ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกวาดอร์ ประเทศที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด /โดย ลงทุนแมน
    ถ้าพูดถึงประเทศที่เศรษฐกิจแย่ในทวีปอเมริกาใต้ หนึ่งในนั้นจะมีเวเนซุเอลา
    แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ ประเทศที่แย่รองลงมา ก็คือ เอกวาดอร์

    หลายคนคงรู้ถึงสาเหตุของการล่มสลายของเศรษฐกิจเวเนซุเอลา
    ว่าหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญ มาจากการพึ่งพาทรัพยากรเพียงอย่างเดียว คือ “น้ำมัน”

    สิ่งที่เอกวาดอร์ แตกต่างไปจากเวเนซุเอลา
    คือ หากเทียบกันแล้ว เอกวาดอร์มีภาคส่วนเศรษฐกิจที่หลากหลายกว่าพอสมควร

    แต่เอกวาดอร์ก็มีปัญหาบางอย่างที่เป็นเหมือน “เคราะห์ร้าย” ที่ไม่จางหายไป

    แล้วในปี 2020 ก็มี “เคราะห์ร้ายกว่า” ที่เข้ามาซ้ำ
    ซึ่งก็คือ การระบาดของโควิด-19

    วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2020 ของประเทศนี้เป็นอย่างไร?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ก่อนอื่นมาทำความรู้จักประเทศเอกวาดอร์กันสักนิด

    เอกวาดอร์ ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้
    ชื่อประเทศมีที่มาจากชื่อเส้นศูนย์สูตร (Equator) เนื่องจากมีเส้นศูนย์สูตรลากผ่านประเทศ

    ในขณะที่จากเหนือลงใต้ ก็มีแนวของเทือกเขาแอนดีสพาดผ่าน แบ่งประเทศออกเป็นสองด้าน

    ด้านซ้ายของเทือกเขาเป็นที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
    มีการเพาะปลูกพืชผลเขตร้อน โดยเฉพาะกล้วยและอ้อย
    เอกวาดอร์ส่งออกพืชผลเหล่านี้ คิดเป็นสัดส่วนราว 16% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด

    ในขณะที่มหาสมุทรแปซิฟิกก็เป็นเขตที่มีปลาและสัตว์ทะเลชุกชุม
    ทำให้การประมงเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของเอกวาดอร์
    อาหารทะเล มีสัดส่วน 19% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด

    ส่วนด้านขวาของเทือกเขาเป็นป่าดงดิบ
    การที่ประเทศตั้งอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตรจึงทำให้มีฝนตกชุก
    ฝนจะไหลลงจากเทือกเขาแอนดีสกลายเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแอมะซอน
    บริเวณแถบนี้จึงมีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง

    ชาวเอกวาดอร์ 17 ล้านคน ถ้าไม่อาศัยอยู่ตามที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
    ก็จะอาศัยอยู่ในเขตเทือกเขาแอนดีส

    กรุงกีโต เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่สุดของประเทศ
    ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,850 เมตร

    ด้วยความที่ตั้งอยู่บนที่สูง และอยู่แถบเส้นศูนย์สูตรพอดี
    ทำให้กรุงกีโตเป็นเมืองที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ราว 15 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี

    ความที่มีอุณหภูมิเหมาะสม
    เขตเทือกเขาแอนดีสของเอกวาดอร์ จึงกลายเป็นเขตปลูกดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกาใต้ โดยเฉพาะดอกกุหลาบ ลิลลี่ และเบญจมาศ

    เอกวาดอร์ส่งออกดอกไม้เหล่านี้คิดเป็น 4% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
    โดยมีจุดหมายปลายทางการส่งออกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งผลไม้ อาหารทะเล และดอกไม้
    ก็ยังไม่ใช่สินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดของเอกวาดอร์

    เพราะสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของประเทศนี้ ที่ครองสัดส่วนกว่า 29% ก็คือ “น้ำมัน”
    เอกวาดอร์มีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่บริเวณที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
    และน้ำมันเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศมานานเกือบ 60 ปี

    จากข้อมูลคร่าวๆ ดูเหมือนเอกวาดอร์จะมีทรัพยากรที่หลากหลาย
    และมีการกระจายภาคส่วนเศรษฐกิจที่ดี

    แต่เอกวาดอร์ก็มีเคราะห์ร้ายของตัวเองที่ซ่อนอยู่
    ซึ่งก็คือ การเป็นประเทศที่ไม่มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง
    เพราะใช้เงิน “ดอลลาร์สหรัฐ” เป็นสกุลเงินหลักตั้งแต่ปี 2000

    เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปราวทศวรรษที่ 1990
    รัฐบาลในช่วงนั้นมีการใช้จ่ายเกินตัวจากนโยบายประชานิยมจนถึงขั้นเกือบล้มละลาย
    ต้องไปขอกู้เงินจาก IMF

