ติดตามสถานะการณ์

ไม่หวั่นสงคราม! ยูเครนกร้าวใช้กำลังป้องอธิปไตยหลังไครเมียขอซุกปีกรัสเซีย โอบามาสับละเมิดกฎหมายสากล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2557 03:30 น.

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/aSRpJpivpHw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รอยเตอร์/เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรียูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ประกาศก้องพร้อมใช้กำลังปกป้องตนเองหากรัสเซียยังไม่หยุดเสริมกำลังทหารเข้ามาในแผ่นดินของพวกเขา ท่ามกลางความตึงเครียดและภาวะวิตกต่อเค้าลางแห่งสงคราม หลังรัฐสภาไครเมียลงมติขออยู่ใต้ร่มธงแดนมอสโก จนเรียกเสียงเตือนจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่าถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของยูเครนและกฎหมายนานาชาติ ขณะที่การเจรจารอบใหม่แก้วิกฤตยูเครนระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศเครมลินและวอชิงตัน ลงเอยด้วยไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค นายกรัฐมนตรียูเครน เปิดแถลงข่าวตามหลังเข้าหารือกับเหล่าผู้นำสหภาพยุโรปในเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยระบุว่าไครเมียเป็นและจะยังเป็นส่วนสำคัญของยูเครนและไม่ยอมรับการตัดสินใจของสภาไครเมียที่มีมติเข้าร่วมในสหพันธรัฐรัสเซีย “ในกรณีที่สถานการณ์ลุกลามและมีการแทรกแซงทางทหารเข้ามาในอาณาเขตของยูเครนโดยกองกำงต่างชาติ รัฐบาลยูเครนและกองทัพจะดำเนินการในความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เราพร้อมปกป้องประเทศของเรา”

จนถึงตอนนี้กองทัพยูเครนยังไม่ตอบโต้ใดๆ ต่อกรณีที่กองกำลังรัสเซียบุกยึดคาบสมุทรไครเมีย แม้ว่าจะมีการปะทะกันประปรายระหว่างทหารยูเครนกับกองกำลังติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนรัสเซียที่ในบางพื้นที่

เมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) รัฐสภาไครเมีย ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองที่อยู่ในยูเครนแต่ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนพูดภาษารัสเซีย ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ขออยู่ใต้ร่มธงแดนหมีขาว โดยรัฐบาลที่สนับสนุนมอสโกเตรียมจัดลงประชามติเรื่องนี้ในวันที่ 16 มีนาคม ขณะที่ทางสถานีโทรทัศน์อย่างน้อยๆ 1 แห่งของรัสเซีย โชว์แผนภาพแสดงให้เห็นว่าคาบสมุทรเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของรัสเซีย ไม่ใช่ยูเครน

นายกรัฐมนตรียูเครน ประณามการลงมติของรัฐสภาไครเมียว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการทำประชามติต่อสถานะของไครเมีย ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายใดๆมารองรับแม้แต่น้อย “นี่คือการตัดสินใจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลรัสเซีย อย่าให้ความช่วยเหลือกลุ่มสนับสนุนแบ่งแยกดินแดนเหล่านี้”

สอดคล้องกับท่าทีที่แข็งกร้าวของ ยัตเซนยุค ทางรัฐสภาใหม่ยูเครนซึ่งฝักใฝ่ยุโรป ก็เริ่มกระบวนการยุบรัฐสภาท้องถิ่นของไครเมีย ตอบโต้ที่สภาแห่งนี้ร้องขอไปอยู่ภายใต้ร่มธงของรัสเซีย “ราดา (รัฐสภาในเคียฟ) จะเริ่มต้นกระบวนการยุบสภา” โอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชีนอฟ ประธานาธิบดีรักษาการยูเครนบอกในวันพฤหัสบดี (6)


ผู้ประท้วงฝ่ายฝักใฝ่รัสเซีย ถือธงชาติรัสเซียและไครเมีย เดินขบวนบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภาท้องถิ่นในเมืองซิมเฟโรโพล เมืองหลวงของสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมียของยูเครน สนับสนุนการหวนคืนสู่การปกครองของมอสโก (ดูรูป)

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลใหม่ของยูเครนอย่างแข็งขัน ก็เตือนว่าการทำประชามติขอเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียของไครเมีย ถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของยูเครนและกฎหมายนานาชาติ พร้อมยืนยันถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างอเมริกาและชาติพันธมิตรในการยืนหยัดต่อต้านการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ก็ชี้ว่าการเจรจาหาทางออกจากภาวะทางตันนี้ยังคงเป็นไปได้อยู่

ในส่วนของความเคลื่อนไหวของทางฝั่งรัสเซีย ทางสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่าในวันพฤหัสบดี (6) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ยิบยกประเด็นที่รัฐบาลฝ่ายฝักใฝ่มอสโกของไครเมียร้องขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย หารือกับสภาความมั่นคง อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนแห่งนี้ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดเพิ่มเติม

ส่วน ลีโอนิด สลัตสกีย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชาติอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งรวมถึงยูเครน ของสภาดูมาหรือสภาผู้แทนราษฏรของรัสเซีย บอกกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ว่าทางสภาดูมาจะตัดสินใจจุดยืนหลังจากไครเมียทำประชามติแล้ว “สำหรับเรา ประชามติในวันที่ 16 มีนาคม จะเป็นตัวแสดงจุดยืนของชาวบ้านในสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย และจากจุดยืนดังกล่าวเราจะนำมาตัดสินใจจุดยืนของเรา” พร้อมเผยว่าทางรัฐสภารัสเซีย จะส่งผู้แทนเข้าไปสังเกตการร์การลงประชามติด้วย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารัสเซียกำลังเตรียมพร้อมสำหรับอ้าแขนรับไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ หลัง ส.ส.ระดับอาวุธรายหนึ่ง ได้ยื่นร่างกฎหมายต่อสภาดูมา ที่มีเนื้อหาเปิดทางให้รัสเซียรวมประเทศกับดินแดนที่แตกออกมาจากชาติอื่นได้ง่ายขึ้น “ผมขอพูดตรงๆเลยละกัน พระราชบัญญัตินี้เขียนมาเพื่อไครเมีย” ส.ส.เซอร์เก มิโรนอฟ หนึ่งในผู้เขียนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กล่าว

ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน พวกผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เปิดประชุมฉุกเฉินที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อกำหนดท่าทีต่อกรณีที่รัสเซียแทรกแซงทางทหารในยูเครน

ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเมื่อผลสรุปของซัมมิตอียูมีเพียงมาตรการเชิงสัญลักษณ์ต่อรัสเซีย ที่เป็นทั้งซัปพลายเออร์ก๊าซรายใหญ่สุดของยุโรป และเป็นทั้งลูกค้าสำคัญของสมาชิกหลายชาติในอียู เนื่องจากเกรงว่า การใช้ไม้แข็งอาจทำให้รัสเซียปฏิเสธการใช้มาตรการทางการทูต หรือตอบโต้ด้วยสงครามการค้า

ความเคลื่อนไหวกำหนดท่าทีของอียู เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯต่อวิกฤตในยูเครนที่กรุงโรม วันพฤหัสบดี (6) ด้วยเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศมอสโก ยอมรับว่าทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้เช่นเคย

นายลาฟรอฟ กล่าวหลังจากหารือกับนายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่าคำสั่งอายัดทรัพย์สินและเพิกถอนวีซาชาวรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับเหตุรุกรานไครเมียของอเมริกา เป็นสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์เลย

 

ช็อก! สาวเกาหลีใต้ผูกคอตายกลางรายการเรียลิตี “หาคู่รัก”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2557 02:06 น.



บีบีซี - สื่อมวลชนเกาหลีใต้ตั้งคำถามถึงความเลยเถิดของรายการเรียลิตีโชว์เกมหาคู่รักซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง หลังเกิดเหตุผู้เข้าแข่งขันหญิงคนหนึ่งถูกพบเสียชีวิตในห้องน้ำ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายจากทนแรงบีบคั้นไม่ไหว

รายการเรียลิตีโชว์ของเกาหลีใต้ทางช่องเอสบีเอส ที่ชื่อ “Jjak” (The Mate) ซึ่งเป็นรายการหาคู่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เหตุผู้เข้าแข่งขันหญิงวัย 29 ปีคนหนึ่งถูกพบเสียชีวิตในสภาพผูกคอตาย ขณะถ่ายทำกันที่บ้านพักในเกาะเจจูทางใต้ของประเทศเมื่อวันพุธ (5) ที่ผ่านมา โดยตำรวจเปิดเผยว่าหญิงผู้นี้ใช้สายของเครื่องเป่าผมแขวนคอตาย และทิ้งโน้ตเอาไว้ว่าชีวิตของเธอเต็มได้ด้วยความทุกข์ทรมานและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

ทั้งนี้ยังมีข่าวด้วยว่า เธอบอกกับแม่ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ว่า เธอจะไม่ขออยู่ในประเทศตอนที่รายงานนี้ออกอากาศ

เหตุเสียชีวิตดังกล่าวทำให้เหล่าสื่อมวลชนหยิบยกคำถามเกี่ยวกับแรงกดดันจากการถูกบีบคั้นและความอับอายระหว่างการถ่ายทำเกมโชว์หาคู่รักของรายการดังกล่าว ขณะที่บริษัทผู้ผลิตแสดงความเสียใจต่อการตายของผู้ร่วมแข่งขันรายนี้ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าผู้ตายถูกบีบให้อยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไป

