ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพยูริเอล (Archangel Uriel)
เรื่อง: จากกรรมสู่การสรรสร้าง (From Karma to Creation)

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2010
ผู้รับสาส์น: Jennifer Hoffman

ที่มา:

Beloved Archangel Uriel: From Karma to Creation - Ascended Masters



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


การให้อภัยแก่ผู้อื่น คือสิ่งที่จะทำให้พวกคุณสามารถปลดปล่อยพวกเขาให้ไปจากพวกคุณได้
และทำให้พวกคุณสามารถปลดปล่อยตัวคุณเอง ออกจากกรรมร่วมของพวกคุณได้

เรื่องนี้เป็นมากกว่าขั้นตอนทางเลือกหนึ่งบนเส้นทางชีวิตของพวกคุณ
มันจำเป็นสำหรับพวกคุณที่จะต้องเปลี่ยนจากกรรมไปสู่การสร้างสรรค์
เปลี่ยนจากวิถีแห่งโชคชะตาไปเป็นหน้าที่ในการเป็น “ผู้สร้างร่วมกับจักรวาล”

เพราะว่าหากปราศจากการให้อภัยแล้ว พวกคุณก็ไม่อาจที่จะได้รับการนำทางจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์,
พรอันศักดิ์สิทธิ์, ความช่วยเหลือ และความกรุณาอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่ได้เลย
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความสุข และการดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องดิ้นรน

นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมพวกคุณทุกๆคน จึงควรจะรู้จักการให้อภัย
ให้อภัยด้วยความเมตตากรุณา ให้อภัยอย่างหมดจิตหมดใจ และให้อภัยอย่างสมบูรณ์แบบ

บ่อยครั้งที่เรื่องที่พวกคุณจะต้องให้อภัย ก็คือเรื่องที่ทำให้พวกคุณเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
และมาจากคนที่ทำให้พวกคุณเจ็บปวดลึกลงไปจนถึงจิตวิญญาณของพวกคุณ
จนพวกคุณต้องทนทุกข์อยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้กับคุณ
และพวกคุณก็พยายามที่จะทำความเข้าใจ และหาเหตุผลและแรงจูงใจ
ที่ทำให้พวกเขาต้องทำลงไปเช่นนั้น และพวกคุณก็เฝ้าแต่สงสัยว่าทำไม ทำไม
พวกเขาถึงได้โหดร้ายถึงเพียงนั้น

พวกคุณสงสัยว่าพวกคุณจะสามารถให้อภัยพวกเขา และสิ่งที่พวกเขากระทำได้หรือไม่
เพราะว่าพวกคุณจะรู้สึกว่าถ้าทำเช่นนั้นแล้ว มันก็เหมือนกับเป็นการยินยอมพร้อมใจ
และการยอมรับรูปแบบหนึ่ง

แต่ที่พวกคุณคิดกันแบบนี้ ก็เพราะว่าพวกคุณมีความตระหนักรู้ที่จำกัด
เกี่ยวกับเส้นทางชีวิตของพวกคุณและเกี่ยวกับพวกเขานั่นเอง

ที่พวกคุณถูกขอร้องให้ให้อภัยคนอื่นนั้น ก็เพื่อที่จะให้พวกคุณ
สามารถยุติ “กรรม” ที่เกี่ยวข้องอยู่กับผู้อื่น
ในฐานะที่พวกคุณเป็นผู้ถูกกระทำให้ได้รับความเจ็บปวดนั้นลงเสียได้

เพราะว่าในภพชาติอื่นๆพวกคุณก็เคยเป็นฝ่ายกระทำให้ผู้อื่น
ต้องได้รับความเจ็บปวดมาก่อนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
และสิ่งที่พวกคุณกำลังได้รับอยู่ในขณะนี้ มันก็คืออีกด้านหนึ่งของวงจรของมันนั่นเอง

ที่วงจรของมัน ต้องเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง ก็เพราะว่า พวกคุณทุกๆคน
พากันทำแต่สิ่งที่เคยทำแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ภพชาติแล้วภพชาติเล่า
และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปยกเลิกสิ่งที่เคยกระทำลงไปแล้ว

แต่ว่าพวกคุณก็สามารถที่จะยุติวงจรนี้ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกได้
ด้วยการให้อภัย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพวกคุณเอง

เมื่อใดที่พวกคุณต้องการที่จะให้อภัย พวกคุณก็แค่จดจ่อไปที่
การสิ้นสุดของวงจรแห่งกรรมนั้นๆเท่านั้นเอง
ไม่มีสิ่งอื่นใดที่จะมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจนี้

