ติดตามสถานะการณ์

May 18 , 2020 “อนุทิน ชาญวีรกูล”เผยบินไทยจะใช้แนวทางฟื้นฟูกิจการ โดยอาศัย พ.ร.บ.ล้มละลาย หากเข้าสู่กระบวนการศาล จะหลุดจากสถานะรัฐวิสาหกิจ ย้ำตามหลักการคลังไม่ควรค้ำประกันเงินกู้
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวสาธารณสุข เปิดเผยว่า มติ คนร.ในวันนี้ ที่เสนอให้ฟื้นฟู บริษัท การบินไทย ชัดเจนแล้วว่า จะต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ แต่ไม่ใช่การล้มละลาย แต่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ โดยอาศัย พ.ร.บ.ล้มละลาย แต่ไม่ใช่การล้มละลาย
.
โดยในหลักการกระทรวงการคลัง ไม่ควรค้ำประกันเงินกู้ เพราะถือเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งหากกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ ก็จะไม่ต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟู
.
ทั้งนี้หากเข้าสู่แผนฟื้นฟู จะทำให้บริษัทการบินไทย หลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ตามขั้นตอน ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะการฟื้นฟูกิจการ จะต้องมีการตกลงกันระหว่างเจ้าหนี้ของการบินไทยกับผู้ทำแผนฟื้นฟู
.
เมื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ อำนาจของคณะกรรมการจะหมดไป และอำนาจการบริหารจะเป็นของผู้ทำแผน ซึ่งศาลจะเป็นคนแต่งตั้งตามคำแนะนำของเจ้าหนี้ แต่ทั้งนี้แผนการฟื้นฟูกิจการต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้
.
ทั้งนี้ ตามหลักการแล้ว การฟื้นฟูกิจการ สำหรับบริษัทที่มีหนี้สิ้นเยอะ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ไม่ต้องหยุด หรือ ขายทอดทรัพย์สิน และหากเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว การดำเนินการใดๆ ในบริษัทการบินไทย และต้องหยุดในทุกเรื่อง และเจ้าหนี้ไม่สามารถมาเรียกขอชำระหนี้ได้ แต่จะกระทบกับพนักงานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ กำไรขาดทุน และเส้นทางการบิน ซึ่งผู้ทำแผนจะต้องมีการพูดคุยตกลงกับพนักงานการบินไทยทุกฝ่าย
.
#การบินไทย #อนุทิน #ล้มละลาย #Misterban

 

May 18 , 2020 "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์” ชี้การบินไทยขาดทุนอย่างน่ากังขา โดยเฉพาะเส้นทางที่มีผู้โดยสารมาก-ราคาค่าโดยสารสูง
.
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงการขาดทุนของการบินไทยโดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้
.
บางเส้นทางมีผู้โดยสารมาก แต่ขาดทุนอย่างน่ากังขา! แม้ ครม.มีมติปี 2557-2562 ให้การบินไทยยกเครื่ององค์กร ลดรายจ่าย เพิ่มศักยภาพการแข่งขันถึง 8 ครั้ง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น สุดยื้อการขาดทุน
.
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า การบินไทยมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องมานานหลายปี เช่น ปี 2561 ขาดทุน 11,569 ล้านบาท ปี 2562 ขาดทุน 12,017 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดของการขาดทุนดังนี้
.
ปี 2561 ขาดทุน 48 เส้นทาง ได้กำไร 59 เส้นทาง
.
ปี 2562 ขาดทุน 60 เส้นทาง ได้กำไร 39 เส้นทาง
.
เมื่อเจาะลึกดูการขาดทุนของบางเส้นทาง พบว่าน่าแปลกใจมากว่าทำไมการบินไทยจึงขาดทุนได้ ทั้งๆ ที่มีผู้โดยสารมากและราคาค่าโดยสารสูง ยกตัวอย่างเช่น
.
1. เส้นทาง กรุงเทพฯ-ลอนดอน
.
1.1 ปี 2561 มีเที่ยวบินไป-กลับ 1,434 เที่ยว มีผู้โดยสารเฉลี่ย 77.7% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ขาดทุนรวม 669 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเฉลี่ยเที่ยวละ 466,527 บาท

