ติดตามสถานะการณ์

#UPDATE ยอดผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ในไทย วันที่ 29 พ.ค.2563
.
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย
ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,076 ราย
กำลังรักษา ใน รพ. 74
รักษาหาย-กลับบ้านแล้วรวม 2,945 ราย
เสียชีวิตสะสม 57
.
1).ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวัง แบ่งผู้ติดเชื้อเป็น 3 กลุ่ม คือ
.
กลุ่ม 1 มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้านี้
- ไม่มี
.
กลุ่ม 2 ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ
- ไม่มี
.
กลุ่ม 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
- ไม่มี
.
2). การค้นหาเชิงรุก (Active case finding) และผู้ติดเชื้อในชุมชน
- ไม่มี
.
3).ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine
- 11 ราย

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งพิเศษในวันพฤหัสบดี(28พ.ค.) เปิดทางสำหรับถอดสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่างทวิตเตอร์พ้นจากการได้รับการคุ้มกันทางกฎหมาย ซึ่งเดิมทีไม่ต้องรับผิดชอบใดๆต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้โพสต์

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000055821

หากคำสั่งนี้มีการบังคับใช้เป็นกฎหมาย สื่อสังคมออนไลน์อย่างเช่นทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กจะเปิดกว้างสำหรับการถูกดำเนินการทางกฎหมายมากกว่าเดิม และอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับของรัฐบาลยิ่งขึ้น

ทรัมป์ บอกว่า คำสั่งบริหารจัดการสื่อสังคมออนไลน์นี้มีความจำเป็นเพราะบริษัทต่างๆ ไม่ได้กระดานสนทนาที่เป็นกลางอีกต่อไปแล้ว แต่เข้าไปพัวพันกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง

คำสั่งเปิดทางสำหรับยุติการปกป้องทวิตเตอร์, เฟซบุ๊ก และกูเกิล ไม่ต้องรับผิดต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้นำมาเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (26) ทวิตเตอร์ได้ขึ้นแถบคำเตือน fact-check ใต้ข้อความ 2 ข้อความของทรัมป์ ซึ่งมีการอ้างว่าระบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ (mail-in voting) จะนำไปสู่การทุจริตฉ้อโกงผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน

เนื่องจากยังไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีความพยายามโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น ทวิตเตอร์จึงได้แปะลิงก์ให้ผู้อ่าน “ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงคะแนนทางไปรษณีย์” ไว้ใต้ทวีตของทรัมป์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์ทำเช่นนี้ หลังจากที่โดนวิพากษ์วิจารณ์มานานหลายปีว่าเพิกเฉยกับพฤติกรรมละเมิดกฎเกณฑ์ของทรัมป์ ที่มักจะทวีตโจมตีใครต่อใคร หรือไม่ก็แพร่ข้อมูลบิดเบือนไปสู่ผู้ติดตามบัญชีของเขาซึ่งมีมากกว่า 80 ล้านคน

การตักเตือนเบาๆ ของทวิตเตอร์คราวนี้ทำให้ ทรัมป์ หัวเสียอย่างมาก และได้ออกมาโจมตีสื่อโซเชียลแห่งนี้ว่ากำลังปิดกั้นการแสดงความเห็นของฝ่ายอนุรักษนิยมในสหรัฐอเมริกา

ทรัมป์กล่าวว่า แพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้มีอำนาจที่ไม่มีการตรวจสอบในการคัดกรองและจำกัดการสื่อสารส่วนบุคคลเกือบทุกรูปแบบ “เราไม่อาจปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว

ความขุ่นเคืองของประธานาธิบดีดูเหมือนพุ่งเป้าโดยเฉพาะไปที่ระบบ fact-check ของแฟลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ หลังจากกล่าวหาทวิตเตอร์ว่าพยายามแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 “ทวิตเตอร์กำลังปิดกั้นการแสดงคิดความเห็นอย่างเสรี และผมในฐานะประธานาธิบดีจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว

 

หัวหน้าหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในวันพฤหัสบดี(28พ.ค.) ประณามตำรวจอเมริกา กรณีผู้ต้องสงสัยชายผิวสี จอร์จ ฟลอยด์ ตายระหว่างถูกจับกุม พร้อมเรียกร้องเจ้าหน้าที่สหรัฐฯดำเนินการอย่างจริงจังในหยุดฆ่าพลเมืองอเมริกาเชื้อสายแอฟริกา และวิงวอนขอความสงบ หลังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงต่อเหตุเสียชีวิตของชายรายดังกล่าว

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000055814

 

กลุ่มสื่อจีนรายงานวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า สภาประชาชนแห่งชาติจีนลงมติบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง คาดว่าจะบังคับใช้ได้ก่อนเดือนกันยายน

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000055837

 

จีนเปิดฉาก ‘ลงโทษ’ ออสซี่...

