ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488



    กราบหลวงปู่ ดูลย์ อตุโล ขอรับ
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระยาชัยบุรี ทหารเอกจาก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

    หนังสือ พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    พิมพ์ที่ โรงพิมพ์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
    ผู้พิมพ์โฆษณา นายเมธี บริสุทธิ์
    พ.ศ.๒๕๒๑ หน้า ๖๖


    พระชัยบุรี เป็นทหารเอกคู่พระทัยรุ่นแรก ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงไว้วางใจพระราชหฤทัย และนับถือน้ำใจมากที่สุด รับราชการจนมีตำแหน่งสูงสุดของเมืองพิษณุโลก เดิมชื่อ “ดวง” เป็นชาวเมือง สวางคบุรี (แขวงเมืองพิชัย) บรรดาศักดิ์เริ่มแรกในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ เป็นขุนเดชพระเวทย์แสนศึกสู้ รับราชการจนมีความชอบเป็น ออกพระชัยบุรี ,พระชัยบุรี เจ้าเมืองชัยบาดาล ,พระยาชัยบูรณ์ บรรดาศักดิ์สุดท้าย คือ เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช ผู้ดำรงตำแหน่ง เจ้าเมืองพิษณุโลก ในปี พ.ศ.๒๑๓๖ ชอบอนุรักษ์ไก่ชน พันธุ์เขียวพาลี

    หลักฐานทางประวัติศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรฯ เสด็จขึ้นมาดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชเมืองพิษณุโลก เมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๔ นั้น พระองค์ทรงเกณฑ์บุตรหลานข้าราชการ และเยาวชนรุ่นราวคราวเดียวกับพระองค์มาทำการฝึก และทรงค้นหาคนดีมีฝีมือไว้ใช้ ในราชการ พระชัยบุรี เจ้าเมือง ชัยบาดาล และ พระศรี ถมอรัตน์ เจ้าเมืองศรีเทพ สองทหารเอก รุ่นแรกได้ถูกเรียกตัวเพื่อสนองพระเดชพระคุณ ช่วยราชการเมืองพิษณุโลก ด้วยการศึกษายุทธศาสตร์ พิชัยสงครามรูปแบบใหม่ (ที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรง ร่ำเรียนมาจาก ราชสำนักพระอาจารย์มังกุโสดอ พระมหาเถรคันฉ่อง และบุเรงนอง) และช่วยถ่ายทอดให้กับนักรบเยาวชนรุ่นแรก ไม่นานนักรบเหล่านั้น ก็เป็นนักรบที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะรบเพื่อกอบกู้เอกราช

    การยุทธ์ครั้งแรก เมื่อนักรบรุ่นใหม่สำเร็จจากศูนย์รบพิเศษ สำนักพระราชวังจันทน์แล้ว เพื่อให้เกิดความชำนาญ สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงกำหนดสถานการณ์ให้ทหารของพระองค์ปราบโจรผู้ร้ายจริง (สมัยนั้นโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก) โดยกำหนดให้โจรผู้ร้ายเปรียบเสมือนข้าศึก เมื่อปราบโจรผู้ร้ายเรียบร้อยราบคาบแล้ว เขมรเกิดแข็งเมือง ซึ่งแต่เดิมนั้นเขมรเป็นเมืองประเทศราชของไทยมาก่อน เห็นว่าไทยสิ้นกำลังก็บังอาจยกกองทัพมาตีเมืองไทยอยู่หลายครั้ง แต่ต้องมาพ่ายแพ้ต่อไทยทุกครั้ง จนถึง พ.ศ.๒๑๒๒ พระยาละแวก ให้พระทศราชายกกองทัพ ๕,๐๐๐ คน มาปล้นเมืองนครราชสีมา และหมายปล้นทรัพย์จับเป็นเชลยชาวเมืองสระบุรี และเมืองอื่นๆ มาเป็นเชลย ขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรฯ เสด็จลงมาประทับในพระนครฯ พอทราบข่าวจึงจัดกำลัง ๓,๐๐๐ คน รีบเสด็จไปดักกองทัพเขมรที่ชัยบาดาลให้ พระชัยบุรี และพระศรีถมอรัตน์ เป็นทัพหน้า คุมพล ๕๐๐ คน ไปตั้งซุ่มอยู่ที่ดง พระยากลาง ฝ่ายเขมรเมื่อตีได้เมืองนครราชสีมาโดยง่าย จึงยกกองทัพมาด้วยความประมาท พอถึงที่ซุ่ม พระยาชัยบุรี และพระศรีถมอรัตน์จึง สั่งให้ทหารออกล้อมรบ ฆ่าฟันทัพเขมรล้มตายแตกหนียับเยินถึงทัพหลวง พระทศราชาแม่ทัพเขมรไม่รู้ว่าทัพไทยมีกำลังพลมากน้อยเพียงใด จึงรีบล่าทัพกลับเขมร เป็นครั้งแรกที่สมเด็จ พระนเรศวรฯ ทรงใช้กลยุทธ์ “คนน้อยชนะคนมาก” แต่นั้นมาเขมรไม่กล้าที่จะย่ำยีไทยอีกต่อไป