1.2 ปี 2562 มีเที่ยวบิน 1,434 เที่ยว มีผู้โดยสารเฉลี่ย 82.9% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ขาดทุนรวม 799 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเฉลี่ยเที่ยวละ 557,183 บาท
.
2. เส้นทาง กรุงเทพฯ-มอสโคว์
.
2.1 ปี 2561 มีเที่ยวบินไป-กลับ 418 เที่ยว มีผู้โดยสารเฉลี่ย 67.9% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ขาดทุนรวม 470 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเฉลี่ยเที่ยวละ 1,124,402 บาท
.
2.2 ปี 2562 มีเที่ยวบิน 416 เที่ยว มีผู้โดยสารเฉลี่ย 76.5% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด ขาดทุนรวม 477 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนเฉลี่ยเที่ยวละ 1,146,635 บาท
.
เมื่อย้อนดูมติ ครม.ในช่วงปี 2557-2562 พบว่า ครม.มีมติให้การบินไทยแก้ปัญหาการดำเนินงานถึง 8 ครั้ง เช่น
.
มติ ครม.วันที่ 27 ตุลาคม 2558 ให้การบินไทยปฏิรูปตัวเองโดยลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และปรับปรุงระบบการดำเนินงาน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้บริหารและพนักงานระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดทุนสะสม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของการบินไทยต่อไป
.
มติ ครม.วันที่ 4 ธันวาคม 2561ให้ปรับปรุงพัฒนาการบริหารจัดการของการบินไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพในธุรกิจการขนส่งทางอากาศในปัจจุบัน โดยการปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการองค์กรให้เหมาะสม
.
ถึงแม้ว่า ครม.ได้มีมติให้การบินไทยแก้ปัญหาในช่วงปี 2557-2562 แล้วก็ตาม แต่ผลประกอบการของการบินไทยในช่วงปีดังกล่าวก็ยังคงขาดทุนทุกปี ยกเว้นปี 2559 เพียงปีเดียวที่มีกำไรแค่ 47 ล้านบาท
.
ถึงวันนี้จึงคาดกันว่า ครม.จะตัดสินใจไม่อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ระยะสั้นประมาณ 54,700 ล้านบาท ตามที่การบินไทยร้องขอ แต่จะเลือกแนวทางให้มีการฟื้นฟูกิจการการบินไทยโดยผ่านกระบวนการของศาลล้มละลายกลาง (ซึ่งไม่ใช่กระบวนการล้มละลาย) เพราะจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของการบินไทย เนื่องจากสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ พักชำระหนี้ได้ และเจรจาให้เจ้าหนี้ลดหนี้ลงได้
.
ไม่ว่า ครม.จะเลือกแนวทางใดก็ตาม ผู้ที่จะทำให้การบินไทยอยู่รอดปลอดภัยได้ก็คือผู้บริหารและพนักงานของการบินไทยทุกคนไม่ใช่คนอื่น ดังนั้นถ้าทุกคนผนึกกำลังร่วมกันต่อสู้อย่างแน่วแน่และจริงจัง มั่นใจว่าการบินไทยจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตอันเลวร้ายนี้ไปได้ และในที่สุดจะทำให้สายการบินไทยกลับมาพลิกฟื้นทำกำไรได้เหมือนในอดีตที่เคยรุ่งเรือง
.
#การบินไทย #ล้มละลาย #ขาดทุน #Misterban

 

May 18 , 2020 นายกสมาคมนักบินไทยเผยไออาต้าคาดการณ์บุคลากรการบินทั่วโลกจะตกงานจากโควิด 19 ประมาณ 2.7 ล้านคน
.
กัปตันสนอง มิ่งเจริญ นายกสมาคมนักบินไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือไออาต้าคาดว่า บุคลากรด้านการบินทั่วโลกจะตกงานประมาณ 2.7 ล้านคน หลังเจอปัญหาโควิด 19 เนื่องจากสายการบินต้องหยุดบิน ทำให้มูลค่าในธุรกิจการบินลดลง 55% หรือหายไปประมาณ 10 ล้านล้านบาท จากในช่วงเดือนมี.ค.2563 ที่คาดว่ามูลค่าในธุรกิจการบินจะลดลง 44% หรือหายไปประมาณ 8 ล้านล้านบาท
.
โดยอุตสาหกรรมการบินของไทยทั้งระบบมีนักบินประมาณ 5,000 คน เป็นนักบินของการบินไทย 1,400 คน ซึ่งปัจจุบันต้องหยุดงานเกือบทั้งหมดจากปัญหาของบริษัท
และเที่ยวบินหยุดให้บริการ และการบินไทยต้องรอติดตามการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร และถึงแม้จะกลับมาบินในช่วงเดือนก.ค.2563 ก็ยังใช้นักบินแค่บางส่วนเท่านั้น
.
#การบิน #อุตสาหกรรม #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

May 18 , 2020 ประธานเฟดยืนยันพร้อมอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินอย่างไม่จำกัด เพื่อลดผลกระทบจากโควิด 19
.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า จะไม่ลดความพยายามในการพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้รอดพ้นจากผลกระทบโควิด-19 และยืนยันว่าสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินได้อย่างไม่จำกัด เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดครั้งนี้
.
โดยเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ที่แพร่ระบาด แต่กระบวนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อาจต้องใช้เวลาจนถึงสิ้นปี 2564
.
หากตั้งสมมติฐานว่าไวรัสโควิด-19 จะไม่แพร่ระบาดรอบสอง เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ประชาชนต้องมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ด้วย และนั่นอาจจะต้องรอให้มีวัคซีนต้านไวรัสต้านโควิด-19 และประชาชนไม่ควรคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว หรือแม้แต่ในระยะกลาง
.
#ไวรัสโควิด19 #เฟด #ธนาคารกลางสหรัฐ #Misterban

 

May 18 , 2020 สภาพัฒน์หั่นเป้าจีดีพีไทยปีนี้ติดลบ 5.5% ไตรมาสแรกทรุดหนักรอบ 8 ปี ติดลบ 1.5%
.
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวติดลบ 1.5% ส่วนการคาดการณ์ทั้งปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 5-6% มีค่ากลางติดลบอยู่ที่ 5.5% อยู่ภายเงื่อนไขโดยโควิดระบาดไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ การผ่อนคลายเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 2 และการท่องเที่ยวกลับมาได้ปลายปีนี้ เมื่อเทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.พ. 2563 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5-2.5%
.
แต่หากปัจจัยเปลี่ยนไปจากที่คาดไว้ อาจทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบมากหรือน้อยกว่านี้ได้
ส่วนสาเหตุจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบกับเศรษฐกิจรุนแรง ทำให้การท่องเที่ยวลดลงมาก การใช้จ่ายภาครัฐและการใช้จ่ายของภาคเอกชนก็ขยายตัวติดลบ แต่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
.
#จีดีพี #เศรษฐกิจ #ติดลบ #ไวรัสโควิด19 #misterban

