ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 27 , 2020 บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกรณีบริษัทน้ำดื่มใช้ มอก.ปลอม
    .
    บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ได้ออกหนังชี้แจงกรณีน้ำดื่มซีพี เฟรชมาร์ท แสดงเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาตยืนยันบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
    .
    โดยระบุว่า ตามข่าว สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ตรวจพบน้ำดื่มที่วางจำหน่ายในร้านซีพี เฟรชมาร์ท 4 สาขา ซึ่งผลิตโดย บริษัท ฮอลแลนด์ สตาร์บรรจุภัณฑ์ จำกัด มีการแสดงเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเรื่องของผู้ผลิตที่มารับจ้างผลิตและต้องดูแลเครื่องหมายใบอนุญาตต่างๆที่พึงมีให้ถูกต้อง พร้อมกันนี้บริษัทได้นำสินค้าน้ำดื่มทั้งหมดของผู้ผลิตรายนี้ออกจากพื้นที่ขายหมดแล้ว
    .
    ทั้งนี้ บริษัทได้รับแจ้งจากผู้ผลิตว่า น้ำดื่มดังกล่าวได้รับการรับรองสำนักงานมาตรฐานอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข อย่างถูกต้อง
    .
    #ซีพีเอฟ #น้ำดื่ม #มอก #Misterban
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 27,2020 สรรพากรเผยตัวเลขเก็บภาษี 7 เดือน ปีงบ 63 ต่ำกว่าเป้า 7 หมื่นล้านบาท พร้อมขอปรับคาดการณ์เป้าภาษีปีนี้ใหม่
    .
    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อประมาณการจัดเก็บรายได้ในปี 2563 ใหม่ หลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ในภาพรวมของกรม โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.2562-เม.ย.2563) จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเก็บรายได้ปีนี้ก็จะใช้เป็นฐานในการตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ปี 2564 ด้วย
    .
    โดยกรมฯได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประเมินทิศทางการจัดเก็บรายได้เพื่อทำแผน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถเก็บภาษีได้ เพราะกรมต้องใช้เครื่องมือภาษีช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนมากขึ้น
    .
    นอกจากนี้กรมฯจะพิจารณามาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ในช่วงฟื้นฟูหลังโควิด และก่อนหน้านี้มีการเลื่อนชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคลออกไป ซึ่งรายได้ไม่ได้หายไปไหน จะกลับเข้ามาในช่วง ส.ค. ซึ่งมาตรการนี้จะเป็นการช่วยให้ประชาชน ผู้ประกอบการ มีเงินเหลือในกระเป๋าช่วงวิกฤตไปก่อน
    .
    ด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่งสินค้าตอนนี้ แม้ว่าจะขยายตัวได้ดี กรมก็ไม่มีนโยบายเข้าไปจัดเก็บภาษี ค้าขายออนไลน์ ถ้าเป็นรายเล็ก มีรายได้ไม่มาก ไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ก็จะมีการส่งทีม วิเคราะห์ข้อมูล เข้าไปหารือ เพื่อสร้างความเข้าใจ ในการขยายฐานภาษี ให้เกิดความเต็มใจในการเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

    นายเอกนิติ กล่าวว่า ผลจากมาตรการลดผลกระทบโควิด 19 กรมลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่มีอัตรา 3% เหลือ 1.5% ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ก.ย. 2563 เสียรายได้ไปแล้ว 27,000 ล้านบาท และได้เร่งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้วกว่า 95 % จากผู้ขอคืนทั้งหมดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นภาษีที่คืนประมาณ 28,000 ล้านบาท เร่งคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลกว่า 27,185 ล้านบาท
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    jGue3PKNhgeTkANvvf0NHgGsECtREOjRqNaR7SfJdAfq&_nc_ohc=bjeiflTDS_cAX9ev5m2&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    ผู้ปกครองจ๋า ฟังทางนี้ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ (ซีดีซี) และสมาคมกุมารแพทย์อเมริกาได้ออกมาบอกว่า เด็กน้อยที่อายุ 2 ขวบขึ้นไปสามารถสวมใส่หน้ากากอนามัยได้ โดยรูปแบบที่เหมาะสมคือหน้ากากผ้า และควรใส่เฉพาะช่วงที่ต้องออกไปพบเจอผู้คนนอกบ้านเท่านั้น ที่สำคัญควรเลี่ยงให้เด็กทารก หรือน้องหนูที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบสวมใส่ เพราะเสี่ยงเป็นอันตรายต่อระบบประสาทค่ะ
    .
    #เด็ก #ทารก #หน้ากากอนามัย #การป้องกัน #ไวรัส #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan

    May 27, 2020 รถซุปเปอร์คาร์สุดหรูอย่างแพงจัดยังหนีไม่พ้น เจอโควิด-19 ทำตกงานกว่า 1,000 คน Supercar group McLaren to cut 1,200 jobs across group amid pandemic
    แมคลาเรน กรุ๊ป กลุ่มบริษัทผลิตรถซุปเปอร์คาร์ชื่อดังระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ประกาศปลดพนักงาน 1,200 คน หรือกว่า 15% เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจรถซุปเปอร์คาร์ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งการปลดพนักงานมากถึง 1,200 คนครั้งนี้ จะกระทบแทบทุกฝ่าย เช่น ธุรกิจรถยนต์และรถแข่ง สายงานเทคโนโลยีรถซุปเปอร์คาร์ การตลาด เป็นต้น
    สำหรับการปรับลดค่าใช้จ่ายของแมคลาเรน กรุ๊ป ในครั้งนี้ เกิดขึ้นกับทีมรถแข่งสูตรหนึ่ง หรือ Formular One ของค่ายแมคลาเรนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านไป โดยตัดสินใจให้พนักงานลาพักงานจำนวน 70 คนจากทั้งหมด 800 คนในธุรกิจรถแข่งขันความเร็วสูงสูตรหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรง ทำให้เกิดการยกเลิกการจัดการแข่งขันรถแข่งสูตรหนึ่งทุกรายการทั่วโลก
    ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของแมคลาเรน กรุ๊ป ได้รับผลกระทบจากรายได้อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินมูลค่า 275 ล้านปอนด์สเตอริง หรือ 339,570,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 11,206 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจใหม่ในอนาคต

    6g_JwDBVBf_07xv2J2raoLmqx2n3fyuJ71nSRdcf2-MW&_nc_ohc=ljrhPj2b3DcAX9KQB6f&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    e7TSseNSitv1LBa5--FVFD-HGNCudEla5x1ZsfHmBcMi&_nc_ohc=xccy__bm1fYAX-3p0yr&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    cvS8mtOYx1ymd1AcHAGDOk_A4HYNBqbJh4g_GGe3vAfQ&_nc_ohc=aXsAvrklWZQAX82fx2c&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    KE2ze0MftKImRBurg2ZpvA49iT9xP5x1T8_d8zs-X-uT&_nc_ohc=5NTw10bgHA8AX9CJyoC&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    MisterBan
    8 ชม.

    May 27, 2020 ปลดข้ามชาติอีก 600 คน เมื่อโควิด-19 ในอินเดียทำคนร่วมเดินทางถอยห่างเรื่อยๆ
    อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ สตาร์ทอัพบริการร่วมเดินทางชื่อดังระดับโลก ยังคงเดินหน้าลดต้นทุนธุรกิจต่อเนื่องทั้งในสหรัฐ และต่างประเทศอย่างไม่สิ้นสุด โดยประกาศปลดพนักงานอูเบอร์ในประเทศอินเดียจำนวน 600 คน หรือราว 25% ของพนักงานทั้งหมดในอินเดีย การปลดพนักงานในครั้งนี้ จะกระทบถึงพนักงานในสายงานสนับสนุนบริการ และแผนกอื่นๆด้วย ในขณะที่คนขับรถอูเบอร์จะยังคงทำงานตามปกติ อย่างไรก็ตาม พนักงานที่ต้องออกจากงานในครั้งนี้ อูเบอร์ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ข้างหน้า และประกันเวชภัณฑ์เป็นเวลา 6 เดือนจากนี้ไป
    ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านไปนั้น อูเบอร์ เทคโนโลยีส์ ประกาศปลดพนักงาน 2 ครั้ง รวมกันทั้งสิ้น 6,700 คน สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่ระบาดอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มยาวนานต่อไป ทำให้ผู้โดยสารเลิกใช้บริการอูเบอร์จากมาตรการรักษาระยะห่าง และมาตรการปิดเมืองและภาคเศรษฐกิจในแต่ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดร่วมเดินทางในเอเชีย มีความสำคัญกับอูเบอร์อย่างมาก ปัจจุบัน อูเบอร์มีบริการร่วมเดินทางที่ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน ในขณะที่มีการยุติกิจการอูเบอร์ในไทย ดีดี้ในจีนแผ่นดินใหญ่ และแกร็บที่สิงคโปร์
    #อูเบอร์ #อินเดีย #โควิด19 #ปลดพนักงาน #ตกงาน #uber #india #jobcut #misterban #btimes #covid19

    sj8sMWP3fsZq-iswvIjBowrhFynOlWyDAqN0FVp0tDsx&_nc_ohc=_a-PPgE_5zkAX-9gdWS&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    TEDadl4SbL6tYiW-8ba435m7rf7cwti1oJdLXRS0sw5j&_nc_ohc=fyeS1c9fUYQAX-zkZbb&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    mtKeUDfODvcIT8C-MBCmsRIAxdkuYrhqViqnW00q7xQo&_nc_ohc=DhLlgVvlaPUAX-EvtqA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    dv7HfIiXvAUxh8EFAvs_3SKLi0rycAK2ZCvq0LPTu1kE&_nc_ohc=_c1qKbgsW_sAX8zZHXP&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ รอยเตอร์ ได้มีการรายงานว่า ทวิตเตอร์ได้ขึ้นแถบคำเตือนให้ “ตรวจสอบข้อเท็จจริง” ใต้ทวีตของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ทำให้ผู้นำสหรัฐ ฯ ออกอาการเดือดดาล และโจมตีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิต ว่ากำลังแทรกแซงศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดี
    .
    จากการเคลื่อนไหวดังกล่าว จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่ ทรัมป์ ใช้เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ผ่านการกลั่นกรองไปยังบรรดาฐานเสียงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยทวิตเตอร์ เริ่มมีนโยบาย การสกัดกั้น เฟคนิวส์ มากขึ้น หลังถูกวิจารณ์ เรื่องการควบคุมที่หละหลวมจนนำไปสู่การล่วงละเมิด การเปิดบัญชีปลอม และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
    .
    ซึ่งจากการที่ได้มีการ ขึ้นแถบคำเตือนให้ “ตรวจสอบข้อเท็จจริง” ใต้ทวีตของประธานาธิบดี ทรัมป์ ก็ได้ออกมาตอบโต้ทันควัน โดยกล่าวหาทวิตเตอร์ว่าพยายามแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 “ทวิตเตอร์กำลังปิดกั้นการแสดงคิดความเห็นอย่างเสรี และผมในฐานะประธานาธิบดีจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว
    .
    ทรัมป์ ซึ่งมีผู้ติดตามบัญชีทวิตเตอร์กว่า 80 ล้านคน ได้ทวีตข้อความดังกล่าว เมื่อวันอังคาร (26 พ.ค.) ว่า การโหวตทางไปรษณีย์ (mail-in ballots) จะเปิดช่องให้มีการทุจริต และนำไปสู่การโกงเลือกตั้ง และยังทวีตโจมตี แกรี นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในประเด็นนี้อย่างเฉพาะเจาะจง ทั้งที่แคลิฟอร์เนียไม่ใช่รัฐเดียวที่ใช้วิธีการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์
    .
    หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ทวิตเตอร์ ก็ได้ขึ้นแถบข้อความสีน้ำเงินใต้ทวีตทั้งสองของ ทรัมป์ โดยเตือนผู้อ่านให้ “ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโหวตทางไปรษณีย์” และเมื่อคลิกที่แถบดังกล่าวก็จะนำไปสู่เพจที่ทีมงานทวิตเตอร์ ได้รวบรวมข้อมูลไว้
    .
    โดยมีหัวข้อระบุว่า “ทรัมป์ กล่าวอ้างโดยไร้หลักฐานว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะนำไปสู่การทุจริต” ตามมาด้วย “สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้” ซึ่งเป็นการตอบโต้ข้อมูลของ ทรัมป์ ใน 3 ประเด็น
    .
    จากนั้นทรัมป์ ก็ยังได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการโหวตทางไปรษณีย์ลงในเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้อ่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่า 170,000 ข้อความ และถูกแชร์มากกว่า 17,000 ครั้ง แม้เฟซบุ๊กจะมีนโยบายลบเนื้อหาที่ให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือการลงทะเบียนผู้ใช้สิทธิ์ ทว่าโพสต์ของ ทรัมป์ กลับไม่ถูกดำเนินการใดๆ
    .
    อย่างไรก็ตามทางทวิตเตอร์ ยอมรับว่า การใส่แถบคำเตือนใต้ทวีตของ ทรัมป์ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “ต่อต้านข้อมูลปลอม” ที่บริษัทเริ่มนำมาใช้ในเดือนนี้ เพื่อสกัดการแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยมีแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมถึงข้อมูลที่ถูกโต้แย้ง หรือบิดเบือนในประเด็นอื่น ๆ ด้วย

