ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

กีฬาโบราณ

 

พุทธมหายานเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพระมหากัสสปเผยแผ่ธรรม โดยที่ท่านเองก็ไม่ทราบว่าอะไรคือนิกาย ท่านเพียงแต่อยากถ่ายทอดธรรมให้ผู้ประพฤติธรรมเข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรม ไม่ใช่ไปมุ่งสนใจที่เปลือกนอก คาดว่า ท่านเองเห็นสภาวะธรรมของแต่ะคนจึงแนะนำได้ตรงจุด (เหมือนพระพุทธเจ้าเคยทรงแสดงธรรมเฉพาะบุคคลเพื่อให้บุคคลนั้นสว่างวาบ enlightenment ทันที) ภายหลัง ไป ๆ มา ๆ ก็เลยเป็นต้นกำเนิดของนิกาย Zen แต่ทุกนิกายก็มุ่งหวังที่พระนิพพานที่เดียวกันทั้งนั้น เพียงแต่นิกายเซนใช้เส้นทางการปฏิบัติตามพระมหากัสสปเคยแนะนำไว้ซึ่ง เมื่อก่อนการออกเผยแผ่ธรรมก็ต้องบอกวิธีการและเทคนิคที่ท่านแต่ละท่านเคยใช้ได้ผลในการบรรลุธรรม จึงกลายเป็นคนละนิกาย

การย่นย่อระยะทางที่พูดในทางศาสนา ดิฉันก็เคยมีบุญตาได้เห็น พระอาจารย์สิงห์ทน เมื่อครั้งที่ท่านจำวัดที่วัดวรเชต (นอกเกาะ) ตอนนั้นเป็นตอนเช้าหลังจากไปถือบวชสวดมนต์อยู่ที่อุโบสถร้าง ข้างพระเจดีย์ประธาน ดิฉันมานั่งแถวครัวริมคลองเล็กๆหลังกุฏิพระจารย์จึงเห็นพระอาจารย์เดินอยู่อีกฝั่งของคลองเล็กๆหลังกุฎิห่างออกไป จากริมฝั่งระยะเดินสัก 100 ก้าว ตอนนั้นพอดีของในมือดิฉันตก พอตกปุ๊บ ดิฉันก้มเก็บแล้วเงยหน้าขึ้นปั๊บ พระอาจารย์เดินถึงสะพานข้ามคลองเล็กๆหลังกุฏิแล้ว ปุ๊บปั๊บเดินได้ระยะ 100 ก้าว ได้ยังไง? พุทธศาสนาของเรามีเรื่องมหัศจรรย์อีกมาก เดินตามรอยพระศาสดานั้นประเสริฐมากที่สุดในสามโลก

 

พระเจ้าอโศกมหาราช เรียก "แคว้นคันธาระ" ว่า "แคว้นโยนก" จาก "แคว้นโยนก" ไปต่อที่ "แคว้นน่านเจ้า" ใช่ไหมคะ

 

ศึกที่ สอง โดยมังสามเกียด ยกทัพกลับ เดือน 9 ปี 2530
ศึกที่ สาม พระเจ้านันทบุเรงยกทัพออกจากหงสา เดือน 8 ปี 2530 ยกทัพสวนกับทัพมังสามเกียดที่เดินทางกลับหงสา มังสามเกียดคงได้รับคำสั่งให้กลับไปเฝ้าหงสา จึงไม่ได้เข้าร่วมศึกนันทบุเรง

อยุธยารับศึกหงสาต่อเนื่องมาตั้งแต่ กลางปี 2529 ไปจบเกือบปลายปี 2531 (รับศึกมังสามเกียดครั้งที่ 2 และรับศึกนันทบุเรง) รับศึกต่อเนื่อง 2 ปีเศษ ถือว่าแกร่งมาก

ใครบอกว่าตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 อยุธยารับศึกนานที่สุดได้ถึง 15 เดือน ถือว่า ผิดแล้วค่ะ อยุธยารับศึกนานสุดสมัยสมเด็จพระนเรศวร ไม่ต่ำกว่า 24 เดือน พระบรมเดชานุภาพ อันมิอาจบดบังได้

พอดีหลวงตาม้าจะหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวันที่ 18 ม.ค. ศกนี้ค่ะ ร่วมอนุโมทนากับหลวงตาม้ากันค่ะ

 

ป้อมนายก่าย ชุมชนนายก่ายมีบทบาทช่วยกรุงศรีครั้งแรกในปี 2117 มีการยิงปืนใหญ่ใส่ทัพละแวก

