีสมญานามอะไรบ้าง และมีพฤติกรรมอย่างไรจึงได้สมญานามนั้นๆ<!-- google_ad_section_end -->
    คือผมอยากทราบน่ะครับ ว่ามีนามใดบ้าง ถือว่าเป็นความรู้เพิ่มเติมแล้วกันนะครับ
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดีค่ะ พระราชมนู กำลังจะเข้ามาเขียนค่ะ ออกแขกมาหลายวัน เพื่อรอคนอ่านเข้ามา
    วันนี้ใช้เส้นทางแจ้งวัฒนะ มาถึงที่ทำงานแต่เช้าค่ะ อยากจะเขียนเรื่องสมญานามพระราชทาน และเรื่องวัดป่ามณีกาญจน์จะชวนพี่จงรักภักดีไปค่ะ ไม่ไกลไม่เหนื่อย วัดป่าใกล้บ้านค่ะพี่

    เรื่องเพชรดำของน้องอ๊อฟไม่กล้าเขียนหน้ากระทู้ มันเป็นเรื่องของสัมผัสและไม่ใช่ของพี่ทางสายธาตุเอง จึงจะตอบให้ทาง PM ค่ะ
     
  7. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณทางสายธาตุ

    อ่อครับ พิมพ์เลยใช่มั้ยครับผมจะได้รออ่าน
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทหารในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทุกคนจะถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยทรงใช้ให้ไปทำงาน ดังนั้นในเวลาที่อยู่เฝ้าแหนพระองค์ท่าน ทหารจะเสนอพักตร์(หน้า) ให้ทรงทอดพระเนตรเห็นได้ง่ายจะได้ทรงใช้ ส่วนใหญ่พระองค์จะใช้คนให้ถูกกับงาน หากคุณสมบัติยังไม่เหมาะกับงานที่จะทรงใช้สอยก็จะไม่ถูกใช้ ทหารคนนั้นๆก็จะรู้สึกรอๆๆ รอวันที่พระองค์ท่านจะทรงใช้เขาไปทำงาน ถ้าได้รับพระบรมราชโองการใช้ให้ไปทำงานเมื่อไหร่ ทหารคนนั้นๆจะทำงานถวายชีวิตกันเลย

    ทรงพระราชทานฉายานามเพื่อให้ทรงออกพระโอษฐ์ถนัดถนี่ ซึ่งจะทรงใช้สัตว์ต่างๆมาตั้งเป็นฉายาให้กับทหารขององค์ท่านเองเพื่อให้ทรงจำง่าย ฉายานามเหล่านี้จะสะท้อนบุคคลิกของทหารนั้นๆ ผู้ที่เล่าให้ทางสายธาตุฟัง ไม่ได้เชื่อมโยงฉายานามพระราชทานนี้กับชื่อยศถาบรรดาศักดิ์ของท่านผู้ใด เพราะผู้ที่เล่าให้ฟังบอกว่าเจ้าของฉายานามจะรู้ตัวเองดี ใครไม่ค่อยถูกทรงเรียกใช้ก็จะรู้ตัวเองดี แม้แต่พี่น้ำฝนที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.พนมทวน ก็ยังทราบเกี่ยวกับตัวเองแต่ไม่เล่าให้ใครฟังนะคะ ไม่ต้องไปถามพี่เขา เพราะเป็นสิ่งที่รู้อยู่กับตนเอง ดังนั้นเจ้าของฉายานามจะต้องทราบเองว่าใช่ตัวเองหรือไม่ด้วยตัวเองค่ะจะดีที่สุด

    ฉายานามที่ ๑ เสือดาบ มาจากเสือคาบดาบ เวลาทรงออกพระโอษฐ์ให้หาจะเรียก อ้ายเสือดาบ
    พฤติกรรม : ชอบเอาดาบขึ้นมาคาบแทนที่จะแหนบดาบไว้ที่เอว ฉายาของท่านนี้น่าจะห้าวหาญทีเดียว เพราะท่าคาบดาบก็ท่าเดียวกับที่พระองค์ท่านคาบพระแสงดาบปีนค่าย คาบดาบแล้วมือก็ทำอย่างอื่นได้ทะมัดทะแมง