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.telegraph.co.uk/news/2020/05/26/twitter-adds-fact-check-label-donald-trumps-tweets-first-time/

    https://www.vox.com/recode/2020/5/26/21271210/twitter-fact-check-trump-tweets-mail-voting-fraud-rigged-election-misleading-statements

    https://mgronline.com/around/detail/9630000055012
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion

    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะย้ายสถานที่จัดการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน (RNC) ในเดือน ส.ค. ออกจากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ไปยังรัฐอื่น หากฝ่ายบริหารท้องถิ่นไม่ยอมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อให้สมาชิกพรรคสามารถเข้าประชุมได้เต็มความจุของสนาม
    .
    การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ทั้ง ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ผู้สมัครเต็งหนึ่งจากพรรคเดโมแครต ต้องระงับการเดินสายหาเสียงในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าการจัดประชุมใหญ่เพื่อประกาศชื่อบุคคลที่จะเป็นตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาว อาจนำไปสู่การแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อนของโควิด-19
    .
    ทรัมป์ ทวีตข้อความวานนี้ (25 พ.ค.) ว่า หาก รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา ไม่ให้คำตอบในทันทีว่า “จะยอมให้คนเข้าประชุมเต็มความจุของสนามหรือไม่” พรรครีพับลิกันก็จำเป็นจะต้อง “หาสถานที่จัดการประชุมแห่งใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานและการพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วย”
    .
    พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันจะมีการจัดการประชุมใหญ่เพื่อเสนอชื่อตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. ซึ่งการประชุมนี้จะมีผู้เข้าร่วมนับหมื่นคน และมีการปราศรัยถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ โดยสำหรับพรรครีพับลิกันมีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองชาร์ล็อตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ในวันที่ 24 ส.ค.
    .
    สำนักงานของ คูเปอร์ มีถ้อยแถลงวานนี้ (25) ว่า “เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐกำลังประสานไปยังทีมงาน RNC โดยจะมีการทบทวนแผนต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่าจะจัดการประชุมที่เมืองชาร์ล็อตต์ได้อย่างไร รัฐนอร์ทแคโรไลนาจะยึดถือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของพลเมือง”
    .
    หลังจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความอีกครั้งว่าตน “ไม่มีแนวคิด” ที่จะจัดการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่สนามกอล์ฟ ทรัมป์ เนชันแนล ดอรัล ใกล้ๆ เมืองไมอามี โดยอ้างว่า “ห้องบอลรูมไม่ใหญ่พอ”
    .
    ทรัมป์ เคยยกเลิกแผนจัดการประชุมซัมมิต G7 ที่สนามกอล์ฟดอรัลเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคเดโมแครตว่า ประธานาธิบดีกำลังใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
    .
    รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ว่า คูเปอร์ จำเป็นที่จะต้องให้คำตอบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พรรครีพับลิกันมีเวลาตัดสินใจย้ายสถานที่จัดประชุมไปยังรัฐ “ซึ่งมีความก้าวหน้าในการเปิดเมืองไปไกลแล้ว”
    .
    สำหรับการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต (DNC) จะจัดขึ้นที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ในวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิมประมาณ 1 เดือน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
    .
    โฆษกหญิงของ DNC ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อต้นเดือนนี้ว่า ทางพรรคพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมให้มีความปลอดภัย

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9630000054600
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion

    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มีรายงานข่าวที่ทำให้คนไทยร่สวมภาคภูมิใจกันอีกแล้ว เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์วิจัยสัตว์ไพรเมท ซึ่งศูนย์นี้จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถที่จะเพิ่งพาตนเอง ในการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยพัฒนา ยา และวัคซีนต่างๆได้
    .
    ในอดีตประเทศไทยยังไม่เคยมีศูนย์วิจัยไพรเมทเกิดขึ้นเลย งานวิจัยหลายๆ อย่างจึงไม่สามารถถูกพัฒนาให้ไปใช้ในคน และไม่สามารถพัฒนาสู่ระดับอุตสาหกรรมได้ ซึ่งศูนย์วิจัยนี้ ตั้งอยู่ที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ยกระดับเป็นศูนย์แห่งขาติ เพื่อให้บริการนักวิจัย และหน่วยงานอื่นๆ ในประเทศ
    .
    ศ.สุจินดา มาลัยวิจิตรนนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศูนย์วิจัยไพรเมทอยู่เพียง 2 แห่งที่อินโดนีเชีย และฟิลิปปินส์ ที่ไทยต้องส่งตัวอย่างสารมาใช้บริการในราคาประมาณ 6 แสนบาทต่อตัว
    .
    การจัดตั้งศูนย์ฯ นี้ จึงถือเป็นแห่งแรกของไทย ที่นอกจากจะทำให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้ในด้านการผลิตยา และวัคซีนแล้ว ยังรองรับงานทดสอบ และวิจัยต่างๆ จากประเทศในอาเซียน ที่ขาดผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ และไม่สามารถตั้งขึ้นอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม
    .
    แตกต่างจากสหรัฐ เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ต่างก็มีศูนย์ไพรเมทเพื่อรองรับการวิจัย ซึ่งประเทศเหล่านั้นยกเว้นจีนไม่มีลิงในประเทศ แต่ใช้วิธีการนำเข้า ภายในศูนย์จะมีบุคลากร 44 คน ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานเลี้ยงลิง 19 คน
    .
    โดยพื้นที่ภายในประกอบด้วย อาคารวิจัย และปฏิบัติการ อาคารเลี้ยงลิงแบบกึ่งเปิดขนาดเล็ก 2 หลัง และอาคารขนาดใหญ่ 2 หลัง ปัจจุบันมีลิงแสมทั้งหมด 406 ตัวจากจำนวนที่สามารถรองรับได้ 1,000-1,400 ตัว
    .
    ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไทยแท้ที่มีถิ่นกำเนิดในไทย และเป็นลิงที่จับมาจากการแก้ปัญหากรณีพิพาทระหว่างคนกับลิง แล้วนำมาเพาะพันธุ์ ส่วนของอาคารวิจัยฯ รองรับงานวิจัยโรคไม่ติดเชื้อ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคความจำเสื่อมและโรคเบาหวาน และงานวิจัยโรคติดเชื้อ เช่น โรคไข้เลือดออก และซิก้า
    .
    ศ.สุจินดา กล่าวต่อว่า ภารกิจที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้คือร่วมกับจุฬาฯ ในการทดสอบวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเป้าหมายของศูนย์ คือ ปี 2565 จะเป็นศูนย์กลางของเอเชียด้านความร่วมมือ แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ศูนย์วิจัยไพรเมทอื่นๆ
    .
    จากนั้นในอนาคตจะเป็นศูนย์ชั้นนำระดับโลกโดยได้รับการรับรองจากเอแลค อินเตอเนชั่นแนล หรือ AAALAC international มาตรฐานสากลสำหรับการดูแล และใช้สัตว์ทดลองเพียงแห่งเดียวที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก
    .
    ซึ่งเราได้รับรองเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วน GLP คาดว่าจะยื่นขอได้ภายในต้นเดือน ส.ค. ที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกันมีโครงการที่จะก่อสร้างอาคารระดับวิจัยโรคติดเชื้อทางอากาศ ABSL 3 เพื่อการวิจัยโรคติดเชื้อทางอากาศ จึงต้องเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมในการนำเข้า Module ABSL 3 จากสิงคโปร์

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882199?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=business
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion

    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอเอฟพี - กระทรวงสาธารณสุขบราซิล ยืนยันวานนี้ (25 พ.ค.) ว่า ยังคงแนะนำให้ใช้ยาไฮดร็อกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine) ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อมาลาเรียรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่อไป แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะออกมาเตือนความเสี่ยงร้ายแรง และประกาศระงับการทดลองใช้ยาตัวนี้กับผู้ป่วยโควิด-19 แล้วก็ตาม
    .
    ฌาอีร์ โบลโซนารู ผู้นำขวาจัดบราซิล เดินตามรอยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในการออกมาโฆษณายกย่อง ‘ไฮดร็อกซีคลอโรควิน’ และ ‘คลอโรควิน’ ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเดียวกันว่าสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้ผลดี
    .
    อย่างไรก็ตาม งานวิจัยหลายชิ้นยังคงตั้งคำถามว่า ยาตัวนี้ปลอดภัยและรักษาโควิด-19 ได้ผลจริงหรือไม่ ขณะที่ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ The Lancet เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (22 พ.ค.) เตือนว่า การให้ยาไฮดร็อกซีคลอโรควินกลับยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ผู้ป่วยโควิด-19 จะอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
    .
    ผลวิจัยดังกล่าวทำให้ WHO ออกมาประกาศระงับการทดลองให้ยาไฮดร็อกซีคลอโรควินในผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกเมื่อวานนี้ (25)
    .
    ไมรา พิเญโร เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขบราซิล แถลงต่อสื่อมวลชนว่า “เราไม่รู้สึกตื่นตระหนก และไม่มีแผนเปลี่ยนแปลง” คำแนะนำที่ประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขบราซิลได้ออกคำแนะนำให้แพทย์สั่งยาคลอโรควิน หรือ ไฮดร็อกซีคลอโรควิน ให้กับผู้ป่วยที่เริ่มแสดงอาการของโรคโควิด-19 โดยคำแนะนำนี้ถูกประกาศเพียงไม่นานหลังจากที่รัฐมนตรีสาธารณสุข เนลสัน เทช (Nelson Teich) ตัดสินใจยื่นใบลาออก เนื่องจากรับไม่ได้ที่ โบลโซนารู ดึงดันจะให้ใช้ยาดังกล่าวกับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งที่ไม่มีงานวิจัยรับรองประสิทธิภาพของมัน
    .
    เทช เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขคนที่ 2 ของบราซิลที่ลาออกภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน
    .
    สถานการณ์การแพร่ระบาดในบราซิลจัดว่ารุนแรงที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมวันนี้ (26) พุ่งเฉียด 375,000 ราย รั้งอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 23,000 ศพ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสถิติเหล่านี้อาจจะยังต่ำกว่าตัวเลขที่แท้จริงมาก

