ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มันไม่ถูก ‘ทำนองคลองธรรม’ นักหรอกถ้ามีอะไรก็โทษก็โทษเอาแต่จีนจีนจีนถ่ายเดียว

    ว่าแล้วก็ต้อง “กระจายความผิด” ขยับขยายแผ่คลุมไปถึงมิตรประเทศสุดเสน่หา … อิหร่านนั่นไง! โดนลากมาพัวพันขบวนการ “ตัวแพร่เชื้อ” จนได้!!

    กระทรวงการต่างประเทศอเมริกาตวัดนิ้วจากดินแดน “ตงง้วน” กวาดข้ามฟ้าไปที่ถิ่น “เปอร์เซีย”! ให้เข้าตำรา “จีนเพาะ อิหร่านแพร่”!

    .

    ชี้สายการบิน “มาฮาน แอร์” ของอิหร่าน แหกคำสั่งของรัฐบาลอิหร่านที่ห้ามบินระหว่างประเทศตั้งแต่ 31 ม.ค.

    “มาฮาน แอร์” ไม่ยอมหยุดบิน! บินรับเชื้อจากจีนแล้วบินไปปล่อยต่อถึงไหนต่อไหน!

    ประณามเป็น “อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง” --- หมวดเดียวกันกับนิวเคลียร์!?

    ตอกย้ำว่าอิหร่านหนุน “ก่อการร้าย” และระบอบมาดูโรแห่งเวเนซูเอลา เอ๊ะ เกี่ยวอะไร? พลัด “ตกหลุมอากาศ” มาลงที่เวเนฯ จนได้!

    และ แน่นอน เดาได้ไม่ยาก … สาวไปถึงว่าสายการบินนี้เชื่อมโยงกับ แต่น แตน แต๊น กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) อันลือลั่นของอิหร่าน!

    .

    สำนักข่าวซาอุฯ ซัดว่าคนติดเชื้อรายแรกในอิรักกับเลบานอน ก็มี ‘ต้นตอ’ มาจาก “มาฮาน แอร์” นี่แหละ

    ด้าน BBC ยังสืบค้นว่ามีบินจากเตหะราน โฉบแวะจีน แล้วมุ่งไปยังบาร์เซโลนา ดูไบ กัวลาลัมเปอร์ อิสตันบูล ด้วยอีกต่างหาก

    ส่วนทางสายการบินก็อ้างว่าบินส่งของเพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ไม่มีผู้โดยสารสักหน่อย

    … อะไรจริง? อะไรเท็จ? ไม่อาจล่วงรู้

    แต่การใช้ “วาทกรรม” โจมตีนั้น หลังจากพุ่งแสกหน้าจีนแล้วยังแฉลบเสยไปเสียบอิหร่านได้! เหนือชั้นยิ่งนัก!

    https://www.arabnews.com/node/1671981/middle-east

    https://www.arabnews.com/node/1670161/middle-east

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ร้อนระอุ ดวงอาทิตย์ที่มีรังสี ราชบุรี 40 องศาฯ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 ประทับช้าง ต.ปากช่อง อ.จอมบึง ห่วงสุขภาพสัตว์กว่า 600 ตัว ทำทุกวิธีช่วยคลายร้อนคลายเครียด นำรถบรรทุกน้ำทั้งฉีดพ่นทั่วทุกมุม ติดสปริงเกอร์ละอองน้ำลดอุณหภูมิ และให้อาหารแช่เย็น
    @TNAMCOT.

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #เกาะติดสถานการณ์โควิด19
    หวั่นเชื้อระบาดซ้ำ‼️ กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้เข้มมาตรการกักตัวปลายทาง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางมาจากภูเก็ต❗️
    .
    คลิกอ่านข่าว :https://news.ch7.com/detail/412078
    .
    #ภูเก็ต #กักคัว #กระทรวงมหาดไทย
    #ch7hdfightcovid19
    #ช่อง7รวมใจสู้ภัยโควิด19
    #สู้ไวรัสโควิด19
    #7HDร้อนออนไลน์
    #Ch7HDNews

    Cr. ข่าว 7 HD

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พ.ร.บ.โรงงานใหม่บังคับ 60,000 แห่งต้องรายงานการระบายน้ำเสีย

    กรมโรงงานฯ คาดจะประกาศร่างกฎหมาย Self-Declaration ต.ค. 2563 นี้ มีกว่า 60,000 โรงงาน ต้องจัดทำรายงานการปฏิบัติงานขององค์กร ทั้งการระบายน้ำ-นำสิ่งปฏิกูลไปทิ้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ต่อกรมโรงงาน

    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/current/10290

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา WHO ประจำภูมิภาคแอฟริกา เผยว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 มีแนวโน้มยืดเยื้อและจะเป็นวิกฤตอีกนานหลายปี โดยประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกาดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคไปในทิศทางเดียวกันทั้งการบังคับใช้เคอร์ฟิว จำกัดการรวมกลุ่มนอกเคหสถาน และควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดน แต่ยังไม่มีมาตรการเชิงรุกหรือมีแต่ยังไม่มีประสิทธิภาพ โดย WHO ประเมินสถานการณ์ในกรณีเลวร้ายที่สุดว่า ผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคในปีแรกจะประมาณ 83,000-190,000 คน จากผู้ติดเชื้อสะสมระหว่าง 29-44 ล้านคน