ปีที่พระนเรศไปจีน คือ พ.ศ.2116 แล้วท่านจางให้ลูกชายสองคนตามพระนเรศมากรุงศรี คาดว่าคงเริ่มต้นการสร้างป้อมปราการบางส่วนและการขุดคูก็คงเริ่มต้นตั้งแต่แรกที่มาถึงสยาม

 

พระนเรศลงมาจาพิษณุโลก มาอยู่วังใหม่คือวังจันทร์ อโยธยาที่เพิ่งสร้างเสร็จ ในปี 2122 มาเจอสายลับละแวกคือ พระยาจีนจันตุ ที่ทำทีมาขอลี้ภัยในกรุงศรี

ยังขอไม่เรียกว่าวังจันทร์เกษม เพราะตอนนั้นคงชื่อวังจันทน์ อโยธยา มากกว่า หน้าสิ่วหน้าขวานศึกประชิดเมือง คงตั้งชื่อวังแบบธรรมดามากกว่าค่ะ

 

ปี 2124 เกิดกบฎ ญาณเสน ฆ่าพระยาจักรีตาย แล้วกำลังจะไปตีเมืองลพบุรี โดนคนที่ชื่ออมรวดี ยิงด้วยปืนนกสับตาย จึงสงบกบฎได้

แต่อีกทางหนึ่ง พระยาละแวก แอบมาตีเมืองเพชรบุรีแตก เพราะเห็นสยามติดศึกกบฎ เจ้าเมืองเพชรบุรีและพระยาที่ไปช่วย2 คนตายหมด

บ้านเมืองอยู่ในจุดเสี่ยง

 

ปี 2125 ละแวกมาปล้นอีก พระชัยบุรี พระศรีถมอรัตน์ต้านทานไว้ได้ ฝีมือการรบของไทยเริ่มดีขึ้น จบศึกนี้พระนเรศกลับไปประทับที่พิษณุโลก ปีถัดไปคือปี 2126 พระนาง มาถึงสยาม)พระนเรศไม่ได้ลงมากรุงศรีทันที แต่ลงมาตอนได้เวลาจะยกทัพไปช่วยหงสาตีอังวะตามคำสั่งนันทบุเรง พระองค์ตั้งใจจะไปเลื่อนการแต่งงาน แต่พอแอบไปเห็นพระนาง จึงเปลี่ยนพระทัย จากทีแรกทรงจะไปเลื่อนกลายเป็นว่าทรงไปเร่งการส่งตัวเพราะมีเวลาเหลือแค่วันเดียวก่อนจะไปศึกอังวะ ภายหลังคือเป็นการไปประกาศอิสรภาพ ทำให้การแต่งงาน พิธีการต้องรวบลัด ฉุกละหุกเกินไป พระนางจึงไม่ยอมขึ้นเกี้ยวแต่กลับแอบล่องเรือหนีไปนอนที่ตำหนักบ้านเลน

ยังไม่พบว่าพระองค์ทำยุทธหัตถีกับใครในขณะที่ยังทรงเป็นพระเจ้าฝ่ายหน้า

ป.ล. แสดงว่า มีการนำปืนนกสับเข้ามาบางส่วนตั้งแต่ปี 2124 ที่ใช้ยิงกบฎญานเสนตาย

 

พระมหาธรรมราชาเรียกบ้านนายก่ายว่า หอราชคฤห์ บ้านมีคลองขุดล้อมรอบเป็นเกาะ(เกาะแก้ว) พระมหาธรรมราชาเปรียบนายก่ายเป็นคนจากแคว้นราชคฤห์

ปี 2118 ละแวกจะเข้าปล้นบ้านนายก่าย คงเห็นว่ามีทรัพย์มาก ตอนนั้นพระมหาธรรมราชากำลังประชุมทัพอยู่ที่หอราชคฤห์