หลังจากออสเตรเลียทำตัวเป็นเหมือน “ผู้ช่วยนายอำเภออเมริกัน” ออกหน้าเป็นปากเสียงจะเช็กบิลประเทศจีนกรณีการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก็โดนตอบโต้ทันควันโดยปักกิ่ง ซึ่งมองว่าออสเตรเลียเล่นเกินบทห้าวไม่ดูตัวเองว่าอยู่ในระดับใด
..
รัฐมนตรีต่างประเทศ มาริส เพย์น พูดสนับสนุนการสอบสวนในระดับนานาชาติ ช่วงการออกโทรทัศน์เช้าวันอาทิตย์ในปลายเดือนเมษายน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าจีนเป็นเป้าหมาย และถูกกล่าวหาโดยผู้นำทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ มาโดยตลอด

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ทูตจีนประจำออสเตรเลีย เฉิง จิ่งเย่ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียน ไฟแนนเชียล รีวิว แนะว่าคนจีนอาจพิจารณาตอบโต้ออสเตรเลียด้วยการคว่ำบาตรสินค้าออสเตรเลีย

“ถึงเวลาที่คนจีนอาจถามตัวเองว่าทำไมต้องดื่มไวน์ออสเตรเลีย กินเนื้อวัวจากออสเตรเลีย” นายเฉิง กล่าว

หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน การรณรงค์โดยจีนเพื่อลงโทษออสเตรเลียก็ได้เริ่มเต็มที่

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า วันที่ 12 พฤษภาคม จีนเลิกซื้อเนื้อวัวจาก 4 โรงฆ่าสัตว์ในออสเตรเลีย โดยอ้างว่าเป็นประเด็นเรื่องสุขภาพ หลังจากนั้นอีก 5 วัน รัฐบาลจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าข้าวบาร์เลย์ของออสเตรเลียกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตรวจสอบการทุ่มตลาด แค่นี้ออสเตรเลียก็หาตลาดใหม่ได้ยาก เพราะการค้าโดยรวม จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย

ยอดรวมของการค้าขายระหว่าง 2 ประเทศมีมูลค่า 214 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2018 ความสัมพันธ์ด้านการค้ากับจีนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ออสเตรเลียเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เมื่อเกิดการปะทะคารมกันในระดับกระทรวง สื่อจีนก็ยกระดับการนำเสนอปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ และความร้าวฉานก็ยิ่งขยายกว้างขึ้น และยิ่งไม่มีการเจรจาหาทางออกสมานฉันท์ร่วมกัน จะเป็นการยากที่จะทำให้ 2 ประเทศมีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

ผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ระหว่างประเทศมองว่าออสเตรเลียอาจเป็นกรณีตัวอย่างว่าการดำรงตัวเป็นอิสระภายในระบอบประชาธิปไตยจะอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้าต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ทางการค้ากับประเทศจีน ซึ่งถูกมองว่ามีรัฐบาลในระบอบคอมมิวนิสต์

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ออสเตรเลียต้องดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวัง เพราะความสัมพันธ์กับจีนได้นำความมั่งคั่งสู่ออสเตรเลีย ด้านการค้า เป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับสินค้าออสเตรเลีย กระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราน่าพอใจ

นักศึกษาจีนหลายแสนคนเสียค่าหน่วยกิต ค่าใช้จ่ายแต่ละปีหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ การปิดการเดินทางระหว่างประเทศทำให้นักศึกษาจีนกลับไปเรียนต่อไม่ได้ ทำให้มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียขาดรายได้มหาศาลถึงขั้นอาจมีวิกฤตการเงิน

ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียต้องพึ่งพาสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และเป็นประเทศ “หนึ่งใน 5 ตา” ที่พูดภาษาอังกฤษ แลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล ข่าวกรองด้านความมั่นคง ร่วมกับอีก 3 ประเทศคือแคนาดา อังกฤษ และนิวซีแลนด์ เพื่อนบ้านใกล้เคียง

ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือดำเนินนโยบายผิดพลาด ต้องจ่ายในราคาแพง ออสเตรเลียก็ต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ด้านเทคนิคจากจีน เช่นกัน

