ตามครรลองธุลีดิน(ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 8 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448

    อยากเล่า นี้ พาไปอดเล่าที่ไหนก็ไม่ได้นะค๊า
    เพราะฉะนั้น เล่าเรื่องราว ตื่นเต้น..ดีกว่าค่าท่านอาจารย์
    ไม่ต้องรอ.. ผู้ชมผู้ฟังผู้อ่าน แทะขนมรอแล้วค่า^^
     
  2. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    วันนี้เวลามีไม่มาก....24ชั่วโมงเท่าเดิมเป๊ะ ไว้วันไหนมีเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 25 ชั่วโมง/วันเมื่อไร คงได้คุยนานกว่านี้แน่..

    แต่วันนี้จะขอคุยเล่ากันไปตามประสา...อย่าได้ถือเป็นข้อสรุปแต่อย่างใด จะขอเอาแบบพอเป็นมงคลทางใจก็แล้วกัน!

    ๑. อยากทราบรอยพระพุทธบาทในถ้ำสำนักสงฆ์ที่ท่านtoplus99 กล่าวถึง ปัจจุบันยังเรียกถ้ำกะโหลกอยู่รึปล่าวคะ ปัจจุบันเรียกถ้ำอะไร

    คนธรรมดาอย่างเรามีสิทธิไปถึงได้อย่างไรบ้าง

    ตอบ..ปัจจุบันไม่เรียกว่า"ถ้ำหัวกระโหลก" แล้ว...แต่ไม่บอกว่าชื่อถ้ำอะไร เพราะคุณน้ำใสรู้แล้ว (มาแกล้งทำซื่อ)

    คนธรรมดาๆไปได้ครับ...คนที่สามารถเหาะได้ก็ไปได้..เรียนจบแค่อนุบาลหรือจบระดับดอกเตอร์จาก ม.ฮาวาร์ด ลอนดอน ก็ไปได้เช่นกัน


    ๒.เพิ่งทราบจากคุณดาบหักว่ารอยพระบาทมีทั้งที่เป็น รอยพระพุทธบาท รอยพระบาทพระอริยะเจ้า รอยพระบาทพระมหาโพธิสัตว์

    แล้วที่ผ่านมาประวัติศาสตร์ท่านทราบได้อย่างไรคะ ว่าแต่ละรอยประทับเป็นขององค์ใด
    ตอบ...ระดับปัญญาญาณพื้นๆ ..ตาสีตาสาธรรมดาๆคงไม่สามารถบอกหรือยืนยันได้หรอกว่า รอยเท้าที่เห็นเป็นของท่านระดับใดอธิษฐานไว้

    แต่โดยส่วนใหญ่จะผ่านการทดสอบปัญญาญาณจากพระผู้ทรงญาณวิถี ที่สามารถสื่อสารถาม-ตอบกับองค์เทพเทวดาชั้นสูงเพื่อยืนยันรับรองกันอีกครั้ง..


    และรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งก่อสร้างที่ครอบไว้ควรเป็นมณฑปหรือเจดีย์
    แนวปฏิบัติการแสดงความเคารพต่อรอยพระพุทธบาท รอยพระบาท ต่างกันอย่างไร

    ตอบ..อันนี้ก็ไม่ทราบแน่เหมือนกัน..คงแล้วแต่บุญบารมีกับผู้ที่เคยเกี่ยวข้องมาแต่ครั้งก่อนตามเหตุการณ์นั้น ที่ท่านอธิษฐานไว้เพื่อเป็นองค์อุปถัมภ์..กะมัง

    ๓. กรณีที่เราไม่เคยไปสักการะรอยพระพุทธบาท หากจะไปเราควรเตรียมปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง ระมัดระวังอะไรบ้าง แต่ละที่ต่างกันหรือไม่ อย่างไร ?

    ตอบ...จะเคยไปสักการะมาก่อนหรือไม่คงไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าไร
    สิ่งที่พึงระลึกเป็นสำคัญสำหรับชาวพุทธศาสนิกชน..

    ว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีความดีหลักๆ 3 ประการ ซึ่งเหมือนกันหมดนับแต่องค์ปฐมต้น (พระพุทธเจ้าองค์แรกแห่งปฐมวิญญาณของสัตว์โลก)ตราบถึงพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปในอนาคตาอีกไม่รู้เท่าไรเกินประมาณ..

    ที่แต่ละทุกพระองค์ท่านมี...ถือว่าเป็นเลิศประเสริฐสูงสุดในกว่ามนุษย์ใด..ในแต่ละยุคนั้นๆมีดังนี้


    ..1.พระปัญญาธิคุณ
    2.พระกรุณาธิคุณ
    3.พระบริสุทธิคุณ


    เราจึงควรน้อมจิตรำลึกคุณความดีองค์พระองค์ท่านเหล่านั้นโดยแสดงความกตัญญุตา และกตเวทิตาคุณ
    โดยการร่วมกันทำนุบำรุง สถานที่ดังกล่าวไว้เพื่อประกาศแก่ชนรุ่นหลังต่อไป การสวดมนต์สรรเสริญความดีงามของท่านด้วยบทอิติปิโส(คุณพระพุทธ คุณธรรม คุณพระสงฆ์) และยึดเอาหลักการประพฤติดีตามหลัก อันมี ทาน ศีล สมาธิและการเจริญปัญญา..เป็นหลักนำทางชีวิต