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9630000054747
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion

    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นเผยงบประมาณพิเศษรอบสอง 2.96 แสนล้านดอลล์กู้วิกฤตโควิด-19
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า งบประมาณพิเศษรอบที่สองสำหรับปีงบประมาณ 2563 จะมีมูลค่า 31.91 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.96 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ทั้งนี้ งบประมาณพิเศษซึ่งจะครอบคลุมโครงการต่างๆมูลค่า 117 ล้านล้านเยน เพื่อช่วยเหลือภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นภายในวันนี้
    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวในที่ประชุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสมาชิกของพรรครัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะมีมูลค่ากว่า 230 ล้านล้านเยน หากรวบกับเม็ดเงินในมาตรการต่างๆ ที่ระบุในงบประมาณพิเศษรอบแรกสำหรับปีงบการเงิน 2563 ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า คณะบริหารของนายอาเบะตั้งความหวังว่า งบประมาณเสริมพิเศษนี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาไดเอทภายในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ก่อนที่สมัยประชุมรัฐสภาปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 17 มิ.ย.
    ภายใต้มาตรการต่างๆ นั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องการจ่ายค่าเช่าของบริษัทขนาดเล็กและเจ้าของธุรกิจที่ขาดแคลนเงินทุน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 2 ใน 3 ของกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และจะให้ความช่วยเหลือเป็นเวลา 6 เดือนในวงเงินไม่เกิน 6 ล้านเยน โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถดำเนินการต่อไปได้
    นอกจากนี้ รัฐบาลจะมอบเงินสด 200,000 เยนให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่แนวหน้าในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และมอบเงินสด 100,000 เยนให้กับพนักงานทุกคนของสถาบันทางการแพทย์ที่ทำงานด้านการรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19
    ที่มา ryt9

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อ QE มันดีขนาดนี้ ทำไมแต่ละประเทศไม่ใช้แบบจัดหนักมาตั้งแต่ก่อนมี CoVID-19

    ปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นสวนทางกับสภาพธุรกิจจริงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน และความแตกต่างนี้น่าจะฉีกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผมขอเรียกสภาวะนี้ว่า "ฟองสบู่รอวันระบาย"

    เท่าที่หาข้อมูลมีจากสองปัจจัย
    - สภาพคล่องล้นโลกจาก QE ที่อัดก่อนอะไรๆจะล้มลงไป
    - ผลตอบแทนปันผลในตลาดสูงกว่าฝากธนาคาร (แต่นั่นคือกำไรของปีก่อนๆ ถ้าเอาปีนี้ ปันผล บางตัวอาจจะไม่มีให้แถมจะขอเงินผู้ถือหุ้นมาเพิ่มทุนด้วยซ้ำ)

    ภาพธุรกิจจริง
    1) GDP ติดลบพร้อมกันทั่วโลก

    2) คนตกงานหลายสิบ-ร้อยล้านคน พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และยังคงไม่มีงานครบทุกคนจนกว่าจะมีวัคซีน ไปอีก 6-9 เดือนจากนี้

    3) กำลังซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ - รถยนต์หายไปทั่วโลก

    4) อุตสาหกรรมการบิน ขาดทุน จอดแช่ไว้อย่างนั้น ต้องเพิ่มทุนกันทั่วโลก

    5) ธนาคาร และบริษัทสินเชื่อกำลังนับถอยหลัง เข้าสู่การจัดชั้นหนี้เสียก้อนใหญ่ครั้งนึงในรอบหลายสิบปี

    ภาพตลาดหุ้น
    1) ตลาดใหญ่กลับมา +40% และบางดัชนีขึ้นมาเทียบเท่าก่อนมี CoVID แล้ว

    2) หุ้นหลายตัวทำ All Time High เหมือนอย่างกับไม่เกิด CoVID-19 เลยในชีวิต

    3) ที่น่าแปลกใจ คือ หุ้นโรงแรมบางตัว ราคาทะลุแรงยิ่งกว่าก่อนมี CoVID-19 ด้วยซ้ำ

    4) ความถ่างของราคาหุ้นและกำไรของบริษัทยิ่งมากขึ้น หากมองในปีนี้ ราคาหุ้นเท่าสิ้นปีก่อน แต่กำไรลดลง -50% แสดงว่า PE เทรดกันที่ 2 เท่าตัวจาก PE สิ้นปีก่อน

    คำถามที่เกิดขึ้นคือ ของดีอย่าง QE ที่ช่วยเลื่อนวิกฤตไม่ให้เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ แถมยังสร้างเงินสดส่วนเกินมาไล่ราคาหุ้นในตลาดเพิ่มความมั่งคั่งให้คนได้ทั้งโลกอีก

    แถมยังสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยที่ค่าเงินดอลล่าไม่อ่อนตัวลงแต่อย่างใด

    ทำไมไม่อัด QE มาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 2562?

    แม้นักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ และกองทุนหลายคน จะออกมาแก้ตัวแทน FED อ้างเหตุผลต่างๆนานา เช่น
    - เดี๋ยวไม่มีกระสุนไว้รับวิกฤต (แล้วตอนนี้บอก Unlimited QE สบายๆ กระสุนไม่จำกัดจำนวน)

    - เดี๋ยวเกิดฟองสบู่แตกแบบ Dot Com ที่ราคาสินทรัพย์ขึ้นไปแต่ไม่มีกำไรจริงตามมาได้ทัน (แล้วสภาพตอนนี้ต่างกันตรงไหน?)

    หากทำ QE Unlimit มาตั้งแต่ปี 2561-2562 เราอาจเห็น GDP ของสหรัฐ +10% เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

    อาจได้เห็น ตลาด Dow Jone Index แตะ 50,000 จุด

    อาจได้เห็น ตลาดหุ้นไทย ทะลุ 3,000 จุด ได้อย่างสบายๆ ก็เป็นไปได้ หากปริมาณเงินที่อัดเข้ามาเต็มข้อ 4 ล้านล้านเหรียญ มาตั้งแต่ช่วงศก.ยังพอไปได้ และไม่มีเพดานกำหนด

    แสดงว่าอีกแง่หนึ่งนั้น มี "ข้อจำกัด" บางประการที่ FED หรือนักวิเคราะห์ หรือกองทุน ไม่ได้พูดถึง หรือรู้แล้วแต่ไม่ยอมพูดออกมา เพราะกลัวคนขาดความมั่นใจ

    หรือจริงๆแล้ว FED เองทำไปโดยไม่ได้รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะไปจบลงตรงไหน
    ==========================================
    ในเมื่อเงินที่อัดเข้ามา 100 บาท ถูกใช้ในตลาดทุน/ตลาดตราสารหนี้ 80 บาท และถูกใช้ในภาคธุรกิจจริงเพียง 20 บาท (อัตราส่วนการไหลของเงิน 4 : 1 ตามที่ผมตีไว้ในกระทู้ก่อนๆ)

    สิ่งที่คนกำลังอ้างเหตุที่ FED ไม่ทำ QE มาตั้งแต่เริ่มแรก ปัจจุบันข้ออ้างนั้นกำลังยอกย้อนกลับมา และสิ่งกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วที่เราเรียกกันว่า "ฟองสบู่รอวันระบาย" กำลังเกิดขึ้น

    ได้แต่หวังว่ากำไรของเงิน 80 บาท ที่คนกลุ่มนึงฟันกำไรได้อย่างงดงามในตลาดขาขึ้นรอบนี้ (เงินอาจจะกลายเป็น 120 บาทแล้วสำหรับบางคน) จะถูกนำออกมาใช้จ่ายในภาพ เศรษฐกิจจริง สัก 50-70 บาท ตามประสงค์ของ QE บ้างก็ยังดี

    เมื่อทฤษฎีเก่าที่ว่า "กำไรของกิจการคือเจ้ามือตัวจริง" ที่เห็นผลมาตั้งแต่ ดอทคอม พลังงานทดแทน ซัพไพรม์ คริปโต หุ้นเครื่องสำอางค์ ทีวีดิจิตอล และอีกหลายเคสในอดีต

    กำลังถูกท้าทายด้วยทฤษฎีใหม่ "QE คือเจ้ามือตัวจริง"

    เรามาดูตอนจบกันว่า

    Earning จะพุ่งเป็น V Shape ไล่ตามราคาขึ้นได้ทัน(ฟองสบู่ไม่แตก) (ด้วยพลังเงิน 20 บาท)

    หรือ ราคาจะไหลลงลงมาแบบ A Shape ตาม Earning ที่แท้จริง(ฟองสบู่แตก) (พลังเงิน 20 บาทอุ้มศก.จริงไม่ไหว)

    ประวัติศาสตร์กำลังจะสั่งสอนบทเรียนราคาแพง กับคนสองกลุ่มใหญ่ในเร็วๆวันนี้

    คือ คนตกรถ แบบแอดมิน T T รวมถึงนักลงทุนรุ่นใหญ่หลายๆคน เฮดฟัจน์หลายเจ้า และวอเรน บัฟเฟต

    กับ คนที่เชื่อในพลัง QE มากกว่ากำไรของธุรกิจอย่างกองทุนหลายกอง และนักลงทุนหลายคนครับ FACE_WITH_COLON_THREE.png

    Cr: SoloInvestor
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    KingWorldNews
    China Is Going To Unleash The Gold Price Along With A New Monetary System

    จีนกำลังจะปลดปล่อยราคาทองคำ พร้อมกับการเงินระบบใหม่

    Dr. Stephen Leeb May 25, 2020

    นักลงทุนที่มีความสนใจอยู่ในทองคำ คงต้องตั้งคำถามในใจ : โรคระบาดที่เริ่มที่จีนและต่อมาก็กวาดข้ามทวีปไปทั้งโลก มันไปกระทบกับทองคำได้ยังไง

    ถ้าจะให้เดา มันก็แค่ไปเร่งสิ่งที่มันพร้อมจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว นั่นคือ จีนกำลังเตรียมการส่งให้ราคาทองคำทะยานขึ้น

    โรคระบาดก็แค่ช่วยให้ง่ายขึ้นสำหรับจีนที่จะขยายจากจุดที่จีนเป็นผู้นำอยู่แล้ว เพื่อบอกให้โลกตะวันตกรู้ว่าระบบเงินรีเสิร์ฟน่ะ หน้าตาเป็นยังไง ..และจีนก็จะใช้ข้อได้เปรียบนี้สร้างระบบการเงินใหม่ที่คงจะเป็นตะกร้าเงินสกุลต่าง ๆ ที่แน่นอนว่าจะต้อง ...backed by gold

    ผมเดาว่าในที่สุดแล้ว นี่จะดันราคาทองคำขึ้นไปถึง $20,000

    การแก้ปัญหาของโลกในเรื่องไวรัส..กลับเป็นการสร้างเรื่องยุ่งยากมากมาย และโลกก็อาจจะเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ที่คาดไม่ถึง ....และถ้ายิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ทองคำน่าลงทุนมากขึ้นเท่านั้น