    ฉายานามที่ ๒ สกุณา เวลาที่พระองค์เอ่ยถึงผู้นี้ ก็จะเป็น อ้ายสกุณา
    พฤติกรรม : มีความสามารถในการทำงานให้พระองค์ท่านได้สำเร็จลุล่วง แต่เมื่องานเสร็จแล้วก็โบยบินดั่งสกุณา ไม่กลับมาเฝ้าแหนพระองค์เหมือนทหารคนอื่น เรียกว่า one time service งานสำเร็จก็จะโบยบินไปเที่ยวสนุกสนาาน จนกว่าจะมีงานครั้งหน้า ถ้าทรงเรียกใช้อีก ก็ทรงให้ใครสักคนไปตามม สกุณาก็จะบินมาเกยพระชงค์แล้วรับคำสั่งในทันที พระองค์ท่านทรงเข้าใจในธรรมชาติของข้าทหารแต่ละคนเป็นอย่างดีและเรียกใช้ตามเหมาะสม

    ฉายานามที่ ๓ หมาหลง เวลาทรงเรียกก็เป็น อ้ายหมาหลง
    พฤติกรรม : คงจะเป็นทหารที่มีความกระฉับกระเฉงว่องไว ใช้งานง่าย คล่องตัวดี แต่ขี้ลืม คงจะป้ำๆเป๋อๆอยู่พอสมควร(คนที่เล่าให้ฟังใช้คำนี้) แต่ว่าคล่องแคล่วใช้งานง่าย หาตัวง่าย จึงได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างสม่ำเสมอ

    ไม่ว่าจะทรงให้ฉายานามหรือไม่ก็ตาม ทหารทุกคนจงรักภักดีและเทิดทูนพระองค์ท่านมาก ไม่เคยที่จะรู้สึกน้อยใจในพระองค์ท่านเลย มีแต่จะพยายามเสนอพักตร์(หน้า)ให้พระองค์ท่านเรียกใช้เพราะถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตค่ะ

    จบแล้วค่ะ

    ป.ล. ขอเปลี่ยนจากสมญานามเป็นฉายานามนะคะ เพราะคิดว่าฉายานามน่าจะเป็นศัพท์ที่ถูกต้องมากกว่าค่ะ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทหารพระนเรศวร

    พอโพสปั๊บ ดาต้าเบสก็ล่มเลยแต่ว่าไม่นาน ที่สำคัญท่านพระราชมนูได้อ่่านแล้วใช่ไหมคะ สักพักค่อยโพสเรื่องวัดป่ามณีกาญจน์นะคะ กลัวดาต้าเบสจะล่มอีกค่ะ


    เชิญรับฟังเพลงทหารพระนเรศวรให้เข้าบรรยากาศค่ะ

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1052874/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2010
  10. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    ตอบคุณทางสายธาตุ

    ผมได้อ่านแล้วครับ ขอบคุณมากครับผม เป็นเกร็ดความรู้ที่ดีครับ
     
  11. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210




    </TR></TBODY></TABLE>
    ได้ความรู้ใหม่เหมือนกันนะคะ
    ผู้เล่าเรื่อง ฉายานาม ทหาร ท่านคือใครหรอคะ คุณพี่ทางสายธาตุ



    </TR></TBODY>
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อนุโมทนาครับ คุณทางสายธาตุ แนวใหม่จริงๆ ขออีกได้ไหมครับอีกหลายๆ

    ท่านหน่อย ส่วนคำว่าสมญานามที่คุณทางสายธาตุเลือกจะเปลี่ยนเป็นฉายา

    นาม นั่นนะอยากจะขอช่วยเลือกด้วยคน คำนี้เป็นคำสมาสที่เกิดจากการนำ

    คำว่าฉายากับนามมาสมาสกัน การแปลความหมายก็แปลตามลำดับคำไป

    ถ้าใช้ว่า นามฉายา ก็ต้องแปลว่าชื่อที่เป็นฉายา เช่นเดียวกับคำว่า "ชื่อจริง"