    ดังนี้เป็นสำคัญจึงสมควรค่าแก่การชาวพุทธที่ดีที่ได้มีโอกาสพบเจอพระธรรมคำสอน..และมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ประกาศพระธรรมนั้นมิให้เสื่อมถอยลงไป


    เอวัง...ก็ว่ากันตามประสาปัญญาน้อยๆของtoplus99 แต่เพียงเท่านี้ล่ะจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2013
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มีเรื่องจะเล่า...#พระหนุ่มแดนเมืองใต้หงายหลัง เพราะคนมีสองร่างปรากฏขึ้นพร้อมกัน

    เรื่องมันมีว่างี้...นะว่า

    ....พระหนุ่มจากแดนใต้ แล่งใต้สำเนียงภาษาทองแดง เมืองพัทลุง
    ให้รู้สึกว้าวุ้นสับสนในเพศบรรพชิตว่าเหตุไฉนกะไรหว่า ใครๆเขาก็ใช้ชีวิตฆราวาสอันหรรษา ดีอยู่นี่
    อันตัวข้านี้มาบวชอยู่ทำไมวะ!


    แล้วเหตุมหัศจรรย์ระหว่างบีบนวด แข้งขาพระอาจารย์ที่เคารพรักอยู่นั่นเอง

    " กายร่างของพระอาจารย์ที่หลับอยู่กับพื้นผ้าปูในถ้ำ
    แล้วไฉนจึงมีอีกร่างของพระอาจารย์ ก็ยันตัวซ้อนเป็นอีกร่าง
    ลุกขึ้นมาต่อหน้าต่อตาพระหนุ่ม..

    เล่นเอาตกใจหงายผงะ..แปลกจังฮู๊!

    วันหลังจะมาใหม่..ขอบอกโม้แต่เรื่องจริง..เคยเจอเปล่าววว
     
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    วันนี้มีโอกาสไปร่วมทำบุญทอดกฐิน ณ วัดสาขาดูแลของพระอาจารย์ถ้ำ
    โดยมีท่านรองสมุหราชองครักษ์ เป็นประธาน
    ขอท่านที่มีใจเป็นบุญกุศล ขอได้อนุโมทนาร่วมกันเทอญ...สาธุ

    อาทิตย์หน้าก็พระอจารย์ท่านก็ต้องเดินทางไปร่วมงานเจริญพุทธมนต์พุทธาภิเษก
    โดยมีแกนนำเสื้อแดงชื่อดังคนสำคัญ มานิมนต์ให้ไปร่วมพิธีที่ภาคใต้

    ก็ว่ากันไปตามวิถี..คนเรามีกรรมดี กรรมเลว
    มีเจตนาเป็นกำลังเครื่องชี้วัดนำทางสู่สัมปรายภพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    #ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก#


    มาเรื่องนี้ก่อนล่ะกัน…
    เราย้อนรอยประวัติอดีตของใครสักคน...ที่มีเรื่องราวบนถนนเส้นทางนักเลงมามากมาย
    จนกลายเป็นโจรสลัดออกปล้น แล้วกลับตัวกลับใจมาเดินรอยทางขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า…..ในที่สุดได้อย่างไร?

    ตามประสาของคนมีเพื่อนฝูงมากมายของหัวโจกลูกพี่ใหญ่ใจกล้า นักเลงหัวไม้ นักเลงขี้เหล้าเมายาที่มักมีเรื่องทะเลาะต่อยตีกันเป็นเรื่องปกติ เรื่องต่อยตีรันฟันแทง มีดปืน หมัดแข้งศอกไม่เคยยั่นหวั่นใคร จนเพื่อนฝูงแก๊งส์เดียวกัน ก็เริ่มบาดเจ็บล้มตายกันไป บ้างก็เข้าคุกมุดมุ้งตารางสายบัว

    หนุ่มร่างสูงใหญ่ใจกล้าบ้านนอกจากที่ราบสูง ที่สุดก็ออกเดินทางไปหางานรับจ้างทั่วไปทั้งในตัวอำเภอ ในเมือง ในกรุงเทพทั้งงานหนักงานเบาสารพัดทั้งรับจ้างเกี่ยวข้าว แบกข้าวโพด งานช่างก่อสร้างเอาหมด

    หัวหน้างานก็มักเอ่ยปากชมเรื่องความขยันขันแข็งหัวไวกว่าเพื่อนคนอื่นๆ แต่เงินที่ได้ก็พากันเที่ยวดื่ม ลงขวดกินเหล้าเกลี้ยงแทบไม่เหลือติดตัว อยู่ทำที่ไหนก็ได้ไม่นานก็มักมีเรื่องต่อยตีกับวงอื่นเป็นประจำแทบทุกที่ เพราะความเป็นคนอารมณ์ร้อนมุทะลุ ไม่ยอมลงให้ใคร รักเพื่อนรักฝูง โดยส่วนใหญ่เพื่อนนั่นแหละตัวดีนำเรื่องมาให้ดีนัก....