    ข้อลึกลับข้อหนึ่งในระหว่างที่การระบาดยังคงต่อเนื่องอยู่ ก็คือทำไมผลที่เกิดขึ้นของโรคระบาดกับโลกตะวันออกและโลกตะวันตกถึงได้แตกต่างกันอย่างนั้น ตะวันตกราวกับถูกทุบหัวด้วยค้อน..ในขณะที่ตะวันออกแทบไม่เป็นอะไรเอาซะเลย แน่นอนที่ว่าสหรัฐสามารถรับมือกับไวรัสได้ดีกว่า แต่ข้อด้อยในการตอบโต้ดูเหมือนจะเทียบกันไม่ได้เลย ระหว่างทั้งสองโลก และมันก็ไม่ใช่แค่สหรัฐเท่านั้น แต่มันเป็นทั้งโลกตะวันตก...ไล่ไปตั้งแต่ยุโรปตะวันออกไปยันแคลิฟอร์เนียเลย

    ข้อที่น่าจะเป็นเหตุผลก็คือ มันอาจจะเป็นคนละสายพันธ์ก็ได้ ...เพราะจากผลล่าสุด ประเทศประชาธิปไตยในตะวันออก ออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น รวมกันแล้วมีผู้เสียชีวิต 1,700 คนจากประชากร 260 ล้านคน ...แต่ที่ศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐที่เดียว นิวยอร์คซิตี้ ก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 26,000 คน ต่อประชากร 19 ล้านคน .....และในเยอรมันที่ไม่ใช่ศูนย์กลางการระบาด ก็ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5 เท่าในขณะที่มีประชากรน้อยกว่าหนึ่งในสาม ...เหตุผลของข้อแตกต่างนี้ เราคงจะไม่มีวันได้รู้

    ความง่ายในการจัดการกับไวรัสของโลกตะวันออก..ไม่ว่าจะเพราะอะไร ทำให้ประเทศเหล่านั้นยังคงอยู่ใน a better shape ที่จะเดินหน้าต่อไปสบาย ๆ ...แต่นี่จะเป็นเหตุผลที่เชื่อได้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐจะเกิดขึ้นมากกว่า ในประวัติศาสตร์ก็เคยแสดงให้เห็นมาแล้ว เมื่อปี 1918 ที่มีการระบาดที่เลวร้ายที่สุดคือ Spanish Flu มีผู้เสียชีวิตในอเมริกาถึง 675,000 ..ถึงกระนั้น เศรษฐกิจก็โตไปถึง 9% แต่มันก็มีส่วนของสงครามโลกเข้ามาเกี่ยวอยู่ด้วย

    Growing Hostility Towards China Over Pandemic

    บทสรุปที่ไม่ดีเลยตอนนี้ก็คือ การมุ่งร้ายต่อจีนที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ..การโฟกัสให้จีนเป็นศัตรู ป้ายสีว่าจีนกำลังมุ่งร้ายต่อสหรัฐ ซึ่งเป็นการทำให้เกิดความเป็นหนึ่งในหมู่ประชาชนอเมริกัน ที่อาจจะทำให้เหมือนอยู่ในสถานการณ์สงคราม..เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ .....แต่มันก็จะทำให้หนทางที่ร่วมมือกันของทั้งสองประเทศในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น หายไปหมดเลย

    ผมไม่เคยเชื่อว่าจีน..ซึ่งยังมีข้อด้อยอยู่ จะมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เข้าครอบครองโลก ...การทำงานร่วมมือกับจีน เป็น option ที่ดี มากกว่าที่จะมองว่าจีนเป็นศัตรู

    ถ้าจะมองถึงเรื่องประชาธิปไตย หรือสิทธิมนุษยชนในจีน ก็น่าจะมองไปที่พันธมิตรที่เข้มแข็งที่สุดของสหรัฐ มานานกว่าครึ่งศตวรรษด้วย นั่นคือซาอุดิอารเบีย ที่ไม่มีทั้งประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพ แต่สหรัฐก็ทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องเหล่านั้นเลย และยังมีอีกหลายประเทศที่สหรัฐทำงานร่วมกันอยู่ก็แบบเดียวกัน

    ลองมาเปรียบเทียบกันดูในเรื่องการฟื้นฟูของแต่ละประเทศ สหรัฐได้ใช้เงินจำนวนมากแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแค่จะให้เศรษฐกิจของประเทศยืนอยู่ได้ ให้แน่ใจว่า อาหารและที่อยู่อาศัยยังคงมีเพียงพอ และโครงสร้างพื้นฐานยังคงใช้การได้

    แต่จีน หลังจากควบคุมโรคระบาดไว้ได้อยู่มือ ประกาศถึงรายจ่ายโครงสร้างพื้นฐานถึงครึ่งล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณหกปีที่ $2.5 ล้านล้าน โครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่จะใช้เทคโนฯระดับสูง และไม่ใช่สร้างแบบหลงทิศทาง แต่จะเป็นไปตามเศรษฐกิจดิจิตัลและพลังงานรูปแบบใหม่ ...ตั้งแต่สถานีชาร์จ EV ถึง 5G และ AI ...ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้ทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อ ลดและกำจัดความยากจนที่มีอยู่ในประเทศจีน

    เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ได้ยินฝ่ายสหรัฐออกมาพูดจาวางโต แต่ก็มีแววสิ้นหวังถึงเรื่องของบริษัท Taiwan Semiconductor ซึ่งมีโรงงานหลายโรงในจีน จะได้รับอนุญาตให้ผลิตชิปให้หัวเหว่ยได้หรือไม่ ....หัวเหว่ยดูเหมือนจะไม่ได้สูญเสียอะไรเลย ถึงแม้จะถูกแซงค์ชั่นจากสหรัฐ

    A New Monetary System

    จีนยังคงก้าวต่อไปในการพัฒนาระบบการเงินใหม่ จีนได้มีการทดสอบเงินดิจิตัลซึ่งจะเข้ามาแทนที่เงินกระดาษไปแล้ว เงินดิจิตัลจะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบการหมุนเวียน ผมหวังว่าเงินดิจิตัลนี้จะหนุนหลังด้วยทองคำ และมันจะใช้คุณสมบัติที่หลากหลายของบล็อกเชน ในการจัดการ และทำความสะดวกให้ในการค้าระหว่างประเทศ

    การเทรดทองคำของจีนเป็นลักษณะของ physical gold ซึ่งนี่เป็นเรื่องตรงประเด็นที่สุด ไม่เหมือนกับตลาดทองคำในสหรัฐหรือลอนดอน ซึ่งเต็มไปด้วยสัญญาฟิวเจอร์ที่ rollover ไปเรื่อย ๆ หมายความว่า มีการส่งมอบทอง physical น้อยมาก ...ตลาดทองคำของสหรัฐเป็นของนักเก็งกำไรในขณะที่ตลาดของจีนเป็นของนักลงทุน

    ประเด็นคือ ชาวจีนและชาวต่างชาติมีตลาดที่พร้อมแล้วสำหรับการแลกเปลี่ยนทองคำและเงินหยวน เป็นเหตุผลที่ทำให้เราเห็นว่าเงินหยวนหนุนด้วยทองคำแล้วในทางอ้อม ...และเมื่อเกิดเป็นเงินดิจิตัลแล้ว ก็จะเข้าใกล้การหนุนด้วยทองคำอย่างเปิดเผย

    Gold standard ในเวอร์ชั่นอดีตเป็นการ fix มูลค่าของทองคำ แต่ในระบบใหม่นี้มีการออกแบบให้เป็นไปตามจำนวนที่เพิ่มหรือขาดแคลนลง ....ทองคำซึ่งเป็นสิ่งที่โลกตะวันตกพากันละเลยไม่ให้ความสนใจ ในไม่ช้าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าจากมูลค่าปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาที่มันเข้ามาหนุนการค้าระหว่างประเทศ และสกุลเงิน

    คำถามที่ค้างคาอยู่ก็น่าจะเป็นว่า แล้วสหรัฐจะเข้าร่วมหรือเปล่าล่ะ แค่เรื่องของโรคระบาดก็ย้ำให้เห็นถึงความสิ้นท่าต่อจีนซะแล้ว ....สหรัฐเป็น No.1 มาเป็นเวลานาน แต่ผมคิดว่าสหรัฐก็ไม่ควรจะยึดติดอยู่สถานะนี้นัก เพราะมันจะ backfire เอาได้ ......ที่จริง มันก็ไม่เลวนักหรอกถ้าจะอยู่กับจีนในฐานะของโลกสองขั้วอำนาจ มันอาจจะเป็นการดีที่จะให้เวลาซ่อมอะไรต่ออะไร ที่ทำให้สหรัฐกลายเป็นตัวล้าหลัง .....จีนมีการย้ำว่าพร้อมและเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐ และก็พร้อมที่จะต่อต้านอะไรก็ตามที่ไม่ถูกต้อง

    เรื่องหนึ่งที่ผมสามารถจะแน่ใจได้ ..ไม่ว่าจะใน scenario ไหนก็ตาม ทองคำจะมีอนาคตเป็นดาวเด่นในระยะยาว

    ****************

    KingWorldNews
    China Is Going To Unleash The Gold Price Along With A New Monetary System

    Dr. Stephen Leeb May 25, 2020

    Investors who have long had a particular interest in gold are surely asking themselves: How does the pandemic that originated in China and swept through the world impact the outlook for the metal?

    My assessment? It will only speed up what already was inevitable, i.e., China’s forward march in ways that will send gold soaring.

    The pandemic will make it easier for China to broaden its already sizable lead over the West in all those characteristics that position an economy to define what a monetary reserve system should look like. And China, as I’ve been arguing, will use that edge to create a new monetary system that will likely be a basket of currencies but that certainly will be backed by gold.

    I’m still guessing that ultimately this will lift gold to $20,000 or so. But one lesson everyone should take away from this pandemic is humility. The world throws a lot of curve balls, and the world could change in any number of unforeseen ways. Still, the more unexpected changes, the more likely that gold will be the one investment that’s utterly essential to own.

    One mystery as the pandemic has progressed has been why there has been such a dramatic difference in how it has impacted East and West. Whether from Kismet or some unknown malice, the West has been hammered while the East has been relatively unscathed. The U.S. no doubt could have handled the virus better. But any shortcomings in our response don’t seem nearly commensurate with the massive difference between East and West. And note it’s not just the U.S. that has been far harder hit than the East; so, has the entire West, spanning Eastern Europe to California…

    A plausible possibility is that there were two strains of the virus. At last count, the developed democracies in the East – Australia, South Korea, Japan, etc. – had suffered about 1,700 deaths out of about 260 million people. The New York City metropolitan area, the epicenter in the U.S., which is where I live, has seen 26,000 deaths in a population of 19 million. And in Germany, a positive outlier in the West had nearly 5 times the number of deaths in the Easter democracies with less than 1/3rd the population. These differentials beg for thorough exploration, though it’s possible we never will know for sure what accounts for it.

    The East’s easier time with the virus, whatever the explanation, has left it in better shape going forward. That is good reason to believe that economic growth is going to resume in the U.S., and likely strongly, because it’s the only shot we have to hold our own against China. History shows that growth even in the midst of a devastating virus is possible. In 1918 the Spanish flu, the worst pandemic in recent history, resulted in 675,000 U.S. deaths. Yet while that was happening, the economy grew at a 9% pace, thanks in large part to the war effort.