และทางเลือกนี้ก็ไม่ขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณจะสามารถให้อภัยผู้อื่นได้หรือไม่
หรือขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาได้ทำในสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้หรือไม่
แต่ขึ้นอยู่กับว่า พวกคุณต้องการที่จะยุติกรรมกับพวกเขาหรือไม่เท่านั้นเอง
เพื่อปลดปล่อยวงจรนี้ให้เป็นอิสระ
และเพื่อปลดปล่อยรูปแบบของสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับชีวิตของพวกคุณให้เป็นอิสระ

นี่คือทางเลือกที่พวกคุณจะเลือกเพื่อตัวพวกคุณเอง
เพื่อที่จะให้ตัวพวกคุณเองเป็นอิสระจากพลังงานอันนี้
พวกคุณไม่ได้เลือกเพื่อผู้อื่นแต่อย่างใดเลย


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต - ผู้หญิงคนที่อยู่ทางขวามือในภาพเธอชื่อ Kim Puc
เธอเป็นชาวเวียดนาม ที่สมัยเด็กเคยอยู่ในเหตุการณ์สงคราม และโดนไฟไหม้ทั่วตัว
ซึ่งช่างภาพถ่ายภาพตอนที่เธอวิ่งแก้ผ้าหนีระเบิดไว้ได้ จนภาพนั้นได้รับรางวัลยอดเยี่ยมไป
แต่หลังจากนั้นหลายปี เธอโตขึ้น และได้มีโอกาสไปบรรยายต่อหน้าบันดานายทหารที่เคย
ทิ้งระเบิดใส่เธอ เธอก็ให้อภัยพวกเขาจนหมด และสวมกอดพวกเขาดังในภาพ)

ดังนั้น จงให้อภัย ให้อภัยด้วยความเมตตากรุณา
ให้อภัยอย่างหมดจิตหมดใจ และให้อภัยอย่างสมบูรณ์แบบ

จงมอบของขวัญให้แก่ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกคุณ
ด้วยการให้อภัย

และจงปลดปล่อยตัวเองออกมาจากบ่วงกรรม
ที่คอยบงการชีวิตของพวกคุณมาโดยตลอดจนกระทั่งบัดนี้
เพื่อยินยอมให้วิถีใหม่ๆ, ความเป็นไปได้ใหม่ๆ
และศักยภาพใหม่ๆเปิดทางขึ้นสำหรับพวกคุณ


(Via Jennifer Hoffman http://urielheals.com)

Adonai
..........................................

 

เรื่องราวของ KIM PHUC นี่ผมเคยโพสต์เป็นภาษาเวียดนามไว้แล้วครับ
แต่ผมหาเวอร์ชั่นภาษาไทยไม่เจอ สงสัยจะลบเมลนั้นทิ้งไปแล้ว
เพราะนานแล้ว ตั้งแต่ปี 2009..เดี๋ยวลองเสาะหาดูก่อนนะครับ
ถ้าเจอจะเอามาโพสต์ให้อ่านครับ..

แต่ว่า Vietnamese Version อยู่ที่นี่ครับ

http://palungjit.org/threads/gi%C3%A1-tr%E1%BB%8B-c%E1%BB%A7a-s%E1%BB%B1-tha-th%E1%BB%A9.190699/

...................................................................

 

ขอบคุณครับ
มีคุณค่าสำหรับผมมากครับ
ตอนนี้จิตวิญญาณของผมกำลังเลื่อนไปอยู่ที่ มิติที่ 7 เริ่มเรียนรู้ Higher Self หรือตัวตนที่มาจากอนาคตที่มาช่วยแนะนำเรื่องวิถึในการดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาชีวิตอย่างไร
ครับ

 

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=busabap&month=04-2009&date=27&group=1&gblog=17
.................................................................................................................................................................

คุณค่าของการให้อภัย
​

<center>'ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต
แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้'</center> <center>'การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น
ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการ ให้ อภัย' </center>

<center>
เธอ ชื่อ ' คิม ฟุค '
(Kim Phuc is Her Name)
แปลว่า 'ความสุขดุจทองคำ'
(Golden Happiness)</center>

<center>
เบื้องหน้าของ คิม ฟุค</center>

<center>
เบื้องหลังของ คิม ฟุค</center>

<center>
เบื้องหลังผ่าตัดแล้ว ๑๗ ครั้ง ขณะที่ลูกพี่ลูกน้อง ๒ คนตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว</center>

<center>
เธอเกิดที่ Trang Bang ตะวันตกเฉียงเหนือกรุงไซ่ง่อนในเวียตนามใต้ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖</center>

<center>
เวลา บ่าย ๒ โมง วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๕ ระเบิดไฟนาปาล์ม ๔ ลูก ถูกทิ้งลงที่บ้านเธอ</center>

<center>
</center>

ขณะนั้น คิม ฟุค มีอายุ ๙ ขวบ ระเบิดเพลิงตกใส่เธอ เธอถอดเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกออกแต่ไฟยังคงไหม้บนตัวเธอ
​