    การกู้เงินจาก IMF ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องปรับนโยบายทางเศรษฐกิจ
    เช่น ลอยตัวค่าเงิน และลดการตรึงราคาสินค้า

    แต่ผลจากการปรับนโยบาย นำมาสู่ “ภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก”

    สุดท้ายประชาชนหมดความเชื่อมั่นในสกุลเงิน Sucre ของเอกวาดอร์
    รัฐบาลต้องหันไปใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแทน

    วิกฤติเงินเฟ้อครั้งนี้ ยังทำให้ชาวเอกวาดอร์กว่า 1 ล้านคน
    อพยพไปทำงานยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป

    เนื่องจากชาวเอกวาดอร์พูดภาษาสเปนเป็นหลัก
    สเปนจึงเป็นจุดหมายปลายทางของแรงงานชาวเอกวาดอร์กว่า 400,000 คน
    ตามมาด้วยอิตาลี ราว 100,000 คน

    คนที่ทำงานต่างประเทศเหล่านี้ต่างส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวถึงปีละ 100,000 ล้านบาท
    ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
    จนกระทั่ง..

    “ปี 2020 โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก”

    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติที่ถาโถมมาสู่เศรษฐกิจของเอกวาดอร์..

    เริ่มจากวิกฤติที่ 1 ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างหนัก

    ความต้องการน้ำมันลดลง ทำให้ราคาน้ำมันต่ำสุดลดลงจากปลายปี 2019 กว่า 80%
    ราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของเอกวาดอร์
    ที่พึ่งพาการส่งออกน้ำมันถึง 29%

    วิกฤติที่ 2 ความต้องการดอกไม้ที่ลดลงอย่างมาก

    เมื่อประเทศจุดหมายของการส่งออกดอกไม้ คือ สหรัฐอเมริกา
    ซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19

    หลายเมืองถูก Lockdown ไม่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง ความต้องการดอกไม้ลดลงอย่างหนัก
    ดอกไม้จำนวนมหาศาลที่มีอายุจำกัด จึงจำเป็นต้องถูกทิ้ง..

    วิกฤติที่ 3 การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

    ด้วยความที่เอกวาดอร์ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
    ธนาคารกลางจึงไม่มีอำนาจในการจัดการค่าเงินของตัวเอง

    เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า
    สินค้าส่งออกจากเอกวาดอร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชผล และอาหารทะเล
    จึงมีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้สินค้าเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันสู้กับประเทศอื่นได้

    และวิกฤติที่ 4 การระบาดของโควิด-19 ในยุโรป

    เมื่อสเปนและอิตาลี มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป
    แรงงานชาวเอกวาดอร์ที่อพยพไปทำงานในประเทศเหล่านี้จึงเดินทางกลับประเทศ

    แต่แรงงานเหล่านี้ไม่ได้กลับมาตัวเปล่า เพราะสิ่งที่นำมาด้วย คือเชื้อโควิด-19..

    ผลสุดท้าย เอกวาดอร์กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดโควิด-19 มากเป็นอันดับ 3 ของอเมริกาใต้
    ด้วยจำนวนกว่า 33,000 ราย
    และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้สูงเป็นอันดับ 2 รองจากบราซิล

    รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการ Lockdown เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคร้าย
    ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจ คนหลายล้านคนต้องตกงานอย่างกะทันหัน

    รัฐบาลเองก็ประสบภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก
    จากรายได้การส่งออกที่ลดลง ทั้งน้ำมัน พืชผล และอาหารทะเล
    รัฐบาลอาจจำเป็นที่จะต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจ เช่น การขึ้นภาษี

    แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้
    การขึ้นภาษี ก็ไม่ต่างอะไรกับการซ้ำเติมเคราะห์ร้ายให้เสียหายยิ่งกว่าเดิม

    ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไป ว่าอนาคตประเทศแห่งนี้จะเป็นเช่นไร

    วิกฤติของเอกวาดอร์ในครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่า
    ต่อให้ประเทศจะมีทรัพยากรมากมาย มีภาคส่วนเศรษฐกิจที่หลากหลาย
    แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ
    เอกวาดอร์เจอทั้งเรื่อง ราคาน้ำมัน การส่งออกสินค้า และการระบาดของโรค
    ภายในเวลาไม่กี่เดือน

    ขนาดเอกวาดอร์ที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดียังเจอหนักขนาดนี้
    ไม่ว่าเราจะคิดว่าตัวเองดีพอขนาดไหน
    ให้เตรียมใจเอาไว้
    ทุกอย่าง มันไม่แน่นอน เรื่องร้ายๆ อาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ในคราวเดียว..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://advisor.visualcapitalist.com/covid-19-recovery-economic-forecast/
    -http://www.worldstopexports.com/ecuadors-top-10-exports/
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Quito
    -https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2020-04-08/coronavirus-traps-ecuador-between-death-and-debt
    -https://www.worldometers.info/coronavirus/
    -https://www.ceicdata.com/en/indicator/ecuador/government-debt--of-nominal-gdp

