ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไม่กลัวโควิด กลัวอดตาย ชาวบ้านในเมืองเกซอน ซิตี้ ของฟิลิปปินส์ เบียดเสียดโดยไม่สนใจป้องกันการติดเชื้อ เพื่อรับเงินช่วยเหลือจากทางการท้องถิ่น ตามโครงการบรรเทาความเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

    https://www.manilatimes.net/

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์นั่งไม่ติดอีกหน หลังออกมาระบุว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะ “หายไปเอง” ในที่สุด แม้โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
    https://mgronline.com/around/detail/9630000048874

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ถึงตาย ‼️นร.จีนใส่หน้ากากออกกำลังกายสิ้นใจแล้ว 3 ราย
    นักเรียน 3 คนในประเทศจีนเสียชีวิต ขณะที่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเรียนพละศึกษา เหตุการณ์เกิดขึ้นที่มณฑลเจ้อเจียง, เหอหนาน และหูหนาน
    .
    เด็กนักเรียนหมดสติล้มลงและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ระหว่างที่ร่วมกิจกรรมวิ่งแข่งระยะไกลและกิจกรรมพละศึกษาอื่น ๆ โดยสวมหน้ากากป้องกัน โดยอย่างน้อย 1 คนในจำนวนนี้ได้สวมหน้ากากอนามัย N95 ที่ใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
    .
    โรงเรียนในจีนได้กลับมาทำการเรียนการสอนอีกครั้งในบางพื้นที่ โดยนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัสโควิด ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ควรสวมหน้ากากอนามัย N95 ระหว่างออกกำลังกายอย่างหนัก และสามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก หากเว้นระยะห่างจากกันอย่างปลอดภัย

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ไวรัส #โควิด สะเทือนธุรกิจทั่วโลก ห้างร้านปิดตัว หลายธุรกิจต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐ บางกิจการอาจต้องล้มละลาย ผู้คนมากมายตกงาน แต่ใน #ญี่ปุ่น มีธุรกิจบางอย่างที่ได้โอกาสจากวิกฤตครั้งนี้

    ไวรัสโควิดสะเทือนธุรกิจทั่วโลก ห้างร้านปิดตัว หลายธุรกิจต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐ บางกิจการอาจต้องล้มละลาย ผู้คนมากมายตกงาน แต่ในญี่ปุ่นมีธุรกิจบางอย่างที่ได้โอกาสจากวิกฤตครั้งนี้หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉิน และเรียกร้องให้ผู้คนอยู่บ้านหยุดเชื้อ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ปิดทำการ ธุรกิจซบเซาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ยังมีธุรกิจบางอย่างที่โดดเด่นท่ามกลางวิกฤตโควิด

    จักรยาน

    ชาวญี่ปุ่นหันมาขี่จักรยานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถไฟ ร้านขายจักรยานบอกว่า ลูกค้ามาซื้อและซ่อมจักรยานเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ในช่วงวันหยุดก็ต้องเปิดร้านให้บริการลูกค้า

    ธุรกิจให้ยืมจักรยานก็คึกคักเช่นกัน Docomo Bike Share ซึ่งมีสมาชิกกว่า750,000 คน ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1-15 เมษายน จำนวนสมาชิกใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ทางบริษัทระบุว่า ถึงแม้จำนวนสมาชิกรวมจะลดลงเล็กน้อยจากที่ผู้คนส่วนใหญ่อยู่บ้านหยุดเชื้อ แต่มีอัตราการเติบโตของสมาชิกใหม่ ซึ่งมีทั้งคนที่เช่าจักรยานเพื่อใช้ส่งสินค้า และคนที่ขี่จักรยานไปทำงานเพราะทำงานที่บ้านไม่ได้

    พนักงานบริษัทคนหนึ่งบอกว่า งานของเขาเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลจึงทำงานที่บ้านไม่ได้ แต่เขาไม่อยากขึ้นรถไฟที่ยังคงมีผู้คนหนาแน่นอยู่ จึงเลือกเช่าจักรยานขี่ไปทำงาน เขาเลือกเช่าจักรยานไฟฟ้าที่ช่วยผ่อนแรงในการขี่ และไม่ต้องห่วงเรื่องการหาที่จอดจักรยาน เขาใช้เวลาขี่จักรยานจากบ้านถึงออฟฟิศเพียง 45 นาที เร็วกว่าที่เคยเดินทางด้วยรถไฟที่ใช้เวลา 50 นาที

    บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งที่เคยห้ามพนักงานขี่จักรยานมาทำงาน ด้วยเหตุผลความปลอดภัย ได้เปลี่ยนกฎอนุญาตให้ขี่จักรยานมาทำงานได้ แต่ต้องมีการป้องกันความปลอดภัย เช่น สวมหมวกนิรภัย ทำประกันภัยอุบัติเหตุ รวมทั้ง สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาด้วย

    ภาชนะใส่อาหาร
    ร้านอาหารในญี่ปุ่นปกติแล้วไม่ให้นำอาหารกลับไปกินที่บ้าน เพราะเหตุผลเรื่องสุขอนามัย ร้านต้องรับผิดชอบหากลูกค้านำอาหารกลับไปกินแล้วท้องเสีย แต่วิกฤตโควิดทำให้ร้านอาหารในญี่ปุ่น ต้องปรับตัวมาขายอาหารแบบ Take out หรือ Delivery

    ผลพวงจากเรื่องนี้ ทำให้มีความต้องการภาชนะบรรจุอาหารเพิ่มขึ้นมาก เป็นธุรกิจที่เติบโตสวนกระแสโรคระบาด

    ส่งอาหารและสินค้า
    เมื่อผู้คนอยู่บ้านหยุดเชื้อ ร้านอาหารและร้านค้าไม่สามารถให้บริการได้เหมือนปกติ การสั่งอาหารและสินค้าทางออนไลน์กลายเป็นช่องทางสำคัญ คนที่ว่างงานหลายคนก็ผันตัวมาขี่จักรยานส่งสินค้า หารายได้ประทังชีวิตในช่วงนี้

    ผู้ประกอบการรายใหญ่ในญี่ปุ่น คือ UBER eats ระบุว่า คนส่งสินค้าจะได้ค่าตอบแทนเฉลี่ยราว 500 เยนต่อครั้ง (ราว150 บาท) ซึ่งอาจน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำในเมืองใหญ่ที่ 1,000 เยนต่อชั่วโมง แต่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ถือว่าดีกว่าไม่มีงานเลย คนที่ไม่มีจักรยานก็สามารถเช่าจักรยานมาใช้ส่งของ และยังได้ออกกำลังกายด้วย

    ท้องถนนในญี่ปุ่นโล่งว่างจากที่ผู้คนลดการออกนอกบ้าน แต่ขวักไขว่ด้วยคนที่ขี่จักรยานส่งอาหาร รวมทั้งรถขนส่งสินค้าของบริษัทต่าง ๆ ที่ได้อานิสงค์จากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ซูเปอร์มาเก็ตและอาหาร

    ซูเปอร์มาเก็ตมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้คนที่เคยทานอาหารนอกบ้านต้องหันมาทำอาหารเองที่บ้าน ถึงแม้ในช่วงแรกของการประกาศภาวะฉุกเฉิน ชาวญี่ปุ่นจะแห่ไปซื้อสินค้ากักตุน หลายแห่งเติมสินค้าไม่ทัน แต่ญี่ปุ่นก็ไม่เผชิญกับการขาดแคลนอาหารเลย