รายการนี้คัดเลือกผู้สมัคร 12 คน เป็นชาย 7 คนและหญิง 5 คน ให้พักอยู่ในบ้านเดียวกันที่ตั้งชื่อว่า “เลิฟทาวน์” เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยภายในบ้านจะมีการติดตั้งกล้องไว้ในทุกๆ ห้อง ยกเว้นห้องน้ำ ทั้งนี้ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้นจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำร่วมกัน และแต่ละคนต้องพยายามหาคู่เดตให้ได้

หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้หลายฉบับรายงานว่า รายการนี้ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างความตึงเครียดทางอารมณ์ อย่างเช่นผู้เข้าแข่งขันต้องนั่งกินอาหารอยู่คนเดียวเพราะถูกปฏิเสธจากคนที่ชวนมาเดตด้วย

ตำรวจได้ดำเนินการสอบปากคำผู้ผลิต ทีมงานและผู้เข้าร่วมแข่งขันไปแล้ว เพื่อหาเหตุผลที่แท้จริงของการฆ่าตัวตายของหญิงสาวรายนี้

ส่วนทางเอสบีเอสได้ยกเลิกออกอากาศรายการนี้เมื่อวันพุธ และทำจดหมายขอโทษผู้ชมและครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบโดยตรงต่อการฆ่าตัวตายของเธอ

อนึ่ง เกาหลีใต้เป็นประเทศหนึ่งที่มีสถิติฆ่าตัวตายสูงสุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยในสถิติล่าสุดของรัฐบาลบ่งชี้ว่าอัตราฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 20 ปีหลังสุด เป็น 28 คนต่อประชากร 100,000 คน

 

ผู้เชี่ยวชาญชี้ สงครามกลางเมืองซีเรียจะยืดเยื้ออีกเป็น “ทศวรรษ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2557 13:15 น.




เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ออกโรงเตือน สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมานาน 3 ปี อาจยืดเยื้อยาวนานนับทศวรรษ หลังจากที่ระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดทวีความแข็งแกร่งขึ้นจากแรงหนุนของรัสเซียและอิหร่าน หาได้มีสถานะง่อนแง่นและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียอำนาจดังเช่นเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้

ดาวีด การ์เทนสไตน์-รอสส์ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กร “Foundation for the Defense of Democracies” ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ ให้ความเห็นต่อคณะกรรมาธิการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยระบุว่า ในขณะนี้การล่มสลายของระบอบการปกครองของอัสซาดในซีเรีย แทบจะไม่มีความเป็นไปได้อีกแล้ว เนื่องจากรัฐบาลซีเรียได้รับการสนับสนุนอย่างขนานใหญ่ทั้งด้านการเงินและอาวุธจากอิหร่านและรัสเซีย อีกทั้งยังมีรัสเซียที่คอยให้การปกป้องในเวทีโลก

โดยความเข้มแข็งของรัฐบาลอัสซาดในเวลานี้ สวนทางอย่างสิ้นเชิง กับมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมาที่ต่างฟันธงว่า รัฐบาลซีเรียกำลังก้าวสู่การ “นับถอยหลัง” สู่การถูกโค่นอำนาจ แต่ถึงกระนั้น การ์เทนสไตน์-รอสส์ชี้ว่าแสนยานุภาพของฝ่ายอัสซาดในเวลานี้ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คว้าชัยชนะในสงครามได้อย่างเบ็ดเสร็จ

การ์เทนสไตน์-รอสส์ระบุ นอกจากรัฐบาลอัสซาดจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ในทางกลับกัน นักรบฝ่ายกบฏซีเรียที่เกิดจากการผนึกกำลังกันอย่างหลวมๆ ของพวก “สายกลาง” และพวก “อิสลามิสต์” ก็กำลังแตกแยกกันอย่างหนักถึงขั้นที่มีการจับอาวุธเข่นฆ่ากันเอง และเมื่อประกอบกับการเปลี่ยนจุดยืนของรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่ล้มเลิกแผนหนุนกบฏซีเรียกลางคันเพราะกลัวการขยายอิทธิพลของพวกอิสลามิสต์แล้ว ยิ่งทำให้ฝ่ายกบฏซีเรียอ่อนกำลังลงอย่างสำคัญ

ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยังอ้างข้อมูลจากหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯล่าสุดที่ประเมินว่า การสู้รบในซีเรียอาจยืดเยื้อออกไปอีกนานกว่า 10 ปีหรือมากกว่านั้น เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดสามารถเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด ขณะที่ความพยายามของนานาชาติในการผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพ 2 รอบที่นครเจนีวา ที่ผ่านมาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ด้านบิล เบิร์นส์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า รัฐบาลอเมริกันยังมิได้เปลี่ยนจุดยืนต่อความขัดแย้งในซีเรียโดยย้ำว่า สหรัฐฯยังคงมองระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ต่อผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ และเชื่อว่า ความขัดแย้งในซีเรียจะไม่มีวันยุติ ตราบใดที่อัสซาดยังอยู่ในอำนาจ

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯปฏิเสธที่จะยอมรับว่า การคงอยู่ของรัฐบาลอัสซาดในซีเรียจะช่วยสกัดกั้นการขยายอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกอย่าง “อัลกออิดะห์”

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ดำเนินมาเกือบครบ 3 ปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 140,000 คน ขณะที่ชาวซีเรีย 6.5 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้อพยพหนีภัยการสู้รบภายในประเทศ และอีกมากกว่า 2.5 ล้านคนได้หนีเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบและกลายสภาพเป็นผู้ลี้ภัยพลัดถิ่น

 

"นาโต" ระงับปฏิบัติการร่วมกับรัสเซียกรณีวิกฤต "ยูเครน"



updated: 06 มี.ค. 2557 เวลา 13:55:46 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ชาติยุโรปรวมถึงสหรัฐฯเดินหน้า เจรจากับยูเครนและรัสเซีย เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตการเมืองในยูเครน ขณะที่ นาโตก็ประกาศระงับปฏิบัติการร่วมทั้งหมดกับรัสเซีย เพื่อเป็นการตอบโต้ ที่รัสเซียส่งกองกำลังเข้าไปในเขตปกครองตนเองไครเมียของยูเครน

นายอันเดอร์ส ฟอกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ออกแถลลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้ นาโตได้ระงับปฏิบัติการที่มีร่วมกับรัสเซียทั้งหมด รวมถึงปฏิบัติการทำลายอาวุธเคมีในซีเรียด้วย เพื่อเป็นการตอบโต้ ที่รัสเซียส่งกองกำลังทหารเข้าไปในเขตปกครองตนเองไครเมียของยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการปกป้องชาวรัสเซีย และพลเมืองอื่นๆที่พูดภาษารัสเซีย ซึ่งกำลังตกอยู่ในอันตรายหลังจากที่มีการโค่นล้มอำนาจนายวิกเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครน

โดยหลังจากนี้ นายราสมุสเซนยืนยันว่า หลังจากนี้ นาโตจะเพิ่มความร่วมมือกับยูเครนให้มากขึ้น เพื่อช่วยยูเครนรักษาอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของตน เพราะสิ่งที่รัสเซียกำลังทำอยู่ เป็นการรุกรานอำนาจอธิปไตยของยูเครนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคง และเสถียรภาพต่อภูมิภาค ซึ่งรัสเซียต้องได้รับผลตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว

ถ้อยแถลงของนายราสมุสเซนเกิดขึ้นหลังจากที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ยูเครน สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้เข้าหารือกันที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์ในยูเครน โดยนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์หลังการหารือสิ้นสุดลงว่า การหารือในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแม้ว่าแนวทางที่ทุกฝ่ายจะเห็นพ้องต้องกันในการแก้ไขปัญหาในยูเครนจะเป็นเรื่องยาก แต่การเจรจากันก็ย่อมดีกว่าการทำสงครามอย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ นายแคร์รี ยังได้เรียกร้องให้รัสเซียหยุดการกระทำที่เข้าข่ายยั่วยุปลุกปั่นให้สถานการณ์ในเขตปกครองตนเองไครเมียเลวร้ายลงกว่าเดิมและทางการสหรัฐฯจะไม่ยอมให้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครนต้องถูกรุกราน

โดยก่อนหน้านี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาชี้แจงว่า กองกำลังที่อยู่ในเขตปกครองตนเองไครเมียนั้น ไม่ใช่กองกำลังของรัสเซียแต่อย่างใด ดังนั้น ทางการรัสเซียจึงไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งให้กองกำลังเหล่านี้กลับเข้ากรมกอง เพราะพวกเขาไม่ได้ขึ้นตรงกับรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯและชาติยุโรปเชื่อมั่นว่า กองกำลังที่ประจำการอยู่ในเขตปกครองตนเองไครเมีย ซึ่งเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้งหมดเอาไว้ได้ในตอนนี้ เป็นกองกำลังของรัสเซียอย่างแน่นอน โดยนายชัก เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้เข้าประชุมร่วมกับวุฒิสมาชิกในกรุงวอชิงตัน ดี ซี เพื่อหารือเรื่องการเตรียมกำลังพลของสหรัฐฯ และความร่วมมือทางการทหารเพิ่มเติมกับโปแลนด์ และประเทศอื่นๆที่ตั้งอยู่รอบทะเลบอลติก เพื่อเป็นสัญญาณให้เห็นว่า สหรัฐฯจะให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ เพื่อต่อต้านการรุกรานจากรัสเซีย

ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปหรืออียู ก็มีมติมอบเงินช่วยเหลือให้กับยูเครนกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 484,000 ล้านบาท เพื่อให้ยูเครนนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังจากที่ยูเครนเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก จนเข้าขั้นเกือบล้มละลาย นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังเตรียมมอบเงินช่วยเหลือให้กับยูเครนเช่นเดียวกัน เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลาร์ หรือราว 32,000 ล้านบาท


ที่มา : Voice TV
"นาโต" ระงับปฏิบัติการร่วมกับรัสเซียกรณีวิกฤต "ยูเครน" : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

ตำรวจสากลเตรียมออกหมายจับ "ยานูโควิช" ขณะที่ไครเมีย เตรียมแยกประเทศ updated: 07 มี.ค. 2557 เวลา 13:10:13 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์



อินเตอร์โพลพิจารณา "เรด โนติส" ออกหมายจับนายยานูโควิช ขณะที่ยูเครนเสี่ยง ไครเมียเตรียมลงมติแยกประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพลได้พิจารณาคำเรียกร้องของรัฐบาลใหม่ของยูเครน ในการออกหมายจับ นายวิเตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดีที่อยู่ในระหว่างการซ่อนตัว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ อัยการยูเครนได้ส่งข้อร้องเรียนและแจ้งไปยังนานาชาติเกี่ยวกับหมายจับนายยานูโควิช ด้วยข้อหา สังหารหมู่ และใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิด สืบเนื่องมาจากการสลายการชุมนุมอย่างโหดเหี้ยมกลางกรุงเคียฟ

โดยอินเตอร์โพล ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางอินเตอร์โพลได้รับข้อร้องเรียนจากหน่วยงานทางกฎหมายของรัฐบาลยูเครน ที่ต้องให้หมายจับอดีตประธานาธิบดีดังกล่าวเป็น "เรด โนติส" หรือ หมายเตือนบุคคลอันตรายระดับสากล ซึ่งทางประเทศสมาชิกอินเตอร์โพล รับทราบและกำลังอยู่ในกระบวนการทบทวน

ทั้งนี้ก่อนหน้าการแจ้งเตือนเรื่องหมายจับนายยานูโควิช ทางสภาเมืองเซเวสโตโปล ในแคว้นไครเมีย ซึ่งเป็นฐานทัพที่ตั้งมั่นของกองทัพเรือรัสเซียในยูเครน มีการโหวตในการแยกประเทศเพื่อรวมกับรัสเซีย นอกจากนี้ ทางสภาเมืองยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาท้องถิ่นของแคว้นไครเมีย ที่จะให้จัดประชามติในวันที่ 16 มีนาคมที่จะถึงนี้

ขณะที่รัฐบาลใหม่ของยูเครนได้ออกมากล่าวถึงการตัดสินใจของแคว้นไครเมียครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การยุบสภาท้องถิ่นของแคว้นไครเมีย

ตำรวจสากลเตรียมออกหมายจับ "ยานูโควิช" ขณะที่ไครเมีย เตรียมแยกประเทศ : ประชาชาติธุรกิจออน

 

อดีตนายกฯ หญิงยูเครนประกาศไม่เจรจาโดยตรงกับรัสเซีย



By สำนักข่าวไทย TNA News | 7 มี.ค. 2557 13:40 | 0 views | View Comment
ดับลิน 7 มี.ค.- นางยูลิยา ทีโมเชนโก อดีตนายกรัฐมนตรียูเครน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเก็งประธานาธิบดีคนใหม่ประกาศจะไม่เจรจาโดยตรงกับรัสเซีย

นางทีโมเชนโก แถลงข่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมพรรคประชาชนยุโรป ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐสภายุโรปที่กรุงดับลินของไอร์แลนด์ และกดดันให้นักการเมืองยุโรปใช้มาตรการแข็งกร้าวกับรัสเซียว่า ขอย้ำสิ่งที่เคยกล่าวมาก่อนว่า การเจรจาทวิภาคีระหว่างยูเครนกับรัสเซียจะไม่เท่าเทียมกันภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งในขณะนี้ ยูเครนจึงควรให้อังกฤษและสหรัฐในฐานะผู้ลงนามรับรองบันทึกความเข้าใจบูดาเปสต์ปี 2537 ว่าด้วยการปกป้องดินแดนและอธิปไตยยูเครนจากการถูกรุกราน เป็นคนกลางในการเจรจากับรัสเซีย

นางทีโมเชนโก ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรียูเครนมา 2 สมัยกล่าวด้วยว่า หากปล่อยให้รัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่ง เธอเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบต่อทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะยูเครนเท่านั้น และเธอจะไม่ประนีประนอมกับรัสเซียหากยูเครนต้องเสียเปรียบ ส่วนเรื่องที่รัฐสภาไครเมียลงมติขอเข้าร่วมกับรัสเซีย และจะจัดการลงประชามติเรื่องนี้ในวันที่ 16 มีนาคมนั้ น นางทีโมเชนโก กล่าวว่า การลงประชามติจะชอบธรรมได้อย่างไรในเมื่อชาวไครเมียถูกกองกำลังรัสเซียใช้ปืนจ่อศีรษะอยู่.-สำนักข่าวไทย

อดีตนายกฯ หญิงยูเครนประกาศไม่เจรจาโดยตรงกับรัสเซีย | MCOT.net | MCOT.net

 

สภาล่างมะกันผ่านร่างกฎหมายให้เงินช่วยยูเครนแล้ว



<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/W_jNH9ElzKM?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติเสียงข้างมากผ่านร่างกฎหมายออกเงินกู้ช่วยเหลือแก่ยูเครนแล้ว แต่ยังคงต้องรอวุฒิสภาลงนามรับรองอีกครั้ง และอาจไม่ทันภายในสัปดาห์นี้

วันศุกร์ 7 มีนาคม 2557 เวลา 09:34 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่6 มี.ค.ว่าสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีมติเสียงข้างมาก385 เสียงต่อ23เสียงผ่านร่างกฎหมายให้เงินกู้ช่วยเหลือยูเครนที่ต้องเผชิญวิกฤติหลังรัสเซียกำลังเป็นภัยคุกคามความมั่นคงอย่างรุนแรงในขณะนี้โดยร่างกฎหมายดังกล่าวระบุว่าสหรัฐรับประกันว่าจะมอบเงินกู้ช่วยเหลือให้แก่ยูเครนเป็นมูลค่า1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(32,400 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตามนายโอเล็กซานเดอร์ ตูชินอฟรักษาการประธานาธิบดียูเครนได้เรียกร้องเงินช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติความมั่นคงทั้งหมดเป็นมูลค่า15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(486,000 ล้านบาท)

นายจอห์นโบห์เนอร์ ประธานสภากล่าวว่าการตอบสนองที่รวดเร็วของสหรัฐเป็นการยืนยันว่าสหรัฐกับชาวยูเครนเป็นหนึ่งเดียวกันและครั้งนี้ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเนื่องจากสหรัฐได้จัดเตรียมเครื่องมือหลายประการที่จะคอยร่วมกันปกป้องอธิปไตยของยูเครนจากรัสเซียนอกจากนี้สหรัฐก็กำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียแล้วด้วย

ขณะที่นายแฮร์รีเรด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันก็ออกมาให้สัญญาณว่าวุฒิสภาอาจไม่สามารถหยั่งเสียงลงมติอนุมัติร่างกฎหมายให้เงินกู้ช่วยเหลือยูเครนได้ตามตารางเวลาภายในสัปดาห์นี้เนื่องจากยังมีร่างกฎหมายอีกหลายฉบับที่ต้องจัดการให้เสร็จเสียก่อน

สภาล่างมะกันผ่านร่างกฎหมายให้เงินช่วยยูเครนแล้ว | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

โอพีซีดับเบิลยูหวั่นทำลายอาวุธเคมีซีเรียไม่ทันกำหนด



<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/PrakyaVQIBo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

องค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี หรือ "โอพีซีดับเบิลยู" คาดอาจทำลายอาวุธเคมีจากคลังแสง 12 แห่งในซีเรียไม่ทันเส้นตาย คือวันที่ 15 มี.ค. โดยให้เหตุผลไม่ได้รับความร่วมมือเต็มที่จากรัฐบาลซีเรีย

วันศุกร์ 7 มีนาคม 2557 เวลา 09:57 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี ( โอพีซีดับเบิลยู ) เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กระบวนการทำลายโรงเก็บอาวุธเคมีทั้ง 12 แห่งของซีเรียมีแนวโน้มสูงที่จะเสร็จสิ้นไม่ทันกำหนด คือภายในวันที่ 15 มี.ค.นี้ เนื่องจากคลังแสงใต้ดิน 5 แห่ง และโรงเก็บเครื่องบินอีก 7 แห่ง ที่ซีเรียเผยว่าเป็นสถานที่เก็บอาวุธเคมีนั้น ทีมงานของโอพีซีดับเบิลยูยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปตรวจสอบแม้แต่แห่งเดียว

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดคือการที่รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ไม่ให้ความสำคัญกับเส้นตายวันที่ 15 มี.ค. ตามคำสั่งของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ซึ่งเป็นผลมาจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับรัสเซียอย่างเพียงพอ ทำให้กระบวนการทำงานของโอพีซีดับเบิลยูไม่สามารถเสร็จทันตามกำหนดหลายอย่างมาตั้งแต่ต้น และจะส่งผลต่อกระบวนการขนย้ายอาวุธทรงอานุภาพทำลายล้างสูงเหล่านี้ออกไปทำลายในเขตน่านน้ำสากล ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้แน่นอน