    เมื่อ พ.ศ.๒๑๒๔ หลังจากที่บุเรงนองสวรรคตแล้ว “มังไชยสิงห์” ราชโอรสขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า “นันทบุเรง” ทรงแต่งตั้ง “มังกะยอชวา” เป็นพระมหาอุปราชา มีความระแวงว่าไทยจะตั้งแข็งเมือง จึงตรัสสั่งให้ นันทสุ และ ราชสงคราม เป็นแม่กองดำเนินการสร้างทางตั้งแต่ เมาะตะมะ ถึง กำแพงเพชร เพื่อผลทางสงคราม หากอยุธยาหรือล้านช้างคิดจะตั้งแข็งเมือง

    ลุ ถึง พ.ศ.๒๑๒๗ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงแล้ว นันทสุ และราชสงคราม ได้คุมไพร่พลไทยใหญ่ทำทางอยู่ที่กำแพงเพชร และทราบว่ากองทัพสมเด็จพระนเรศวรฯ กำลังยกมาโดยมีพระชัยบุรี และพระศรีถมอรัตน์ เป็นทัพหน้า จึงได้ยกทัพถอยหนี แต่มาทันกันที่ตำบล แม่ระกาได้เกิดสู้รบกันถึงขั้นชนช้าง พระชัยบุรีขี่ช้างพลายปืนพระราม ได้ชนกับช้างนันทสุเป็นสามารถ นันทสุจ้วงฟันด้วยของ้าว ต้องนิ้วชี้พระชัยบุรีกระทบ ข้อขาด แต่ช้างนันทสุทานกำลังช้างพระชัยบุรีไม่ได้จึงพ่ายไป ส่วนพระศรีถมอรัตน์ขี่ช้างพลายศัตรูพินาศ ได้ชนด้วยช้างราชสงคราม ช้างพม่าพ่ายแพ้หนีไปทางตำบลแมงรางชาง เมื่อทัพไทยได้รับชัยชนะแล้วจึงกลับคืนมายังกองทัพหลวงที่ตำบลเชียงทอง เพื่อปรับกำลังทำศึกต่อไป เมื่อขับไล่พม่าจนพ้นเมืองกำแพงเพชรแล้วสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ตรัสสั่งให้พระชัยบุรีเป็นแม่ทัพ และเป็นที่ปรึกษาทัพ (เสนาธิการ) ยกไปปราบพระยาพิไชย และพระยาสวรรคโลก ที่ตั้งตนเป็นกบฏ และสามารถจับพระยาทั้งสองได้ สมเด็จพระนเรศวรฯ มีพระราชดำรัสให้มัดพระยาทั้งสอง ตระเวรรอบทัพ แล้วให้ประหารเสีย

    ตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรเสวยราชย์ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๑๓๓ ยังเสด็จประทับอยู่ที่วังจันทน์เกษมต่อ ๒ ปี เมื่อสิ้นศึกยุทธหัตถีจนตีได้เมืองทะวาย และตะนาวศรีแล้ว จึงทำพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร เสด็จประทับในพระราชวังหลวง เมื่อเดือน ๑๐ ปีมะเส็ง พ.ศ.๒๑๓๖ แล้วโปรดให้กลับหัวเมืองเหนือ ซึ่งได้ทิ้งร้างอยู่ ๘ ปีขึ้นอย่างเดิม และทรงตั้งข้าราชการที่มีความชอบเป็นเจ้าเมือง คือให้ พระยา ชัยบูรณ์ (น่าจะเป็นคนเดียวกับพระชัยบุรี ทหารเอกที่เป็นข้าหลวงเดิมเคยรบพุ่งมาตั้งแต่แรก) เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ เจ้าเมืองพิษณุโลก ให้พระยาศรีไสยณรงค์ (ดูน่าจะเป็นคนเดียวกับ พระศรีถมอรัตน์ ทหารเอกที่เคยคู่กับพระชัยบุรี) เป็นเจ้าเมืองตะนาวศรี


    ครั้นถึง พ.ศ.๒๑๓๙ เมืองเชียงใหม่ ขอสวามิภักดิ์เป็นเมืองขึ้นของไทย สมเด็จพระนเรศวรฯ รับว่าจะช่วยเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นกองทัพล้านช้างจะเข้าตีเชียงใหม่ พระองค์ โปรดเกล้าให้ เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ เป็นผู้แทนพระองค์เจรจา ไกล่เกลี่ยระหว่างเชียงใหม่และล้านช้าง ด้วยพระบารมีของพระองค์ทำให้เกิดการประสานความเข้าใจทั้งสองเมือง หันมาปรองดองกันโดยมิต้องสูญเสียชีวิตทหารแม้แต่คนเดียว