    อ่าน 'สถานการณ์ COVID-19 ประจำสัปดาห์ 3-9 พ.ค. 2020' อื่นๆ ได้ที่ https://www.tcijthai.com/news/2020/5/watch/10306
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับการประท้วงทั้งจากคนทำงานภาคสาธารณสุขที่ต้องการอุปกรณ์ป้องกันให้เพียงพอ รวมถึงประชาชนและกลุ่มนักเคลื่อนไหวได้ประท้วงเรียกร้องรัฐบาลจัดหาอาหารให้ผู้ยากไร้หลายแสนคนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองเพื่อสกัด COVID-19

    อ่าน 'สถานการณ์ COVID-19 ประจำสัปดาห์ 3-9 พ.ค. 2020' อื่นๆ ได้ที่ https://www.tcijthai.com/news/2020/5/watch/10306

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาเลเซียขยายมาตรการล็อคดาวน์รอบที่ 5 ถึงเดือนมิถุนายน-ผ่อนปรนภาคธุรกิจแบบมีเงื่อนไข

    นายมูห์ยิดดีน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 9 มิถุนายน นับเป็นการขยายระยะเวลามาตรการปิดเมืองอีกครั้งเป็นรอบที่ 5 นับตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยมาตรการดังกล่างถูกประกาศใช้ต่อในทุกๆ 14 วัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้มีการผ่อนปรนในข้อกำหนดพอสมควรเมื่อเทียบกับมาตรการในช่วงแรก โดยอนุญาตให้สถานประกอบการแทบทุกประเภทกลับมาเปิดดำเนินการได้ แต่ยังต้องรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/asean/10309

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว อำนวยความสะดวกและส่งคนไทยที่ตกค้างในญี่ปุ่น เดินทางกลับประเทศไทยโดยเที่ยวบินพิเศษของสายการบินไทย

    เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 คนไทยที่ตกค้างในญี่ปุ่น เดินทางกลับประเทศไทยโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 643 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนาริตะ เดินทางถึงประเทศไทยเวลา 16.30 น.

    เที่ยวบินดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวประสานงานขอความร่วมมือจากสายการบินและขออนุมัติจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย โดยมีจำนวนผู้โดยสารตามที่ได้รับการจัดสรรตามศักยภาพของการรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั่วโลกต่อวันของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ ผู้โดยสารคนไทยที่ขึ้นเที่ยวบินข้างต้นเป็นผู้ที่ลงทะเบียนในแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับไทยจากประเทศญี่ปุ่นโดยเร่งด่วน กับสถานเอกอัครราชทูตฯ และรับทราบเกี่ยวกับมาตรการกักตัว 14 วัน หลังจากที่เดินทางถึงประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการจัดเตรียมสถานที่ในการกักตัวด้วยแล้ว

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับกรณีรายงานเด็กในสหรัฐฯ และอังกฤษมีอาการป่วยหลายอาการเกิดขึ้นพร้อมกัน โดยระบุว่า

    ...
    ผู้ป่วยเด็ก Hyperinflammatory shock ที่อังกฤษ และนิวยอร์ก
    กลุ่มผู้ป่วยเด็ก มีไข้ อักเสบ มีผื่น ความผิดปกติของหัวใจ ในช่วงโควิด-19 ระบาด ในฐานะกุมารแพทย์ ที่ดูแลเด็ก กลุ่มอาการดังกล่าว คล้ายกับโรคหัดญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Kawasaki disease เพราะลักษณะอาการมีไข้สูงหลายวัน มีผื่น มีอาการตามระบบต่างๆ และที่สำคัญ คือมีการเปลี่ยนแปลงพยาธิสภาพของหัวใจ
    .
    ผู้ป่วยบางคนพบหลอดเลือดของหัวใจโป่งพอง ติดตามถ้าผู้ป่วยต่อไป บางรายหลอดเลือดหัวใจโป่งพองจะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งในอังกฤษดูจากรายงานแล้ว การรักษาก็ให้ IVIg หรือภูมิคุ้มกันรวม เข้าเส้น ในรายงานของอังกฤษ 8 รายมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยโรคคาวาซากิ ไม่ใช่โรคใหม่ รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยผมเป็นนักเรียนกว่า 40 ปีมาแล้ว จนปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าคืออะไร
    .
    การวินิจฉัยจึงใช้กลุ่มอาการ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ที่มีการอักเสบมาประกอบกัน ไม่สามารถที่จะใช้การตรวจอะไรเป็นตัวบอกโรคได้ชัดเจน ซึ่งปัญหาแทรกซ้อนของโลกนี้ที่สำคัญจะเกี่ยวข้องกับระบบหัวใจ โดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจโป่งพอง จึงจำเป็นที่จะต้องให้ยาต้านการอักเสบ เช่น aspirin
    .
    ด้วยเหตุที่ว่ากลุ่มอาการที่คล้ายกันนี้มาพบในช่วงของโรค โควิด 19 กำลังระบาดอย่างมาก จึงมีการหาความเชื่อมโยง โควิด 19 คงจะต้องติดตามรายงาน ผลการติดตามผู้ป่วยดังกล่าว