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยอดผู้ป่วย COVID-19 ในอินโดนีเซียยังพุ่งสูง รบ.เล็งยกเลิกผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์

    นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เผยว่ารัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนที่จะยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพฤษภาคม ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวทำใหรัฐบาลอินโดนีเซียมีมติเพิ่มเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โดยให้บังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส COVID-19 หลังมีรายงานว่าประชาชนที่อาศัยในกรุงจาการ์ตาเตรียมที่เดินทางกลับบ้านเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลวันตรุษ (วันอีด-วันฮารีรายอ) นอกจากนี้รัฐบาลยังชะลอแผนการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจออกไปอีก หลังมาตรการป้องกันค่อนข้างล้มเหลว

    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/asean/10366

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #คำขาดของทรัมพ์
    #ทรัมพ์_จีน_Who_อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

    เป็นดั่งที่คาด หลังจากเมื่อวานที่ลุงสี่ สี่ จิ้นผิง ยิง Video Conference ไปกล่าวเปิดงานประชุมประจำปี ของสมัชชาองค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 72 ที่สุงสี่ ได้กล่าวถึง การตั้งหน่วยงานอิสระที่จะสอบสวนคดีต้นกำเนิด Covid-19 ว่าจีนยินดีเปิดให้การสนับสนุน ตราบใดที่หน่วยงานดังกล่าวอยู่ภายใต้การนำของ WHO

    นอกจากนี้ยังหยอดคำหวาน เสนอกองทุนช่วยเหลือ กว่า 2 พันล้านเหรียญ และอุทิศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกัน Covid ของจีนให้เป็นยาสาธารณะ

    มาวันนี้ เสี่ยจัดการส่งจดหมายตรงถึงผู้อำนวยการ องค์การอนามัยโลก ขู่ว่าให้ดำเนินการปฏิรูปองค์กร ตัดจีนออกไป และต้องทำภายใน 30 วัน มิฉะนั้น สหรัฐอเมริกาจะยกเลิกการให้เงินบริจาคแก่องค์การอนามัยโลกอย่างถาวร และอาจจะทบทวนสมาชิกภาพขององค์กรนี้ด้วย พร้อมลงท้ายตอนจบว่า

    "I cannot allow American Taxpayer dollars to continue to finance an organization that, in its present state, is so clearly not serving American's interests."

    "ผมจะไม่มีวันยอมเสียภาษีของชาวอเมริกันไปสนับสนุนองค์การที่ไม่ตอบสนองความต้องการของชาวอเมริกันเด็ดขาด"

    ไม่ได้ส่งแค่จดหมายเปิดผนึก แกส่งให้ชาวบ้านทั่วไปดูทาง Twitter ด้วย ตอนนี้ทวิตของเสี่ยอ่างก็ร้อนฉ่าเป็นพื้นผิวดวงอาทิตย์ ไม่กี่ชัวโมงยอด รีทวิตไปแล้วกว่า 3 หมื่น

    เปิดมาอย่างนี้ เท่ากับยื่นคำขาดกับ WHO เลยว่า ภายใน 30 วัน ตัดสินใจซะ ว่าจะเลือกใคร ระหว่าง สหรัฐ หรือ จีน

    ในแต่ละปี ยอดเงินบริจาคที่สหรัฐมอบให้กับ WHO อยู่ที่ราวๆ 400 - 500 ล้านเหรียญ นับเป็นประเทศผู้บริจาคเงินสูงสุด

    แต่ทั้งนี้ยอดเงินบริจาคที่หายไป ก็ย่อมกระทบกับการทำงานของ WHO อยู่บ้างไม่น้อย แต่สมาชิกชาติอื่นอาจจะช่วยถมเงินเพิ่มอีกคนละเล็ก ละน้อย บางประเทศส่งเป็นของ บางประเทศส่งเป็นบุคลากร แล้วยิ่งเมื่อวานที่ลุงสี่ แกบอกว่าจะตั้งกองทุนให้เพิ่มอีก 2 พันล้านเหรียญ ใน 2 ปี ก็มากกว่าที่สหรัฐบริจาคให้ในแต่ละปีแล้ว

    ดังนั้นเรื่องเงิน อาจจะไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่อำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐต่างหาก ที่เป็นปัญหา ตราบใดที่เสี่ยอ่างแกยังนั่งเซ็นคำสั่งประธานาธิบดีได้ตามอารมณ์ ก็สร้างความยุ่งยากให้วงประชุม UN ไม่น้อย

    เพราะทั้งสหรัฐ และจีน เป็นสมาชิกถาวรของ UN ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ คนหนึ่งเสนอ อีกคนหนึ่ง Veto มันคงไปไหนถึงไหนหรอกนะคะ

    ถามว่าท่านเสี่ยแกออกคำสั่งมาแบบนี้ จะให้ทาง WHO เขาทำอย่างไร?

