ติดตามสถานะการณ์

สถิติใหม่! บราซิลติดเชื้อโควิด 19 วันเดียว 26,928 ราย

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขบราซิลแถลงวันนี้ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายใหม่ ในวันที่ 29 พ.ค. จำนวน 26,928 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ยอดสะสม 465,166 ราย และมีผู้รักษาหายแล้ว 193,181 ราย ซึ่งอยู่ในอับดับ2 ของโลก

ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงสาธารณสุขบราซิล คาดว่า จำนวนผู้ป่วยในบราซิลอาจสูงกว่าตัวเลขที่ยืนยันถึง 15 เท่า เนื่องจากการทดสอบหาเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในหนึ่งวันที่ผ่านมากว่า 1,124 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 27,878 ราย

ทั้งนี้จากตัวเลขแสดงให้เห็นจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าสเปนที่มียอดผู้เสียชีวิต 27,121 ราย ทำให้บราซิลมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจากสหรัฐ อังกฤษ อิตาลี และ ฝรั่งเศส ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดสูงติดอันดับ 1 ถึง 4 ของโลก

The post สถิติใหม่! บราซิลติดเชื้อโควิด 19 วันเดียว 26,928 ราย appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

จีนประกาศค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ ปริมาณสำรองกว่า 100 ล้านตันที่ทะเลปั๋วไห่
.
กลุ่มบริษัทน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งชาติจีน (CNOOC) ประกาศข่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีน (Ministry of Natural Resources) ได้เสร็จสิ้นงานการตรวจสอบและบันทึกรายงานปริมาณสำรองที่ทำการสำรวจที่แหล่งน้ำมันเขิ่นลี่ 6-1 ผลปรากฏว่ามีปริมาณน้ำมันสำรองกว่า 100 ล้านตัน นั่นแสดงว่าแหล่งน้ำมันแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ระดับ 100 ล้านตันแห่งแรกในพื้นที่ทางเหนือของอ่าวไหลโจว ในทะเลปั๋วไห่ของจีน
.
รายงานระบุว่า แหล่งน้ำมันเขิ่นลี่ 6-1 เป็นการสำรวจพบทางธรณีวิทยาต่อจากแหล่งก๊าซธรรมชาติปั๋วจง 19-6 ปริมาณสำรอง 1 แสนลูกบาศก์เมตร ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ CNOOC อีกครั้งในทะเลปั๋วไห่ ปัจจุบัน แหล่งน้ำมันเขิ่นลี่ 6-1 กำลังเร่งพัฒนางานประเมินผล และจะบรรลุการนำไปผลิตโดยเร็วที่สุด
.
อย่างไรก็ตาม การสำรวจขนาดมหาศาลของแหล่งน้ำมันแห่งนี้จะรับประกันทรัพยากรที่มั่นคงสำหรับการผลิตอย่างต่อเนื่อง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 10 ปี โดยจะบรรลุเป้าหมายในการผลิตปริมาณ 40 ล้านตัน
.
#แหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ #ทะเลปั๋วไห่ #CNOOC #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

... "เอฟบีไอเผย : ถ้าอิสราเอลไม่ช่วย, ทรัมป์จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ในปี 2016"

... ตามเอกสาร FBI ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ "โรเจอร์ สโตน"ซึ่งเป็นคนสนิทของโดนัลด์ทรัมป์ผู้ที่ถูกตัดสินลงโทษเมื่อปีที่แล้ว 2019, ในการสืบสวนของโรเบิร์ต มุลเลอร์เกี่ยวกับ "ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ในปี 2016" เกี่ยวกับการรณรงค์หาเสียงเพื่อแข่งขันสทัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดีอเมริกา,

... สโตนเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับคนอิสราเอลมากมาย และคนอิสราเอลหนึ่งในนั้นเตือนสโตนว่าทรัมป์ "กำลังจะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง” เว้นแต่อิสราเอลเข้าแทรกแซงในการเลือกตั้งเท่านั้น

... การติดต่อแลกเปลี่ยนกันระหว่างสโตนกับผู้ที่เขามีสายสัมพันธ์ในอิสราเอลนี้ปรากฏในเอกสาร FBI ที่เปิดเผยต่อสาธารณะในวันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา

... สโตนเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของทรัมป์มานาน จนมาถึงในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 เขาถูกไล่ออกในปี 2015 อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงเขายังคง ติดต่อช่วยเหลือกับการรณรงค์การเลือกตั้งต่อไปตามข้อมูลจากการสอบสวนของ Mueller

... เนื้อหาของเอฟบีไอซึ่งถูกแก้ไขตรวจทานอย่างหนักรวมถึงการอ้างอิงอย่างชัดเจนถึงสายสัมพันธ์กับอิสราเอล และการอ้างอิงก็ยาวไปถึงถึงระดับรัฐมนตรี เป็น "รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของการป้องกันกระเทศและการต่างประเทศของอิสราเอล ” รวมถึงนายกรัฐมนตรีที่ในตอนนั้นคือเนทันนาฮู ในการอ้างอิงเหล่านี้ ทั้งหมดทั้งชื่อและประเทศของรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีจะถูกแก้ไขตรวจทานอย่างละเอียด

... Benjamin Netanyahu เป็นนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลในปี 2016 และรัฐบาลอิสราเอลรวมถึง Tzachi Hanegbi ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในเดือนพฤษภาคมมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศและการต่างประเทศ การอ้างอิงถึงมีดังต่อไปนี้ “ในวันที่ประมาณ 28 มิถุนายน 2016, ( ชื่อที่ถูกแก้ไข ) ส่งข้อความไปที่สโตนแล้วบอกเขาว่า ,“การเดินทางกลับไป ที่วอชิงตันดีซี หลังจากการปรึกษาหารืออย่างเร่งด่วนกับนายกรัฐมนตรี ในกรุงโรม ต้องการพบคุณในวันพุธและพบทรัมป์ในวันพฤหัสบดีที่นิวยอน์ค” เนทันยาฮูไปเยือนประเทศอิตาลีเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2016 ตรงตามที่บอกในข้อความ

... ประมาณวันที่ 12 สิงหาคม 2016 ( ชื่อที่ถูกแก้ไข ) ส่งข้อความถึงหิน "โรเจอร์ , สวัสดี จากกรุงเยรูซาเล็ม มีความคืบหน้าไหม? เขาจะพ่ายแพ้ถ้าเราไม่เข้าไปแทรกแซง เรามีตัวแปรที่สำคัญ กุญแจอยู่ในมือของคุณแล้ว! จะกลับไปที่อเมริกาในสัปดาห์หน้า"