ทั้งนี้ ข้อตกลงเรื่องการทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดของซีเรียกว่า 1,300 เมตริกตัน ที่เกิดจากความเห็นชอบระหว่างนายจอหืน แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ช่วยให้ดามัสกัสรอดพ้นจากการโจมตีทางทหารของสหรัฐ เพื่อเป็น "บทลงโทษ" ต่อการใช้อาวุธเคมีสังหารหมู่ประชาชนเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ซึ่งวอชิงตันเชื่อว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 ศพ

โอพีซีดับเบิลยูหวั่นทำลายอาวุธเคมีซีเรียไม่ทันกำหนด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สื่อตื่นตูมแห่ทำข่าวพบ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้คิดค้น “บิทคอยน์”



<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/cQmIRea_FWo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
สื่อมวลชนแห่ทำข่าวผู้ที่คาดกันว่าเป็น “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้คิดค้น“บิทคอยน์” สกุลเงินดิจิตัลที่เขย่าวงการธนาคาร ผู้ไม่เคยเปิดเผยตัวมาก่อนตั้งแต่คิดค้นเงินสกุลดังกล่าวขึ้นมา

วันศุกร์ 7 มีนาคม 2557 เวลา 10:25 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่6มี.ค.ว่าสื่อมวลชนจำนวนมากพยายามขุดคุ้ยสืบเสาะหาตัวบุคคลลึกลับที่ใช้นามปากกา“ซาโตชิ นากาโมโตะ”ซึ่งเป็นอยู่คิดค้น “บิทคอยน์”เงินสกุลดิจิตัลที่เขย่าวงการธนาคารทั่วโลกจนในที่สุดนิตยสารชื่อดัง“นิวส์วีค”ของสหรัฐได้ค้นพบชายผู้หนึ่งที่สื่อมวลชนคาดกันว่าเขาคือตัวจริงของซาโตชินากาโมโตะ

ชายผู้นี้ชื่อจริงว่า“โดเรียน เพรนทิซ ซาโตชินากาโมโตะ” (DorianPrentice Satoshi Nakamoto ) ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นวัย 64 ปี เมื่อ40ปีก่อนเขาอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นและใช้ชื่อว่า“ซโตชิ นากาโมโตะ”ต่อมาเมื่อย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาโพลีเทคนิคในรัฐแคลิฟอร์เนียและอาศัยอยู่ที่สหรัฐจึงเปลี่ยนชื่อซึ่งปัจจุบันเขามักใช้ชื่อว่า“โดเรียน เอส.นากาโมโตะ”

เขาเป็นนักฟิสิกส์และเคยทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐและผู้รับเหมาทางทหารหลายบริษัทของสหรัฐในเรื่องการวางระบบบางอย่างที่เป็นความลับจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นนากาโมโตะตัวจริงทั้งนี้ เขาอาศัยอยู่กับภรรยาบ้านของเขาตั้งอยู่ที่เขตเทมเพิลซิตี ชานเมืองลอส แองเจลิสรัฐแคลิฟอร์เนีย

สื่อมวลชนหลายสำนักได้ไปตั้งแคมป์เพื่อรอสัมภาษณ์เขาที่หน้าบ้านเขาแต่เขากลับเรียกตำรวจมาจับสื่อเหล่านั้นออกไปและไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆเขาปฏิเสธเสียงแข็งว่าเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบิทคอยน์ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของมันจนกระทั่งสื่อมวลชนเหล่านี้นำมาบอกทั้งนี้ สถาบัน “บิทคอยน์ฟาวน์เดชัน”ซึ่งเป็นสถาบันที่สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาบิทคอยน์ไม่เคยปริปากบอกเล่าเรื่องราวของนากาโมโตะเลยสักครั้งเดียว

นายโดเรียน เอส.นากาโมโตะมีกิจกรรมยามว่างที่เขาโปรดปรานเป็นการต่อโมเดลรถไฟเขาเป็นคนค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงเขามีน้องชาย 2คน ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่านายนากาโมโตะเป็นคนฉลาดมากมีความสามารถทางด้านการคิดคำนวณด้วยตัวเลขอย่างสูงนอกจากนี้ยังไม่เคยไว้ใจระบบการเงินของธนาคารและรัฐบาลอีกด้วย

สื่อตื่นตูมแห่ทำข่าวพบ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้คิดค้น “บิทคอยน์” | อ่านความจริงอ่านเดลินิว

 

การเมืองโลกระอุ รัสเซียจวกสหรัฐฯ



<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/CDCfTsv3TUY?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/n58IwCNw--0?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รัสเซียประณามสหรัฐอย่างรุนแรงว่า ไม่สมควรพูดเรื่องการเคารพอธิปไตยและกฎหมายสากลในเรื่องยูเครน เพราะวอชิงตันแทรกแซงทางทหารต่ออดีตยูโกสลาเวีย อิรัก เวียดนาม และอีกหลายประเทศมาแล้วทั้งสิ้น

วันศุกร์ 7 มีนาคม 2557 เวลา 10:45 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ว่านายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี วิจารณ์แถลงการณ์ของรัฐบาลสหรัฐ ที่ตอบโต้ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความชอบธรรมของมอสโกในการแทรกแซงทางทหารต่อยูเครน โดยแจกแจงออกมาถึง 10 ข้อ ว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออันขาดจิตสำนึก ซึ่งมีความน่าเชื่อในระดับต่ำและเป็นการตีความข้างเดียว เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า วอชิงตันอยู่เบื้องหลังการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยูเครนที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อเปิดทางให้กลุ่มคนของตัวเองขึ้นสู่อำนาจแทน

ลูคาเชวิชกล่าวอย่างดุดันว่า สหรัฐไม่มี "สิทธิ์อันชอบธรรม" ที่จะมากล่าวถึงกฎหมายสากลและเรียกร้องการเคารพอธิปไตยแห่งรัฐ เนื่องจากวอชิงตันเองละเมิดกฎเหล่านี้มาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงทางทหารต่ออดีตยูโกสลาเวีย อิรัก เวียดนาม เลบานอน โดมินิกัน เกรนาดา ลิเบียและปานามา

นอกจากนี้ การออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า วอชิงตันไม่มีความสามารถที่จะจัดการสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครนที่ทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นไปตาม "แบบแผน" ของสหรัฐ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะมาโยนให้เป็นความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

ถ้อยแถลงของลูคาเชวิชมีขึ้นในเวลาเดียวกับที่เขตปกครองตนเองไครเมีย ทางตอนใต้ของยูเครน ประกาศเลื่อนการจัดลงประชามติแยกตัวออกจากเคียฟ แล้วไปขอรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 16 มี.ค. ท่ามกลางการประณามจากสหรัฐว่า ผิดกฎหมายสากล
การเมืองโลกระอุ รัสเซียจวกสหรัฐฯ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Kaokala Fc

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=UwrUwQBMWqU&feature=player_embedded]The breakup of asteroid P/2013 R3 - YouTube[/ame]

The breakup of asteroid P/2013 R3

7 มี.ค. นักดาราศาสตร์เผยภาพการแตกตัวของดาวเคราะห์น้อย"พี/2013 อาร์ 3"



ทีมนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันเผยภาพการแตกตัวของดาวเคราะห์น้อย "พี/2013 อาร์ 3" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบได้ไม่บ่อยนัก เนื่องจากดาวอยู่ในระยะห่างจากดวงอาทิตย์มาก จนไม่น่าเชื่อว่าจะแตกตัวเพราะความร้อน ภาพบันทึกเอาไว้โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ว่าเกิดในระยะห่างจากดวงอาทิตย์ราว 483 ล้านกิโลเมตร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ว่าศ.เดวิด จิวอิตต์ จากสถาบันโลก ดาวเคราะห์ และวิทยาศาสตร์อวกาศ แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส ( ยูซีแอลเอ ) เผยผลการสังเกตการณ์ด้านดาราศาสตร์ ที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารดาราศาสตร์ฟิสิกส์ เมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการแตกตัวของดาวเคราะห์น้อย พี/2013 อาร์ 3 บันทึกเอาไว้โดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ว่าเกิดในระยะห่างจากดวงอาทิตย์ราว 483 ล้านกิโลเมตร

ศ.จิวอิตต์กล่าวว่า ดาวเคราะห์น้อยแตกออกเป็น 10 ส่วน ในจำนวนนี้ 4 ส่วนมีขนาดประมาณสนามฟุตบอล และมีน้ำหนักเฉลี่ยราวชิ้นละ 200,000 ตัน ทั้งนี้ กล้องฮับเบิลจับตาและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้เชี่ยวชาญตั้งสมมติฐานว่าการแตกตัวของดาวเคราะห์น้อยไม่น่าเกิดจากการพุ่งเข้าชนกับวัตถุ หรือการถูกดาวฤกษ์ซึ่งก็คือดวงอาทิตย์แผดเผาด้วยความร้อนสูงจนระเหยกลายเป็นไอ เนื่องจากวัตถมีอุณหภูมิเย็นเกินกว่าที่จะระเหิดอย่างรวดเร็ว และก่อนเกิดการแตกตัว ดาวเคราะห์ พี/2013 อาร์ 3 คงระยะห่างจากดวงอาทิตย์เอาไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 480 ล้านกิโลเมตรตลอดเวลา

นักดาราศาสตร์เผยภาพการแตกตัวของดาวเคราะห์น้อย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Thanong Fanclub