    -------------------------------
    แหล่งข่าว


    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การวัดอุณหภูมิทางหน้าผากก่อนเข้าห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆ คงจะเป็น new normal อย่างหนึ่งหลังจากนี้ วิธีใช้เครื่องวัดอย่างถูกต้องจึงสำคัญมากค่ะ ️

    - ก่อนวัด เช็คเครื่องว่าพร้อมใช้งาน แบตเตอรี่ไม่ต่ำ

    - เลือกโหมดให้ถูกต้อง (โหมด Body temperature → วัดอุณหภูมิร่างกาย)️

    - เครื่องควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะวัด 30 นาทีขึ้นไป ❄️ (เพราะเครื่องต้องใช้อุณหภูมิแวดล้อมไปประมวลผลด้วยค่ะ)

    - ผู้ที่ถูกตรวจ ควรอยู่ในบริเวณที่วัดอุณหภูมิอย่างน้อยประมาณ 5 นาที

    (เหตุผลเดียวกันค่ะ เนื่องจากเครื่องใช้อุณหภูมิแวดล้อมมาประมวลผลด้วย ดังนั้น ถ้าเราเดินเข้ามาจากที่ร้อนๆ เครื่องก็จะแปลผลผิด เพราะมันเอาอุณหภูมิจากในตึกมาคิดค่ะ )

    - เครื่องวัดอุณหภูมิควรอยู่ห่างจากหน้าผากไม่เกินที่ผู้ผลิตแนะนำ โดยทั่วไปคือ 15 ซม.ค่ะ

    - หากเป็นไปได้ ควรวัดซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง

    - ถ้าเกิดข้อสงสัยในการวัด (เช่น อุณหภูมิสูงหรือต่ำผิดปกติ) ให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์ชนิดอื่น (เช่น แบบที่วัดอุณหภูมิในช่องหู, ปาก หรือรักแร้) มาวัดเทียบกันค่ะ

    (และต้องเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายนะคะ มีหลายคนนำเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรดที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมมาใช้ ซึ่งจะคลาดเคลื่อนได้มากค่ะ)

    ขอบคุณคุณ @surasak สำหรับข้อมูลนะคะ

    บทความ: 4 ข้อแตกต่าง ระหว่างเครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากและเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรดในภาคอุตสาหกรรม

    http://www.nimt.or.th/main/?p=31075

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "จีน" เป็นประเทศแรกของโลก ที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลซึ่งออกมาโดยรัฐบาลเอง

    สกุลเงินใหม่ที่มีชื่อเล่นว่า "หยวนดิจิทัล" น่าสนใจอย่างไร!? และจะส่งผลต่อโลกเราในอนาคตมากแค่ไหน!?

    ลองมาติดตามกันครับ..


    [ย้อนจุดกำเนิดของ "หยวนดิจิทัล"]

    ประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศตัวอย่างของ "สังคมไร้เงินสด" นั่นก็เพราะมีการใช้จ่ายเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือสูงมาก

    ถ้าถามว่ามากแค่ไหน!? ก็ต้องตอบว่ามากกกกกกกกกกกกกก

    ตามข้อมูลระบุว่าในปี 2009 มียอดผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์ประมาณ 94 ล้านคน

    ผ่านมาประมาณสิบปี ในปี 2019 ตัวเลขผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์เพิ่มเป็น 800 ล้านคน เกินครึ่งของประชากร 1,400 ล้านคนทั่วประเทศ

    เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็นร้านสะดวกซื้อ แม่ค้าในตลาด หรือกระทั่งขอทาน มี QR Code สำหรับรับเงินโดยเฉพาะ

    แต่ถ้าเรามองตลาดการจ่ายเงินผ่านมือถือของจีน จะพบว่ามีรายใหญ่ได้แก่

    Alipay (Alibaba) ครองส่วนแบ่งสูงสุด 55%

    Tenpay (Tencent + WeChat) ครองส่วนแบ่ง 40%

    ที่เหลือก็คือผู้ให้บริการรายย่อยอื่นๆ

    นั่นเท่ากับว่าการรับจ่ายเงินหยวนแต่ละครั้งผ่านระบบออนไลน์ บริษัทเอกชนเหล่านั้นก็จะมีข้อมูลการเคลื่อนไหวของเงินเก็บไว้

    ซึ่งพวกเขาก็จะมีข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ (หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าส่งต่อข้อมูลให้ทางรัฐบาลจีน)

    แต่.. สำหรับธุรกรรมอื่นๆ ที่ใช้เงินสดล่ะ!? เท่ากับว่ารัฐบาลจะไม่มีข้อมูลการใช้จ่ายเงินเหล่านั้นในระบบ จึงต้องหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว


    ย้อนกลับไปในปี 2014 โลกได้เริ่มรู้จักกับสกุลเงินดิจิทัลที่ชื่อว่า Bitcoin

    เพราะสกุลเงินดังกล่าวกลายเป็นกระแส หลังจากทำราคาขึ้นไปนับสิบเท่า จากประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเป็นประมาณ 1,000 ดอลลาร์

    นั่นทำให้ธนาคารจีนเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของการมีสกุลเงินดิจิทัลของประเทศตัวเองด้วย

    ก่อนที่ในปี 2017 จะให้ธนาคารพาณิชย์ และผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันออกแบบระบบ สร้างสกุลเงิน "หยวนดิจิทัล" ขึ้นมา จนกระทั่งพร้อมใช้ในปีนี้


    [สกุลเงินดิจิทัลของจีน คืออะไร!?]