... หลังจากนั้น "มีความประหลาดใจเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2016" ในอเมริกาซึ่งเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่เอกสารโดย Julian Assange ของ Wikileaks ที่ตั้งใจที่จะทำลายการรณรงค์หาเสียงของคู่แข่งคนสำคัญในตำแหน่งประธานาธิบดีคือนางฮิลลารีคลินตันและเป็นการกอบกู้คะแนนเสียงของทรัมป์อย่างท่วมท้น

... เรื่องราวการแอบพบปะกันของอดีตที่ปรึกษาของทรัมป์อย่างนายสโตนถูกเผยแพร่ในเดือนเมษายน แต่ถูกกลบด้วยข่าวของโควิด19 ไปหมด จึงไม่ทีการพาดข่าวเรื่องนี้จากสื่อกระแสหลัก

... ซึ่งข่าวการแอบพบปะเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกาจากอิสราเอลนี้เป็นการเติมเต็มเรื่องราวของ "กลุ่มไซออนิสต์" ที่มีนโยบายที่กร้าวราว ผ่านการปกครองอเมริกาในสมัยของทรัมป์ และข่าวความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับอิสราเอลดังกล่าวถูก "ข่าวปลอม" ซึ่งถูกปล่อยที่เกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกาในปี 2016 ของ "รัสเซีย" ในปีนั้นผ่านสื่อกระแสหลักที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนยิวเหล่านั้นแทน เพื่อกลบเกลื่อนข่าวจริง

... ที่มันจะคล้ายกับข่าวปลอมที่กำลังจะปล่อยออกมาปี 2020นี้ ที่จะกระพือข่าวว่า "จีน" กำลังแทรกแซงการเลือกตั้งของอเมริกาในปี2020

... ตามข้อมูลของสื่อมวลชนชาวยิวกลุ่มหนึ่ง อ้างว่าโดนัลด์ทรัมป์เป็น "ประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชาวยิวและอิสราเอลในประวัติศาสตร์โลก" ( ทรัมป์ยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลครั้งแรก และย้ายสถานฑูตอเมริกาไปที่นั่นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ )

... ทรัมป์เคยโม้ขนาดที่ว่าเขาได้รับความนิยมในหมู่ชาวอิสราเอลมากจนพวกคนอิสราเอลจะเลือกเขาถ้าเขาสมัครรับเลือกตั้งที่อิสราเอล

... "และแม้ว่าประชาชนชาวอเมริกันที่สมองตาย เมื่อได้รู้เรื่องการแทรกแซงของอิสราเอลต่อการเลือกตั้งนี้ ( การแทรกแซงต่างประเทศเป็นรูปแบบหนึ่งของ “การไม่เคารพและล้มล้างโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยที่น่าเชิดชูของเรา”) พวกเขาก็อาจจะแค่ยักไหล่ เพราะอิสราเอลเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่น่าเชื่อถือที่สุด"

.

...
https://russia-insider.com/en/fbi-d...n-trump-would-have-lost-2016-election/ri30427
...

 

ฝันร้ายของ ‘ร้านอาหารจีน’ ในสหรัฐฯ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
.
www.xinhuathai.com/high/109977_20200529

 

(May 30) ธปท. ขู่ ลงโทษแบงก์-ริบ ‘ซอฟท์โลน” หากพบ เอื้อนำสินเชื่อ ไปปล่อยต่อ กินส่วนต่างดอกเบี้ย! ผู้ว่าธปท. ขึ้นชี้แจง ต่อสภาฯ กรณีซอฟท์โลน 5 แสนล้าน ชี้กรณีมีการแสดงความกังวล ว่าอาจมีผู้กุ้รายได้ ได้ซอฟท์โลนนำไปล่อยต่อกินหัวคิวเอสเอ็มอี รีบแจ้งธปท.ทันที พร้อมดำเนินการลงโทษแบงก์ ริบคืนซอฟท์โลน เหตุผิดเจตนารมณ์พรก. และโทษฐานไม่ระมัดระวัง

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง กรณีที่ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์ ได้มีการแสดงความกังวล เกี่ยวกับ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาท ว่า อาจมีผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้รับอนุมัติซอฟท์โลน แล้วนำไปปล่อยต่อให้กับเอสเอ็มอีรายอื่นๆ เพื่อกินส่วนต่างดอกเบี้ยนั้น ธปท.ขอย้ำว่า หากมีหลักฐาน หรือข้อมูล ขอให้แจ้งให้กับธปท.รับทราบ และธปท.จะรีบดำเนินการ สอบสวน

ซึ่งหากพบว่ามีความผิดเหล่านั้นจริง จะมีการลงโทษกับสถาบันการเงินและเรียกคืนเงินซอฟท์โลนที่ปล่อยไปด้วย เพราะถือว่า เป็นการดำเนินการที่คัดกับเจตนารมย์ ของพรก.และเป็นการดำเนินการที่ไม่ระมัดระวัง

ขณะเดียวกันขอย้ำว่า สินเชื่อซอฟท์โลน ถือเป็นหนึ่ง ในหลายมาตรการของธปท. ที่ได้ออกไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีเท่านั้นซึ่ง ในส่วนของซอฟท์โลน ถือเป็นหนึ่งมาตรการ ในหลายมาตรการที่รัฐบาลได้ดำเนิน โดยกลไกของซอทฟ์โลน คือเน้นการปล่อยสินเชื่อใหม่ผ่านลูกค้าที่มีสินเชื่อเดิมกับสถาบันการเงิน หากดูในระบบธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจด้วย มีลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีวงเงินสินเชื่อน้อยกว่า 500 ล้านบาท รวมกันถึง 1.7ล้านราย

ดังนั้นกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงค์จากมาตรการนี้ ซึ่งมียอดสินเชื่อรวมกันราว 4 ล้านล้านบาท ซึ่งสถาบันการเงินที่สามารถนำซอทฟ์โลนไปปล่อยสินเชื่อภายใต้พรก.นี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะธนาคารพาณิชย์เท่านั้น รวมไปถึงธนาคารรัฐด้วย

ด้านกลไก ของซอฟท์โลน กรณีมีการตั้งข้อสังเกต จากสมาชิกสภาฯ ด้านกลไกการปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน ด้านแรกพรก. ฉบับนี้ ไม่ควรเรียกว่า การกู้เงิน เพราะซอฟท์โลนเป็นการใช้สภาพคล่องของธปท.ที่ปล่อยให้สถาบันการ เมื่อครบกำหนด2ปี สถาบันการเงินจะนำเงินส่วนนี้มาคืนธปท. ทำให้ไม่เป็นหนี้สาธารณะ ไม่สร้างภาระ ให้กับคนรุ่นต่อไปๆ