    “งั้นเดี๊ยวเอ็งเจอลูกพี่ข้า..”
    ที่สุดก็ผันตัวเองมาเป็นนักมวยได้ขึ้นชกที่เวทีมวยลุมพินี ครั้งนั้นในน้ำหนักร่างใหญ่เท่ากันมีน้อย และด้วยจากเป็นคนที่มีชั้นเชิงมวยดีเกินใครในรุ่นเดียวกันจึงหาคู่ชกยาก

    ถึงจะเป็นนักเลงบ้านนอกชั้นเชิงก็ใช่กระจอก..ถิ่นเมืองนอนครูมวยเก่าที่เก่งมากก็ได้เคยสอนชั้นเชิงมวยชั้นสูงฝึกให้มา ตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กรุ่นเล็กๆ
    (นักเลงบ้านนี้จึงมักได้เปรียบนักเลงบ้านอื่น มิน่าต่อยตีกันทีไรเลยได้ใจ..ไม่กลัวใคร)
    .... ที่สุดก็เลิกราหันทำอาชีพอื่นไปในที่สุด เพราะไม่ชอบสังกัดค่ายมวยไหน
    ไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่งการ...

    แต่กระนั้นความซ่าบ้าเลือดไม่มีล่ะเว้น แม้กระทั่งกับตำรวจคิดดูเอาเถอะ

    เอาว่าได้ที่ครบเครื่องเรื่องน่าระอา...สำหรับชาวประชาจนพากันส่ายหน้า ปิดประตูหนีก็แล้วกันเหอะ

    พี่ชายคนโตที่พ่อฝากฝังให้ดูแลน้องก่อนตาย...ก็เกรงว่าขืนปล่อยไว้ถิ่นฐานบ้านเกิดเดิม ชะรอยน้องรักที่แสนทะนงองอาจ คงมิได้ตายดีแน่ จึงชักชวนน้องชายคนเล็กให้ลงไปช่วยกันทำสวนไร่ยางด้วยกันที่ แถบอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อให้หนีจากกลุ่มสังคมเพื่อนเดิมๆที่มักชักชวนกันไปสร้างเรื่องราวเดือดร้อนไม่รู้หยุดหย่อน

    ผลการเดินทางของนักเลงบ้านนอกจากที่ราบสูงมาทำมาหากินเมืองใต้คนนี้.....น่าจะดีขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่รู้จักทำมาหากินเรื่องเป็นราวสักที

    ครอบครัวทั้งพี่น้องคนอื่นและที่สำคัญที่สุดคือ...คนที่ได้ชื่อว่า”แม่”ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ต้องนอนสะดุ้งผวามานานนัก..ที่มักได้ยินเรื่องราวการมีเรื่องราวต่อยตีของลูกชายเมื่อคล้อยหลังออกจากบ้าน มาตั้งกระครั้งวัยหนุ่มรุ่นกระทงจนโตเข้าเกือบเบญจเพศหวังไว้ว่า...ลูกชายคงคิดได้ให้แม่หมดห่วงซะทีเถอะลูกรักของแม่เอ๋ย

    ความหวังการเยือนแดนใต้ครั้งนี้….สูญเปล่าสำหรับคนในครอบครัว ซ้ำหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อหนุ่มใจกล้าคนนี้ได้มาคบหากับกลุ่มเพื่อนใหม่ชาวนักเลงปักษ์ใต้ที่ดูเข้ากันดีเป็นปี่เป็นกลองชุดยิ่งนัก

    หากคบค้าสมาคมนักเลงปกติธรรมดาๆทั่วไปคงไม่ใช่ปัญหาเท่าไร....แต่นี้คือกลุ่มแก๊งค์โจรสลัด

    ที่คอยออกล่าดักปล้นเรือพ่อค้าออกเดินทะเลในแถบเขตจังหวัดพังงา ระนอง
    เอาล่ะซิ..เราคอยตามมาดูทีรึ..ว่านักเลงบ้านนอกเมืองย่าโม กับกลุ่มเพื่อนใหม่ในคราบโจรสลัดกำลังคิดคบกันทำอะไรและพวกเขาทั้งหมดจะต้องพบเจอกับอะไร.....


    ...รับรองมันส์มากยังกับดูหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2013
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ#ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก#

    เมื่อเหล่านักเลงสุราสนทนาลีลากันตามประสาว่า..ข้าแน่ จนกลายเป็นชุมนุมโจร
    หลังได้ตกลงวางแผนการใหญ่กันได้เรียบร้อย โดยจุดหมายของกองโจรนับร่วมกว่า20ชีวิต คือออกเรือประมงลำใหญ่ล่องเทียบออกจากฝั่ง แทนที่จะออกไปหาจับปลาทูมานึ่งขาย..

    แต่ดันคิดมุ่งตรงไปบุกขึ้นปล้นยึดเอาเรือใหญ่บรรทุกขนแร่จากที่แล่นจากภูเก็ตสัญจรผ่านแถบจังหวัดพังงาไปยังระนองซะงั้น..เอากะโจร!