เช่นเดียวกัน จีนยังต้องพึ่งพาสินค้าสำคัญจำนวนมหาศาลจากออสเตรเลีย เช่นสินแร่เหล็ก ถ่านหิน ทองคำ และขนแกะ ป้อนอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งขยายตัวพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านงานก่อสร้างอาคารและเครือข่ายรางรถไฟฟ้า

ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปี 2017 หลังจากรัฐบาลออสเตรเลียผ่านกฎหมายใหม่ด้านความมั่นคง มีบทบัญญัติครอบคลุมกว้างขวาง เพื่อ ป้องกันการแทรกแซงจากต่างประเทศ ซึ่งจีนมองว่าเป็นการออกกฎหมายเอาจีนเป็นเป้า

แม้รัฐบาลออสเตรเลียให้เหตุผลว่ากฎหมายนั้นเพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ จีนก็มองว่ามีผลมากกว่านั้น ทั้งสองประเทศเริ่มมีปัญหาความสัมพันธ์ และนั่นก็ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศ มาริส เพย์น เรียกร้องให้สอบสวนเรื่องโควิด-19

เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศเปิดเกม นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ก็เป็นผู้นำประเทศแรกซึ่งเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการระดับนานาชาติ ถือว่าเป็นเสียงแรกนอกประเทศสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์ได้กล่าวหาทั้งจีนและองค์การอนามัยโลก

นายมอร์ริสัน อ้างในการแถลงข่าววันที่ 29 เมษายน ว่ามีเหตุผลเพียงพอที่โลกควรจำมีการสอบสวนโดยหน่วยงานอิสระให้เห็นต้นตอและปัญหาของการระบาด โดยที่รู้ว่าทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างกล่าวหากันในสงครามน้ำลายที่ยืดเยื้อและส่อแววขยายตัวต่อไป

สถานการณ์ระหว่างจีนและออสเตรเลียเลวร้ายกว่าเดิม เมื่อรัฐบาลออสเตรเลียเรียกทูตจีนเข้าไป และกล่าวหาจีนว่ากำลังใช้มาตรการทางเศรษฐกิจบีบคั้น เมื่อตัวทูตได้พูดเชิงชี้นำให้คนจีนเลิกการบริโภคไวน์และเนื้อวัวจากออสเตรเลีย เป็นการตอบโต้

วันที่ 28 เมษายน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ออสเตรเลีย บอกว่า “ยังไม่เคยได้ยินคำพูดที่รุนแรงดังที่ทูตเฉิง กล่าวมาก่อนหน้านี้เลย” ก็โดนโฆษกกระทรวงฯ นายเกิ้ง ส่วง สวนกลับ “อยากจะฟังตอนนี้มั้ยละ”

เมื่อโดนจีนใช้มาตรการตอบโต้ รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย นายไซมอน เบอร์มิงแฮม แถลงว่ารัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแนวนโยบายและท่าทีแม้จะมีเสียงขู่จากจีน ความพยายามจะติดต่อพูดคุยกับฝ่ายจีนไม่ได้รับการตอบสนอง และจีนอ้างว่าไม่เกี่ยวกัน

โดยทั่วไป นักสังเกตการณ์เชื่อว่าออสเตรเลียจะเป็นกรณีตัวอย่างให้ชาติอื่นได้เห็นว่าการทำตัวเป็นปฏิปักป์กับจีนนั้นจะได้ผลอย่างไร และอาจมีผลเสียเพราะหลายชาติเริ่มต้องระวังเช่นกันว่าการจะดำรงความสัมพันธ์กับจีนนั้น จะมีทั้งผลดีและผลเสียอย่างไร


อ่านต่อ>>https://mgronline.com/daily/detail/9630000055218

 

ขึ้นรถไฟเหาะก็ห้ามกรี๊ด!
มาตรการคุมเข้มในสวนสนุกญี่ปุ่น
.
หลังจากยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินของญี่ปุ่น ก็มีการประชุมกันของสมาคมสวนสนุกขนาดใหญ่ อย่างเช่น Universal Studios Japan หรือ Tokyo Disney Resort เกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการติดเชื้อไวรัสต่างๆ หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยสมาคมสวนสนุกแห่งญี่ปุ่นตะวันออก และญี่ปุ่นตะวันตกออกเอกสารที่มีชื่อว่า แนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สำหรับประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เตรียมกลับมาใช้บริการสวนสนุกหลายแห่งของญี่ปุ่น เช่น โตเกียว ดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนที่ต้องปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หลังเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว
.
แนวทางป้องกันก็เป็นเรื่องของ การขอความร่วมมือให้สวนสนุกจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายนักท่องเที่ยว รักษาระยะห่างระหว่างกัน 1 เมตร ขอให้นักท่องที่ยวสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือและใช้เจลแอลกอฮอล์ การเว้นที่นั่งให้ห่างกัน ขอให้สต๊าฟระมัดระวังการเข้าไปสัมผัสนักท่องเที่ยว ส่งเสริมให้ร้านค้าใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัล และสนับสนุนการซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/travel/detail/9630000055904
#mgronline #ขึ้นรถไฟเหาะ #ห้ามกรี๊ด #มาตรการคุมเข้ม #สวนสนุก #ญี่ปุ่น #โควิด-19