ป.ล. หรือว่า แคว้นน่านเจ้า ถูกเรียกว่ากรุงราชคฤกษ์ ในสมัยพุทธกาล

ป.ล. 2. ภูเขา 5 ลูกสำคัญที่ล้อมกรุงราชคฤห์ คล้ายภูเขา 5 ลูกในเมืองจีน และพระมหากัสสปะเผยแผ่ธรรมเข้าไปในจีนจนกลายเป็นนิกายเซ็น นับถือสืบต่อกันทั้งที่ญี่ปุ่นและเกาหลี ท่านเว่ยหลางสืบทอดจีวรของพระพุทธเจ้าที่แลกกับพระมหากัสสปะโดยท่านเว่ยหลางเป็นสังฆราชลำดับ 6 ต่อจากพระมหากัสสปะ เผยแพร่ธรรมต่อโดยลงมาทางตอนใต้ของจีน เป็นฐานความเชื่อของดิฉันเอง คงยังยืนยันไม่ได้ แค่รูปการของเมืองจีนกับการเผยแพร่ธรรมของพระมหากัสสปะ ทำให้ลึกๆคิดว่าใช่กรุงราชคฤห์ ดังนั้น คงพูดต่อไม่ได้ จึงพูดได้ไกลถึงแค่น่านเจ้า ค่ะ

 

การเสียกรุงครั้งที่ 2 ทำให้คนไทยเชื่อมประวัติศาสตร์ได้น้อยลงมาก ๆ

 

ตำนานการเกิดขึ้นของธนู

คนจีนบอกลูกคนที่ 5 ของหัวหน้าเผ่าอี๋ เป็นคนคิด เป็นต้นตระกูลแซ่จาง

คนอินเดียเขียนไว้เป็นตำนานเทพ

ที่จริงเป็นเจ้าชายจากดินแดนแคว้นราชคฤห์ (ตอนโน้นจะชื่อดินแดนอะไรก็แล้วแต่) คิดค้นขึ้น ภายหลังเจ้าชายองค์นี้ไปยอมรับอำนาจจากจีนยอมรับการใช้แซ่ จาง หรือบางที ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการคิดค้นธนูขึ้นได้ก่อนนานแล้ว แต่มามีชื่อเสียงเพราะเจ้าชายชนเผ่าอี๋ซึ่งเป็นบรรพชนของคนที่อยู่ถิ่นน่านเจ้านี้(ดินแดนจะชื่ออะไรก็แล้วแต่ยุคสมัย)

คนราชคฤห์ ไม่ใช่คนจีน ไม่ใช่คนฮั่น ไม่ใช่อินเดีย ไม่ใช่คนกรีกโบราณ (ลูกหลานพระเจ้ามิรินทร์) เป็นลูกผสม คิดค้นธนูขึ้น ตามความเชื่อแบบพราหมณ์ วงศ์นี้คือเจ้า สุริยบุตร หรือที่ภายหลังกษัตริย์ในอยุธยาและอาณาจักรเครือญาติเรียกราชวงศ์ตนเองว่า "สุริยวงศ์"

พระองค์ไล จึงได้รับพระราชทานชื่อ "พระสุริยกุมาร" ส่วนชื่อที่พระนางมณีจันทร์ทรงตั้งให้พระโอรสคือ ยูไล

https://th.m.wikipedia.org/wiki/กรรณะ_สุริยบุตร

 

หอราชคฤห์ คือบ้านท่านจาง หรือบ้านนายก่าย นั่นเอง

ตั้งชื่อว่า หอ คล้าย หอหลวงของเจ้าล้านนา ล้านช้าง และเชื้อเจ้าของพระนางนับจากทางสายท่านพ่อที่มีเชื้อสายเจ้าจากน่านเจ้า ไม่ได้ใช้เชื้อเจ้าของเจ้าหญิงมองโกลซึ่งเป็นท่านแม่ของพระนาง ในการแต่งงานครั้งนั้น



ตรงนี้เข้าเค้ามีโอกาศเป็น หอราชคฤห์ คืออยู่หลังย่านร้านค้า ออกจากบ้านต้องเลี้ยวขวาไป จึงจะถึงย่านร้านค้า บ้านนี้ต้องมีท่าน้ำส่วนต้วที่อยู่คลองอีกด้านหนึ่ง ไม่มีบ้านคนอื่นอยู่ใกล้ ตึกปูนสองชั้น (ชั้นล่างไว้เก็บดินปืนและอาวุธ)

ป.ล. แผนที่สมัยพระนารายณ์ ซึ่งอาจจะมีการสร้างสถูปเจดีย์เพิ่มเติมเข้าไป
ป.ล.2 แผนที่ผิดสัดส่วน ดูแล้วยังไม่น่าจะใช่ จะหาใหม่ค่ะ

 

ความรู้ด้านภาษาจีนของพระนารายณ์มหาราช (หลานของสมเด็จพระนเรศ) สามารถเห็นได้ผ่านทางการตั้งชื่อหอพระเจ้าเมี่ยวเฮ่า หอพระเจ้าเหา