    ทางการญี่ปุ่นขอให้ซูเปอร์มาเก็ตใช้มาตรการป้องกันการติดเชื้อ เช่น จำกัดจำนวนลูกค้าในช่วงเวลาหนาแน่น ฆ่าเชื้อตะกร้าและรถเข็น เว้นระยะห่างระหว่างลูกค้าที่รอชำระเงิน ติดตั้งแผ่นพลาสติกกั้นระหว่างลูกค้ากับแคชเชียร์ รวมทั้งขอให้แต่ละครอบครัวออกไปซื้อของเพียงคนเดียว และไปซื้อสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

    สินค้าที่ขายดีได้แก่ อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง ซึ่งสะดวกในการปรุงสำหรับเด็กๆ ที่ต้องอยู่บ้าน นัตโตะและกิมจิที่เชื่อว่ามีจุลินทรย์ที่เพิ่มภูมิต้านทาน รวมทั้งสุรา เพราะญี่ปุ่นไม่มีมาตรการจำกัดการซื้อสุราเหมือนไทย หากแต่ก็มีความกังวลเช่นกันว่า การอยู่บ้านทำให้ปริมาณการบริโภคสุราเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพและอาจนำไปสู่ความรุนแรงในครอบครัว

    ร้านขายผ้า
    การขาดแคลนหน้ากากอนามัยในญี่ปุ่น ทำให้บรรดาแม่บ้านญี่ปุ่นตัดเย็บหน้ากากอนามัยไว้ใช้เอง ส่งผลให้ด้าย ผ้า และอุปกรณ์ตัดเย็บขายดีอย่างมาก ฟูจิกซ์ ผู้จำหน่ายสิ่งทอรายใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า มียอดขายเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตัว โดยเฉพาะด้ายและผ้าสีขาวขาดตลาดมานานแล้ว ตัวแทนขายของทางบริษัทระบุว่า ได้ยินมาว่าโรงเรียนและที่ทำงานบางแห่งออกกฎให้ใช้หน้ากากอนามัยสีขาวเท่านั้น ทำให้บรรดาผู้ปกครองต่างบ่นว่า หาซื้อด้ายและผ้าสีขาวไม่ได้

    ไวรัสโควิดสร้างวิกฤตรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ แต่วิกฤตนี้ก็เป็นโอกาสให้สังคมอนุรักษ์นิยมอย่าง ญี่ปุ่น ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด ทั้งรูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิต โปรดติดตามในตอนที่ 2
    https://mgronline.com/japan/detail/9630000048707

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (12 พ.ค.) #ไต้ฝุ่น หมายเลข 1 (หว่องฟง ; VongFong) ถือกำเนิดแล้ว

    ยังเล็ก ๆ อยู่ค่ะ ตามเกณฑ์ที่ไทยน่าจะยังเรียกโซนร้อน

    น่าจะไปทางฟิลิปปินส์ ไต้หวันค่ะ

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #ลมฟ้าอากาศ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตู้ปันสุข ไม่เหมาะกับนิสัยคนไทย!? : [NEWS REPORT]

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 12) จับตา “เงินหยวนดิจิทัล” นวัตกรรมการเงินครั้งสำคัญหลังเกิด “โควิด-19” : ไทยพาณิชย์มองเงินหยวนดิจิทัลเป็นนวัตกรรมการเงินครั้งสำคัญที่สุด หลังจากเกิดไวรัส COVID-19 ชี้ข้อดีช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจข้อมูลการใช้จ่ายส่วนตัว เนื่องจากข้อมูลถูกจัดเก็บรวมกันที่ธนาคารกลาง ไม่กระจายอยู่ที่บริษัทเอกชน ระบุธนาคารพาณิชย์ของจีนต้องเตรียมรับมือหลังถูกลดทอนบทบาทการส่งต่อกลไกราคา พร้อมแนะธุรกิจไทยควรจับตาแนวโน้มระยะยาว ความคล่องตัวของเงินหยวนดิจิทัลจะผลักดันให้เงินหยวนมีความสากลมากขึ้น

    นายมาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน China Business ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การประกาศเริ่มใช้เงินหยวนดิจิทัลน่าจะเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่สำคัญที่สุดหลังจากเหตุการณ์โรคระบาด โดยเงินหยวนดิจิทัลนี้ไม่ใช่สกุลใหม่หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของเงินหยวนปกติ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายการเงิน ตลอดจนมีส่วนช่วยในการปราบปรามการทุจริต ในระยะยาวอาจเป็นตัวเสริมความเป็นสากลของเงินหยวน

    อีกทั้งเงินหยวนดิจิทัลมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ที่ตรงกันข้ามกับ crypto currency โดยสิ้นเชิง และรัฐบาลจีนไม่ได้มีสัญญาณที่จะเปลี่ยนท่าทีมาส่งเสริมการใช้ crypto currency แต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงผลต่อภาคธุรกิจ คาดว่าธนาคารพาณิชย์จีนน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะดูเหมือนธนาคารกลางจีนออกแบบเงินดิจิทัลนี้ให้ลดทอนบทบาทธนาคารพาณิชย์ในการทำหน้าที่เป็นตัวส่งต่อกลไกราคา อีกทั้งความต้องการใช้บริการบางด้าน เช่น ธุรกิจ custodian และธุรกิจกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อาจลดลง

    ธนาคารกลางจีน หรือ หรือ People’s Bank of China (PBOC) ได้ศึกษาแนวทางการออกเงินหยวนดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว การนำเงินหยวนดิจิทัลออกมาใช้ในช่วงเวลานี้ ส่วนหนึ่งเพื่อการป้องกันการติดโรคระบาดผ่านธนบัตร ถึงแม้ประเทศจีนเป็นสังคมไร้เงินสดเกือบทั้งหมด แต่เบื้องหลังของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ยังมีส่วนที่เป็นธนบัตรกระดาษอยู่ อาทิ การจัดเก็บธนบัตรที่ธนาคารพาณิชย์ ส่วนเงินหยวนดิจิทัลจะไม่มีขั้นตอนของธนบัตรกระดาษแต่อย่างใด

    ในระยะต่อไปเมื่อมีการใช้เงินหยวนดิจิทัลในวงกว้าง ธนาคารกลางจีน น่าจะสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินได้แบบคล่องตัวและตรงจุดมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติด้านการรวมศูนย์ที่ทำให้ติดตามสถานะของผู้ถือเงินได้ ซึ่งธนาคารกลางอาจกำหนดหรือปรับอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่างกันสำหรับกลุ่มผู้ถือเงินแต่ละกลุ่มโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกลไกของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ธนาคารกลางสามารถบริหารสภาพคล่องในแต่ละภาคเศรษฐกิจได้โดยตรงมากขึ้น นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ของเงินดิจิทัล ได้แก่ ต้นทุนการผลิตเงินที่ต่ำกว่า การป้องกันการคดโกงและการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า หรือแม้กระทั่งการจ่ายเงินอุดหนุนในเหตุวิกฤติที่ทำได้แบบตรงตัวกว่า เป็นต้น