    และ พ.ศ.๒๑๔๒ สมเด็จพระนเรศวรฯ มีความพยายามที่จะตีเมืองหงสาวดี แต่ด้วยพระเจ้าตองอูคิดไม่ซื่อ พาพระเจ้าหงสาวดีเสด็จหนีไปเมืองตองอู สมเด็จพระนเรศวรฯ จำต้องเสด็จยกกองทัพตามตีกองทัพพระเจ้าตองอู เมื่อเสด็จถึงตองอูพระองค์ตรัสสั่งให้ เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ เป็นเสนาธิการดูแลกองทัพทั้งปวง.....การศึกครั้งนี้ แม้จะตีเมืองตองอูไม่ได้สมเจตนารมณ์ เนื่องจากปัจจัยทางด้านการส่งกำลังบำรุง แต่ได้สอนบทเรียนจนพม่าครั่นคร้ามฝีมือไม่กล้าที่จะติดตาม


    เมื่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ตรัสสินพระทัยที่จะถอนทัพและพาไพร่พลส่วนหนึ่งกลับอยุธยาได้โดยปลอดภัย กำลังส่วนหนึ่งได้แบ่งให้สมเด็จพระเอกาทศรถยกมาระงับเหตุกรณีพิพาทระหว่างพระเจ้าเชียงใหม่(มังนรธาช่อ) กับพระยารามเดโช มูลเหตุอันเกิดจากระหว่างที่สมเด็จพระนเรศวรฯ กำลังทำศึก ล้อมเมืองตองอูอยู่นั้น พระยารามเดโช คนที่เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งข้าหลวงปกครองเมืองเชียงแสน เพราะเห็นว่าเป็นชาวพื้นเมือง ผู้คนพากันนับถือโดยมาก และพากันกระด้างกระเดื่องต่อพระเจ้าเชียงใหม่ ผู้คนแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย พระเจ้าเชียงใหม่จึงร้องเรียนมายังสมเด็จพระนเรศวรฯ ถึงเมืองตองอู เมื่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงถอนกำลังที่เมืองตองอูแล้ว จึงให้สมเด็จพระเอกาทศรถแบ่งกองทัพแยกไปทางเชียงใหม่ เพื่อระงับเหตุดังกล่าว

    พระชัยบุรี เป็นเสนาอมาตย์ และเป็นทหารเอกคู่พระทัย ที่มากด้วยความสามารถ และประสบการณ์ รับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ถึงขั้นได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่เสมอ บรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายได้รับการ โปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช เจ้าเมืองพิษณุโลกอันเป็นหัวเมืองเหนือชั้นเอก รองจาก กรุงศรีอยุธยาราชธานี นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้ พวกเราลูกหลานเผ่าไทย ขอน้อมรำลึก และสักการะในคุณงามความดีของท่าน... และเหล่านักรบผู้กล้า...ที่มีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองตลอดชั่วนิรันดร์

    เมื่อเอ่ยถึงพระศรีถมอรัตน์ ทำให้นึกถึงพระชัยบุรี เคยนำมาลงไว้แล้วค่ะแต่คราวนี้ จะเน้นที่บ้านเกิดท่าน ท่านเกิดในเขตเมืองพิชัย สวางคบุรี ปัจจุบันก็คือ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

    ทหารเอกแห่งองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในยุคแรกนั้น ท่านหนึ่งมาจาก เขต อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ก็คือพระศรีถมอรัตน์ อีกท่านหนึ่งมาจากเขต อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ก็คือพระชัยบุรี

    ลูกหลานไทยเมื่อได้รู้ประวัติท่านและรู้พื้นเพถิ่นอาศัยเดิมของท่าน คงจะภูมิใจในบรรพชนผู้เสียสละ น่าภูมิใจในความกล้าหาญของท่านทั้งหลายเหล่านั้นผู้เสียสละหลั่งเลือดชโลมแผ่นดินเพื่อรักษาชาติไว้ให้พวกเรา

    คิดว่าสมควรนำมาเผยแพร่อีกครั้งค่ะ
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขออนุโมทนาครับ คุณทางสายธาตุ เรื่องของวีรบุรุษผู้เสียสละกู้บ้านกู้เมืองนี่

    อ่านเมื่อใดรู้สึกประหนึ่งเลือดลมจะไหลพล่านทีเดียวครับ โดยเฉพาะกับ

    ท่านพระยาศรีไสยณรงค์ และท่านพระราชมนู มีความรู้สึกที่ชื่นชมและผูกพัน

    กับทั้งสองท่านมากเลยครับ
     
  4. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขออนุโมทนา กับทุกท่านค่ะ

    ขอให้เจริญยิ่งทั้งทางโลกและทางธรรมโดยถ้วนหน้า
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในหนังสือหลายๆเล่มเรียกท่านราชมนูว่า นายกองเลือดเดือดแห่งกองทัพสมเด็จพระนเรศวร

    แสดงว่าพี่จงรักภักดีสังกัดอยู่ในกองพันเลือดเดือดแห่งกองทัพไทยแน่เลย ^^
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    [​IMG]


