ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

https://www.youtube.com/live/tDcncJWfKfI?si=gcrZdayQ9_j8wr9B

ประกาศพระเกียรติเกริกไกร

 

ยาวาสนา (จินดามณี)

ต้นตำรับหลวงปู่ใหญ่ วัดป่าแก้ว สมเด็จพระพนรัตน์ หรือหลวงปู่มหาเถรคันฉ่อง ต้นตำรับยาวาสนาจินดามณี หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยกล่าวไว้ว่า ครูบาอาจารย์ตามสายยาวาสนาจินดามณีนี้ ท่านปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ (ตามความเชื่อของคนที่ศรัทธาและสัมผัสได้)ได้มีส่วนทำการอนุเคราะห์สงเคราะห์อย่างเต็มกำลังในพิธีด้วย ท่านปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ยังเมตตาบอกว่า "ยาชุดนี้น่าจะถึงในวังด้วย"

อย่างที่เคยบอกว่า พระนางมณีจันทร์ได้รับพระราชทานยาจากสมเด็จพระนเรศ เพื่อแก้อาการวิงเวียนเป็นลม (พระนางเป็นลมบ่อยเนื่องจากเปลี่ยนอากาศหนึ่ง ไม่คุ้นเคยอากาศหนึ่ง) คาดว่าจะได้รับยาวาสนาจินดามณีที่ปรุงโดยพระมหาเถรคันฉ่องขนานที่ว่านี้ พระนางทรงไว้ดมและใช้บำรุงครรภ์ตอนที่ทรงพระครรภ์

ประวัติพระมหาเถรคันฉ่องโดยย่อ

ในหนังสือ ตำรากรรมฐานแบบมัชฌิมาวัดราชสิทธาราม วัดพลับ ธนบุรี ระบุว่า สมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้วก็คือ พระมหาเถรคันฉ่อง พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยอดนักรบ โดยเนื้อหายืนยันว่า

“ในกาลต่อมาเมื่อทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา(พระมหาธรรมราชา) สมเด็จพระพนรัต"เดิมเรียก พระพนรัตสังฆราชา" พระองค์ที่ 12 แห่งกรุงศรีอยุธยาถึงกาลสิ้นพระชนม์ลง สมเด็จพระนเรศวรฯจึงเห็นสมควรให้สถาปนา สมเด็จพระอริยวงศาญาณ " พระมหาเถระคันฉ่อง " ซึ่งทรงเชี่ยวชาญในทางวิปัสสนาธุระ ให้ขึ้นรั้งในฐานะ พระพนรัตสังฆราชา สืบต่อเป็นองค์ที่ 13 แห่งกรุงศรีอยุธยา

พระมหาเถรคันฉ่องท่านเป็นพระภิกษุชาวมอญลูกครึ่งจีน พูดได้ 5 ภาษา เกิดในรัชสมัยพระเจ้าสิริชัยสุระ(พระเจ้าเมงจีโย)ร่ำเรียนวิชาวิทยาคมจนช่ำชอง ต่อมาถูกเกณฑ์เป็นทหารในสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ก่อนจะอุปสมบทในสมัยพระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดีและต่อมาพระมหาเณรคันฉ่องได้ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอพยพมากรุงศรีอยุธยาด้วย ซึ่งพระองค์โปรดให้ครองวัดมหาธาตุในช่วงแรก เมื่อสถาปนาขึ้นเป็นพระสังฆราชแล้วจึงโปรดให้มาครองวัดป่าแก้ว ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มากด้วยบารมีธรรมและสรรพวิชาพุทธาคม

ข้อสังเกตว่า ลูกครึ่งจีนมีบทบาทค่อนข้างมากตั้งแต่สมัยอยุธยา

 

สมเด็จพระนเรศไม่เคยกลับบ้านในสภาพที่บาดเจ็บเลย พระองค์จะทรงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสมอ ไม่ทราบว่าผู้อื่นจะสัมผัสได้เป็นอย่างไร ดิฉันเข้าใจว่าแม้จะทรงได้รับบาดเจ็บก็จะไม่แสดงออกให้ใครเป็นห่วง จะทรงเป็นผู้นำที่พร้อมจะให้พึ่งพิงเสมอ พระองค์ท่านเข้มแข็งมาก

สมัยเดียวกับพระองค์จะมีนักรบที่โหดเหี้ยมอย่างฮิเดโยชิ ที่ทำตัวเป็นโจรสลัดที่มีนิสัยโหดร้ายและคอยดักปล้นเรือสินค้า ถ้าหากพระองค์ท่านไม่โหดเท่าหรือโหดกว่าศัตรู และถ้าไม่เด็ดขาดเท่าหรือเด็ดขาดกว่าศัตรู พระองค์ท่านจะทรงกู้เอกราชไม่ได้ ทรงยืนอยู่บนจุดที่หาผู้ที่จะยืนได้เสมอเหมือนยาก กษัตริย์ยุคหลังจากพระองค์ยังเข้มแข็งไม่เท่าพระองค์เลย บางครั้งท่านอาจจะเป็นเทพมาจุติจริงๆก็ได้เพราะทรงทำสิ่งที่ยากเกินกว่าคนทั่วไปจะทำได้แต่ทรงทำได้