    “เงินหยวนดิจิทัลมีความต่างจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเงินหยวนดิจิทัลจะถูกเก็บอยู่ในมือถือของประชาชนโดยตรง การใช้จ่ายทำผ่านระบบ NFC ก็คือเอาโทรศัพท์มือถือมาแตะกัน จึงให้ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสูงกว่าสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะข้อมูลการใช้จ่ายจะถูกจัดเก็บรวมกันที่ธนาคารกลาง ไม่กระจายอยู่ที่บริษัทเอกชน และสิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ในภาคธุรกิจ คือ เมื่อมีการใช้เงินหยวนดิจิทัลในวงกว้าง ธุรกิจร้านค้าอาจถูกติดตามเรื่องการเสียภาษีได้ง่ายขึ้น”

    ปัจจุบัน ธนาคารกลางจีน กำลังจะทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลที่มีชื่อทางการว่า Digital Currency/Electronic Payment (DCEP) โดยกำหนดทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลนี้ใน 4 เมือง ได้แก่ เซิ่นเจิ้น ซูโจว เฉิงตู และเขตเมืองใหม่สงอัน โดยในเมืองซูโจว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รัฐบาลจะจ่ายค่าเดินทางให้กับข้าราชการครึ่งหนึ่งเป็นเงินหยวนดิจิทัล ส่วนการทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลในเมืองสงอันนั้น จะเน้นทดลองใช้กับธุรกิจค้าปลีกและการจัดเลี้ยง เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต และฟิตเนส เป็นต้น โดยมีบริษัทข้ามชาติใหญ่ ๆ เช่น Starbucks McDonald’s และ Subway เข้าร่วมโครงการทดลองในครั้งนี้ด้วย

    ในมุมมองของไทยพาณิชย์ สิ่งที่ต้องจับตามองอย่างมาก คือ เมืองสงอัน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่ง เพราะรัฐบาลจีนจะผลักดันให้เป็นเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคต ในส่วนของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Apple Pay, AliPay และ WeChat นั้น รัฐบาลจีนก็ออกกฎชัดว่าต้องสามารถรองรับการใช้งานของเงินหยวนดิจิทัลได้ ซึ่งน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การใช้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว

    นายมาณพ ยังกล่าวด้วยว่า แนวคิดของเงินหยวนดิจิทัลนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับ cryptocurrency เช่น bitcoin หรือ stable coin เช่น Libra และโดยนัยยังเป็นการสกัดกั้น cryptocurrency เนื่องจากเงินหยวนดิจิทัลมีลักษณะ 3 ประการ

    1. มีกฎหมายรองรับและไม่ใช่เงินสกุลใหม่ : เงินหยวนดิจิทัลเป็นเงินที่มีกฎหมายและความน่าเชื่อถือของประเทศรองรับ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ หากแต่เป็นเงินหยวนในรูปแบบดิจิทัล (แทนที่จะเป็นกระดาษ) ดังนั้น ไม่ต้องมีการอิงราคากับสกุลเงินหรือสินทรัพย์ใด ๆ ไม่ต้องมีการกำหนดราคาเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินหยวนที่มีใช้อยู่แล้ว หากเปรียบเทียบกับ Bitcoin จะเห็นได้ว่า Bitcoin ถือเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่มีราคาตลาดขึ้นลงเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องสอดคล้องกับสกุลเงินจริงใด ๆ หรือแม้กระทั่ง Libra ก็ยังถือเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ที่มีการผูกค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อไม่ให้มีความผันผวน แต่โดยตัวเองไม่ได้มีการรับรองโดยรัฐประเทศ

    2. มีลักษณะรวมศูนย์: เงินหยวนดิจิทัลไม่อิงกับเทคโนโลยี blockchain มีลักษณะการจัดเก็บแบบรวมศูนย์มาที่ธนาคารกลาง คือธนาคารกลางสามารถรู้ข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอดจนสถานะของผู้ถือ (ว่าเป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัท SME หรือรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น) โดยที่แนวคิดเรื่องการรวมศูนย์นี้ มีความตรงกันข้ามกับ crypto currency ชนิดต่าง ๆ ที่เน้นการกระจายการจัดเก็บข้อมูลโดยไม่มีตัวกลาง

    3. มีดอกเบี้ย: ที่น่าสนใจมากคือธนาคารกลางสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กับเงินหยวนดิจิทัลได้โดยตรง คุณสมบัติข้อนี้เป็นจุดแตกต่างจากเงิน crypto currency โดยทั่วไป แต่ในขั้นทดลองนี้ยังไม่มีการกำหนดดอกเบี้ย

    นายมาณพ กล่าวด้วยว่า ภาคธุรกิจไทยควรจับตาแนวโน้มระยะยาวว่าความคล่องตัวของเงินหยวนดิจิทัลจะมีส่วนผลักดันให้เงินหยวนมีความเป็นสากลมากขึ้นหรือไม่เพียงใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนการโอนเงินเข้าออกประเทศจีนเพื่อชำระสินค้าค่าบริการและการลงทุน ตลอดจนการเพิ่มน้ำหนักของเงินหยวนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อเนื่องกับอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เงินหยวนดิจิทัลนี้คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมการปฏิรูปเงินหยวนให้มีความเสรีมากขึ้น จึงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการเปิดเสรีบัญชีทุนของประเทศจีนด้วย สำหรับในระยะสั้น ไม่คิดว่าการใช้เงินหยวนดิจิทัลจะมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจไทยแต่อย่างใด

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/finance/news-463004

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 12) กรรมการเฟดแสดงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบ: นาย Charles Evans, Chicago Federal Reserve President (non-voter, dovish) และนาย Raphael Bostic, Atlanta Federal Reserve President (non-voter, neutral) ต่างออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจนติดลบ

    นาย Evans เห็นว่าควรจะต้องมีการศึกษาประสิทธิผลและผลกระทบอื่น ๆ จากการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบก่อน สอดคล้องกับท่าทีของนาย Bostic ที่แม้ว่าตนจะไม่สนับสนุนการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบ แต่ Fed ยังคงพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทางนโยบายการเงินอื่นอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายการจ้างงานสูงสุดและเสถียรภาพด้านราคา

    ท่าทีจากกรรมการทั้ง 2 ท่านสอดคล้องกับความเห็นของนาย Jerome Powell, Federal Reserve Chairman ที่เคยให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ Lower bound ว่ากรรมการ FOMC ได้พิจารณาทางเลือกการดำเนินนโยบายการเงินผ่านเครื่องมือต่าง ๆ แล้ว และเลือกที่จะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงติดลบในขณะนี้

    ทั้งนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา Fed Fund Futures ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 100 ในสัญญาส่งมอบเดือน ธ.ค. 2020 เป็นต้นไป ซึ่งสะท้อนคาดการณ์การดำเนินอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบในปี 2021 ก่อนที่ราคา Fed Fund Futures จะเริ่มปรับลดลงในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่าการที่ราคา Fed Fund Futures ปรับสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 100 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีปัจจัยสนับสนุนทางด้านเทคนิค จากการที่นักลงทุนกลุ่ม dealer ซื้อเพื่อปรับสถานะการลงทุนออกจาก short position หลังจากที่ Effective Fed Fund ปรับลดลงมาใกล้ศูนย์ต่อเนื่อง