    .....งานนี้สำเร็จถือว่าไม่ใช่งานยากจนเกินไป ความเสี่ยงก็น้อย เหนื่อยก็ไม่มาก และเต้นเต้นสมเป็นโจร แต่ผลที่ได้ถือว่ากำไรสุดคุ้มค่าการลงทุน
    (ก็นึกไม่ออกว่า ชุมโจรนี้มันไปลงทุนกับเจ้าของเหมืองแร่เขาตั้งกะตอนไหน)

    เพื่อให้ได้บรรยากาศอันแสนครึ้มใจของผลโหวตเป็นเอกฉันทามติในสภาของชุมโจร ก็ต้องนัดแนะกันออกท่องไพร เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จตามจินตนากันล่วงหน้า ตามประสาคนชั่วรวมตัวกันเพื่อหวังรวยทางลัดกับการหากินบนความเดือดร้อนของสุจริตชนคนอื่น ...
    (เช่นพาลชนนักการเมืองบางกลุ่มบางคณะ..แต่เหมือนอาจจะเลวกว่าโจรก๊กนี้เยอะ)

    แต่ครั้นจะไปฉลองแชมเปญในร้านใหญ่ก็กลัวแผนชั่วจะหลุดรั่วออกไป และดูไม่เข้ากับสันดานของโจรผู้รักธรรมชาติโดยออกไปหาล่าเบียดเบียนสัตว์ป่า ที่มีชุกชุมไม่ไกลนักมาทำกับแกล้มแนมสุราย้อมใจด้วยกันหน่อยดีกว่า...ติ๊งเน่ง ติงเน็ง เต่งๆ เต็งเตง...

    ในที่สุดก็ออกแบกปืนพากันไปชุมนุมตั้งแค้มป์เฮฮาในป่า..ประสาชาวโฉด

    ยิงเปรี้ยงๆโน่น ได้โน่นนี่นั่น มาย่าง คั่ว ปิ้งปากมันแผล๊บ สัตว์ป่าแตกกระเจิงไปเรื่อย ที่ไม่รอดคราวชะตาดับก็กลายเป็นเครื่องแกล้มสุราเถื่อนของโจรโฉดกันอย่างออกรสชาด...

    แต่ที่สะใจมือสังหารของชาวแก๊งค์โจรนัก คุยอวดกันในกลุ่มโฉงเฉงนั้นคือการล่าหมีป่าตัวใหญ่มาได้หนึ่งตัว

    หลังยิงฆ่าหมีใหญ่มาได้ ก็ถลกหนังแล่เนื้อมาทำอาหารกินกันตามประสาขี้เหล้าใจบาปทั้งหลาย หลังได้ซัดเนื้อหมีป่า สูตรเครื่องแกงอันเผ็ดร้อนโชยไปทั้งป่ามาแกล้มสุรา ก็คุยโม้กันเล่นไปมาสนุกสนานอยู่นั่นเอง....

    เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น...นั่นคือหนึ่งในกลุ่มแก๊งค์โจรนั้นมีอาการตัวเกร็ง ตาแข็ง กรามค้าง หนังตาเบิกกว้าง ชักกระตุกร้องเป็นเสียงหมี....ที่ร้องออกมา แล้วก็ดิ้นพล่านไปมารอบแค้มป์ที่พัก จนเกรงว่านายคนนี้จะดิ้นลงไปเข้าในกองไฟที่พวกมันก่อกันขึ้นมาเพื่อทำอาหารซะเองแล้ว

    เสียงร้องที่ได้ยินร้องออกมาจากเพื่อนโจร ดันเป็นเสียงของหมีตัวเดียวกับที่โจรกลุ่มนี้รุมสังหาร ด้วยความเจ็บปวดทรมานอยู่นาน ก่อนที่จะถูกระดมเล็งยิงสาดคมกระสุนใส่ร่างหมีเคราะห์ร้ายตัวนั้น จนสิ้นลมไปในที่สุดนั่นเอง


    ....ยังไม่จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2013
  7. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ#ความตายบนเส้นทางโจรสลัด..ของอดีตนักเลงบ้านนอก#

    “เฮ้ย...เป็นพรื๊อๆ เพื่อนๆมึงเป็นพรื๊อ..ย๊าล๊อเล่นหน่าเฮ๊ย!”
    เพื่อนโจรคนใต้ด้วยกัน ต่างร้องตกใจเสียงหลง

    พากันตรงเข้ารุมจับร่างเพื่อนที่ดิ้นกลิ้งไปมา ด้วยความระคนตกใจกับอาการของเพื่อนคนนี้ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด

    ...ผลการรุมจับปรากฏว่าต่างกระเด็นกระดอนออก ไปคนละทิศละทางครับ
    จับเอาไว้ไม่อยู่ไม่รู้ เพื่อนร่างกายก็ไม่ใช่ร่างใหญ่โตอะไร ทำไมมันเรี่ยวแรงมันมากนักวะ...
    จากนั้นมันก็พูดขึ้น...