    ก. ผู้อำนวยการ WHO คนปัจจุบัน ด็อกเตอร์ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ลาออก สหรัฐส่งคนของตัวเองเข้าไปนั่งแทน

    ข. ให้ WHO ไปบีบให้จีนถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพ เอาไต้หวันมานั่งแทน

    ค. เสี่ยอ่างของถอนตัว ออกจาก WHO เอง ประหยัดงบได้ปีละ 4-500 ล้านเหรียญ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ผลิตยาขายอย่างเดียว

    ไม่ว่าทางไหน ก็ดูจะไม่มีใครยอมนะคะ

    กลายเป็นความชัง 3 เส้า สหรัฐมุมหนึ่ง จีนมุมหนึ่ง WHO มุมหนึ่ง เรา 3 มุม มันต้องมีสักคนที่เป็นฝ่ายไปนะคะ

    แหล่งข้อมูล

    https://edition.cnn.com/2020/05/18/politics/trump-world-health-organization-coronavirus/index.html
    https://www.aljazeera.com/news/2020...coronavirus-live-updates-200519000416527.html

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ทรัมพ์ลองยาHydroxy
    #FDAไม่ต้องเสี่ยรับรองเอง

    ข่าวอึ้ง ชวนตะลึงวันนี้ เมื่อเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า ได้ทดลองกินยา Hydroxychloroquine หรือยาต้านมาลาเรีย ด้วยตัวเอง ที่เชื่อว่าสามารถต้านเชื้อ Covid-19 ได้

    แล้วก็ไม่ได้ลองแค่เม็ด สองเม็ด แกบอกว่าได้ลองกินยานี้มาอาทิตย์กว่าแล้ว

    "ผมทดลองกินยานั่นมาอาทิตย์ครึ่งแล้วผมก็ยังอยู่ดีนี่ครับ ไม่ได้หายไปไหน"

    ยา hydroxy มีประเด็นข้อถกเถียงมาเป็นเดือนๆแล้ว ว่าควร หรือ ไม่ควร นำมาจ่ายให้แก่คนไข้ Covid-19 ถึงแม้เสี่ยแกเคยมั่นใจจนออกมาทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า นี่มันจะเป็น Game changer ยาเปลี่ยนชีวิต เปิดไฟเขียวให้นำเข้าเพิ่ม เพื่อเอามาใช้ในการรักษาได้เต็มที่

    แต่องค์การอาหารและยาหรือ FDA รวมถึงด็อกเตอร์ แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าศูนย์ ศบค สหรัฐ ออกมาคัดค้านหัวชนฝา เพราะยังไม่มีข้อพิสูจน์เพียงพอ อีกทั้งยามีฤทธิ์แรง อาจส่งผลถึงการทำงานของอวัยวะภายใน จึงขั้นหัวใจวายได้

    แต่เสี่ยอ่างแกใช้ตัวเองเป็นหนูลองยาซะเอง แล้วออกมายืนยันว่ากินแล้วก็ยังไม่ตายนี่ครับ ผมยังอยู่

    แล้วยังเคลมว่า "ผมได้รับรายงานทางโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก เยอะมากๆ ที่ตอบรับผลของยาออกมาในแง่บวก"

    "ดังนั้น ก็ลองได้นี่ครับ ไม่เห็นเสียหายเลย ถ้ามันไม่ได้ผลก็แค่หยุดยาไปก็เท่านั้น"

    แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน สำนักข่าว Washiongton Post เพิ่งลงข่าวว่า มีตัวเลขทางการแพทย์พบว่า มีอัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มจากการใช้ยา hydroxychloroquine ที่อาจชี้ว่าอันตรายเกินไปที่จะจ่ายยาตัวนี้ให้กับคนไข้ Covid-19

    ก็แสดงว่า มีการจ่ายยาชนิดนี้ให้คนไข้ไปบ้างแล้ว แม้ว่าในสภายังถกเถียงกันอยู่ก็ตาม

    แต่เนื่องจากอาการของผู้ติดเชื้อมีหลากหลายระดับมาก ตั้งแต่ไม่แสดงอาการเลย ไปจนถึงระดับโคม่า การใช้ยาตัวนี้ อาจได้ผลเฉพาะบางคนไข้ ในเฉพาะบางระดับความรุนแรงของอาการ ที่ก็มีปัจจัยหลายอย่าง ที่ทำให้ยังไม่สามารถวางใจกับมันได้ 100% ถึงแม้เสี่ยแกจะมั่นใจเกิน 100 ถึงขนาดเสี่ยงตายลองใช้เองก็ตาม

    และการที่เสี่ยทรัมพ์แกหยิบเอาเจ้า hydroxy มาโปรโมทใหม่ อาจเป็นเพราะการพัฒนาวัคซีน อาจจะมาไม่ทันอย่างที่แกเคยฟันธงเองไว้ ในขณะที่คนไข้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกเวลา กว่าจะถึงวันที่วัคซีนมา ไม่ปาเข้าไปครึ่งประเทศรึ