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปูตินสวนหมัดกลับยุโรป

ทางสหภาพยุโรปกำลังเล็งมาตรการตอบโต้รัสเซียหลังจากที่ปูตินส่งกองกำลังทหารเข้าไปยึดครองCrimea ซึ่งเป็นรัฐทางตอนใต้ของยูเครน

ข่าวล่าสุดมีว่าทางอียูอาจจะใช้มารตรการวีซ่า อายัติทรัพย์สินและแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ถ้ารัสเซียไม่เจรจาหาทางออกร่วมกับผู้นำยูเครน

ในชั้นตั้น อียูบอยคอตไม่เข้ารว่มประชุมG-8ที่ทางรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งงดการเจรจาผ่อนผันวีซ่าระหว่างกัน

ท่าทีของอียูเกิดขึ้นหลังจากโอบามาบอกว่าอาจจะใช้มาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจและการทูตกับรัสเซีย พร้อมกันนี้สหรัฐฯได้ส่งเรือรบเข้าทะเลดำ และส่งกองทัพอากาศไปบู่รัสเซียด้วย

ถึงแม้ว่าจะโดนสหรัฐฯ อียู และนาโต้เล่นหมาหมู่รุมกินโต๊ะอยู่ แต่ปูตินไม่น่าจะสะทกสะท้านอะไร หลังจากยึดCrimeaแล้ว ปูตินจะใช้อำนาจต่อรองที่สูงกว่าทั้งทางการเงิน เศรษฐกิจ และพลังงานเพื่อครอบงำยูเครนทั้งประเทศต่อไป ยูเครนต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย และยุโรปต้องพึ่งพาก๊าชธรรมชาติที่ส่งผ่านท่อก๊าซจากรัสเซียผ่านยูเครน เยอรมันต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียผ่านท่อส่งของยูเครนถึง36%ของความต้องการทั้งหมด เปรียบเทียบกับ23%สำหรับฝรั่งเศสและ 27%สำหรับอิตาลี

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า 1. รัสเซียไม่ขายก๊าซธรรมชาติให้ยุโรปอีกต่อไป? ยุโรปจะเอาพลังงานใหนมาใช้ในการทำความร้อน รวมทั้งพลังงานเครื่องจักร และโรงงานต่างๆ และ ถ้า2. รัสเซียถอนเงินออกจากแบงค์ทั้งหมดในยุโรป? แบงค์ยุโรปฐานะง่อนแง่นอยู่แล้ว ถ้าเจอรัสเซียถอนเงินฝากออกหมด ไม่ทำธุรกรรมด้วย ใครจะเดือดร้อนกว่ากัน

ประเด็นคือ เวลาเล่นสงครามการเงินและเศรษฐกิจ ใครจะอึดกว่ากัน คนนั้นชนะ รัสเซียไม่ได้พึ่งพาโลกตะวันตก เท่ากับตะวันตกพึ่งพารัสเซีย

thanong
7/3/2014

Thanong Fanclub
เวลาแลกหมัดแซงชั่นกัน รัสเซียและจีนจะได้เปรียบ เพราะเป็นคอมฯ ประชากรเคยลำบากมานาน มีความอดทนสูงกว่า ส่วนพวกฝรั่งลำบากหน่อยก็โวยวายยอมแพ้แล้ว เพราะสะบายเคยตัว

'Visa bans, asset freezes are next': Europe announces three step sanctions against Russia — RT News

 

ด่วน! เที่ยวบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ หายสาบสูญกลางดึก 8 มีนาคม 2557 เปิดอ่าน 0 ครั้ง



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ MH370 ขาดการติดต่อจากศูนย์ควบคุมการบิน หลังจากที่เครื่องบินบินขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ยังไม่ทราบชะตากรรมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต
ตามรายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์ควบคุมการบินซุบางของมาเลเซีย แจ้งรายงานขาดการติดต่อกับเที่ยวบินที่ MB370 สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ บินตรงจาก กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยัง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หลังจากที่เที่ยวบินดังกล่าวบินขึ้นออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 00.41 น. มีกำหนดถึงปลายทางในเวลา 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่จนกระทั่งเวลา 07.30 น. ยังไม่พบสัญญาณของเที่ยวบินที่ MH370 ลงจอดที่สนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่งแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารทั้งสิ้น 227 คน พร้อมลูกเรือ 12 คน ทาด้านเจ้าหน้าที่ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ อยู่ในระหว่างประสานงานติดตามค้นหาสัญญาณของเที่ยวบินดังกล่าว เบื้องต้นพบว่าขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบินบินเวณน่านฟ้าของประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันเรื่องอุบัติเหตุ
หากมีรายงานความคืบหน้า ทางทีมข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป

ด่วน! เที่ยวบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ หายสาบสูญกลางดึก

 

ผู้พเนจร จากฟากฟ้ารายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก




รัสเซียหนุนไครเมียแยกดินแดน-เมินคว่ำบาตรจากนานาชาติ

รัสเซียออกโรงสนับสนุน มติรัฐสภาไครเมียแยกตัวเองจากยูเครน แม้ถูกสหภาพยุโรป-สหรัฐฯคว่ำบาตร...

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.57 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ความคืบหน้าวิกฤติการเมืองยูเครนและเขตปกครองตนเองไครเมีย บริเวณทะเลดำ ทางภาคใต้ของยูเครน ว่า หลังรัฐสภาไครเมียลงมติเอกฉันท์แยกตัวจากยูเครนไปรวมกับรัสเซีย และนัดวันลงประชามติในวันที่ 16 มี.ค. ประธานสภาผู้แทนฯและประธานวุฒิสภาของรัสเซีย ต่างแสดงท่าทีสนับสนุนมติของสภาไครเมีย แม้ถูกสหภาพยุโรป(อียู) และสหรัฐฯจะคว่ำบาตร ย้ำให้เคารพการเลือกของชาวไครเมีย

ด้านมาตรการคว่ำบาตรล่าสุด สหรัฐฯสั่งห้ามออกวีซ่าให้เจ้าหน้าที่รัสเซียและยูเครนที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ พร้อมสั่งอายัดทรัพย์เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องคำสั่งส่งทหารรัสเซียเข้าไครเมีย ส่วนกลุ่มอียูยังเสียงแตกเป็นสองส่วน โดยประเทศยุโรปตะวันออกที่เคยอยู่ใต้อิทธิพลรัสเซียช่วงสงครามเย็นอยากให้ใช้ไม้แข็ง ขณะที่กลุ่มยุโรปตะวันตกยังห่วงกระทบเศรษฐกิจ ถ้าใช้มาตรการรุนแรงกับรัสเซีย แต่กระนั้น อียูยังแถลงย้ำมุ่งลงนามข้อตกลงการค้าและการเมืองกับยูเครนภายในเดือน พ.ค. นี้ หลังถูกประธานาธิบดี วิคเตอร์ ยานูโควิช ของยูเครนยกเลิก ก่อนถูกชาวยูเครนลุกฮือประท้วงขับไล่ต้องหนีไปลี้ภัยในรัสเซีย

ทั้งนี้ อียูยังระงับการหาลือเรื่องวีซ่าและเศรษฐกิจกับรัสเซีย โดยรัสเซียต้องมาเจรจาใน 2-3 วันนี้ เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤติ ไม่เช่นนั้นแล้วอียูจะสั่งห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์เจ้าหน้าที่รัสเซีย พร้อมยกเลิกการหารือสุดยอดอียู-รัสเซียในเดือน มิ.ย. ส่วนการหารือทางโทรศัพท์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย นาน 1 ช.ม. ทำเนียบขาวแถลงว่า โอบามาแจ้งปูตินว่าการกระทำของรัสเซียละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนยูเครน จนสหรัฐฯต้องใช้มาตรการตอบโต้ร่วมกับอียู ด้านทำเนียบเครมลินเผยว่าปูตินพยายามลดความตึงเครียด เน้นย้ำว่าไม่ควรให้ความเห็นต่างส่วนตัวหรือแม้แต่ปัญหาระหว่างประเทศกระทบ สัมพันธ์สหรัฐฯกับรัสเซีย.

@ไทยรัฐ

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



สถานการณ์ภัยพิบัติโลก 8 มี.ค. 2557: พายุฤดูหนาว , นก-วาฬ-โลมา-ผึ้ง ตายเกลื่อน , เมฆสึนามิ

- นกทะเลจำนวนมากถึง 28,000 ตัว กว่า 20 ชนิด ตายเกลื่อนหลังจากที่ถูกน้ำทะเลพัดมาติดแนวชายฝั่งของฝรั่งเศสและสเปน
สาเหตุมาจากผลของสภาพภูมิอากาศแปรปรวนอย่างหนัก จึงทำให้พวกนกหาปลาได้ยากขึ้นและต้องต่อสู้กับพายุฤดูหนาวตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ©sott |4 มี.ค. 57|

- ผึ้งจำนวนมากกว่าหลายพันตัวต้องตาย หลังสภาพอากาศหนาวจัดในรัฐโอไฮโอ้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้ราคาน้ำผึ้งพุ่งสูงขึ้นเพราะเริ่มหายากมาก ©sott |4 มี.ค. 57|

- พบวาฬสเปิร์มเกยตื้นตายบนชายฝั่ง Panayur ของประเทศอินเดีย วาฬตัวนี้ยาว 6.70 ฟุต และชั่งน้ำหนักเกือบ 300 กก.
©sott |5 มี.ค. 57|

- ปลาโลมา 5 ตัว ถูกพบเกยตื้นตายบนชายฝั่งของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐอเมริกา ©sott |6 มี.ค. 57|