    “พวกมึงมายิงหมีกูทำไม”

    เสียงจากเพื่อนโจรหนุ่มที่ดิ้นกลิ้งไปมาเมื่อกี้เริ่มสงบลง พูดตะวาดเสียงดังลั่นป่าไปยังกลุ่มโจรด้วยกันเอง เล่นเอางงมองหน้ากันเลิ่กลักไปมา

    “แล่วมึ๊งเปนใครหว่าเฮ้ย”
    อีกคนเลยถามเพราะตอนนี้มันชักเริ่มดูแปลกๆ

    “หมี...ที่พวกเอ็งยิงมากินมันเป็นที่ข้ารักเอ็นดูมันมาก มันคอยติดตามดูแลข้ามานาน ตั้งแต่ข้าเข้ามาเดินธุดงค์ในป่านี้เมื่อหลายสิบปีก่อน”

    “พวกข๊าม๊ายเชื่อโว้ย..หมีผี.. หมีพระ มีที่หน๊ายน๊ะ ขี้ห๊กทั้งเพ๊นิ” หมีผี หมีพระ ไม่มีหรอกฉันไม่เชื่อ โกหกทั้งนั้นนะจ๊ะ (Sub title ขึ้นมาว่างี้)

    "พวกเอ็งไม่เชื่อก็แล้วแต่พวกเอ็ง...แต่ข้าจะลงโทษแช่งให้ไอ้พวกโจรถ่อยใจบาปอย่างพวกเอ็ง จะต้องตายกันทั้งหมดนี่แหละ"

    +++++++

    ยังไม่จบอีกแหละ...วันนี้แค่นี้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2013
  8. phanbuaphet

    phanbuaphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +2,180
    [​IMG]

    สวัสดี ท่านเจ้าของบ้าน และท่านกัลยานมิตรทุกท่านค่ะ แวะมาทักทาย นำดอกไม้มาฝากและ ถือโอกาส อนุโมทนาบุญกับ พี่ต้อย คุณแตน และท่านกัลยนมิตรทุกท่านด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2013
  9. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เธอคือใครกันหรือ? มอบดอกไม้ช่องามมาวางไว้
    เอ่ยปากทักทายกัน ดั่งว่าคุ้นเคยใครในบ้านนี้มาเนิ่นนาน

    แต่ใยจึงมีปืน..ถือส่องมาทางฉันด้วย..น่ากลัวนัก

    หรือเธอคือ.....ปล้นเรือ
     
  10. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    เธอคือ..เจ้าของกระทู้ สัพเพเหระ
    ที่ท่านอ.ได้ไปเยี่ยมบ้านคุณเค้าล่าสุดเมื่อ25/8/56 อ่ะ ^__^
     
  11. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    วันนี้ได้ไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นนั่งสมาธิ
    ที่วัดหนองโบสถ์ บ้านฉาง ระยอง
    และได้ถวายน้ำฝางใบเตย
    รวมทั้งเอาซองกฐินตกค้างส่งบุญตามหลังวันงานมาถวายวัด
    อนุโมทนาบญร่วมกันค่ะ _/l\_


    [​IMG]
     
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    อ้าวเรอะ..แฮ่ะ แฮ่ ๆงั้นก็ สวัสดีครับเอาเชิญนั่งๆ...

    ปืนผาหน้าไม้..ก็วางลดลงนิดหนึ่ง

    ช่วงนี้คิวบู๊กำลังจะมาด้วย..

    เล่นมาจ่อปืนเล็งกันแบบนี้...มันก็อดระแวงไม่ได้อ่ะนะ!
     
  13. phanbuaphet

    phanbuaphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +2,180
    คุณ toplus99 คุณ แตน

    อุ๊ยย... ขอโทษคะที่ทำให้ตกใจ แหะ แหะ คือ อิฉันชอบ ผู้หญิงบู๊ๆ เห็นเท่ดี เลยยืมรูปเธอมาใช้ชั่วคราว อะคะ ปืนที่เห็นในรูป เดาว่าเปนปืนฉีดน้ำ ไม่อันตรายคะ....

    ขอร่วมอนุโมทนาบุณกับคุณแตนด้วยนะคะ

     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ความคิด....

    เห็นอันมีตัวของเราเข้าไปเป็นผู้คิด หรือ มีตัวเราเข้าไปตัดสิน ก็คือการสร้างเงื่อนไข อันเป็นเหตุให้มี "เรา" ต้องเข้าไปเป็นผู้รับผลแห่งการสร้างนั้น ๆ นั่นคือ การรับผล แห่ง ความสุข หรือ ความทุกข์ที่เราได้สร้างไปตามความคิดเห็น หรือ เจตนารมย์นั้น ๆ


    สิ่งหนึ่งที่สร้างสุข-ทุกข์์ ใหเกิดแก่เราทุกคนล้วนเกิดจากเงื่อนไขของ "ใจเราเอง" ทั้งสิ้น คือ ได้ดั่งใจตนเอง หรือ ไม่ได้ดั่งใจตนเอง