<center>
ผู้คนช่วย ราดน้ำบนตัวเธอ เพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่บนตัวเธอ จนเธอหมดสติไป</center>

<center>
Huynh Cong (Nick) Ut ช่างภาพ ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล คอยให้กำลังใจ และจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ</center>

<center>
ภาพของเธอ ที่ Nick Ut ถ่ายไว้ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกและได้รับรางวัล Pulitzer ในปีถัดมาคือ พ.ศ. ๒๕๑๖</center>

<center>

ด้วยรางวัลดังกล่าวช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอและ Nick Ut แต่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผล
ไฟไหม้กว่าครึ่งตัว หมอศัลยกรรมพลาสติค Dr. Mark Gorney จาก San Francisco
อาสาสมัครประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมเด็ก Barksy ในกรุงไซ่ง่อนกล่าวว่า 'เธอไม่น่าจะ
อยู่รอดได้ ตอนแรกคางของเธอเชื่อมติดกับหน้าอก โดยเนื้อเยื่อจากแผลเป็นแขนซ้ายของเธอไหม้
จนถึงกระดูก' ด้วยความรักของแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้างเตียง เธอค่อย ๆ ฟื้นตัวและตัดสินใจว่าโตขึ้น
เธอจะเป็นหมอเหมือนผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ หลังจากรักษาตัวอยู่ ๒ ปีเธอจึงได้กลับบ้านและเวียตนาม
ใต้ก็ถูกปกครองโดยคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ชื่อของกรุงไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนเป็นโฮจิมินห์</center>
<center>
๒๑ ปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๙
คิม ฟุค ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูด
เนื่องในวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.</center>

<center>
เธอได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้
ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่าย
แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง</center>

<center>
คิม ฟุค เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้วเธอก็ได้เผยความใน
ใจว่ามีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้าน
ของเธอ</center>

<center>
พูดมาถึงตรงนี้ ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบ
กำลังนั่งอยู่ ในห้องประชุมนี้
เธอจึงเผยความในใจ ออกมาว่า
'ฉันอยากบอกเขาว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้
แต่เราควรพยายามทำสิ่งดี ๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ทั้งในปัจุบัน
และอนาคต'</center>

<center>
เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ เขามิใช่ทหาร
อีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง</center>

<center>
เขาพูด ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ว่า
'ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ' </center>

<center>
คิม เข้าไป โอบกอดเขา แล้วตอบว่า
'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย'</center>

<center>
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเรา
ปางตาย คิมฟุคเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมาน
แก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเอง ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ได้อย่างไร</center>

<center>
แต่แล้ว เธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หาก
ได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง

' ฉันพบว่า การบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้ สามารถฆ่าฉันได้ ' </center>

<center>
เธอพยายามสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ศัตรู และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ
แล้วเธอก็พบว่า
'หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด'</center>



<center>
เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คน ให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้
แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้ </center>

เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน
แต่เรา สามารถเลือกได้ว่า จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
​

<center>
คิมฟุค ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่า
'ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตฉันก็ดีขึ้น'

บทเรียนของคิมฟุค คือ
ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต
แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้ </center>


<center>
บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือ
การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น
ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการให้อภัย.</center>

<center>จากFW.mail เมื่อ ตุลาคม 2, 2008 9:30 หลังเที่ยง, ๏[•ิ_-ิ]๏ TOR® Terms Of Reference เขียน</center>

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" width="50%">Create Date : 27 เมษายน 2552</td></tr> <tr> <td width="50%">Last Update : 27 เมษายน 2552 19:58:39 น. </td></tr></tbody></table>

 

คิม เข้าไป โอบกอดเขา แล้วตอบว่า
'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย'
​

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเรา
ปางตาย คิมฟุคเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมาน
แก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเอง ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ได้อย่างไร

แต่แล้ว เธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หาก
ได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง

' ฉันพบว่า การบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้ สามารถฆ่าฉันได้ '

เธอพยายามสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ศัตรู และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ
แล้วเธอก็พบว่า
'หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด'​

เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คน ให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้
แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้

เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน
แต่เรา สามารถเลือกได้ว่า จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
คิมฟุค ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่า
'ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตฉันก็ดีขึ้น'


ขอบคุณสำหรับแสงสว่างที่พาไปพบทางออก มาทันเวลาพอดี
​

ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง
ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง
ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง

​

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณ Chayatt และทุกๆแสงสว่าง
​

​

 

