ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

I and Family, Wish Kune Chaipat get well and have good health soon ka

Tanya KLyne and family

 

​

พระสมเด็จวังหน้าพิมพ์ใหญ่ (พิมพ์ประธาน) วรรณสีเบญจรงค์
รหัสสินค้า: 000010
ราคา 30,000.00 บาท
รายละเอียด: พิมพ์ใหญ่ วรรณสีเบญจรงค์ (ปัญจศสิริ หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้าสี) จีนเรียก อูใช้ ถือเป็นสุดยอดแห่งความเป็นศิริมงคล แก่ผู้กราบไหว้เคารพบูชา เป็นพิมพ์นิยมวิจิตรบรรจงและหายาก โดยฝีพระหัตถ์ของพระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐวรการเจ้ากรมช่างสิบหมู่แห่งพระราชวังหน้า คุณกวินทร์ 08-4127-0022
http://www.tarad.com/superland/#1497900​

เห็นเขาลงประกาศว่าองค์ละ 3 หมื่น แต่ดูเหมือนเราจะแจกฟรีเร็วๆ นี้ นี่แหละ นี่คือโฉมหน้า "พระกำลังใจ 1" แต่เดี๋ยวต้องปรึกษานายสติก่อน ว่าผิดเพี้ยนกันมากขนาดไหน แต่รับรองไม่ขี้เหร่ขี้ร้ายไปกว่านี้หรอกครับ ขออธิษฐานบารมีท่านผู้อธิษฐานจิตเดิมคือท่านหลวงปู่ใหญ่ฯ และท่านเจ้าประคุณฯ ให้ท่านทำให้เต็มที่ตั้งแต่ พ.ย. 50 นี่ก็ 6 เดือนกว่าแล้ว คิดว่ายังไงล่ะ แถมอัดกันแบบสุดๆ พร้อมพระที่หล่อทีหลังอีกเฮ้อ..เหนื่อย บรรยายสรรพคุณท่านที่เมตตาให้ไม่หมด รอเวลาแจกเท่านั้นเอง

เกือบลืมไป ต้องขอโทษคุณกวินทร์เจ้าของกระทู้ในเวบที่อ้างอิงด้วย ที่ลงให้ดูมิได้หมายความถึงพระของคุณไม่ดี หรือมีราคาแพงเกินจริง เพราะตามที่คุณเขียนไว้น๊ะถูกต้องแล้ว ราคาที่ลงหากว่ากันตามจริงนับว่าน้อยไปซะด้วยซ้ำ ท่าน อ.ประถมฯ เคยบอกว่า ...(ชื่อผม)...ไม่ต้องแจกมาก พระที่มีคุณค่าอย่างนี้ หาได้ที่ไหน ดีกว่าวัดระฆังที่เขาเล่นหากันซะอีก ใครไม่ขอก็ไม่ต้องไปให้เขา ถ้าให้ก็ให้ครอบครัวละองค์ก็พอ วัดระฆังแท้องค์ตั้งหลายล้าน นี่ดีกว่าตั้งเยอะ ให้กันฟรีๆ ไม่รู้คุณค่าบรรพบุรุษ เอาไปทิ้งๆ กว้างๆ ก็เปล่าประโยชน์...ญาติปู่ๆ บางทีปู่ยังไม่ให้เลย...จำได้แค่นี้ ขาดตกบกพร่องต้องขออภัยปู่ด้วยเพราะรู้สึกว่าจะเป็นปีที่แล้วกระมัง ที่เคยคุยกันเรื่องพระปัญจสิริกับท่าน​

 

สาธุ เพิ่งแอบเห็นมีคนตั้ง blog. ให้กระทู้นี้เหมือนกัน

http://blog.palungjit.org/pratomfoundation/page2/

 

งานบุญครั้งแรกเริ่มด้วยคนจำนวนน้อยเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ของบุญช่วยสงฆ์อาพาธเพิ่งเริ่มยืนต้น





งานบุญที่ผ่านมาเริ่มเป็นไม้ใหญ่ที่พอจะมีกำลังช่วยเหลือสงฆ์ที่อาพาธได้มากขึ้นตามจำนวนสายบุญที่เริ่มทยอยกันมา เพื่อหวังหลุดจากวัฏฏะนี้