    เมื่อได้ดั่งใจตนเอง ก็สุข
    เมื่อไม่ได้ดั่งใจตนเอง ก็ทุกข์

    เราใช้เงื่อนไขข้างบนนี้ในการตัดสินตนเอง รวมถึงตัดสินบุคคลอื่น และ สิ่งอื่น ๆ ด้วย
    ดังนั้นสุข-ทุกข์ทั้งหลายของมนุษย์ส่วนใหญ่จึงเกี่ยวพันกับเงื่อนไขเหล่านี้ ซึ่งมันทำให้เราไม่มีความสุขอย่างแท้จริง เพราะยังติดอยู่กับเงื่อนไขเหล่านี้ ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้นี่เองทำให้เราไม่สามารถเป็นอิสระได้อย่างแท้จริงจาก ของคู่ อันได้แก่ สิ่งที่ก่อให้เกิด สุข และ ทุกข์

    ดังนั้นตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และการมองโลกในแง่บวก จึงเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิตในโลกที่ทำให้มนุษย์เรามีความสุข และเป็นอิสระจากสุข-ทุกข์ จากของคู่เหล่านี้

    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หรือ พึ่งตนเองให้มากที่สุด เพราะการพึ่งพาตนเอง จะทำให้เราไม่มีเหตุผล หรือ มีเงื่อนไขในการที่จะยินดี หรือ ยินร้าย กับผู้อื่น เพราะทุกอย่างเราทำเอง คนอื่นจึงไม่มีผลกับการได้ดั่งใจเรา หรือ ไม่ได้ดั่งใจเรา เพราะเราไม่คิดพึ่งพาใคร แต่พึ่งตนเองก่อน

    เศรษฐกิจพอเพียงอันยืนอยู่บนรากฐานแห่งตนเป็นที่พึ่งของตน จึงเป็นวิถีชีวิตที่มนุษย์ทุกคนควรเริ่มต้น และควรใช้สำหรับผู้ปรารถนาอิสระจากของคู่ ที่กำหนดสุข-ทุกข์ให้กับมนุษย์ เพราะเป็นแนวทางที่ทำให้เราสามารถยืนได้ด้วยตนเอง ถึงแม้ระบบเศรษฐกิจโลก หรือประเทศจะล้มเหลว แต่ก็ไม่สามารถสร้างเงื่อนไข หรือเป็นปัจจัยให้เราต้องทุกข์ได้ เพราะ เราสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง

    ส่วนการมองโลกในแง่บวก เป็นการเริ่มต้นที่จินตนาการที่ดีก่อน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของการมาเป็นคู่ ทุกอย่างล้วนมีของคู่ในตัวของมัน คือ มองได้ทั้งดีและร้าย ดังนั้นการมองโลกในแง่บวก ย่อมก่อให้เกิด สุข มากกว่าทุกข์ และผลของความคิดนั้น ๆ ย่อมก่อให้เกิดพลังงานสร้างสรรค์ประสบการณ์ในแนวทางเดียวกัน รวมถึงมีผลแห่งการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์มวลรวมของโลกในทิศทางเดียวกัน

    นอกจากนั้น ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และ การมองโลกในแง่บวก ยังเป็นแนวทางทางด้านศาสนาเช่นเดียวกันสำหรับผู้ที่ปรารถนาการเป็นอิสระจากโลก เพราะศาสนาบอกถึงความจริงของธรรมชาติ และแนวทางที่ทำให้มนุษย์หลุดพ้น หรือ เป็นอิสระจาก สุข และ ทุกข์ จากของคู่ หรือจากโลก

    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตามหลักศาสนายังหมายถึง การให้ปฏิบัติเอง และ เห็นผลเอง หรือ สามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ให้เชื่อตามหลักกาลามสูตร จนกว่าจะได้ปฏิบัติเและเห็นผลเอง


    การที่เราตัดสินสิ่งอื่นๆ จากความคิดเห็นนั้น ล้วนเกิดจาก แรงบันดาลใจ หรือ ผลของการสร้างในปัจจุบันขณะอื่น ๆ (อดีต) ของเราที่มีตัวของเราเป็นผุ้สร้าง และ มีตัวเราในปัจจุบันเป็นผู้รับผล หรือ พูดได้อีกอย่างว่า การสร้างใด ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเจตนาอันมีตัวเรา ของเรา เป็นที่ตั้งหรือเข้าไปตัดสิน ย่อมมีผลให้ตัวเรา เป็นผู้รับผล หรือ ต้องเข้าไปเรียนรู้ในการมองต่างมุม หรือ เรียนรู้สลับที่ในมุมมองที่ตรงกันข้าม

    DHL

    ด่วนพิเศษสำหรับการเคลื่อนตัวเข้าสู่ยุคใหม่ มนุษยชาติจึงควรเริ่มต้นจากการทำลายนิสัยความเคยชินแบบเก่าทั้งภายใน (ความคิด) และ ทั้งภายนอก (การกระทำ) และสร้างสรรค์การกระทำใหม่ที่ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงตามธรรมชาติขึ้นมาแทน ซึ่งทั้งการทำลายของเก่า และ สร้างสรรค์ของใหม่ เป็นระบบที่สมดุลย์ของธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ใด ๆ เกิดขึ้นได้ โดยปราศจากการทำลายของเก่า เพียงแต่ว่า เราเลือกที่จะทำลายสิ่งใด