อาคมของท่านก็ค่อนข้างเข้มขลัง พิสูจน์ได้จากวัดชุมพลนิกายาราม พระพุทธรูปเยอะมาก และกระเบื้องเคลือบเยอะมาก พร้อมสิ่งปลูกสร้างและเรือนต่าง ๆ บนเกาะนั้น ไม่ได้ถูกทำลายจากการเสียกรุงครั้งที่ 2 ทุกอย่างบนเกาะทรุดโทรมไปเองเพราะร้างผู้คน ท่านมักจะใช้คาถากำกับทุกอย่าง (คาดว่าคงใช้คาถากำกับการมองเห็นเกาะนี้ไว้ด้วย ตามวิถีคนโบราณที่ห่วงบ้านห่วงครอบครัวก็มักจะลงคาถากำบังกายไว้โดยเอาต้นโพธิ์ 3 ต้น เป็นหมุดหมายในการสถิตพระคาถาเพื่อคุ้มครองสถานที่และบุคคลในสถานที่)

สอบถามท่านนายทหารอากาศที่เปิดเพจพระนางพญาวัดบ่อทองคำตั้งแต่ปี 2554 ท่านก็ได้กรุณาบอกว่า ที่บริเวณวัดบ่อทองคำ มีต้นโพธิ์ 3 ต้น เช่นกัน ที่นั่นคงมีการปลูกที่ประทับชั่วคราวอยู่ในระหว่างต้นโพธิ์ทั้ง 3 ต้น

พระองค์ทรงเข้มแข็งมากจนน่าเป็นห่วง เพราะว่าจะมีใครบนโลกนี้ที่มีเลือดเนื้อแล้วจะไม่เคยเจ็บ แต่พระองค์ก็ทรงไม่ให้คนรอบกายต้องร้อนใจเพราะพระองค์ คาดคั้นอย่างไรท่านก็ยังคงยืนยันว่าไม่เป็นไร ทรงแบกภาระไว้ทั้งแผ่นดินเหมือนทรงเป็นแม่ธรณีก็ไม่ปาน

ไม่ได้อวยพระองค์แต่ประการใด ทรงเป็นมหาบุรุษแบบพิเศษ ท่านจางก็มีบุคคลิกแบบนี้ เพียงแต่ท่านจางยังแพ้ตรงที่ท่านจางไม่ใช่นักรบเต็มตัวอย่างพระนเรศ ท่านจางเด่นตรงที่ท่านอัจฉริยะด้านหนังสือและคมความคิดที่แยบคาย

 

ไม่แน่ชัดว่า พระศรีสุธรรมราชา ที่พระเจ้าปราสาททองรับเป็นน้องจะเป็นใคร แต่ถ้าตามความเป็นไปได้ ต้องเป็นโอรสของสมเด็จพระนเรศด้วยแน่นอน ไม่เช่นนั้น พระองค์ไลคงไม่นับเป็นน้อง (พ่อเดียวกัน)

มีความเป็นไปได้สูงที่ พระศรีสุธรรมราชา จะเป็นลูกของพระเอกกษัตรีย์ (ครอบครัวยอมมาเป็นเชลยที่กรุงศรี และคิดว่าแม่ของพระนางเอกกษัตรีย์คงจะเป็นเจ้าหญิงสยาม) ระบบการตั้งชื่อของพระเอกกษัตรีย์ คล้ายกับทางสายสุพรรณภูมิตั้งชื่อ เช่น พระเทพกษัตรีย์ ดังนั้นพระเอกกษัตรีย์ก็ทรงเป็นญาติกับสมเด็จพระนเรศ และพระเอกกษัตรีย์ได้มาเป็นมเหสีพระเนรศในปี 2138 ถ้าวันที่ถูกรัฐประหารพร้อมกันกับพระองค์ไล ก็จะเป็นปี 2148 อายุจะสักประมาณได้ 10 ปี พระองค์ไลราว 18 ปี ห่างกัน 8 ปี ถือว่าโตทันกัน

ปีที่พระองค์ไลขึ้นครองราชย์ คือ 2173 พระองค์ไลพระชนม์ 43 พรรษา พระศรีสุธรรมราชาพระชนม์ 36 พรรษา ขึ้นเป็นอุปราช สมเด็จเจ้าฟ้าไชยพระชนม์ 10 พรรษา (ลูกของพระเจ้าปราสาททอง)