    "หยวนดิจิทัล" อาจจะดูเป็นสกุลเงินดิจิทัลเหมือน Bitcoin แต่แท้จริงแล้วกลับมีความแตกต่างกันอยู่มาก

    ข้อแรก เงินหยวนดิจิทัล จะอ้างอิงกับค่าเงินหยวนแบบ 1:1 นั่นหมายความว่าถ้าเงินหยวนมีค่าเท่าไร เงินหยวนดิจิทัลก็จะมีค่าเท่านั้น

    ซึ่งต่างจาก Bitcoint ที่ไม่ได้อ้างอิงกับสินทรัพย์ใดๆ หรือ Libra ที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่


    ในขณะที่ Bitcoin ขึ้นชื่อเรื่องของความอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมใดๆ และสามารถรับจ่ายเงินได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน

    แต่เงินหยวนดิจิทัลนั้น ธนาคารกลางจีนมีสิทธิ์ควบคุมโดยตรง เพราะเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา

    ทำให้สามารถติดตามได้ว่าเงินไปอยู่ตรงไหนแล้ว ถูกใช้จ่ายอย่างไรบ้าง ประชาชนหรือบริษัทไหนเป็นผู้ครอบครองอยู่


    [การก้าวสู่สังคมไร้เงินสดแบบเต็มตัว]

    หลังจากทดสอบมาจนมั่นใจว่าไม่มีปัญหา ธนาคารกลางจีนก็เริ่มดำเนินการทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัล ในหลายเมือง เช่น เซินเจิ้น, เฉิงตู หรือซูโจว

    โดยการทดสอบจ่ายเป็นเงินเดือนบางส่วน และสวัสดิการให้กับข้าราชการ นั่นจะเป็นเหมือนการบีบบังคับให้พวกเขาต้องใช้เงินดิจิทัลไปในตัว

    แล้วถ้าการทดสอบนี้ได้ผลดี ก็อาจจะขยายต่อไปยังส่วนธุรกิจอื่นๆ ต่อไปภายในปีนี้

    ซึ่งหากไปถึงจุดนั้น ร้านค้าที่รับจ่ายเงินผ่าน QR Code ของผู้ให้บริการต่างๆ ก็จะถูกบังคับให้รับทั้งสกุลเงินเดิม และสกุลเงินดิจิทัลนี้ด้วย

    ในขณะที่แอปจ่ายเงินชื่อดังของทั้ง Alibaba และ Tencent ที่ตอนนี้ให้บริการรับจ่ายเงินสกุลหยวน ก็พร้อมให้ความร่วมมือหากรัฐบาลขอให้เปิดใช้เงินใหม่นี้ด้วย

    (แหงล่ะสิ ก็มีรัฐบาลจีนหนุนหลังนี่นา!!.. อุ๊บส์ แมวเหยียบคีย์บอร์ด)


    แม้ในปัจจุบัน จะมีผู้ใช้จ่ายเงินออนไลน์มากถึง 800 ล้านคน แต่มองในอีกมุมหนึ่ง ก็ยังมีคนที่เข้าไม่ถึงระบบนี้อีกมาก

    พวกเขาเหล่านั้นยังรู้จักเพียงการใช้จ่ายแบบ "เงินสด" ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยในโลกอนาคต

    แล้วถ้าคนทั้ง 1,400 ล้านคน สามารถรับจ่ายเงินผ่านระบบได้หมด

    ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะถูกควบคุมและตรวจสอบได้โดยง่าย รวมไปถึงเรื่องการ "ทุจริตและฟอกเงิน" ที่ทางรัฐบาลเน้นย้ำว่าอยากควบคุมให้ได้

    ซึ่งการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ภายใต้การปกครองของจีนนั่นเอง...

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวลาเราจองที่พักออนไลน์ เว็บที่ใช้หลักๆ ก็อาจจะเป็น Agoda หรือไม่ก็ Booking

    ถ้าเว็บไหนแพงกว่า เราก็จะไปจองอีกเว็บที่ราคาถูกหรือมีโปรโมชั่นดีกว่า

    แต่รู้หรือไม่ว่า.. ทั้งสองเว็บนั้นมีเจ้าของเดียวกัน นั่นก็คือบริษัทที่ชื่อว่า Booking Holdings

    แล้วท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก สายการบินขาดทุน โรงแรมต้องปิดตัวลง.. เว็บไซต์รับจองโรงแรมล่ะ จะได้รับผลกระทบแค่ไหน!?

    มาติดตามสรุปกันเลยครับ...