 

May 18, 2020 เศรษฐกิจซากุระติดลบหนัก ถดถอยครั้งแรกรอบ 4 ปีครึ่ง คาดจีดีพีไตรมาส 2 จะดิ่งเหวกว่า 20% ยอดติดโควิด-19 ในโตเกียวต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์

รัฐบาลญี่ปุ่น แถลงว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ตกต่ำหนัก -3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรก และรุนแรงในรอบ 4 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2015

สาเหตุจากการบริโภคของทั้งประชาชนทรุดลง -0.7% สืบเนื่องจาก 2 ปัจจัยลบ คือในปี 2562 รัฐบาลปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 8% เป็น 10% ในเดือนตุลาคม จากนั้นวิกฤตโรคโควิด-19 ระบาดในต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน โดยปกติแล้วมูลค่าการบริโภคดังกล่าวคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 165 ล้านล้านบาท การลงทุนทุนร่วงลงแรง ด้านตัวเลขส่งออกทรุดหนัก -6% ส่งผลให้เป็นการตกต่ำถึง 2 ไตรมาสติดกัน ในช่วงก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่ทรุดหนักจากโรคโควิด-19 ระบาด ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดำดิ่งหนักครั้งประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 ประมาณ -22%

สำหรับจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในกรุงโตเกียว พบว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียง 5 คน ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน หรือในรอบกว่า 5 สัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่เริ่มประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งแรกรวม 7 จังหวัด หลังจากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศกใช้มาตรการดังกล่าวคลุมทั้งประเทศ

#ญี่ปุ่น #เศรษฐกิจถดถอย #โควิด19 #misterban #japan #covid19

 

May 18, 2020 ดิสนีย์แลนด์เจ๊งกว่า 30,000 ล้านบาท อังกฤษมียอดเสียชีวิตต่ำสุดรอบ 2 เดือน อินเดียยืดปิดเมืองถึงสิ้นเดือนนี้ แอปเปิลกลับมาเปิดสาขาอีกกว่า 20 แห่ง

อังกฤษ: กระทรวงสาธารณสุข อังกฤษ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 170 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่ 24 มีนาคม ส่งผลให้จำนวนเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 34,646 ราย ซึ่งยังคงอยู่อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของยุโรป ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตในอังกฤษที่มากที่สุดใน 1 วัน อยู่ที่ 1,172 ราย เมื่อวันที่ 21 เมษายน

อินเดีย: รัฐบาลอินเดีย ประกาศต่ออายุมาตรการปิดเมืองไปอีก 12 วัน จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ ส่งผลให้ห้างและศูนย์การค้า โรงเรียน และที่สาธารณะอื่นๆ ต้องปิดบริการต่อไป สาเหตุจากจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสมในอินเดียอยู่ที่ 95,698 ราย ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 11 ของโลก และแซงจีนแผ่นดินใหญ่มาได้ 2 วันแล้ว ทั้งนี้ มาตรการปิดเมืองของประเทศอินเดียเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมเป็นต้นมา

สหรัฐ: แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น เตรียมกลับมาเปิดร้านสาขาในสัปดาห์นี้ เพิ่มอีกกว่า 25 แห่งในสหรัฐอเมริกา จากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านไป แอปเปิล กลับมาเปิดร้านสาขาจำนวน 5 แห่ง คาดว่าร้านสาขาของแอปเปิลจะสามารถกลับมาเปิดได้ทั่วโลกถึง 100 แห่งเร็วๆนี้ วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำให้แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ต้องปิดให้บริการร้านของตัวเองราว 1 ใน 5 ทั่วโลก นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา แอปเปิลมีร้านสาขาทั่วโลกรวมกันกว่า 780 แห่ง แบ่งเป็น 271 แห่งในสหรัฐ และอีก 510 แห่งอยู่นอกสหรัฐอเมริกา หรือทั่วโลกยกเว้นสหรัฐ

สหรัฐ: วอลท์ ดิสนีย์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เตรียมกลับมาเปิดศูนย์บันเทิง ดิสนีย์ สปริง เอนเตอร์เทนเมนท์ และศูนย์การค้าเพียงบางส่วนที่วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์ รีสอร์ต รัฐฟลอริด้า ในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ โดยจะมีการใช้มาตรการป้องกันด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยสูงสุดให้กับพนักงาน และผู้มาใช้บริการ ในขณะที่ส่วนของสวนสนุกและโรงแรมดิสนีย์แลนด์ยังคงปิดบริการต่อเนื่อง ดิสนี่ย์ยอมรับว่าต้องสูญเสียรายได้กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 33,000 ล้านบาทในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคมที่ผ่านไป ต้องให้พนักงานลาพักงานรวมกันถึง 120,000 คน

#โควิด19 #ดิสนีย์ #แอปเปิล #อินเดีย #อังกฤษ #misterban #covid19 #coronavirus

 

May 18, 2020 สายการบินยักษ์ มีฝูงบิน A380 มากที่สุดในโลกแห่งตะวันออกกลาง ปลดพนักงาน 30,000 คน

สายการบินเอมิเรตส์ เป็นสายการบินชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐ อาหรับ เอมิเรต หรือยูเออี ประกาศปลดพนักงาน 30,000 คน หรือราว 30% ของพนักงานทั้งหมดกว่า 105,000 คน นอกจากนี้ เตรียมเร่งปลดระวางเครื่องบินแอร์บัส รุ่น A380 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเร็วขึ้น เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ที่ธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก

สายการบินดังกล่าวมีผลประกอบการที่ตกต่ำต่อเนื่อง ล่าสุดในไตรมาสที่ 1 แม้จะมีผลกำไรสุทธิ 408 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13,464 ล้านบาท แต่เป็นตัวเลขที่ลดต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ก่อนหน้านี้ รัฐบาลยูเออี ให้คำมั่นว่าจะเข้าช่วยเหลือสายการบินเอมิเรตส์

ทั้งนี้ นายทิม คลาร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอสายการบินเอมิเรตส์ ยอมรับว่า วิกฤตตลาดการบินที่รุนแรงในขณะนี้ ต้องใช้เวลากว่า 2-3 ปี จึงจะฟื้นตัวมาอยู่ในช่วงปกติเหมือนก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เอมิเรตส์ เป็นสายการบินที่มีเครื่องบินแอร์บัส รุ่น A380 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นจำนวนมากที่สุดในโลก โดยมีฝูงบินรวมกันทั้งหมดกว่า 270 ลำ ประกอบด้วยแอร์บัส 115 ลำ และโบอิ้ง 155 ลำ

#ปลดพนักงาน #ตกงาน #เอมิเรตส์ #โควิด19 #misterban #covid19 #emirates #jobcuts

 

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานพบการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ในน้ำประปา หรือน้ำดื่ม อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้ออกมาให้ข้อมูลแนะนำว่าการเติมคลอรีนในน้ำประปาจนมีคลอรีนคงเหลือตั้งแต่ 0.5 ส่วนในล้านส่วน (ppm.) สามารถกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งทางการประปานครหลวงเผยข้อมูลเพิ่มอีกว่า ในระบบการผลิตน้ำประปานั้นจะมีการเติมคลอรีนที่ระดับความเข้มข้นมากกว่า 1 ppm. อีกทั้งระบบจ่ายน้ำเป็นระบบปิด ทำให้มีคลอรีนคงเหลือในระบบจ่ายน้ำไม่น้อยกว่า 0.5 ppm. ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นใช่ไหมหละคะ ^^
.
#น้ำดื่ม #น้ำประปา #เชื้อไวรัส #โควิด19 #Covid19 #MisterBan อ

 

มีรายงานล่าสุดจากฝรั่งเศสว่า พบเด็กเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 70 ราย ในโรงเรียนอนุบาลและประถมกว่า 40,000 แห่งทั่วประเทศ หลังกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมาตรการผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไปในการเปิดโรงเรียนมัธยมต้นวันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคมนี้ตามเวลาในฝรั่งเศส
.
โดยในการให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุRTL ของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส ฌอง-มิเชล บลองเคอร์ ได้ออกมายืนยันว่า โรงเรียนหลายแห่งในเมืองต้องปิดประตูโรงเรียนทันทีตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ทำให้เด็กบางคนตกอยู่ในอันตราย เขากล่าวว่าโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจะถูกปิดทันที สื่อของฝรั่งเศสรายงานว่าโรงเรียน 7 แห่งทางตอนเหนือของฝรั่งเศสถูกปิด อย่างในแคว้นมาเยน จังหวัดก็องตาล จังหวัดโอต-การอน และเมืองนีซ
.
"การปิดประตูโรงเรียนแสดงให้เห็นว่า พวกเราปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด แต่ยังยืนยันว่า จำนวนนี้ยังถือว่าน้อยมาก และไม่ก่อให้เกิดปัญหากับการเปิดโรงเรียนอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในวันจันทร์นี้ จะมีนักเรียนชั้นเกรดที่ 6 และ 5 กลับไปเรียนหนังสือในโรงเรียนมัธยมต้นในพื้นที่สีเขียว หรือ green zones และมีเด็กนักเรียนอีกกว่า 70% ยังคงปฎิบัติตามกฎ Social Distancing อย่างเข้มงวดระหว่างที่อยู่ในห้อง" บลองเคอร์ กล่าว
.
สถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความล่อแหลมที่รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังเผชิญอยู่ โดยก่อนหน้านี้มีเด็กชายอายุ 9 ปีในมาร์กเซยป่วยด้วยโรคนี้ ล่าสุดทางการฝรั่งเศสรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 142,411 คนและมีผู้เสียชีวิต 28,108 คน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://abcnews.go.com/Health/wireStory/70-cases-covid-19-french-schools-days-opening-70740749

https://www.dailysabah.com/world/eu...19-cases-in-schools-just-days-after-reopening

https://www.newtv.co.th/news/56278

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion

Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาชุมนุมให้กำลังใจประธานาธิบดีบราซิล และคัดค้านมาตรการเข้มงวดต่างๆ ที่แต่ละรัฐใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) แม้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของโลกและมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 16,000 ศพ

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000051921
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบาย และชี้แจงเกี่ยวกับ พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งมีการยื่นกู้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้หลายคนเข้าใจว่ารัฐบาลกู้เงินจำนวน 1.9 ล้านล้านบาทนั้น มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยได้ระบุว่า
...
มีผู้ใหญ่ท่านนึงขอให้เขียนสรุปเรื่องเกี่ยวกับ พรก. เงินกู้ แบบให้อ่านง่ายๆ ไหนๆ ก็เคยให้สัมภาษณ์ตามสื่อมาหมดแล้ว ก็ถือว่าน่าจะลงในนี้ได้ เผื่อเป็นความรู้ และสร้างความเข้าใจให้คนที่ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับ พรก. เงินกู้ที่ออกมา อดทนอ่านหน่อยนะคะ ยาวนิดนึง และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
...