- พายุฤดูหนาวรุนแรงพัดถล่มประเทศอังกฤษ ทำให้ต้องสูญเสียต้นไม้ขนาดใหญ่ๆไปหลายต้น ©sott |7 มี.ค. 57|

- เกิดปรากฎการณ์น่าทึ่งขึ้น เมื่อกลุ่มเมฆสีดำมหึมา คล้าย "สึนามิ" ได้ก่อตัวเหนือท้องฟ้าของอ่าวซิดนีย์ , เบคอน ฮิลล์ และหาดแมนลีย์ ประเทศออสเตรเลียทั้งนี้ กลุ่มเมฆดังกล่าวได้ทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีฟ้าคะนองเสียงดังเขย่าเมืองอีกหลายครั้ง ©naewna |7 มี.ค. 57|

 

Thalerngkiat Srithan



08.45น.สื่อจีนเผยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สูญหายในน่านฟ้าเวียดนาม มีคนจีนอยู่บนเครื่อง160 จากผู้โดยสาร 227 ลูกเรือ 2 เด็กอ่อน 2 คน

 

ดาริน กานต์

@ittipat_Rw



บรรยากาศที่สนามบินปักกิ่ง ระหว่างติดตามข่าวเครื่องบิน มาเลเซียแอร์ไลน์ ‪#‎MH370‬ ที่ขาดการติดต่อ

@Suchada_kttv
"มาเลเซีย แอร์ไลนส์"แถลงการณ์ผ่านเว็บไซด์ว่าเที่ยวบินเอ็มเอช 370 โบอิ้ง 777-200 คาดการณ์ว่าเครื่องตกที่ นครหนานหนิง

@ittipat_Rw
10:34 คืบหน้า เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย MH 370 จาก KL ไป ปักกิ่ง ไม่มีคนไทย มีผู้โดยสารจีน 152 คน Msia 28 Indon 12 Aus 7, ฝรั่งเศส 3, USA 3
คนนะคะ..~~!

 

Military Technology Lover Forum

https://fbcdn-photos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/t1/10013727_468298909964384_491099523_n.jpg[/IMG{

สหรัฐส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธเข้าทะเลดำ...เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี

"ยูเอสเอส ทรักซ์ตัน" USS Truxtun ของสหรัฐออกเดินทางจากกรีซไปประจำการในทะเลดำ หลังเครื่องบินรบเอฟ-15 อีก 6 ลำเตรียมร่วมบินลาดตระเวนกับนาโตในแถบทะเลบอลติก ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดทางการเมืองในยูเครนที่สหรัฐและรัสเซียเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ว่ากองทัพเรือสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี ยืนยันการส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส ทรักซ์ตัน ให้ออกเดินทางจากกรีซไปประจำการในทะเลดำ อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือยืนยันการเข้าไปประจำการของเรือลาดตระเวนลำดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาททางการเมืองในยูเครน เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมก่อนการซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือโรมาเนียและฮังการีเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานรัฐบาลตุรกีอนุญาตให้เรือพิฆาตของสหรัฐเดินทางผ่านช่องแคบบอสฟอรัส เพื่อเดินทางต่อไปยังทะเลดำได้ และการที่เครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ของสหรัฐ อีก 6 ลำ เตรียมเข้าร่วมปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) เหนือน่านฟ้าแถบทะเลบอลติก หลังประจำการอยู่ในบริเวณนั้นแล้ว 4 ลำ ซึ่งการเคลื่อนไหวในส่วนนี้ได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจน ว่าเป็นเตรียมความพร้อมตอบโต้ภารกิจทางทหารของรัสเซียในยูเครน

[url=http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/221215/สหรัฐส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธเข้าทะเลดำ]สหรัฐส่งเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธเข้าทะเลดำ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์[/url]

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=87_daotWiNY]Obama orders sanctions over Russian moves in Ukraine - YouTube[/ame]

Obama orders sanctions over Russian moves in Ukraine


The US Navy has confirmed that a guided missile destroyer, the USS Truxtun, is heading to the Black Sea, for what the US military said is a “routine” deployment, decided long before the crisis in Ukraine, which has divided world powers.

The US Navy said in a statement that the USS Truxtun left Greece on Thursday on the way to the Black Sea and was going to conduct training with the Romanian and Bulgarian navy.

“While in the Black Sea, the ship will conduct a port visit and routine, previously planned exercises with allies and partners in the region,” The US Navy said in statement.

“Truxtun’s operations in the Black Sea were scheduled well in advance of her departure from the United States,” the statement added.

The ship has a crew of about 300 and is part of an aircraft carrier strike group that left the US in mid-February.

The announcement comes after Turkish authorities confirmed on Wednesday they had given permission to a US navy warship to pass through the Bosphorus Straights, which is the only entrance to the Black Sea, it was reported in the Hurriyet Daily News.

However, Turkish sources told the Hurriyet Daily News that the ship in question was not the nuclear aircraft carrier, the USS George H.W. Bush, as was suggested in some news reports. The USS George Bush is too heavy in terms of tonnage to meet the standards of the Montreux Convention, which governs what can and can’t access the Black Sea.

The Pentagon also said on Wednesday that US fighter jets would join NATO patrols on missions in the Baltic countries, which include Lithuania, Latvia and Estonia.

On Sunday the Tass news agency reported that the guided missile frigate USS Taylor, which had been assigned to the Black Sea for the Sochi Winter Olympics, was still in the Turkish port of Samsun for repairs, after running aground on February 12.

Two Russian navy ships also entered the Black Sea through the Bosphorus on Tuesday, as well as a Ukrainian navy vessel which was heading for Odessa and not the Crimea.

[url=http://rt.com/news/us-navy-black-sea-230/]US navy confirms missile destroyer USS Truxtun approaching the Black Sea — RT News[/url]

 

Military Technology Lover Forum



2ประธานสภาอ้าแขนรับไครเมียเข้าร่วมรัสเซีย แต่ยูเครนกร้าวไม่ยอมเสียดินแดนแน่. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2557

เอเอฟพี - ส.ส.ระดับอาวุโส 2 คนของรัสเซียเมื่อวันศุกร์(7) แสดงความยินดีต่อแนวโน้มการขออยู่ใต้ร่มธงแดนมอสโกของไครเมีย แม้ถูกสหรัฐฯและอียูออกมาตรการคว่ำบาตรต่อวิกฤตการเผชิญหน้าครั้งรุนแรงที่สุดระหว่างตะวันออกกับตะวันตกนับตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลง ส่วนทางนายกรัฐมนตรีรักษาการของยูเครนก็ประกาศกร้าวจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

เหล่าประธานจากทั้งสองสภาของมอสโก บอกว่าพวกเขาเคารพการตัดสินใจของรัฐสภาไครเมีย เขตปกครองตนเองที่อยู่ในยูเครนแต่ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนพูดภาษารัสเซีย ในการตัดขาดความสัมพันธ์กับเคียฟและจัดลงประชามติในวันที่ 16 มีนาคม ในประเด็นย้ายไปอยู่ภายใต้การปกครองของเครมลิน

"เมื่อประชาชนของไครเมียตัดสินใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในการลงประชามติ เราก็จะสนับสนุนทางเลือกนี้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ" วาเลนตินา มัตวิเยนโก ประธานวุฒิสภากล่าว ส่วนนายเซอร์เก นารีสช์คิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสริมว่า "เราจะเคารพการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวไครเมีย"

ภัยคุกคามที่พอกพูนขึ้นเรื่อยๆจากความแตกแยกระหว่างฝ่ายสนับสนุนยุโรปและฝ่ายฝักใฝ่รัสเซียในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่มีประชากร 46 ล้านคน เป็นผลให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ต้องต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในวันศุกร์(7) และพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยมันนับเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์อันยาวนานและเคร่งเครียดระหว่างทั้งคู่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 วัน

ทำเนียบขาวบอกว่าทางโอบามา ได้เน้นระหว่างการสนทนาว่าพฤติกรรมของรัสเซียคือการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งอาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้หลายอย่างภายใต้ควมร่วมมือกับสหภาพยุโรป ส่วนทางเครมลินเผยว่า ปูติน พยายามลดความเตึงครียด โดยย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ไม่ควรต้องมาสังเวยให้แก่ความเห็นต่างเกี่ยวกับบุคคลหรือปัญหาของนานาชาติ

ก่อนหน้านี้ทางสหภาพยุโรปเผยว่าพวกเขาได้ข้อยุติในการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว ขณะเดียวกันก็ประกาศเดินหน้าลงนามในข้อตกลงการค้าประวัติศาสตร์ที่มีเป้าหมายดึงยูเครนออกจากวงโคจรของมอสโก ก่อนที่ยูเครน จะจัดศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 25 มีนาคมนี้

ด้วยที่ รัสเซีย สามารถควบคุมคาบสมุทรไครเมียได้อย่างเบ็ดเสร็จในทางพฤตินัย ภัยคุกคามของการแบ่งแยกยูเครนดูเหมือนขยับเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีปูติน ได้รับอนุมัติจากรัฐสภาให้ใช้กำลังปกป้องผลประโยชน์ของมอสโกในชาติเพื่อนบ้าน