คาดว่าพระศรีสุธรรมราชาคงไม่ได้เรียนภาษาจีน ตามที่พระนางมณีจันทร์รับสั่งให้ญาติสายตรงต้องเรียน และคิดว่าสมเด็จเจ้าฟ้าไชยจนถึงสมเด็จพระนารายณ์ และลูกๆของพี่ชายของพระนาง ทุกคนคงต้องเรียนภาษาจีนเพิ่มอีกภาษาหนึ่ง เรื่องการเรียนภาษานี้ถือเป็นพระบัญชาจากพระนางที่มีผลต่อญาติสายตรงทุกคน เพื่อให้ทุกคนสามารถหาความรู้จากตำราโบราณจีนที่ท่านจางนำติดตัวมาสยามด้วย

 

เชื้อสายเจ้าจากกรุงราชคฤห์ รูปร่างสูงใหญ่แบบแขกขาว หล่อ จีนเขาถึงบอกว่า เจ้าที่มีสนม 800 คงเพราะหล่อและหุ่นดี

ดูการแสดงจากเชียงรายเกี่ยวกับเมืองโยนกนาคนคร เห็นคนเล่นแล้วก็นึกได้ว่า หนังไทยขาดอย่างหนึ่งคือ ปัจจุบัน คนไทยไม่สูง บึก เท่าคนในอดีต

สมเด็จพระนเรศทรงสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร แต่ก็ไม่ได้กว่ามาก อยู่ราว ๆ 2 เมตร นั้น

วันก่อนรับพระจากวัดบ่อทองคำมา ตกใจค่ะ ทำไมองค์ใหญ่กว่าที่คาดไว้ ทำให้นึกได้ว่า ตัวเราเตี้ยๆรับพระเครื่องโบราณมาดูก็คิดว่าองค์ใหญ่ คนโบราณเขาตัวสูงใหญ่ พระเครื่องก็ขนาดพอดีสรีระคนโบราณค่ะ ขำสรีระที่หดเล็กลงของชนชาติเรา เชื้อชาติจีนผสมเกินครึ่งเชื้อแขกเชื้ออาหรับในตัวโดนบดบังไปค่ะ

เช่นคนทิเบตแบบองค์กรรมาปะ องค์ปัจจุบัน เป็นองค์ที่ 17 ท่านสูง 190 ซม เห็นจะได้ คนทิเบตยังดำรงเผ่าพันธุ์คนตัวสูงใหญ่ไว้ได้

 

สมเด็จทรงเสื้อฉูดฉาดเมื่อจะต้องทรงพลางตัว ทรงเสื้อทหารชุดสีแดงตอนที่ขี่ม้ามาจากแนวรับศึกที่ทุ่งแถวบางปะหัน เพื่อมาลุ้นวันที่พระนางจะคลอดลูกคนแรก ถ้าพระนางไม่รอดจากการคลอด ชะตาบ้านเมืองอาจจะพลิกผันได้ เพราะพระนางเป็นแกนกลางของความร่วมมือระหว่างราชสำนัก และกลุ่มอำนาจของท่านจาง วันที่พระนางกำลังจะคลอด ทรงมาถึงวังจันทน์อโยธยาตอนพระนางใกล้คลอด ทรงเครียด ทรงห่วงหลายเรื่อง รวมถึงการศึกติดพันอยู่ทางเหนือพระนครด้วย ทรงจุดบุหรี่สูบแป๊ปเดียวทิ้ง อีกเดี๋ยวเอาบุหรี่มวนใหม่มาต่อไฟจากพระยาอีกสองคนที่ปลอมตัวขี่ม้ามาด้วยเพื่อถวายอารักขา. สูบทิ้งสูบขว้าง ซากบุหรี่เป็นกอง 20-30 ก้นบุหรี่ กลิ่นกายพระองค์ท่านส่วนใหญ่เป็นกลิ่นบุหรี่ จักรพรรดิจีนสูบฝิ่น กษัตริย์สยามสูบบุหรี่ พระนเรศสูบบุหรี่ยามเครียด แต่จะเสวยน้ำจันทร์ยามสบายใจ กลิ่นบุหรี่โบราณนั้นกลิ่นฉุนมากทีเดียว

ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่าติดบุหรี่ดีกว่าติดฝิ่น

ตอนทรงปลอมตัวเป็นตำรวจวังก็ทรงเอาชุดตำรวจวังมาใส่ เดินในพระนครโดยเฉพาะ ถนน นายก่ายบาร์ซาร์ (ตลาดปสานย่านคลองนายก่าย) ทรงเดินปะปนไปกับตำรวจวังเพื่อต่รวจความเรียบร้อยของพระนคร