    ดังนั้น เสี่ยสั่งลุย สั่งเอง ลองเอง แต่กินแล้วรอด ก็โชคดีไป แต่ถ้าเสี่ยเกิดไม่รอด จาก Game changer จะกลายเป็น End Game เลยนะคะ เสี่ยขา

    แหล่งข้อมูล

    https://www.bbc.com/news/world-us-canada-52717161

    https://edition.cnn.com/2020/05/18/politics/donald-trump-hydroxychloroquine-coronavirus/index.html

    https://www.washingtonpost.com/poli...d024fe-96bd-11ea-9f5e-56d8239bf9ad_story.html

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เดิมทีทางรถไฟไต้หวันวางแผนที่จะใช้มาตรการห้ามนั่งชุมนุมในห้องโถงสถานีรถไฟไทเป และจะใช้มาตรการนี้ตลอดไป อย่างไรก็ตามหลังจากมีข่าวออกมา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หลินเจียหลง โพสต์ใน Facebook ในวันที่ 19 ว่า จะมีการเปิดห้องโถงสำหรับใช้งานของแรงงานต่างด้าวในช่วงวันหยุด แต่ต้องรอให้สถานการณ์โรคระบาดกลับมาปกติก่อน

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ (18 พ.ค.) ไต้หวันไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นวันที่11แล้ว เทศบาลกรุงไทเป ประกาศคลายล็อกขั้นตอนที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.นี้เป็นต้นไป โดยอนุญาตให้จัดกิจกรรมภายในอาคารได้แต่ห้ามบริการอาหารและต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย อีกทั้งอนุญาตให้เข้าได้ไม่เกิน 50 คน และตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นไป อนุญาตให้เพิ่มเป็นไม่เกิน 100 คน ซึ่งรวมถึงสวนสนุกในร่มสำหรับเด็กก็ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้ง

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [องค์กรอนามัยโลก ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงว่าจีนเริ่มมีบทบาทเป็น รัฐเบอร์หนึ่งของโลก’ จนมีผู้เรียกองค์กรนี้ว่า โปรจีน ความยำเกรงในสหรัฐฯ จากองค์กรนี้ลดลงไปมาก ]

    ทำไมในเวลานี้ ‘ตะวันตก’ กลัว 'จีน' ก้าวขึ้นไปในฐานะ ‘รัฐเบอร์หนึ่งของโลก’
    .
    ก็เพราะจีนสามารถแสดงให้เห็นว่า สามารถยุติปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ได้ และกลับเข้าสู่ภาคการผลิตได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายถึง จีนสามารถลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและแรงงานได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งยังรับมือกับการคุกคามด้านความมั่นคงของชาติได้ด้วย
    .
    แต่จีนก็ยังมีปัญหาของตนเอง หากการพัฒนาไปในรูปแบบเดิมๆ เพราะการกระตุ้นโดยอุปสงค์ภายในนั้นไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจจีนทะยานตัวเหมือนเดิมได้และต้องเผชิญกับภาวะสงครามการค้า แต่สิ่งที่ทำให้ตะวันตกนั้นเกรงกลัว เพราะจีนนั้นสามารถลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่และได้อำนาจแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้ความขัดแย้งแบบเดิม และที่สำคัญสามารถที่จะทำลายแพลตฟอร์มการค้าแบบเดิมๆ ไปได้และไม่ต้องถือพันธบัตรที่เสื่อมราคาอีกต่อไป
    .
    ลองมาดูกันในบทความวิเคราะห์ ‘การส่งออก’ หลังวิกฤต COVID-19 และ ‘จีน’ ผู้กุมอำนาจการค้าใหม่" ได้ที่:
    https://www.salika.co/2020/05/18/impact-of-covid-19-on-exports

    #การส่งออกหลังวิกฤต #การค้าใหม่ #วิเคราะห์การส่งออก #เศรษฐกิจจีน #ส่งออก #postcovid19 #worldtrade #salikaco

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เผย 'EU-UK' กำลังจะห้ามผลิตและขายบุหรี่ที่มีส่วนผสมของเมนทอล

    ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เผยประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร กำลังจะห้ามผลิตและขายบุหรี่ที่มีส่วนผสมของเมนทอล 20 พ.ค. นี้ ชี้ไทยถึงเวลาแล้วที่ต้องออกมาตรการห้ามบุหรี่เมนทอล ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน

    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/current/10357

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ชายไทยเตรียมตัว #เกณฑ์ทหาร
    เปิดกำหนดการเกณฑ์ทหาร ประจำปี 2563 หลังถูกเลื่อนเพราะโควิด-19
    .
    กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้ประกาศกำหนดวันเกณฑ์ทหารประจำปี พ.ศ. 2563 ออกมาแล้ว หลังต้องถูกเลื่อนออกไปก่อนหน้านี้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
    .
    .
    อ้างอิง : https://www.sanook.com/news/8154378/