 

“ธุรกิจเริงรมย์ญี่ปุ่น” เสนอมาตรการป้องกันโควิด
หวังรัฐบาลอนุญาตเปิดบริการ

สาวๆ ตัวแทนสถานบันเทิงยามราตรีของญี่ปุ่น นำเสนอมาตรการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิดต่อภาครัฐ เพื่อให้ทางการอนุญาตให้สามารถเปิดบริการได้โดยเร็ว

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/japan/detail/9630000055292

 

อิหร่านช็อก!! พ่อฆ่าเพื่อเกียรติยศ
ใช้เคียวตัดคอลูกสาววัย 14 ปี โทษฐานหนีตามผู้ชาย

รอยเตอร์ - เกิดความเดือดดาลอย่างกว้างขวางในอิหร่าน ต่อเหตุการณ์อันน่าสลด บิดาแท้ๆ ลงมือสังหารลูกสาววัยรุ่นด้วยความเหี้ยมโหด หลังไม่พอใจที่เธอหนีตามชายคนรัก คดีสะเทือนขวัญที่ทำเอาประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ต้องเรียกร้องสมาชิกรัฐสภาให้เร่งผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง เพื่อป้องกันการกระทำรุนแรงกับผู้หญิง

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000055809

 

ฮ่องกงเตือนสหรัฐฯ ระวัง ‘ดาบสองคม’
หากถอนสิทธิพิเศษการค้า
วอนอย่าจุ้นเรื่องภายใน!!

รอยเตอร์ – รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่าการเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าของเกาะศูนย์กลางการเงินแห่งนี้จะกลายเป็น “ดาบสองคม” ทิ่มแทงอเมริกาเอง พร้อมเรียกร้องให้หยุดก้าวก่ายกิจการภายในของจีน

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000055874

#ฮ่องกง #สหรัฐฯ #การเมืองระหว่างประเทศ #จีน

 

จลาจลเผาเมือง, ปล้นสะดมมินนีอาโปลิส 2 คืนติด
ประท้วงเดือด ตร.ผิวขาวสหรัฐฯกดคอชายผิวสีจนตาย
.
พวกผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจจลาจลที่ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่เป็นคืนที่ 2 ติดต่อกัน ในเมืองมินนีอาโปลิส รัฐมินเนโซตา สหรัฐฯ คืนวันพุธ (27 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ในขณะที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจต่อการตายของชายผิวดำคนหนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในวิดีโอที่เผยแพร่อย่างกว้างขวาง ว่า เขาถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดบริเวณคอจนหมดสติระหว่างการจับกุม จนกระทั่งเสียชีวิต
.
ในวิดีโอที่บันทึกไว้ได้โดยผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เป็นเหตุการณ์เผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจ กับ จอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี เมื่อคืนวันจันทร์ (25 พ.ค.) โดยในภาพพบเห็น ฟลอยด์ อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าราบไปกับพื้นและถูกสวมกญแจมือ ถูกตำรวจใช้เข่ากดลงไปบริเวณคอ ระหว่างนั้นเขาพยายามส่งเสียงพึมพำขอความช่วยเหลือ “ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก” ก่อนค่อยๆ หมดสติไป
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000055779
#mgronline #จลาจล #เผาเมือง #ปล้นสะดม #เมืองมินนีอาโปลิส #รัฐมินเนโซตา #สหรัฐอเมริกา #ตำรวจใช้เข่ากดคอ #ชายผิวสีเสียชีวิต

 

จีนค้านไต้หวันเป็นเอกราช เตือนสหรัฐอย่าแทรกแซง : นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ของจีน ประกาศคัดค้านการเป็นเอกราชของไต้หวัน พร้อมเตือนสหรัฐอย่าแทรกแซงกิจการภายในของจีน



สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายกฯ จีน กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวหลังปิดการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันนี้
ทั้งนี้ กำลังมีความหวาดกลัวเกิดขึ้นในไต้หวันว่า รัฐบาลปักกิ่งจะพยายามรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ โดยอาจใช้กำลังหากจำเป็น
สำหรับฮ่องกงนั้น นายหลี่กล่าวว่า กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อปราบปรามกิจกรรมในฮ่องกงที่รัฐบาลจีนมองว่าเป็นการล้มล้างอำนาจการปกครองนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาว
ถ้อยแถลงของนายหลี่มีขึ้นหลังจากที่ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเห็นชอบวันนี้ให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกง
โดยกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฏ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ
การลงมติในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม NPC ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 มีขึ้นหลังจากนายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำ NPC ได้เสนอกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว โดยนายหวังกล่าวว่า นับตั้งแต่ฮ่องกงกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน จีนได้ใช้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ", "ชาวฮ่องกงปกครองฮ่องกง" และการให้อำนาจระดับสูงในการปกครองตนเอง
เอกสารของนายหวังระบุว่า แม้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในฮ่องกง แต่ความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในฮ่องกงได้กลายเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยระบุถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่อหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ", เป็นภัยต่อกฎหมาย และคุกคามอำนาจอธิปไตยของชาติ ตลอดจนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตามกฎหมายเพื่อป้องกัน ยับยั้ง และลงโทษกิจกรรมเหล่านั้น
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท
เพิ่มเติม
-China opposes Taiwan independence, warns against US: PM Lihttps://mainichi.jp/english/articles/20200528/p2g/00m/0in/124000c
-China approves controversial national security bill for Hong Kong: https://www.cnbc.com/2020/05/28/china-approves-proposal-to-impose-national-security-law-in-hong-kong.html

 

กฎหมายการใช้ที่ดินใหม่ของรัฐบาลทรัมป์จะอนุญาตให้ผู้คนสามารถล่าหมี-หมาป่า และลูกๆในอะแลสก้า บริเวณเขตอนุรักษ์ได้! เลิกกฎเก่าในรัฐบาลชุดก่อน
•
รัฐบาลทรัมป์กำลังออกกฎการใช้ที่ดินของรัฐใหม่ ให้คนกลับมาล่าหมีได้ แม้ในพื้นที่เขตอนุรักษ์ใน Alaska
•
กรมอุทยานแห่งชาติอเมริกากำลังจะเลิกใช้กฎเก่าที่มีตั้งแต่รัฐบาล Obama หันมายึดกฎใหม่ ให้คนกลับมาล่าสัตว์ได้ ซึ่งอาจส่งผลไม่ใช่แค่ต่อประชากรหมี แต่ยังส่งผลต่อจำนวนของหมาป่าด้วย
•
กฎหมายการใช้ที่ดินของรัฐที่กำลังจะถูกบังคับใช้ใหม่ ภายใต้การบริหารของรัฐบาล Donald Trump จะอนุญาตให้นักล่ากลับมาล่าสัตว์ในพื้นที่เขตอนุรักษ์ในรัฐอะแลสก้า แม้กระทั่งอนุญาตให้มีการยิงหมี หมาป่า และลูก ๆ ของพวกมัน ในขณะที่พวกมันกำลังอยู่ในถ้ำ
•
ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานบังคับใช้กฎหมายตามรัฐบาลของ Barack Obama ที่แบนการกระทำที่เป็นข้อถกเถียงทั้งหมด อย่างการล่าพวกสัตว์นักล่า หรือแม้กระทั่ง การล่อหมีออกมาจากรังของมันด้วยอาหารอย่างโดนัท
•
Jesse Prentice-Dunn ผู้อำนวยการด้านนโยบายจาก Center of Western Priorities มองว่าการเปลี่ยนกฎนี้เป็นการเปลี่ยนที่ “โหดร้ายที่สุด” และกล่าวว่า “มันเป็นหนึ่งในการกระทำทั้งหมดที่รัฐพยายามใช้เพื่อลดการปกป้องชีวิตของสัตว์ป่า แต่เอื้อต่อบริษัทน้ำมันและเหล่านักล่าสัตว์เพื่อเอารางวัล”
•
รองผู้อำนวยการกรมอุทยาน David Vela กล่าวว่าการออกกฎหมายครั้งนี้ของรัฐบาล “จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับกฎหมายการล่าสัตว์และวางกับดักที่รัฐอะแลสก้ามีอยู่แล้ว”
•
กฎหมายนี้คาดว่าจะถูกบังคับใช้ภายในอาทิตย์นี้ สมาชิกวุฒิสภาอะแลสก้า Dan Sullivan จากพรรค Republican กล่าวว่า “การหันกลับมาใช้กฎหมายนี้นั้นจำเป็น มันไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่มันเป็นเรื่องของสิทธิ”
•
องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับชนเผ่าในอะแลสก้า Tanana Chiefs Conference เสริมว่า “กฎหมายของ Obama ถูกบังคับใช้โดยไม่ได้ผ่านการหารือ หรือมีการปรึกษากับชนเผ่าที่เพียงพอ เนื่องจากชาวบ้านในอะแลสก้ายังต้องพึ่งพาทรัพยากรอาหารป่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทำให้การจัดการแหล่งอาหารที่ยั่งยืนของพวกเขาที่มีมาเป็นศตวรรษเปลี่ยนไป”
•
กฎหมายใหม่นี้จะเริ่มมีการอนุญาตให้นักล่าล่อหมีดำ รวมถึงลูกหมีและหมีดำตัวเมียที่อุ้มท้องออกจากถ้ำด้วยไฟประดิษฐ์ ลวงหมีดำและน้ำตาลด้วยเหยื่อ ล่าหมาป่าแม้ในฤดูกาลที่มันกกตัวอยู่ในถ้ำ และว่ายน้ำหรือขับเรือยิงกวางคาริบู
•
การกระทำเหล่านี้เคยถูกแบนในสมัยรัฐบาล Obama โดยทางรัฐบาลเผยว่า มันจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการล่าซึ่งจะลดจำนวนประชากรสัตว์นักล่า และทำร้ายระบบนิเวศน์
•
ตอนนี้กระทรวงมหาดไทยของประเทศสหรัฐอเมริกากำลังจัดการเพื่อขยายการเข้าถึงที่ดินของรัฐให้แก่นักล่าและบริษัทเชื้อเพลิง เดือนที่แล้ว มีการกำหนดให้ขยายพื้นที่การล้าและตกปลากว่า 2.3 เอเคอร์ ในกว่า 97 เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าพันธุ์สัตว์ป่าและ 9 สถานเพาะพันธุ์ปลา
•
ที่มา