กลไกซอฟท์โลน มีส่วนต่างอัตรา2% จากธปท.ที่ปล่อยสินเชื่อ 0.01% กรณีปกติ สถาบันการเงินเป็นคนรับความเสี่ยงด้านเครดิต ว่าหากเกิดเป็นหนี้เสียขึ้น สถาบันการเงินจะต้องรับผิดชอบ แต่รอบนี้ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง จากาภาวะเศษบกิจ และจากโควิด-19 รัฐบาลก็จสามารถเข้ามาชดเชยคามเสียหายได้บ้างส่วน ทำให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อได้เร็วขึ้น

แต่ส่วนใหญ่การปล่อยสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน ดังนั้นหากดูหลักการชดเชย หากลูกหนี้มีหลักประกันกับสถาบันการเงิน อัตราการชดเชยจะต่ำกว่านั้นมาก เพราะต้องไปหักหลักประกัน ถึงไปคำนวนเงินชดเชยซึ่งเน้นผู้ประกอบการรายเดิม แต่หากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ไม่เคยกู้เงินกับสถาบันการเงินมาก่อน สถาบันการเงินก็จะไม่สามารถทราบความเสี่ยง และไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็ว และการกำหนดความเสี่ยง ก็จะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงกับลูกหนี้

อีกประเด็นที่สำคัญ ว่ามีการปล่อยสินเชื่อค่อนข้างช้าในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซอทฟ์โลนปล่อยออกไปแล้ว 5.8 หมื่นล้านบาท โดยซอฟท์โลนในพรก.ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเยียวยาเอสเอ็มอีขนาดเล็กและขนาดย่อม และมีวัตถุประสงค์ที่จะฟื้นฟูด้วย เมื่อระบบเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะการฟื้นฟู เมื่อโควิด-19 คลี่คลายลง

ดังนั้นในระยะเวลา พรก.นี้จะมีการกำหนดระยะเวลาขอกู้ใน 6 เดือนแรก และสามารถขยายต่อรอบละ 6 เดือน ธปท.ไม่ได้คาดหวังว่าซอฟท์โลนจะออกทั้งหมดในทันที เพราะซอฟท์โลนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเยียวและฟื้นฟูเอสเอ็มอีให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจด้วย

"เรายอมรับว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้คาดหวังว่าซอทฟ์โลนจะออกหมด แต่การปล่อยสินเชื่อที่ผ่านมาของธนาคารพาณิชย์ และแบงก์รัฐก็ช้ากว่าที่เราอยากเห็น เพราะว่าแต่ละสถาบันการเงินมีนิยามเอสเอ็มอีต่างประเภทกัน มีการพิจารณา และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่ต่างกัน ดังนั้นการหยุดอยู่บ้านเพื่อชาติก็มีผลต่อการค้ำประกัน การจดจำนองหลักประกันใหม่ ลูกหนี้บางส่วนก็ไม่อยากขอกู้หนี้เพิ่มเติม ในช่วงโควิด-19ยังไม่ชัดเจน"

ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถาม จากสมาชิกสภาฯว่า การที่ปล่อยสินเชื่อออกไปช่วง 6 เดือนที่ไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย นับจาก 31ธ.ค. 62 แปลว่าเดือนหน้าครบ 6 เดือนแล้ว ดังนั้นหากดูข้อเท็จจริง ตามมาตร 9 จะเขียนไว้ชัดเจนว่าไม่เก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้เป็นระยะเวลา 6 เดือนแรก นับจากที่ได้สินเชื่อเพิ่มเติม นับจากลูกหนี้ได้เงิน ไม่ใช่ 31ธ.ค. 62

ส่วนการกระจายตัว ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปล่อยให้ลูกหนี้รายใหญ่ และกลุ่มนายทุนเท่านั้นหรือไม่ ในซอฟท์โลน ที่ธปท.อนุมัติไปรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา 5.8 หมื่นล้านบาท รวมลูกหนี้ 3.5 หมื่นราย เฉลี่ยรายละ 1.65 ล้านบาท 51% ของลูกหนี้ที่ได้รับเป้นธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีวงเงินเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท และอีก 23% เป็นธุรกิจที่มีวงเงินเดิม อยู่ 5-20 ล้านล้านบาท ดังนั้น 74% ที่อนุมัติไปทั้งหมด เป็นลูกหนี้ที่มีวงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท

ขณะที่ 71% เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในต่างจังหวัด และธุรกิจท่องเที่ยวที่มีความเสียงสูง ก็ได้รับการจัดสรรซอฟท์โลนไปแล้ว 5.1 พันล้านบาท

ซึ่ง ในหนังสือเวียนของธปท. ที่ได้ส่งถึงสถาบันการเงินทุกแห่งเขียนชัดเจนว่า ให้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับรัฐวิสาหกิจขนาดย่อม และผู้ประกอบการในภูมิภาคที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนใดมาก่อน

ดังนั้นเป็นหัวใจสำคัญ และไม่มีลักษณะให้สินเชื่อเพิ่มเติมกับธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีศักยภาพและมีความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลายช่องทางอยู่แล้ว อันนี้เราตระหนักดีว่า นิยามเอสเอ็มอีเฉพาะเรื่องนี้ คือ เอสเอ็มอีต้องไม่มีวงเงินกับสถาบันแห่งใดแห่งหนึ่งไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อให้มีการดำเนินการได้รวดเร็ว เพราะหากต้องไปพิสูจน์การจ้างงาน พิสูจน์ยอดสินเชื่อรวมก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน ในภาวะที่การเดินทางต่างๆยากลำบาก แต่ธปท.ก็ได้มีการติดตามใกล้ชิด และมีหนังสือเวียนกำชับสถาบันการเงินให้ปฏิบัติตามเจตนารมย์ของพรก.

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

https://www.bangkokbiznews.com/news...slide_recentnews&utm_medium=internal_referral

ภาพ ธปท.

 

(May 30) ภาษีที่ดิน ซ้ำเติมอสังหาฯติดหล่ม : ผู้ประกอบการโอด ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อีก 2 เดือน รอจัดเก็บ ซ้ำเติมภาวะตลาดขายยาก แบกรับต้นทุนเพิ่มเสนอขอเลื่อนจัดเก็บไปก่อน ขณะศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส. ระบุ ห่วงสต๊อกเก่าเหลือขายในตลาด และยังมีรอสะสมใหม่อีกนับ 8 หมื่นหน่วย