    .
    .
    #MOREMOVE

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว หันหลังต้อนรับนายก!!!! สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดกระแสต่อต้าน นางโซฟี วีลเมส นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเบลเยียม หลังลงนามบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้บุคคลที่ไม่ผ่านการอบรมวิชาชีพเฉพาะเข้าทำงานในตำแหน่งพยาบาลเพื่อรับมือวิกฤต COVID-19 แพร่ระบาดเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเบลเยียมมีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อย 55,559 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 9,080 คน

    ** เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่มีอัตราการตายเพราะ COVID-19 สูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับอัตราประชากร โดยอัตราเสียชีวิตสูงถึง 78 รายต่อประชากร 100,000 คน

    สหภาพพยาบาลแห่งเบลเยียมออกแถลงการณ์ตำหนิพร้อมระบุว่า การอนุญาตให้บุคคลใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพ สามารถทำหน้าที่พยาบาลได้นั้น ถือเป็นการกระทำที่ดูถูกอาชีพพยาบาลว่าไม่จำเป็นต้องมีทักษะและใครก็สามารถทำหน้าที่นี้ได้ อย่างไรก็ดี นอกจากประเด็นบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาแล้ว รัฐบาลของนางวีลเมสยังโดนวิจารณ์อย่างหนักว่ารับมือสถานการณ์โรค COVID-19 ได้ไม่ดีพอ หนำซ้ำยังตัดงบประมาณด้านสาธารณสุขและลดเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง.
    ----------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.thaiquote.org/content/2...wZiW75hkM47Lph4kKdoL5Ei-iklTDHtkwcI_1PKLONG6c

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เก๋ๆ อ่ะแม่!!! หลังจากที่ Angela Merkel ประธานาธิบดีของประเทศเยอรมันได้ผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ภายในประเทศลง ล่าสุด ร้าน Cafe Rothe ในเมือง Schwerin ได้เปิดให้บริการอีกครั้ง แต่แทนที่จะใช้เครื่องหมายแสดงจุดระยะห่างหรือกั้นกระจกใสในแต่ละโต๊ะเพื่อให้นั่งแยกกัน Jaqueline Rothe ผู้เป็นเจ้าของร้าน Cafe Rothe กลับแจก ‘หมวกฟางพร้อมแท่งโฟมสีสันสดใส’ เพื่อรักษามาตรการ social distancing “ลูกค้าหลายคนแห่กันไปที่คาเฟ่เพื่อเพลิดเพลินกับกาแฟเค้กหรือเบียร์ท่ามกลางแสงแดด และนี่เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการแยกลูกค้า เพื่อมันทำให้เป็นเรื่องสนุก และทำให้สามารถรักษาระยะห่าง 1.5 เมตร (4.9 ฟุต) ได้จริง”.
    -------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://positioningmag.com/1278987?...tuyrC4R5EqqKiQgjPtsvlqQqUjQIyCDgKwiJILLI7pt2s

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว!!! ล่าสุด กระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย แถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป รัฐบาลจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10% กับผลิตภัณฑ์ดิจิทัลทุกประเภทของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ไม่ได้จดทะเบียนในอินโดนีเซีย โดยจะหมายรวมถึงบริการสตรีมมิง แอพพลิเคชั่น และเกมออนไลน์ เช่น เน็ตฟลิกซ์และสปอทิฟายซึ่งเป็นบริษัท 2 ที่มีส่วนแบ่งด้านการตลาดมูลค่ามหาศาลในประเทศ

    ด้าน องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Cooperation and Development; OECD) ซึ่งอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในสมาชิก กำลังจัดทำมาตรการเก็บภาษีดิจิทัลที่เป็นมาตรฐานเพื่อลดความได้เปรียบของบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล แอปเปิ้ล ไมโครซอฟต์ และทวิตเตอร์ ซึ่งอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายดังกล่าวเข้าไปตั้งสำนักงานในประเทศเหล่านั้นและเสียภาษีในอัตราต่ำเที่ยบเท่ากับบริษัทในประเทศ อย่างไรก็ดี Mulyani Indrawati รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินโดนีเซียก็เผยเช่นกันว่า การจัดเก็บภาษีดิจิทัลหรือภาษีอินเทอร์เน็ต เป็นการปรับเปลี่ยนแนวการคลังของรัฐบาลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนไปท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของภาครัฐลดลงมากกว่า 10% ในปีนี้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจลดลงกว่าครึ่งจาก 5% เมื่อปีที่แล้วลงมาอยู่ที่ 2%.
    --------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.tcijthai.com/news/2020/5/asean/10350