เราถึงไม่รู้จะตอบแทนน้ำใจท่านอย่างไร นอกจากมีพระพิมพ์อะไรที่พอจะให้เป็นกำลังใจบุญกับท่านและครอบครัว จึงแจกให้หมด ไม่มีการเช่าหา หรือเรียกค่าบูชา ก็เพียงหวังเราจะทำตามปณิธานที่ตั้งใจไว้ให้ลุล่วงไปให้มากที่สุด ดีที่สุด สำหรับพระสงฆ์ที่อาพาธ และรอรับการช่วยเหลือจากทุนนิธิฯ นี้
<TABLE class=tborder id=post842895 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#41 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พันวฤทธิ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_842895", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:16 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 538 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 273 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 5,813 ครั้ง ใน 532 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 459







</TD><TD class=alt1 id=td_post_842895 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ตอนที่เป็นประธานชมรมพุทธที่บริษัท ไปนิมนต์ท่านเจ้าคุณพระเทพดิลก แห่งวัดบวรฯ มาเทศน์ให้กลุ่มพนักงานกลุ่มเล็กๆ ฟัง ปรารภกับท่านถึงกลุ่มบุญที่มีอยู่ 5 คนให้ฟัง เพราะกลัวท่านจะน้อยใจ ท่านอ่านความคิดเราออก ท่านบอกว่า "คุณโยม ฟังน๊ะ พระพุทธเจ้าท่านสอนธรรมครั้งแรกให้ใคร เราบอกว่า ปัญจวัคคี ท่านบอก ปัญจแปลว่าอะไร เราบอกว่า 5 ครับ ท่านบอกว่านั่นละ ศาสนาของเราก็เริ่มต้นจากศิษย์ 5 คน จนบัดนี้เป็นเท่าไรแล้ว นับประสาอะไรกับการเทศน์วันนี้ ถึงแม้จะมีแค่พวกเธอแค่ 5 คน อาตมาก็ไม่ขาดทุน" อุทาหรณ์สำหรับเรื่องนี้ก็คือ โครงการนี้แม้จะมีคนแค่ไม่กี่คน อาสาสมัครมาทั้งนั้น แต่ก็ทำด้วยความจริงใจ และเต็มใจ แม้วันใด เดือนใด ไม่มีผู้สมทบ ก็จะต้องเดินหน้า ไม่มีวันถอยหลัง แม้จะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างไร ก็เช่นเดิม ให้มันรู้ไป ว่าคนไทยใส่บาตรพระตอนเช้าเพราะอยากได้พระเครื่องมากกว่าได้บุญ แถมบุญที่จะได้ จะได้รับการโมทนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย ยิ่งสบายใจจริงๆ.....ยิ่งทำจิตให้ใส ยิ่งเห็นสิ่งที่หมักดองอยู่ในจิตเยอะ ร่นภพร่นชาติมาอีก หมดเวรหมดกรรมเร็วอีก ภาษานักเลงในปัจจุบันเขาเรียกพวก Proactive หรือ Positive Thinking คือคิดแต่ในแง่บวก แง่สร้างสรรค์ ทำอะไรก็ได้ให้มวลมนุษยชาติมีความสุข เราก็สุขด้วย โครงการบริจาคเพื่อสงฆ์อาพาธนี้ แม้จะไม่ได้เห็นท่านว่าท่านจะใช้เงินบริจาคจากเรามั๊ย หรือท่านจะหายหรือไม่ ถ้าวันนั้นเราผ่านไป รพ.สงฆ์เห็นพระท่านออกมาจาก รพ.เพื่อกลับวัด เราก็พอจะสุขใจได้บ้างว่า เราและคณะรวมถึงผู้บริจาคท่านอื่นก็อาจมีส่วนช่วยทำให้ท่านหายจากอาการอาพาธจนกลับวัดได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาแค่สั้นๆ ง่ายๆ แค่นี้ล่ะวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับพระอาพาธก็มีแค่นี้จริงๆ