แม้วิกฤติโควิด-19 กดดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จนคาดตลอดทั้งปี 2563 แค่เฉพาะ กทม.-ปริมณฑล จะมีหน่วยใหม่หายไปเกือบ 20% จากปีก่อนหน้า อีกแง่นอกจากเป็นผลดี ช่วยลดซัพพลายใหม่เกินความต้องการของตลาดแล้ว ยังเปรียบเป็นปีลดเสี่ยง พักเหนื่อยให้ผู้ประกอบการ ล้างไพ่เพื่อเริ่มเกมใหม่ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังต้องเจอกับโจทย์ใหญ่อีกหลายด่าน ระหว่างที่รอตลาดปรับสู่สมดุล โดยเฉพาะการหาทางระบายสต๊อกที่เหลือขายอยู่เป็นจำนวนมาก ผ่านการโหมแคมเปญ ออกโปรโมชัน กระตุ้นต่อเนื่อง แต่ภาวะขายหนืดลูกค้ากู้ไม่ผ่าน วนกลับมาเป็นสต๊อกเก่า น่าห่วงสุดกลุ่มขายไม่หมดเกินระยะ 3 ปี กำลังจะกลายเป็นภาระต้นทุนใหม่ จากการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ พ.ศ 2562 ซึ่งจะดีเดย์ 1 สิงหาคมนี้แน่นอน หลังจากเลื่อนผ่อนปรนมาตั้งแต่ 1 มกราคม 2563

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หรือ REIC ระบุว่า ขณะนี้มีความกังวลถึงจำนวนสต๊อกเก่า ขายไม่หมด และหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่ที่จะแล้วเสร็จจดทะเบียน คาดตลอดทั้งปี 2563 เฉพาะพื้นที่กทม.-ปริมณฑล จะมีเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 80,563 หน่วย ซึ่งหากอัตราดูดซับในตลาดยังลดลงต่ำกว่า 5% จากอดีต 9.5% สะท้อนการขายออกได้ช้า จากปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภคนั้น บางส่วนจะกลายเป็นสต๊อกสะสมใหม่ ส่วนสต๊อกเก่ากลุ่มที่ผู้ประกอบการไม่สามารถขายได้หมดในระยะ 3 ปี (นับจากออกใบอนุญาต) จะถูกเรียกเก็บภาษี ในอัตราล้านละ 3,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบในช่วงครึ่งปีหลังของตลาด

“การขายได้ช้า ก่อให้เกิดสต๊อก และเมื่อภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างกำลังจะมีผลบังคับใช้แน่ โปรเจ็กต์เก่าที่ขายไม่หมดในระยะ 3 ปี ย่อมกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ เบื้องต้นจะทำรายงานเสนอให้ชะลอการจัดเก็บออกไปก่อน เพื่อช่วยผู้ประกอบการซึ่งกระทบหนักอยู่ก่อนแล้วในช่วงนี้”

ส่วนกรณีรัฐ ล่าสุดรัฐขยายมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% เพิ่มไปถึงเดือนมิถุนายน ปี 2565 ในกลุ่มบ้าน-คอนโดฯ หลังแรกไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น อาจยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อและผู้ประกอบการ เนื่องจากหากต้องการเพิ่มบรรยากาศการซื้อ-ขาย ให้กลับมาคึกคัก ควรกระตุ้นให้ทุกกลุ่มราคา

ด้าน นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เบื้องต้นบริษัทมีสต๊อกคอนโดฯ เฉพาะแค่กลุ่มที่ขายไม่หมดภายในระยะ 3 ปี ซึ่งเข้าเงื่อนไขกฎหมายจะต้องถูกจัดเก็บภาษีประเภทพาณิชย์ 0.3% หรือ ล้านละ 3,000 บาท นั้น รวมมูลค่าหน่วยประมาณ 3 พันล้านบาท โดยมองว่าเป็นปัจจัยลบตัวใหม่สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ณ ปัจจุบัน

“เป็นภาระที่หนัก สำหรับผู้ประกอบการ แม้ตลาดพอจะมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง เช่น การขยายลดค่าโอนฯ จดจำนองออกไป 2 ปี แต่เป็นที่ทราบกันว่า ขณะนี้สต๊อกคงค้างในตลาดมีจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุุ่มคอนโดฯ ที่ต้องสร้างเสร็จทั้งตึก ส่วนบ้านเดี่ยว กระทบไม่มาก เพราะทยอยขาย-ทยอยสร้างอยู่ก่อนแล้ว”

นายวงศกรณ์ ยังกล่าวว่า ปัญหาของผู้ประกอบการขณะนี้ คือ ลูกค้ามีความต้องการที่อยู่อาศัย แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยมีลูกค้าจำนวนมากถูกธนาคารปฏิเสธสินเชื่อ เพราะคุณสมบัติไม่เข้าเงื่อนไขตามที่ธนาคารเข้มงวด แม้ทุกบริษัทจะยอมเชือดเนื้อลดกำไร อุ้มลูกค้าผ่านการรับภาระ ณ วันโอนฯ และผ่อนให้ฟรียาว 2 ปีก็ตาม ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ยิ่งเป็นการซ้ำเติมตลาด

ขณะที่นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ระบุสอดคล้องว่า ต้องการให้รัฐประกาศเลื่อนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวออกไปก่อนอีกสักระยะ อย่างน้อยช่วงปีหน้า เนื่องจากขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะผู้ประกอบการต่างอยู่ในภาวะเหนื่อย ตลาดเสียหายจากวิกฤติโควิด-19 มามากแล้ว ขณะเดียวกันอยากให้ทบทวนระยะเวลายกเว้นผ่อนปรน จากเดิมที่นับจากหน่วยเหลือขายในระยะ 3 ปี เปลี่ยนเป็น 5 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาระบายสินค้า

“ผู้ประกอบการเข้าใจในวัตถุประสงค์การเรียกเก็บภาษี แต่ระยะ 3 ปีต้องขายให้หมด มองว่าน้อยเกินไป และขณะนี้อาจเร็วเกินไปในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะตลาดเพิ่งได้รับผลกระทบจากโควิด”

ทั้งนี้ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียสเอสเตทแวลู บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ระบุว่า บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากภาษีดังกล่าวไม่มาก เพราะคาดจะสามารถระบายสต๊อกขายได้ทัน 70-80% จากสต๊อกที่มีอยู่ราว 2 หมื่นล้านบาท

Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

https://www.thansettakij.com/conten...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

 

รองอธิบดีกรมควบคุมโรคเผย หากสระว่ายน้ำมีปริมาณคลอรีนอยู่ในระดับมาตรฐาน ก็สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งค่ามาตรฐานของคลอรีนในสระต้องไม่ต่ำกว่า 1 มิลลิกรัม : น้ำ 1 ลิตร โดยต้องคำนวณปริมาณให้เหมาะสมกับขนาดของสระ แต่ทั้งนี้ผู้ที่ไปใช้บริการก็ควรรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสมขณะเล่นด้วยนะคะ ^^
.
#คลอรีน #สระว่ายน้ำ #ว่ายน้ำ #ออกกำลังกาย #การป้องกัน #ไวรัส #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

 

#ป้องกันแหน่เด้อพี่น้อง ขณะนี้ ขอนแก่น พบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 60 ราย

