คำสั่งสึก1/2554 นักบวชเกษมหลบหน้าไม่ยอมพบ พศ จนท.พร้อมตำรวจ40นายบุกติดประกาศคำสั่งแล้ว

อืม... คุณผู้เตือน warn ได้ให้แง่คิดและเตือนสติได้ดีครับ

ใช่ครับ เราต้องมั่นใจในสิ่งที่เราทำ เพราะสิ่งที่พวกเค้ากระทำมันเป็นสิ่งที่ผิด
และจะได้รับโทษเมื่อสิ้นอายุขัย ต้องตกนรกแน่นอน

เราแค่มาช่วยให้พวกเค้าไม่ต้องถลำลึกไปกว่านี้

 

ใช่แล้วเรากำลังกระทำบุญกิริยาวัตถุ ข้อที่10

บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) คือ ความเข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ สิ่งที่เป็นแก่นสารสาระหรือที่ไม่ใช่แก่นสารสาระ ทางเจริญทางเสื่อม สิ่งอันควรประพฤติสิ่งอันควรละเว้น ตลอดจนการกระทำความคิดความเห็นให้เป็นสัมมาทิฏฐิอยู่เสมอ

ใช้สัมมาทิฏฐินำ ย่อมแยกผิด-ถูก ดี-ชั่ว อะไรควรทำ-อะไรควรละเว้น
การเคารพบูชา มีผลจริง

 

คนที่อ้างว่าเป็นพระเกษม ไม่ใช่องค์จริงครับ แต่ถือว่าเข้าใจธรรมะได้ดีพอควร
ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า หลวงพ่อเป็นอริยะบุคคล การแสดงออกนั้นป็นแค่การแสดง
ปริศนาธรรม เพื่อสะท้อนสังคมปัจจุบันที่ยึดติดรูปภายนอกมากเกินไป
และจะไม่มีใครสึกท่านได้ สิ่งนั้นจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ
1.เป็นกรรมเก่า
2.อาบัติปราชิก
3.พระพุทธเจ้าสั่งให้สึก
พระภิกษุที่จะสั่งให้สึกต้องยึดถือพระธรรมวินัยสูงสุด
ไม่ใช่ยึดถือความพอใจของคน

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=9t8lM8M3o10&feature=related]เปิดโลกเทวดา 520212_1 7 - YouTube[/ame]

เอามาให้ดูเพื่อเทียบเคียง

 

----------------------------

ถึงว่าสินะครับรุ่นท่านไม่น่าจะโต้ตอบบนคีบอร์ดได้เร็ว
อย่างน้อยต้องหาแต่ละตัวมาประกอบเป็นคำพูด ต้องใช้เวลา
แค่เปลี่ยนรูปตัวแทนก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว

ว่าแต่ในคลิปใช่ท่านเกษมมั้ยครับ

ที่ด่าโครตพ่อ โครตแม่ ค.ว.ยหมา ถุยให้คนอื่นอีกต่างหาก
แถมถีบเก้าอี้กระเด็นด้วย และยังสอนสั่งให้คนทำลายพระพุทธรูปด้วย

ใช่คนเดียวกันกับพระอริยะหลวงพ่อเกษมที่ท่านบอกมั้ยครับ

 