https://www.theguardian.com/environment/2020/may/28/alaska-bears-wolves-trump-rules-hunters?CMP=fb_gu&utm_medium=Social&utm_source=Facebook#Echobox=1590662525

https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/trump-national-park-service-alaska-bear-baiting-hunting-wolves-coyotes-caribou-a9537391.html
•
ณิชากร บัวทรัพย์
ดูน้อยลง
— ที่
Alaska

 

[29 พฤษภาคม 2020 เวลา 00:00 น.]

 

เช้าวันที่ 28 พฤษภาคม มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดจากศูนย์จัดส่งสินค้าคูปังแล้ว 69 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 79 คนในรอบ 53 วันที่ผ่านมา

โดยมีผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ 4,159 คนในศูนย์จัดส่งสินค้าคูปัง ตอนนี้ได้มีการตรวจหาเชื้อไปแล้ว 3,445 (83%)

หน่วยงานกักกันจะทำการตรวจสอบบุคคลที่เหลือให้แล้วสิ้นภายในวันนี้

 

ฮ่องกงตอนนี้ เสมือนสูญสิ้นอิสรภาพ
.
1/ ก่อนหน้าที่สภาประชาชนแห่งชาติจีนจะมีมติรับรองกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯระบุ ชัดเจนแล้วว่าฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระอีกต่อไป
.
2/ เพราะเมื่อประเมินจากสถานการณ์ที่ฮ่องกงกำลังเผชิญอยู่ ส่งผลให้สถานะของฮ่องกงไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับความดูแลภายใต้กฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯอีก
.
3/ “ฮ่องกงตอนนี้ เสมือนสูญสิ้นอิสรภาพ รัฐบาลสหรัฐฯอาจจะดำเนินการลดระดับความร่วมมือทางการค้ากับฮ่องกง” นายไมค์กล่าว
.
4/ ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียสถานะพิเศษทางการค้ากับสหรัฐฯ เช่นอัตราภาษีสินค้าหลายชนิดที่รัฐบาลสหรัฐฯเรียกเก็บในอัตราที่ต่ำกว่าจีนแผ่นดินใหญ่
.
5/ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่า ควรดำเนินมาตรการใดต่อจีน
.
6/ ทรัมป์เปรยๆว่ามาตรการนั้นจะเป็นการพุ่งเป้าอย่างเฉพาะเจาะจง จนกว่าจีนจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
.
● จีนรับรองกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง ด้วยมติเสียงข้างมาก 2,878 เสียง คัดค้าน 1 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ●
.
1/ วานนี้ (28 พ.ค.) การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ของจีนเป็นการประชุมวันสุดท้าย หลังจากดำเนินมา 1 สัปดาห์
.
2/ มติสำคัญของการประชุมวันสุดท้ายคือ การเห็นชอบหลักการพื้นฐานเพื่อบัญญัติกฎหมายความมั่นคงว่าด้วย ‘การจัดตั้งและปฏิรูปกรอบกฎหมายและการบังคับใช้กลไกเพื่อพิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติ ภายในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง’
.
3/ ร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับนี้ ผ่านมติด้วยเสียงข้างมาก 2,878 เสียง คัดค้าน 1 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง
.