1. รัฐบาลกู้ 1.9 ล้านล้าน จริงเหรอ ?
ไม่จริงค่ะ พรก. ที่รัฐบาลออกมา มีอยู่ 3 ฉบับ แบ่งเป็น
.
1. พรก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน

2. พรก. Softloan 500,000 ล้าน

3. พรก. Bond Stabilization Fund BSF 400,000 ล้าน
.
แม้ว่าถ้าบวกกันจะมีมูลค่ารวม 1.9 ล้านล้าน แต่มีเพียงพรก. ฉบับที่ 1 ฉบับเดียวเท่านั้นที่จะใช้เงินกู้ ส่วนอีก 2 ฉบับ เป็นการใช้สภาพคล่องของ ธปท.ค่ะ ดังนั้น การบอกว่ารัฐบาลกู้เงิน 1.9 ล้านล้าน เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้องค่ะ
...

2. รัฐบาลจะกู้เงินจากที่ไหน ?
รัฐบาลมีเครื่องมือในการกู้เงินทั้งเครื่องมือระยะยาว เช่น การขายพันธบัตร ตั้งแต่อายุ 5-50 ปีให้นักลงทุนสถาบัน การขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้ประชาชน การกู้จากองค์การระหว่างประเทศหรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ และเครื่องมือระยะสั้น เช่น การออกตั๋วเงินคลัง การกู้เงินผ่านสถาบันการเงินในรูป PN หรือ Term loan ซึ่งภายใต้ พรก. กู้เงิน 1 ล้านล้านนี้ก็จะกระจายการกู้เงินไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในเครื่องมือใดเครื่องมือนึงเป็นการเฉพาะ
...

3. รัฐบาลกู้เงินมา 1 ล้านล้านแล้วหรือยัง ?
ยังค่ะ รัฐบาลจะทยอยกู้เงินตามความต้องการใช้เงิน ซึ่งในขณะนี้มีเพียง 2 โครงการเท่านั้น ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินกู้ คือการเยียวยาประชาชน และเกษตรกร ในปัจจุบัน (16 พค. ) ได้ทำการกู้เงินไปแล้ว 170,000 ล้านบาท ผ่านตั๋วสัญญาใช้เงินและพันธบัตรออมทรัพย์ เครื่องมืออื่นจะทยอยตามมาค่ะ
...

4. จำเป็นต้องกู้ทั้ง 1 ล้านล้านไหม ?
อาจจะไม่จำเป็นค่ะ ทั้งนี้ จะต้องกู้เป็นจำนวนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้เงิน ถ้า COVID ทำให้เศรษฐกิจฟุบนาน งบประมาณปี 2564 ใช้ไม่เพียงพอในการดูแลประชาชนและเศรษฐกิจ ก็อาจจะต้องกู้จนครบจำนวน 1 ล้านล้าน แต่ถ้าพวกเราช่วยกันแล้วคุมโรคอยู่ ทุกๆอย่างค่อยๆ ผ่อนคลาย เศรษฐกิจเริ่มหมุน คนกลับมามีรายได้ เงินงบประมาณ 2564 ดูแลได้อย่างเพียงพอ ก็อาจจะไม่ต้องกู้จนครบ 1 ล้านล้านบาทก็เป็นได้
...

5. เมื่อกู้ครบ 1 ล้านล้านบาทแล้ว สภาวะหนี้ของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ?
จากการประมาณการ หากต้องกู้เงินครบ 1 ล้านล้านบาท ภายใน 30 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถกู้ได้ตามพรก. ฉบับนี้ คาดว่าหนี้สาธารณะของไทย ณ 30 กันยายน 2564 จะอยู่ที่ 57.96% ของ GDP ซึ่งยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่ประกาศกำหนด Debt / GDP ไว้ที่ 60%
.
อย่างไรก็ดี Debt/GDP ที่ระดับ 60% นี้ เป็นระดับหนี้พึงมีในสภาวการณ์เศรษฐกิจที่ปกติ แต่ในสภาวการณ์ที่ไม่ปกติ หากมีความจำเป็นต้องมีเงินเพื่อดูแลประชาชนและเศรษฐกิจเพื่อให้เดินต่อไปได้ และสามารถกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และอาจทำให้หนี้สาธารณะเกินระดับ 60% ไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่โลกจะถล่ม ประเทศจะทลาย ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเจริญเติบโต สัดส่วนดังกล่าวก็จะกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
.
สมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นช่วงที่หนี้สาธารณะสูงที่สุด คือ 59.9% และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นประกอบกับการมีวินัยในเรื่องหนี้ที่ดี ทำให้ในปัจจุบัน หนี้สาธารณะอยู่ในระดับเพียง 41.4% ของ GDP
...

6. หนี้ก้อนนี้เมื่อไหร่จะใช้หมด ?
อายุเฉลี่ยของหนี้สาธารณะในปัจจุบันอยู่ที่ 10 ปีกว่าๆ โดยหนี้ที่อายุยาวที่สุดคืออายุ 50 ปี ทั้งนี้ ในการชำระหนี้ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้ไว้ในงบประมาณทุกปี ซึ่งจากการศึกษาพบว่าอัตราการชำระหนี้ที่เหมาะสมในแต่ละปี ควรจะจัดสรรงบประมาณไม่ต่ำกว่า 3% ของงบประมาณเพื่อใช้ในการชำระเงินต้นค่ะ
.
ดังนั้นการจะตอบว่าประเทศไทยจะชำระหนี้ก้อนนี้หมดเมื่อไหร่ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย คงไม่สามารถตอบเป็นจำนวนปีที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจดี ประเทศไทยจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น และได้รับการจัดสรรงบชำระหนี้อย่างเหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้ชำระหนี้ก้อนนี้ให้หมดได้เร็วขึ้นค่ะ

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.facebook.com/patricia.mongkhonvanit
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

แบ่งปันจาก ตำราเวทย์สยาม

เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี บาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้ เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง โดยวันนี้ทางเราขอนำเรื่อง เบี้ยแก้ ของหลวงปู่รอด วัดนายโรงมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้ ...