</TD></TR></TBODY></TABLE>



ขอแจ้งให้ทราบนิดนึงพี่ใหญ่ฝากมา วันที่ 22 มิ.ย. นี้ เป็นวันคล้ายวันสิ้นชีพตักษัยของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) พี่ใหญ่อยากให้พวกเราที่ทราบข่าวช่วยทำบุญใส่บาตร รำลึกนึกถึงพระคุณท่าน เพียงใส่บาตรด้วยข้าวสวย ผัดผักบุ้งไฟแดง ใส่แต่เพียงเกลือ (ไม่ต้องใส่ซิอิ้ว หรือน้ำปลา) แล้วขอพรจากท่านทางจิต พี่ใหญ่ยืนยันว่า แค่นี้ท่านก็รับรู้แล้ว เดี๋ยวท่านก็ให้พรสนองคืนมาเองครับช่วยกันจำด้วยครับ...
(ขออภัยด้วยครับที่เดิมแจ้งไปว่าวันคล้ายท่านสิ้นชีพฯ เป็นวันที่ 22 พ.ค.จนมีผู้ทักท้วงมาทางโทรศัพท์ขอน้อมรับผิดอย่างสูงครับ)

 

วันนี้ขอพูดเรื่องของกาย และบางส่วนของจิต

จากพายุที่พัดเข้าประเทศพม่า ยังความเสียหาย

เกิดความเดือดร้อน ทั้งกาย และใจ ของประชาชนชาวพม่า

ผมนั้นเองก็รู้เสียใจต่อเหตุการณ์ครั้ง แต่กลับมามองที่เรา ตัวเรา ดังนี้

1. กายของเรา นั้น ต้องการอะไร

อากาศ น้ำ อาหาร ยา เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย

เพื่อยังชีพแก่การดำรงอยู่

2. จิตนั้นต้องการอะไร หมายถึง จิตและใจของเรา

ถามที่ตัวเรา ไม่ต้องถามใครๆ ไม่ต้องดูใครๆ ดูแค่เรา



จากข้อที่ 1. ผมก็มาคิดได้ที่ความพอดี มาได้ที่ความพอเพียง
พอเหมาะสม แก่กาย

จากข้อที่ 2. ผมมาได้ที่ การหายใจอย่างมีความสุข
หายใจเข้า หายใจออก ใจอยู่ที่ใจ จิตอยู่ที่จิต

จากข้อความข้างต้น ที่ "จิต" ไม่ใช่ของเรา

ผมก็มองเห็นว่า เพราะจิตนั้น พึ่งพิง สิ่งที่เป็นปัจจุบัน

เช่น เทคโนโลยี ทีวีจอแบนสมัยใหม่ เสื้อผ้าใหม่ๆ In - Trend

และหลายสิ่งที่ใจจิตนั้น วิ่งตามมันไปเรื่อยๆ

นั่นแหละ "จิต" ไม่ใช่ของเรา

เพราะตัณหา อุปทาน สังขารมันเกิด

สิ่งเหล่านั้นเข้าทาง อายตนะทั้ง 5 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย)

เกิดสังขาร สัญญา เวทนา เราจึงดิ้นรนไปตามมัน


จุดที่ผมคิดได้ก็มา เอาสติกำกับ กับอารมณ์ใจที่เป็นกลาง
พร้อมพิจารณากันไปด้วยครับ ให้เกิดที่ใจรับได้
ให้เกิดที่ใจเป็นได้

ให้ใจกับใจนะครับ



วันนี้ทำให้ผมนั่งรถเมล์ ดูวิถีชีวิตของคน อย่างมีความสุข มากกว่าเมื่อก่อน
เห็นเขาร่าเริง หัวเราะ เห็นคนต่างๆ ที่มีความสุข ผมก็มีความสุข


หลังจากนั้นเราก็ส่งความสุขของเราด้วยการทำบุญ ส่งใจที่เป็นสุขด้วยการทำบุญของเรา

ไปสู่คนรอบข้าง ทีละน้อย ทุกๆ วันที่เราทำได้

ช่วยเหลือคนที่เราทำได้

รักษาใจเรา ครองใจเราให้ดี เพราะผลที่ดี และใจเราที่ดี จะเกิดกับเรา

ดังที่เราต้องการพอเหมาะ กับที่เราทำนะ

11 พฤษภาคม 2551

สาธุครับ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ขอร่วมทำบุญกับมูลนิธิของคุณตาประถมด้วยค่ะ
พรุ่งนี้จะไปโอนเงินทำบุญเลยค่ะ 1000 บาท
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ค่ะ

 

จะยึดอะไรกันจ๊ะ .........