    Booking Holdings คือบริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น Agoda, Booking, Priceline และ Kayak

    เนื่องจากธุรกิจของบริษัทนี้ จะเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด ทั้งจองห้องพัก จองตั๋วเครื่องบิน จองรถเช่า

    พอเกิดการล็อกดาวน์ คนไม่เดินทางท่องเที่ยว บริษัทก็ย่อมได้รับผลกระทบไปเต็มๆ

    ถึงแม้ "งบกำไรขาดทุน" จะยังไม่ออก แต่ "ราคาหุ้น" ก็ลงไปล่วงหน้าแล้ว

    จากต้นปี 2020 ที่หุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ

    ตกลงมาซื้อขายกันเพียง 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงมาเหลือเพียง 60% ของราคาต้นปีเท่านั้น

    และนั่นทำให้มูลค่าบริษัทลดลงไปถึง 1.1 ล้านล้านบาท ภายในเวลาเพียง 4 เดือนอีกด้วย!!


    กระทั่งล่าสุด ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2020 ก็เปิดเผยออกมา...

    ในช่วงไตรมาสแรกปี 2019 บริษัทสามารถทำรายได้ 90,000 ล้านบาท มีกำไร 24,000 ล้านบาท

    ส่วนไตรมาสแรกปี 2020 บริษัทมีรายได้ลดลงเหลือ 73,000 ล้านบาท และขาดทุน 22,000 ล้านบาทแล้ว


    แล้วถ้าเราย้อนกลับไปดูในปีก่อนหน้านี้ จะพบว่าโดยปกติด Booking Holdings จะมีรายได้มากที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 3 ก็คือระหว่างเดือนกรกฎาคม - ตุลาคม

    แต่เมื่อเกิดวิกฤติเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่าทั้งไตรมาส 2 หรือ 3 ของปีนี้ บริษัทก็จะยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่องไปอีก


    ขอปิดท้ายด้วยความคิดเห็นของ Glenn Fogel ซีอีโอของบริษัทนี้..

    เขามองว่า สุดท้ายแล้วคนก็ยังจะโหยหาการท่องเที่ยว แล้วธุรกิจด้านการท่องเที่ยวก็จะต้องกลับมาแน่นอน

    แต่คำถามสำคัญก็คือ.. เราไม่รู้ว่าคนจะมีความมั่นใจ กลับมาเดินทางท่องเที่ยวเมื่อไร!?

    อาจจะต้องรอจนกว่าจะมีการคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จ หรือรอจนกระทั่งคนส่วนใหญ่บนโลกได้รับวัคซีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับมามีความมั่นใจมากขึ้น

    ระหว่างนั้นบริษัท Booking Holdings จำเป็นจะต้องลดค่าใช้จ่าย และทำให้บริษัทมีกระแสเงินสด ไว้ใช้อย่างเพียงพอ และทำได้แค่อดทนเฝ้ารอจนกว่าวิกฤติจะผ่านพ้นไป

    ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น มันไม่ได้ใช้เวลาแค่ 2-3 ไตรมาส แต่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานนับปี

    แต่ถึงมันจะนาน ซีอีโอคนนี้ก็มั่นใจว่าบริษัทจะผ่านมันไปได้แน่ๆ


    จริงเหรอ!? หรือเขาแค่พูดให้นักลงทุนสบายใจ

    ถ้าเรามองตามความเป็นจริง จะพบว่าบริษัทมีเงินสดอยู่ประมาณ 230,000 ล้านบาท

    ถ้าหากพวกเขายังมีผลประกอบการขาดทุนไปเรื่อยๆ เดือนละ 7,500 ล้านบาท ก็จะยังคงมีเงินสดมาโปะขาดทุนไปได้อีกถึง 30 เดือน หรือเกือบๆ 3 ปี


    แต่ถ้าเราคิดเล่นๆ ในแง่ร้ายกว่านั้น เอาให้ร้ายสุดเลยว่าบริษัทไม่มีรายได้เข้ามาเลย (ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก)

    บริษัทก็จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากถึงเดือนละ 25,000 ล้านบาท

    ถึงจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะมาก แต่พวกเขาก็จะยังคงมีเงินสดใช้ไปได้อีก 9 เดือน จนกว่าเงินสดจะหมดลง


    ซึ่งเรื่องนี้ น่าจะเป็นแง่คิดดีๆ ให้กับอีกหลายธุรกิจได้เช่นกัน

    แม้เราจะประเมินความเสี่ยงไว้มากเพียงใด แต่บางครั้งก็อาจจะเกิดวิกฤติที่เกินคาด

    เราอาจจะคิดว่าเงินสำรอง 2-3 เดือนก็เพียงพอแล้ว.. แต่ตอนนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราคิดผิด!!

    ในอนาคต เราอาจจะต้องเตรียมเงินสำรองไว้นับปี เพื่อรับมือกับวิกฤติรอบหน้า ที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

    แต่สุดท้าย คนที่เตรียมพร้อมมากกว่า ก็ย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบในท้ายที่สุด...