วัดนายโรง เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยรัชการพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่ที่ตำบลบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ บริเวณวัดเดิมตั้งอยู่กลางสวนฝั่งธนบุรี ติดกับคลองบางกอกน้อยอยู่ใกล้กับวัดบางบำหรุ และวัดขี้เหล็ก ซึ่งได้กล่าวกันว่าวัดทั้ง 3 นี้จัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งมา ตั้งแต่ครั้งปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้สร้างวัดนายโรงนี้ปรากฏหลักฐานว่า คือ นายโรงกรับ ซึ่งเป็นเจ้าของคณะละครนอก เดิมทีวัดนายโรงนี้ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดละครเจ้ากรับ หรือวัดนายกรับ ซึ่งก็ใช่เรียก ต่อๆ กันมา จนถึงปัจจุบันจึงได้เรียกชื่อวัดกันอย่างเป็นทางการว่า วัดนายโรง

ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่รอดนั้น ไม่สามารถสืบ ทราบได้อย่างเป็นที่แน่นอน เพียงแต่รู้ได้จากปากของคนเฒ่าคนแก่พูดสืบต่อๆ กันมา ว่าแต่เดิมท่านมิใช่คนริมคลองบางกอกน้อย หากแต่ท่านเป็นชาวบ้านแถบคลองบางพรหม และอยู่ใกล้กับวัดเงิน อีกชื่อคือ วัดรัชฏาธิฐาน
เมื่อเติบใหญ่ท่านก็ได้อุปสมบทและศึกษาวิปัสสนาธุระ ณที่วัดเงินแห่งนี้ เมื่อท่านอุปสมบทได้หลายพรรษา จึงได้ออกรุกขมูลเพื่อฝึกจิตและปฏิบัติภาวนาอยู่หลายปี จนกระทั่งท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดนายโรง และได้ถูกแต่ตั้งให้ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสในที่สุด
ทางด้านพุทธาคมที่หลวงปู่ใช้ในการสร้างเบี้ยแก้จนเป็นที่อยากได้กันมาก ในมวลหมู่ลูกศิษย์ลูกหานั้น ได้กล่าวกันว่าหลวงปู่ท่านได้ไปศึกษากับหลวงปู่แขก แห่งวัดบางบำหรุ ซึ่งเป็นพระเถระที่แก่กล้าสรรพวิชาโบราณมากมาย หลวงปู่ได้ร่ำเรียนจนแตกฉานในด้านการสร้างเบี้ยแก้ นอกจากนั้นหลวงปู่ท่านยังมีพระสหธรรมมิกที่ได้ร่ำเรียนวิชาเบี้ยแก้มาด้วยกันคือ หลวงปู่ฉาย ซึ่งต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุต่อจากหลวงปู่แขกนั่นเอง
กรรมวิธีในการสร้างเบี้ยแก้ สิ่งแรกที่ต้องหามาก็คือ ตัวเบี้ยที่ใช้บรรจุปรอทจะต้องคัดสรรตัวเบี้ยที่มีอาการครบ 32 กล่าวคือ ถ้าหงายท้องเบี้ยขึ้นดูจะพบว่าใต้ท้องเบี้ยจะมีร่องปาก ซึ่งมีลักษณะเหมือนฟันซี่เล็กๆ อยู่จะต้องนับให้ได้ข้างละ 16 ซี่ จึงจะครบตามตำรานอกจากนั้นแล้วหลังเบี้ย จะต้องมีเส้นนะปัดตลอด อยู่บนหลังเบี้ยอีกด้วย เส้นนะปัดตลอดนั้นจะเป็นเหมือนเส้นบางๆ วิ่งตัดผ่านจาก หัวเบี้ยไปท้ายเบี้ย ในส่วนนี้ลูกศิษย์ลูกหาจะต้องหามาให้หลวงปู่ เพื่อนำมาบรรจุปรอท วัสดุที่สำคัญอีกอย่างที่ใช้บรรจุเข้าไปในเบี้ยก็คือ ปรอท ปรอทซึ่งเป็นวัตถุธาตุ อย่างหนึ่งมีลักษณะเป็นโลหะเหลวสีขาวมีลักษณะแวววาว เชื่อกันว่าสารปรอทนี้เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีความวิเศษในตัว ใช่ว่าจะนำมาเป็นปรอทที่ใช้บรรจุเบี้ยเพียงอย่างเดียวเกจิอาจารย์
สมัยก่อนอาทิ หลวงปู่ภู วัดท่าฬอ ก็ได้ใช้ปรอทมาผสมกับตะกั่ว และดีบุกเพื่อสร้างวัตถุมงคล รวมถึงตะกรุดต่างๆ ของท่านอีกด้วย ปรอทนี้สามารถหาได้โดยการไปดักตามป่าช้า ซึ่งกรรมวิธีแบบโบราณที่เรียกกันว่าการดักปรอทนี้ ปัจจุบันนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีเกจิอาจารย์ท่านใดทำได้บ้างหรือเปล่า