ก็ว่างซะสิ .......

บันไดทางเดินสายกลางแนวราบ .................

สาธุครับ

 

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2551 เวลา 12.43.22 น. ได้โอนเงินร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุ สงฆ์อาพาธ จำนวน 500 บาทค่ะ
อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

 

เส้นทางสายกันดาร



<!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER><CENTER>


ฉันเดินทางดาษดารในดินเดือด
มีหยดเลือดน้ำตาหยาดอาศัลย์
ในดินดิบทางเดินที่ต่างกัน
ที่เดินผ่านหม่นมืดดูเวียนวน

บางเส้นทางที่เห็นเร้นรอยชัด
ล้วนรอบจัดซัดเซทับปี้ป่น
สิ่งที่เห็นขับเคี่ยวช้ำกมล
ต่างดั้นด้นเดือดดารผลาญธานี

ฉันเดินทางรกร้างทั้งวางเปล่า
มีเรื่องเศร้ามากมายให้หมองศรี
พื้นพิภพวิบัติทั่วปฐพี
โลกพิศดารเหลือที่จะพรรณา

ในทางเดินดาษดารปราศสีสรร
มีแบ่งชั้นดินแดนแสนอ่อนล้า
ทั้งดินแยกแตกลายกรายนานา
ต่างเข่นฆ่าราวีมีเล่กล

หนึ่งชีวิตลิขิตเส้นทางเดิม
มาต่อเสริมธานีมิสับสน
ปลงปลดปล่อยรอยต่อให้แยบยล
รวมพ้องชนพ้นกรรมที่ทำมา

โลกระอุร้อนรนจนข้นแค้น
มาเกี่ยวแขนก่อเกื้อกันเถิดหนา
ในดินดิบเร้าร้อนผ่อนกายา
กลับหันมาโอบเอื้อเผื่อแผ่กัน

จุดจบของชีวิต ก็กว้างศอก ยาววา เช่นกัน
อะไรหรือที่คนเราต้องการแล้วดิ้นหา ตัณหาเพื่อมาปดเปื่องอารมณ์เช่นนั้นหรือ
หรือความอยากได้ใคร่ กับ สิ่งที่ไม่ใช่ แล้วแย่งชิง ดับความอยากได้ใคร่ดี
โลกระอุร้อนเป็นไฟใยมิหันมาโอบเอื้อซึ่งกัน ทุกคนต้องการความสุขในชีวิตเหมื่อนกันหมด ไม่มีใครได้สมใจปรารถนาทั้งนั้น จะได้รับทั้งสุขบ้าง
ทุกข์บ้างปนเปรกันไป แล้วแต่กรรมใครกรรมมัน
ต้นไม้ทุกต้นก็หนึ่งชีวิต หญ้าที่ราบกับพื้นก็หนึ่งชีวิต
แบ่งปันโอบเอื้อจุนเจือแก่กันเพื่อยันให้โลกยั่งยืน

</CENTER><CENTER></CENTER>

<EMBED src=""http://img480.imageshack.us/img480/5809/nilztonmaikongporxv2.swf hidden=true type=application/x-shockwave-flash MASTERSOUND LOOP=" " AUTOSTART="true"></EMBED>
ขอขอบคุณ
​

[/SIZE]<!-- End main--></CENTER>
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=0518&month=11-05-2008&group=1&gblog=45

 

ในโลกแห่งความเป็นจริง เราย่อมหนีการนินทาว่าร้าย หรือใส่ร้ายป้ายสี อยู่เป็นนิตย์ไม่ได้ แต่มีคำสอนของหลวงปู่ 2 องค์ที่พอประโลมใจผ่อนคลายความร้อนในดวงจิตให้ย่อยสลายกลายเป็นความเย็นได้...

"การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น... ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย"
หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

"ผู้ใดทำใจให้ถึงความเป็นกลางได้ ผู้นั้นพ้นจากทุกข์ทั้งปวง"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง

 

บันไดทางเดินสายกลางแนวราบ .................