    Growing Hostility Towards China Over Pandemic

    One very disturbing upshot of the pandemic is the growing hostility here towards China, which is becoming more evident daily. Focusing on China as our enemy, painting it as an existential threat to the U.S. will foster unity in the U.S. It could lead to a war-like effort to grow our economy – but at a horrid cost that would likely be self-defeating and which could abort all the ways in which the two countries could find areas of cooperation that could make the world a better, safer place. I don’t believe that China, with all its faults, is aiming for global hegemony. Working with China wherever possible seems a much better option than taking positions that ensure that China does indeed become our implacable foe.

    For anyone who says, yes, but what about China’s human rights record, what about its treatment of Muslims, what about whatever, I won’t argue. There’s plenty to deplore. But that still shouldn’t make it impossible to find some common ground. Just consider that one of our strongest allies in the past half century has been Saudi Arabia, hardly a bastion of democracy, humanism, and freedom. Yet we seem to have no problem overlooking its flaws. You could say the same about a lot of other countries we work with.

    Let’s look more closely at where the countries are vis-à-vis recovery from the pandemic. The U.S. has been spending unheard-of amounts of money essentially just to keep the economy afloat, to ensure that food and shelter remain available and that the economy’s basic infrastructure remains intact. China, with the pandemic under control, has announced 2020 infrastructure expenditures of over half a trillion dollars which is part of a $2.5 trillion-dollar six-year budget. A large chunk of this infrastructure will be dedicated to new technology, not bridges to nowhere – to the digital economy and to new energies – everything from EV charging stations to 5G to AI. At the same time, the government is allocating massive sums to further reducing, and in fact eliminating, absolute poverty anywhere in China.

    It is sad to hear the U.S. bluster, somewhat desperately, about whether Taiwan Semiconductor, which has several factories in mainland China, will be allowed to manufacture chips for Huawei. Consider that Telus, a major Canadian telecom, brags in its investor material that it has an edge in 5G thanks to its use of Huawei chips. Huawei, it seems, isn’t losing much if any ground despite U.S. sanctions.

    A New Monetary System

    China continues to take steps toward the development of a new monetary system. The country is testing the first sovereign digital coin, which will completely replace paper money. As a digital currency, the amount in circulation will be easy to monitor. I expect the coin to be implicitly or explicitly backed by gold. It will use a variation of blockchain to manage it and will facilitate trade with other countries. Very pertinent is that China’s gold trading is settled in physical gold, in contrast to the U.S. and London gold markets, where contracts are almost always rolled over, meaning settlement is rarely in gold. Loosely speaking our gold markets are largely for speculators while China’s are for investors. The point is that the Chinese along with some foreigners already have a ready way of exchanging yuan for gold – making it reasonable to see the yuan as already implicitly backed by gold. With the digital coin, that backing will be closer to being explicit.

    What I have said so far is based on reliable news sources ranging from the Asia Times to Bloomberg to the Wall Street Journal. I would speculate that what’s true as well is that as a result of the pandemic, the Saudis are now accepting yuan in exchange for oil. Even Bloomberg carried an opinion piece noting that low oil prices would give the Chinese the leverage to pay for Saudi oil in yuan. This is a natural and critical step that I expected would follow the successful launch of the futures contract in Eastern oil. That contract has proved useful as establishing the price for Eastern oil, though in common with other oil exchanges the purpose is more price discovery than the actual exchange of yuan for oil.

    Unlike past versions of a gold standard in which gold’s value was fixed, the new system will be designed to readily allow for growth and to allocate scarcities. Growth and scarcities are natural bedfellows in a world in which two trends will accelerate: faster-paced growth by the entire emerging world along with a transition to renewable resources. The yellow metal, which by and large Westerners ignore, in time will be valued many times higher than today as it comes to back up much of international trade as well as internal currencies.

    The unanswered question is whether the U.S. will participate. The pandemic is accentuating U.S. desperation about China. While we’ve been No. 1 for a long time, I think we’d be well served not to insist on retaining that status – an insistence likely to backfire – but rather to understand that sharing hegemony with China in a multipolar world isn’t such a bad thing for us. Indeed, it could offer us an opportunity to fix many of the failings that have left us a laggard. China has emphasized it is willing to work cooperatively with us, and to reflexively reject that possibility would be woefully, and possibly tragically, misguided.

    But whatever approach we end up following, and for all the uncertainties that should keep us all humble, the one thing that I would bet on – under any conceivable scenario – is that gold will be having a long-term star turn.

    Cr : Sayan Rujiramora
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - 在東京タイ王国大使館

    1f9d0.png 1f4cc.png กรอกแบบฟอร์มขอรับเงินเยียวยา 100,000 เยน จากรัฐบาลญี่ปุ่นทำอย่างไร 1f1ef_1f1f5.png
    สามารถรับชมคลิปวีดิโอภาษาไทย แนะนำการกรอกแบบฟอร์มฯ ซึ่งจัดทำโดยเครือข่ายเน็ตเวิร์ค สวัสดีซากะ (คนไทยในซากะ) และคำแปลแบบฟอร์มฯ เป็นภาษาไทย จัดทำโดยกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น
    2b07.png 1f5b1.png คลิกเพื่อรับชมคลิปวีดิโอ
    https://soeasy.tokyo/movies/21776?fbclid=IwAR1kE-INQGQ5qGf6J4q_xqOAPV-k8QFGPJY0DNKKh2dQqQgXPpzkqdX4x6Q
    สอบถามรายละเอียดการขอรับเงินเยียวยาดังกล่าวเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น ที่ 0570-011-630 หรือดูรายละเอียดจาก Facebook ของเครือข่ายเน็ตเวิร์ค สวัสดีซากะ (คนไทยในซากะ)

    eR7g_yLVLWfpoaztBLWlL5nsf-IqKuDZaDo5fG-UPCOp&_nc_ohc=eRxlzriSxlYAX8mjFVU&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    xHL0ERBIWnSicdKP8JHtFV1yhkm0J7QmxQDRJnSpT_oy&_nc_ohc=9xLDVeWuyVoAX-Nn1ye&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    ByQi7sx6U1dhsrwIM6GUX0Z5NGOIeKOrzuU0ednrJm2_&_nc_ohc=17PcKL1WbVQAX9_lJqD&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    LsB2QX7xB-0KnfxQmUz-cV6LCdMNxEQ0JxLYrxjhF4gx&_nc_ohc=7K_VQnkG1jMAX8zrM61&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    0VU936Av_jjX4aSMmvNwTf75AV-x5PaZmxQpYjUprp8-&_nc_ohc=KtmCtwuVp3gAX8pa4kJ&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    jYMuEv82BZTOAxuZtWCbBWevj2DxTOBk33JqJj_cdaoC&_nc_ohc=6ynQrvDUD8EAX-t7NYN&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    KXHUlxhiaYDC1Rc_jem5HSemV81wEYq3N3x1z9CMAEgN&_nc_ohc=bgWak-DnsCYAX-8-2Gu&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    ImNROCAMWkJAP-nzmD34qF2lrQjMjvbbivp6TyA5-CXS&_nc_ohc=RuGEo4zEbNwAX_oGK50&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aroonrat Preamsiriampai

    #ปฏิบัติการณ์ยึดกรุงทริโปลี2020
    #ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสมรภูมิตัวแทนที่ลิเบีย
    เมื่อหัวค่ำวานนี้ 25 พฤษภาคม สำนักข่าว Aljazeera ได้นำเสนอคลิปอ้างอิงจากแหล่งข่าวท้องถิ่นในกรุงทริโปลี ที่เห็นกองทหารรับจ้างของรัสเซีย ราวๆ 1,500 นาย รีบถอยพลออกจากกรุงทริโปลีเป็นทิวแถว โดยมีเครื่องบินทหาร Antonov 23 มารับกลุ่มทหารรับจ้าง ที่เรียกว่าพวก Wagner ออกไปจากสมรภูมิกรุงทริโปลี โดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
    แต่ทางแหล่งข่าวของลิเบียให้ข้อมูลว่า น่าจะมุ่งหน้าไปทางเมืองจูฟรา ที่อยู่ทางด้านตะวันตกของทริโปลี และเป็นฐานที่มั่นของกองทหารแห่งชาติลิเบีย หรือ LNA
    ย้อนรอยความขัดแย้งกันสักเล็กน้อย ตอนนี้ ประเทศลิเบียกำลังเกิดสงครามชิงเมืองทริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย ระหว่างกองทัพแห่งชาติลิเบีย หรือ Libyan National Army (LNA) ที่นำโดยนายพลเฒ่า คาห์ลิฟา ฮาฟตาร์ กับรัฐบาลกลาง Government of National Accord (GNA) รัฐบาลปรองดองแห่งชาติที่ทาง UN ให้การรับรองอยู่
    เรื่องราวของการตั้งรัฐบาลปรองดอง (GNA) ประวัติของสิงห์เฒ่า คาร์ลิฟา ฮาฟตาร์ รวมถึงสาเหตุเบื้องหลังที่ท่านนายพลฮาฟตาร์ ยกพลทหารจากเมืองโทบรัค มาปักหลักตีเมืองทริโปลีนั้น เคยเขียนแชร์ไว้แล้ว ย้อนอ่านได้ที่โพสต์นี้ค่ะ