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #มอร์มูฟเป็นข่าว การท่องเที่ยวทั่วโลกพังไม่เป็นท่า!!! ล่าสุด องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO: United Nations World Tourism Organization) ระบุว่า การท่องเที่ยวทั่วโลกมีอัตราคงที่ 100% หลัง COVID-19 ระบาดจนต้องจำกัดการท่องเที่ยว โดยเรื่องนี้ Zurab Pololikashvili เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติระบุว่า ประเทศที่มีการสั่งให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์และประกาศให้คนอยู่แต่ในบ้าน การท่องเที่ยวถูกโจมตีหนักสุดหากเทียบกับทุกอุตสาหกรรม ดังนั้น องค์การการท่องเที่ยวโลกฯ (UNWTO) จึงขอให้รัฐบาลต่างๆ ทำงานร่วมกัน เพื่อร่วมมือกันลดมาตรการที่เป็นข้อจำกัดทั้งหลายที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

    ** การเปิดโลกให้การท่องเที่ยวคืนกลับมาอีกครั้งจะช่วยให้ผู้คนไม่ต้องตกงาน และยังปกป้องความเป็นอยู่ของผู้คนให้ได้ใช้ชีวิตต่อไป

    COVID-19 ทำการท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลง 22% ในไตรมาสแรก และอาจจะลดลงมากถึง 60-80% ตลอดทั้งปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2019 ทั้งนี้ Zurab Pololikashivili เลขาฯ UNWTO ระบุว่า โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตด้านสุขภาพแบบไม่ได้คาดหมาย การท่องเที่ยวถูกโจมตีหนักสุด ผู้คนนับล้านเสี่ยงตกงาน ซึ่งถือเป็นแรงงานที่สำคัญมากต่อเศรษฐกิจ.
    -----------------------------------------
    อ่านต่อ : https://brandinside.asia/lockdown-a...LKGCChz_I0WseYzjgFmBwwSCTIfJ2vIekLhNG5jOR8gNY

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พบผู้เสียชีวิตจากไวรัส COVID-19 ในอิตาลี เพิ่มอีก 99 คน ในวันที่ 18 พ.ค. ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่ำกว่า 100 คน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม
    .
    #Italy #COVID19 #Positioningmag

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ซาวเสียงกันหน่อย เห็นด้วยหรือไม่!!? หากโรงเรียนในไทยมีหลักสูตรเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อให้เด็กรู้ว่าอะไรคือการคุกคามทางเพศ และจะปกป้องตัวเองจากการคุกคามนั้นๆ อย่างไร

    จากข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในรอบ 4 ปี (พ.ศ.2556-2560) พบว่า มีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศสูงถึง 727 ราย ในจำนวนนี้เป็นครู บุคลากรทางการศึกษา 53 ราย นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้เก็บข้อมูลปี 2560 จากข่าวหนังสือพิมพ์ พบว่า มีข่าวล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี กว่า 42 ข่าว อายุ 11-20 ปี 145 ข่าว ในจำนวนนี้มี 17 ข่าว ที่ก่อเหตุในโรงเรียน ส่วนอาชีพครูที่เป็นผู้กระทำ มี 13 ข่าว

    นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ระบุว่า หากวิเคราะห์สาเหตุการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน พบว่า 1) เกิดจากระบบอำนาจนิยมในสถานศึกษา เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจเหนือ กำหนด ออกคำสั่ง ใช้อำนาจบังคับหรือหลอกล่อ 2) ระบบอุปถัมภ์ ต่างตอบแทน ครูมักจะช่วยเหลือกัน อีกทั้งครูเป็นผู้ที่เคารพนับถือจากคนในชุมชน มีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น นักการเมือง ตำรวจ 3) ระบบคิดชายเป็นใหญ่ ถูกปลูกฝังจนขาดความยับยั้งชั่งใจ อีกทั้งมาพร้อมกับค่านิยม “กินเหล้า เคล้านารี” 4) มายาคติ กล่าวโทษผู้ถูกกระทำ ตีตรา เช่น เป็นเด็กเกเร แต่งตัวโป๊ ทำตัวไม่เหมาะสม ต้องการเงิน และ 5) กระบวนการยุติธรรม เมื่อเกิดเหตุมักจะถูกไกล่เกลี่ยยอมความ อีกทั้งทัศนคติผู้ปฏิบัติงานยังขาดความเข้าใจประเด็นทางเพศ และขาดความละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกว่าถูกกระทำซ้ำผ่านกระบวนการทางกฎหมาย

    นางสาววราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา กล่าวว่า เหตุการณ์ครูข่มขืนนักเรียนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ประกอบกับการที่มีครูบางคนออกมาแสดงความเห็นในทำนองให้กำลังใจครูผู้ต้องหาและกล่าวโทษนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อสะท้อนให้เห็นว่า วัฒนธรรมความรุนแรงทางเพศเป็นสิ่งที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ขณะเดียวกัน ครูจำนวนมากไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาให้เคารพสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของนักเรียน มีการฉ้อฉลใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์และกระทำความรุนแรงต่อเด็ก ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนก็ย่อหย่อนในสำนึกและหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และแม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯจะออกมาให้ข่าวว่าจะจัดการกรณีนี้อย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังเป็นแค่งานเชิงตั้งรับ คือรอให้เกิดเหตุแล้วจึงจะมาตามแก้ ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุรากเหง้า "เด็กยังไงก็คือเด็ก ยิ่งเด็กที่มีความเปราะบางทางสังคม กระทรวงศึกษาฯและโรงเรียนยิ่งต้องปกป้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้เด็กเหล่านี้เติบโตได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ปัญหาระดับบุคคลของครูที่กระทำผิดบางคน แต่เป็นปัญหาของระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ ถ้าจะแก้ปัญหาที่รากเหง้า กระทรวงศึกษาฯต้องมีนโยบายและมาตรการเชิงรุก โดยเริ่มตั้งแต่สถาบันที่ผลิตและรับรองวิทยฐานะของครูต้องเข้มงวด ปลูกฝังจิตสำนึกการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน และสำนึกในหน้าที่ด้านการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ขณะเดียวกัน กระทรวงต้องมีนโยบายและแนวทางที่จะประกันว่าโรงเรียนทุกแห่งในประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาฯในฐานะหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต้องร่วมเป็นเจ้าทุกข์ในการดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและจัดการให้เด็กได้รับการเยียวยาทางจิตใจและครูที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงต้องถูกลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด รวมถึงการถอนใบประกอบวิชาชีพครู ต้องไม่อนุญาตให้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนโดยตรงอย่างเด็ดขาด เพื่อลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ โดยเครือข่ายมีแผนในการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาในสัปดาห์หน้า เพื่อยื่นข้อเสนออย่างเป็นระบบ”

    “ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า โรงเรียนไม่ใช่ซ่อง คุณคือครู เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามกฎหมาย หากคุณรู้ว่าเด็กเดินหลงทาง ต้องช่วยเขาออกมาจากเส้นทางสายมืดนั้น เด็กยิ่งมืด ครูยิ่งต้องสว่าง ครูจะเล่นกับด้านมืดของเด็กไม่ได้โดยเด็ดขาด ต่อให้เด็กหลงทางสู่การขายบริการทางเพศ หน้าที่ครูคือต้องดึงเด็กออกจากมุมมืด ไม่ใช่ทำร้ายเด็กหรืออาศัยอำนาจที่เหนือกว่าหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก ครูต้องมีสำนึกมากกว่าคนสอนหนังสือ” นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชน และครอบครัว กล่าว.
    ----------------------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.tcijthai.com/news/2020/5/current/10340

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพิ่มเติมครั้งที่ 4
    ห้อง 61 สาธารณภัย ปภ ติดตาม ไซโคลน อัมพัน เป็นชื่อที่ไทยตั้งให้ หมายถึง ที่มีต้นกำเนิดมาจาก “ยางของต้นสน” ยางไม้ที่แข็งเป็นก้อน สีเหลืองใสเป็นเงา

    * ขึ้นฝั่ง ประเทศอินเดียภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดประเทศบังคลาเทศ
    / ลดระดับลงเล็กน้อย ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางราว 165 กม/ชม เป็นระดับ 4
    / มีประกาศเฝ้าระวัง ตั้ง ศ.ประสานงานฉุกเฉินรับเหตุพายุแล้ว
    / อพยพประชาชน 3 แสน คน
    * ประเทศที่ได้รับผลกระทบ
    / อินเดีย บังคลาเทศ พม่า จีน

    **รัศมีคาดว่า กระทบพื้นที่ประเทศไทย
    /ภาคใต้ ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ชุมพร
    / ภาคกลางตอนล่าง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม
    /ภาคตะวันตก กาญจนบุรี ราชบุรี ตาก
    /เฝ้าระวังพิเศษ 16 ถึง 21 พ.ค.63 / ห้อง 61

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจแปนไทมส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา นายทาโร่ โคโนะ รมว.กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้จัดตั้งหน่วยงานสังกัดใหม่ที่มีชื่อว่า "ฝูงบินปฏิบัติการอวกาศ" (The Space Operations Squadron) เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกันภัยคุกคามจากอวกาศ โดยเฉพาะระบบเครือข่ายดาวเทียมของญี่ปุ่น
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดีย : พายุไซโคลนอำพันกำลังเคลื่อนเข้าอินเดีย
    การเตือนภัยสูงสุดระดับ 5

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีน : เหตุการณ์จริงแผ่นดินไหวขนาด 5.0
    เวลา 21.47 ในยูนานเมื่อวานนี้ขณะนักศึกษายังเรียนอยู่

    # จีนถือว่าพร้อม ซ้อมรับมือดีมากในการเผชิญเหตุ
    Cr : 中国新闻网

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีน : แผ่นดินไหวขนาด 5.0 ที่เมืองเฉียวเจี๋ยเมืองจ้าวตงมณฑลยูนนาน เวลา 21.47 18 พค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บหลายราย บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก

    CR : คลิป China News

     

แชร์หน้านี้

Loading...