    เป็นภาพที่น่ารักและน่าชื่นชมมากครับ ไม่รู้ว่าสังกัดหน่วยไหน

    *ก็อปมาจากไทยโพสต์วันนี้ครับ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ชื่นชมกับทุกบทความของคุณทางสายธาตุครับ ถ้าจำไม่ได้ที่เคยบอกว่า

    ศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ละก็คงได้ทึกทักกันทีเดียวว่าเอกประวัติศาสตร์แน่

    ถ้าได้ติดตามโพสต์ของคุณทางสายธาตุนอกจากจะได้ความรู้ในเรื่องราวทาง

    ด้านประวัติศาสตร์แล้ว คุณทางสายธาตุยังพาให้เราได้รู้จักกับวัด โบสถ์ วิหาร

    สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าหลายๆแห่งดูประหนึ่งกับทริปทัวร์ พอดีได้อ่านพบ

    บทความที่มีคุณค่าก็นึกถึงคุณทางสายธาตุเพราะดูคล้ายๆจะเป็นแนวเดียวกัน

    เลยขออนุญาตก็อปบางตอนมาฝาก หากท่านใดสนใจหาอ่านรายละเอียดเพิ่ม

    เติมได้ที่ มองประเทศไทยผ่าน "ถนนคนเดิน" ในไทยโพสต์ฉบับวันที่ 20

    มกราคม 2553 ครับ


    .......กรุงเทพฯ คือ "ห้องรับแขก" ของประเทศไทย กทม.ควรจะบริหารดูแลห้องรับแขกของประเทศให้คนไป-คนมาเกิดทัศนคติด้วยภาพพจน์ ภาพลักษณ์ที่ดีแบบไหน อย่างไร น่าจะเข้าใจนะครับ

    แขกมากรุงเทพฯ เขามาดู "ของเก่า" ในความเป็นกรุงเทพฯ หรือบางกอก ในภาพรวมที่เรียกว่า "กรุงรัตนโกสินทร์" เมื่อร้อย-สองร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ได้มาดูตึกสูง มาดูรัฐสภาสัมปายสถาน มาดูแพนด้า หรือมาดูระบำจ้ำบ๊ะอะไร

    ฉะนั้น วิวในการบริหาร กทม.มันต้องครบ ๔ มิติ คือ กว้าง-ยาว-ลึก-เวลา การสร้างความมั่งคั่งไม่ต้องเน้นอะไรมากนอกจากให้เป็นไปในทาง อนุรักษ์-สะอาด-ระเบียบ-ปลอดภัย-คุณภาพ ทุกวันนี้ กทม.ขายอะไร ผมไม่รู้

    เห็นแต่ที่เขาหลั่งไหลมากัน เพราะแรงดึงดูดจาก วัดดั้งเดิม ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม ชุมชนดั้งเดิม โบราณสถานดั้งเดิม และที่คิดกันไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งดึงดูดคนมาเมืองไทยได้มากมายในขณะนี้ นั่นคือ "การอบรมวิปัสสนากรรมฐาน" จากวิปัสสนาจารย์สำนักต่างๆ ขณะนี้

    นักท่องเที่ยวหลักที่มาเมืองไทย คือพุ่งมา กทม.โดยตรงทุกวันนี้ ไม่ใช่ลูกค้าเซ็กซ์ทัวร์ หรือลูกค้าช็อปปิ้งทัวร์ แต่ลูกค้าเกรด A โดยส่วนเฉลี่ยคือนักท่องเที่ยวอารยวิไล ดื่มด่ำฉ่ำเย็นกับ "ความเป็นไทยดั้งเดิม" ทรงเอกลักษณ์ ต้องเข้าใจว่า มนุษย์ทุกวันนี้กระเสือกกระสนในการแสวงหาจนสับสน วุ่นวาย สับสนจนกระทั่งตอบตัวเองไม่ถูกว่า จริงๆ แล้วต้องการอะไร และกำลังแสวงหาอะไร?

    แต่เมื่อมากรุงเทพฯ ไปวัดพระแก้ว ไปวัดโพธิ์ ไปวัดอรุณฯ ไปวัดราชบพิตรฯ หรือยิ่งล่องเจ้าพระยาเข้าตามแม่น้ำลำคลองทางฝั่งธนฯ เมื่อพบกับวัดสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสร้างบ้าง ที่รัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ทรงสร้างและทรงบูรณะบ้าง พูดได้คำเดียวว่า...ตะลึง ด้วยมหัศจรรย์แห่งจิต!

    มนุษย์น่ะ ลึกๆ แล้วรากคือวิถีแห่งจิต ไม่ใช่วัตถุ เห็นเบิร์จคาลิฟะ หรือเบิร์จดูไบ "สูงที่สุดในโลก" เขาไม่ตะลึง แต่เขาสมเพชว่า

    "เพราะมันไม่มีอะไรในความเป็นรากของตัวเอง จึงสร้างรากเทียม โดยถูกพวกฝรั่งหลอกให้สร้างเป็นการทดลองทฤษฎีใหม่ๆ ของเขา แต่เอาเงิน(มึง)"!