    ถ้าเราทำลาย นิสัย ความเคยชิน แบบเก่าที่ทำให้โลกไม่สบายไม่ได้
    โลก อาจเลือกที่จะทำลาย "เรา" เพราะ "เรา" ไม่มีคุณค่าคู่ควรกับโลก ไม่ใช่ "โลก" ไม่มีคุณค่าคู่ควรกับเรา

    "โลก" มีจิตวิญญาณ และเป็นผู้เลือกสิ่งมีชีวิตเพื่อก่อให้เกิดสมดุลย์กับ โลก เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป โลกย่อมต้องปรับตัว ด้วยการทำลาย "ส่วนเกิน" เหล่านั้น

    zeusi
    สมาชิก

    ทั้งสะสาง ทั้งระมัดระวังสุดฤทธิ์

    การเปลี่ยนแปลงนิสัย ความเคยชิน ที่ไม่เป็นอิสระจากอารมณ์สุข-ทุกข์เหล่านี้ สามารถเริ่มทำได้ทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป ทั้งสะสาง (ของเก่าที่เคยทำมาแล้ว) และ ทั้งระมัดระวังสุดฤทธิ์ (ในการสร้างใหม่ของแต่ละปัจจุบันขณะ)

    เริ่มจากภายนอก

    สามารถอาศัยได้จากหลักสัจจะปฏิบัติของท่านหนุมานผู้นำสาร และของคุณ little mermaid

    การไม่เห็นตนเองว่าดีแล้ว จึงทำให้ไม่ตัดสินผู้อื่นด้วยการเอาตนเองเป็นที่ตั้ง
    การไม่เห็นคนอื่นผิด
    การพึ่งตนเองให้มากที่สุด
    การถือสัจจะปฏิบัติ หรือ การพูดจริงทำจริง

    การอดทนอดกลั้น การมองโลกในแง่บวก

    เป็นหลักการปฏิบัติที่สามารถใช้เปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่สามารถทำให้เราเป็นอิสระจากเงื่อนไขที่สร้างอารมณ์ทั้งหลายได้ เพราะการไม่เห็นคนอื่นผิดก็ดี การมองโลกในแง่บวกก็ดี ย่อมหมายถึงการมองไม่เห็นแง่ลบของคนอื่น ซึ่งการจะมองไม่เห็นแง่ลบของคนอื่นได้ จำเป็นต้องลบความคิดเห็นส่วนตัวออกไป แต่ทั้งหมดทั้งปวงต้องอาศัยความอดทนอดกลั้นควบคู่ไปด้วย จึงจะประสบความสำเร็จ

    เมื่อไม่มีความคิดเห็น จึงไม่มีอารมณ์ที่ต่อเนื่องจากความคิดเห็น เมื่อไม่มีอารมณ์ จึงไม่มีคำพูด และการกระทำ ที่เกิดต่อเนื่องจาก อารมณ์นั้น ๆ เหลือแต่คำพูด และ การกระทำที่เกิดจากเหตุปัจจัยที่แท้จริง โดยไม่มีตัวของเรา หรือ อีโก้ของเราเป็นผู้ทำ

    หยุดได้ซึ่งความคิดเห็น จึงหยุดได้ซึ่งวงจรของการสร้างเงื่อนไขที่ทำให้เราต้องไปรับผลนั้น ๆ

    เริ่มจากภายใน
    คือการกลับสู่ภายใน หรือ สมาธิ


    *** สมาธิ ****

    มีรูปแบบ นับไม่ถ้วน
    มีเพียง "สมาธิพิจารณา" เท่านั้น
    ที่สามารถนำให้เราหลุดพ้นทุกข์ พ้นโลกได้
    พ้นจากนิสัยที่สร้างกรรม สร้างสัญญาผูกพันธ์ได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "

    สมาธิ ที่เกิดจากการระงับ ประสาทสัมผัสภายนอกทั้งหมดเพื่อกลับสู่ภายใน สามารถทำให้เรารู้สึกถึงความสงบสุข ของความว่าง อย่างแท้จริง นั่นคือ ว่าง จากความคิดเห็น เพราะสมาธิจะเกิดขึ้นได้เมื่อว่างจากความคิดเห็นเท่านั้น จนทำให้เราสามารถมองเห็น "จิต" ที่แท้จริงได้ แต่ความว่างจากความคิดเห็นในระหว่างสมาธิ เป็นเพียงความว่างอันเกิดจาก การละวางอัตตาตัวตนชั่วคราวเท่านั้น เมื่อออกจากสมาธิ แต่ไม่สามารถออกจากเงื่อนไขที่มีตัวเองเป็นที่ตั้งในการตัดสินสิ่งอื่นๆ ได้ ก็ไม่สามารถหลุดพ้นทุกข์ พ้นโลกได้ เพราะยังคงมีนิสัย ความเคยชินแบบเดิม ที่ชอบตัดสินสิ่งอื่น ซึ่งการตัดสินเหล่านั้นเป็นเงื่อนไขที่สร้างสัญญาผูกพันธ์ การสร้างเงื่อนไข (สัญญาผูกพันธ์) คือ การสร้างการกระทำที่มีผลของเราให้ไปเป็นผู้รับผลแห่งการสร้างนั้น