    -----------------------------------------------------

    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ตู้ปันสุข หน้าร้าน NJ Germent
    อยู่ตรงข้าม เรือนจำกลางอุบลราชธานี
    ภาพ Nong Ratthika

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผักคัดทิ้งสู่อาหารแห่งอนาคต: ผู้คิดค้นผักแผ่น - เคซูเกะ โซดะ
    RISING

    ในญี่ปุ่น ผักที่มีตำหนิและมีขนาดและรูปร่างไม่ปกติต้องถูกทิ้งเพราะไม่เหมาะสำหรับขาย รวมแล้วราว 20-30 เปอร์เซ็นต์จากผักทั้งหมด เคซูเกะ โซดะมีความคิดที่จะช่วยไม่ให้ผู้ผลิตต้องเจ็บปวดใจเพราะต้องทิ้งผลผลิตดี ๆ ไป เขารับซื้อผักเหล่านั้นในราคายุติธรรม แล้วนำผักมาแปรรูปเป็นแผ่นบางเท่ากระดาษสีสันสดใสที่เก็บได้นาน และสามารถใช้ได้เหมือนกับสาหร่ายอบแห้ง มาชมกันว่าสินค้าที่เป้าหมายเดิมคือเพื่อช่วยเกษตรกรระดับภูมิภาคนี้กลายเป็นสินค้ายอดนิยมในหมู่ผู้ทานวีแกนและคุณแม่ลูกอ่อนได้อย่างไร

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประกาศสถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต
    เรื่อง การปิดให้บริการฝ่ายกงสุลเป็นการชั่วคราว
    ---------------------------------

    ตามที่คณะรัฐมนตรีคูเวตได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ห้ามไม่ให้ประชาชนออกนอกเคหสถาน/ที่พักอาศัย (total curfew) ตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๐๐ น. จนถึงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตฯ ไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ นั้น

    ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอปิดให้บริการฝ่ายกงสุลเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ การตรวจลงตรา (วีซ่า) ฝ่ายหนังสือเดินทาง ฝ่ายบัตรประชาชน ฝ่ายนิติกรณ์และทะเบียนราษฎร์ ทั้งนี้ การดำเนินงานเรื่องการคุ้มครองคนไทยในกรณีฉุกเฉินยังคงดำเนินการตามปกติผ่านหมายเลขโทรศัทพ์ฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูตฯ +๙๖๕ ๖๐๗๑ ๙๘๘๘ และ +๙๖๕ ๖๐๗๑ ๘๘๘๙

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน

    สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต
    ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีคนอเมริกันไม่น้อยที่รู้สึกไม่พอใจกับมาตรการในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ของ ประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และออกมาวิพากษ์วิจารย์กันมากมายก่อนหน้านี้ ล่าสุดหนึ่งในนั้นคือ นางเมลินดา เกตส์ภรรยาบิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ และผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์
    .
    โดยนางเมลินดา ออกมาตำหนิการทำงานของทรัมป์อย่างเผ็ดร้อน โดยระบุว่า ขาดมาตรการตอบสนองรับมืออย่างไร้ประสิทธิภาพ และเชื่องช้าโดยเฉพาะส่วนของรัฐบาลกลางวอชิงตัน ขณะนี้ดูเหมือนรัฐบาลท้องถิ่นทั้ง 50 รัฐ ต้องหาทางรับมือโควิดด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็นการตอบสนองจากรัฐบาลกลาง โดยผลงานของรัฐบาลทรัมป์อยู่ในระดับแย่มาก ถ้าตัดเกรดก็ได้แค่ D-
    .
    นอกจากนี้นางเมลินดา ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการรับมือของเยอรมนี คุณจะรู้ว่าสิ่งที่เยอรมนีทำคือ ตรวจคัดกรองเชื้อในเชิงรุก ดังนั้นพวกเราก็ควรจะต้องทำเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่การแพทย์ในแนวหน้าซึ่งเป็นกำลังหลัก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด ก่อนที่เราจะคิดเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเปิดกิจกรรมทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไปในรูปแบบที่ปลอดภัย
    .
    แต่กลายเป็นว่าสหรัฐฯ ขาดความพยายามในการประสานงานในแต่ละท้องถิ่น นั่นคือความจริงที่เกิดขึ้นทั่วทั้งอเมริกา แต่ละมลรัฐต้องพึ่งทรัพยากรของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ในการรับมือกับการระบาดในท้องถิ่น รวมถึงการที่บางรัฐ ต้องการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
    .
    โดยอาศัยปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวคือตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับน้อย แต่ยังขาดความชัดเจนในมาตรการรองรับที่รัดกุม ความจริงเราควรทุ่มเงินไปกับการทดสอบเชื้อ และติดตาม ไปจนถึงการหาพื้นที่กักกันโรคในสหรัฐฯ แต่นั่นแทบเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญเลย
    .
    ความจริงมูลนิธิบิล และเมลินดา เกตส์ ได้ทุ่มเงินให้กับการวิจัยวัคซีนป้องกันเชื้อโควิดไปแล้วกว่า 2-3 พันล้านดอลลาร์ รวมไปถึงยังบริจาคสนับสนุนให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ถึง 150 ล้านดอลลาร์ ในทันทีที่มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลทรัมป์สั่งตัดเงินสนับสนุนอนามัยโลกเนื่องจากไม่พอใจต่อการตอบสนองต่อไวรัสที่เชื่องช้าของ WHO