คดีความ

ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติเอกฉันท์ ขอให้สมเด็จพระสังฆราช ในฐานะประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงลงพระนามในพระบัญชาให้สึกพระโพธิรักษ์ จากสมณเพศภายใน 7 วัน แต่ พระโพธิรักษ์ ไม่ยอมเปล่งวาจาสึก ตำรวจนำกำลังไปควบคุมตัวไปที่ สน.ดุสิต ก็ไม่เปล่งวาจาสึก จึงทำได้แค่ให้เปลี่ยนชุด เป็นสีขาว และโดนฟ้องอีก 78 คดี สมณะและสิกขามาตุถูกฟ้องแต่งกายเลียนแบบพระการต่อสู้คดีดำเนินไป โดยมีคณะทนายอาสามาช่วย 53 คน แต่ได้รับแต่งตั้งให้ว่าความเพียง 10 คน มี ทองใบ ทองเปาด์ รางวัลแมกไซไซ เป็นหัวหน้าคณะ และ ประดับ มนูรัษฎา, สงบ สุริยินทร์, สัมผัส พึ่งประดิษฐ์, ชำนาญ พิเชษฐพันธ์ และ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ (ส.ส. พรรคพลังธรรม) ศาลแขวงพระนครเหนือ มีคำพิพากษาเมื่อ 29 ธ.ค. 2538 หลังสืบพยานนานถึง 6 ปีเต็ม ให้จำเลยทั้งหมดมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง จำคุกโพธิรักษ์ รวม 66 เดือนโทษจำรอลงอาญา 2 ปี คนอื่นๆ ก็เช่นกัน 3 เดือนรอลงอาญา ทั้งหมดยืนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษา เมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2540 ยืนตามชั้นต้น โพธิรักษ์ ไม่ยื่นฎีกา ส่วนคนอื่นๆ ยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษา 15 มิถุนายน พ.ศ. 2541 ให้ยืนตามศาลอุทธรณ์ ตัดสินให้พระโพธิรักษ์แพ้คดี มีคำสั่งรอลงอาญา 2 ปีพร้อมคุมประพฤติ ปัจจุบันพ้นกำหนดรอลงอาญาแล้ว
เนื่องจากไม่เป็นที่ยอมรับของมหาเถรสมาคม แต่ว่าทางสมณะโพธิรักษ์และทางสำนักยังยืนยันปฏิบัติตนอย่างพระสงฆ์ จึงมีการใช้คำว่าสมณะเป็นคำนำหน้าชื่อเพื่อให้แตกต่างออกไป และไม่เป็นการละเมิดพระราชบัญญัติสงฆ์

 

ผิดเพี้ยนกันไปใหญ่ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เอาไปไว้ไหนหมด เอาคำสั่งสอนเพี้ยนออกทะเลไปไหนก็ไม่รู้มาใช้ คำสอนแบบนี้คงไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่เป็นลัทธิอะไรไม่รู้ สักอย่าง แน่ ๆ

 

พวกเอ็งนี่เมื่อนิ้วชี้ไปที่ดวงจันทร์ ดันติดอยู่ที่ปลายนิ้ว ชาตินี้คงเจริญล่ะ

ปัญหา เราจะมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าภิกษุรูปใดเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้สิ้นอาสวะแล้ว..... พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้ชอบจึงนับว่ามีธรรมอันสมควรจะพยากรณ์ได้ดังนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ข้าพเจ้าทราบชัดว่า จิตของเราหลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้นสำรอก ดับสละ และสลัดคืนซึ่งความพอใจ ความกำหนัด ความยินดี ตัณหา อุปาทาน ที่ยึดมั่นและอนุสัยคือความตั้งใจ และความปักใจมั่นในจักษุในรูปในจักษุวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณ..... ในโสต ในเสียง ในโสตวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยโสตวิญญาณ...... ในฆาน ในกลิ่น ในฆานวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานวิญญาณ.... ในชิวหา ในรส ในชิวหาวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหาวิญญาณ ในกาย ในโผฏฐัพพะ ในกายวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณ ..... ในมโน ในธรรมารมณ์ ในมโนวิญญาณ และในธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณ..... จิตของข้าพเจ้ารู้อยู่ เห็นอยู่อย่างนี้แล จึงได้หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นในอายตนะทั้งภายในทั้งภายนอกอย่างละ ๖ เหล่านี้.....”
ฉวิโสธน ปญ
สูตร อุ. ม. (๑๖๗-๑๗๑)
ตบ. ๑๔ : ๑๒๓-๑๒๗ ตท. ๑๔ : ๑๐๔-๑๐๘
ตอ. MLS. III : ๘๑-๘๕

ปัญหา พระพุทธเจ้าจัดว่าเป้นพระบรมศาสดาของโลก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์ทรงเคารพใคร ? หรือว่าไม่ทรงเคารพใครเลย ?