    และ "ชื่อเล่น" ทำนองนั้นนะครับ
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เบื้องหลังพระพุทธเจ้าหลวง ทรงแลกแผ่นดินกับ “เกาะกูด”ยุทธศาสตร์พลังงานอันมั่งคั่งในอ่าวไทย!!!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ </TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กรกฎาคม 2553 17:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เพียงแค่ “เกาะกูด” เพียงเกาะเดียว ได้เป็นขวากหนามอันสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้กัมพูชาหมดความชอบธรรมในการลากเส้นเขตไหล่ทวีปทางทะเลของตัวเองเมื่อปี พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นคร่อมเกาะกูด โดยไม่ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล ทั้งในเรื่องการละเมิดอธิปไตยอาณาเขตทางทะเลรอบเกาะกูด 12 ไมล์ทะเล และไม่ยึดหลักการแบ่งเขตไหล่ทวีปซึ่งวัดระยะทางเส้นจากฐานดินแดนของ 2 ประเทศให้เท่าๆ กัน

    “เกาะกูด” เพียงเกาะเดียว ได้ทำให้ประเทศไทยมีความชอบธรรมที่จะลากเส้นเขตไหล่ทวีปของตัวเองเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยการลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 โดยใช้วิธี “แบ่งครึ่งมุม” ระหว่าง “เกาะกูด” ของไทยกับ “เกาะกง” ของกัมพูชา แล้วลากเส้นตรงออกมาในทะเลวัดระยะจากแผ่นดินทั้งสองประเทศเท่าๆ กันหรือที่เรียกว่า เส้นมัธยะ (Equidistance line) ตามหลักมาตรฐานสากล

    ในทางตรงกันข้ามหากช่วงการล่าอาณานิคมจบลงด้วย “เกาะกูด” เป็นของกัมพูชาซึ่งตกอยู่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส การขีดเส้นไหล่ทวีปจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล และความมั่งคั่งที่มาจากทรัพยากรใต้อ่าวไทยจะตกเป็นของกัมพูชาเกือบทั้งหมด!!!

    23 มีนาคม ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) คือวันที่ “เมืองด่านซ้าย เมืองตราด และบรรดาเกาะที่อยู่ใต้แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูด” ได้กลับมาเป็นของไทย โดยแลกกับ “เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ” ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907

    การแลกแผ่นดินครั้งนั้น พระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ ที่ยกให้ฝรั่งเศสมีเนื้อที่ถึง 51,000 ตารางกิโลเมตร (32 ล้านไร่) ในขณะเมืองด่านซ้าย เมืองตราด และเกาะทั้งหลายซึ่งติดทะเลในอ่าวไทยนั้น สยามขอแลกกลับมามีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางกิโลเมตร (2.5 ล้านไร่)เท่านั้น

    การแลกแผ่นดินทางบกมีขนาดต่างกันถึง 13 เท่าตัว แต่ผืนน้ำคือทางออกทะเลเกือบทั้งหมดของอ่าวไทย!!! ถือเป็นการตัดสินใจแลกเปลี่ยนที่ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นครวัด” นั้นปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่ในเมือง “เสียมราฐ”

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่ได้ทราบว่าจะมีการขอแลกกับเสียมราฐ ซึ่งมีนครวัดอยู่นั้น ได้ทรงมีความเห็นว่า

    “ความคิดอันนี้น่าจะมีจริงฤา จะว่าฉันเตรียมพร้อมเพื่อจะเชื่อว่าฝรั่งเศสจะทำอะไรก็ทำได้ตาม แต่ยังเห็นว่าทูตเอง (นายริโฟลต์) จะเป็นผู้ที่อยากหาความชอบในเรื่องนี้ ด้วยการแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นแง่เงื่อนอยู่ที่ด่านซ้าย จะเอาด่านซ้ายมาแลก เช่น ข้าหลวงปักปันเขตแดนได้เงื้อขึ้นแล้ว แต่ที่จะเอานครวัดแลกดูมากมายเหลือเกินอยู่สักหน่อย จะว่าพ้นวิสัยฝรั่งเศสจะพูดนั้นไม่ได้ ในการปักปันเขตแดนที่สุดนี้ฉันระแวงอยู่ในใจแล้วว่า น่าจะมีเหตุอะไรสักอย่างหนึ่ง”

    กว่าจะได้จังหวัดตราดซึ่งพื้นที่ชายฝั่งติดทะเล และเกาะที่อยู่ใต้แหลมสิงห์จนไปถึงเกาะกูดต้องยอมแลกแผ่นดินทางบกจำนวนมหาศาล