    -------------------------------
    แหล่งที่มา

    https://www.politico.com/news/2020/05/07/melinda-gates-coronavirus-trump-d-243695

    https://timesofindia.indiatimes.com...-19-gives-it-d-minus/articleshow/75627248.cms

    https://www.posttoday.com/world/622940
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Topic : “ นักวิทยศาสตร์ชี้ มนุษย์ 1 ใน 3 อาจต้องเผชิญความร้อนดั่งทะเลทรายภายในปี 2070 “

    ปัญหาโลกร้อนที่กำลังถาโถมเข้ามาทุกวัน ที่กำลังส่งผลต่อทุกชีวิตบนโลกอย่างหลีกเลี่ยงไมได้
    ในอนาคตมันจะร้อนขึ้นอีกไหม?
    จะร้อนมากขนาดไหนไหนกัน?

    --การคาดการของนักวิทยาศาสตร์--

    ถ้ามนุษย์ยังคงปล่อยแก๊ซคาบอนได้ออกไซด์กันมากมายแบบนี้ ในอีก50ปีข้างหน้า จะมีประชากรหนึ่งถึงสามพันล้านคนที่ต้องเผิชญกับความร้อนที่ไมาสามารถต้านทานได้ และจำนวนผลกระทบก็ขึ้นอยู๋กับอัตราการเติมโตของประชากรโลกอีกด้วย

    --ความร้อนระดับนั้นส่งผลขนาดไหน--

    ความร้อนที่พูดถึงจะทำให้อุณภูมิเฉลี่ยของทั้งปีสูงถึง27องศาเซีลเซียส หมายถึงว่า พื้นที่เหล่านั้นจะมีความร้อนเทียบเท่าทะเลทรายซาฮารา ทำให้เกิดความแห้งแล้งที่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

    --เราสามารถหยุดสิ่งนี้ได้หรือไม่--

    ️ถ้าแนวโน้มประชากรโลกยังเพิ่มสูงขึ้น และเราไม่สามารถลดการก่อเกิดคาร์บอนในอากาศ เราก็ไม่สามารถที่จะหยุดปัญหานี้ได้ สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ก็มีเพียงต้องหยุดกิจกรรมที่สิ้นเปลืองพลังงานและก่อให้เกิดมลภาวะแก๊สเรือนกระจก จนกระทั่งวันหนึ่งที่ปัญหาโลกร้อนอาจจะถูกพูดถึงอย่างจริงจังกว่าทุกวันนี้ และออกมาตรการข้อบังคับร่วมกันในการลดโลกร้อนอย่างจริงจังและเด็ดขาด

    แล้วเพื่อนๆมีวิธีลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองอย่างไรบ้าง❓
    มา Share วิธีการช่วยลดโลกกันดีกว่า‍♂️‍♀️
    เพราะเสียงและความเห็นของพวกเราจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้

    #PTTNews
    #โลกร้อน

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประชากรกว่า3พันล้านคนอาจจะต้องอยู่ในสภาพอากาศร้อนจนอยู่ไม่ได้ในปี2070 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว

    จากการศึกษาพบว่าประชากรกว่า3พันล้านคนอาจจะต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่ร้อนเกินทน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง29 องศาเซลเซียส ภายในปี 2070

    ปัจจุบันหนึ่งในสถานที่ๆร้อนที่สุดในโลก ได้แก่ทะเลทราย Sahara มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่า 29 องศาเซลเซียส สถานที่ที่อากาศร้อนสุดโต่งนี้คิดเป็น 0.8% ของแผ่นดินทั่วโลก แต่งานวิจัยนี้พบว่าอนาคต จะมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนเกินอยู่อาศัยนี้ ขยายเพิ่มขึ้นถึง 19% ของทั่วโลก กระทบประชากรมนุษย์กว่า 3500 ล้านคนในปี 2070 บริเวณเหล่านั้นได้แก่ แอฟริกา อินเดีย ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    โดยนักวิจัยได้ใช้ข้อมูลประชากรจากองค์การสหประชาชาติ คาดว่าอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 3องศาเซลเซียส แม้ประเทศต่างๆจะทำตามข้อตกลงParis Climate Agreementแล้วก็ตาม และแบบเลวร้ายสุด อนาคตบางพื้นที่บนโลกอุณหภูมิอาจสูงขึ้นถึง 7.5องศาเซลเซียส ภายในปี 2070 งานวิจัยยังชี้ว่า ทุกๆ 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ผู้คนกว่า หนึ่งพันล้านต้องย้ายที่อยู่เพื่อหลีกหนีอุณหภูมิที่ร้อนเกินอาศัย

    ก่อนหน้านี้ IPCC (Intergovernmental Panel of Climate Change) ได้ออกมาเตือนเมื่อปี 2018 ว่ามนุษย์ควรควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศา เซลเซียสภายในปี 2030 เพื่อยับยั้งการเสียหายถาวรของสภาพอากาศและระบบนิเวศน์ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่มีประเทศใดสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้า