พุทธดำรัสตอบ “.... บุคคลผู้ไม่มีที่เคารพ ที่ยำเกรง ย่อมอยู่เป็นทุกข์ เราจะพึงสักการะเคารพอาศัยสมณะ หรือพราหมณ์ใครผู้ใดอยู่หนอ ?
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้มีพระดำริว่า “เราควรสักการะเคารพสมณะหรือพราหมณ์อื่นแล้วอาศัยอยู่ เพื่อความบริบูรณ์แห่งศีลขันธ์ที่ยังไม่บริบูรณ์ แต่ว่า เรายังไม่เห็นสมณหรือพราหมณ์อื่นที่ถึงพร้อมด้วยศีลยิ่งกว่าตนในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ซึ่งเราควรสักการะเคารพ อย่ากระนั้นเลย สิ่งเดียวที่เราควรสักการะเคารพคือธรรมที่เราตรัสรู้นั่นแหละ
คารวสูตรที่ ๒ ส. สํ. (๕๖๐)
ตบ. ๑๕ : ๒๐๓-๒๐๕ ตท. ๑๕ : ๑๙๔-๑๙๕
ตอ. K.S. I : ๑๗๕

 

คนเช่นใด “ปากอุจจาระ” “ปากดอกไม้ และปากน้ำผึ้ง” คืออย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลปากอุจจาระ คือ อย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปในที่ประชุมก็ดี ในฝูงชนก็ดี ไปในท่ามกลางเหล่าญาติก็ดี ไปในท่ามกลางเสนาก็ดี ไปในท่ามกลางราชาสกุลก็ดี ถูกเขาอ้างเป็นพยาน.... เขาไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ หรือรู้ก็ว่าไม่รู้ ไม่เห็นก็ว่าเห็น หรือไม่เห็นก็ว่าเห็น กล่าวแกล้งเท็จทั้งที่รู้ เพราะเห็นแก่ตนเอง เพราะเห็นแก่คนอื่น หรือเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อย... นี้เรียกว่าคน “ปากอุจจาระ”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ปากดอกไม้ คืออย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปในที่ประชุม.... ถูกเขาอ้างเป็นพยาน.... เมื่อเขาไม่รู้ก็กล่าวว่าไม่รู้ หรือเมื่อรู้กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าไม่เห็น เมื่อเห็นก็กล่าวว่าเห็น ย่อมไม่แกล้งกล่าวเท็จทั้งที่รู้ เพราะเห็นแก่ตน เพราะเห็นแก่คนอื่น หรือเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อย... นี้เรียกว่าคน “ปากดอกไม้”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ปากน้ำผึ้ง คืออย่างไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ พูดแต่วาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะโสตเป็นที่รักจับหัวใจ เป็นวาจาของชาวเมือง เป็นที่รักที่ชอบในของคนมาก... นี้เรียกว่าคน “ปากน้ำผึ้ง”....

คูถภาณิสูตร ติก. อํ. (๖๔๗)
ตบ. ๒๐ : ๑๖๑-๑๖๒ ตท. ๒๐ : ๑๔๕
ตอ. G.S. ๑ : ๑๑๐-๑๑๑

 

มาตรา 41 ที่กำหนดว่า ผู้ใดใช้ถ้อยคำหรือนำพิธีกรรมใดๆ ในพระพุทธศาสนา ทั้งใน ศาสนธรรม ศาสนบุคคล ศาสนวัตถุ หรือศาสนพิธี ไปใช้หรือดัดแปลง เพื่อหาประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหมายความว่า ภายหลังจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ จะส่งผลให้ผู้ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ นำพิธีกรรม คำสอนทางพระพุทธศาสนาไปดัดแปลง บิดเบือนจากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จะมีความผิดถึงขั้นติดคุกในทันที โดยจะมีการออกกฎหมายลูกขึ้นมาเพื่อกำหนดรายละเอียดต่อไป

 

พวกเอ็งนี่มัน นับถือบูชาพระ เพราะหัวโล้นกับผ้าเหลืองจริงๆ ดูนี่สิ

http://palungjit.org/threads/เปิดเผ...ลก-ของพระอาจารย์เกษม-อาจิณณสีโล.38091/page-28