 

แผนที่กรุงศรีอยุธยาโดยยาข็อบ ฟาน เดอ ชลาย (Jacob van der Schley) นักเขียนแผนที่ชาวฮอลันดา รวมอยู่ในหนังสือ Historiscbe Bescbryving de Reizen พิมพ์ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2298 ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ แผนที่อาศัยต้นแบบจาก Plan de la Ville de Siam ,โดย ฌาคส์ นิโกลาส์ เบเล็ง (เอื้อเฟื้อภาพโดย อาจารย์พีรศรี โพวาทอง)
เครดิต: หนังสือกรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง เขียนโดย คุณธวัชชัย ตั้งศิริวานิช

ส่วนที่ Q ตัวล่าง คาดว่าน่าจะใช่ส่วนที่พระมหาธรรมราชาเรียกว่า "เกาะแก้ว" เป็นที่ตั้งของ"หอราชคฤห์" และป้อมที่กรมศิลป เรียกว่า ป้อมหอราชคฤห์ อาจจะถูกต้อง แต่ถ้าเรียกว่าป้อมนายก่ายจะถูกต้องมากขึ้นก็เป็นได้

อาจจะต้องดูแผนที่พระยาโบราณราชธานินทร์ประกอบ ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าค่ะ

 

หลังจากดูแผนที่พระยาโบราณราชธานินทร์นะคะ ถ้าคลองนี้เป็นคลองขุดโบราณ (ขุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2117) ที่นี่ก็คือ เกาะแก้ว และที่ตั้งของวัดสุวรรณดารารามก็คือ ที่ตั้งเดียวกับ หอราชคฤห์ ค่ะ (คุณหยก หรือคุณดาวเรือง ภริยาของคุณทองดี อาจจะเป็นลูกหลานชั้นหลังของพี่ชายพระนางคนใดคนหนึ่งในสองคนค่ะ) หน้าบ้านของหอราชคฤห์หันลงทิศใต้ค่ะ ท่าน้ำส่วนตัวของบ้านหลังนี้คือท่าที่พระนางนั่งเรือหนีไปตำหนักบ้านเลนเพื่อปฎิเสธการขึ้นเกี้ยวไปวังจันทน์ อโยธยา

หาจนเจอค่ะ ครอบครัวบ้านของคุณหยกนี้เป็นญาติเกี่ยวดองกันไปดองกันมากับทายาทของสมเด็จพระนเรศ



https://youtube.com/shorts/sLATk-mWdZ8?si=y0vTEo1AQLhBJyFj

ป.ล. พี่ชายทั้งสองอาจเปลี่ยนแซ่เพื่อหลบการไล่ล่าของจักรพรรดิเสินจง(ว่านลี่) แต่แซ่จริงๆของพวกเขาคือ แซ่จาง และเป็นคนปักกิ่ง บ้านเดิมของบิดาอยู่ที่มณฑลหูเป่ย ไม่ใช่คนฮกเกี้ยนค่ะ

 

ป.ล. ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีการบันทึก เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของคนในอดีต ตามที่เล่าว่าทั้งสองพระองค์(สมเด็จพระนเรศและพระนางมณีจันทร์) มักจะทำสัญญลักษณ์เป็นสื่อถึงความรักให้กันเสมอ

พอดีสังเกตที่บริเวณเกาะแก้ว ฝรั่งเขียนไว้ว่า Quartier ChampiTree ถ้าแปลว่าเป็นส่วนที่ปลูกต้นจำปี ก็คือส่วนบริเวณหอราชคฤห์นี้ปลูกต้นจำปีทั่วไปหมด จำปีคือดอกไม้แห่งความรักที่คนโบราณใช้บอกรัก สมเด็จพระนเรศทรงโรแมนติกไม่มากก็น้อย (เดาจากรูปที่มีการปลูกจำปีมากหลายต้นค่ะ)



ตอนโน้นยังมีกำแพงเมือง เส้นทางที่จะออกจากกรุงศรี มีจำกัด จะไม่เหมือนแผนที่ของพระยาโบราณราชธานินทร์เสียทีเดียว เพราะด้านตะวันออกไม่มีประตูให้เรือออกได้

 

ริมฝีปากของเจ้า สายราชตระกูล สุริยวงศ์ จะคล้าย ๆ กัน หลายพระองค์




Golden Boy พระเจ้าชัยวรมันที่6 ก็ทรงมีริมฝีปากแบบเดียวกัน

 