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิรูปกฎหมายของสยาม จ้างชาวฝรั่งเศสรับราชการ จ้างชาวอเมริกันมาเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และยังต้องเสด็จประพาสยุโรปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีในการรักษาอธิปไตยของสยามอีกด้วย จึงถือเป็นปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้การเจรจาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงวางแผนการแลกแผ่นดินเป็นลำดับขั้น ขั้นแรกคือ นำเมืองตราดมาแลกกับการให้ทหารฝรั่งเศสถอนตัวออกจากจันทบุรี คืนกลับมาสำเร็จ เพื่อที่จะไม่ต้องมีการปะทะกันทั้งสองฝ่าย หลังจากก่อนหน้านี้ที่ทหารฝรั่งเศสไม่ยอมถอนทหารออกจากจันทบุรี ทั้งๆ ที่สยามได้ตกลงที่จะยกหลวงพระบางฝั่งขวา มโนไพร และจำปาศักดิ์ให้กับฝรั่งเศสแล้ว ทั้งนี้เพราะฝรั่งเศสลงทุนในจันทบุรีมา 10 ปี ใช้เงินไป 2 ล้านฟรังก.........


    แหล่งที่มา Daily News - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    บทเพลง บูรพารัสมิง

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1054287/[/MUSIC]

    บทเพลงแห่งศรัทธา
    ชุด หนึ่งเพชรล้านนา
    สงวนลิขสิทธิ์ มีนาคม 2552

    ประพันธ์ทำนองและขับร้องโดยคุณ กัญญนัทธ์ ศิริ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 09 Track 9.wma
      ขนาดไฟล์:
      18.2 MB
      เปิดดู:
      1,138
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] วันนี้, 12:23 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>ชานนคนไทย<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 44
    ข้อความ: 865
    Groans: 5
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,838
    ได้รับอนุโมทนา 6,093 ครั้ง ใน 855 โพส
    พลังการให้คะแนน: 318 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_ class=alt1><CENTER>คติธรรม...สอนใจเรา

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><CENTER>คติธรรม...สอนใจเรา

    </CENTER>


    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>หลายท่านที่ปฏิบัติ มักพบหนทางที่ตนคิดว่าเหมาะสมกับจริตของตน แน่นอนว่าภูมิปัญญาของแต่ละคนต่างกัน มีความคิด มีจริตที่ต่างกัน ฉะนั้นการที่จะบอกว่าเราจะให้คนนี้ปฏิบัติแบบที่เราปฏิบัติก็คงจะไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับเขามากน้อยเพียงใด

    ผมจำได้ว่ามีอาจารย์หลายท่านที่บอกว่าให้เราลองที่จะศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมกับจริตของเรา เช่น หากใครที่เป็นคนคิดมาก มีอารมณ์แปรปรวนไปมา โกรธง่าย กลัวง่าย อาจจะเน้นที่การดูจิต เป็นหลัก ส่วนใครที่ติดกับร่างกาย หน้าตา รูปร่าง ความสวยงาม เป็นต้น ก็อาจเน้นที่การดูกาย – ซึ่งการดูกายดูจิต ถือเป็นหนทางกว้างๆ ของ สติปัฏฐานหรือการเจริญสติวิปัสสนานั่นเอง

    การเรียนรู้ของแต่ละคนจำเป็นต้องเกิดจากประสบการณ์ของแต่ละคน ที่จะได้พบ ได้เผชิญ ได้รู้ตามจริงที่ปรากฏ ทั้งกาย เวทนา จิต และธรรม ทั้งนี้หลังจากที่แต่ละคนปฏิบัติกับครูบาอาจารย์แล้ว เมื่อต้องกลับมาปฏิบัติเองก็เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของคนนั้นๆ

    แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าการปฏิบัติจากปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เราจะนั่งสมาธิที่ไหนก็ได้นั้น ผมคิดว่าไม่ผิด แต่บางครั้งหากเราปฏิบัติ โดยที่ไม่รู้แนว ทำไปโดยไม่มีหลักที่ชัดเจนหรือทำด้วยความลังเลสงสัย เช่น บางคนนั่งสมาธิแล้วอาจเจอนิมิตต่างๆ หากใครที่รู้ก็จะเท่าทันนิมิต แต่บางคนก็อาจหลงนิมิต ไปยึดติด คิดว่าตนได้หลุดพ้นก็ว่าได้ หรือบางคนอาจจะทำไปแบบช้างตาบอด คือสักแต่ทำแต่ไม่รู้ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง ดังนั้น การที่เราไปแสวงหาความรู้จากผู้รู้ จากอาจารย์ต่างๆ นั้น ก็น่าจะเป็นส่วนช่วยตัวเราได้ดีไม่น้อย ที่จะทำให้เราเห็นหนทาง เห็นวิธีการและแนวปฏิบัติได้เป็นอย่างดี

    ทั้งนี้เมื่อเราไปปฏิบัติในวัด หรือสถานปฏิบัติธรรม แน่นอนว่า สภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ นั้น ย่อมเหมาะสมแก่การปฏิบัติคือเงียบ และสงบ หรือ “สัปปายะ” ต่อเรานั้นเอง หรือแม้แต่บางครั้งก็มีกระแสกิเลส ที่ไม่มากและเอื้อต่อการปฏิบัติของเรากว่าที่บ้านหรือที่หอพักหรือที่ทำงาน

    เพื่อนที่ปฏิบัติเหมือนกัน ปฏิบัติแนวเดียวกันนี้เองจะช่วยให้เรามีคนที่คอยเกื้อกูลกันและแนะนำ ตลอดจนสอบถามแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับอารมณ์ของเรา ได้เป็นอย่างดี – ผมเชื่อว่าการที่ปฏิบัติแล้วมีเพื่อนๆ พี่น้องทางธรรมมาช่วยแนะนำและชี้แนะ จะทำให้เรารู้ความก้าวหน้าของตน และมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ เป็นแรงกระตุ้นให้เราปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง

    ทั้งในชีวิตประจำวันต่างๆ การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน คือการทำชีวิตให้เป็นปกติธรรมดา

    ธรรมะ คือ ธรรมดาของชีวิต คือ ธรรมชาติ และคือความเป็นสากล

    ความทุกข์ไม่ได้แบ่งแยก ศาสนา ความเชื่อ อายุ เพศ อาชีพ

    ความทุกข์คือสิ่งปรากฏอยู่ทั่วไป คือสากล ฉะนั้น ธรรมะที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ นั้นก็คือหลักสากล ที่ไม่ได้หมายถึงคนที่เป็นพุทธศาสนิกชนเท่านั้น คนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ก็สามารถเข้าถึงหนทางแห่งการพ้นทุกข์นี้ได้โดยไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นต้องนับถือศาสนาพุทธ หากแต่คนๆ ได้พบกับหนทางสายกลางแห่งการดำเนินชีวิตให้เท่าทันทุกข์ และพบสุขอย่างแท้จริง

    การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน คือ เช้า ค่ำ นั่งวิปัสสนา ครั้งละ 30 – 60 นาที แล้ว เวลาที่เหลือ ที่ต้องทำงานคือกำหนดตามดูลมหายใจ เป็นหลัก และ เวลากลางวัน ก็เดินจงกรม เวลาทำงาน นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ พิมพ์งาน อ่านหนังสือ ขับรถ กระพริบตา เคี้ยวอาหาร กลืนน้ำลาย ก็ตามรู้กายที่รู้สึก คือเมื่อรู้สึกที่ไหนของกายก็รู้ สักแต่เพียงรู้ รู้แล้วไม่ปรุงแต่ง วางใจเป็นกลาง มีอุเบกขา และมีสติเท่าทันความคิด ความรู้สึก อารมณ์ต่างๆ ไม่คิดว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากชอบเราก็จะมีความโลภเกิดขึ้น ถ้าไม่ชอบเราก็จะมีความโกรธ ยิ่งเป็นการเพาะเชื้อกิเลสขึ้นไปอีก ดังนั้น จึงดู สักแต่รู้ อย่างเดียว