ตามโบราณ ท่านว่าจะต้องนำไข่เน่าไปวางแช่ลงในน้ำขัง หรือตามที่ชื้นแฉะทิ้งไว้หลายๆ วัน จะปรากฏเจ้าปรอทนี้ลง ไปกินไข่เน่า จากปากคำของคนเฒ่าคนแก่ในคลองบางกอกน้อย ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อหลวงปู่ได้ตัวเบี้ยที่ลูกศิษย์นำ มาถวายพร้อมกับดอกไม้ธูปเทียนแล้ว หลวงปู่ท่านจะใช้เวลาในช่วงค่ำทำพิธีสร้างเบี้ยแก้ โดยการปลุก เสกลงอาคมที่ตัวปรอทจะกระทั่งเคลื่อนไหวไปมาได้ หลวงปู่ก็จะเรียกปรอทให้ไหลเข้าไปบรรจุลงในตัว เบี้ย แล้วจึงใช้ชันโรงเฉพาะที่ทำรังอยู่ในดินเท่านั้นมาอุดที่ปากท้องเบี้ย เพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมา ภายนอกได้ จากนั้นหลวงปู่จะนำแผ่นตะกั่วมาหุ้มตัวเบี้ยไว้อีกทีหนึ่ง ซึ่งในทุกขั้นตอนนั้นหลวงปู่ท่านจะบริกรรมคาถาปลุกเสกไปด้วย เป็นอันเสร็จพิธี
เมื่อลูกศิษย์มารับเบี้ยแก้จากหลวงปู่นั้น บางคนก็ให้หลวงปู่จารอักขระบนตัวเบี้ยให้ บางคนก็รับไปทั้งอย่างนั้น ส่วนการถักเชือกนั้นพวกบรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ ได้นำไปจ้างให้ชาวบ้าน และพระที่อยู่ในวัดช่วยถักเชือกปิดตัวเบี้ยให้อีกที ทั้งเพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา และในการพกพาติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ด้านการถักเชือกนั้นถ้าจะพิจารณาดีๆ จะพบว่าเมื่อถักเชือกเสร็จแล้วจะมีการลงรักเพื่อรักษาสภาพของเชือกให้อยู่คงทน แต่จากสภาพพื้นที่ของวัดนายโรงนั้น คงจะหารักได้ยากเต็มที เพราะชาวบ้านแถบวัดนายโรงนั้นมักจะใช้ยางไม้ชนิดอื่น อาทิเช่น ยางลูกมะพลับ มาใช้แทนรักในการชุบเพื่อรักษาสภาพเชือกแทน และบางตัวก็ยังไม่ได้ลงรักอีกด้วย เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางของขลังที่แทบ จะเรียกได้ว่า ครบทุกรส คือ ถ้าจะนับในด้านพุทธคุณของเบี้ยแก้แล้ว ครบทุกด้าน และจะโดดเด่นกว่าเครื่องรางของขลังชนิดอื่นก็คือ ใช้ป้องกันภยันตรายต่างๆ กันคุณไสย์ กันของต่ำที่ถูกคนทำใส่ อาราธนาทำน้ำมนต์แก้ยาสั่งหรือแม้แต่ผีเข้า นอกจากนั้นยังสามารถบูชาติดตัว เพื่อขอพุทธคุณช่วยให้กับร้ายกลายเป็นดี แคล้วคลาดคงกระพันอีกด้วย

 

สหรัฐฯ เหน็นแนมจีนว่าควรจ่ายมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ตามที่ "สี จิ้นผิง"ประกาศจะบริจาคให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เย้ยปักกิ่งแค่ทำพอเป็นพิธีเพื่อหันเหความสนใจจากความรับผิดชอบต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่จีนจะบริจาคให้ WHO ยังมากกว่าที่สหรัฐฯ เคยบริจาคปีละ 400 ล้านดอลลาร์ แต่ล่าสุดถูก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งตัดไปแล้ว

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000051971
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางเยือนโรงงานแห่งหนึ่งของฟอร์ด ในรัฐมิชิแกน รัฐที่มีความสำคัญในศึกเลือกตั้ง ในวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) เพื่อคุยโวในสิ่งที่เรียกว่าเป็นความสำเร็จของเขาในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จากการเปิดเผยของทำเนียบขาวในวันจันทร์ (18 พ.ค.)

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000051958
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

วอลล์สตรีทในวันจันทร์ (18 พ.ค.) พุ่งแรง โดยดาวโจนส์บวกกว่า 900 จุด จากรายงานข่าวในแง่บวกเกี่ยวกับการทดลองทางคลิกนิกวัคซีนรักษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตัวหนึ่ง ปัจจัยนี้ฉุดทองคำร่วงหนัก แต่ดันราคาน้ำมันทะยานกว่า 2 ดอลลาร์

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000051973
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

• ภายหลังโครงการ Billion Tree Tsunami จบลงไปเมื่อปี 2560 หลังจากนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่านของปากีสถานชนะเลือกตั้งทั่วในวันที่ 3 กันยายน 2561 ก็ได้สั่งเปิดตัวโครงการใหม่คือ "10 Billion Tree Tsunami" ในระยะ 5 ปี มีเป้าหมายปลูกต้นไม้ให้ได้หมื่นล้านต้นไม้ทั่วประเทศเพื่อต่อสู้กับผลกระทบของภาวะโลกร้อน