รบกวนช่วยขยายความให้หน่อยครับ ยังไม่เข้าใจความหมายครับ
สาธุ

 

จากจิตนั้นไม่ใช่ของเรา

ประเด็นนี้ ผมก็คิดอยู่ว่ามันคืออะไร

ผมขอลำดับว่ากันตามความเข้าใจ นี้ครับ

1. ทำอารมณ์สมาธิก่อน
2. ฌาณ 1
3. ฌาณ 2
4. ฌาณ 3
5. ฌาณ 4 เอกคตารมณ์
6. จากนั้นก็พิจารณา ข้อธรรมต่างๆ ลำดับขึ้นไป ว่าเป็นจริงไหม
7. เมื่อใจเข้าเห็นเป็นจริง ก็จะละกิเลศ ทำลายกิเลสไปตามลำดับ
8. ดูเหมือนว่า เรานั้นดีขึ้น แต่แท้จริงเปล่าเลย
เรามันก็ธรรมดา คือๆ เนี้ยแหละ อย่าให้อวิชชา และความหลงมาครอบเรา
9. จนถึงเข้าสู่ โคตรภู
10. พระ ..... พระ ...... พระ ..... พระ ....
11. ไม่ยึดติดอะไร ในข้อ 10. และเข้าสู่ความว่าง เป็นอนัตตา

จึงคิดว่าเป็นบันได ทางเดิน สายกลาง แนวราบ

เพราะถ้าเป็นบันได ก็ต้องเดินขึ้นไป และจะยึดอะไรที่เดินขึ้นละ

ในเมื่อว่าง จึงต่อด้วยแนวราบ ไม่ได้ขึ้นอะไร แต่ละกิเลส ไปเรื่อยๆ

จนว่าง

ผมก็ประมาณนี้ครับ

สาธุครับ

 

ปากคน

ใครตั้งใจทำความดีหันเข้าหาธรรมะ
อย่าไปกังวลเรื่องปากโลก
ให้เราดีขนาดไหนหากไม่ถูกกิเลสเขา
เขาไม่ชอบ เขาไม่เข้าใจ เขาก็ตำหนิ
เราทำอะไรเรารู้ด้วยตนเอง
ดีหรือชั่ว ไม่ได้อยู่ที่เขา อยู่ที่เราทำเองทั้งหมด เรารู้ของเราเอง
บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นของจำเพาะคน
ใครจะทำให้คนบริสุทธิ์ก็ไม่ได้
ใครจะทำให้คนไม่บริสุทธิ์ก็ไม่ได้ ตนทำเองทั้งนั้น

คำสอนของพระธรรมสิงหบุราจารย์ ( หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม )
คัดลอกจากหนังสือ " บทสวดมนต์ "


เป็นหนึ่งในคำสอนของหลวงพ่อที่ผมชอบมากๆ และได้อ่านเจอระหว่างกำลังปฏิบัติธรรม จึงขอมอบให้ทุกๆท่าน ไว้เป็นกำลังใจเวลาพบกับ " นินทา " หนึ่งในโลกธรรม 8 ครับ

เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ สาธุ สาธุ สาธุ


^-^ ^-^ ^-^

 

มาแลกเปลี่ยนความคิดด้วยคนครับ [Embarrass

ก่อนอื่นต้องมาดูก่อนว่า " เรา " ที่ว่าเนี่ย คืออะไร

แท้จริง" เรา "ประกอบด้วยขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ประกอบมาเป็น" เรา "ซึ่งทั้ง 5 อย่างนี้ไม่มีสิ่งไหนเลยที่เป็น " ของเรา " เพราะล้วนแต่เกิดดับ เปลี่ยนแปลง ไม่มีตัวตนตลอดเวลา

ดังนั้น " เรา " จึงไม่มี แต่มีได้ด้วยสมมุติ คือ อวิชชา


ที่นี่มาดูเรื่อง " จิต "

จิตที่ว่าเป็น " ของเรา " เพราะเข้าใจว่า " เรา " คิดเรานึกเอาได้เอง บังคับให้ร่างกายทำตามด้วย จิต " ของเรา " ทั้งนั้น

ลองนึกดูความเป็นจริงครับว่า แท้จริง มีการกระทำใดบ้างในชีวิตประจำวันที่ ปราศจาก " ความอยาก " บ้าง

ตั้งแต่ตื่นนอน อยากตื่นไม่อยากตื่น อยากไปทำงานไม่อยากไปทำงาน อยากใส่เสื้อตัวนี้ ไม่ใส่ชุดนั้น ไปตลอดทั้งวันจนถึงเวลานอน