นี่ข้ายังสงสัยว่าถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ถ้าข้าพูดอะไรคนส่วนใหญ่คงเห็นดีด้วยเพราะหัวโล้นกับผ้าเหลือง ไม่ได้เห็นดีด้วยเพราะธรรมจริงๆ ใครมันจะสึก ใครมันจะมาจับข้า มาเลยมีอย่างที่ไหนพวกเอ็งมาตั้งศาลเตี้ย ไม่สอบสวน คงจะกลัวว่า สิ่งที่ข้าทำจะทำให้คนทั้งหลายได้คิดนะสิ และโครงสร้างอำนาจที่พวกเอ็งมอมเมาผู้คนไว้แบบผิดๆ ว่าพวกเอ็งคือทางคือประตู กำกุญแจสู่นิพพาน จะถูกสั่นสะเทือน คงจะกลัวมากนะสิว่าจะหากินบนหลังคนโง่ไม่ได้อีก ไอ้พวกนี้ภาษาบ้านข้าเขาเรียก พวกระยำ พวกปากอุจจาระ
พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านทรงยกเอาฟองอากาศในน้ำขึ้นมาเปรียบเทียบแทน เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์ว่าเป็นมายา เพียงแต่เพราะคนส่วนใหญ่มีความจำได้หมายรู้ผิดๆ เกี่ยวกับทวารทั้ง 6 จึ่งได้พัฒนาความจำได้หมายรู้ผิดๆ เกี่ยวกับ ตัวตน บุคคล สัตวะ และ ชีวะขึ้น
ข้าเพียงแต่พยายามทำให้คนส่วนใหญ่ พ้นไปจากความจำได้หมายรู้ผิดเช่นนี้ และ เป็นอิสระจากมัน ไม่ยึดถือผูกพันกับมัน เพราะถ้าเราหลงไปยึดเอาสิ่งต่างที่เสื่อมสลายได้ง่ายมาเป็นสรณะ เราก็เสื่อมสลายได้ง่ายดุจเดียวกันก็เท่านั้น

 

เกษมเอ้ยหยุดเถอะ

 

คนดังมาแล้ว

------------------------

ช่วยแสดงธรรมด้วยท่าน ว่าทำไมถึงได้ใช้คำว่าโครตพ่อ โครตแม่ ควยหมา
มีพระอริยะในพระไตยปิฎก ใช้คำเหล่านี้หรือไม่ครับท่าน

ท่านทำลายพระพุทธรูป ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ เช่น ขนาด เล็ก ใหญ่ หรือ
ต้องเป็นวัตถุชนิดนั้นๆ หรือต้องมีการปลุกเสก หรือแล้วแต่ความพอใจ

 

เอ็งรู้ได้ไงว่าไม่มี ข้าจะบอกให้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสเอง เสียด้วยซ้ำ ถ้าเอ็งอยากรู้ว่าข้าพูดจริงรึเปล่า เอ็งหาดูได้จากหนังสือรวบรวมคำพวกนี้ ชื่อชุดขุมทรัพย์จากพระโอษฐ ของสายพระสวนโมกข์รวบรวมไว้ ทุกวันนี้ยังมีพิมพ์ขาย จริงไม่จริงไปหาดูเอง คำพวกนี้มีอยู่มากในพระไตรปิฏก แต่เป็นคำหยาบในสมัยนั้น ไปหาดูเอง

อันไหนทำให้ความยึดมั่นถือมั่นหายไป บรรเทาเบาบางลง ได้ข้าก็ให้ทำลายอันนั้น ที่นี้ถ้าเจ้าของเขายึดเอาไว้ไม่สมัครใจทำลายข้าก็ไม่ว่า เขาทำกันเองด้วยความคิดของเขาเอง ข้าไม่ใช่พ่อใช่แม่พวกมันนี่ คลิปมีไปหาดูเองว่าข้าพูดว่าไง

 

ก่อนอื่นเลย ท่านควรถอดจีวรออกก่อนนะครับ
เพราะตอนนี้ท่านเข้าค่าย คดีอาญาแล้วนะครับ
แล้วไปเปิดกฎหมายดู เตรียมขึ้นศาลได้เลย ขนาดสมณะโพธิรักมีคุณทองใบ ทองเปา ทนายรางวัลแมกไซไซ เป็นทนายให้ยังไม่รอด แล้วท่านคิดว่าจะรอดหรือครับ

 

ไม่มีใครผิดหรอก เค้าเรียกว่า กำลังจะเป็นโสดาบันกันเอง ก็แค่นั้น ยังอีกหลายขั้น มันถึงยุคเมาตำราก็แค่นั้นเอง ภัยพิบัติยังอีกยาว ไม่ถึงง่ายหรอก ต่อให้ถึงปี 2012 ก็ไม่เกิด มันไม่มีหรอกภัยพิบัติ ไม่ต้องถามว่าผมเป็นใคร ให้ผมแค่เดานะ คนที่ตอบในเวฟนี้ 99% คิดว่าตังเองต้องรอดภัยพิบัติกันทั้งนั้น เพราะคิดว่าตังเองเป็นคนดีมีศีลธรรม นี่ เบอร์ ผม อยากด่าโทรมา 0858877989 ผมจะรอ