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10157151838458637&id=735823636
    สาเหตุที่นายพลฮาฟตาร์เปลี่ยนกองทัพแห่งชาติ กลายเป็นกองทัพกบฏ (หากมองในฝั่งของ UN) เนื่องจากท่านนายพลเห็นว่า แกเป็นคนที่อยู่แถวหน้าในการปราบปราม และขับไล่ผู้ก่อการร้าย ยึดคืนบ่อน้ำมันกลับมาเป็นของชาติได้ แกก็น่าจะได้สิทธิ์เป็นแกนนำในการกอบกู้ประเทศให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง
    ส่วนรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ GNA มีเพียงตรายางรับรองจาก UN แต่ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน และขาดกองกำลังป้องกัน จึงอยู่ในสถานะง่อนแง่น
    และหากนายพลเฒ่าเข้ายึดทริโปลี ศูนย์กลางการปกครองสุดท้ายของรัฐบาล GNA ได้ก็คือจบเกม
    แต่สงครามชิงเมืองกลับยืดเยื้อได้นานเป็นปีจนน่าประหลาดใจ
    ช่วงที่นายพลฮาฟต้าร์ยกกองทัพมาประชิดทริโปลี ประมาณเดือนเมษายน ปี 2019 หลังจากผ่านไปปีกว่า ท่านนายพลยังตีเมืองไม่ได้ แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย อิยิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรต หรือ UAE ถึงเขาจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องก็จริง แต่จะปฏิเสธยังไง ก็ในเมื่อกองทัพของท่านนายพลฮาฟต้าร์ ใช้บริการอาวุธ และเครื่องบินรบ S-1 ที่ส่งมาจาก UAE และทหารรับจ้างของรัสเซีย
    นอกจากนี้ สำนักข่าว Aljazeera ยังรายงานว่า ฝ่ายความมั่นคงของทั้ง UAE และ ฝ่ายฮาฟตาร์ยังนัดพบกันที่เมืองคาห์ทูม เมืองหลวงของซูดาน และยังพบว่ามีทหารซูดานถูกส่งไปเป็นการ์ดป้องกันบ่อน้ำมันในลิเบีย ที่ทาง UAE เข้าไปลงทุน ก็ยักย้ายให้ไปประจำการในกองทัพของฮาฟตาร์เฉย 1f605.png
    แต่การยึดเมืองทริโปลีกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด สิ่งที่ทำเป็นอุปสรรค คือตัวละครเพิ่มเข้ามา นั่นคือ ตรุกี
    ตุรกีแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่าจะสนับสนุนรัฐบาล GNA ที่ได้รับการรับรองจาก UN และมีการเรียกร้องในวงประชุมสมาชิก EU ให้แสดงท่าทีประนามกองทัพฝ่ายฮาฟตาร์
    ซึ่งปกติถ้าเป็นพื้นที่อื่นอย่างซีเรีย หรือ ไครเมีย ถ้ามีทหารรัสเซียแหยมมาให้เห็น มันต้องมีการขยับมาจากวง NATO โดยเฉพาะลูกพี่ใหญ่อย่างสหรัฐต้องมาแล้ว
    แต่สมรภูมินี้ ที่ลิเบีย กลับเงียบจนน่าแปลกใจ สื่อต่างประเทศให้ความสนใจน้อยมาก ทั้งๆที่ตลอดการสู้รบชิงเมือง มีชาวลิเบียต้องลี้ภัยออกนอกพื้นที่มากกว่า 140,000 คน
    ประเทศที่เป็นแกนนำในยุโรปอย่างเยอรมัน ออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายฮาฟตาร์ถอนกำลังออกไป แต่ก็ได้แค่พูด แต่ไม่ได้ทำอะไร
    ยิ่งฝรั่งเศสนี่ เงียบเลย
    จนตุรกีหัวร้อน ทนไม่ไหว จัดทหารรบ ส่งจากชายแดนซีเรียไปประจำการณ์ในลิเบียทันที
    สายเหยี่ยวต้องเจอสายเหยี่ยวด้วยกันถึงจะมันส์!
    ที่หลายชาติไม่อยากออกความเห็นเรื่องในลิเบียมากนัก นักวิเคราะห์ต่างชาติให้ความเห็นว่า อาจเป็นเพราะ UAE ที่เข้ามาสนับสนุนกองกำลังของนายพล ฮาฟตาร์ ทั้งด้านทหาร อาวุธ และเงินทุน อันเนื่องจากไม่ต้องการให้ลิเบียมีรัฐบาลที่เป็นฝ่ายของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม
    ซึ่งแกนนำคนในวงรัฐบาล GNA ของลิเบียนั้น มีสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิมอยู่ด้วย ที่อาจส่งผลเสียต่อ UAE ที่ได้เข้าไปลงทุนในบ่อน้ำมันในเขตอาฟริกาเหนือ รวมถึงในลิเบีย
    และ UAE ยังเป็นพันธมิตรสำคัญของซาอุดิอารเบีย และ สหรัฐ เลยทำให้การสู้รบในลิเบีย ค่อนข้างจางในหน้าสื่อ
    ส่วนรัสเซียนั้นมาอยู่แล้ว เพราะเรื่องผลประโยชน์ร่วมในบ่อน้ำมันเช่นกัน ถึงแม้รัสเซียจะอ้างว่าเป็นทหารรับจ้าง ไม่ได้สังกัดกองทัพรัสเซีย แต่ยังไงเคลมลินก็ต้องรู้ เพราะเจ้าของค่ายทหารรับจ้างเอกชนของรัสเซีย ก็เป็นคนสนิทของป๋าปูตินนั่นเอง
    ส่วนฝรั่งเศส มายังไงกับเขาด้วย? แลดูข้อใดไม่เข้าพวก
    แต่ก่อนหน้าที่จะมีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ GNA ที่เกิดหลังจากการลอบสังหารมูร์มา กัดดาฟี่ ลิเบียคือรัฐล้มเหลว กลายเป็นแดนดงดิบของผู้ก่อการร้าย จนกระทั่งการมาถึงของนายพลฮาฟตาร์คนนี้ ที่จัดกองทหารรบ ขับไล่ผู้ก่อการร้ายทั้ง ISIS อัลกออิดะห์ไปเกือบหมด และหนึ่งในประเทศที่เคยให้การสนับสนุนฮาฟตาร์คือ ฝรั่งเศส
    และจะไม่แปลกใจถ้ารู้ว่า นายพล ฮาฟตาร์เป็นคนของ CIA ที่เคยช่วยเหลือเขาจากการถูกขังลืมในประเทศแชด แล้วเอาตัวกลับมาเข้าโปรแกรมลี้ภัยในสหรัฐ จนปัจจุบันถือสัญชาติสหรัฐแล้วด้วยซ้ำ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับไปลิเบียเพื่อช่วยรุมยำกัดดาฟี่ในเวลาต่อมา
    แม้แต่ท่าทีของสหรัฐที่มีต่อสถานการณ์ในลิเบีย คือ ปล่อยเกียร์ว่าง เสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ เคยบอกว่า สหรัฐไม่มีหน้าที่อะไรในลิเบีย และฮาฟตาร์ก็เป็นกองทหารที่ช่วยปราบผู้ก่อการร้ายในพื้นที่
    และสำหรับสหรัฐแล้ว ฝ่ายไหนจะชนะก็ได้ทั้งนั้น เพราะคุมได้ทั้งคู่
    ดังนั้นสถานภาพของนายพล ฮาฟตาร์ จึงดูเหมือนพิเศษกว่าใคร ได้สิทธิ์คุ้มกันจากชาติมหาอำนาจมาก มาย และตัวนายพลฮาฟตาร์ก็ยึดพื้นที่บ่อน้ำมันอยู่ในมือเยอะมาก จะคุยกับใครก็ได้ 1f605.png
    แต่ตุรกีไม่ยอม เฮ้ย..เฮ้ย...เฮ้ย.. นี่มันกองทัพกบฏยึดประเทศนะเฟ้ย และอีกอย่างคือ ตุรกีนั้น สนับสนุนฝ่ายภราดรภาพมุสลิม และ ไม่กินเส้นกับรัสเซียตั้งแต่ในเขตพื้นที่ซีเรียแล้ว ตุรกีจึงไม่ลังเลเลย ที่จะส่งกองทัพเข้ามาสนับสนุนรัฐบาล GNA และจัดโดรนไล่ยิง ทำลายฐานทัพของกองทหารฮาฟตาร์ และรัสเซีย เสียหายเป็นจำนวนมาก ช่วยทหารฝ่าย GNA ผลักดันฝ่ายกองทัพของฮาฟตาร์ออกไปนอกเขตทริโปลี และยึดคืนเมืองในเขตของฮาฟตาร์ได้หลายเมือง
    แล้วคราวนี้ก็ได้ข่าวว่ารัสเซียถอนทหารออกมา หรือว่าฮาฟตาร์จะถอนแล้วหรือ?
    จะเรียกว่าถอนก็ไม่เชิง เรียกว่าถอยออกมาตั้งหลักดีกว่า เพราะหลายฝ่ายคาดว่า น่าจะมีการคุยกันหลังบ้านระหว่างรัสเซีย และตุรกี ให้ทหารรัสเซียถอยออกมาก่อน และอาจจะเปิดพื้นที่เพื่อมีการเจรจา?
    แต่ยังไม่มีใครรู้ว่า จะเจรจากันที่ไหน และเมื่อไหร่ ทั้ง 2 ฝ่ายยังปักหลักในที่มั่น เพื่อรอปฏิบัติการณ์ขั้นต่อไป
    และนี่ก็คือเรื่องราวปฏิบัติการณ์ยึดกรุงทริโปลี 2020 ที่เพิ่มความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ขึ้นไปอีก และไม่รู้ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร จะมีใครมาใหม่? จะมีใครเปลี่ยนข้าง? หรือจะมีตัวละครหน้าใหม่ ที่ดีดนิ้วครั้งเดียว วงแตกทั้งโลกอีกหรือเปล่า ก็ไม่รู้นะค้า 1f605.png
    แหล่งข้อมูล

    https://foreignpolicy.com/2020/04/21/libyan-civil-war-france-uae-khalifa-haftar/
    https://www.cnbc.com/2020/01/29/libyas-war-explained-khalifa-haftar-oil-cuts-uae-airstrikes-and-russian-mercenaries.html
    https://www.aljazeera.com/news/2020/01/libya-war-supporting-200104110325735.html
    https://www.aljazeera.com/news/2020/04/uae-officials-visit-sudan-rally-support-libya-haftar-200429193354885.html
    https://www.theguardian.com/world/2020/may/26/from-idlib-to-tripoli-turkeys-grab-for-influence-in-libya
    https://www.aljazeera.com/news/2020/05/russian-fighters-flown-western-libya-haftar-retreat-200524200905871.html

    Ml90tyRLWGrbtRWxHMZPqFszfHP3kMA1UQFUlnTMfeGm&_nc_ohc=63YlAdc9kcIAX9zLvbA&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    CCmpG4BQx1TjC6wBwXmwTJigxv4gJubRiwCEdHCum__r&_nc_ohc=oenGbsFvJPUAX8AI54W&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    IPXqQcFj9Bw5gKsBbjlwDPLwIQ0VgJ_QPBS-lqwMWJbC&_nc_ohc=G0M4wdiUSI0AX8Q6RFQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    U_3vmjHb8o6ae3ZNOhTww7UIORlriFEC3xR5EQHbL3A-&_nc_ohc=dur8ebQCfZMAX_FXzMQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    LNH8_yy0ZIyx0TgsMH0OubJNYq7yyW_2gSloQArHTWA5&_nc_ohc=cNuEq4z0ZP4AX_ueC6E&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คัดข่าว

    โรงเรียน 2 แห่งปิดอีกครั้งหลังเปิดได้ไม่ถึงครึ่งวัน
    QCv2eeo6YC90WtN&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fwww.abc.net.au%2Fcm%2Frimage%2F12286158-16x9-large.jpg
    โรงเรียน 2 แห่งใน New South wales ประเทศออสเตรเลียปิดหลังเปิดได้ไม่นานเพราะพบนักเรียนติดเชื้อ coronavirus(โควิด-19)
    โดยตอนสายของวันที่ 26 พฤษภาคม 2553ทางโรงเรียนก็ได้แจ้งให้ผู้ปกครองมารับบุตรหลานในวันเปิดเรียนวันแรก(แล้วปิดเลย) สำหรับผู้ปกครองที่มารับไม่ได้ทางโรงเรียนได้ตัดสินใจจ้างรถบัสเอกชนพานักเรียนกลับไปยังบ้าน
    ซึ่งทางสถาบันทั้ง 2 แห่งจะปิดตัวเองเพื่อทำความสะอาดจนถึงอาทิตย์หน้าแต่ยังไม่มีคำยืนยันว่าจะเปิดอีกครั้งเมื่อไหร่

    https://www.abc.net.au/news/2020-05-26/nsw-coronavirus-case-at-sydney-school-waverley-college/12284242?fbclid=IwAR2okD3VWT3xN1fWQU-_8iDVnwF9ojPjrsZP4mlyg96lJeWSiRngI5-q43E
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คัดข่าว
    age.php?d=AQAmdoaQs3Jw238I&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fpbs.twimg.com%2Fmedia%2FEY68wTjXQAIZTdo.jpg

    วิกฤติ #COVID19 #โควิด19 อาจทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ปีนี้ประสบกับภาวะหดตัวมากสุดในรอบ 55 ปี หรือนับตั้งแต่ยุคก่อนการเป็นเอกราช
    - คาดว่าในสถานการณ์ "เลวร้ายน้อยที่สุด" GDP จะหดตัว -4%
    - แต่ในสถานการณ์ "เลวร้ายมากที่สุด" จีดีพีของประเทศอาจหดตัวมากถึง -7%
    #coronavirus #Singapore