    Source: BoTSS

    - Fed's Evans sees no inflation risk, and no use for negative rates: https://www.reuters.com/article/us-...k-and-no-use-for-negative-rates-idUSKBN22N2H5

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 12) นาย Steven Mnuchin รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งชำระหนี้สินก่อนกำหนดและมีแผนที่จะกู้ยืมระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ

    นาย Mnuchin ยังกล่าวเสริมว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตนค่อนข้างสบายใจกับการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ นาย Mnuchin ต้องการออกพันธบัตรระยะยาวเพื่อล๊อคต้นทุนการกู้ยืมไว้ที่ระดับต่ำ แต่ที่ตัดสินใจออกพันธบัตรระยะ 20 ปี เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงกว่าระยะที่ยาวกว่านี้

    ด้านมุมมองต่อเศรษฐกิจนาย Mnuchin ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจซึ่งเชื่อว่าตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมอาจจะแย่กว่าเดือนเมษายน แต่ตัวเลขมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในระยะถัดไปเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนและเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเปิดตามปกติอีกครั้ง

    Source: BoTSS

    - Mnuchin says he's comfortable spending so much because of very low rates
    https://www.cnbc.com/2020/05/11/mnu...are|com.apple.UIKit.activity.CopyToPasteboard

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมเงินช่วยเหลือสายการบิน garuda Airline สายการบินแห่งชาติมูลค่า 30 000 ล้านบาท
    ปัจจุบันรัฐบาลหลายประเทศซึ่งมีสายการบินแห่งชาติมีแผนการที่ต่างกันเกี่ยวกับสายการบินแห่งชาติของตัวเอง เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้อุตสาหกรรมการบินล้มระเนระนาด รัฐบาลบางชาติเช่นอินโดนีเซียก็ออกเงินพิเศษเพื่อรักษาสายการบินแห่งชาติของตัวเองแต่บางชาติ ก็ปล่อยให้ล้มไปเลย

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มุมน่ารักๆ ของผู้โดยสารชาวจีน ไฟล์ทขาออกจากสุวรรณภูมิ

    "ฉันรักประเทศไทย...รอฉันนะ"

    ในภาพเป็นผู้โดยสารของเที่ยวบิน MU2804 สุวรรณภูมิ-หนานจิง
    *ไฟลท์พิเศษรับคนจีนตกค้างกลับ เป็น repatriation flight
    CR TW #RonallChersan

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทำเนียบขาวของสหรัฐออกกฎให้ จนท.สวม #หน้ากากอนามัย ยกเว้น ปธน.ทรัมป์ และ รอง ปธน.ไมค์ เพนซ์
    - คำสั่งให้ผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบขาวสวมหน้ากากอนามัย มีหลังคนสนิท ปธน.สหรัฐ และแคธี่ มิลเลอร์ โฆษก รอง ปธน.สหรัฐ ผลการตรวจ #โควิด มีค่าเป็นบวก
    #โควิด19 #COVID19 #ไวรัสโคโรนา #coronavirus credit Twitter #motorwars

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทุนบริหารวัดที่รวยที่สุดในโลกกำลังลำบาก
    .
    จากการระบาดของโควิด19 ในอินเดีย ทำให้มีการสั่งปิดศาสนสถานทั่วประเทศเพื่อป้องกันการชุมนุมของผู้คน ดังนั้นวัดต่างๆจึงปิดตัวลงและไม่มีเงินบริจาคเข้ามาจนทำให้ กองทุนเพื่อพัฒนาและดูวัด(ฮินดู?)ที่รวยที่สุดในโลกของอินเดีย Tirumala Tirupati Devasthanams (TTD) เริ่มมีปัญหาในการจ่ายเงินให้กับพนักงาน ของกองทุนไม่ว่าจะเป็นตุ่มทำความสะอาดส่วนดูแลและอื่นๆ
    ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีการระบาดของโควิด19 สูงที่สุดในเอเชียใต้และหลายคนมองว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่าตัวเลขทางการเนื่องจากอินเดียไม่มีศักยภาพในการสุ่มตรวจที่มากพอ

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลูกช้างที่มีภาวะผิวเผือกอายุราว4เดือนผิวสีชมพูตาสีฟ้าติดบ่วงที่คนเอาไปวางไว้ในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ในแอฟริกาใต้ บาดเจ็บสาหัสหลายแห่ง อิดโรยเพราะขาดน้ำและอาหารไม่รู้ว่าติดอยู่กี่วันกว่าจะได้รับการช่วยเหลือมาอยู่กับองค์กรอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ แต่น้องก็สู้ชีวิตทำให้บรรดาจนท.ประทับใจ
    องค์กรรับช้างบาดเจ็บ-กำพร้ามาฟื้นฟูสุขภาพเกือบ20ตัวจนกว่าจะพร้อมกลับสู่ธรรมชาติ ไม่มีใครรู้ว่าช้างภาวะผิวเผือกอายุยืนแค่ไหน แต่ก็ขอให้น้องสุขภาพแข็งแรง

    อุทยานครูเกอร์มีกฏหมายคุ้มครองสัตว์ป่า..แต่ก็ถูกล่ารายวัน

    ภาพจาก: HERD(Hoedspruit Elephant Rehabilitation and Development)/AP

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ควบคุมการระบาดสไตล์เยอรมันด้วยค่าR

    .
    ขณะที่เยอรมนีกำลังเริ่มผ่อนคลายล็อคดาวน์ ทุกคนให้ความสนใจกับค่า R ที่สถาบัน Robert Koch ผู้ดูแลเรื่องโรคระบาดในเยอรมนีประกาศออกมาทุกวัน ในวันที่ 6 พฤษภาคม รัฐบาลประกาศให้เริ่มผ่อนคลายการล็อคดาวน์ ค่า R อยู่ที่ 0.65 แต่ตั้งแต่วันที่ 9-11 พฤษภาคมที่ผ่านมาค่า R เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ติดต่อกัน 3 วัน ทำให้หลายฝ่ายกังวลใจเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
    .
    ✒️ค่า R ต่างกับค่า R0 อย่างไร และเอามาใช้จัดการการระบาดได้อย่างไรบ้าง
    .
    #ค่า_R0_และค่า_R
    .
    ✒️ค่า R0 หรือ basic reproduction number คือค่าเฉลี่ยที่ผู้ป่วย 1 คนจะแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นได้ในประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกันและไม่ได้ป้องกันอะไรเลย โดยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่มีค่า R0 อยู่ที่ 2.4 ถึง 3.3 ค่านี้บอกถึงความสามารถในการแพร่กระจายของไวรัส
    .
    ✒️ส่วนค่า R ที่รัฐบาลเยอรมันใช้ คือค่า Re (effective reproductive number) หรือบางทีเรียกว่า Rt (real-time effective reproductive number) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่ผู้ป่วย 1 คนจะแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นในประชากรที่เคยมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว หรือมีมาตรการป้องกันการระบาดต่างๆ ซึ่งค่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงนั้น
    .
    ถ้า R>1 แปลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่าวันก่อนหน้า