    สมาธิที่เกิดจากการพิจารณาคือ การเข้าไปพิจารณาถึง ความเป็นจริงตามธรรมชาติ ว่าทุกข์สุข ที่แท้จริงนั้นมันมีสาเหตุเกิดจากอะไร ดังนั้น การมีสมาธิ หรือมีสติรู้ตัวทุกขณะจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการมีสติรู้ตัวทุกขณะ จะทำให้เราสามารถรู้เท่าทันความคิด อารมณ์ ความรุ้สึกในขณะนั้น ว่าเป็นสาเหตุที่สำคัญในการก่อให้เกิดสุขทุกข์ และเมื่อเราสามารถรู้เท่าทันมัน ว่าเรากำลังคิด กำลังรู้สึกอย่างไร เราสามารถหยุดความคิด และ อารมณ์ ความรู้สึกนั้นได้ทันก่อนที่จะก่อให้เกิดการกระทำอื่น ๆ ตามมา จนครบองค์ประกอบ หรือ เงื่อนไขของการสร้าง อันมีผลที่ทำให้เราต้องเข้าไปรับผลแห่งการกระทำนั้น ๆ

    อีกทั้ง การพิจารณา ยังทำให้เราเข้าใจได้ถ่องแท้ถึงธรรมชาติของความเป็นจริง ว่าทุกสรรพสิ่งไม่มีความเที่ยงแท้คงทน ทุกอย่างอยู่ในวงจรของการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น

    LIFE IS ABOUT CHANGE

    ชีวิต ต้องมี เกิด แก่ เจ็บตาย
    สรรพสิ่งทั้งปวง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    เมื่อมี พบ ก็มี จาก
    เมื่อมี เกิด ก็มีตาย
    เมื่อมี รัก ก็มีเสื่อมรัก
    เช่นนี้เป็นต้น

    ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เป็นของเราได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ หรือ รูปกาย เพราะทุกอย่างต้องกลับคืนสู่โลกในท้ายสุดทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดให้เรายึดมั่น ถือมั่นได้

    การยึดติด หรือผูกพันธ์หลงใหลในรูปกายก็ดี ในวัตถุก็ดี ในความปรารถนาต้องการเป็นอะไร ในการมีสิ่งใดก็ดี ล้วนทำให้เราต้องกลับมาใช้ชีวิตในชาติภพต่าง ๆ เพื่อผูกพันธ์กับความหลงใหล หรือ ความปรารถนาในสิ่งนั้น ๆ ต่อไป อย่างไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าเราจะค้นพบความจริงว่า ความผูกพันธ์ หลงใหล หรือ ความปรารถนาในสิ่งใด ๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านั้นนั่นแหละ คือ เงื่อนไขที่สำคัญในการกลับมาเกิดในโลกเพื่อทำใหม่ ทำซ้ำอีกนั่นเอง

    ******************************
    คุณน้องราศรีฝากมาค่ะ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    แวะมากราบสวัสดีค่ะขอบพระคุณที่ถามหาค่ะ เมื่อไหร่ท่านจะไปวัดถํ้าอีกคะ
     
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ห่างหายกันไปนานคิดถึงจังเลยครับ...คิดถึงสุดๆ
    คงต้องมีหลังไมค์กันชุดใหญ่
     
  17. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    ความห่วงใยที่ทั้งสองท่าน ที่มีต่อกันเสมอมา
    ป่านฉะนี้ คงหลังไมค์กันแจ่มใสแล้วนะค๊าา^_^


    วันนี้ มีเรื่องเล่า จากประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านไป

    ณ วินาที ที่รถพุ่งเข้ามาชนรถที่เรานั่งนั้น
    ความตายเพียงเสี้ยววินาทีตรงหน้า
    เราไม่ทันได้นึกถึงพระรึคุณความดีที่เพียรสร้างมาเลย
    หากตายไปตอนนั้น คงมีทุคติเป็นที่ไป
    นับว่าเกิดมาเสียชาติเกิดจริงๆ


    [​IMG]
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ***********************************
    สติกับจิตไงคะ ต้องพยายามให้ควบคู่กันเสมอ เดี๋ยวอีกสองวันจะกลับมาค่ะ กําลังสอนหลานชาย๒ขวบนั่งสมาธิและกราบพระค่ะ ธรรมะสวัสดีค่ะ ขอให้ปลอดภัยทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ ความตายไม่น่ากลัวเท่ากับหลังความตายนะคะ ขอให้นึกถึงพระไว้เสมอๆค่ะ
     
  19. pegaojung

    pegaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +9,448
    กราบขอบพระคุณ พี่ต้อยค่ะ
    ความตายไม่น่ากลัวค่ะ ทางโลกเตรียมพร้อมไว้แล้ว
    ที่กลัวนั้นคือ ขณะใกล้หมดลมหายใจ
    เวลาไล่เข้ามาทุกที แต่ไม่หวั่นค่ะ สู้แม้จะรู้ว่าแพ้ ^^
     
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...