ทรงเคยอยากทราบว่าพระนางเดินซื้อข้าวของที่ย่านนายก่ายยังไง โดยทรงปลอมเป็นตำรวจวังยศเล็กๆ ส่วนพระนางกับพระธิดาพระโอรสใส่เสื้อผ้าแบบผู้มีอันจะกิน พระนเรศทรงปลอมตัวเดินที่ย่านนายก่ายแบบทหารติดตาม(bodyguard)เพื่อจะเข้าไปในร้านค้าได้ พวกตำรวจตรวจพระนครจะตรวจได้เฉพาะนอกร้านและที่สาธารณะโดยห้ามเข้าไปในร้าน เพราะร้านเหล่านี้เป็นของชาวต่างประเทศทั้งนั้น ถือว่าร้านค้าเหล่านี้ได้รับความคุ้มครองทางการทูตของประเทศที่มาเจริญสัมพันธ์กัน และแต่ละร้านมีอำนาจการค้าของตนคุ้มครอง ร้านค้าเกือบเหมือนเป็นสถานทูตย่อย ๆ และทรงใช้วิธีปลอมตัวตรวจพระนครบ่อย เฉพาะย่านนายก่ายนี้ ให้เฉพาะชาวต่างชาติเดิน เพราะมีการเจรจาการค้าระดับแคว้นที่นี่ คนท้องถิ่นที่จะเข้ามาได้ มีข้าราชการตำรวจที่ต้องเข้ามาตรวจความเรียบร้อย กับคนท้องถิ่นที่ติดตามนายประเทศตนเข้ามาเพื่อช่วยยกแบกสัมภาระ คนทั่วไปจริงๆ เข้าไม่ได้ แต่ระยะหลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่ทราบค่ะ

 

ถนนย่านคลองนายก่าย คล้ายๆ แบบนี้ หน้าถนนเป็นคลอง ถนนปูด้วยอิฐก้อนโตๆ เพื่อเป็นทางเดิน ทางเดินกว้างกว่าในรูป เพราะบางครั้งจะต้องมีขบวนเสด็จของเจ้าเข้ามา โดยชาวต่างประเทศไม่จำเป็นต้องก้มลงกราบ เพียงแค่หลีกทางให้และยืนแอบข้างทางพร้อมทั้งต้องหยุดพูดคุยเพื่อความสุภาพ ผู้ที่ซื้อสินค้าจากหน้าร้านเช่น เก้าอี้ โต๊ะ สามารถนำสินค้าออกไปโดยบรรทุกลงเรือที่จอดในคลองนายก่าย

ชุมทางสินค้าที่ท่าเรืออยุธยา ค่อนข้างจะเป็นสถานที่เป็นกลางสำหรับการจัดแสดงสินค้าจากประเทศต่าง ๆ คล้ายนิทรรศการแสดงสินค้า คล้ายเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าทั่วโลก คู่ค้านัดหมายเพื่อพบกันที่ท่ากรุงศรีอยุธยา จุดหมายปลายทางในการนัดพบกัน มักจะเป็นย่านนายก่ายนี้ ถ้านัดวัน นัดเวลาถูกต้องคู่ค้าจะหากันได้ไม่ยากเลย ที่นี่สะดวกและสวยงาม

หันหน้าไปทางวังจันทร์เกษม ด้านขวามือจะเป็นแนวที่กั้นไว้เฉพาะชาวต่างชาติ และร้านค้าจะเป็นการแสดงสินค้าของชาวต่างชาติเพื่อให้ผู้ที่ต้องการส่งคำสั่งซื้อไว้ดูตัวอย่างสินค้าและนัดแนะการส่งสินค้า จะไปทางเรือ หรือจะไปรับสินค้ากันที่ไหน ชาวต่างชาติสามารถเดินดูสินค้าของนานาชาติได้ที่ถนนนายก่ายนี้ เพื่อให้เห็นแบบอย่างของสินค้าก่อนจะส่งคำสั่งซื้อ

จุดประสงค์แรกสุดของการสร้างที่นี่คือเป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าและศูนย์ซื้อขายสินค้าระดับนานาชาติ บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการค้าระดับนานาชาติ ไม่มีสิทธิ์เข้าไป เพื่อให้บรรยากาศการเจรจาเป็นไปอย่างเข้มข้นและสรุปจบได้เร็ว

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี ทรงมีพระราชศรัทธาต่อวัดปราสาท นนทบุรี ทรงถวายอาหารที่ทรงปรุงด้วยพระองค์เองโดยให้เจ้าพนักงานอัญเชิญมาถวายเจ้าอาวาสวัด เมื่อเดือนกันยายน 2564

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

ไปสวดมนต์และนั่งสมาธิที่วัดปราสาทในวันพระเพื่อขอหลวงพ่อปราสาททองให้ดลให้ดิฉันทราบว่ากรุงราชคฤห์อยู่ตรงไหนและมีความเป็นมาอย่างไร

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากแต่ก็ขอหวังว่าจะหาเจอค่ะ

 

เมืองคัชการ์ อยู่ใต้เส้นทางสายไหมเหนือ และเมืองโฮตาน อยู่เหยือเส้นทางสายไหมใต้ ต่างเคยเป็นเมืองที่พุทธศาสนสรุ่งเรืองมาก มาก่อนที่พระเสวียนจ้างจะไปค้นพบ