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คัดข่าว

    ชัยชนะทางเศรษฐกิจของสวีเดนจากโควิด 19 ?
    A%252F%252Fd1e00ek4ebabms.cloudfront.net%252Fproduction%252Ff2df8611-d9de-493e-88e3-c61aab0ca08e.jpg
    สวีเดนเป็นประเทศเดียวในยุโรปที่เลือกจะไม่ lockdown ตัวเองเพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด 19 รัฐบาลพวกเขาเน้นให้ประชาชนทำ Social Distancingควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติ อาจมีข้อห้ามพิเศษบ้างอาทิเช่นถ้ารวมกลุ่มเกิน 50 คนทำเยี่ยมบ้านพักคนชรา โดยรัฐบาลสวีเดนเชื่อว่าการทำให้คนมีภูมิคุ้มกันหมู่อาจมีคนป่วยบ้างแต่จะส่งผลดีในระยะยาวกว่าการ Lockdown ที่หลายๆประเทศกำลังทำกันอยู่ แต่การไม่ Lockdown นั้นทำให้สวีเดนมีอัตราการตายสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
    แต่ที่น่าสนใจคืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสวีเดน ในขณะที่ประเทศอื่นในยุโรปมีอัตราการเติบโตติด -3.8% แต่สวีเดนมียอดการตกลงเพียง -0.3%
    แน่นอนนี้อาจดูเหมือนชัยชนะของสวีเดนจากการเลือกที่จะไม่ lockdown แม้จะมีคนตาย(สูงกว่าเพื่อนบ้าน แต่ก็ว่ากันตรงๆคือเศรษฐกิจไม่ได้ตกอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านหรือชาติอื่นๆในยุโรป แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็มองตรงกันว่าอาจจะเร็วไปที่จะบอกว่านี่คือชัยชนะทางเศรษฐกิจของสวีเดน อาจต้องรอถึงปลายปีอย่างไรก็ดีพวกเขาเชื่อว่าเศรษฐกิจของสวีเดนจะดีกว่า(ตกน้อยกว่า)เพื่อนบ้านโดยรวม

    https://www.ft.com/content/93105160...KVcVAjx20s-Ww6uKEJN3S4DW5SEJMRpZ3DIP_0_U4Jr3M
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    May 27 , 2020 “วิษณุ เครืองาม”เผยแม้ศาลล้มละลายกลางจะรับคำร้องฟื้นฟูการบินไทย แต่คาดว่าแผนจะแล้วเสร็จ พร้อมผ่านการพิจารณาจากศาลต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน โดยมีรายงานว่าขณะนี้การบินไทยมีเจ้าหนี้ 10 ล้านราย รวมวงเงิน 354,494 ล้านบาท
    .
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทยแล้ว ซึ่งผลจากคำสั่งศาลจะทำให้การบินไทยเข้าสู่สภาวะ Automatic Stay(สภาวะพักการชำระหนี้) ตามมาตรา 90/12 พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2498 ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถฟ้องร้องการบินไทยได้ ทำได้อย่างเดียวคือการยื่นขอชำระหนี้
    .
    แต่ระหว่างนี้การบินไทยก็ยังสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ แต่จะมีศึก 2 ด้าน ที่ต้องทำคือ หนึ่งการเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ และ สองการประกอบธุรกิจตามปกติ
    .
    โดยหลังจากศาลล้มละลายกลางรับคำร้องฯ แล้ว จากนี้ศาลจะนัดไต่สวนคำร้องเพื่อพิจารณาว่าสมควรให้ฟื้นฟูกิจการหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หากเห็นควรศาลจะสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและเริ่มกระบวนการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งจะใช้เวลาอีก 3 เดือน ก่อนนำแผนให้ที่ประชุมเจ้าหนี้รับรองและให้ศาลอนุมัติแผนและตั้งผู้บริหารแผนเข้ามาซึ่งเป็นอีกชุดเข้ามาบริหารตามแผน
    .
    โดยคาดว่ากว่าจะถึงขั้นตอนที่เสนอให้ศาลสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯ ต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จากนั้นใช้เวลาฟื้นฟูฯ 5 ปี ซึ่งกฎหมายฟื้นฟูกิจการของไทยอยู่ในหมวด 3/1 ของพ.ร.บ.ล้มลาย ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2541 โดย 20 กว่าปีที่ผ่านมามีกิจการที่เข้าสู่การฟื้นฟูฯ 52 แห่ง บริหารฟื้นฟูฯสำเร็จ 20 แห่ง ไม่สำเร็จและล้มละลายไป 20 กว่าแห่ง และยังเหลือคาอยู่ 10 ปีไม่เสร็จอีกประมาณ 7 แห่ง
    .
    มีรายงานว่าข้อมูลการบินไทย ที่ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการ และศาลได้รับคำร้องดังกล่าว พบว่า การบินไทย มีหนี้รวม 354,494 ล้านบาท มีบัญชีเจ้าหนี้กว่า 10 ล้านราย และมีสินทรัพย์รวม 349,636 ล้านบาท
    .
    #การบินไทย #วิษณุ #หนี้ #แผนฟื้นฟู #Misterban
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    98 ปี เดิมพันชีวิต ของ สแตนลีย์ โฮ (1921-1920)

    #สแตนลีย์ โฮ (เหอ หงเซิน 何鴻燊) เจ้าพ่อผู้สร้างอาณาจักรคาสิโนมาเก๊า เปลี่ยนหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ยากจนใกล้กับเกาะฮ่องกง เป็นศูนย์กลางคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ฉายา "ลาสเวกัสแห่งเอเชีย" อุตสาหกรรมการพนันคือรายได้มากกว่า 80 เปอร์เซนต์ของมาเก๊า โดยโฮ คือผู้สร้างอาณาจักรการนี้แต่เพียงผู้เดียวนานกว่า 5 ทศวรรษ

    #หนึ่งในตระกูลใหญ่ของฮ่องกง
    สแตนลีย์ โฮ เกิดปีค.ศ. 1921 ในตระกูลโฮ หนึ่งในตระกูลใหญ่ของฮ่องกง โฮ ฟุค คุณปู่ ของเขาเป็นนายหน้าติดต่อธุรกิจให้กับบริษัทจาร์ดีน แมทธีสัน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่ในฮ่องกง มีกิจการทั้งที่เป็นด้านการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจผลิตนมเนย

    ส่วนพ่อของเขา "โฮ กวอง" มีอาชีพ "คัมปะโด" ติดต่อธุรกิจให้กับตระกูล แซสซูนแห่งตะวันออกกลาง ข้างแม่ "ฟลอรา" ก็เป็นบุตรีของครอบครัวชนชั้นกลางที่เป็นนักกฎหมายและประธานสมาคมชาวจีน "ซิน ทัค-ฟัน"

    #ครอบครัวแตกพ่อทิ้ง
    ทศวรรษ 1930 ตระกูลโฮเสื่อมถอยประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจผิดพลาด พ่อของโฮ ต้องหนีไปอยู่ที่ไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ทิ้งให้สแตนลีย์ โฮ อยู่กับแม่อย่างลำบากยากแค้นตามลำพังในฮ่องกง

    สแตนลีย์ โฮ จากลูกคุณหนู คุณชาย กลายเป็นเด็กไร้อนาคต เห็นความทุกข์ยากลำบากของมารดา เขาเริ่มทำงานหาเงินเรียนตั้งแต่อายุ 14 ปี มุมานะจนได้ทุนการศึกษา แต่กระนั้น โฮในวัย 20 เมื่อญี่ปุ่นบุกฮ่องกงในปี 1941 ก็ต้องหนีอพยพไปมาเก๊า โดยมีเงินติดตัวเพียง 10 ดอลลาร์ฮ่องกง

    แม้ทุกอย่างราวไร้อนาคต แต่ โฮ ไม่เคยถอยหลัง และเชื่อว่าทุกขณะคือโอกาสใหม่เสมอ

    #เงินล้านดอลลาร์ครั้งแรกของชีวิต
    โฮ ได้ทำงานธุรการเลขาฯ ที่บริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เริ่มต้นเก็บออมใหม่อีกครั้ง และช่วงนี้เองที่ได้ฉายแววความเป็นนักเจรจาต่อรอง จนสามารถสร้างเงินล้านดอลลาร์ครั้งแรกของชีวิต ใน 4 ปีถัดมา จากการค้าขายกับประเทศจีน

    ในวัยกลาง 20 ปี ทุก ๆ สิ่งที่ผ่านเข้ามาคือโอกาสของเขา โฮทำกิจการสารพัด ตั้งแต่ ขายของเล่น ค้าทอง, เหล็ก, เครื่องบิน, เคมีภัณฑ์ ยันธุรกิจเดินเรือ และซื้อขายที่ดินในฮ่องกง

    #เดิมพันสำคัญของชีวิต "สร้างมาเก๊า"
    ในปี 1962 โฮ ชนะการประมูลได้สัมปทานผูกขาดกิจการบ่อนการพนันในมาเก๊า แต่การได้สัมปทานนี้มีเดิมพันสำคัญว่า เขาจะต้องสร้างมาเก๊า จากเกาะหมู่บ้านประมงยากจนเล็ก ๆ นี้ ให้ยิ่งใหญ่ให้จงได้

    สแตนลีย์ โฮ ซึ่งบ้านแตกตกอับ ต้องหาเงินเรียนเองตั้งแต่อายุ 14 ได้หวนพูดถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่มีประวัติการศึกษาว่า "คุณต้องพึ่งตนเอง คิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งจะทำได้ต้องใช้เชาวน์ปัญญา และใช้สมองของคุณ"

    "อย่ากลัวความล้มเหลว บางครั้งมันอาจเป็นสิ่งดี ๆ ที่แฝงมา อย่าเพิ่งท้อถอย พยายามและพยายามต่อไป แล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จเอง"

    #ครอบครัวที่ชีวิตใฝ่หา
    ชีวิตส่วนตัวของราชันคาสิโน สแตนลีย์ โฮ นับว่ามีสีสันไม่ต่างกับบรรยากาศแสงสีของอาณาจักรเขา

    โฮ มีภรรยา 4 คน บุตรธิดารวม 17 คน สมรสกับภรรยาคนแรก ในปี 1942 และครองบ้านร่วมกับภรรยาอีก 3 คน

    สแตนลีย์ โฮ ให้ความสำคัญกับอารมณ์ขัน การเต้นรำ และความรัก ซึ่งช่วยให้เขาแยกปัญหาจากงานออกจากชีวิตได้ และสำคัญที่สุดคือ จะไม่ยอมให้งานมาเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวต้องล่มสลาย พลัดพรากอย่างที่พ่อเคยทิ้งเขาและแม่ไป

    นั่นคือเหตุผลว่าไม่ว่างานจะยุ่งอย่างไร ทุกวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ โฮ อยู่กับครอบครัวเสมอ

    บุคลิกของสแตนลีย์ โฮ นี้ บ้างก็มีความแปลกแยกกับอาณาจักรที่เขาสร้าง โดยเฉพาะกับความจริงที่ว่า โฮไม่ชอบเล่นการพนัน

    โฮ อุทิศความมั่งคั่งของตนกับกิจการสาธารณกุศลต่าง ๆ บริจาคเงินให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ในฮ่องกงหลายพันล้านดอลลาร์ และมีส่วนร่วมก่อตั้งโรงพยาบาล ศูนย์กีฬา และพิพิธภัณฑ์ รวมกว่า 12 แห่ง