4/ ร่างกฎหมายมีสาระสำคัญ ห้ามมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดจัดกิจกรรมที่ถือเป็นการท้าทายอย่างร้ายแรงต่อหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ อันเป็นการทำลายหลักนิติธรรมแห่งรัฐ และเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
.
5/ ร่างกฎหมายยังระบุด้วยว่า พฤติกรรมที่มีเจตนาล้มล้างอำนาจการปกครอง แบ่งแยกดินแดน มีการเคลื่อนไหวใดๆที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังต่างชาติเพื่อบ่อนทำลายรัฐบาลจีน ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
.
6/ ร่างกฎหมายยังให้มีการตั้งหน่วยงานด้านความมั่นคงในฮ่องกงด้วย ซึ่งอาจจะเป็นหน่วยงานด้านข่าวกรองอย่างเป็นทางการของจีน มีสำนักงานตั้งอยู่ในฮ่องกง
.
7/ ร่างกฎหมายฉบับนี้อาศัยอำนาจตามมาตรา 23 ของเบสิกลอว์ กฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง ที่ระบุไว้ว่าคณะผู้บริหารต้องดำเนินการโดยใช้อำนาจอันชอบธรรม เพื่อยับยั้งป้องกันมิให้มีการเคลื่อนไหว อันเป็นการสั่นคลอนระบอบการปกครอง
.
8/ หลังจากนี้ ร่างกฎหมายจะเข้าสู่การพิจารณาและอนุมัติขั้นสุดท้ายโดยคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ มีคณะผู้ปกครองสูงสุดของจีน 7 คน นำโดยท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง
.

 

May 29 , 2020 UNWTO คาดท่องเที่ยวระหว่างประเทศปีนี้อาจหดตัวถึง 70% กระทบจ้างงานภาคท่องเที่ยว 110 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
.
นายซูราบ โพโลไลคาชวิลิ เลขาธิการองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีแนวโน้มลดลงถึง 70% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในทศวรรษ 1950
.
โดยภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสร้างความเสี่ยงต่อการจ้างงานราว 110 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
.
อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวในดินแดนที่ห่างไกลจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวที่มักมีคนไปอย่างหนาแน่นจะซบเซาลง
.
#UNWTO #ท่องเที่ยว #กระทบ #จ้างงาน #Misterban

 

"อนุทิน”ลั่น คนเรียกหักหัวคิวสถานที่กักตัวรัฐ ไม่รอด คนจ่ายโดนด้วย เข้าข่ายร่วมทุจริต ปัดตอบใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึงแค่เดือนมิ.ย.ระบุ แม้ไม่มีพ.ร.ก.ฯยังมีกฎหมายอื่นใช้ควบคุม

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000055981

 

วันนี้พบผู้ป่วยใหม่1 ราย กลับมาจากเรียนที่รัสเซีย ได้เดินทางกลับจากรัสเซียและมีการเปลี่ยนเครื่องที่ ญี่ปุ่น มีผู้ร่วมเดินทางกลับมาด้วย 95 ราย มีการกัก14 วันเรียบร้อย

พบใหม่ 1 ราย

ยอดสะสม 442 ราย

เสียชีวิตรวม 7 ราย

หายดีปัจจุบัน 420

เหลือผู้ป่วยปัจจุบัน 15 ราย

 

ที่แล้วมา โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ทวิตเตอร์เป็น ‘โทรโข่ง’ กระจายสุรเสียงสำเนียงแปร่งปร่าออกไปทั่วโลกา … ทรัมป์คงไม่บ้าบิ่นถึงขั้นทุบ “เครื่องมือหากิน” ของตัวเองใช่ไหม …

ทำไมจะไม่กล้าวะ! ทรัมป์คำรามลั่นท้องพระโรง สำแดงเดช “ไม่ต้องเสร็จนา กูก็ฆ่าโคถึกได้ … แล้วนับประสาอะไรกับไอ้นกกำแหง เอาไปตัดหัวซะ!”