ทั้งสองเมืองอยู่ในทะเลทรายทากลามากัน และปัจจุบันอยู่ในมณฑลซินเซียง

ถ้าพระมหากัสสปะเป็นชาวแคว้นนี้ เมืองหนึ่งในโฮตานเป็นเมืองที่มีภูเขา 5 ยอด(อาจจะใช่เมืองราชคฤห์) ท่านมหากัสสปะไปพบพระพุทธเจ้าที่บริเวณเนปาล อินเดีย เพื่อเรียนพระธรรม แล้วเอากลับมาเผยแพร่ที่นี่ ที่โฮตาน เมืองคุจี(อาจจะเป็นราชคฤห์) และท่านมหากัสสปะยังเผยแพร่ต่อไปในดินแดนจีนลึกๆ และลงมาทางตอนใต้ของจีน พัฒนาเป็นพุทธมหายาน นิกายเซนหรือฌาน คนจีนออกเสียงฌาน ว่า ฉาน รัฐฉานและดินแดนน่านเจ้า อยู่ใต้ลงมาจากซินเจียงเล็กน้อย แรกเริ่มในสมัยพุทธกาลเป็นมหายานก่อน พอเข้าสู่ ศตวรรษที่3 เมืองคุจีเปลี่ยนมานับถือนิกายเถรวาท และคงเผยแพร่ลงมาตามเส้นทางสายไหมถึง น่านเจ้า ถึงรัฐฉาน จึงเป็นพุทธเถรวาทในภายหลัง

การเคลื่อนย้ายของผู้คนจึงมีตลอด บนเส้นทางนี้ รวมถึงการเคลื่อนลงมาของวัฒนธรรมถึงดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นระยะๆ และกรุงราชคฤห์ อยู่ในทะเลทรายทากลามากัน ในมณฑลซินเจียง ซึ่งห่างจากสุวรรณภูมิไม่มาก จารึกพระธาตุโพนจิกเวียงงัว จึงเขียนว่า จะไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากกรุงราชคฤห์. และเป็นไปได้ที่พระมหากัสสปะ จะอัญเชิญพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าลงบรรจุถึงที่โพนจิกเวียงงัว เพราะสุวรรณภูมิเป็นแหล่งจารึกแสวงบุญของพระมหากัสสปะด้วยแห่งหนึ่ง

ส่วนท่านจางชื่อไท่เยว่ ดั้งเดิมเป็นคนบนเขา ก็เป็นไปได้ที่ครอบครัวจะอพยพจากดินแดนซินเจียงไปตั้งรกรากที่ภาคกลางของจีนมณฑลหูเป่ย

 

ขอสรุปพระราชโอรสพระราชธิดาของสมเด็จพระนเรศวร ขณะนี้รวบรวมได้ 4 พระองค์ ที่มีบทบาทในราชสำนัก

1. พระองค์ทอง เป็นเป็นชื่อตำแหน่งของลูกชาย เกิดจากพระสนมตำแหน่งหนึ่ง ที่เมื่อมีลูกชายจะได้ลูกในตำแหน่งพระองค์ทองนี้ (ตำแหน่งค่อนไปทางเล็กมากเมื่อเทียบกับลำดับการเป็นองค์รัชทายาท) เมื่อเมืองพิไชยขาดเจ้าเมือง กรณีเจ้าเมืองเป็นกบฎในปี 2128 ถูกตัดหัว พระนเรศตั้งพระองค์ทองไปเป็นเจ้าเมือง ถ้าพระนเรศทรงมีพระโอรสองค์นี้ตั้งแต่กลับจากหงสา ปี 2113-2115 (ต้องไปดูว่ามีศึกไหนบ้างที่ต้องตามพระมหาธรรมราชาไปรบในฐานะที่ยังทรงเป็นเชลยของหงสา น่าจะเริ่มมีพระโอรสตอนนั้น เพราะพระมหาธรรมราชาก็ทรงเป็นห่วงเหมือนกัน กลัวหงสาจะทำร้ายพระนเรศเมื่อไหร่ก็ได้ในขณะที่ยังทรงเป็นเชลย จึงต้องให้ทรงมีทายาทไว้) ภายหลังโดนรัฐประหารโดยพระเอกา พระโอรสองค์นี้ อายุประมาณ 32-35 พรรษา คงไปบวช คาดว่าภายหลังคือพระเจ้าทรงธรรม เพร่ะพระองค์ไลสนับสนุน คงจะเป็นเพราะพ่อเดียวกัน ขึ้นครองราชย์หลังพระเอกาสวรรคต อายุน่าจะราว ๆ 39-42 ปี (พระองค์ไลเป็นเจ้าพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์ เพราะแม่ห้ามองค์ไลขึ้นเป็นกษัตริย์เพราะสาบานกับพระเอกาไว้แล้วว่าลูกชายนางจะไม่แข่งบารมีกษัตริย์ตราบเท่าที่นางยังมีชีวิตอยู่) อายุพระองค์ไล 25 ปี พระศรีสุธรรมราชา 17 ปี ในปีที่เข้าสู่ยุคของพระเจ้าทรงธรรม