โอ้...วันนี้มีมรสุมข้อมูลเหรอคะ 5555+ *-*

เพราะส่วนตัวก็แปลซาลูซ่าวันที่ 12 ที่ผ่านมา และจะโพสต์วันนี้เหมือนกัน

งานต่อไปก็เป็นแมตทิว แต่คงใช้เวลาหน่อยนะคะเพราะยาวมาก

มาต่อซาลูซ่ากันอีกสักนิดนะคะ

(แซวเล่น)...หวังว่าสมองของผู้อ่านแต่ละคนจะยังรับข้อมูลเพิ่มได้นะคะ *0*



fly_pig

 

ข้อมูลการสื่อสารจาก SaLuSa
โดย Mike Quinsey
เมื่อ 12 สิงหาคม 2554
ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/mike12-08-11.html



ตอนที่ 1


การเดินหน้าดำเนินการไปอาจช้าลง แต่ทว่าพวกเรา
ก็กำลังฟันฝ่าอุปสรรคที่กีดขวางไม่ให้พวกเราไปจนถึง
การเปิดเผยการมีอยู่ของชาวจักรวาล(Disclosure)ด่านสุดท้ายอยู่

โดยในเวลาเดียวกันนี้ กรรมวิธีที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
เกี่ยวกับการปกครองภาครัฐบาลนั้นก็ประจำที่พร้อมแล้ว
และการนับเวลาเริ่มดำเนินการก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่

ตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาพวกเราจะไม่รีบร้อนลงมือ
เพราะมันจะเกิดผลทางอ้อมที่ย้อนกลับมาหลังจากที่พวกเราได้ดำเนินการไป
ไม่มีงานไหนที่ดำเนินการแล้วจะทำให้ความคิดจิตใจของมนุษย์อยู่นิ่งเฉยไม่โต้แย้งได้
แต่พวกเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถทำให้ความคิดจิตใจของมนุษย์หายโต้แย้งได้
พวกเราได้ทำการศึกษาจิตใจของมนุษย์อย่างใกล้ชิดมายาวนานมาก
และพวกเราก็เข้าใจถึงสิ่งที่ดูท่าแล้วว่าเราน่าจะต้องได้โต้แย้งด้วย

ก็อย่างที่พวกคุณอาจจะทราบแล้วว่า
มีมนุษย์บางส่วนที่ไม่ต้องการให้พวกเราลงมาบนดาวโลก
ซึ่งเป็นเพราะเหตุผลต่างๆที่เกิดจากความกลัว
และเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่กระเทือนให้ความเชื่อของพวกเขาเสียหาย

ถึงกระนั้น ในเร็ววันนี้พวกเราก็จะได้รับความมั่นใจในทุกๆด้าน
โดยการแสดงให้เห็นว่าพวกเราเข้าใจปัญหาต่างๆของพวกคุณอย่างรู้แจ้งแทงตลอด
และแสดงให้เห็นว่าพวกเราทราบดีถึงแผนเส้นทางในวันข้างหน้าสำหรับพวกคุณ
ซึ่งบรรดาแหล่งต้นกำเนิดที่สูงกว่าทั้งหลายได้ร่างไว้ให้
มันจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนไร้ข้อสงสัยเลยว่า
พวกเราจะมาเป็นอีกแรงในการช่วยให้พวกคุณ
จบวัฏจักรของความเป็นทวิภาวะของตัวเองอย่างสมบูรณ์ได้สำเร็จ




ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จิตใจของมนุษย์
กำลังจับจ้องถึงการประกาศการมีอยู่ของชาวจักรวาลที่ใกล้จะเกิดขึ้น
แล้วคุณก็จะค้นหาวันเวลาที่กำลังบ่งบอกว่า
มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น
สุดท้ายก็อาจไม่มีอะไรบอกได้เลย

แต่เหตุการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นแบบธรรมดาที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ด้วยเหตุที่แผนงานชิ้นมโหฬารได้อยู่ประจำที่พร้อมไว้แล้ว
จริงๆแล้วมันจะเป็นเส้นทางอันน่าตื่นเต้น
ซึ่งนำไปสู่การเริ่มต้นสิ่งที่จะเป็นความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพวกเรา

เมื่อพวกเราลงมาถึง พวกเราจะอยู่อาศัยร่วมกับพวกคุณ
แล้วการปรากฏตัวของพวกเราบนน่านฟ้าต่างๆก็จะเพิ่มขึ้น
และกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดาไปเลย
จริงๆแล้วพวกเราจะทำทุกวิถีทางที่ทำให้พวกคุณคุ้นเคยกับยานของเรา
ซึ่งรวมไปถึงโอกาสที่จะพาพวกคุณเยี่ยมชมยานแม่ทั้งหลายของเราด้วย
ไม่นานนักพวกคุณก็จะเคยชินกับกองบินของเรา และคุ้นชินกับพวกเรา
และสามารถชี้ได้เลยว่าใครมาจากอารยะธรรมไหน

พวกเราต้องการให้พวกคุณรู้สึกถึงความเป็นมิตรที่เรามีให้
เพราะพวกเราจะใกล้ชิดซึ่งกันและกันมากขึ้น
จำไว้ว่าพวกคุณจำนวนมากได้ติดต่อกับพวกเราแล้วนะ



...........