    ถ้า R=1 แปลว่า จำนวนติดเชื้อใหม่เท่ากับวันก่อน

    ถ้า R<1 แปลว่า จำนวนติดเชื้อใหม่ลดลงจากวันก่อน เป็นจุดมุ่งหมายของการควบคุมการระบาด
    .
    แต่อย่าลืมว่าตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อนี้มีความล่าช้ากว่าสถานการณ์การระบาดจริง เพราะกว่าคนจะติดเชื้อแล้วป่วยและได้นับเข้าระบบก็ผ่านไปหลายวัน สถาบัน Robert Koch จึงได้เพิ่มหลักการทางสถิติที่เรียกว่า Nowcasting เข้ามาช่วยเสริม ทำให้การคำนวณค่า R ของแต่ละวันแม่นยำยิ่งขึ้น
    .
    ถึงกระนั้นทางสถาบัน Robert Koch ได้อออกมาแถลงว่าข่าวเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมว่า ค่า R ที่ประกาศรายวันนั้น จะสะท้อนสถานการณ์ระบาดเมื่อ 10 วันที่แล้ว ดังนั้นค่า R ที่เพิ่มขึ้นมาใน 3 วันที่ผ่านมาจะสะท้อนการระบาดในช่วงวันที่ 28 เมษายน - 3 พฤษภาคม
    .
    รัฐบาลของหลายๆ ประเทศได้นำค่า R นี้มาใช้จัดการกับการระบาดในแต่ละท้องถิ่น โดยเรียกว่า Rt (real-time effective reproductive number) โดยคำนวณค่านี้ของแต่ละรัฐหรือจังหวัด ทำให้ปรับใช้มาตรการป้องกันได้เฉพาะถิ่น จะได้ไม่ต้องบังคับใช้ทั้งประเทศ
    .
    สหรัฐอเมริกา: https://rt.live/
    ฮ่องกง: https://covid19.sph.hku.hk/

    .
    ✒️ #ใช้แค่ค่าเดียวอาจไม่เพียงพอ
    .
    แต่ค่า R เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการออกใช้มาตรการ เพราะต้องคำนึงถึงจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวัน ความรุนแรงของโรค รวมถึงจำนวนเตียงผู้ป่วยวิกฤตที่มีอยู่ในตอนนั้น นอกจากต้องคำนึงถึงความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการติดตามหาผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยมาตรวจหาไวรัส
    .
    เยอรมนีจึงได้ใช้ตัวเลขอีกตัวหนึ่งในการจัดการของท้องถิ่น คือ #จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ต่อประชากรแสนคน หากภายในหนึ่งสัปดาห์เขตปกครองใดมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยมากกว่า 50 รายต่อวัน ต่อประชากร 100,000 คน เขตนั้นต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มข้นอีกครั้ง (ในรูปแผนที่คือเขตที่มีสีแดง)

    .
    ✒️ #แมร์เคิลขอความร่วมมือจากประชาชน
    .
    แองเจล่า แมร์เคิลกล่าวเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมว่า แม้ว่าเยอรมนีจะเข้าสู่ "เฟสใหม่" ของการระบาด การผ่อนคงายมาตรการจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยพื้นฐาน และในวันเดียวกันนั้นเองรัฐของเยอรมนี 16 รัฐเริ่มผผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์โดยมีรายละเอียดต่างกัน แล้วแต่รัฐกลางของรัฐนั้นๆจะพิจารณา

    .
    ✒️ #ประท้วงต่อต้านการล็อคดาวน์
    .
    เมื่อวันที่ 11-12 พฤษภาคม มีผู้ประท้วงออกมารวมตัวกันตามเมืองใหญ่ ๆ ของเยอรมันนี เพื่อต่อต้านมาตรการป้องกันต่างๆของรัฐบาล โดยกล่าวว่า นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์นั้น สร้างความตื่นตระหนกเกี่ยวกับการระบาด และนโยบายที่ออกมานั้นละเมิดสิทธิของประชาชน ทั้งนี้ในกลุ่มผู้ประท้วงมีนักเคลื่อนไหวต่อต้านการฉีดวัคซีน นักทฤษฎีสมคบคิด และผู้ประท้วงฝ่ายขวาจัดร่วมอยู่ด้วย
    .
    เจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังข้อมูลเท็จ ที่แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ต เช่นเรื่องเครือข่ายดิจิตอล 5G อยู่เบื้องหลังการแพร่กระจายของไวรัส หรือมาตรการล็อคด่วน์ของรัฐออกแบบมาเพื่อกำจัดเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยโดยเอาโรคระบาดมาบังหน้า
    .
    การสำรวจความพอใจของประชาชนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ากว่า 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วเยอรมนีนั้นพอใจกับการทำงานของรัฐบาลกลางต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะกลัวว่าจะตนเองติดเชื้อและตกงานก็ตาม

    .
    ✒️ แปลและสรุปใจความโดย จิตติพร 12/5/2020
    .
    ✒️ อ้างอิง:

    แผนที่: https://experience.arcgis.com/experience/478220a4c454480e823b17327b2bf1d4/page/page_1/

    ช่าว:
    https://www.rki.de/SharedDocs/FAQ/NCOV2019/FAQ_Liste_Epidemiologie.html#FAQId13985854

    https://www.rki.de/DE/Content/InfAZ...chte/2020-05-11-en.pdf?__blob=publicationFile



    https://www.dw.com/en/germany-infec...ve-1-but-restrictions-still-lifted/a-53383279

    https://www.dw.com/en/germany-thousands-of-protesters-slam-isolation-measures/a-53382891

    ✒️

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สัมภาษณ์พิเศษ “ชัวร์ก่อนแชร์” อสมท. ช่อง 30 HD “ห้ามเก็บแอลกอฮอล์เจลไว้ในรถ จริงหรือ? (5 พฤษภาคม 2563)

    ดร.นงลักษณ์ ตั้งไพศาลกุล หัวหน้ากลุ่มงานวิเคราะห์อนินทรีย์เคมี ฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ สถาบันมาตวิทยาแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์รายการพิเศษชุด “ชัวร์ก่อนแชร์” ซึ่งมุ่งเน้นการตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลที่ส่งต่อกันทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งในขณะนี้ในสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ประเด็นเกี่ยวกับคำเตือน “ห้ามเก็บแอลกอฮอล์เจลไว้ในรถ จริงหรือ?” เพราะความร้อนในรถอาจทำให้ประสิทธิภาพแอลกอฮอล์ลดลงจนไม่สามารถนำไปใช้ฆ่าเชื้อโควิด-19 ได้ รวมถึงเตือนว่าอาจเป็นอันตราย เพราะความร้อนในรถอาจทำให้แอลกอฮอล์เกิดไฟลุกขึ้นมาได้โดยที่เราไม่เห็นเปลวไฟ การสัมภาษณ์ในวันนี้จึงได้นำเสนอในประเด็นเกี่ยวกับ “ห้ามเก็บแอลกอฮอล์เจลไว้ในรถ จริงหรือ?” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปเผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาชนต่อไป ณ อาคารมาตรธำรง มว. จ.ปทุมธานี

    http://www.nimt.or.th/main/?p=31466



     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : เก็บเจลแอลกอฮอล์ไว้ในรถเสี่ยงไฟไหม้ จริงหรือ ?