2. พระองค์เจ้าบัว หรือ พระสุวรรณขวัญเมือง ขณะทีถูกถอดยศเพราะเกิดการรัฐประหาร อายุ 20 พรรษา สมรสกับเจ้าราชบุตรเมงทุลองแห่งเชียงใหม่แล้ว ภายหลังคือ เจ้าแม่วัดดุสิต พระนมเอกของพระนารายณ์

3. พระองค์เจ้าไล หรือพระสุริยกุมาร หรือพระมหาธรรมราชา ครองพิษณุโลก ต่อจากพระนเรศ ขณะถูกถอดยศ อายุ 18 พรรษา ถูกจับไปจำคุกเกือบ 5เดือนถูกโบยตีทุกวันหวังให้ตาย เจ้าขรัวมณีจันทร์เข้าไปช่วยได้แบบหวุดหวิดท่านไลเจียนจะสิ้นใจแล้ว ภายหลังปราบดาภิเษกเป็น พระเจ้าปราสาททอง

4. พระศรีสุธรรมราชา ลูกชาย พระเอกกษัตรีย์ เมื่อถูกทำรัฐประหาร อายุ 10 ขวบ ภายหลังได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าปราสาททองให้เป็นพระมหาอุปราช

 

https://vt.tiktok.com/ZSF8DVJ6S/

แม่จันทร์วาดธิดาท่านโกษาเหล็ก ในหนังบุพเพสันนิวาส มีพระยศเป็นพระองค์เจ้า เพราะพระเจ้าปราสาททองให้บุตรของเจ้าฟ้าหญิง (เจ้าแม่วัดดุสิตเป็นเจ้าฟ้าหญิง) เป็นเจ้าฟ้า แม่จันทร์วาดจึงมียศพระองค์เจ้าหญิง



ในละครยังไม่รู้ว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองสถาปนายศเจ้าให้ลูกหลานของเจ้าแม่วัดดุสิต อยู่ในกฎหมายที่พระเจ้าปราสาททรงตราไว้

 

เหรียญนี้คาดว่าทำจากโลหะ bronze และเป็นความเชื่อของดิฉันเองว่า แกะพิมพ์ด้วยองค์เองหมายถึงสมเด็จพระนเรศ.. จากกรุวัดบ่อทองคำ

 

เมืองโฮตันมีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามาก และรุ่งเรืองก่อนพระถังซัมจั๋งจะมาถึงหลายร้อยปี อยู่ในหุบเขาที่มี 5 ยอด ไม่ไกลจากลาดัก เนปาล ภูฐาน ใกล้เทือกเขาหิมาลัย. ลองพิจารณาเมืองโฮตันเป็นกรุงราชคฤห์ ดูค่ะ ปัจจุบันขึ้นอยู่กับจีนในเขตปกครองตนเองซินเจียง

 

กรรณะ สุริยบุตร ครองแคว้นอังคะ ยุคก่อนสมัยพุทธกาล (ยุค 16 มหาชนบท) เป็นกษัตริย์อังคราช นับถือพราหมณ์ฮินดู เป็นกลุ่มที่เชื่อว่าตนเป็นลูกของพระอาทิตย์ อาจจะเป็นพราหมณ์ที่กระจายเข้ามาในแถบพม่า ยูนนาน และเข้าสุวรรณภูมิ ก่อนพุทธกาล



ภาษามอญ-พม่า ทิเบตใต้ และ น่านเจ้าโบราณ สามารถสื่อสารกันได้

 

จากราชคฤห์ รัฐพิหาร ไป น่านเจ้า แล้ว ลงมาสุวรรณภูมิ น่าจะเป็นกลุ่มแรกที่เผยแพร่พุทธศาสนา เข้ามาสุวรรณภูมิ แม้แต่พระมหากัสสปะก็เดินทางไม่ไกลมาก(สำหรับคนโบราณคงคิดว่าไม่ไกล)
ตอนอินเดียโดนพวกเติร์ไล่ฆ่า คนอินเดียทางเหนือก็อพยพไปทางทะเลทราย ทากลามากัน
คือพวกที่มาจากแคว้นอุทยาน อพยพมาทางเส้นทางสายไหม มาสมทบกันที่แถวน่านเจ้า

แคว้นทางใต้แบบ.มคธ กลิงคะ อังคะ มาทางบก เข้าสู่น่านเจ้า และลงสู่สุวรรณภูมิ

เดินตามตะวันขึ้น

 

สมัยพุทธกาล 2 อุบาสกพ่อค้า ย้ายจากเมืองอุกกาสกชนบท ไปเมืองใหม่ที่ลุ่มน้ำอิรวดี ก็ตั้งชื่อเมืองตามเดิมที่จากมาคือ อุกกละ

ถ้าคนจากราชคฤห์ ย้ายออกมาแล้วจะเรียกเมืองที่ตั้งใหม่แถวน่านเจ้าว่า ราชคฤห์ ก็สอดคล้องกับสมัยนิยม