• โครงการนี้ทำมาเรื่อยๆ และหยุดลงช่วงสั่งปิดประเทศระหว่างการระบาดของโควิด-19 แต่ต้นเดือน ม.ค. โดยนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน สั่งให้เว้นโครงการนี้แล้วอนุญาตให้หน่วยงานด้านป่าไม้เริ่มต้นโครงการอีกครั้ง ซึ่งช่วยสร้างงานชาวปากีสถานได้มากกว่า 63,600 ตำแหน่ง

• คนงานจะได้ค่าจ้างระหว่าง 500 รูปีและ 800 รูปี (100 - 160 บาท) ต่อวัน มีหน้าที่เพาะต้นกล้าในโรงเพาะชำและทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ป่าหรือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า โดยคนงานทุกคนต้องสวมหน้ากากและรักษาระยะห่างทางสังคมระหว่าง 2 เมตร ระหว่างการปฏิบัติงาน

• Abdul Rahman หนึ่งในคนงานเล่าให้สื่อต่างประเทศฟังว่า เขาไม่มีงานทำหลังจากปิดประเทศ ต้องไปขอทานตามท้องถนนเพื่อเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัว แต่ตอนนี้รัฐบาลมอบโอกาสใหม่ให้กับเขาด้วยการมาช่วยกันปลูกป่าในโครงการปลูกต้นไม้หมื่นล้านต้น เขามีรายได้วันละ500 รูปี (100 บาท) แม้จะน้อยกว่ารายได้เดิมครึ่งหนึ่ง แต่ก็พอเลี้ยงตัวเองและครับครัวได้

• สำหรับการปิดประเทศของปากีสถานทำให้ภาคธุรกิจต้องหยุดกิจการชั่วคราวลงตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ชาวปากีสถานตกงานจากพิษโควิดจำนวนมาก โดยสถาบันเศรษฐศาสตร์การพัฒนาของปากีสถาน (PIDE) ประเมินเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. พบว่าอาจมีคนถูกปลดออกจากงานถึง 19 ล้านคน ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อกว่า 40,000 คน ช่วงกลางเดือน พ.ค. มียอดผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 800 คน

• ในจำนวนคนที่จะตกงานนับล้านเกือบ 70% อยู่ในจังหวัดปัญจาบ ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของปากีสถานและเป็นจังหวัดที่มั่งคั่งที่สุด มีคนจนน้อยที่สุด ซึ่งหมายความว่าแม้แต่พื้นที่ที่รวยที่สุดก็ยังเอาตัวไม่รอดและพื้นที่ที่จนกว่านี้อาจจะพบกับเรื่องที่เลวร้ายกว่าจังหวัดปันจาบหลายเท่าตัว

• แต่แล้วคนตกงานนับกว่า 6 หมื่นคนก็เห็นทางสว่าง เมื่อภาครัฐของปากีสถานได้สนับสนุนโครงการ 10 Billion Tree Tsunami (สึนามิต้นไม้หมื่นล้านต้น)

• โครงการนี้เป็นการต่อยอดโครงการ Billion Tree Tsuna mi (สึนามิต้นไม้พันล้านต้น) ที่มีเป้าหมายปลูกต้นไม้ในประเทศให้ได้ 1,000 ล้านต้นเพื่อฟื้นคืนผืนป่า 2.2 ล้านไร่และเพื่อทำตามการท้าทายบอนน์ (Bonn Challenge) ที่เป็นเป้าหมายความท้าทายของประชาคมโลกในการจะฟื้นคืนผืนป่าเสื่อมโทรมให้ได้ 937 ล้านไร่ ภายในปี 2563

• โครงการนี้นอกจากช่วยสร้างชีวิตใหม่ให้คนนับหมื่นแล้วยังช่วยติดอาวุธสู้โลกร้อนให้กับปากีสถานด้วย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการประเมินจาก Global Climate Risk Index 2020 ว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

ข้อมูลจาก:
• Climate change: Planting trees in Pakistan during the lockdown (https://www.brusselstimes.com/)
• Billion Tree Tsunami. In Wikipedia, The Free Encyclopedia. (https://en.wikipedia.org/w/index.php?title=Billion_Tree_Tsunami&oldid=956632606)
• Global Climate Risk Index 2020 (https://germanwatch.org/en/cri)

 

หลังจาก 62 ชาติจับมือลงนามกดดันให้จีนยอมรับคณะการสละเพื่อสืบสวนการระบาดของ โควิด 19
ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ก็ได้ออกมาประกาศจุดยืนของอเมริกาว่าจะเอาด้วยกับการกดดันนี้

 

#เรียนออนไลน์
“ไม่พร้อม ไม่เป็นไร ค่อยมาเรียนพร้อมกันในวันเปิดเทอม วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ทุกคนจะได้เรียนครบตามหลักสูตรกำหนด”

-ไม่ต้องซื้อมือถือใหม่ราคาแพง
-ไม่ต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่
-ไม่ต้องซื้อคอมพ์ใหม่
-ไม่ต้องเสียตังค์ติดอินเตอร์เน็ต

#COVID19 #โควิด19 #coronavirus

 

ผู้ว่าการจังหวัด Cavite ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลาเมืองหลวง ฟิลิปปินส์ได้สั่งปิดห้างสรรพสินค้าอีกครั้งหลังเปิดได้ 2 วันจากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown โดยมองว่าห้างยังไม่มีวิธีการจัดการ Social distancing ที่ดีเพียงพอ
โดยฟิลิปปินส์สั่งปิดห้างมาแล้ว 2 เดือนจากมาตรการ lockdown และห้างในจังหวัดนี้ก็ถูกปิดมา 2 เดือนเช่นเดียวกัน
แต่ก็ถูกปิดอีกครั้งหลังเปิดได้ 2 วัน