ซึ่งในปีนี้พื้นที่บริเวณชุมชนสามเหลี่ยม 2 เป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมีจำนวนที่สูงถึง 16 รายแล้วในขณะนี้ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล พนักงานเทศบาล ประธานชุมชน อสม. และคณะกรรมการชุมชน ได้ร่วมออกเดินรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก การหยอดทรายอะเบทเพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง การแจกทรายอะเบท-โลชั่นทากันยุง ตลอดจนการฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณพื้นที่เสี่ยงต่อการเพาะพันธุ์ยุงในพื้นที่ชุมชนสามเหลี่ยมอีก

ทั้งนี้ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ได้กล่าวว่า จากสถิติจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ตั้งแต่ปี 2558 – 2562 ดังนี้

-ปี 2558 ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 334 ราย

-ปี 2559 ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 79 ราย

-ปี 2560 ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 48 ราย

-ปี 2561 ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 55 ราย

-ปี 2562 ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 180 ราย


โดยในปี 2563 นี้ ข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2563 ปรากฏว่า มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 60 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2563) ซึ่งจากสถิติ 5 ปีย้อนหลังนั้นในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี จะพบผู้ป่วยไข้เลือดออกมากที่สุด ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก ที่ผ่านมานั้นเทศบาลนครขอนแก่นได้จัดกิจกรรมต่างๆมากมาย ได้แก่ กิจกรรมรณรงค์รวมพลังกำจัดลูกน้ำยุงลาย ,การอบรม อสม. และให้ดำเนินการสำรวจ ให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ,กิจกรรมรณรงค์การจัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาดปราศจากยุงลาย ในวัด ชุมชน โรงเรียน ,การอบรมอาสาสมัครพ่นสารเคมี ,การจัดทำโครงการ 3 เก็บ + 5 ส. ป้องกัน 3 โรคจากยุงลาย เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตาม เทศบาลนครขอนแก่น ขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนทุกท่านในการให้ความร่วมมือกับ อสม. คณะกรรมการชุมชน หรือ เจ้าหน้าที่ของเทศบาลในการเข้าไปสำรวจข้อมูล การสร้างความรู้ความเข้าใจ และการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงภายในบริเวณบ้าน เช่น โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ แก้วน้ำบูชาพระ กระถางต้นไม้ ต้นสัปปะรดสี ยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง จานรองขาตู้กับข้าว เป็นต้น รวมไปถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการป่วยโรคไข้เลือดออก เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องตระหนักถึงอันตรายของโรคไข้เลือดออกและมีส่วนร่วมในการป้องกันควบคุมโรคดังกล่าวด้วย

โดยสามารถสอบถามรายละเอียดและแจ้งข้อมูลได้ที่ สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแก่น หมายเลขโทรศัพท์ 043-424550 ในวัน เวลา ราชการ หรือ อสม. ประธานชุมชน และคณะกรรมการชุมชนใกล้บ้านของท่าน สำหรับข้อมูลของโรคไข้เลือดออก ดังนี้

1.อาการ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ

1.1 ระยะไข้ (2-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเกือบตลอดเวลา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มักมีหน้าแดง และอาจมีผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา

1.2 ระยะช็อค ระยะนี้ไข้จะเริ่มลดลง ผู้ป่วยจะซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ในรายที่รุนแรง จะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อค และอาจถึงตายได้ ระยะนี้กินเวลา 24-48 ชั่วโมง ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายไม่จำเป็นต้องเป็นรุนแรงและเข้าสู่ภาวะช็อคทุกราย

สำหรับในผู้ป่วยไข้เลือดออกที่อาการไม่รุนแรง เมื่อไข้ลดก็จะมีอาการดีขึ้น รับประทานอาหารได้ เข้าสู่ระยะฟื้นตัว

1.3 ระยะฟื้นตัว อาการต่างๆจะเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยรู้สึกอยากรับประทานอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้นและช้าลง ปัสสาวะมากขึ้น บางรายมีผื่นแดงและมีจุดเลือดออกเล็กๆ ตามลำตัว

2. ข้อแนะนำการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน


2.1 เช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดไข้ตามที่แพทย์สั่ง ได้แก่ ยาพาราเซตามอล ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้ามีไข้เกิน 3 วัน ควรมาพบแพทย์

2.2 ห้ามให้ยาลดไข้ที่มีส่วนผสมของแอสไพริน หรือ ibuprofen เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหารได้

2.3 ดื่มน้ำมากๆ โดยแนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่แทนน้ำเปล่า

2.4 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดทุกชนิด เพราะอาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร

2.5 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสีแดงหรือดำ เพราะอาจทำให้สับสนกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารได้

2.6 ให้มาพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้

2.6.1 อาเจียนมาก ไม่สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้เพียงพอ

2.6.2 ปวดท้องมาก

2.6.3 มีเลือดออกรุนแรง เช่น ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด

2.6.4 เอะอะโวยวาย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง

2.6.5 กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็น

2.6.6 ไม่ปัสสาวะนานกว่า 6 ชั่วโมง

2.6.7 ซึมลงไม่ค่อยรู้สึกตัว หอบเหนื่อย

3. การป้องกันการเกิดไข้เลือดออก

3.1 ป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยนอนในมุ้งแม้ในเวลากลางวัน

3.2 กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้าน รวมทั้งบริเวณรอบๆบ้าน

3.3 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำในภาชนะที่ขังน้ำทุก 7 วัน เช่น แจกัน

3.4 กำจัดภาชนะแตกหักที่ขังน้ำ เช่น ยางรถเก่า กระถาง

3.5 เลี้ยงปลากินลูกน้ำในอ่างบัวหรือแหล่งน้ำอื่นๆ

3.6 ปิดฝาโอ่งหรือภาชนะอื่นๆให้มิดชิดหรือใส่ทรายเคมี กำจัดลูกน้ำในภาชนะที่เก็บน้ำไว้ใช้ใส่เกลือหรือน้ำส้มสายชูลงในจานรองขาตู้กับข้าวสัปดาห์ละครั้ง

3.7 ใส่ทรายอะเบท 1% ลงในโอ่งน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำในอัตราส่วน 10 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร ควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน

แหล่งข้อมูลจาก เทศบาลนครขอนแก่น กิจกรรมเทศบาล

 

การชุมนุมประท้วงลุกลามทั่วในสหรัฐอเมริกาต่อเนื่อง ล่าสุด พลมืองใน พอร์ตแลนด์ จอร์เจียและโอ๊คแลนด์ก็เข้าร่วมการประท้วงเช่นกัน

 

สหรัฐอเมริกาจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับสหภาพโซเวียต

สส. อิรักชี้ถึงเหตุการณ์การประท้วงที่บานปลายในสหรัฐอเมริกาว่า มันเป็นปัจจัยในการล่มสลายของสหรัฐอเมริกาซึ่งคล้ายกับสหภาพโซเวียต

Fazel Jaber ตัวแทนของพรรค Fatah อิรัก ชี้ถึงการประท้วงที่บานปลายในสหรัฐอเมริกาและการปราบปรามของรัฐบาลสหรัฐที่ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ว่า มันเป็นหลักฐานที่ชี้ถึงความอ่อนแอของรัฐบาลสหรัฐฯ

เขากล่าวเสริมว่า การขยายตัวของการประท้วงโดยคนอเมริกันผิวสีในหลายรัฐของสหรัฐฯ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก

Jaber กล่าว ว่า “ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนอเมริกันผิวสี ได้ทำการประท้วงและมีการประท้วงที่รุนแรงกว่าในอดีต แต่สิ่งที่จับตามองก็คือการใช้กำลังและความรุนแรงซึ่งตรงกันข้ามกับที่สหรัฐอเมริกาอ้างว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยเพื่อเสรีภาพของพลเมืองและสิทธิมนุษยชน การประท้วงมันเป็นสัญญาณของปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในสังคมอเมริกันและระบบของอเมริกา

เขากล่าวเสริมว่า การประท้วงจะดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงมากขึ้น และถ้าหากถูกปราบปรามโดยใช้ความรุนแรงแล้ว มันก็จะกลับมาปะทุใหม่อีกครั้ง และจะเกิดขึ้นซ้ำๆหลายครั้ง จนกว่าสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสหภาพโซเวียต

นอกจากนี้ ฮัสซัน ซาเล็ม สมาชิกรัฐสภาอิรักอีกคน ตั้งคำถามว่า ตอนนี้เราต้องถามรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯว่าสิทธิมนุษยชนอยู่ที่ไหน? ประชาธิปไตยอเมริกันหมายถึงการสังหารหมู่ของผู้ประท้วงหรือ ?

https://www.mehrnews.com/news/4937611/آمریکا-هم-به-سرنوشت-شوروی-دچار-خواهد-شد

 

HUAWEI ผิดหวัง ศาลแคนาดาตัดสินส่งตัวปธ.เมิ่งหว่านโจว ให้สหรัฐฯ
.
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่นของนครแวนคูเวอร์ ศาลแขวงบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ได้อ่านคำพิพากษากรณีการส่ง เมิ่ง หว่านโจวข้ามแดน ระบุว่า เมิ่ง หว่านโจว รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการเงินของ HUAWEI มีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ความผิดตามกฎหมาย 2 ประเทศ (Double Criminality) ดังนั้นจึงต้องพิจารณาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป หมายความว่าเธอยังต้องอาศัยอยู่ที่เมืองแวนคูเวอร์ และปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัวที่เคร่งครัด ในขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีเดินหน้าต่อไป
.
ด้าน HUAWEI ได้ออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินดังกล่าว โดยเชื่อมั่นว่า เมิ่ง หว่านโจว ทายาทของ HUAWEI นั้นบริสุทธิ์ และจะให้การสนับสนุนเธอให้ได้รับอิสรภาพและได้รับคำพิพากษาที่เป็นธรรมต่อไป และหวังว่าฝ่ายตุลาการของแคนาดาจะคืนความเป็นธรรมให้กับ เมิ่ง หว่านโจวในที่สุด
.
#HUAWEI #ศาลแคนาดา #เมิ่งหว่านโจว #ChinaStory #เรื่องจีนจีน

 

‘เชฟรอน’ ปลดพนักงานกว่า 4 พันคนทั่วโลก สังเวยโควิด

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/882999

 

ภาพของซากเมืองในแคว้นยูเครน สมัยยังรวมอยู่กับสหภาพสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย เมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์เนบิล ได้เกิดการระเบิดขึ้นในทศวรรษ 2540 นอกจากสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่ามหาศาลแล้ว รังสีนิวเคลียร์ก่อให้อันตรายร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมยังคงตกค้างอยู่จนมีสภาพเป็นเมืองร้างถึงปัจจุบัน

ประเทศไทยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) บรรจุโรงไฟฟ้านิวเครียร์ไว้ในแผนงาน PPD 2010 มาตั้งแต่ ปี 2550 แต่ถูกต่อต้านมาโดยตลอด จนเมื่ออำนาจรัฐอยู่ในมือ คสช.แผนงานนี้จึงถูกปัดฝุ่นอีกครั้ง

เห็นได้จากกรรมการพลังงานแห่งชาติเริ่มเปิดประชุมทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดที่มีเป้าหมายตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ตราด ชัยนาท นครสวรรค์ อุบลราชธานี และจังหวัดในอาณาบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้านิวเครียร์อีก 20 จังหวัด คือ พัทลุง ตรัง ระนอง พังงา กระบี่ พิจิตร กำแพงเพชร ระยอง ฉะเชิงเทรา ตาก ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีษะเกษ อุทัยธานี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี จันทบุรี เพชรบุรี

ข่าวในเชิงลึก... โรงไฟฟ้านิวเครียร์ คือขยะจากเทคโนโลยีตกยุค ที่แปรสภาพจากขีปนาวุธนิวเคลียร์ของชาติมหาอำนาจมาขายให้ไทยแลนด์....ดินแดนสยามเมืองยิ้ม....ที่ยินดีต้อนรับเอาขุมนรกมาไว้ในบ้าน

คนไทยอย่ากระพริบตา❗

#GreenNewsThailand

 