 

-------------------------

จริงๆ แล้วผมก็พอจะรับได้กับเรื่องคำหยาบคายนะครับ
แล้วแต่คนๆ นั้นจะใช้ จะรับได้แค่ไหนก็แล้วแต่ผู้รับฟังเค้าจะพิจารณากันเอง
แต่ที่ต้องนำมากล่าวอ้างด้วย เพราะเห็นท่านแสดงไว้ในคลิป มันเหมือนท่าน
เก็บอารมณ์ไม่อยู่เสมือนคนวุฒิภาวะต่ำ แต่ท่านว่าเป็นการแสดงธรรม
ก็ว่าตามนั้นไป

แต่ที่ผมรับไม่ได้เลย คือการลบหรู่และทำลายพระพุทธรูป
ท่านอ้างว่าเป็นเพียงวัตถุ เรายึดติดกันไปเอง เช่นนั้น ถ้าใคร
ที่จ้องจะตัดเศียรพระและวัตถุโบราณไปขาย โดยอ้างคำท่าน
ท่านจะว่าอย่างไร

พระพุทธชินราช ที่จ.พิษโลก
พระพุทโสธร จ.ฉะเชิงเทรา
พระแก้วมรกต จ.กรุงเทพฯ

เป็นวัตถุ เช่นเดียวกับที่ท่านทำลายหรือไม่

 

มีอย่างที่ไหนพวกเอ็งมาตั้งศาลเตี้ย ไม่สอบสวน คงจะกลัวว่า สิ่งที่ข้าทำจะทำให้คนทั้งหลายได้คิดนะสิ และโครงสร้างอำนาจที่พวกเอ็งมอมเมาผู้คนไว้แบบผิดๆ ว่าพวกเอ็งคือทางคือประตู กำกุญแจสู่นิพพาน จะถูกสั่นสะเทือน คงจะกลัวมากนะสิว่าจะหากินบนหลังคนโง่ไม่ได้อีก ไอ้พวกนี้ภาษาบ้านข้าเขาเรียก พวกระยำ
--------------------------

แสดงว่าท่านไม่มีความไตร่ตรองคำพูดก่อนเลย
ว่ากล่าวหมิ่นคนอื่นว่าจะหากินอะไรไม่ได้ครับ
คนที่เค้าไม่เห็นด้วยกับท่านทำลายพระพุทธรูปกลายเป็นคนระยำสำหรับท่าน

เช่นนั้นคนส่วนใหญ่ที่เค้าติดตามเรื่องนี้ก็คงระยำกันหมดหละครับ

ชาวพุทธที่ไม่เห็นด้วยต้องมีใครสักคนออกมาไม่ยอมรับกับการกระทำของท่าน

นั่นก็คือบุคคลที่ท่านกำลังชี้แจงนั่นแหละ

 

กลัวท่านจะเข้าใจผิด ว่าที่ผมออกมาไม่เห็นด้วยกับการทำลายล้างพระพุทธรูป
เพราะว่ามีส่วนได้เสียอะไร ผมกล้าสาบานได้เลยว่าไม่มี

แต่ที่ต้องออกมาเพราะผมปฏิบัติสมาธิ ทุกวันก่อนนอน
พอรับรู้ถึงความสงบ จึงระลึกได้ถึงพระคุณพระพุทธเจ้า
ที่ได้ชี้ทางไว้ ถ้าไม่มีพระพุทธรูป ผมก็คงจะนึกไม่ออกจริงๆ
ว่าพระพุทธเจ้ามีลักษณะใด และมีเอกลักษณ์อย่างไรบ้าง

ลองมาคิดดูเล่นๆ ถ้าไม่มีพระพุทธรูป หรือภาพวาดต่างๆ
แล้วอะไรเล่าจะทำให้เราระลึกถึงพระองค์ได้

 

ถ้าท่านเป็นพระเกษมจริง ผมขอร้องท่านเรื่องทำลายพระพุทธรูปเว้นเสียเถอะ
อย่าทำร้ายจิตใจชาวพุทธไปมากกว่านี้เลย ส่วนเรื่องที่ท่านไม่สำรวมและหยาบคาย
ก็ถือว่าซะว่ามันเป็นลักษณะส่วนบุคคคล อันนี้คงจะเปลี่ยนกันยาก