 

ข้อมูลการสื่อสารจาก SaLuSa
โดย Mike Quinsey
เมื่อ 12 สิงหาคม 2554
ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/mike12-08-11.html



ตอนที่ 2


ขณะที่พวกคุณกำลังเพลิดเพลินกับเรื่องราวความจริงที่ถูกนำมาเปิดเผยเรื่องแล้วเรื่องเล่านั้น
บรรพบุรุษทั้งหลายของพวกคุณที่ “สาบสูญ(lost)” ไปเนิ่นนาน
ก็จะปรากฏตัวขึ้นโดยออกมาจากบ้านของพวกเขาใน the Inner Earth

พวกเขาคือส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกคุณอยู่แล้ว
โดยย้อนกลับไปจนถึงยุคแอตแลนเทียนและยุคเลมูเรียน
อันเป็นช่วงเวลาที่อารยะธรรมของพวกคุณถูกทำลายจนยับเยินจากมหันตภัยครั้งใหญ่

มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หลักฐานทางโบราณคดีของพวกคุณจำนวนมากอันมาจากช่วงเวลานั้น
ได้รับการยอมรับว่ามาจากอารยะธรรมขั้นสูง
วงรอบอารยะธรรมปัจจุบันของคุณเพิ่งเริ่มเมื่อประมาณ 10,000 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ซึ่งเริ่มเมื่อพวกคุณถูกบังคับให้กลับไปปรากฏขึ้นเหมือนกับมีชีวิตอยู่ในถ้ำ
ประสบการณ์ก่อนหน้านั้นถูกเก็บไว้ในความทรงจำแบบจิตใต้สำนึก
และบางคนก็ยังมีความกลัวภัยพิบัติโลกสักอย่างหนึ่งอยู่

การจบสิ้นของความเป็นทวิภาวะคือช่วงเวลาที่จะได้ฉลองกัน
เพราะมันจะทำให้โอกาสในการทิ้งความเป็นทวิภาวะไว้ข้างหลัง และ
การจบลงอย่างมีความสุขนั้นเป็นไปอย่างสมหวังดังใจ

พวกคุณใช้ภพชาติหลายร้อยชาติหรือไม่ก็หลายพันชาติ
ในการดำรงชีวิตอยู่ผ่านความเป็นทวิภาวะ
และคุณก็คือวิญญาณที่ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่พวกคุณ
เริ่มประสบการณ์เช่นนี้ครั้งแรกมากทีเดียว




สำหรับหลายๆคนแล้ว ความจริงกำลังเป็นเรื่องยากที่จะต้านทานได้
แต่มันก็เป็นจังหวะเวลาของคุณเองในการเรียนรู้เกี่ยวกับหน้าประวัติศาสตร์ของพวกคุณทั้งหมด

ความเป็นทวิภาวะทำให้ความคิดจิตใจถูกบดบัง
และม่านพรางกั้นก็ถูกดึงลงมาปิดกั้นความทรงจำ
เพื่อให้คุณสามารถตั้งหน้าตั้งตาดำเนินประสบการณ์ไปโดยปราศจากความลังเลสงสัย
ม่านพรางนี้จะถูกรื้อออกไปโดยเร็วในขณะที่คุณตื่นรู้ไปสู่การเลื่อนระดับ
อันเป็นโอกาสที่แสนวิเศษในการผุดขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่า
ซึ่งเป็นบ้านอันอบอุ่นที่แท้จริงของคุณเอง

มันมีเรื่องยุ่งมากมายระหว่างเลื่อนระดับไป
แต่พวกเราก็จะทำให้ความทรงจำแบบจิตใต้สำนึกของพวกคุณ
ตื่นรู้ขึ้นอย่างนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป
เพื่อให้คุณจำได้หมายรู้ว่าโดยแท้จริงแล้วคุณคือใคร

ไม่มีพวกคุณคนใดเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตของดาวโลกเท่านั้นหรอกนะ
และพวกคุณก็มีบ้านอันอบอุ่นของตนเองซึ่งอยู่ไกลจากดาวโลกในอวกาศอันไกลโพ้น

จงอย่ามองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่า
ความเป็นทวิภาวะคือการทดลองที่พวกคุณอาสามาทำเอง
พวกคุณอาสาทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วถึงความเสี่ยงต่างๆ
อันเกิดจากการเสียความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง(your real identity)ไปโดยสิ้นเชิง
คุณจะตื่นรู้ขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม
โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการตื่นรู้ได้มาถึงนานแล้ว
และพวกเราก็ต้องขอบอกว่ามันประสบผลสำเร็จเป็นอันมาก

ถ้าคุณนึกย้อนกลับไปสัก 60 ปีหรือราวๆนั้น พวกเรารู้สึกได้เลยว่า
พวกคุณจะเห็นด้วยที่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณของพวกคุณ
เติบโตขึ้นค่อนข้างเป็นเรื่องเป็นราวมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงเฉลิมฉลองปี 2000 เป็นต้นมา
ในไม่ช้านี้การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณจะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด
และคุณก็จะต้องได้รู้ว่าที่จริงแล้วคุณคือใคร



...........