แม้แต่เวลานอน ร่างกายก็พลิก ก็บิด ถามว่า ร่างกายนั้นพลิก บิด ก็กระทำด้วยอำนาจแห่งจิต ที่เราไม่รู้ตัว เรียกว่าจิตใต้สำนึก แล้วอะไรที่ควบคุมจิตใต้สำนึกอยู่

ไม่อยากเมื่อย ไม่อยากปวด อยากสบาย

ลองนึกดูครับ ว่า " เรา " หรือ " กิเลส " กันแน่ที่บังคับจิตในแต่ล่ะวัน


แม้เวลาเราสิ้นใจ หมดลมหายใจ ตายจากชาตินี้ ขันธ์ 5 ใหม่ก็เกิดขึ้นมา แล้ว " เรา " ยังเป็น " เรา " อยู่หรือ

" จิต " ที่เราเคยคิดว่าเป็นของเรา เราคิดเอง เรากระทำไปด้วยอำนาจของจิตเรา นั้นจริงแน่หรือ

ทั้งที่แท้จริง เราไม่มีตัวตนมาแต่แรกอยู่แล้วครับ จะไปเป็นเจ้าของอะไรได้อย่างไร

^-^ ^-^ ^-^

 

"ไฟใดเสมอด้วยราคะไม่มี​

โทษใดเสมอด้วยโทสะไม่มี​

ทุกข์ใดเสมอด้วยเบญจนธ์ไม่มี​

สุขใดเสมอด้วยความสงบไม่มี"​

(พุทธพจน์)​

 

เรียน คุณ 16

ผมขออนุญาตขยายความต่อดังนี้

1. ความตามข้างต้น นั่นคือ คนที่อยู่ใน วัฏฏะสงสาร

ตัวอวิชชาเข้าครอบ ไม่รู้ทิศรู้ทางที่จะเดิน ไปตามตัณหา และอุปทาน


2. แต่เมื่อเรารู้ และต้องการออกจาก วัฏฏะสงสาร

คือสิ่งที่เรา ตั้งใจ ดูเหมือนว่าเป็นความอยาก คือ ตั้งใจ

แท้จริงนั้น คือ การพิจารณาหาความจริง (ต้องมีสมาธิ + สติ)

และละกิเลสออกไปเป็นขั้นๆ ตัวสุดท้าย ก็คือ อวิชชา ที่จะตัด



ขอให้ทำอารมณ์ใจให้เป็นสุขก่อน หมั่นทำสมาธิ หมั่นภาวนา

ประกอบกับทำทาน วันที่องค์ประกอบ 3 อย่างนี้ครบ (กำลังใจ)

และตั้งอยู่บนศีล ตัวรู้ในตัวเราจะมา เมื่อมาก็ต้องมีอาจารย์

เพื่อท่านชี้ทาง ไปทีละขั้นนะครับ จนสู่ความว่าง

สาธุครับ

 

วิธีเจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

วิธีเจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล มีดังต่อไปนี้
๑. เริ่มต้นที่อิริยาบถที่สบาย ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ตามสะดวก
ทำความรู้ตัวเต็มที่ และ รู้อยู่กับที่ โดยไม่ต้องรู้อะไร คือ รู้ตัวอย่างเดียว
รักษาจิตเช่นนี้ไว้เรื่อย ๆ

 

ดีมากๆครับสำหรับธรรมะ ที่ทุกๆท่านช่วยนำมาเสนอให้พิจารณากันในกระทู้นี้ พวกพี่ๆคณะกรรมการ นานๆไปก็หมดภูมิแป๊กเหมือนกัน

ท่านที่ขอพระกรุโลกอุดรไว้คงเป็นสัปดาห์หน้าจะเริ่มจัดส่งให้ได้ อดใจรออีกนิดครับ ของดีต้องใจเย็นๆครับ

โมทนากับทุกๆท่านครับ

 

วันนี้ เวลา 08.05 น. ผมได้โอนเงินผ่าน ATM ร่วมทำบุญฯ 200 บาท
ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

 