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 63 นายมากาโตะ ยูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นิสสัน มอเตอร์ ญี่ปุ่น ได้มีเปิดเผยว่านโยบาย และกลยุทธ์ของนิสสันนั้น จำเป็นต้องเน้น 2 ด้าน คือลดพร้อมกระชับความซ้ำซ้อน และกระจายทรัพยากรการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับตลาด และกลุ่มสินค้าหลัก
.
โดยทางซีอีโอนิสสัน มอเตอร์ ได้กล่าวว่า สำหรับภูมิภาคอาเซียน นิสสันกำหนดให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของนิสสันเพียงหนึ่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ตัดสินใจปิดโรงงานประกอบรถยนต์นิสสัน ที่ประเทศอินโดนีเซีย และย้ายการผลิตจากอินโดนีเซียมายังประเทศไทย
.
ส่วนภูมิภาคยุโรป นิสสันกำหนดให้อังกฤษเป็นฐานการผลิต โดยเน้นไปที่โรงงานผลิตรถยนต์ ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ในขณะที่ต้องการปิดโรงงานที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ทำให้นิสสันสามารถเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์ในการผลิตมากกว่า 80% ท่ามกลางการลดกำลังการผลิต 20% และปรับลดสายการผลิตรวมถึงการปิดเครือข่ายการผลิตที่กำหนดไว้แล้ว
.
ส่วนด้านการผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ นั้น นิสสันกำหนดให้ลดจำนวนรุ่นที่จะผลิตลง 20% จาก 69 เหลือ 55 รุ่นภายในปี 2023 นอกจากนี้จะผลิตรุ่นใหม่ออกมาในทุก ๆ 4 ปี ซึ่งเป็นการลดอายุของรถรุ่นต่าง ๆ โดยเน้นผลิตรุ่นที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกอย่างเต็มที่
.
ทำให้เน้นการผลิตรถยนต์ใน 4 กลุ่มหลัก คือในกลุ่มซี กลุ่มดี กลุ่มรถไฟฟ้าทั้งคัน หรือรถอีวี และกลุ่มรถสปอร์ต โดยนิสสันยืนยันว่า จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จำนวน 12 รุ่นในอีก 18 เดือนข้างหน้า
.
ในขณะที่ผลประกอบการนิสสัน พบว่า เมื่อสิ้นปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 204,600 ล้านบาท ทำสถิติผลประกอบการที่ย่ำแย่ในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2009 สำหรับยอดการผลิตรถยนต์นิสสันทั่วโลกในเดือนเมษายนตกต่ำอย่างรุนแรง ถึง 62% ขายได้เพียง 150,338 คัน สอดรับกับยอดขายนิสสันทั่วโลก ดำดิ่งถึง -42% ในเดือนเดียวกัน
.
ซึ่งสาเหตุสำคัญก็มาจากตลาดรถยนต์สำคัญ และที่เป็นตลาดหลัก ก็คือจีนแผ่นดินใหญ่ตกต่ำในรอบเกือบ 3 ทศวรรษในปีที่แล้ว ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่ฉุดตลาดรถยนต์ทั่วโลกตกต่ำอย่างต่อเนื่อง อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนกับสกุลสำคัญที่ทำให้เปิดภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้น

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://misterban.com/whatsup/นิสสันดันไทยฐานการผลิต/
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

บีบีซี (30 พ.ค.) - การคุกคามด้วยวาจาและทำร้ายร่างกายคนเชื้อสายเอเชียตะวันออกที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ กำลังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา สะท้อนถึงความจริงอันเจ็บปวดของอัตลักษณ์คนอเมริกัน

เมื่อสหรัฐฯ เผชิญวิกฤตไวรัสระบาดที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 1 แสนคนการเป็นคนเชื้อสายเอเชียในอเมริกา ทำให้ตกเป็นเป้าของการทำร้าย หลายคนรวมถึงลิ่วด้วยรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม

ลิ่วเล่าว่า เพื่อนชาวเกาหลีของเธอคนหนึ่งถูกผู้คนรุมผลักและตะคอกใส่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็บอกให้ออกไปจากร้าน เพียงเพราะเป็นคนเอเชียและสวมหน้ากาก

คนเชื้อสายเอเชียตะวันออกในรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส เจอการเหยียดเชื้อชาติรุนแรงกว่านั้น ทั้งถูกถ่มน้ำลายใส่ โดนชกหรือเตะ รายหนึ่งถึงกับถูกมีดแทง

การทำร้ายร่างกายโดยตรง การกลั่นแกล้ง หรือทารุณทางสังคมและการเมืองที่แฝงนัยอคติเชิงต่อต้านเอเชียที่เพิ่มสูง ทำให้คนเชื้อสายเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้หลายคนตั้งคำถามว่า พวกเขาเข้าได้กับสังคมอเมริกันหรือไม่

อ่าน- https://www.bbc.com/thai/internatio...=64&at_custom1=[post+type]&at_medium=custom7#

 

ปิดทำเนียบขาว- ผู้ประท้วง ชุมนุมเรียกร้องให้ทรัมป์ลาออกจากตำแหน่ง

นิวสวีค รายงานผู้ประท้วงรวมตัวกันนอกรั้วทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ส่วนหนึ่งของการประท้วงทั่วประเทศ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ผู้เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา สหรัฐ

ผู้ประท้วงเรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และตะโกนร้องคำว่า "ผมหายใจไม่ออก"

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 คน ในรัฐมินนิโซตา สหรัฐ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากการที่ "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวดำวัย 46 ปีเสียชีวิต หลังถูกจับกุม โดยคลิปที่เผยแพร่ออกมา แสดงให้เห็นว่า นายตำรวจรายหนึ่ง ใช้หัวเข่ากดลำคอของเขาแนบกับพื้นถนน และไม่ยอมเลิกการกระทำนี้ แม้ว่า ฟลอยด์จะคร่ำครวญหลายครั้งว่า “ผมหายใจไม่ออก” และ “ได้โปรดเถอะ ผมหายใจไม่ออก” ก่อนจะเสียชีวิต

https://www.newsweek.com/white-house-lockdown-due-george-floyd-protests-outside-gates-1507533

 