ที่ผ่านมา พันธมิตรตะวันตกพยายามตอบโต้ความพยายามที่ดูเหมือนเป็นการรื้อฟื้นร่องรอยแห่งอาณาจักรรัสเซียของปูติน ซึ่งไม่แสดงท่าทีเสียใจใดๆต่อความไร้เสถียรภาพที่เขาก่อขึ้นหรือแม้แต่ความสัมพันธ์อันบูดบึ้งกับต่างชาติ อย่างไรก็ตามทางมอสโก โต้แย้งว่าแค่ต้องการปกป้องพลเมืองเชื้อสายรัสเซียในไครเมีย จากการโจมตีของพวกชาตินิยมหัวรุนแรงซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝ่ายฝักใฝ่อียูในกรุงเคียฟ หลังจากก่อนหน้านี้ทาง ปูติน ก็เคยตำหนิการก้าวสู่อำนาจของเหล่าผู้นำรักษาการของยูเครนว่าเป็นการก่อรัฐประหารที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ความตึงเครียดในยูเครนสาหัสยิ่งขึ้น เมื่อรัฐสภาไครเมีย ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ขออยู่ใต้ร่มธงแดนหมีขาว โดยรัฐบาลของสาธารณรัฐปกครองตนเองแห่งนี้ที่สนับสนุนมอสโกเตรียมจัดลงประชามติเรื่องดังกล่าวในวันที่ 16 มีนาคม ขณะที่ทางสถานีโทรทัศน์อย่างน้อยๆ 1 แห่งของรัสเซีย โชว์แผนภาพแสดงให้เห็นว่าคาบสมุทรเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของรัสเซีย ไม่ใช่ยูเครน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค วิงวอนชาติมหาอำนาจในอียูและสหรัฐฯ ยกระดับการปกป้องประเทศของเขา และในวันศุกร์(7) ได้ออกมาประณามเหล่าผู้นำที่ฝักใฝ่รัสเซียในไครเมียว่าเป็นพวกทรยศชาติและประกาศก้องว่าไม่มีส่วนไหนของยูเครนจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

สหรัฐและสหภาพยุโรปออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย กรณีที่ใช้กำลังทหารแทรกแซงสถานการณ์ในเขตปกครองตนเองไครเมียของยูเครน แต่ก็ยังพยายามเจรจาให้รัสเซีย ใช้วิถีทางการทูตเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้ลงนามในประกาศคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อชาวรัสเซียและชาวยูเครนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการคุกคามอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน เพื่อเป็นการลงโทษต่อเหตุการณ์ที่มีทหารรัสเซียราว 6,000 นาย บุกควบคุมค่ายทหารหลายแห่งในยูเครน โดยจะห้ามบุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าสหรัฐฯและอายัดทรัพย์สินของพวกเขาด้วย แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯบอกว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียไม่ได้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว

ส่วนอียู เห็นพ้องหลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 6 ชั่วโมง ให้ดำเนินการระงับวีซาและการพูดคุยทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย ซึ่งน่าจะสร้างความผิดหวังแก่มอสโกพอสมควร หลังจากพยายามให้ได้สิทธิ์เดินทางเข้าออกยุโรปอย่างเสรีมานานนับปี นอกจากนี้ทางอียู ยังอายัดทรัพย์สินของประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ของยูเครนที่ถูกโค่นอำนาจ อดีตนายกรัฐมนตรีมีย์โคลา อาซารอฟ และเจ้าหน้าที่ยูเครนอีก 16 คนที่สงสัยว่ากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและใช้เงินของรัฐโดยมิชอบ

ขณะที่รัสเซียเตรียมตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและอียูแล้ว โดยรัฐสภากำลังร่างกฎหมาย เพื่ออนุญาตให้รัฐบาลอายัดทรัพย์สินของธุรกิจสหรัฐฯและยุโรปที่อยู่ในรัสเซีย แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นแค่เพียงคำขู่ โดยผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การอายัดทรัพย์สินอาจเสี่ยงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

2

 

ทำความเข้าใจบริบทแวดล้อมสถานการณ์ 'วิกฤติไครเมีย' ในยูเครน
Wed, 2014-03-05 22:26

เหตุการณ์ที่รัสเซียส่งกองทัพเข้าไปในเขตอธิปไตยของยูเครน กลายเป็นความขัดแย้งระดับนานาชาติที่ทั่วโลกจับตามองในขณะนี้ รานงานชิ้นนี้มุ่งให้ความรู้ความเข้าใจด้านประวัติศาสตร์และบริบทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ไครเมีย ที่กลายเป็นปัญหาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก

4 มี.ค. 2557 สถานการณ์ในไครเมีย ประเทศยูเครน มีการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันทันด่วนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยหลังจากเกิดการโค่นล้มประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ของยูเครน จนกระทั่งกองทัพรัสเซียได้เข้าไปยึดอาคารสำคัญเขตปกครองตนเองไครเมีย ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลรักษาการของยูเครนบอกว่าการกระทำของรัสเซียถือเป็นการรุกราน

ในขณะที่เหตุการณ์กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้ก็กลายเป็นที่จับตาของทั่วโลก มีการวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่างๆ เช่น ดิมิทรี เทรนิน จากศูนย์คาร์เนกี้มอสโกว ผู้เขียนบทความให้กับเดอะการ์เดียน ประเมินว่า วิกฤตการณ์ในไครเมียรอบล่าสุดอาจทำให้เกิดสงครามเย็นรอบใหม่ได้


บริบททางประวัติศาสตร์ของไครเมีย

อย่างไรก็ตามมีสำนักข่าวบางแห่งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับไครเมียและบริบทพื้นฐานของเหตุการณ์ เช่น สำนักข่าวโกลบอลโพสต์ได้กล่าวถึงสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย ว่าเป็นดินแดนที่มีส่วนผูกโยงกับรัสเซียในเชิงประวัติศาสตร์และการเมือง

ทางด้านประชากรศาสตร์ ไครเมียมีประชากรอยู่ราว 2 ล้านคน ร้อยละ 58 เป็นผู้มีเชื้อสายรัสเซียซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของพื้นที่ ร้อยละ 24 เป็นผู้มีเชื้อสายยูเครนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือ และร้อยละ 12 เป็นชาวมุสลิมเชื้อสายตาตาร์อยู่ในแถบตอนกลาง

ทางด้านบีบีซีระบุว่า รัสเซียมีอิทธิพลเหนือพื้นที่ไครเมียเป็นส่วนใหญ่ตลอดช่วง 200 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการผนวกรวมดินแดนโดยจักรวรรดิรัสเซียในปี 2336 จนกระทั่งในปี 2507 ไครเมียก็ถูกโอนให้เป็นของยูเครนซึ่งในตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ซึ่งเหตุการณ์นี้ผู้มีเชื้อสายรัสเซียบางคนมองว่าเป็น "ความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์" คนในพื้นที่นี้ลงคะแนนเสียงให้กับวิคเตอร์ ยานูโควิช จำนวนมากในการเลือกตั้งปี 2553 และหลายคนคิดว่ายานูโควิชเป็นเหยื่อของการรัฐประหารอย่างผิดกฎหมายในเหตุการณ์ล่าสุดนี้

การประท้วงที่ถูกเรียกว่ายูโรไมดาน (Euromaidan) เกิดขึ้นจากความไม่พอใจหลังจากรัฐบาลยูเครนเลิกการเตรียมการเซ็นสัญญาความร่วมมือกับสหภาพยุโรป ซึ่งถูกมองว่าเป็นเพราะเกรงอิทธิพลของรัสเซีย

การประท้วงดำเนินมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงช่วงวันที่ 18-22 ก.พ. 2557 ก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นตั้งแต่การปะทะกันอย่างหนักระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่จนมีผู้เสียชีวิต 82 คน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็มีอาวุธ และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปรพักตร์หรือหลบหนีของสมาชิกพรรคการเมืองของยานูโควิชจนทำให้ฝ่ายค้านสามารถเปิดประชุมสภาและสั่งถอดถอนยานูโควิชด้วยคะแนนเสียง 328 ต่อ 0 และให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 25 พ.ค. ส่วนตัวยานูโควิชเองหลบหนีไป


สถานะทางกฎหมายของไครเมีย

สภานะทางกฎหมายของไครเมียในปัจจุบันอยู่ในสถานะกึ่งปกครองตนเองซึ่งหมายความว่าไครเมียสามารถเลือกตั้งสภาภูมิภาคของตนและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีในเมืองหลวงซิมเฟอโรปอล

โดยในวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา สภาของไครเมียก็ได้แต่งตั้งผู้นำฝ่ายสนับสนุนรัสเซียขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการคือเซอกี อักเซนอฟ ในช่วงประชุมสภา ขณะเดียวกับที่กลุ่มติดอาวุธยึดครองอาคารเอาไว้ ไครเมียไม่มีอำนาจในการดำเนินการด้านการต่างประเทศ แต่อักเซนอฟก็ประกาศว่าตัวเขาเป็นผู้นำเหล่าทัพและตำรวจทั้งหมดในไครเมีย รวมถึงเรียกร้องให้รัสเซียช่วยคืนความสงบเรียบร้อยให้กับภูมิภาค

ในวันที่ 1 มี.ค. สภารัสเซียก็สั่งการให้มีปฏิบัติการแทรกแซงโดยทหารในยูเครนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซีย ทำให้ประชาคมโลกพากันประณามการกระทำในครั้งนี้ ส่วนรักษาการประธานาธิบดียูเครน โอเลกซานเดอร์ เทอชินอฟ กล่าวอ้างว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีประจำไครเมียเป็นเรื่องผิดหลักรัฐธรรมนูญ