    ฉะนั้น พออารยชน-อารยชาติมาเห็นวัด แค่เหยียบเข้าเขตพุทธาวาส-ลานโบสถ์วิหาร จิตวิญญาณมนุษย์ซึ่งอยู่เหนือภาษาสัมผัสรับรู้ได้ด้วยตัวเขาเองทันทีว่า...นี้แหละที่ข้าแสวงหามานาน แต่ไร้คำตอบ!...........




    *ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน www.thaipost.net
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณไก่เหลืองหางขาวมากครับ

    ก็รู้ทั้งรู้ตามที่คุณไก่เหลืองหางขาวบอกไว้แล้ว ก็ยังหลุดเลยไปจนได้ ก็ต้องเลยไปกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี ขอนำบทเรียนมาฝากกันครับ
    เพราปกติผมจะผ่านไปผ่านมาบ่อยโดยใช้แต่เส้นทางหลัก ไม่ค่อยจะได้ใช้เส้นคู่ขนานสักเท่าใด
    เอาเป็นว่าพอผ่านสี่แยกพุทธมณฑลไป ให้มองหา เทสโก้ โลตัส ทางด้านซ้าย
    แล้วชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนานเพื่อไปกลับรถที่สะพานลอยกลับรถข้างหน้า เมื่อลง
    จากสะพานกลับรถแล้วก็ให้วิ่งอยู่ในทางคู่ขนานไปเรื่อยจนถึงวัดซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือ อีกไม่ไกลนัก ( ไม่ถึงสี่แยกพุทธมณฑล)
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทางสายธาตุจำไม่ได้ว่าเคยหานิยามคำว่าเจ้าขรัวมาโพสไว้หรือยัง เจอข้อมูลเกี่ยวกับศัพท์คำนี้ดังนี้ค่ะ

    คำว่า “เจ้าขรัว” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายว่า ในสมัยอยุธยาจีนจีนที่มั่งมีคนเรียกว่าเจ้าขรัว (๒๕) และในเรื่องพระราชนิพนธ์ปฐมวงศ์ทรงไว้ว่า พระภัสดาของกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์นั้น เป็นบุตรของมหาเศรษฐีซึ่งสืบเชื้อวงศ์มาแต่มหาเสนาบอดีเมืองปกิ่ง พระภัสดามีนามว่า เจ้าขรัวเงิน และมีพี่ชายชื่อ เจ้าขรัวทอง เป็นพานิชย์ใหญ่อยู่ตำบลถนนตาลในกรุงศรีอยุธยา
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ภาพนี้ทำให้คิดถึงและเป็นห่วงทหารที่ถูกส่งไปรักษาความสงบชายแดนใต้ ทหารหนุ่มน้อย ดวงตาดูยังไม่พ้นความเป็นเด็กมาสักกี่มากน้อยเลย ลูกหลานใครก็ไม่ทราบ พ่อแม่ของทหารหนุ่มน้อยก็คงจะห่วงลูกห่วงหลานของตนเช่นกัน ที่ต้องไปเสี่ยงชีวิตปกป้องรักษาความสงบเรียบร้อย ชีวิตทหารกล้า

    ส่วนหนูน้อยเสื้อเขียวแววตามุ่งมั่น สายตาแบบนี้เหมือนกำลังตั้งความหวังในใจว่าโตขึ้นอยากจะเป็นทหารรับใช้ชาติเลย เจ้าเด็กน้อย
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เจดีย์ภูเขาทอง แนวคิดคติเรื่อง พระจักรพรรดิราช

    [​IMG]


    คติเรื่องพระจักรพรรดิราชนี้ กษัตริย์ในสุวรรณภูมิ อันได้แก่ กลุ่มอาณาจักรพม่า มอญ สยาม รับมาใช้ โดยมีต้นแบบมาจากพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์แห่งชมพูทวีป (อินเดีย) ทั้งนี้พระจักรพรรดิราชจักต้องมีรัตนะ (สมบัติ) เจ็ดประการที่เกิดจากบุญญาบารมี ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว จากนั้นพระองค์จะทรงแสดงบารมีและอำนาจด้วยการแผ่แสนยานุภาพไปครอบครองเมืองน้อยใหญ่ซึ่งนี่เอง อาจเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของสงครามในยุคนั้น นอกเหนือไปจากเหตุผลด้านการแย่งชิงผลประโยชน์ทางการค้า

    ข้อมูลจาก

    หนังสือ จากวังจันทน์สู่เวียงแหง ตามรอยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นอกกรอบประวัติศาสตร์ชาตินิยม
    เขียนโดย สุเจน กรรพฤทธิ์
    หน้า 40

    สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้างเจดีย์ภูเขาทองบนฐานเดิมที่พระเจ้าบุเรงนองเคยสร้างไว้ ด้วยคติความคิดเรื่องพระจักรพรรดิราชของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ในอุษาคเนย์ คิดว่าพระองค์ท่านทรงมีบุญญาบารมีมากและได้ครอบครองรัตนะทั้ง7ประการแล้ว อันทำให้พระบารมีแผ่ไพศาลสมกับพระราชสถานะแห่งองค์พระจักรพรรดิราช
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