    ทั้งนี้ คนที่ปฏิบัติวิปัสสนา ไม่ได้เป็นคนที่พิเศษไปกว่าคนอื่น หรือ ต้องมีอะไรที่วิเศษแตกต่างจากคนอื่นๆ หรือทำตัวสุดโต่ง ปรามาสคนอื่นว่า คุณไม่ปฏิบัติธรรมคุณดีไม่เท่าฉันหรอก หรือ ยึดติดกับตัวตนของตนเพิ่มขึ้น คนที่คิดเช่นนี้ไม่ใช่นักวิปัสสนา หรือนักปฏิบัติธรรมที่ดี เพราะยิ่งสร้างอุปาทานเกิดขึ้น สร้างความยึดมั่นถือมั่นเพิ่มขึ้น ทางตรงกันข้าม นักวิปัสสนาทั้งหลายควรจะมีเมตตา กรุณา ต่อผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงธรรมะ เพราะเขาอาจจะยังไม่ถึงเวลาธรรมะจัดสรรก็ได้ ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยได้คือการแผ่เมตตา แบ่งปันความสุข สงบ ที่ได้รับจากการปฏิบัติให้แก่คนที่ยังเข้าไม่ถึงธรรม เพื่อให้เขาได้พบกับธรรมอันประเสริฐเช่นตัวเรา...ขอให้เราเชื่อและศรัทธาในธรรมะของพระพุทธเจ้าและศรัทธาในตัวเราว่าเราทำได้...และลงมือทำ(ปฏิบัติธรรม)...ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา...สวัสดีครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณชานนคนไทย

    ดิฉันเองค่อนข้างตกใจที่ได้รู้ว่า บางคนยึดติดถึงขนาดที่คิดว่าตนเองได้แต่งงาน หรือกินอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสื่อได้ทั้งๆที่เป็นคนละภพ คนหนึ่งมีขันธ์ สิ่งที่สื่อได้ไม่มีขันธ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่บังควรคิดเป็นอย่างยิ่งทำให้รู้สึกสงสารและอยากเอาใจช่วยให้เขาได้สติโดยเร็ว ถ้ามีโอกาศก็ได้แผ่เมตตาให้เขาเพื่อไม่ให้ถลำลึกไปกว่านี้ เพราะเขาผู้นั้นจะติดอยู่ในวัฏฏสงสารเวียนตายเวียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ก้าวไปไหนก็ด้วยกิเลสที่ไม่อาจตัดได้ของตนเองนั้นแล

    อ้างถึงความเห็นที่ 143 ประกอบกันกับความเห็นที่ 210 จะเข้าใจค่ะ ของกระทู้ http://www.thaifilm.com/forumDetail.asp?topicID=4290&page=7&keyword

    และอ่านความเห็นที่ 8 , 10 และ 17 ใน http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=chaiyong2499&topic=32&page=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  17. KENZO

    KENZO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,146
    และแล้วความคิดผมที่ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเคยมาที่เมืองจีนก็เป็นจริงน่ะซิ...จากข้อมูลที่คุณทางสายธาตุนำมาโพสต์..:cool:
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วัดชุมพลนิกายาราม วัดงามในอยุธยา

    วัดชุมพลนิกายยาราม เป็นวัดที่ผู้คนมักผ่านไปมา แต่ไม่ค่อยได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม ทั้งที่มีบรรยากาศงดงามเนื่องจากอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
    [​IMG]
    พระอุโบสถวัดชุมพลนิกายาราม





    วัดชุมพลนิกายารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหารตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยาอยู่ใกล้พระราชวังบางปะอินนิดเดียว และติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ทัศนียภาพของวัดน่าชมมากทีเดียว

    ตามประวัติของวัดว่ากันว่าสร้างตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองราวพ.ศ.2175 ในที่ที่เชื่อกันว่าเป็นบ้านเดิมของพระราชชนนีของพระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งชื่อของวัด "ชุมพล" หรือ "ประชุมพล" ก็อาจเป็นสถานที่ที่ใช้ชุนนุมไพร่พลเพื่อการออกรบก็เป็นได้

    ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์วัดชุมพลฯ นี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่อย่างน้อยจำนวน 2 ครั้งคือในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5

    [​IMG]
    หน้าบันพระอุโบสถของวัดชุมพลฯ

    ภายในบริเวณวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าศึกษาหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นเจดีย์ทรงย่อมมุมไม้สิบสอง ที่เราค่อนข้างคุ้นชื่อแต่ไม่อาจไม่เคยเห็นจริงๆ ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ว่ากันว่าเจดีย์ที่วัดนี้เป็นต้นแบบของเจดีย์ทรงย่อมุมไม้สิบสอง