 

ข้อมูลการสื่อสารจาก SaLuSa
โดย Mike Quinsey
เมื่อ 12 สิงหาคม 2554
ที่มา : http://www.galacticchannelings.com/english/mike12-08-11.html



ตอนที่ 3 จบ


มีเพียงตัวของคุณเองเท่านั้นที่จะปลดปล่อยให้ตัวเองออกจากความมืดมิดได้
อันเป็นความมืดมิดที่ทำให้คุณตกเป็นทาสของบรรดาฝ่ายมืดทั้งหลาย
พวกคุณถูกควบคุมอย่างอยู่หมัดและถูกบังคับให้อยู่ใต้อำนาจ
เพื่อที่พวกคุณจะได้ไม่ตั้งคำถามต่อบรรดาผู้นำทั้งหลายของคุณเอง

และพวกคุณก็ถูกครอบงำด้วยคำสอนและความเชื่อ
เกี่ยวกับเหตุผลของการมีชีวิตอยู่บนดาวโลกอันเป็นเท็จ
อย่างน้อยที่สุดก็ จงลองเปิดใจดู
เพราะไม่มีการตัดสินถูกผิดต่อบรรดาผู้ที่ยังไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากการสั่นสะเทือนที่ต่ำกว่า
ซึ่งทำให้ความคิดจิตใจได้รับการบดบังหรอก

จริงๆแล้วทุกอย่างกำลังเป็นไปเพื่อช่วยให้จิตสำนึกของพวกเขาเปิดออกไปสู่ไอเดียใหม่ๆ
และทำให้จิตสำนึกของพวกเขาเข้าใจถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่รายรอบตัว

ทันทีที่พวกเราสามารถทำงานกับพวกคุณได้อย่างเปิดเผย
การช่วยเหลือของพวกเราจะเป็นเรื่องที่เข้าใจชัดแจ้งมากขึ้น
พวกเราจะนำข้อเท็จจริงต่างๆมาให้พวกคุณพิจารณา
โดยไม่ใช้การควบคุมความคิดจิตใจในรูปแบบใดทั้งสิ้น
โดยเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเชื่อทั้งหลายที่กำลังทำให้พวกคุณถดถอย




ความปรารถนาของพวกเราและของเหล่าคุรุทั้งหลายก็คือ
การที่ทุกวิญญาณได้รับโอกาสในการยกระดับขึ้นทั้งหมดทุกโอกาสที่เป็นไปได้
และถ้ายกระดับไม่สำเร็จ
มันก็จะเป็นเพราะทางเลือกแห่งเจตจำนงอิสระของพวกเขาเอง
ที่นำพาให้พวกเขาเดินไปอีกเส้นทางหนึ่ง

พวกเราให้เกียรติและเคารพทางเลือกนั้น
เพราะมีเพียงแค่ตัวตนที่สูงส่งกว่าของแต่ละคนที่จะรู้ว่า
ประสบการณ์ของพวกเขาจะนำพาพวกเขาให้ไปอยู่ตรงไหน

ถ้าคุณสัมผัสรู้ได้ว่าใครบางคนที่คุณรักคือหนึ่งในวิญญาณที่เป็นดังนั้น
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำเพื่อพวกเขาได้ก็คือ
การรับรู้ไว้ว่าการมอบความรักของคุณไปนั้นจะทำให้คุณสามารถติดต่อไปถึงพวกเขาได้เสมอ
(the best you can do for them is
to give of your love knowing that it will always keep a link with them)

แล้วคุณก็จะรู้สึกได้ถึงความสามารถในการตัดสินใจที่เป็นของตนเองเกี่ยวกับการเลื่อนระดับ
ซึ่งชัดเจนว่าคุณก็ต้องให้คนอื่นทำการตัดสินใจของตนเองเช่นกัน
เจตจำนงอิสระเป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้
และก็ไม่ทุกอารยะธรรมในจักรวาลหรอกนะ
ที่มีเจตจำนงอิสระซึ่งเป็นเอกสิทธิ์พิเศษอันศักดิ์สิทธิ์