    บนโซเชียลแชร์คลิปเตือนให้ระวังการเก็บเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ในรถ เพราะเสี่ยงติดไฟทำให้เกิดไฟไหม้และระเบิดได้

    เรื่องนี้สอบถามกับ ดร.นงลักษณ์ ตั้งไพศาลกุล หัวหน้ากลุ่มงานวิเคราะห์อนินทรีย์เคมี สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ

    สรุป : ไม่จริง ❌อย่าแชร์

    จริง ๆ ก็คือแอลกอฮอล์สามารถระเหยได้ในรถที่อากาศร้อน แต่ว่าจะไม่ติดไฟ

    การติดไฟได้ต้องมี 3 อย่าง ดังนี้
    1. เชื้อเพลิง คือ เอทานอล
    2. ออกซิเจน
    3. ประกายไฟ

    ดังนั้นข้อควรระวังจริง ๆ ของการใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ คือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ประกายไฟ

    เขาบอกอาจจะระเบิดได้ ?

    ไม่ควรจะระเบิดได้ เพราะเวลาใช้งาน เราจะใช้แบบพกพา เช่น
    100 มิลลิลิตร หรือ 50 มิลลิลิตร ซึ่งน้อยมาก

    เพราะฉะนั้นอัตราการระเหยจะไม่เยอะ ไม่มีความเข้นข้นของไอแอลกอฮอล์มาก ไม่สามารถที่จะทำให้ระเบิดได้ นอกจากจะพกเป็นถัง 20 ลิตร

    ส่วนที่มองไม่เห็นเปลวไฟ

    อาจจะเกิดจากองค์ประกอบที่อยู่ข้างในนั้น ว่าในนั้นมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ประเภทไหน

    ถ้าเป็น เอทานอล เปลวไฟเป็นสีเหลือง

    ถ้าเป็น เมทานอล เปลวไฟเป็นสีฟ้า

    ถ้าน้อย อาจจะมองไม่เห็น รวมทั้งแสงหรือใด ๆ ก็ตามในสภาวะนั้น
    ทำให้เราไม่เห็นเปลวไฟ

    อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้เก็บเจลแอลกอฮอล์ไว้ในรถ เพราะว่าอุณหภูมิรถถึงแม้จะจอดไว้ในร่มก็มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง จะทำให้เอทานอลระเหยออกไป ทำให้ประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อก็จะลดลง

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589291605875.jpg

    (May 12) จับตา “เงินหยวนดิจิทัล” นวัตกรรมการเงินครั้งสำคัญหลังเกิด “โควิด-19” : ไทยพาณิชย์มองเงินหยวนดิจิทัลเป็นนวัตกรรมการเงินครั้งสำคัญที่สุด หลังจากเกิดไวรัส COVID-19 ชี้ข้อดีช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจข้อมูลการใช้จ่ายส่วนตัว เนื่องจากข้อมูลถูกจัดเก็บรวมกันที่ธนาคารกลาง ไม่กระจายอยู่ที่บริษัทเอกชน ระบุธนาคารพาณิชย์ของจีนต้องเตรียมรับมือหลังถูกลดทอนบทบาทการส่งต่อกลไกราคา พร้อมแนะธุรกิจไทยควรจับตาแนวโน้มระยะยาว ความคล่องตัวของเงินหยวนดิจิทัลจะผลักดันให้เงินหยวนมีความสากลมากขึ้น

    นายมาณพ เสงี่ยมบุตร รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน China Business ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การประกาศเริ่มใช้เงินหยวนดิจิทัลน่าจะเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่สำคัญที่สุดหลังจากเหตุการณ์โรคระบาด โดยเงินหยวนดิจิทัลนี้ไม่ใช่สกุลใหม่หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของเงินหยวนปกติ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายการเงิน ตลอดจนมีส่วนช่วยในการปราบปรามการทุจริต ในระยะยาวอาจเป็นตัวเสริมความเป็นสากลของเงินหยวน

    อีกทั้งเงินหยวนดิจิทัลมีคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ที่ตรงกันข้ามกับ crypto currency โดยสิ้นเชิง และรัฐบาลจีนไม่ได้มีสัญญาณที่จะเปลี่ยนท่าทีมาส่งเสริมการใช้ crypto currency แต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงผลต่อภาคธุรกิจ คาดว่าธนาคารพาณิชย์จีนน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะดูเหมือนธนาคารกลางจีนออกแบบเงินดิจิทัลนี้ให้ลดทอนบทบาทธนาคารพาณิชย์ในการทำหน้าที่เป็นตัวส่งต่อกลไกราคา อีกทั้งความต้องการใช้บริการบางด้าน เช่น ธุรกิจ custodian และธุรกิจกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อาจลดลง

    ธนาคารกลางจีน หรือ หรือ People’s Bank of China (PBOC) ได้ศึกษาแนวทางการออกเงินหยวนดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว การนำเงินหยวนดิจิทัลออกมาใช้ในช่วงเวลานี้ ส่วนหนึ่งเพื่อการป้องกันการติดโรคระบาดผ่านธนบัตร ถึงแม้ประเทศจีนเป็นสังคมไร้เงินสดเกือบทั้งหมด แต่เบื้องหลังของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ยังมีส่วนที่เป็นธนบัตรกระดาษอยู่ อาทิ การจัดเก็บธนบัตรที่ธนาคารพาณิชย์ ส่วนเงินหยวนดิจิทัลจะไม่มีขั้นตอนของธนบัตรกระดาษแต่อย่างใด

    ในระยะต่อไปเมื่อมีการใช้เงินหยวนดิจิทัลในวงกว้าง ธนาคารกลางจีน น่าจะสามารถดำเนินนโยบายทางการเงินได้แบบคล่องตัวและตรงจุดมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติด้านการรวมศูนย์ที่ทำให้ติดตามสถานะของผู้ถือเงินได้ ซึ่งธนาคารกลางอาจกำหนดหรือปรับอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่างกันสำหรับกลุ่มผู้ถือเงินแต่ละกลุ่มโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านกลไกของธนาคารพาณิชย์ ทำให้ธนาคารกลางสามารถบริหารสภาพคล่องในแต่ละภาคเศรษฐกิจได้โดยตรงมากขึ้น นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ของเงินดิจิทัล ได้แก่ ต้นทุนการผลิตเงินที่ต่ำกว่า การป้องกันการคดโกงและการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า หรือแม้กระทั่งการจ่ายเงินอุดหนุนในเหตุวิกฤติที่ทำได้แบบตรงตัวกว่า เป็นต้น

    “เงินหยวนดิจิทัลมีความต่างจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเงินหยวนดิจิทัลจะถูกเก็บอยู่ในมือถือของประชาชนโดยตรง การใช้จ่ายทำผ่านระบบ NFC ก็คือเอาโทรศัพท์มือถือมาแตะกัน จึงให้ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสูงกว่าสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะข้อมูลการใช้จ่ายจะถูกจัดเก็บรวมกันที่ธนาคารกลาง ไม่กระจายอยู่ที่บริษัทเอกชน และสิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ในภาคธุรกิจ คือ เมื่อมีการใช้เงินหยวนดิจิทัลในวงกว้าง ธุรกิจร้านค้าอาจถูกติดตามเรื่องการเสียภาษีได้ง่ายขึ้น”