โกลบอลโพสต์ระบุว่าวิกฤติยูโรไมดานทำให้มีการพูดถึงการแยกตัวของไครเมียจากยูเครน แต่การแยกตัวของไครเมียอาจจะเป็นการโดดเดี่ยวตัวเองทางเศรษฐกิจ ขณะที่ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัสเซียในยูเครนกล้าแข็งขึ้น ไมเคิล ฮิคาริ เซซิเร เขียนไว้ในยูราเซียเน็ทว่า "เมื่อมองในภาพใหญ่แล้ว การเล่นเกมในเชิงภูมิศาสตร์การเมืองของรัสเซียไม่ใช่เพื่อต้องการแยกไครเมียออกมา แต่เพื่อต้องการให้ยูเครนทั้งหมดกลับไปอยู่ในระบอบเครือข่ายของรัสเซียทั้งหมด


เมืองซิมเฟอโรปอล และเซวาสโทปอล

สถานการณ์ในซิมเฟอโรปอล เมืองหลวงของไครเมียถูกยกระดับอย่างรวดเร็วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการยึดครองสถานที่ต่างๆ ของกลุ่มติดอาวุธ เช่น อาคารรัฐสภา อาคารหน่วยราชการ และสนามบิน รวมถึงมีการปิดถนนไปสู่เมืองหลวง โดยก่อนหน้านี้ซิมเฟอโรปอลเป็นสถานที่ซึ่งมักจะมีการประท้วงของกลุ่มสนับสนุนรัสเซียและกลุ่มสนับสนุนยูเครน

ในวันที่ 2 มี.ค. รัสเซียก็ส่งกองทัพจากเซวาสโทปอลไปยังซิมเฟอโรปอล มีการเข้าล้อมฐานทัพทหารอย่างน้อย 2 แห่งในไครเมีย โดยเมืองเซวาสโทปอลเป็นเมืองท่าของไครเมียที่มีฐานทัพเรือสำคัญของรัสเซียตั้งอยู่ เป็นที่ตั้งของกองเรือรบทะเลดำ (Black Sea Fleet) ที่มีบทบาททำให้รัสเซียมีอิทธิพลต่อแถบทะเลดำ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันออก คาบสมุทรบอลข่าน และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันเซวาสโทปอลก็ยังเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือของยูเครนที่มีกองกำลังเรือรบ 10 ลำ

เมื่อไม่นานมานี้ เดนิส เบเรซอฟสกี ผู้นำกองทัพเรือของยูเครนที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งถูกตั้งข้อหากบฏต่อชาติหลังจากยอมให้กองกำลังสนับสนุนรัสเซียเข้ายึดศูนย์บัญชาการกองทัพเรือ ส่วนสภาเมืองเซวาสโทปอลก็เพิ่งแต่งตั้งนายกเทศมนตรีใหม่เป็นคนชาวรัสเซียชื่อเลกซี ชาลีย์ และหัวหน้าหน่วยงานตำรวจในเมืองก็บอกว่าเขาจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจากรัฐบาลกลางในกรุงเคียฟ

บีบีซีระบุว่าตามหลักการแล้วการเคลื่อนไหวของกองทัพทางการรัสเซียภายนอกฐานทัพของเมืองเซวาสโทปอลต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลยูเครนก่อน อย่างไรก็ตามทางฝ่ายรัสเซียอ้างว่าพวกเขาต้องคุ้มกันความปลอดภัยของคนเชื้อสายรัสเซียในพื้นที่ของยูเครน ในกฎหมายของรัสเซียระบุว่าพวกเขาสามารถปฏิบัติการทางทหารนอกประเทศได้หากเป็นการ "คุ้มครองพลเมืองชาวรัสเซีย"


วิกฤติไครเมียจะทำให้เกิดสงครามหรือไม่

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียได้รับอนุมัติจากสภาให้สามารถวางกำลังทหารไม่เพียงแต่ในไครเมีย แต่กับยูเครนทั้งหมดได้ เรื่องนี้ยากจะหลีกเลี่ยงการนองเลือดเนื่องจากจะทำให้กลุ่มชาตินิยมทางตะวันตกของยูเครนไม่พอใจ และอาจจะมีการตอบโต้จากต่างชาติ

บีบีซีระบุว่าแม้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้อาจจะไม่ได้โต้ตอบด้วยกำลังทหาร แต่สมาชิกประเทศยุโรปกลางอาจส่งกองกำลังเข้าไปประจำการที่ชายแดนระหว่างโปแลนด์กับยูเครน ส่วนชาติตะวันตกอาจจะใช้วิธีการคว่ำบาตร แต่ปูตินก็คงเชื่อว่าพวกเขาคงทำเช่นนี้ไม่ได้นานเช่นเดียวกับกรณีที่เกิดในสงครามจอร์เจียปี 2551

สงครามจอร์เจียเกิดขึ้นจากการที่รัสเซียส่งกองทัพเข้าไปในภูมิภาคออสเซเตียใต้อ้างว่าเพื่อต้องการคุ้มครองคนพูดภาษารัสเซียในพื้นที่ ซึ่งทางนาโต้ก็ไม่ได้เข้าแทรกแซง แต่บีบีซีก็ระบุว่าไครเมียใหญ่กว่าออสเซเตียใต้และประชากรก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันมากกว่าออสเซเตียใต้ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนรัสเซีย

ก่อนหน้านี้ไครเมียก็เคยมีประวัติศาสตร์สงครามสู้รบสับเปลี่ยนแย่งชิงดินแดนอยู่หลายครั้ง สงครามที่คนมักจะรู้จักคือช่วงปี 2396 - 2399 ที่มาจากความทะเยอทะยานของลัทธิจักรวรรดินิยม ในตอนนั้นอังกฤษและฝรั่งเศสสงสัยว่ารัสเซียอาจจะมีความอยากครอบครองคาบสมุทรบอลข่านหลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันเสื่อมถอยลง พวกเขาจึงส่งกองทัพไปยังไครเมียเพื่อแย่งคืนมาจากรัสเซีย ในครั้งนั้นรัสเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ทางด้านโกลบอลโพสต์กล่าวถึงกรณีของนาโต้ว่า แม้ว่าจะมีการประชุมหารือเร่งด่วนและกล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ในยูเครนและมีการประณามว่ารัสเซียทำลายสันติภาพและละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ แต่ยูเครนก็ไม่ได้เป็นประเทศสมาชิกของนาโต้ทำให้สหรัฐฯ และยุโรปไม่มีพันธะในการแทรกแซงด้วยกองทัพ ทำให้นาโต้กล่าวเน้นย้ำถึงวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทางการเมือง โดยสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีการเจรจา

นอกจากนี้รัสเซีย ยูเครน อังกฤษ และสหรัฐฯ ยังได้เคยทำบันทึกข้อตกลงด้านการประกันความมั่นคงบูดาเปส (Budapest Memorandum on Security Assurances) ในปี 2537 ซึ่งมีการให้ยูเครนยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้สัญญาว่าจะเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน นิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า การบุกไครเมียของรัสเซียในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าข้อตกลงที่มีการลงนามในช่วงที่รัสเซียกำลังอ่อนแอในคริสต์ทศวรรษ 90 ถือเป็นโมฆะ


หรือจะเป็นสงครามเย็นครั้งที่ 2

ดิมิทรี เทรนิน จากองค์กรที่ศึกษาวิจัยทางสังคมหลังยุคสหภาพโซเวียตมองว่า วิกฤติไครเมียจะไม่จบลงง่ายๆ และจะไม่เหมือนกับสงคราม 5 วันในจอร์เจียปี 2551 ความขัดแย้งจะยาวนานและอาจจะรุนแรงกว่าเนื่องจากเรื่องความมั่นคงของยุโรปอยู่ในสภาวะเสี่ยงด้วย

เทรนินกล่าวอีกว่า วิกฤติในครั้งนี้จะทำให้ดุลอำนาจของโลกเปลี่ยนไปเนื่องจากรัสเซียเปิดฉากต่อสู้แย่งชิงอิทธิพลกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอย่างเปิดเผยในพื้นที่ยุโรปตะวันออกใหม่ เรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดสงครามเย็นครั้งที่สองจากการที่หลายๆ ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาการประสานงานภายในของยูเครน สภาพพิเศษของไครเมีย สภาพของคนชนชาติรัสเซียในรัฐที่เกิดใหม่หลังยุคสหภาพโซเวียต และปัญหาการรวมรัสเซียเข้ากับประชาคมยูโร-แอตแลนติก

"รัสเซียมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมากในการตัดสินใจ 'ปกป้องของตนเอง' และ 'ทำให้เข้าที่เข้าทาง' เช่นนี้ แต่ประเทศอื่นก็คงมีส่วนที่ต้องสูญเสียด้วย" เทรนินกล่าว




เรียบเรียงจาก

The crisis in Crimea could lead the world into a second cold war, The Guardian, 02-03-2014
The crisis in Crimea could lead the world into a second cold war | Dmitri Trenin | Comment is free | The Observer

Why Crimea is so dangerous, BBC, 02-03-2014
BBC News - Why Crimea is so dangerous

Your starter kit for understanding the chaos unfolding in Crimea, Globalpost, 03-03-2014
Your starter kit for understanding the chaos unfolding in Crimea | GlobalPost

Crimea - Wikipedia, the free encyclopedia
2014 Crimean crisis - Wikipedia, the free encyclopedia

ข้อมูลจาก

ทำความเข้าใจบริบทแวดล้อมสถานการณ์ 'วิกฤติไครเมีย' ในยูเครน | ประชาไท