เอาเลยน้องๆ ทั้งหลาย ช่วยกันโพสท์ยังงี้ดีแลกเปลี่ยนความรู้กัน รวมถึงได้ความรู้ ได้ค้นคว้าในสิ่งใหม่ๆ ด้วย พวกพี่ๆ บางคนติดธุระ จากหน้าที่การงานบ้าง จากเรื่องส่วนตัวบ้าง ทำให้หาข้อคิดมาไม่ค่อยทัน หรือมาที จะมาที 2-3 หัวข้อเลย ขาดความซาบซึ้งไปเยอะ หลายคนที่เข้ามาดู ส่วนใหญ่หรือส่วนมากเป็นผู้ที่มีความรู้คือประทีปในดวงจิตอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวัล พวกเราพี่น้องกัน นำมาโพสท์กันได้ รุ่นใหญ่อย่างลุงจิ๋วก็ใช้ได้น๊ะลุง เจออะไรดีก็มาบอกน้องๆ หลานๆ กันบ้าง ถือเป็นธรรมทาน บางทีกระทู้นี้ อยากจะเล่นหัวกันบ้างจะได้ไม่เครียด แต่ก็คิดว่า ต้องค่อยๆ คลายไปทีละน้อยก่อน เกรงใจท่านข้างบน เกรงใจพี่ใหญ่ บางทีเราเอ็นดูใคร ก็ขอเหน็บๆ บ้างก็แล้วกัน

ได้รับคำยืนยันจาก นายสติมาเกี่ยวกับเรื่องพระปัญจสิริที่จะแจกว่า พระทุนนิธิฯ เป็นพระพิมพ์สมเด็จฯ เหมือนกัน แต่เนื้อหาของเราจะดูเก่ากว่า และแห้งกว่า ซึ่งเป็นพระรุ่นแรกๆ ที่ผ่านการตรวจจากท่านเจ้าของตำรับ คือท่าน อ.ประถมฯ ว่าเป็นเนื้อหา ทรงพิมพ์ที่ถูกต้อง ไม่ใช่พระในยุคหลัง ที่เนื้อดูใหม่ ประเภทหยิบก็รู้เลยว่าพระใหม่ทำเลียนแบบ ชนิดปัดด้วยมอเตอร์ ซึ่งทั้งพระพิมพ์ปัญจสิริ และพระพิมพ์สกุลเจ้าคุณกรมท่า นี้ ได้จัดทำเป็น collection ในรูปแบบ cd ไว้แล้ว และนัดกันว่าจะหาที่ชมกันในสัปดาห์นี้ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้ว จะลองพิจารณา ส่งเป็นเมล์ให้เก็บไว้ แต่ยังไม่รับรองครับ เพราะในช่วงนี้ ปัญหาเรื่องพระทั้ง 2 สกุล นี้ยังมีมาก อาจจะไว้รอให้สงบก่อน อาจจะพิจารณาอีกครั้ง โดยพระพิมพ์ทั้ง 2 สกุลนี้ ได้ถูกลงประกอบในข้อเขียนของ อ.ประถมฯ ตั้งแต่ปี 2533-35 โน่น ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ หรือบูมเท่าไร นายสติเลยเก็บพระพิมพ์ตุนไว้เยอะครับ รวมถึงการเตรียมเปิดเป็นเวบ pralokudon ด้วย เลยทำให้มีรูปเกี่ยวกับพระพิมพ์ทั้ง 2 สกุลไว้เยอะเช่นกัน

ลองอ่านดูเนื้อเรื่องประกอบเรื่องพระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริ จากแหล่งที่มาตามเวบนี้ โดยผมไม่ยืนยันว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องครับเพราะจะกลายเป็นประเด็นไป และไม่ใช่ภารกิจหลักของกระทู้ทุนนิธิฯ ครับ
http://www.amuletclub.org/viewtopic.php?f=32&t=26


งานบุญคราวนี้ คาดว่าจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 25/5 นี้ ยังไงขอแรงท่านที่เคยไปแล้ว ไปช่วยกันเหมือนเดิมน๊ะครับ ส่วนท่านที่ไม่เคยไป ก็ลองไปดู ลองไปสักครั้งหนึ่ง พาลูกๆ ไปด้วย หรือพาพ่อแม่ไปด้วยก็ยิ่งดี ไปสร้างบุญบารมีกันครับ

ด้วยความนับถือ

พันวฤทธิ์
14/5/51