.

ทรัมป์มิได้ถึงกับ “แบน” ทวิตเตอร์นะครับท่าน แต่ “ประกาศิตสั่งตาย” (Executive Order) ครั้งนี้ จะแก้กฎหมายส่วนที่ “พิทักษ์” โซเชียล มีเดีย --- ก็ปกติ โซเชียล มีเดีย ไม่ต้องรับผิดชอบอันใดต่อเนื้อหาทิ้งสิ้น ก็ อ้าว ใครโพสต์ล่ะ คนที่มาใช้น่ะโพสต์กันเองทั้งนั้น โซเชียล มีเดีย เป็นแค่ “ช่องทาง” เท่านั้น

ทว่านับจากนี้ไป บรรดาโซเชียล มีเดีย มีสิทธิโดนฟ้องเอาผิดได้!

.

น้ำหนักของประกาศิตที่พ่นจากปากประธานาธิบดียังไม่เพียงพอนะครับท่าน ตัวทรัมป์เองก็บอกว่าเดี๋ยวต้องออกกฎหมายใหม่มารับรองให้เป็นเรื่องเป็นราว … ซึ่งยุ่งยาก ต้องผ่านสภาคองเกรสเป็นขั้นเป็นตอน … แต่ยังไงซะ ตอนนี้ ทรัมป์ก็ ‘เจิม’ ให้แล้วจ้า

ทรัมป์ ‘หัวฟัดหัวเหวี่ยง’ ที่หลายวันก่อน ทวิตเตอร์บังอาจท้าทายด้วยการแปะป้าย “กำกับฉลากยา” ใต้โพสต์ของทรัมป์ในทำนองว่าโพสต์นี้อาจเป็นเท็จ พร้อมทั้งทวิตเตอร์ยังจัดแจงลิงค์ข้อมูลที่ “เชื่อ” ว่าจริงให้อีกต่างหาก

ทรัมป์หาว่าโดนเซ็นเซอร์!

ทรัมป์จึงต้องลงทัณฑ์ในนามของ “เสรีภาพ” … แต่ตรงกันข้ามนะครับท่าน ยิ่งทำแบบนี้ ผลจะกลายเป็น “จำกัดเสรีภาพ” ต่างหาก!

.

ลองคิดดู ถ้า โซเชียล มีเดีย มีสิทธิโดนฟ้องโดยเอาผิดจากเนื้อหาของคนโพสต์ได้ ฉะนั้น ไยมิใช่พวกโซเชียล มีเดีย ยิ่งต้องรัดกุมแจ ไม่ให้คนโพสต์สุ่มสี่สุ่มห้าได้ … เช่นนี้แล้ว แม้กระทั่งเพจนี้ก็ยังอาจโดนตรวจสอบดูแลใกล้ชิด!!!!!!

ยังไม่จบ ทรัมป์กร้าว วันนี้ (วันศุกร์ที่ 29 พ.ค.) จะออก “ประกาศิตสั่งตาย” อีกงวด หวยไปออกที่จีนบ้าง

ทวิตเตอร์น่ะตอบโต้อะไรทรัมป์ได้นักล่ะ หือ? … แต่กับจีนน่ะ เกรงว่าจะมิใช่ จู่โจมกลับได้ไม่น้อยเลยทีเดียวกระมัง

รับรองมันส์พ่ะย่ะค่ะ!

https://www.cnbc.com/2020/05/28/trump-targets-social-media-with-executive-order-after-twitter-fact-checks-him.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-28/trump-says-he-ll-sign-order-to-limit-twitter-s-legal-protections?sref=mu7Gtsbe

 

BTimes

คุยกับบัญชา ทำไมอัตราการว่างงานของอเมริกาถึงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ?? แถมส่งผลแรงกระทบ GDP ไตรมาสแรกทรุดหนักในรอบ 13 ปี พร้อมคาดว่าไตรมาส 2 อาจสาหัสถึงขั้นติดลบ 40% !

#อเมริกา #ตกงาน #ปลดพนักงาน #GDP #ปิดกิจการ #ธุรกิจ #เศรษฐกิจ #บัญชา #โควิด19 #COVID19 #BTimes #MisterBan