จีนอาจจะเรียกคนแถวนั้นว่าน่านเจ้า (เจ้าที่อยู่ตอนใต้) แต่คนในเมืองอาจเรียกตัวเองว่าคนราชคฤห์ เพราะอพยพมาจากราชคฤห์

อุกกละ อาจจะเป็นแหล่งรวมพ่อค้า แต่น่านเจ้าเป็นแหล่งรวมชาวพุทธที่มีหัวใจอยากจะสืบทอดพระศาสนาให้ถึง 5000 ปี จึงอพยพกันมาหลายทางเพื่อมาร่วมกับสืบสานปณิธาน



------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลเรื่องราชวงศ์ สุริยวงศ์



https://th.wikipedia.org/wiki/สุริยวงศ์

 

เวลาเห็นเป็นการเห็นแวปเดียวในจิต ยังไม่เห็นเป็นเรื่องราว ต้องสะสมมาปะติดปะต่อ เช่นเคยคิดว่าถนนที่ใช้ทำการค้าระหว่างประเทศที่ห้ามคนทั่วไปเดินนั้นอยู่กลางกรุงศรี โดยเดินไปทางเหนือจะเจอวัง ไม่ได้แยกหรือแยกไม่ได้ว่าจะเจอวังหลวงหรือวังหน้า และบ้านนายก่ายต้องอยู่หลังแนวตึกนี้โดยมีคลองด้านหลังขนานกับคลองด้านหน้าเอาไว้สัญจรได้สะดวกเป็นส่วนตัว

ทำให้ทีแรกคิดว่าคลองนายก่ายก็แยกออกไปเพราะประวัติศาสตร์เขียนว่าคนทั่วไปเข้าไปซื้อของได้ คงไม่ย่านการค้าระหว่างประเทศ จึงไปคิดว่าถนนย่านการค้าจะต้องอยู่กลางกรุง และไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะไปเชื่อมกับบ้านคนจีนที่เป็นบ้านคุณหยก(พระราชมารดาของรัชกาลที่ 1) เพราะบ้านนี้ต้องแซ่จาง จึงจะเป็นบ้านพี่ชายทั้งสองของพระนาง และทั้งหมดอพยพมาจากกรุงปักกิ่ง ถ้าไม่สามารถบรรจบประวัติศาสตร์เรื่องแซ่ได้ ก็ยังยืนยันไม่ได้ เพราะสายต้นตระกูลราชวงศ์จักรี ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าคนในบ้านย่านวัดสุวรรณดาราราม แท้จริงแล้วสืบสายตระกูลแซ่จากแซ่อะไรค่ะ ก็ทำให้ยืนยันไม่ได้ ในประวัติศาสตร์บอกว่าบ้านนี้เป็นคนฮกเกี้ยน แซ่ตั้ง ซึ่งจะบอกว่าถ้าเป็นคนฮกเกี้ยน ก็ถือว่าเป็นคนชนบท ความรู้ด้านอักษร การทหาร ดาราศาสตร์ คงมีจำกัด วิทยาการสมัยนั้นอยู่ที่เมืองหลวงปักกิ่ง คนชนบทจะเก่งกล้าสามารถถึงกับสามารถจัดหาอาวุธ หรือช่วยสร้างกำแพงกรุงศรี คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่คนชนบทห่างไกลจะมีความรู้ บารมีและกำลังทรัพย์ที่จะทำได้

ถ้าเรื่องนี้ไม่ชัดก็โยงกันไม่ติด อันนี้บอกไว้ตรงๆ เผื่อว่าอาจจะไม่ใช่เช่นนั้น หากบ้านคุณหยกและต้นตระกูลที่สืบทอดหอราชคฤห์ไม่ใช่คนแซ่จางหรือในสำเนียงแต้จิ๋วคือ แซ่เตีย (ถ้าสืบค้นได้ว่าหลบชื่อหลบแซ่ป้องกันการตามตัวจากจักรพรรดิเสินจงจึงจะพอเข้าเค้า) แต่ถ้ายืนยันว่าแซ่เฉิน จะไม่ใช่คนจากน่านเจ้า คนแซ่เฉิน (ในสำเนียงแต้จิ๋วคือแซ่ตั้ง) เป็นชาวฮั่นแท้

ถ้าไม่ใช่แซ่จาง หรือแซ่เจิ้ง(แซ่ของพระเจ้าตากสิน) แต่หอราชคฤห์ต้องแซ่จางเท่านั้น แซ่ใดนั้นต้องถ่ายทอดผ่านทางลูกชาย ความเป็นคนน่านเจ้า จะถ่ายทอดผ่านไปจากสายเลือดพระบรมมหาชนก(ทองดี) เท่านั้น

เป็นประวัติศาสตร์ที่ตามได้ยากมากสำหรับคนธรรมดาที่ไม่มีทุนหรือความสามารถในการเข้าถึงเอกสารอ้างอิงจำนวนมาก ดังนั้นบางครั้งจึงไม่อาจจะตามลักฐานมาสนับสนุนทันนะคะ

 