เราคือซาลูซ่าจากซิริอุส
และได้มอบความรักและคำอวยพรจากสมาชิกทั้งหลายของสมาพันธ์กาแล็กซีให้กับพวกคุณ
พวกเราจะให้ข้อมูลจำนวนเล็กน้อยกับพวกคุณต่อไปเรื่อยๆ
แล้วคุณก็จะค่อยๆพบว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกันทั้งหมด
แล้วคุณก็จะได้ภาพเรื่องราวที่สมบูรณ์อยู่ในใจ

ที่ผ่านมา ผู้คนยึดติดกับกระบวนทัศน์แบบเก่าที่ใช้ทำความเข้าใจ หรือ
ใช้ยอมรับความจริงจำนวนมากที่ได้รับรู้มามากจนเกินไป
ทุกวันนี้พวกคุณเปิดรับไอเดียใหม่ๆ
และรู้รับผิดชอบต่อการตื่นรู้ของตัวเองแล้ว
และตอนนี้ก็มีแหล่งต้นกำเนิดของแสงสว่าง
จำนวนมากมายหลายแหล่งที่คุณสามารถพบเจอได้

หากคุณยังคงเสาะหาอยู่ล่ะก็ ได้โปรดจดจำไว้ให้ได้ว่า
คุณมีผู้นำทางของตัวเองอยู่มากมายที่เพียงแค่จำเป็นต้อง
ให้คุณร้องขอการช่วยเหลือจากพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาเป็นห่วงเป็นใยเป็นที่สุดในการทำให้คุณพอใจ

และเมื่อพวกเขาได้ช่วยเหลือเพื่อทำให้คุณพอใจ
มันก็จะเป็นการบรรลุเป้าหมายของพวกเขาเอง
และได้สมปรารถนาในการช่วยให้คุณบรรลุแผนชีวิตของคุณ

จงให้ผู้นำทางของคุณจัดหาหนทางที่ดีที่สุด
ในการตอบสนองความต้องการอันจำเป็นของคุณ
แทนที่จะเดิมพันอยู่กับแนวทางตายตัวว่ามันน่าจะเป็นไปอย่างไร

พวกคุณจะประหลาดใจกับขอบเขตความสามารถ
ในการจัดเสนอรายการต่างๆ(to organize events)ของพวกเขา
ที่สามารถนำมาได้ซึ่งสิ่งที่คุณต้องการ
แค่คุณเพียงทำตัวให้พร้อมที่จะหมายรู้ได้เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ
และพร้อมที่จะคาดคิดถึงสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็พอ



Thank you SaLuSa,
Mike Quinsey.
Website: Tree of the Golden Light

 

ขอบคุณ คุณชยุต และคุณมีด อีกแล้วครับ ที่นำข้อความอันมีค่ามาให้พวกเราอ่าน


อิอิ คุณชยุต เทพองค์นั้น ชื่อ ยูริเอล หรือเปล่าครับ

 

ขอบคุณมากเลยน่ะครับ
ถ้าคุณสัมผัสรู้ได้ว่าใครบางคนที่คุณรักคือหนึ่งในวิญญาณที่เป็นดังนั้น
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำเพื่อพวกเขาได้ก็คือ
การรับรู้ไว้ว่าการมอบความรักของคุณไปนั้นจะทำให้คุณสามารถติดต่อไปถึงพวกเขาได้เสมอ
ข้อความนี้โดนใจมากเลยครับ ^^

 

ที่เห็นออกมากันมากขึ้น น่าจะเกี่ยวกับตรงนี้หรือเปล่าครับ

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-45

 

อยากไปอยู่มิติที่ 5 จะได้มีเอวกับเขาซักที

 

แม้ ตอนแรกว่าไม่สนใจแล้วนะ อยู่ที่ไหนก็ได้ โหแต่ถ้าเป็นงี้ก็ชีวิตมีหวังขอไปอยู่ด้วย เอาแบบนี้นะ นะ ฮิๆ

 

พฤติกรรมของชาว Lightworker
..เชื่อสัญชาตญาณตนเองมากกว่าเหตุผล
..เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ชอบทำตามใคร มีความมั่นใจในตัวเองสูง(ให้อ่านประกอบข้อมูลครับ)