    <TABLE class=contentpaneopen cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY></TBODY></TABLE>[​IMG]

    ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งอยู่ ริม หนองบัว สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จยกกองทัพมาที่ตำบลหนองบัวลำภู เมื่อ พ.ศ. 2117 เพื่อไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดี ที่กรุงศรีสัตตนาคนหุต (เมืองเวียงจันทน์) เนื่องจากขณะนั้นไทยเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดี แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวร พระเจ้ากรุงหงสาวดีจึงให้ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะริมหนองบัว หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู

    [​IMG]

    ทุกปี ทางจังหวัดจะจัดให้มีงานเฉลิมฉลองและมีพิธีถวายสักการะบวงสรวงดวงวิญญาณของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยปัจจุบัน จะจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 18 - 28 มกราคม ของทุกปี

    นอกจาก ความสำคัญ ในเชิงประวัติศาสตร์ แล้ว ศาลสมเด็จพระนเรศวรแห่งนี้ ได้สร้างขึ้น โดย พระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ

    "เมื่อครั้งโบราณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เคยทรงกรีฑาทัพจากอยุธยาผ่านหนองบัวลำภูแห่งนี้ เพื่อไปทำศึกปกป้องบ้านเมือง” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายบุกยึด สถานีตำรวจอำเภอหนองลำภู และจึงทรงมีพระราชดำริให้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นที่ หนองบัวลำภู เพื่อปลุกปลอบขวัญ และกำลังใจให้ชาวบ้านเกิดความรักบ้านรักเมือง

    โดยมี นายประเวศ ลิมปรังษี (ศิลปินแห่งชาติ) เป็น สถาปนิกถวายงาน (ข้อมูลจากเว็บไซท์ คลังปัญญาไทย)

    .:: ศาลสมเด็จพระเนรศวร - คลังปัญญาไทย ::.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดศาลเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๑๑


    [​IMG]

    ภาพเก่า ของศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ เมื่อ พศ.2511นอกจาก มาไหว้ ศาลสมเด็จพระนเรศวรแล้ว บริเวณ โดยรอบ หนองบัว ก็ มีทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะสำหรับ การพักผ่อน ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือเลือกรับประทาน อาหาร ซึ่งมีจำหน่าย หลากหลาย รวมทั้ง ยังมี ร้านค้า แสดงสินค้าพื้นเมือง ไว้จำหน่ายให้กับผู้สนใจ ​

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  14. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    สาธุครับ ขอกราบแทบเบื้องพระยุคลบาท องค์สมเด็จพ่อพระนเรศวรมหาราชเจ้าผู้ทรงเป็นองค์บรมมหาจักรพรรดิราชพระพุทธเจ้าข้า
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434

    ทรงเป็นองค์บรมมหาจักรพรรดิราชผู้ยิ่งใหญ่ของชาวไทย

    ข้าพระพุทธเจ้าซาบซึ้งและขอระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทไปตลอดกาล
     
  16. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สาธุ ขออนุโมทนากับ คุณไก่เหลืองหางขาว และคุณทางสายธาตุ ครับ
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรบุรุษสัญลักษณ์ กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่


    [​IMG]

    หากทบทวนเบื้องหลังสิ่งยิ่งใหญ่ที่เรามองเห็น ไม่ว่าจะเป็นตึกระฟ้า, เจดีย์สูง, ตำแหน่งใหญ่โต, สงคราม ฯลฯ ล้วนมีเบื้องหลังเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นความรัก, อำนาจ, ศรัทธา, แรงแค้น ฯลฯ

    *เป็นปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลว*

    ดังที่ประจักษ์ในการสู้รบครั้งใหญ่ของ *กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่* (SSA-South Shan State Army) ภายใต้การนำของ *พันเอกเจ้ายอดศึก* กับกองกำลังว้าแดง ของ *เหว่ยเซียะกัง* ที่พยายามบุกยึดดอยไตแลง-ฐานที่มั่นของกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

    การต่อสู้ที่ฝ่ายว้าแดงได้เปรียบจากการสนับสนุนจากรัฐบาลพม่า ขณะที่กองกำลังไทใหญ่มั่นคงเรื่องอุดมการณ์กู้ชาติ และเข้มแข็งในขวัญกำลังใจ อันมาจาก "เหรียญสมเด็จพระนเรศวรฯ" กษัตริย์สมัยอยุธยา ทำจากทองแดงรมดำที่ใช้ยึดเหนี่ยว

    ทำไมผู้นำไทใหญ่เลือกสมเด็จพระนเรศวรฯเป็นสัญลักษณ์ในการกู้ชาติ? ทำไมใช้เหรียญสมเด็จพระนเรศวรฯเป็นเครื่องรางของขลังปลุกปลอบขวัญทหาร?