เพจนี้จะเรียก บางปะอิน ว่า ตำหนักบ้านเลน นะคะ ไม่ขอใช้คำว่า บางปะอิน นะคะ ประวัติบางปะอินเป็นประวัติที่ผิดพลาดมากเกินไป

นั่นคือ จับเอาคนทำรัฐประหารกับคนถูกทำรัฐประหารมาผูกเรื่องเข้าด้วยกัน และคนทำรัฐประหารยังทำร้ายลูกชายพระนางจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เดชะบุญที่พระองค์ไลดวงแข็ง แต่ร่างกายก็มีแผลเป็นทั่วไปหมด จะถอดเสื้อแบบพระมหากษัตริย์สมัยนั้นชอบทำไม่ได้เลยตลอดชีวิต

ถ้าทางการกลับมาใช้ว่า เกาะอออิน เมื่อไหร่ก็จะกลับมาใช้ตามค่ะ

 

โป๊ะเช๊ะเรื่องพระพุทธศาสนาเข้าถึงบรรพบุรุษของคนน่านเจ้าทางไหน ก็คือพื้นที่ที่ราบสูงชิงไห่ จะมีแคว้นชื่อแคว้นอินเดีย มีเมือง"ลาดัก"อยู่ในแคว้นนี้ คนในเมืองลาดักยังนับถือพุทธศาสนาเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้ และบรรพบุรุษของคนน่านเจ้าอยู่แถวๆนี้ซึ่งใกล้เทือกเขาหิมาลัย ใกล้ซัมบาลาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย

...
ที่ราบสูงทิเบต (อังกฤษ: Tibetan Plateau; ทิเบต: བོད་ས་མཐོ།, ไวลี: bod sa mtho) มีอีกชื่อว่า ที่ราบสูงชิงไห่–ทิเบต[1] ที่ราบสูงชิง–ซ่าง[2] (จีน: 青藏高原; พินอิน: Qīng–Zàng Gāoyuán) หรือในประเทศอินเดียว่า ที่ราบสูงหิมาลัย[3][4] เป็นที่ราบสูงกว้างใหญ่ในเอเชียกลาง[5][6][7][8] และเอเชียตะวันออก[9][10][11][12] ในจีนตะวันตกกินพื้นที่เขตปกครองตนเองทิเบตส่วนใหญ่ มณฑลชิงไห่ส่วนใหญ่ มณฑลยูนนานตะวันตกเฉียงเหนือ มณฑลเสฉวนฝั่งตะวันตก และมณฑลกานซู่ตอนใต้ ส่วนแคว้นอินเดียกินพื้นที่ในลาดักกับLahaul และ Spiti (หิมาจัลประเทศ) และประเทศภูฏาน ที่ราบสูงนี้กินพื้นที่จากเหนือลงใต้ประมาณ 1,000 กิโลเมตร (620 ไมล์) และจากตะวันออกไปตะวันตก 2,500 กิโลเมตร (1,600 ไมล์) ด้วยพื้นที่ 2,500,000 ตารางกิโลเมตร (970,000 ตารางไมล์) ทำให้เป็นที่ราบสูงที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลกที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล (ประมาณห้าเท่าของประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่)[13] ซึ่งด้วยความสูงเฉลี่ยมากกว่า 4,500 เมตร (14,800 ฟุต) และล้อมรอบด้วยเทือกเขาที่มียอดเขาสองแห่งคือยอดเขาเอเวอเรสต์และเค2 ทำให้ที่ราบสูงทิเบตมักถูกเรียกเป็น "หลังคาโลก"

ที่ราบสูงทิเบต
青藏高原 (Qīng–Zàng Gāoyuán, ที่ราบสูงชิงไห่–ทิเบต)

 

บรรพบุรุษของคนน่านเจ้ามีดินแดนอยู่ติดกับเนปาล ภูฎาน บรรพบุรุษของคนน่านเจ้าเป็นคนที่รับพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วก็เป็นได้

ทางการจีนบอกว่าพวกชนเผ่าอี๋อาศัยอยู่บนที่ราบสูงทิเบต อินเดียเรียกที่ราบสูงหิมาลัย มาตั้งเกือบ 9000 ปีแล้ว (ชนเผ่าอี๋เป็นชื่อที่ทางการจีนเรียกกลุ่มชนเผ่าที่เป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรน่านเจ้า)