    การศึกษาพบว่าประชากรโลกอาศัยในกรอบอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ11-15องศาเซลเซียส เป็นส่วนมาก และส่วนน้อยอยู่ในอุณหภูมิช่วง 20-25องศาเซลเซียส ผู้คนอาศัยอยู่อย่างนี้มาเป็นเวลากว่าพันปี

    อย่างไรก็ตาม ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นไปอีก3องศาเซลเซียส จะทำให้ผู้คนจำนวนมากจะต้องเจอกับอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมต่อร่างกายมนุษย์

    คุณ Tim Lenton ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศหัวหน้าทีมวิจัยกล่าวกับ BBC ว่า แผ่นดินใหญ่ร้อนขึ้นเร็วกว่าในมหาสมุทร ดังนั้นแผ่นดินใหญ่จะร้อนขึ้นมากกว่า 3 องศาเซลเซียส

    จำนวนของประชากรโลกส่วนใหญ่ รวมถึงแนวโน้มการแพร่พันธุ์ของประชากร จะพบอาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศร้อนเช่น ในแถบแอฟริกาซาฮาร่า เมื่อนำมาคำนวณจะทำให้ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิของประชากรโลกสูงขึ้นมากกว่า3องศาเซลเซียสอย่างแน่นอน ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ ออสเตรเลียเหนือ อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ
    ตะวันออกกลางบางส่วน

    ในการศึกษามีความกังวลถึงคนยากจนในพื้นที่ดังกล่าว ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยหลบร้อนได้
    Tim Lenton กล่าวว่า การศึกษานี้ไม่ใช่แค่เรื่องคนมีเงินที่จะอาศัยอยู่ในบ้านแล้วเปิดแอร์หลบร้อนเราต้องคำนึงถึงคนที่ไม่สามารถหลบภัยจากสภาพอากาศได้ หลักๆที่งานวิจัยนี้อยากจะสื่อคือลดและจำกัดภาวะโลกร้อน จะมีประโยชน์มหาศาลในการลดปริมาณคนที่ได้ผลกระทบจากสภาพอากาศ คาดการณ์ว่าผู้คนพันล้านคนจะได้รับผลกระทบ ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส ดังนั้นทุกๆองศาที่เราลดลงได้ จะช่วยลดปริมาณผู้คนที่ได้รับผลกระทบลง

    งานวิจัยนี้คำนวณโมเดลที่ร้ายแรงที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเรายังคงมีหวังที่จะลดการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยรัฐบาลต่างๆต้องออกมาตรการควบคุมภาวะโลกร้อน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เคร่งครัดขึ้น ปรับตัวโครงสร้างทางสัมคมและเศรษฐกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วนก่อนจะสายเกินไป

    https://www.bbc.com/news/science-environment-52543589

    https://edition.cnn.com/2020/05/05/...limate-niche-temperatures-intl-hnk/index.html

    https://www.nytimes.com/2020/05/04/climate/heat-temperatures-climate-change.html

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียเปิดเกม ใช้เบี้ยรุก:

    เป็นก้าวใหญ่ที่น่าติดตามและจับตามองเรื่องสถานการณ์ในซีเรีย เมื่อวลาดิเมียร์ ปูตินอนุญาตให้กองทัพอิหร่านใช้ฐานทัพอากาศ Hmeimim ของตนในเมืองละทาเกียของซีเรียได้ ถ้าอิหร่านนำโดรนและเครื่องบินรบมาเก็บไว้เพื่อโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย รวมทั้งตอบโต้อิสราเอล อิสราเอลจะทำอย่างไร?

    ถือเป็นก้าวใหญ่ที่น่าติดตามมากครับว่าอิหร่านจะเข้ามาใช้ฐานทัพเพื่ออะไร ถ้าใช้เป็นฐานทัพอากาศในซีเรีย โดยมีจรวดแซม S-400 และระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir คุ้มครองอยู่ แสดงว่ารัสเซียเริ่มรุกคืบกดดันกองทัพอเมริกาและอิสราเอลไปอีกก้าวใหญ่แล้ว

    จับตาดูกันต่อครับ

    https://www.almasdarnews.com/articl...ccess-to-syrias-hmeimim-airbase-in-rare-move/

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

    กองทัพตุรกีซึ่งคอยจัดส่งอาวุธต่างๆ ให้กลุ่มติดอาวุธจากซีเรียบุกโจมตีค่ายทหารนายพลฮัฟตาร์ของลิเบียบ่อยๆ บัดนี้เจอเองเสียแล้ว กองทัพลิเบียนำโดยนายพลฮัฟตาร์จัดการบุกถล่มสำนักงานใหญ่ค่ายทหารตุรกีในลิเบียจนเป็นทะเลเพลิง โปรดติดตามครับว่าจะอยู่ได้สักกี่น้ำ กลุ่มทหารนายพลฮัฟตาร์ตอนนี้ มุ่งจ้องเล่นงานกองทัพตุรกีเลยทีเดียว
    https://www.almasdarnews.com/articl...ttack/?utm_source=dlvr.it&utm_medium=facebook

     

แชร์หน้านี้

Loading...