จีนชี้ ไวรัสโคโรนา ไม่ได้เริ่มต้นที่ตลาดสด "ซูเปอร์สเปรดเดอร์" เข้าไปแพร่

เดอะการ์ดเดี้ยน (29 พ.ค.) - CDC จีนชี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้เริ่มต้นที่ตลาดสด แต่เป็น "ซูเปอร์สเปรดเดอร์" เข้าไปแพร่ให้คนหมู่มาก
.
ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติจีน (CDC) เผยการค้นพบหลักฐานใหม่ว่าไวรัสฯ ไม่ได้เริ่มกลายพันธุ์จากสัตว์ไปสู่ผู้คนในตลาดสดอู่ฮั่น แต่เป็นเพียงสถานที่ซึ่งมี "ซูเปอร์สเปรดเดอร์" หรือผู้แพร่เชื้อยิ่งยวดที่มีเชื้ออยู่ก่อนแล้ว เข้าไปแพร่เชื้อให้คนในตลาด
.
CDC ของจีนกล่าวว่า ตัวอย่างที่เก็บรวบรวมจากตลาด ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างสัตว์สู่มนุษย์ที่นั่น ผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศจีน ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อฯ ที่เชื่อมโยงกับตลาดสด
.
ผู้ป่วยช่วงแรกของการระบาด 41 ราย ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับตลาดสดซึ่งถูกปิดในวันที่ 1 มกราคม ด้วยประสบการณ์จากการระบาดของโรคซาร์สในปี 2545 และ 2546 ซึ่งเริ่มต้นที่สถานที่ที่คล้ายกันในมณฑลกวางตุ้ง ของจีน เชื้อจากตลาดสด จึงถูกสันนิษฐานว่าเป็นแหล่งกำเนิดที่มีเหตุผล (โคโรนาไวรัส โรคซาร์เริ่มจากค้างคาวสู่ชะมด และมนุษย์)
.
"แต่กรณีโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ไม่มีสัตว์ชนิดใดในตลาดที่ทดสอบผลบวกต่อไวรัสฯ" โคลิน คาร์ลสัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ที่ศึกษาโรคจากสัตว์สู่คนบอกกับ Live Science
.
การวิจัยที่เพิ่มมากขึ้นสนับสนุนข้อสรุปของ CDC ของจีนว่า ต้นกำเนิดของการระบาดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตลาด ไวรัสดูเหมือนว่าจะมีการหมุนเวียนในอู่ฮั่นก่อนที่จะมีการรายงานผู้ป่วย 41 ราย : งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนมกราคม พบว่า คนแรกที่ทดสอบบวกสำหรับเชื้อไวรัสฯ นั้นมีโอกาสที่จะติดเชื้อตั้งแต่ ในวันที่ 1 ธันวาคมจากนั้นแสดงอาการเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม การศึกษายังพบว่า 13 กรณีจาก 41 กรณีแรกไม่มีการเชื่อมโยงกับตลาดสด
.
ตามรายงานของ South China Morning Post เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ ตอนนี้ ยังไม่ได้รับการยืนยัน "ผู้ติดเชื้อรายแรก" แต่จากการสืบย้อน มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นชายอายุ 55 ปี จากมณฑลหูเป่ยของจีนซึ่งติดเชื้อฯ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
.
คาร์ลสันบอกกับ Live Science ว่าตลาดสดอู่ฮั่นอาจเป็นเพียงแค่สถานที่แรกที่มี "ซูเปอร์สเปรดเดอร์" ในช่วงต้น ซึ่งคนหนึ่งคนสามารถแพร่เชื้อให้คนได้มาก เช่นเดียวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอื่น ๆ ทั่วโลก อาทิ โบสถ์ ในเมืองแทกู ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีผู้ติดเชื้อ 1 คน แพร่เชื้อต่ออย่างน้อย 43 คน
.
รายงานข่าวกล่าวถึงคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของการระบาดใหญ่ ได้ก่อให้เกิดทฤษฎีมากมาย มีผู้สงสัยว่าไวรัสฯ อาจรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการท้องถิ่นโดยบังเอิญ คือสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ที่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา
.
แต่นักวิจัยทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีนั้น
.
หวัง หยานอี้ ผู้อำนวยการสถาบันบอกกับซีซีทีวี จีน ในช่วงสุดสัปดาห์ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นมีความแตกต่างทางพันธุกรรมจากไวรัสทุกชนิดที่มีการศึกษาในสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น
.
ด้าน สือ เจิ้งหลี่ นักไวรัสวิทยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องโคโรนาไวรัสในค้างคาวจีน บอกกับ Scientific American ในเดือนมีนาคมว่า เธอได้เทียบจีโนม ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พบว่าไม่สามารถจับคู่ข้อมูลพันธุกรรม กับไวรัสโคโรนาของค้างคาว ที่มีอยู่ในการรวบรวมของเธอ

............................

ภาพ/ข่าว -
1. The Chinese CDC now says the coronavirus didn't jump to people at the Wuhan wet market — instead, it was the site of a superspreader event (https://www.businessinsider.com/)
2. The coronavirus didn't really start at that Wuhan 'wet market' (https://www.livescience.com/)
3. Coronavirus DIDN'T start in Wuhan wet market (twnews.co.uk)

 

พี่ชาย ฟลอยด์ เหยื่อเหยียดสีผิวในอเมริกา ย้ำ : ผมต้องการให้ประหารชีวิตฆาตกรฆ่าน้องชายของผม

พี่ชายของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากการเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกา ได้ออกวิดีโอเรียกร้องความยุติธรรมและการประหารชีวิตฆาตกรน้องชายของเขา

เขากล่าวในคลิปวิดีโอ ว่า ผมตื่นขึ้นมาและได้ยินข่าว คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย รู้สึกเสียใจมาก ผมลุกขึ้นไปทำงาน พลางร้องไห้เสียใจไปด้วย ภรรยาของผมโทรหาผมและบอกเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่สามารถยอมรับได้
เพราะผมไม่เข้าใจ เขาจึงพูดต่อว่าน้องชายของผมตายแล้ว ผมก็พูดว่า "อะไรนะ" ? ไม่ๆ....ไม่เป็นจริง!” "แต่จากนั้นผมรู้ว่าเขาถูกฆ่า ด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยบริการประชาชน"

พี่ชายของ จอร์จ ฟลอยด์ กล่าวว่า “ ไม่.. ผมไม่อาจที่จะนิ่งเฉยและใจเย็นได้ ผมต้องการความยุติธรรมและผมจะไม่นิ่งเงียบจนกว่าฆาตกรจะได้รับโทษประหารชีวิต ผมรู้ว่า [เจ้าหน้าที่ตำรวจ] ถูกไล่ออก และนี่คือขั้นตอนแรก แต่ว่าพวกเขาก็จะไปยังประเทศอื่นและทำงานที่นั่น แต่สิ่งที่ผมต้องการก็คือการประหารชีวิต (ฆาตกร) เพราะเขาฆ่าน้องชายของผม ผมต้องการความยุติธรรม และไม่ต้องการให้พวกคุณปล่อยตำรวจที่ก่อเหตุลอยนวล ผมต้องการโทษประหารสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสี่คน ผมไม่ได้นอนมาสี่คืนแล้ว แต่ตำรวจเหล่านั้นอยู่ที่บ้านและนอนหลับสบาย ไม่...ผมไม่อาจรับได้ พวกเขาควรถูกจับกุมในคืนนี้”

https://www.yjc.ir/fa/news/7372130/فیلونیز-فلوید-حکم-اعدام-قاتلان-برادرم-را-می‌گیرم-فیلم

 

ด่วน... ผู้ชุมนุมประท้วงในอเมริกา ถูกยิง เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

ผู้ชุมนุมประท้วงหนึ่งคนในรัฐมิชิแกน ถูกยิงเสียชีวิตหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเมืองต่างๆของสหรัฐ

รายงานจากสำนักข่าว ยูโรนิวส์ ว่า ถนนในเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งในสหรัฐฯเป็นฉากของการประท้วงเมื่อคืนวันศุกร์ จากเหตุการณ์ที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อคนผิวสี

ตำรวจเมืองดีทรอยต์ในรัฐมิชิแกนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายในกลุ่มผู้ประท้วงจากการที่ตำรวจยิงใส่บรรดาผู้ชุมนุมประท้วง

https://www.tasnimnews.com/fa/news/...-ناآرامی-ها-در-شهرهای-آمریکا-یک-معترض-کشته-شد