ถึงตรงนี้ก็สรุปได้ว่า วัดราชบูรณะไม่ได้สร้างขึ้นในสมัยเจ้าสามพระยา (พ.ศ. 1967-1991) ตามที่ระบุไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และฉบับหลวงประเสริฐ (รวมทั้งพระวินิจฉัยของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในหนังสือ “ตำนานพระพุทธเจดีย์”) แต่สร้างขึ้นไม่เก่ากว่าสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (หรือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2148 ลงมา) ตามที่ระบุไว้ใน “คำให้การขุนหลวงหาวัด” และปรากฏภาพในแผนที่ Iudia ไม่ว่าจะสร้างขึ้นในชื่อ “วัดราชบูรณะ” หรือในชื่ออื่น (แต่ตั้งอยู่บนบริเวณที่ตั้งวัดราชบูรณะในปัจจุบัน)

จากนั้นก็มีการ “รื้อแล้วสร้างใหม่” ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ตามที่ระบุไว้ใน “คำให้การชาวกรุงเก่า” (หรือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2301 ขึ้นไป แต่ไม่เกินปี พ.ศ. 2275) รูปร่างหน้าตาที่ปรากฏให้เห็นเป็นพระปรางค์ รวมทั้งขนาดและลักษณะที่ดู "ใกล้เคียง" กับวัดมหาธาตุ ก็น่าจะเกิดขึ้นในสมัยนี้เอง ซึ่งแน่นอนว่า “เครื่องทอง” ที่พบในกรุ และที่จับได้จากการลักลอบขุดกรุ ก็ต้องบรรจุลงกรุในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศเช่นเดียวกัน

เมื่อวัดราชบูรณะไม่ได้สร้างสมัยเจ้าสามพระยา เหตุการณ์ “ชนช้าง” ของเจ้าอ้ายกับเจ้ายี่ ที่อ้างว่าเป็นสาเหตุของการสร้างวัด (รวมทั้งเจดีย์เล็กๆ สององค์ที่เชิงสะพานป่าถ่าน) จึงเร่อร่าผิดฝาผิดตัวขึ้นมาทันที อีกทั้งเหตุการณ์ที่ว่านี้ยังไม่มีปรากฏในหลักฐานใดๆ (นอกจากพงศาวดารหรือเอกสารที่เขียนในสมัยรัตนโกสินทร์) ทั้งๆ ที่หากเกิดขึ้นจริง ก็ต้องถือเป็น “เหตุการณ์ใหญ่” (ระดับไซส์ XL) การที่ไม่มีหลักฐานร่วมสมัยกล่าวถึงเลยแม้แต่แหล่งเดียว แม้แต่ชาวตะวันตกที่เข้ามาอยุธยาหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล่าวถึง จึงสรุปได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง (โปรดอ่านรายละเอียดในตอนที่ 1-2)

แต่กระนั้นก็มีข้อสงสัยว่า เมื่อมีชื่อ “เจ้าสาม” ก็ควรจะต้องมีเจ้าอ้ายและเจ้ายี่ แล้วเหตุใดพระเชษฐาทั้งสองพระองค์จึงหายไปดื้อๆ คำถามนี้ไม่มีคำตอบจากหลักฐานใด นอกจากข้อสันนิษฐาน (ที่อนุมานจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์อยุธยา) ว่า “เจ้าสาม” คงจะ “เสก” ให้พระเชษฐาทั้งสองพระองค์ “หายไป” อย่างไร้ร่องรอย ส่วนจะเสกด้วยวิธีการใดนั้นก็สุดที่จะคาดเดา

​

อ้างอิง https://shorturl.asia/BL809

เครื่องทองในวัดราชบูรณะ อาจจะไม่ใช่ของเจ้าอ้ายและเจ้ายี่

 

กษัตริย์ไทยเราสายราชวงศ์เดียวกันกับพระพุทธเจ้านะคะ ขนลุก (ถือว่าเจ้าจากสายน่านเจ้าก็ใช่สายวงศ์เดียวกันกับพระพุทธเจ้า) เป็นบุญแท้ๆ เป็นสายเชื้อวงศ์กับพระพุทธเจ้า รู้สึกปลื้มปิติค่ะ



เมืองหลวงเก่าอยู่ที่ อโยธยา ในอินเดีย (สถานที่สร้างวิหารพราหมณ์ฮินดู ที่กำลังมีประเด็นกับศาสนาอิสลามพอดี )

แสดงว่าความนิยมชื่อเมืองจากรากเหง้าเดิม นำมาสร้างเมืองอโยธยา ในประเทศไทย

ตามหาสายวงศ์ของเชื้อกษัตริย์ไทยให้ตามจากญาติของพระพุทธเจ้าว่าโยกย้ายไปไหนบ้าง เดินทางด้วยวิธีใดบ้าง ค่ะ

สายพระราชวงศ์ของพระพุทธเจ้าต้องสืบสานพระพุทธศาสนาจนถึง 5000 ปี