    ปัจจุบัน ธนาคารกลางจีน กำลังจะทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลที่มีชื่อทางการว่า Digital Currency/Electronic Payment (DCEP) โดยกำหนดทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลนี้ใน 4 เมือง ได้แก่ เซิ่นเจิ้น ซูโจว เฉิงตู และเขตเมืองใหม่สงอัน โดยในเมืองซูโจว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รัฐบาลจะจ่ายค่าเดินทางให้กับข้าราชการครึ่งหนึ่งเป็นเงินหยวนดิจิทัล ส่วนการทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลในเมืองสงอันนั้น จะเน้นทดลองใช้กับธุรกิจค้าปลีกและการจัดเลี้ยง เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต และฟิตเนส เป็นต้น โดยมีบริษัทข้ามชาติใหญ่ ๆ เช่น Starbucks McDonald’s และ Subway เข้าร่วมโครงการทดลองในครั้งนี้ด้วย

    ในมุมมองของไทยพาณิชย์ สิ่งที่ต้องจับตามองอย่างมาก คือ เมืองสงอัน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่ง เพราะรัฐบาลจีนจะผลักดันให้เป็นเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคต ในส่วนของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Apple Pay, AliPay และ WeChat นั้น รัฐบาลจีนก็ออกกฎชัดว่าต้องสามารถรองรับการใช้งานของเงินหยวนดิจิทัลได้ ซึ่งน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การใช้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว

    นายมาณพ ยังกล่าวด้วยว่า แนวคิดของเงินหยวนดิจิทัลนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับ cryptocurrency เช่น bitcoin หรือ stable coin เช่น Libra และโดยนัยยังเป็นการสกัดกั้น cryptocurrency เนื่องจากเงินหยวนดิจิทัลมีลักษณะ 3 ประการ

    1. มีกฎหมายรองรับและไม่ใช่เงินสกุลใหม่ : เงินหยวนดิจิทัลเป็นเงินที่มีกฎหมายและความน่าเชื่อถือของประเทศรองรับ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ หากแต่เป็นเงินหยวนในรูปแบบดิจิทัล (แทนที่จะเป็นกระดาษ) ดังนั้น ไม่ต้องมีการอิงราคากับสกุลเงินหรือสินทรัพย์ใด ๆ ไม่ต้องมีการกำหนดราคาเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินหยวนที่มีใช้อยู่แล้ว หากเปรียบเทียบกับ Bitcoin จะเห็นได้ว่า Bitcoin ถือเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่มีราคาตลาดขึ้นลงเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องสอดคล้องกับสกุลเงินจริงใด ๆ หรือแม้กระทั่ง Libra ก็ยังถือเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง ที่มีการผูกค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อไม่ให้มีความผันผวน แต่โดยตัวเองไม่ได้มีการรับรองโดยรัฐประเทศ

    2. มีลักษณะรวมศูนย์: เงินหยวนดิจิทัลไม่อิงกับเทคโนโลยี blockchain มีลักษณะการจัดเก็บแบบรวมศูนย์มาที่ธนาคารกลาง คือธนาคารกลางสามารถรู้ข้อมูลการเคลื่อนไหวตลอดจนสถานะของผู้ถือ (ว่าเป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัท SME หรือรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น) โดยที่แนวคิดเรื่องการรวมศูนย์นี้ มีความตรงกันข้ามกับ crypto currency ชนิดต่าง ๆ ที่เน้นการกระจายการจัดเก็บข้อมูลโดยไม่มีตัวกลาง

    3. มีดอกเบี้ย: ที่น่าสนใจมากคือธนาคารกลางสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กับเงินหยวนดิจิทัลได้โดยตรง คุณสมบัติข้อนี้เป็นจุดแตกต่างจากเงิน crypto currency โดยทั่วไป แต่ในขั้นทดลองนี้ยังไม่มีการกำหนดดอกเบี้ย

    นายมาณพ กล่าวด้วยว่า ภาคธุรกิจไทยควรจับตาแนวโน้มระยะยาวว่าความคล่องตัวของเงินหยวนดิจิทัลจะมีส่วนผลักดันให้เงินหยวนมีความเป็นสากลมากขึ้นหรือไม่เพียงใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนการโอนเงินเข้าออกประเทศจีนเพื่อชำระสินค้าค่าบริการและการลงทุน ตลอดจนการเพิ่มน้ำหนักของเงินหยวนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อเนื่องกับอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม เงินหยวนดิจิทัลนี้คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมการปฏิรูปเงินหยวนให้มีความเสรีมากขึ้น จึงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการเปิดเสรีบัญชีทุนของประเทศจีนด้วย สำหรับในระยะสั้น ไม่คิดว่าการใช้เงินหยวนดิจิทัลจะมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจไทยแต่อย่างใด

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
    https://www.prachachat.net/finance/news-463004
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200512_205635.jpg

    (May 12) ภาคเอกชนกับมรสุม COVID-19 : ความเปราะบางของภาคครัวเรือนและมาตรการเยียวยาต้องไม่ทิ้งใคร : มาตรการปิดเมืองเพื่อลดการระบาดของโรค COVID-19 นอกจากจะส่งผลกระทบต่อ SMEs แล้ว ยังกระจายไปยังครัวเรือนทุกกลุ่ม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงทำให้ (1) ลูกจ้างบางส่วนถูกเลิกจ้างหรือถูกปรับลดเงินเดือน ขณะที่ (2) ครัวเรือนประกอบอาชีพอิสระต้องขาดรายได้จากอุปสงค์ที่ลดลง และ (3) ครัวเรือนที่พึ่งพาเงินโอนจากการทำงานของบุตรหลานหรือญาติก็ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากการที่บุตรหลานมีรายได้ลดลง กล่าวได้ว่าวิกฤติ COVID-19 นั้นส่งผลกระทบกระจายไปทุกกลุ่มครัวเรือน บทความนี้จึงต้องการชี้ให้เห็นถึงลักษณะของครัวเรือนที่เปราะบาง และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ภาครัฐต้องรีบเข้ามาช่วยเหลือ

    ครัวเรือนกลุ่มพึ่งเงินสงเคราะห์และเงินโอนจากบุตรหลานเปราะบางที่สุด
    การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2562 ชี้ให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของครัวเรือนที่น่ากังวล ดังนี้

    (1) ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่มีภาระรายจ่ายเทียบกับรายได้ในระดับสูง ครัวเรือนรายได้ปานกลาง (15,000 - 35,000 บาทต่อเดือน) มีรายจ่ายอุปโภคบริโภคเฉลี่ย 3 ใน 4 ของรายได้ต่อเดือน ขณะที่กลุ่มรายได้น้อย (น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน) เป็นกลุ่มที่ใช้รายได้ทั้งหมดไปกับการอุปโภคบริโภค สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนกลุ่มนี้จะได้รับความเดือดร้อนอย่างมากหากรายได้ลดลงเพียงเล็กน้อย

    (2) 40% ของครัวเรือนรายได้น้อย หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 3 ล้านครัวเรือน เป็นกลุ่มที่ไม่มีรายได้จากการทำงาน แต่พึ่งพารายรับจากเงินสงเคราะห์หรือเงินโอน โดยเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้พิการที่พึ่งพาเงินที่บุตรหลานและญาติโอนไปให้ รวมถึงเงินสวัสดิการจากรัฐ ซึ่งครัวเรือนกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยเพียง 9,500 บาทต่อเดือน ขณะที่ 30% ของครัวเรือนรายได้น้อยเป็นกลุ่มลูกจ้างเอกชนระดับปฏิบัติการ และ 20% เป็นกลุ่มเกษตรกร