ผมขอบคุณนะครับ ที่ตอบคำถามผม และขอโทษที่บางครั้งคำพูดของผมอาจดูไม่เหมาะสม แต่ผมไม่มีเจตนาอะไรเลยครับ.. ด้วยความสัตย์จริง รู้สึกอย่างไรก็พิมพ์ไปอย่างนั้น ไม่ได้กลั่นกรองอะไรเลย เวลาผมอยากรู้อะไร แล้วไม่รู้ มันทำให้ผมอึดอัดน่ะครับ ก็เท่านั้นเอง "หิริโอตัปปะ"อยู่ในจิตวิญญาณผมอยู่แล้ว อย่าได้กังวลไปเลย ต่อไปจะพยายามปรับปรุงถ้อยคำให้มากกว่านี้ เพราะผมตั้งใจอยู่แล้ว ที่จะทำลายตัวตนเดิมในฐานะมนุษย์พลังงานเก่าๆซ่ะที เข้าใจความเป็นตัวตน(เดิม)ของผมบ้างเถอะครับ เพราะอย่างน้อยที่สุด ลึกๆแล้วคุณกับผมก็น่าจะมีจิตวิญญาณเดียวกัน (ผมตามงานของคุณมาปีกว่าๆ ชื่นชมและศรัทธาคุณมาตลอด ด้วยความจริงใจครับ แต่บางครั้งถ้าผมถามอะไรออกไป แล้วไม่ได้คำตอบมันก็จะออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ต้องขอโทษด้วยไม่มีเจตนาจริงๆ)

 

เคยอ่านมาเหมือนกันครับเค้าบอกว่าอยากได้ร่างกายรูปร่างหน้าตาสามารถเลือกเองได้เลยน่ะถ้าจำไม่ผิด

 

ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราเองหรอกค่ะ

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไงอยู่ หรือเจอเรื่องอะไรมา

ความรู้สึกของคุณที่บรรยายมา เป็นเรื่องธรรมดามั่กมากกกกกกกกก

พยายาม focus เฉพาะตัวเองนะคะ อย่าไปนำของภายนอก

หรือของคนอื่นมาใส่ตัวค่ะ


(ยังอุตส่าห์ จะไปยุ่งเรื่องของคุณอีก 555+)

....

เข้มแข็ง ไม่ใช่ แข็งกร้าว

อ่อนโยน ไม่ใช่ อ่อนแอ

ตั้งใจ ไม่ใช่ การบังคับ


นึกไม่ออกละ ได้แค่เนี่ยะอ่ะค่ะ *0*



black_pig



ปล. ขอบอกว่า ข้อความจาก AAM ที่พี่มี๊ดแปลมา ถูกใจโก๋เป็นที่สุด 5555+

 

เป็นของเล่นใหม่ในมิติที่ 555
ต้องหัวเราะดังๆถึงจะได้ครับพี่วิจิตร

วันนี้ข้อมูลล้นจริงๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกดีเอามากๆ
ขอบคุณคุณชยุต น้องโซ่ด้วยครับ
ผมผลัดไปโพสต่อพรุ่งนี้ดีกว่า...เดี๋ยวอ่านกันตาลายครับ

เอ่อ คุณ Ilike ไม่ต้องกังวลนะครับ เข้าใจดีครับ
บางทีไม่รู้ว่าจะตอบยังไง รอให้คุณศิวกรเค้ายอมเผยตัวออกมาคุยเองดีกว่า
ผมรู้แต่ว่าเค้าเป็นวิศวกรไฟฟ้าแค่นั่นล่ะครับ อย่างอื่นไมเคยถามเลย อิอิ

 

รู้แล้วครับ..ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
เพราะผมเองก็เป็น..

แต่ถ้าความรักในใจมันมากขึ้นเรื่อยๆ
และการให้อภัยมันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว
"ความอ่อนน้อมถ่อมตน" มันก็จะเพิ่มขึ้นตามมาครับ

เดี๋ยวต้องเจอท่านมหาเทพเมตาตรอนด่าซะหน่อย
อันที่จริงก็ไม่ใช่ด่าหรอกนะครับ..แต่พอผมได้อ่านแล้ว
โอ..เหมือนท่านเอาไม้หน้าสามมาตีกลางแสกหน้าตรงๆเลยหละ
แทบจะหงายหลังเลยหละ..เพราะว่ามันแทงใจดำของเรามากๆ

เดี๋ยวรออ่านนะครับ..ผมก็กะว่าจะแทรกแปลข้อความนี้ก่อน
แล้วค่อยมาสะสางข้อความอื่นๆของครายออน และของท่านเมตาตรอนเองด้วย
เพราะว่าข้อความที่พูดถึงนี่ สำคัญ และ สำคัญจริงๆครับ
ขอย้ำว่า อย่าพลาดนะครับ..แต่ขอเวลาให้ผมแปลสักหน่อยก่อน
ผมก็กะว่าจะแปลให้สละสลวยที่สุดในชีวิตเลยหละ..

.......................................................

 

ไม่ได้ดูมาวันเดียวข้อมูลมาเต็มเลยค่ะ
ขอบคุณทีมแปลทุกคนมากเลยนะคะ

แต่ละโพสในตอนนี้เข้มข้นมากๆ


และโพสนี้...

'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย'

กินใจมากๆ