    [​IMG]
    เจดีย์ทรงย่อมมุมไม้สิบสอง เอกลักษณ์อีกประการหนึ่งของศิลปะสมัยอยุธยา

    ที่หน้าพระอุโบสถมีพระพุทธรูปประดิษฐานในกรอบซุ้มทรงพระมหาปราสาท ซึ่งระบุใต้ประติมากรรมว่าเป็นศรีอาริเมตไตร มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง เข้าใจว่าได้รับการสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4

    [​IMG]
    พระศรีอาริยเมตไตร

    ด้านในพระอุโบสถมีพระประธานเป็นพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ องค์กลางที่ใหญ่ที่สุดคือพระวิปัสสีพระพุทธเจ้า อีก 6 องค์ เป็นพระอดีตพุทธเจ้า นับเป็นคติการประดิษฐานพระประธานที่แปลกอยู่ไม่น้อย

    [​IMG]
    พระประธานทั้ง 7 องค์ บนฐานชุกชีในพระอุโบสถวัดชุมพลฯ
    ด้านหลังพระประธานองค์ใหญ่เป็นประติมากรรมภิกษุณี สังเกตได้จากการครองจีวรมิดชิด ซึ่งหาดูได้ยาก
    นอกจากนี้ยังมีงานจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติที่น่าสนใจอีกมาก ที่บานประตูยังมีงานเขียนเครื่องบูชาอย่างจีนที่งดงาม แทนที่ทวารบาลที่เป็นที่นิยมกันมาก่อนหน้า

    [​IMG]
    จิตรกรรมเครื่องบูชาอย่างจีนที่บานประตูพระอุโบสถ

    หากคุณมีเวลาลองแวะเข้าไปชมงานศิลปกรรมที่วัดนี้ดู รับรองได้คติแปลกๆ ที่ต่างไปจากวัดอื่นๆ อยู่มาก


    แหล่งที่มา leknuaon blog


    วัดชุมพลนิกายาราม นี้เป็นวัดที่คุณทางสายธาตุจะกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง ครับ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยาอยุธยา
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ภาพวัดชุมพลที่พี่จงรักภักดีนำมาลง ไม่รู้ทำไมวันนี้เห็นแล้วจึงร้องไห้ (เพิ่งกลับถึงบ้านค่ะ รถโดนชนท้ายเพราะฝนตก ถนนลื่น รอประกันเขียนใบเคลมเสร็จก็กลับบ้าน ตั้งใจว่าจะมาตอบเรื่องเพชรดำให้น้องอ๊อฟทาง PM แต่ได้อ่านความเห็นพี่จงรักภักดีเสียก่อน ร้องไห้เลย แงๆๆๆ)

    [​IMG]

    เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ทางทิศเหนือ หมายถึง พระราชบิดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองและเจ้าแม่วัดดุสิต อันหมายถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ทางทิศใต้ หมายถึง พระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองและเจ้าแม่วัดดุสิต อันหมายถึง พระนางมณีจันทร์(เจ้าขรัวมณีจันทร์)


    [​IMG]

    บัดนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมผ้าม่านจึงเป็นสีเขียว

    ขอพระองค์ท่านทั้ง 4 พระองค์ทรงพระเกษมสำราญอยู่บนสวรรค์ ทรงพระญาณบารมีสูงส่งยิ่งๆขึ้นไป
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้

    ยินดีที่เข้ามาพูดคุยกันค่ะ ทางสายธาตุยังเจอข้อมูลอีกอันหนึ่งที่คล้ายๆจะพูดถึงพระนางมณีรัตนา แต่ยังไม่แน่ใจจึงไม่เขียนรอให้แน่ใจก่อนค่ะ แล้วเข้ามาคุยกันใหม่นะคะ

    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรักแผ่นดินและราษฎรของพระองค์ท่านมาก ทรงมานะอุตสาหะหาวิถีทางที่จะช่วยแผ่นดินและราษฎรที่รักยิ่งของพระองค์ท่านอย่างสุดพระกำลัง เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...