    (3) มรสุม COVID-19 ทำให้รายได้ลดลงอย่างฉับพลัน (Income shock) ซึ่งหากไม่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ จะมีครัวเรือนประมาณ 1 ใน 3 ที่มีเงินออมสะสมเพื่อใช้ในการดำรงชีพอยู่ได้ไม่ถึง 3 เดือน และครัวเรือนรายได้น้อยเป็นกลุ่มที่มีปัญหาเงินออมไม่เพียงพอมากที่สุด คือ มีเงินออมสะสมน้อยกว่าครัวเรือนรายได้ปานกลางประมาณ 2 เท่า และน้อยกว่ากลุ่มรายได้สูงถึงเกือบ 10 เท่า สะท้อนความเหลื่อมล้ำของความสามารถในการสะสมเงินออมของครัวเรือนในแต่ละกลุ่มรายได้

    (4) ภาระหนี้สินรุนแรงยิ่งทำให้สถานการณ์ข้างต้นน่ากังวลมากขึ้น โดยเมื่อนำภาระหนี้ที่ครัวเรือนต้องจ่ายมาพิจารณาร่วมด้วยจะพบว่า ครัวเรือนที่มีหนี้จะมีปัญหาด้านการเงินที่รุนแรงกว่า และหากพิจารณาตามกลุ่มรายได้พบว่า สัดส่วนครัวเรือนที่มีเงินออมสะสมเพื่อใช้จ่ายอุปโภคบริโภคและชำระหนี้ได้ไม่เกิน 3 เดือน จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของครัวเรือนรายได้ต่ำที่เป็นหนี้

    ผลการวิเคราะห์ข้างต้นชี้ได้ชัดเจนว่า ครัวเรือนรายได้น้อย ประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการที่พึ่งพารายรับจากเงินสงเคราะห์และเงินโอนจากบุตรหลานและญาติ ครัวเรือนลูกจ้างเอกชนระดับปฏิบัติการ และครัวเรือนกลุ่มเกษตรกร มีความเปราะบางทางการเงินในหลายมิติ คือ (1) ภาระรายจ่ายที่สูงเทียบกับรายได้ (2) ความไม่เพียงพอของเงินออมสะสม และ (3) ภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ภาครัฐมีความจำเป็นต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19

    มาตรการ 3C: “เติม Cash ลด Cost เสริม Credit”
    ที่ผ่านมารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการเพื่อเยียวยาครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างเร่งด่วน เพื่อประคับประคองระดับการบริโภค และความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนี้

    เติม Cash รัฐบาลมีมาตรการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องโดยตรงให้ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ (1) มาตรการเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งให้เงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับแรงงาน ลูกจ้าง หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระนอกประกันสังคมที่มีรายได้ลดลง (2) เงินเยียวยาสูงสุดไม่เกิน 7,500 ต่อคน เป็นเวลา 6 เดือน สำหรับลูกจ้างเอกชนในประกันสังคมที่ว่างงาน (3) โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ครัวเรือนละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน (4) การเพิ่มเบี้ยผู้พิการ รายละ 1,000 บาท และ (5) การคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าและมิเตอร์น้ำประปา

    ลด Cost of Living รัฐบาลช่วยลดภาระค่าครองชีพของครัวเรือน ได้แก่ (1) ลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นระยะเวลา 3 เดือน (2) ลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม และ (3) เลื่อนชำระภาษี นอกจากนี้ ธปท. ก็ได้ออกมาตรการเลื่อนชำระหนี้จากการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ภาคครัวเรือนในช่วงที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ

    เสริม Credit ซึ่งรวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ และการให้สภาพคล่องเพิ่มเติมผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อาทิ โครงการคลินิกแก้หนี้ สินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีและไม่มีรายได้ประจำ รวมทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อประชาชนฐานราก นอกจากนี้ ธปท. ได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงินดูแลลูกหนี้ที่เดือดร้อนจาก COVID-19 ให้ดีที่สุด หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับมาตรการ สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213 และดูข้อมูลมาตรการของทุกสถาบันการเงินได้ที่เว็บไซต์ ธปท.

    มาตรการเยียวยาต้องไม่ทิ้งใคร เพราะคนไทยไม่ทิ้งกัน
    การช่วยเหลือด้วยการ “เติม Cash ลด Cost เสริม Credit” ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อเยียวยาและประคับประคองให้ครัวเรือนทุกกลุ่มผ่านพ้นมรสุมนี้ไปได้ ในระยะต่อไปภาครัฐอาจพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม หากเห็นว่ายังมีครัวเรือนบางกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาในปัจจุบัน โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่พึ่งพารายรับจากเงินสงเคราะห์และเงินโอนจากบุคคลอื่น ซึ่งมีความเปราะบางทางการเงินสูง ประกอบกับผู้ทำงานหาเลี้ยงคนกลุ่มนี้ก็ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จึงไม่สามารถส่งรายได้มาจุนเจือได้ตามปกติ

    สุดท้ายนี้ วิกฤติ COVID-19 จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ทำให้เราได้เห็นคนไทยจับมือไว้ไม่ทิ้งกัน และหากทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจได้รับความช่วยเหลืออย่างเพียงพอ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลัง COVID-19 ก็อาจเกิดขึ้นได้เร็วและมีประสิทธิผล ส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป

    นางสาวธาราทิพย์ ตั้งกาญจนภาสน์
    ฝ่ายนโยบายการเงิน
    ดร. พสิษฐ์ โชติวัฒนะกุล
    ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค

    Source: BOT Website
    https://www.bot.or.th/Thai/Research...LLDGffUnDt1pnFVoE67RZJlNqsXN79an4GeJ7krvalrYQ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,492
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589291922769.jpg

    (May 12) “สรรพากร” ขยายเวลายื่นภาษีออนไลน์ให้ผู้ประกอบการ : กรมสรรพากร ขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากร สำหรับเดือนภาษี มี.ค.-ส.ค. 2563 เฉพาะผู้ประกอบการที่ยื่นแบบผ่านทางอินเทอร์เน็ตทุกราย ช่วยผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางมายื่นแบบฯ ด้วยตนเอง ลดความเสี่ยงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

    นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอนุมัติขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ให้ผู้ประกอบการที่ยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตทุกราย เพื่อช่วยผู้ประกอบการลดภาระ และปลอดภัยจาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อีกทั้งเพื่อเป็นการดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการอยู่บ้าน ลดการเดินทาง และมีการเว้นระยะห่าง ทางสังคม (Social Distancing)

    “กระทรวงการคลังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากรให้แก่ผู้ประกอบการผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตครั้งนี้ จะช่วยลดความเสี่ยง และมีความคล่องตัวในการทำงานเพิ่มขึ้น และจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ทุกคนอยู่บ้าน ภายใต้แนวคิด “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย” นายอุตตมกล่าว

    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ การนำส่ง และการชำระภาษีอากรให้กับผู้ประกอบการที่ยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ตในครั้งนี้ ประกอบด้วย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54) ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายสินค้าและบริการภายในประเทศ (ภ.พ.30) ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการจ่ายค่าบริการไปต่างประเทศ (ภ.พ.36) และภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40)

    สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    https://www.prachachat.net/breaking-news/news-462679
     

แชร์หน้านี้

Loading...