    *นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว* นำเสนอใน "ศิลปวัฒนธรรม" ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายนนี้ ให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ของไทยสยาม และไทใหญ่ มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นทั้งในอดีตและปัจจุบัน สัมพันธภาพที่เกิดจากเบ้าหลอมทางประวัติศาสตร์เดียวกัน ประวัติศาสตร์ชาติที่รวมน้ำใจเป็นหนึ่งเดียว

    "ความเชื่อมั่นศรัทธาของคนไทใหญ่ที่มีต่อพระนเรศวรฯนั้น มีรากฐานสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการปกครองระบอบ "เจ้าฟ้า" ของไทใหญ่ที่สืบทอดมาเป็นพันปี แต่เพิ่งถูกทำลายหมดสิ้นไปกับการยึดอำนาจในสหภาพพม่าของนายพลเนวินเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2505

    พันเอกเจ้ายอดศึกกล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า "คนไทใหญ่ทั้งสมัยนี้ทั้งสมัยโบราณเชื่อถือพระนเรศวรฯ คนยุคนี้เชื่อถือพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนทุกบ้านมีรูปในหลวง-พระราชินี เพราะถ้าดูประวัติศาสตร์คนเชื้อชาติไท คนไทใหญ่ คนไทย คนลาว คนไทในเวียดนาม คนไทในจีนเป็นเชื้อสายเดียวกัน แล้วปัจจุบันพระเจ้าอยู่หัวมีในประเทศไทยองค์เดียว ไทใหญ่จึงเคารพรักและเชื่อถือพระองค์มาก"

    นักประวัติศาสตร์ชาวไทยใหญ่นาม "เคอแสน" กล่าวว่า "สมเด็จพระนเรศวรฯ คือบุรพกษัตริย์ที่ทำการรวบรวมก่อตั้งอาณาจักรไทใหญ่

    โดยที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงปรึกษากับ *เจ้าคำก่ายน้อย* เจ้าฟ้าไทใหญ่ เพื่อจะสร้างกองทัพราชอาณาจักรไทย-ไทใหญ่ ให้เข้มแข็งถาวรต่อไปในวันข้างหน้า โดยทางไทใหญ่นั้นเจ้าคำก่ายน้อยรับอาสาที่จะเจรจากับเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมือง

    ในปี พ.ศ.2143 สมเด็จพระนเรศวรฯทรงมีรับสั่งให้เจ้าคำก่ายน้อยนำกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าไปเมืองปั่น เมืองนาย ยองห้วย ไปจนถึงภาคกลาง และเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมืองพร้อมกันจัดตั้งเป็นพระราชอาณาจักรขึ้น โดยมีสมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นผู้นำ

    ส่วนช่วงที่พระนเรศวรฯ เสด็จขึ้นไปสวรรคตที่เมืองหางหลวง ในแผ่นดินรัฐฉาน ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ระบุว่า ในครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรฯได้ทรงยกทัพขึ้นไปช่วยเจ้าคำก่ายน้อย ที่กำลังทำศึกกับทหารจีนและทหารพม่าซึ่งรุกรานเมืองไทใหญ่ แต่สมเด็จพระนเรศวรฯสวรรคตเสียก่อน เจ้าคำก่ายน้อยจึงทำการสู้รบต่อไปเพียงลำพัง และสิ้นพระชนม์กลางสนามรบที่เมืองแสนหวี ในปี พ.ศ.2148 หลังการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรฯไม่นานนัก

    ขณะที่หลักฐานฝ่ายไทยสยามที่บันทึกในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียม กล่าวถึงการวางแผนลอบสังหารสมเด็จพระนเรศวรฯ ของพระเจ้ากรุงหงสาวดี โดยส่งแม่ทัพพม่า 2 นาย คือ "นันทสุ" กับ "ราชสังคราม" เข้ามากวาดต้อนผู้คนจากเมืองกำแพงเพชรไปเป็นกำลังทัพ เพื่อตัดกำลังสมเด็จพระนเรศวรฯว่า

    "ขณะนั้นพระยากำแพงเพชรส่งข่าวไปถวายว่า ไทใหญ่เวียงเสือ เสือต้าน เกียกกาย ขุนปลัด มังทราง มังนิ่ววายลอง กับนายม้าทั้งปวงอันอยู่ ณ เมืองกำแพงเพชร พาครัวอพยพหนี พม่ามอญตามไปทัน ได้รบพุ่งกันตำบลหนองปลิงเป็นสามารถ พม่ามอญแตกแก่ไทใหญ่ทั้งปวงๆ ยกไปทางเมืองพระพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรฯเป็นเจ้าทราบดังนั้น ก็ให้ม้าเร็วไปบอกแก่หลวงโกษา และลูกขุนอันอยู่รักษาเมืองพระพิษณุโลกว่าซึ่งไทใหญ่หนีมานั้นเกลือกจะไปเมืองอื่นให้แต่งออก(อายัด) ด่านเพชรบูรณ์ เมืองนครไทย ชาตระการ แสเซาให้มั่นคงไว้ อย่าให้ไทใหญ่ออกไปรอด