    สแตนลีย์ โฮ เคยกล่าวในช่วงหลายปีก่อนที่ มาเก๊า และฮ่องกง จะกลับคืนสู่การปกครองของจีนว่า "ผมเชื่อในอนาคตของฮ่องกงและมาเก๊า ผมยังอยู่ที่นี่ต่อไป ผมไม่คิดจะอพยพไปไหน ไม่ว่าจะในปี 1997 หรือ 1999 ที่นี่เป็นบ้านของผม ผมจะต้องอยู่ที่นี่"

    ในปี 2007 โฮ ยังได้เป็นผู้นำสมบัติชาติกลับคืนแผ่นดินแม่ ด้วยการประมูลประติมากรรมนักษัตรรูปหัวม้า สมบัติล้ำค่าของชาติที่ถูกอังกฤษปล้นไปจากพระราชวังหยวนหมิงหยวน กว่า 150 ปีที่แล้ว

    ในวัยชรา หลังจากปี 2009 ที่ โฮ หกล้มในบ้าน ก็ไม่ค่อยมีผู้พบเห็นเขาปรากฏตัวกับสาธารณะ แต่ก็ยังคงทำงานตลอดเวลา

    ในปี 2018 เมื่ออายุ 96 ปี โฮ ได้วางมือจากการเป็นประธาน SJM Holdings ส่งต่อให้กับ เดซี่ โฮ บุตรีดูแลฯ

    และปีที่แล้วนี้เอง โฮ ได้ส่งมอบประติมากรรมนักษัตรรูปหัวม้า ให้กับรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการ อันเป็นเสมือนภารกิจสำคัญสุดท้ายของชีวิตเขาก่อนลาจากโลกนี้ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2020

    นับจากวันที่ลี้ภัยสงครามมายังมาเก๊าเมื่ออายุ 20 ต้น ๆ มีเงินติดตัวไม่กี่ดอลลาร์ฮ่องกง จนวันที่วางมือ ในวัย 97 และปิดฉากชีวิตในวัย 98 ปี สแตนลีย์ โฮ ได้ส่งต่อมรดกอาณาจักรทรัพย์สินกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ให้กับทายาท ครอบคลุมกิจการต่าง ๆ ตั้งแต่ คาสิโน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สนามแข่งม้า สนามบิน ตลอดจน บริการเรือโดยสารข้ามฟาก และเฮลิคอปเตอร์

    อย่างไรก็ตาม มีผู้กล่าวว่า เส้นทางสร้างและรักษาอาณาจักรของโฮนี้ ไม่ใช่เส้นทางปกติ การเป็นเจ้าพ่อบ่อนพนันของสแตนลีย์ ไม่อาจแยกขาดกับโลกอิทธิพล และมีด้านมืดของโลกอาชญากรรม แต่สแตนลีย์ โฮ ก็กลับสามารถผ่านพันวิกฤตการณ์ด้านมืดเหล่านี้มาได้ จนสามารถยืนอยู่ในที่สว่าง ซึ่งไม่มีอะไรจะมาบดบังเขาไว้ได้อีก

    สแตนลีย์ โฮ อาจจะไม่ชอบการพนัน แต่วันนี้ กล่าวได้ว่าเขาชนะเดิมพันที่เคยสัมปทานไว้กับรัฐบาลท้องถิ่นมาเก๊า เมื่อเกือบ 60 ปีก่อนแล้ว

    ........
    ข้อมูล
    1. Macao tycoon donates looted relic (www.globaltimes.cn)
    2. Stanley Ho, patriarch of Asia’s largest casino empire and the ‘King of Gambling’ for more than half a century, dies at 98 (/www.scmp.com)
    3. Stanley Ho, flamboyant ‘godfather’ of Macau casinos, dies aged 98 (www.theguardian.com)
    4. Stanley Ho & family (Forbes)
    5. ฉากชีวิตสแตนลีย์ โฮเจ้าพ่อคาสิโน มาเก๊า (gotomanager.com)
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,858
    ค่าพลัง:
    +97,150
    SOCIETY: ทัพเรืออเมริกาโชว์ “อาวุธเลเซอร์” ยิงถล่มโดรนได้ ข่าวนี้บอกอะไรกับเรา?
    .
    ในขณะที่โลกกำลังง่วนกับ COVID-19 ก็คงไม่มีข่าวเทคโนโลยีอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจได้ นอกจากข่าวทัพเรืออเมริกันโชว์อาวุธใหม่อย่าง “อาวุธเลเซอร์” ที่มีอานุภาพรุนแรงถึงขั้นขนาดเผาปีกของโดรนได้
    .
    นี่อาจทำให้หลายๆ คนตื่นเต้น เพราะอาวุธมันยังกะหลุดมาจากหนังไซไฟ แต่ในความเป็นจริง นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะทัพเรืออเมริกาเคยโชว์อาวุธทำนองเดียวกันนี้มาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว เป็น “อาวุธเลเซอร์” ติดเรือรบที่เหมือนกันเด๊ะๆ เพียงแต่ตอนนั้น “อาวุธเลเซอร์” มันดูจะเบากว่านี้มาก ยิงได้แค่โดรนลำเล็กๆ เหมือนเครื่องบินบังคับ กับเรือลำเล็กๆ
    .
    ตอนนั้น ความแรงของ “อาวุธเลเซอร์” ยังอยู่เพียง 30 กิโลวัตต์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็คาดว่า “อาวุธเลเซอร์” ใหม่ของกองทัพเรือสหรัฐนี้น่าจะแรงถึง 150 กิโลวัตต์ หรือแรงกว่าอาวุธที่เคยเอามาโชว์เมื่อ 3 ปีก่อนถึง 5 เท่าตัว เรียกได้ว่าสามารถยิงถล่มวัตถุที่ใหญ่ขึ้นได้
    .
    ว่าแต่อเมริกาจะพัฒนาอาวุธทำนองนี้ไปทำไม?
    .
    อย่างแรกเลยก็ต้องเข้าใจว่า อเมริกาคือมหาอำนาจด้านการทหารอันดับ 1 ของโลกแบบไร้ข้อกังขา ดังนั้น เทคโนโลยีทางการทหารของอเมริกาก็ต้องพัฒนาเรื่อยๆ ไม่งั้นอเมริกาก็จะเสียสถานะผู้นำด้านการทหารให้ประเทศอื่นอย่างจีนหรือรัสเซีย
    .
    แต่ทำไมต้องเลเซอร์ด้วยล่ะ?
    .
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ในทางเทคนิค เลเซอร์นั้นเป็นอาวุธในหมวดอาวุธที่เรียกรวมๆ ว่า “อาวุธพลังงานทางตรง” โดยมันจะแยกไปได้อีกเป็นหลายอย่างเลย ซึ่งหลายๆ อย่างที่ว่าก็มีการพัฒนาอาวุธมาแล้วทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ และ “อาวุธเลเซอร์” ก็เป็นหนึ่งในความสำเร็จ
    .
    อาวุธเลเซอร์ หรือที่คนนิยมเรียก “แสงเลเซอร์” พื้นฐานมันคือเทคโนโลยีในการขยายแสง ซึ่งสิ่งที่เราอาจไม่รู้ก็คือคำว่า Laser เป็นคำที่ย่อมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation หรือแปลงตรงๆ ก็คือ การขยายแสงโดยกระตุ้นการแผ่รังสี
    .
    ซึ่งพอเอามาทำเป็นอาวุธ “แสงเลเซอร์” มันก็ไม่ใช่แสงเป็นแท่งๆ ที่ยิงทะลุสิ่งต่างๆ ได้แบบที่เห็นในเกมหรือภาพยนตร์ แต่เป็นแสงแบบปกตินี่แหละ ที่ไปกระทบอะไรก็ไม่ได้ทะลุ แต่จะทำให้เกิดความร้อนสูงจนพื้นผิวที่มันกระทบลุกไหม้
    .
    อาวุธเลเซอร์บนเรือรบในอเมริกา ตอนแรกที่พัฒนา อเมริกันบอกว่าเอามาใช้แทนพวกมิสไซล์ต้านขีปนาวุธต่างๆ
    .
    เหตุผลก็คือ การ “ยิงเลเซอร์” มันมีต้นทุนที่ถูกกว่าการยิงมิสไซล์ต้านขีปนาวุธมาก
    .
    ถูกกว่าแค่ไหน?
    .
    คือพวกมิสไซล์ต้านขีปนาวุธ นี่เผลอๆ ลูกนึงต้นทุนเป็นล้านบาทน่ะครับ แต่การยิงเลเซอร์ ครั้งหนึ่งเสียก็แค่ค่าไฟฟ้า และมีการประเมินกันตอนปี 2017 ว่า ยิงครั้งนึงเสียต้นทุนแค่ประมาณ 1 เหรียญ หรือราว 30 บาทเท่านั้น
    .
    ดังนั้นเลเซอร์จึงเป็นอาวุธต่อต้านขีปนาวุธราคาประหยัด ส่วนเหตุผลที่ต้องติดบนเรือรบ ก็เพราะเรือรบนี่แหละเป็นเป้าของขีปนาวุธ และแน่นอน ถ้าโดนขีปนาวุธจนเรืออับปาง นับเป็นความสูญเสียมหาศาล เพราะเรือรบก็ไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้นการมีระบบป้องกันที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องจำเป็น
    .
    พูดง่ายๆ คือเลเซอร์ที่ทัพเรืออเมริกาเอามาติดเรือรบ มันไม่ใช่ “อาวุธจู่โจม” แต่เป็นอาวุธเพื่อการป้องกันมากกว่า
    .
    ทีนี้ ถามว่ามันทำได้แค่นั้นเหรอ?
    .
    คำตอบคือไม่ ข้อได้เปรียบของอาวุธพลังงานทางตรงแบบเลเซอร์คือ มันยิงได้ไกลมากและไม่เปลี่ยนวิถี ที่สำคัญคือมันวิ่งด้วยความเร็วแสง (เพราะมันคือแสงนั่นเอง)
    .
    ดังนั้นถ้าพัฒนาต่อ มันจะเป็นอาวุธระยะไกลแบบยิงข้ามทวีปได้ชิลๆ เลย
    .
    ที่มากกว่านั้น เราคงเคยได้ยินเรื่อง “กองทัพอวกาศ” ของสหรัฐอเมริกาที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ (แบบงงๆ )
    .
    คำถามต่อมาคือ ในภาวะไร้แรงโน้มถ่วง “กองทัพอวกาศ” จะใช้อะไรเป็นอาวุธ เพราะอาวุธต่างๆ ที่ใช้กันในโลกแทบจะไร้ประโยชน์ในอวกาศ
    .
    “เลเซอร์” คือคำตอบครับ
    .
    ดังนั้น การที่อเมริกาโชว์ว่าตัวเองมี “อาวุธเลเซอร์” จึงไม่ใช่เป็นเรื่องเอาของประหลาดๆ ดูไซไฟมาโชว์เฉยๆ แต่เป็นการแสดงแสนยานุภาพว่า อเมริกามีเทคโนโลยีด้านการทหารที่พร้อมใช้ในอวกาศแล้ว
    .
    และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

    อ้างอิง: Brad Lendon. The US successfully tested a laser weapon that can destroy aircraft mid-flight. https://cnn.it/2XAN6w2

    Jim Sciutto, Dominique van Heerden. xclusive: CNN witnesses US Navy's drone-killing laser. https://cnn.it/3c7hvay

    #America #Laser #BrandThink
    #แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
    #sharingIsEmpowering
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
     

แชร์หน้านี้

Loading...