    หลวงโกษาและลูกขุนทั้งปวงทราบดังนั้น ก็แต่งออกไปกำชับด่านทางทั้งปวงตามรับสั่ง ฝ่ายไทใหญ่ก็พาครอบครัวตรงเข้ามาเมืองพระพิษณุโลก หลวงโกษาและลูกขุนทั้งปวงก็รับพิทักษ์รักษาไว้ นันทสุกับราชสังครามมีหนังสือมาให้ส่งไทใหญ่ หลวงโกษา และลูกขุนผู้อยู่รักษาเมืองพระพิษณุโลกก็มิได้ส่ง"

    ด้วยสถานของผู้คน บ้านเมือง และภาระแผ่นดินที่ต้องกอบกู้ ไทยสยามและไทใหญ่จึงเสมือนบุคคลที่ตกที่นั่งเดียวกัน และเป็นที่นั่งซึ่งมีคู่กรณีเป็นบุคคล ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีซึ่งพัฒนาเป็นศรัทธาความเชื่อที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่มีอยู่

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งศรัทธาต่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ศรัทธาที่แปลงสภาพเป็นรูปธรรม ศรัทธาที่สามารถผลิตซ้ำและเผยแพร่ได้ด้วยความร่วมมือของจอมพลสฤษดิ์(ผู้นำฝ่ายไทยสยาม) กับเจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ(ผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่กลุ่มแรกที่เรียกว่า "หนุ่มศึกหาญ") ในปี พ.ศ.2501 ในการสร้าง "เหรียญบูชารูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" จำนวน 1,000 เหรียญ

    นอกจากเหรียญสมเด็จพระนเรศวรฯแล้ว ยังมี "กองมูขุนหอคำไตย" (เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระนเรศวรฯ) ที่เมืองหาง ชายแดนไทย-รัฐฉาน ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งที่สมเด็จพระเจ้าเอกาทศรถและเจ้าฟ้าไทใหญ่ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระอัฐิส่วนหนึ่งได้แบ่งบรรจุไว้ ณ เจดีย์แห่งนี้ โดยก่อนออกรบแต่ละครั้งเจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะมักนำนายทหารไทใหญ่เดินทางไปสักการะเจดีย์องค์นี้ และการรบในช่วงปีแรก ทหารไทใหญ่เอาชนะทหารพม่าได้ทุกครั้ง ทั้งๆ ที่มีกำลังพลและอาวุธน้อยกว่า


    เมื่อศรัทธามีรูปร่างที่ชัดเจนขึ้น ความเชื่อที่เคยจับต้องไม่ได้ก็เข้มแข็งมากขึ้น เสียงร่ำลือถึงประสบการณ์ที่แสดงว่าพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงคุ้มครองนักรบไทใหญ่ ขยายวงกว้าง และสร้างความฮึกเหิมออกไปทุกที

    เช่น สมเด็จพระนเรศวรฯทรงเข้าฝันผู้นำไทใหญ่เตือนให้ย้ายที่ตั้งทัพก่อนทหารพม่าบุก, ทหารพม่าเห็นภาพนิมิตกองช้าง ม้า และทหารจำนวนมากพูดคุยกันด้วยภาษาไทยในค่ายทหารไทใหญ่ ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 163529.gif
      163529.gif
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      574
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,923
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <!--MsgIDBody=21-->ในประวัติศาสตร์การสู้รบของกองกำลังไทยใหญ่ เคยมีการทำเหรียญบูชาเหรียญรูปสมเด็จพระนเรศวรให้ทหารไทยใหญ่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องรางในการต่อสู้กับทหารพม่า

    เหรียญสมเด็จพระนเรศวร ฯ ที่ "หนุ่มศึกหาญ" กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ กลุ่มแรก สร้างขึ้น


    [​IMG]

    พระเกียรติคุณเกริกฟ้าก้องปฐพี


    กระทู้จะเดินไปเรื่อยๆค่ะ โดยจะนำพระเกียรติยศ พระเกียรติคุณ พระราชประวัติ วัดที่เกี่ยวข้อง สถานที่เกี่ยวข้อง มานำเสนอ ข้าพระพุทธเจ้าขอเทิดพระเกียรติและเทิดพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในกระทู้นี้

    ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • K6356961-21.jpg
      K6356961-21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      1,085
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    กระทู้จะเดินไปเรื่อยๆค่ะ โดยจะนำพระเกียรติยศ พระเกียรติคุณ พระราชประวัติ วัดที่เกี่ยวข้อง สถานที่เกี่ยวข้อง มานำเสนอ ข้าพระพุทธเจ้าขอเทิดพระเกียรติและเทิดพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในกระทู้นี้


    สาธุขออนุโมทนากับจิตใจที่มุ่งมั่นและเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดีครับ
     
  20. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนา กับคุณพี่ทางสายธาตุ และ คุณพี่จงรักภักดีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...